ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
-
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
โพสต์ที่ 1
ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
ดร.โสภณ พรโชคชัย*
ทุกท่านคงเคยได้ยินคำว่าความพอเพียงกันมามากพอสมควร วันนี้ผมจะเล่าจากประสบการณ์จริงของผมบ้างครับ เพื่อให้เห็นความพอเพียงที่แท้ที่พวกข้าราชการระดับสูง ๆ ต่างหากที่ควรน้อมนำไปปฏิบัติ
เรื่องก็คือ ผมได้รับมอบหมายจากสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทยในฐานะรองประธานให้ไปประชุม UN Global Compact ขององค์การสหประชาชาติ ที่สภาฯ เป็นองค์กรผู้แทนในประเทศไทย และผมเป็นคนประสานงานกับองค์การสหประชาชาติในเรื่องนี้ การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในระหว่างวันที่ 16-20 พฤษภาคม ศกนี้
ตอนแรกผมก็คิดจะใช้บริการบินตรง 11 ชั่งโมงครึ่งของการบินไทยครับ แต่ค่าตั๋วชั้นประหยัดราคา 48,000 บาท ผมเลยเปลี่ยนใจไปใช้กาตาร์แอร์เวย์ ซึ่งค่าตั๋วอยู่ที่ 38,000 บาท แต่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโดฮาประมาณสองชั่วโมง ทำให้เวลาเดินทาง 13 ชั่วโมง แต่ผมก็ยินดีครับเพื่อประหยัดเงินให้สภาฯ บางท่านอาจอยากถามว่าแล้วทำไมผมไม่ออกเองล่ะ ผมก็คงตอบว่า งานนี้ผมช่วยด้วยการสละเวลาทำมาหากินไป 5 วันเต็มครับ
สำหรับกาตาร์แอร์เวย์ เครื่องบินก็ใหม่ อาหารดี ดนตรีไพเราะ พร้อมมีภาพยนตร์ให้ดูนับร้อยเรื่อง บริการก็ไม่แพ้ (ไม่อยากบอกว่าชนะ) การบินไทย แอร์โฮสเตสก็มีหลายสัญชาติ ให้บริการใกล้ชิดกับลูกค้าได้หลายภาษา และก็มีอายุไม่มาก เหมาะกับงานแบบนี้ ต่างกับสายการบินบางแห่งที่แอร์ฯ ชราจนน่าเป็นห่วง ซึ่งคงเป็นเพราะ (จำต้อง) เอาใจแอร์ (ลูกจ้าง) มากกว่าจะยึดเอาประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง ท่านทราบไหม ข้าราชการถูกกำหนดให้ใช้การบินไทย นี่ถ้าไม่กำหนดไว้ ป่านนี้การบินไทยจะอยู่รอดหรือไม่
ยิ่งถ้าเป็นข้าราชการระดับสูงยังได้สิทธิบินชั้นธุรกิจที่ค่าตั๋วเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 3 เท่า (ราคา 130,000 บาท) อันที่จริงถ้าเราเกรงว่าพวกข้าราชการระดับสูงจะเหนื่อยเกินไป ก็น่าให้เขาบินล่วงหน้าสัก 1 วัน และเมื่อกลับก็ให้หยุดงานได้ 1 วัน จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินมากมาย แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้าให้พวกเขาเดินทางก่อน 1 วัน พวกเขาอาจใช้เวลาดังกล่าวไป “ช็อบสนั่น” หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งมากกว่านอนพักหรือไม่
ผมเองเดินทางไปอเมริกาปีละ 2 ครั้ง เสียค่าเครื่องบินครั้งละ 65,000 บาท ผมยังเสียดายเงินนัก ผมมักพูดเล่นออกบ่อย ๆ ว่า ถ้ามีตั๋วยืน 10,000 บาท ผมซึ่งอายุปูนนี้ยังจะยอมยืนสัก 17 ชั่วโมงเพราะสามารถประหยัดได้ถึง 55,000 บาท ผมไปรับจ้างพวกองค์การระหว่างประเทศบรรยายหรือทำวิจัย ก็ได้วันละราว ๆ นี้
ทางออกอีกทางหนึ่งในการประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็คือ การเสนอให้ข้าราชการระดับสูงที่มีสิทธินั่งตั๋วธุรกิจ ให้มีทางเลือกว่า ถ้าไม่นั่ง ส่วนต่างได้กันคนละครึ่ง คือข้าราชการผู้นั้นได้ครึ่งและคืนคลังหลวงอีกครึ่ง ผมเชื่อว่าข้าราชการหลายคนอาจยินดีรับเงินเพิ่ม ทำให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินไปอีกมาก และในปัจจุบัน ข้าราชการระดับสูง ๆ ก็ยังได้เบี้ยเลี้ยง ค่าแต่งตัวสำหรับตนเองและคู่ครอง และอื่น ๆ อีกต่างหากเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ
ในเรื่องค่าที่พัก เราควรให้ข้าราชการได้รับค่าที่พักแบบประหยัดก็พอเพราะเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งนั้น การให้ข้าราชการระดับสูงหรือบอร์ดรัฐวิสาหกิจไปต่างประเทศแบบหรูหรา ใช้เงินนับสิบล้านบาท ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินและไม่ได้เจริญรอยตามหลักความพอเพียงเลย ข้าราชการไม่พึงอ้างศักดิ์ศรีของประเทศเพราะความจริงอาจกลัวเสียโอกาสเสพสุขเกินพอเพียงต่างหาก สำหรับการเดินทางของผมในครั้งนี้ ผมยังประหยัดกว่ามาตรฐานอีก ผมจองห้องพักแบบนอนรวม 6 เตียง ค่าที่พักตกเป็นเงินคืนละ 1,700 บาทเท่านั้น แต่ถ้าผมพักแบบปกติก็คงต้องเสียค่าที่พักคืนละ 4,000-8,000 บาท
ท่านเชื่อหรือไม่คืนแรกผมโชคดีได้พักกันเพียง 2 คน มีผมกับสาวสวยชาวเกาหลี ซึ่งดูเธอก็ตกใจเล็กน้อยที่มาพักกับชายแปลกหน้าสองต่อสอง แต่ที่เดนมาร์ก เขาไม่ถือเรื่องเพศ คืนแรกผ่านไปด้วยดี คืนที่สองมีสาวสวยชาวจีนอีก 2 คนมาพักด้วย คืนที่สามมีหนุ่มญี่ปุ่นมาอีก 1 ราย ส่วนคืนสุดท้ายได้ปู่อายุ 70 ปีชาวเบลเยียมมานอนครบ 6 เตียงพอดี โชคร้ายหน่อยที่ปู่แกกรนหนัก
ผมยังถือปฏิบัติ “ยิ่งกว่าความพอเพียง” อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การเดินทางระหว่างโรงแรมที่พักกับที่ประชุม ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน 3.5 กิโลเมตร มีทางเลือกหลายทาง เช่น นั่งแท็กซี่ รถไฟ หรือรถประจำทาง ซึ่งก็ยังต้องเดินอีกพอสมควร หรือไม่ก็เช่ารถจักรยานสองล้อ ซึ่งผมขี่เป็นประจำตอนเรียนอยู่เบลเยียมเมื่อ 25 ปีก่อน แต่ตอนนี้คงไม่ไหวแล้ว สุดท้ายผมเลือกการเดินครับ ผมเดินวันละประมาณ 8-10 กิโลเมตร เพื่อไปประชุมและเดินชมเมือง บางวันที่เดิน ผมถือร่มด้วยเพราะฝนตก แต่วันหลัง ๆ ฟ้าโปร่งก็เลยสบาย
ผมไม่อายที่เล่าเรื่องข้างต้นให้ฟังเพราะฝรั่งเองก็ใช้ชีวิตแบบนี้ แม้เรามีฐานะที่ดีกว่าแต่ก็ควรอยู่อย่าง “ติดดิน” บ้าง จะได้ไม่กลายเป็นศักดินาบนหอคอยที่ไม่เห็นหัวของปุถุชน อย่างไรก็ตามสาระสำคัญที่ผมอยากบอกก็คือ พวกข้าราชการใหญ่โตที่ควรน้อมนำความพอเพียงมาใช้ กลับไม่นำพา พวกเขาอ้างว่าทำงานรับใช้ประชาชนและราชบัลลังก์ แต่กลับเสพสุขกันโดยใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชนอย่างสุรุ่ยสุร่าย เรื่องนี้ไม่มีใครคิดแก้ไขเพราะต่างเป็นอภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยที่ได้รับแจกจ่ายประโยชน์กันถ้วนหน้า และนับวันประโยชน์เหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ในทางตรงกันข้ามหน่วยงานของรัฐกลับพยายามประชาสัมพันธ์เรื่องความพอเพียงอย่างเป็นบ้าเป็นหลังให้กับประชาชนนำไปปฏิบัติกันฝ่ายเดียว
เชิญฟังเสวนาวิชาการรายเดือนครั้งที่ 104 (ฟรี)
"ประสบการณ์การศึกษาการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาเซียน"
วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2554 เวลา 13:00-16:00 น. ณ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
คลิ๊กดูรายละเอียดตามนี้
http://www.thaiappraisal.org/thai/monthly/monthly.php
หรือโทร. 0.2295.3171 คุณธันยมัย
ดร.โสภณ พรโชคชัย*
ทุกท่านคงเคยได้ยินคำว่าความพอเพียงกันมามากพอสมควร วันนี้ผมจะเล่าจากประสบการณ์จริงของผมบ้างครับ เพื่อให้เห็นความพอเพียงที่แท้ที่พวกข้าราชการระดับสูง ๆ ต่างหากที่ควรน้อมนำไปปฏิบัติ
เรื่องก็คือ ผมได้รับมอบหมายจากสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทยในฐานะรองประธานให้ไปประชุม UN Global Compact ขององค์การสหประชาชาติ ที่สภาฯ เป็นองค์กรผู้แทนในประเทศไทย และผมเป็นคนประสานงานกับองค์การสหประชาชาติในเรื่องนี้ การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในระหว่างวันที่ 16-20 พฤษภาคม ศกนี้
ตอนแรกผมก็คิดจะใช้บริการบินตรง 11 ชั่งโมงครึ่งของการบินไทยครับ แต่ค่าตั๋วชั้นประหยัดราคา 48,000 บาท ผมเลยเปลี่ยนใจไปใช้กาตาร์แอร์เวย์ ซึ่งค่าตั๋วอยู่ที่ 38,000 บาท แต่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโดฮาประมาณสองชั่วโมง ทำให้เวลาเดินทาง 13 ชั่วโมง แต่ผมก็ยินดีครับเพื่อประหยัดเงินให้สภาฯ บางท่านอาจอยากถามว่าแล้วทำไมผมไม่ออกเองล่ะ ผมก็คงตอบว่า งานนี้ผมช่วยด้วยการสละเวลาทำมาหากินไป 5 วันเต็มครับ
สำหรับกาตาร์แอร์เวย์ เครื่องบินก็ใหม่ อาหารดี ดนตรีไพเราะ พร้อมมีภาพยนตร์ให้ดูนับร้อยเรื่อง บริการก็ไม่แพ้ (ไม่อยากบอกว่าชนะ) การบินไทย แอร์โฮสเตสก็มีหลายสัญชาติ ให้บริการใกล้ชิดกับลูกค้าได้หลายภาษา และก็มีอายุไม่มาก เหมาะกับงานแบบนี้ ต่างกับสายการบินบางแห่งที่แอร์ฯ ชราจนน่าเป็นห่วง ซึ่งคงเป็นเพราะ (จำต้อง) เอาใจแอร์ (ลูกจ้าง) มากกว่าจะยึดเอาประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง ท่านทราบไหม ข้าราชการถูกกำหนดให้ใช้การบินไทย นี่ถ้าไม่กำหนดไว้ ป่านนี้การบินไทยจะอยู่รอดหรือไม่
ยิ่งถ้าเป็นข้าราชการระดับสูงยังได้สิทธิบินชั้นธุรกิจที่ค่าตั๋วเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 3 เท่า (ราคา 130,000 บาท) อันที่จริงถ้าเราเกรงว่าพวกข้าราชการระดับสูงจะเหนื่อยเกินไป ก็น่าให้เขาบินล่วงหน้าสัก 1 วัน และเมื่อกลับก็ให้หยุดงานได้ 1 วัน จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินมากมาย แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้าให้พวกเขาเดินทางก่อน 1 วัน พวกเขาอาจใช้เวลาดังกล่าวไป “ช็อบสนั่น” หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งมากกว่านอนพักหรือไม่
ผมเองเดินทางไปอเมริกาปีละ 2 ครั้ง เสียค่าเครื่องบินครั้งละ 65,000 บาท ผมยังเสียดายเงินนัก ผมมักพูดเล่นออกบ่อย ๆ ว่า ถ้ามีตั๋วยืน 10,000 บาท ผมซึ่งอายุปูนนี้ยังจะยอมยืนสัก 17 ชั่วโมงเพราะสามารถประหยัดได้ถึง 55,000 บาท ผมไปรับจ้างพวกองค์การระหว่างประเทศบรรยายหรือทำวิจัย ก็ได้วันละราว ๆ นี้
ทางออกอีกทางหนึ่งในการประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็คือ การเสนอให้ข้าราชการระดับสูงที่มีสิทธินั่งตั๋วธุรกิจ ให้มีทางเลือกว่า ถ้าไม่นั่ง ส่วนต่างได้กันคนละครึ่ง คือข้าราชการผู้นั้นได้ครึ่งและคืนคลังหลวงอีกครึ่ง ผมเชื่อว่าข้าราชการหลายคนอาจยินดีรับเงินเพิ่ม ทำให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินไปอีกมาก และในปัจจุบัน ข้าราชการระดับสูง ๆ ก็ยังได้เบี้ยเลี้ยง ค่าแต่งตัวสำหรับตนเองและคู่ครอง และอื่น ๆ อีกต่างหากเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ
ในเรื่องค่าที่พัก เราควรให้ข้าราชการได้รับค่าที่พักแบบประหยัดก็พอเพราะเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งนั้น การให้ข้าราชการระดับสูงหรือบอร์ดรัฐวิสาหกิจไปต่างประเทศแบบหรูหรา ใช้เงินนับสิบล้านบาท ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินและไม่ได้เจริญรอยตามหลักความพอเพียงเลย ข้าราชการไม่พึงอ้างศักดิ์ศรีของประเทศเพราะความจริงอาจกลัวเสียโอกาสเสพสุขเกินพอเพียงต่างหาก สำหรับการเดินทางของผมในครั้งนี้ ผมยังประหยัดกว่ามาตรฐานอีก ผมจองห้องพักแบบนอนรวม 6 เตียง ค่าที่พักตกเป็นเงินคืนละ 1,700 บาทเท่านั้น แต่ถ้าผมพักแบบปกติก็คงต้องเสียค่าที่พักคืนละ 4,000-8,000 บาท
ท่านเชื่อหรือไม่คืนแรกผมโชคดีได้พักกันเพียง 2 คน มีผมกับสาวสวยชาวเกาหลี ซึ่งดูเธอก็ตกใจเล็กน้อยที่มาพักกับชายแปลกหน้าสองต่อสอง แต่ที่เดนมาร์ก เขาไม่ถือเรื่องเพศ คืนแรกผ่านไปด้วยดี คืนที่สองมีสาวสวยชาวจีนอีก 2 คนมาพักด้วย คืนที่สามมีหนุ่มญี่ปุ่นมาอีก 1 ราย ส่วนคืนสุดท้ายได้ปู่อายุ 70 ปีชาวเบลเยียมมานอนครบ 6 เตียงพอดี โชคร้ายหน่อยที่ปู่แกกรนหนัก
ผมยังถือปฏิบัติ “ยิ่งกว่าความพอเพียง” อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การเดินทางระหว่างโรงแรมที่พักกับที่ประชุม ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน 3.5 กิโลเมตร มีทางเลือกหลายทาง เช่น นั่งแท็กซี่ รถไฟ หรือรถประจำทาง ซึ่งก็ยังต้องเดินอีกพอสมควร หรือไม่ก็เช่ารถจักรยานสองล้อ ซึ่งผมขี่เป็นประจำตอนเรียนอยู่เบลเยียมเมื่อ 25 ปีก่อน แต่ตอนนี้คงไม่ไหวแล้ว สุดท้ายผมเลือกการเดินครับ ผมเดินวันละประมาณ 8-10 กิโลเมตร เพื่อไปประชุมและเดินชมเมือง บางวันที่เดิน ผมถือร่มด้วยเพราะฝนตก แต่วันหลัง ๆ ฟ้าโปร่งก็เลยสบาย
ผมไม่อายที่เล่าเรื่องข้างต้นให้ฟังเพราะฝรั่งเองก็ใช้ชีวิตแบบนี้ แม้เรามีฐานะที่ดีกว่าแต่ก็ควรอยู่อย่าง “ติดดิน” บ้าง จะได้ไม่กลายเป็นศักดินาบนหอคอยที่ไม่เห็นหัวของปุถุชน อย่างไรก็ตามสาระสำคัญที่ผมอยากบอกก็คือ พวกข้าราชการใหญ่โตที่ควรน้อมนำความพอเพียงมาใช้ กลับไม่นำพา พวกเขาอ้างว่าทำงานรับใช้ประชาชนและราชบัลลังก์ แต่กลับเสพสุขกันโดยใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชนอย่างสุรุ่ยสุร่าย เรื่องนี้ไม่มีใครคิดแก้ไขเพราะต่างเป็นอภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยที่ได้รับแจกจ่ายประโยชน์กันถ้วนหน้า และนับวันประโยชน์เหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ในทางตรงกันข้ามหน่วยงานของรัฐกลับพยายามประชาสัมพันธ์เรื่องความพอเพียงอย่างเป็นบ้าเป็นหลังให้กับประชาชนนำไปปฏิบัติกันฝ่ายเดียว
เชิญฟังเสวนาวิชาการรายเดือนครั้งที่ 104 (ฟรี)
"ประสบการณ์การศึกษาการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาเซียน"
วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2554 เวลา 13:00-16:00 น. ณ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
คลิ๊กดูรายละเอียดตามนี้
http://www.thaiappraisal.org/thai/monthly/monthly.php
หรือโทร. 0.2295.3171 คุณธันยมัย
- canuseeme
- Verified User
- โพสต์: 302
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
โพสต์ที่ 4
ผมชอบ อ่าน บทความ ด็อกเตอร์ นะครับ
แต่ บางส่วน ในบทความนี้ผมไม่เห็นด้วย
โดยเฉพาะในส่วนที่ บอกว่า รัฐให้มาเท่านี้ แต่ ท่านใช้ น้อย กว่า
ผม คิดว่ามันไม่ใช้การแก้ปัญหาที่ถาวร กลับ จะสร้างปัญหาให้มากกว่า เดิม ผมหมายถึง ต่อให้ ท่านไม่ใช่ คนอื่นก็มาใช้อยู่ดี
แก้โดยการใช้ตามที่กำหนด แล้วแสดงความคุ้มค่า ในการเดิน ทางครั้ง นี้ให้ประจักษ์ ออกมา แสดง ออกมาให้เห็นเลย ว่า ท่านใช้จ่าย เท่านี้ แต่ ผลตอบกลับ สู่ประเทศชาตินั้น คุ้มกว่า
คุ้มกว่า มาใช้น้อย แล้วแสดงความพอเพียง ยังงี้ จะสร้าง ความขัดแย้ง ต่อ บุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง นะครับ
ความคิดเห็น ส่วนตัว 100% หากไม่ถูกใจขออภัย อย่างสูง พร้อมให้ MOD ลบข้อคิดเห็น นี้ทันที
แต่ บางส่วน ในบทความนี้ผมไม่เห็นด้วย
โดยเฉพาะในส่วนที่ บอกว่า รัฐให้มาเท่านี้ แต่ ท่านใช้ น้อย กว่า
ผม คิดว่ามันไม่ใช้การแก้ปัญหาที่ถาวร กลับ จะสร้างปัญหาให้มากกว่า เดิม ผมหมายถึง ต่อให้ ท่านไม่ใช่ คนอื่นก็มาใช้อยู่ดี
แก้โดยการใช้ตามที่กำหนด แล้วแสดงความคุ้มค่า ในการเดิน ทางครั้ง นี้ให้ประจักษ์ ออกมา แสดง ออกมาให้เห็นเลย ว่า ท่านใช้จ่าย เท่านี้ แต่ ผลตอบกลับ สู่ประเทศชาตินั้น คุ้มกว่า
คุ้มกว่า มาใช้น้อย แล้วแสดงความพอเพียง ยังงี้ จะสร้าง ความขัดแย้ง ต่อ บุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง นะครับ
ความคิดเห็น ส่วนตัว 100% หากไม่ถูกใจขออภัย อย่างสูง พร้อมให้ MOD ลบข้อคิดเห็น นี้ทันที
ปัญญาไม่มีในผู้ไม่พิจารณา
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
โพสต์ที่ 8
ดีครับ เป็นบุคคลที่ก้มหน้าก้มตาทำดีด้วยตนเองไม่ต้องมีใครมาเรียกร้อง
เป็นผู้สามารถให้กำลังใจแก่ตนเองได้ ถึงแม้ว่าไม่มีใครให้กำลังใจ ไม่มีใครเเห็นคุณค่า
หรือแม้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่คิดที่จะทำ
คล้ายๆวีไอนะ แวยู้ ดีครับ
เป็นผู้สามารถให้กำลังใจแก่ตนเองได้ ถึงแม้ว่าไม่มีใครให้กำลังใจ ไม่มีใครเเห็นคุณค่า
หรือแม้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่คิดที่จะทำ
คล้ายๆวีไอนะ แวยู้ ดีครับ
Rabbit VS. Turtle
-
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อคิดดี ๆ ถ้าประเทศไทยมีคนคิดแบบเนี่ยเยอะ ๆ ก็คงจะดี ทำให้ประเทศเราเจริญและพัฒนามากขึ้น
กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่เคยมีอะไรได้มาง่าย ๆ แต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของมุนษย์อย่างเราๆ ได้เช่นกัน
กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่เคยมีอะไรได้มาง่าย ๆ แต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของมุนษย์อย่างเราๆ ได้เช่นกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 1401
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
โพสต์ที่ 10
แปลกแต่จริง คนคิดอย่างนี้กับกลายเป็นคนแปลกในสมัยนี้ ในหลวงท่านทรงประหยัด ทุกคนก็ชื่นชมในหลวง จะมีสักกี่คนที่ทำตามท่าน ผมไปทำธุระที่ธนาคารที่ห่างจากร้านประมาณ 700-800 เมตร ใช้วิธีเดินเอา พนักงานที่รู้จักถามว่าเอารถมาเหรอ ผมบอกว่าเปล่า เดินมา เค้าร้องโอ้โห ไกลนะ ผมบอกว่าไม่ไกลเลย
ผมกินข้าวกับครอบครัว มีผักเป็นส่วนใหญ่ กับข้าวสุขภาพทั้งนั้น (ที่บ้านทำกับข้าวเอง ไม่ค่อยไปกินนอกบ้านหรือซื้อมากิน) เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว คนระดับ ผอ. โรงเรียนเข้ามาทำธุระในร้าน มาเห็นผมกินข้าวก็ทักว่า โห.. กินอย่างนี้รวยตายเลย (คือความหมายก็คือ เค้าคิดว่าผมกินเขียม) ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พูดกับแฟนว่า คนเค้ามองเราอย่างนั้นจริงๆหรือ เพราะเรากินอาหารสุขภาพ ไม่ใช่ทุกมื้อจะต้องกินเป็ดกินไก่ กินกุ้งตัวใหญ่ๆ เถ้าแก่คนจีน ไม่ต้องอะไร ไปดูที่สำเพ็งก็ได้ เค้ากินข้าวกลางวันกันคนจะจานเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น ตามธรรมเนียมของคนจีนสมัยก่อนคือ กินให้น้อย ทำงานให้มาก แต่สมัยนี้คนลืมธรรมเนียมแบบนี้กันไปแล้ว
ขอบคุณสำหรับข้อความครับ ที่เตือนสติให้ผมได้เห็นว่า ยังมีคนที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และให้ความคิดผม ว่าตัวเองก็ไม่ได้ประพฤติตัวแบบนี้คนเดียว อยากให้มีคนแบบนี้เยอะๆครับ
ผมกินข้าวกับครอบครัว มีผักเป็นส่วนใหญ่ กับข้าวสุขภาพทั้งนั้น (ที่บ้านทำกับข้าวเอง ไม่ค่อยไปกินนอกบ้านหรือซื้อมากิน) เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว คนระดับ ผอ. โรงเรียนเข้ามาทำธุระในร้าน มาเห็นผมกินข้าวก็ทักว่า โห.. กินอย่างนี้รวยตายเลย (คือความหมายก็คือ เค้าคิดว่าผมกินเขียม) ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พูดกับแฟนว่า คนเค้ามองเราอย่างนั้นจริงๆหรือ เพราะเรากินอาหารสุขภาพ ไม่ใช่ทุกมื้อจะต้องกินเป็ดกินไก่ กินกุ้งตัวใหญ่ๆ เถ้าแก่คนจีน ไม่ต้องอะไร ไปดูที่สำเพ็งก็ได้ เค้ากินข้าวกลางวันกันคนจะจานเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น ตามธรรมเนียมของคนจีนสมัยก่อนคือ กินให้น้อย ทำงานให้มาก แต่สมัยนี้คนลืมธรรมเนียมแบบนี้กันไปแล้ว
ขอบคุณสำหรับข้อความครับ ที่เตือนสติให้ผมได้เห็นว่า ยังมีคนที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และให้ความคิดผม ว่าตัวเองก็ไม่ได้ประพฤติตัวแบบนี้คนเดียว อยากให้มีคนแบบนี้เยอะๆครับ
- Packky
- Verified User
- โพสต์: 856
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณสำหรับบทความมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 164
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
โพสต์ที่ 13
เม่าคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ฮะcanuseeme เขียน:ผมชอบ อ่าน บทความ ด็อกเตอร์ นะครับ
แต่ บางส่วน ในบทความนี้ผมไม่เห็นด้วย
โดยเฉพาะในส่วนที่ บอกว่า รัฐให้มาเท่านี้ แต่ ท่านใช้ น้อย กว่า
ผม คิดว่ามันไม่ใช้การแก้ปัญหาที่ถาวร กลับ จะสร้างปัญหาให้มากกว่า เดิม ผมหมายถึง ต่อให้ ท่านไม่ใช่ คนอื่นก็มาใช้อยู่ดี
แก้โดยการใช้ตามที่กำหนด แล้วแสดงความคุ้มค่า ในการเดิน ทางครั้ง นี้ให้ประจักษ์ ออกมา แสดง ออกมาให้เห็นเลย ว่า ท่านใช้จ่าย เท่านี้ แต่ ผลตอบกลับ สู่ประเทศชาตินั้น คุ้มกว่า
คุ้มกว่า มาใช้น้อย แล้วแสดงความพอเพียง ยังงี้ จะสร้าง ความขัดแย้ง ต่อ บุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง นะครับ
ความคิดเห็น ส่วนตัว 100% หากไม่ถูกใจขออภัย อย่างสูง พร้อมให้ MOD ลบข้อคิดเห็น นี้ทันที
การเริ่มต้นทุกคนคาดการณ์การกระทำว่าจะมีผลกระทบอย่างไรกับสังคม
1 คน 1 แนวทาง แนวทางของพี่ canuseeme อาจจะดีกว่าหรือไม่ดีกว่า ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ท่าน ดร.เป็นอีกคนที่เริ่มต้นแนวทางพอเพียงจากตัวเอง และบอกต่อ
เป็นการเริ่มต้นที่ดีฮะ
วันนึงผมจะเป็นแมงเม่าที่ยิ่งใหญ่ฮะ !!!
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
โพสต์ที่ 15
ผมก้ออยู่วงการตะหานคับisaaner เขียน:ผมอยู่วงการทหาร ความสุรุ่ยสุร่ายมีมากกว่านี้หลายเท่า เห็นแล้วเหนื่อยใจเหมือนกันครับกับพวกนายทหารระดับสูง
แระถ้าป๋มได้ส่วนแบ่งผลต่างค่าเดินทาง ป๋มก็ยินดีรับคับ
เพราะป๋มก้ออยากช้อปปิ้งคับ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.