สอบถามเกี่ยวกับ หุ้น EARTH
- kabu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเกี่ยวกับ หุ้น EARTH
โพสต์ที่ 2
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
- sialic
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเกี่ยวกับ หุ้น EARTH
โพสต์ที่ 3
new user
- sialic
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเกี่ยวกับ หุ้น EARTH
โพสต์ที่ 4
new user
- sialic
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเกี่ยวกับ หุ้น EARTH
โพสต์ที่ 5
วิเคราะห์ SWOT หุ้น EARTH ผ่านมุมมองเอ็มดีใหญ่“ขจรพงศ์ คำดี”
วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2011 บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH (เดิมชื่อ บริษัท แอ๊ดวานซ์ เพ้นท์ แอนด์เคมิเคิล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ APC) ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายถ่านหินให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 18 พ.ค.54
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีทิศทางเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากธุรกิจถ่านหินมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากผลประกอบการล่าสุด งวดไตรมาส 1/54 บริษัทมีกำไรสุทธิ 62.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.55 ล้านบาท หรือ 693% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 7.87 ล้านบาท ตามยอดขายและความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากสามารถจำหน่ายถ่านหินในปริมาณที่สูงขึ้น และราคาถ่านหินจำหน่ายเฉลี่ยต่อตันปรับตัวสูงขึ้น ตามภาวะราคาตลาดโลก
เมื่อวิเคราะห์ธุรกิจในเชิงของ SWOT โดยจุดแข็ง (Strength) ของบริษัทมี 2 ส่วน คือ 1.ความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบ เข้าใจวัฒนธรรมของคนอินโดนีเซีย จากการเข้าไปอยู่อาศัยที่อินโดนีเซีย เข้าใจในธุรกิจถ่านหิน เข้าใจวิธีการได้มาของถ่านหินที่มีคุณภาพและต่อเนื่อง จนสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ จนทุกวันนี้บริษัทมีชื่อเสียงในต่างประเทศพอสมควร และเป็นที่ยอมรับ จึงขายสินค้าในต่างประเทศได้ง่าย จัดเป็นจุดแข็งในเรื่องของซัพพลาย
2.เรื่องทีมบริหาร บริษัทมีพนักงานประมาณ 90 คน โดยมีกรรมการหลักทั้งหมด 7 ท่าน ซึ่งจะแบ่งหน้าที่ตามความถนัด ส่วนอีก 5 ท่าน เป็นกรรมการอิสระ ที่มีประสบการณ์และคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจได้ในการตรวจสอบของบริษัท และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นและตลาดได้เป็นอย่างดี โดยจะมีการหารือกันตลอด
ประกอบด้วย 1. 7 คูณ 24 โดยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่จะต้องมีการติดต่อกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยระบบการสื่อสารที่ทันสมัยของบริษัทดูตลอดเวลา และมีต้นทุนที่ประหยัด เช่น การประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ รวมถึงที่โรงงานจะมีการควบคุมด้วยระบบแบล็กเบอร์รี่ทั้งหมด ตั้งแต่ท่านประธาน รปภ. ยันคนสวน ซึ่งจะเห็นการทำงานตลอด มีการคุมงานตลอด เช่นรถทุกคันที่ออกจากโรงงานจะต้องมีการถ่ายรูปส่ง จะไปไหน ทะเบียนรถอะไร น้ำหนักกี่ตัน เพื่อให้ลูกค้าสบายใจ 2.รู้หน้าที่ของตนเอง เมื่อมีการเปลี่ยนแผน ทุกฝ่ายจะต้องมีการปรับแผนตาม 3.การตั้งขวัญและกำลังใจ เพื่อให้มีการตรวจสอบที่ดี 4.มีไอเดีย ในการลดต้นทุน สร้างกำไร และ5.มีการทำงานเป็นทีม โดยจะไม่มีการเพิ่มจำนวนพนักงาน แต่จะเป็นการเข้ามาทดแทน
จุดอ่อน (Weakness) คือ เรื่องยอดขายอันดับ 1 คือบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS ส่วนอันดับ 2 คือ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ส่วน EARTH เป็นอันดับ 3 และอันดับ 4 คือ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ซึ่งบริษัทอันดับ 1, 2 และ 4 อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
แต่ EARTH อยู่นอกตลาด ศักยภาพในการแข่งขัน เรื่องต้นทุนทางการเงิน เป็นจุดอ่อนมากกว่า 3 บริษัทในตลาด เนื่องจากสามารถระดมทุนในตลาดได้ หรือไม่มีต้นทุนเลยก็สามารถทำได้ เช่น กู้ธนาคารก็ไม่ต้องมีการค้ำประกัน และมีการเจรจาที่จะทำโปรเจ็กต์ต่างๆ ก็ดีกว่าการอยู่นอกตลาด เมื่อเข้าตลาดก็จะปรับแก้จุดอ่อนเรื่องนี้ได้ และจุดอ่อนที่ทั้ง 4 บริษัทมีเหมือนกัน คือการที่ยังไม่มีเหมืองถ่านหินของตนเอง เพราะตลาดเป็นตลาดของผู้ขาย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความมั่นใจในเรื่องของผลประกอบการของธุรกิจ และอัตราการเติบโตของธุรกิจ
โอกาส (Opportunity) คือ ความต้องการ (ดีมานด์) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งภายในและภายนอก ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ดีขึ้น ลูกค้าสั่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น ราคาถ่านหินสูงขึ้น ทำให้ขายได้มากขึ้น และน้ำมันราคาสูงขึ้น ทำให้มีการใช้ถ่านหินทดแทนน้ำมัน และเรื่องของนิวเคลียร์ที่จะยังไม่เกิดขึ้น ก็จะทำให้ดีมานด์ของถ่านหินเกิดขึ้นอีก อย่างที่จีน เคยมีการส่งออก ปัจจุบันก็มีการนำเข้าเป็นอันดับ 2 ของโลก และจะเป็นอันดับ 1 ในระยะอันใกล้ เนื่องจากมีการปิดเหมืองในจีน ซึ่งปริมาณการใช้เท่าเดิม จึงต้องมีการนำเข้า ทำให้เกิดดีมานด์ เป็นโอกาสที่ทำให้กับบริษัทมีลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนรายมากขึ้น ซึ่งทำให้มีปริมาณก็ปรับตัวขึ้นเพิ่มขึ้นตามมา และล่าสุดที่ออสเตรเลีย มีปัญหาน้ำท่วม ก็เป็นโอกาสที่จะมีลูกค้าจากทั้งเกาหลี และญี่ปุ่นเพิ่มเข้ามา จัดเป็นโอกาสที่เหมือนกับผู้ประกอบการเดียวกัน
ทั้งนี้ โอกาสที่จัดว่าได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่น คือ บริษัทมีทีมงานประจำที่อินโดนีเซีย สามารถที่จะขายที่อินโดนีเซียได้ และก็มีกรรมการที่เพิ่งจบจากเมืองจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดี สามารถสื่อสาร อย่างการเขียนสัญญาเป็นภาษาจีนได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 60% โดยมีลูกค้ารายใหญ่ประมาณ 2-3 ราย บริษัทก็มีการบริหารความเสี่ยงโดยไม่ยึดรายใดรายหนึ่ง และจะมีการเพิ่มลูกค้ารายที่ 4-5 ต่อไป ส่วนรายได้ในประเทศประมาณ 40% มีลูกค้ากว่า 100 ราย
สุดท้าย อุปสรรค (Threat) คือ เรื่องการขนส่ง ที่ไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ในด้านต้นทุน โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ต่างกับ UMS ที่มีเรือ แต่สำหรับบริษัทต้องจับมือกับเรือทางสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งถือว่าเป็นพันธมิตรกับบริษัท อย่างไรก็ตาม เรือที่ใช้ขนส่งสินค้าก็ไม่ใช้เรือของบริษัทเอง
ที่มา : http://www.kaohoon.com/daily/index.php? ... Itemid=121
วิเคราะห์ SWOT หุ้น EARTH ผ่านมุมมองเอ็มดีใหญ่“ขจรพงศ์ คำดี”
วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2011 บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH (เดิมชื่อ บริษัท แอ๊ดวานซ์ เพ้นท์ แอนด์เคมิเคิล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ APC) ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายถ่านหินให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 18 พ.ค.54
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีทิศทางเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากธุรกิจถ่านหินมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากผลประกอบการล่าสุด งวดไตรมาส 1/54 บริษัทมีกำไรสุทธิ 62.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.55 ล้านบาท หรือ 693% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 7.87 ล้านบาท ตามยอดขายและความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากสามารถจำหน่ายถ่านหินในปริมาณที่สูงขึ้น และราคาถ่านหินจำหน่ายเฉลี่ยต่อตันปรับตัวสูงขึ้น ตามภาวะราคาตลาดโลก
เมื่อวิเคราะห์ธุรกิจในเชิงของ SWOT โดยจุดแข็ง (Strength) ของบริษัทมี 2 ส่วน คือ 1.ความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบ เข้าใจวัฒนธรรมของคนอินโดนีเซีย จากการเข้าไปอยู่อาศัยที่อินโดนีเซีย เข้าใจในธุรกิจถ่านหิน เข้าใจวิธีการได้มาของถ่านหินที่มีคุณภาพและต่อเนื่อง จนสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ จนทุกวันนี้บริษัทมีชื่อเสียงในต่างประเทศพอสมควร และเป็นที่ยอมรับ จึงขายสินค้าในต่างประเทศได้ง่าย จัดเป็นจุดแข็งในเรื่องของซัพพลาย
2.เรื่องทีมบริหาร บริษัทมีพนักงานประมาณ 90 คน โดยมีกรรมการหลักทั้งหมด 7 ท่าน ซึ่งจะแบ่งหน้าที่ตามความถนัด ส่วนอีก 5 ท่าน เป็นกรรมการอิสระ ที่มีประสบการณ์และคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจได้ในการตรวจสอบของบริษัท และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นและตลาดได้เป็นอย่างดี โดยจะมีการหารือกันตลอด
ประกอบด้วย 1. 7 คูณ 24 โดยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่จะต้องมีการติดต่อกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยระบบการสื่อสารที่ทันสมัยของบริษัทดูตลอดเวลา และมีต้นทุนที่ประหยัด เช่น การประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ รวมถึงที่โรงงานจะมีการควบคุมด้วยระบบแบล็กเบอร์รี่ทั้งหมด ตั้งแต่ท่านประธาน รปภ. ยันคนสวน ซึ่งจะเห็นการทำงานตลอด มีการคุมงานตลอด เช่นรถทุกคันที่ออกจากโรงงานจะต้องมีการถ่ายรูปส่ง จะไปไหน ทะเบียนรถอะไร น้ำหนักกี่ตัน เพื่อให้ลูกค้าสบายใจ 2.รู้หน้าที่ของตนเอง เมื่อมีการเปลี่ยนแผน ทุกฝ่ายจะต้องมีการปรับแผนตาม 3.การตั้งขวัญและกำลังใจ เพื่อให้มีการตรวจสอบที่ดี 4.มีไอเดีย ในการลดต้นทุน สร้างกำไร และ5.มีการทำงานเป็นทีม โดยจะไม่มีการเพิ่มจำนวนพนักงาน แต่จะเป็นการเข้ามาทดแทน
จุดอ่อน (Weakness) คือ เรื่องยอดขายอันดับ 1 คือบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS ส่วนอันดับ 2 คือ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ส่วน EARTH เป็นอันดับ 3 และอันดับ 4 คือ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ซึ่งบริษัทอันดับ 1, 2 และ 4 อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
แต่ EARTH อยู่นอกตลาด ศักยภาพในการแข่งขัน เรื่องต้นทุนทางการเงิน เป็นจุดอ่อนมากกว่า 3 บริษัทในตลาด เนื่องจากสามารถระดมทุนในตลาดได้ หรือไม่มีต้นทุนเลยก็สามารถทำได้ เช่น กู้ธนาคารก็ไม่ต้องมีการค้ำประกัน และมีการเจรจาที่จะทำโปรเจ็กต์ต่างๆ ก็ดีกว่าการอยู่นอกตลาด เมื่อเข้าตลาดก็จะปรับแก้จุดอ่อนเรื่องนี้ได้ และจุดอ่อนที่ทั้ง 4 บริษัทมีเหมือนกัน คือการที่ยังไม่มีเหมืองถ่านหินของตนเอง เพราะตลาดเป็นตลาดของผู้ขาย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความมั่นใจในเรื่องของผลประกอบการของธุรกิจ และอัตราการเติบโตของธุรกิจ
โอกาส (Opportunity) คือ ความต้องการ (ดีมานด์) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งภายในและภายนอก ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ดีขึ้น ลูกค้าสั่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น ราคาถ่านหินสูงขึ้น ทำให้ขายได้มากขึ้น และน้ำมันราคาสูงขึ้น ทำให้มีการใช้ถ่านหินทดแทนน้ำมัน และเรื่องของนิวเคลียร์ที่จะยังไม่เกิดขึ้น ก็จะทำให้ดีมานด์ของถ่านหินเกิดขึ้นอีก อย่างที่จีน เคยมีการส่งออก ปัจจุบันก็มีการนำเข้าเป็นอันดับ 2 ของโลก และจะเป็นอันดับ 1 ในระยะอันใกล้ เนื่องจากมีการปิดเหมืองในจีน ซึ่งปริมาณการใช้เท่าเดิม จึงต้องมีการนำเข้า ทำให้เกิดดีมานด์ เป็นโอกาสที่ทำให้กับบริษัทมีลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนรายมากขึ้น ซึ่งทำให้มีปริมาณก็ปรับตัวขึ้นเพิ่มขึ้นตามมา และล่าสุดที่ออสเตรเลีย มีปัญหาน้ำท่วม ก็เป็นโอกาสที่จะมีลูกค้าจากทั้งเกาหลี และญี่ปุ่นเพิ่มเข้ามา จัดเป็นโอกาสที่เหมือนกับผู้ประกอบการเดียวกัน
ทั้งนี้ โอกาสที่จัดว่าได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่น คือ บริษัทมีทีมงานประจำที่อินโดนีเซีย สามารถที่จะขายที่อินโดนีเซียได้ และก็มีกรรมการที่เพิ่งจบจากเมืองจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดี สามารถสื่อสาร อย่างการเขียนสัญญาเป็นภาษาจีนได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 60% โดยมีลูกค้ารายใหญ่ประมาณ 2-3 ราย บริษัทก็มีการบริหารความเสี่ยงโดยไม่ยึดรายใดรายหนึ่ง และจะมีการเพิ่มลูกค้ารายที่ 4-5 ต่อไป ส่วนรายได้ในประเทศประมาณ 40% มีลูกค้ากว่า 100 ราย
สุดท้าย อุปสรรค (Threat) คือ เรื่องการขนส่ง ที่ไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ในด้านต้นทุน โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ต่างกับ UMS ที่มีเรือ แต่สำหรับบริษัทต้องจับมือกับเรือทางสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งถือว่าเป็นพันธมิตรกับบริษัท อย่างไรก็ตาม เรือที่ใช้ขนส่งสินค้าก็ไม่ใช้เรือของบริษัทเอง
ที่มา : http://www.kaohoon.com/daily/index.php? ... Itemid=121
new user
- sialic
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเกี่ยวกับ หุ้น EARTH
โพสต์ที่ 6
new user
- Seizhin
- Verified User
- โพสต์: 275
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามเกี่ยวกับ หุ้น EARTH
โพสต์ที่ 10
EARTHงานเข้าซ่าเกินตลท.สั่งซื้อขายเงินสด
หุ้น EARTH วิ่งระเริงเกินเหตุ ตลท.สั่งซื้อขายหุ้นด้วยเงินสด (Case Balance) เริ่มมีผล 6-24
มิ.ย.นี้ หลังก.ล.ต.แขวนป้ายเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ "ขจรพงศ์" ลั่นผู้บริหารไม่มีเอี่ยวทำราคาหุ้น EARTH ขึ้น
แรง เป็นเรื่องของนักลงทุนเก็งกำไรกันเอง ระบุเดินหน้าสร้างรายได้เข้าบริษัทเต็มที่
หุ้น EARTH วิ่งระเริงเกินเหตุ ตลท.สั่งซื้อขายหุ้นด้วยเงินสด (Case Balance) เริ่มมีผล 6-24
มิ.ย.นี้ หลังก.ล.ต.แขวนป้ายเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ "ขจรพงศ์" ลั่นผู้บริหารไม่มีเอี่ยวทำราคาหุ้น EARTH ขึ้น
แรง เป็นเรื่องของนักลงทุนเก็งกำไรกันเอง ระบุเดินหน้าสร้างรายได้เข้าบริษัทเต็มที่