หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 11 มิถุนายน 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในครั้งนี้ผมคิดว่าเป็นการเลือกตั้งที่น่าจับตามองมาก สาเหตุก็เพราะประการแรก มันเป็นการแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตายเพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ทุ่มเทและเสนอนโยบายที่จะเอาใจผู้ลงคะแนนส่วนใหญ่ของประเทศ ประการที่สองก็คือ นโยบายที่นำเสนอโดยพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั้น เป็นนโยบายที่อาจจะมีผลกระทบนอกจากกับประชาชนทั่วไปแล้ว มันยังจะมีผลกระทบไปถึงธุรกิจต่าง ๆ เป็นการทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญขนาดที่เรียกว่าอาจจะเปลี่ยนแปลง “โครงสร้าง” ทางเศรษฐกิจหรือการทำธุรกิจของประเทศไทย และประการสุดท้าย มันอาจจะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจหรือความน่าสนใจของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แต่ละกลุ่ม มาดูกันว่าเป็นอย่างไร
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการเสนอนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมอย่างยิ่งในแง่ที่ว่า “ถ้าคุณเลือกเราแล้ว คุณจะได้อะไร” สิ่งที่จะได้ไม่ใช่แค่นโยบายกว้าง ๆ อย่างที่เคยเป็นมา แต่เป็นสิ่งที่ชัดเจนและบอกเป็นตัวเลขได้ในหลาย ๆ ด้าน ผมคงไม่พูดถึงนโยบายทั้งหมดแต่จะพูดเฉพาะเรื่องที่ผมคิดว่าจะมีผลกระทบรุนแรงและน่าจะเกิดได้ทันทีหรือในเวลาอันสั้นมากนั่นคือนโยบายเกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำ และนโยบายอัตราภาษีนิติบุคคล เพราะนี่คือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง และนโยบายการ “รับประกันราคา” สินค้าเกษตรหลัก ๆ เช่นข้าว เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคนจำนวนมากที่เป็นเกษตรกร
ถ้าหากมีการดำเนินนโยบายตามที่ประกาศจริงหลังจากที่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน ดูเหมือนว่าสิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนก็คือ จะมีการปรับอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำเพิ่มขึ้นมากซึ่งนี่ก็น่าจะกระทบไปถึงแรงงานในระดับอื่นด้วยที่จะต้องเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย ผลก็คือ คนงานซึ่งมีอยู่จำนวนมากจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก เช่นเดียวกัน การประกันราคาพืชผลก็จะส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากมีรายได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน นี่จะส่งผลให้ผู้ใช้แรงงานและเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมากทันที เงินที่มากขึ้นนี้จะถูกนำมาใช้จ่ายซื้อสินค้าทำให้การบริโภคภายในประเทศเฟื่องฟูขึ้นมาก และสิ่งที่จะตามมาก็คือ อัตราเงินเฟ้อก็น่าจะสูงขึ้นพอสมควรทีเดียว อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อนี้ก็ไม่น่าจะสูงเกินกว่าค่าแรงที่ได้เพิ่มขึ้น ผลก็คือ คนที่มีรายได้น้อยและเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศน่าจะได้ประโยชน์ ความมั่งคั่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หันกลับมาดูธุรกิจและผู้ประกอบการทั้งหลายก็จะพบว่า ต้นทุนของสินค้าและบริการของเขาจะเพิ่มขึ้น มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณแรงงานที่พวกเขาต้องใช้ โดยทั่วไป สัดส่วนต้นทุนแรงงานของธุรกิจขนาดเล็กจะสูงกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ สัดส่วนการใช้แรงงานของธุรกิจที่ใช้เท็คโนโลยีต่ำก็จะสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ใช้เท็คโนโลยีสูง ดังนั้น ธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจที่ใช้เท็คโนโลยีต่ำก็จะถูกกระทบรุนแรงเพราะจะมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ถ้าหากว่าธุรกิจมีการแข่งขันหรือขายสินค้าหรือบริการภายในประเทศเป็นหลักและสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศไม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้อย่างจริง ๆ จัง แบบนี้ธุรกิจก็อาจจะไม่ถูกกระทบมาก เพราะเมื่อต้นทุนของธุรกิจสูงขึ้นพอ ๆ กันทุกราย พวกเขาก็สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้ซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ผลก็คือ พวกเขาก็น่าจะยังสามารถทำกำไรได้ต่อไป ธุรกิจที่ส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศนั้น ถึงแม้ต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้นมาก พวกเขาก็ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศได้ เพราะคู่แข่งของพวกเขาที่อยู่ในประเทศอื่นนั้น ไม่ได้มีต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ผู้ส่งออกน่าจะมีกำไรน้อยลงหรือบางรายอาจจะขาดทุนและไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ต่อไป ดังนั้น สิ่งที่แน่ชัดก็คือ การส่งออกของประเทศน่าจะชะลอตัวลง กำไรของบริษัทส่งออกน่าจะน้อยลง ความมั่งคั่งของผู้ส่งออกน่าจะลดลง ผู้ส่งออกเป็นผู้ที่เสียประโยชน์อย่างชัดเจน
ธุรกิจที่เน้นขายให้กับผู้บริโภคภายในประเทศนั้น บอกไม่ได้ชัดว่าเสียประโยชน์จากนโยบายเพิ่มค่าแรงและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เพราะถึงแม้ค่าแรงซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น หลาย ๆ ธุรกิจก็สามารถเพิ่มราคาขายสินค้าและบริการได้ นอกจากนั้น การที่ประชาชนมีรายได้มากขึ้นก็ทำให้พวกเขามีการซื้อมากขึ้น รายได้ของธุรกิจก็สูงขึ้น นี่ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นซึ่งก็ทำให้ธุรกิจขายสินค้าและมียอดขายสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อด้วย นอกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว หากว่ารัฐบาลลดอัตราภาษีนิติบุคคลลง ต้นทุนทางด้านภาษีก็ลดลง เมื่อประกอบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น กำไรของบริษัทก็อาจจะไม่ลดลง หรือบางทีอาจจะดีขึ้นด้วย ดังนั้น สำหรับผู้ที่ขายสินค้าหรือให้บริการภายในประเทศแล้ว พวกเขาอาจจะไม่เสียประโยชน์ หลายบริษัทอาจได้ประโยชน์ด้วยซ้ำ
หากว่าอัตราการเพิ่มของค่าแรงสูงมากพอ ผลกระทบรุนแรงพอ เราก็อาจจะได้เห็นธุรกิจโดยเฉพาะที่เป็นผู้ส่งออกบางรายอยู่ไม่ได้เพราะสินค้าที่เคยผลิตไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก การส่งออกที่เคยเป็น “เครื่องยนต์หลัก” ในการผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะมีบทบาทน้อยลง เราจะไม่ได้เห็นการส่งออกที่โตเอา ๆ ต่อเนื่องมาเป็นสิบ ๆ ปีอีกต่อไป ในอีกด้านหนึ่ง การบริโภคภายในประเทศจะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ในภาพใหญ่ของประเทศ การกระจายความมั่งคั่งของคนไทยก็จะดีขึ้นเพราะประชาชนทั่วไปจะมีรายได้มากขึ้น ในขณะที่ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยอาจจะมีรายได้น้อยลง ดังนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ผมคิดว่านโยบายที่เสนอมาก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรมากและน่าจะเป็นผลดี
ประเด็นปัญหาก็คือ ถ้าหากการเพิ่มค่าแรงและรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยนั้นสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นมากเมื่อเทียบกับผลิตภาพในการผลิตและธุรกิจและแรงงานไม่สามารถปรับตัวได้ ผลที่จะเกิดขึ้นก็อาจจะน่ากลัวและเป็นอันตรายกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว เหตุผลก็คือ การส่งออกของประเทศก็จะลดลงมาก ธุรกิจก็อาจจะต้องเลิก การจ้างงานอาจจะลดลง คนอาจจะตกงาน รายได้โดยรวมของผู้มีรายได้น้อยก็จะลดลง การบริโภคภายในประเทศก็จะลดลงตาม และดังนั้น แม้แต่ธุรกิจที่เน้นการบริโภคในประเทศเองก็อาจจะมีรายได้น้อยลง การจ้างงานก็อาจจะลดลงไปอีก สุดท้าย การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศก็จะลดลง และเมืองไทยก็อาจจะกลายเป็นประเทศที่ไม่สามารถแข่งขันได้คล้าย ๆ กับประเทศอย่างฟิลิปปินส์ที่มีค่าแรงขั้นต่ำอาจจะสูงแต่คนไม่มีงานทำ
ผมคงไม่กล้าเดาว่าประเทศไทยหลังจากมีรัฐบาลใหม่เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร แต่ในด้านของหุ้นนั้น ในขั้นนี้เพื่อความปลอดภัย ผมคงพยายามที่จะเลือกหุ้นลงทุนที่จะปลอดภัยถ้ามีการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว และอาจจะพิจารณาหลีกเลี่ยงหุ้นของกิจการที่จะถูกกระทบรุนแรง อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วผมก็คิดว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดดูเหมือนว่าจะถูกกระทบน้อยกว่าบริษัทขนาดเล็กและบริษัทผู้ส่งออกที่ส่วนใหญ่อยู่นอกตลาดหุ้น
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในครั้งนี้ผมคิดว่าเป็นการเลือกตั้งที่น่าจับตามองมาก สาเหตุก็เพราะประการแรก มันเป็นการแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตายเพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ทุ่มเทและเสนอนโยบายที่จะเอาใจผู้ลงคะแนนส่วนใหญ่ของประเทศ ประการที่สองก็คือ นโยบายที่นำเสนอโดยพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั้น เป็นนโยบายที่อาจจะมีผลกระทบนอกจากกับประชาชนทั่วไปแล้ว มันยังจะมีผลกระทบไปถึงธุรกิจต่าง ๆ เป็นการทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญขนาดที่เรียกว่าอาจจะเปลี่ยนแปลง “โครงสร้าง” ทางเศรษฐกิจหรือการทำธุรกิจของประเทศไทย และประการสุดท้าย มันอาจจะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจหรือความน่าสนใจของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แต่ละกลุ่ม มาดูกันว่าเป็นอย่างไร
การเลือกตั้งครั้งนี้มีการเสนอนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมอย่างยิ่งในแง่ที่ว่า “ถ้าคุณเลือกเราแล้ว คุณจะได้อะไร” สิ่งที่จะได้ไม่ใช่แค่นโยบายกว้าง ๆ อย่างที่เคยเป็นมา แต่เป็นสิ่งที่ชัดเจนและบอกเป็นตัวเลขได้ในหลาย ๆ ด้าน ผมคงไม่พูดถึงนโยบายทั้งหมดแต่จะพูดเฉพาะเรื่องที่ผมคิดว่าจะมีผลกระทบรุนแรงและน่าจะเกิดได้ทันทีหรือในเวลาอันสั้นมากนั่นคือนโยบายเกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำ และนโยบายอัตราภาษีนิติบุคคล เพราะนี่คือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง และนโยบายการ “รับประกันราคา” สินค้าเกษตรหลัก ๆ เช่นข้าว เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคนจำนวนมากที่เป็นเกษตรกร
ถ้าหากมีการดำเนินนโยบายตามที่ประกาศจริงหลังจากที่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน ดูเหมือนว่าสิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนก็คือ จะมีการปรับอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำเพิ่มขึ้นมากซึ่งนี่ก็น่าจะกระทบไปถึงแรงงานในระดับอื่นด้วยที่จะต้องเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย ผลก็คือ คนงานซึ่งมีอยู่จำนวนมากจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก เช่นเดียวกัน การประกันราคาพืชผลก็จะส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมากมีรายได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน นี่จะส่งผลให้ผู้ใช้แรงงานและเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมากทันที เงินที่มากขึ้นนี้จะถูกนำมาใช้จ่ายซื้อสินค้าทำให้การบริโภคภายในประเทศเฟื่องฟูขึ้นมาก และสิ่งที่จะตามมาก็คือ อัตราเงินเฟ้อก็น่าจะสูงขึ้นพอสมควรทีเดียว อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อนี้ก็ไม่น่าจะสูงเกินกว่าค่าแรงที่ได้เพิ่มขึ้น ผลก็คือ คนที่มีรายได้น้อยและเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศน่าจะได้ประโยชน์ ความมั่งคั่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หันกลับมาดูธุรกิจและผู้ประกอบการทั้งหลายก็จะพบว่า ต้นทุนของสินค้าและบริการของเขาจะเพิ่มขึ้น มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณแรงงานที่พวกเขาต้องใช้ โดยทั่วไป สัดส่วนต้นทุนแรงงานของธุรกิจขนาดเล็กจะสูงกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ สัดส่วนการใช้แรงงานของธุรกิจที่ใช้เท็คโนโลยีต่ำก็จะสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ใช้เท็คโนโลยีสูง ดังนั้น ธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจที่ใช้เท็คโนโลยีต่ำก็จะถูกกระทบรุนแรงเพราะจะมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ถ้าหากว่าธุรกิจมีการแข่งขันหรือขายสินค้าหรือบริการภายในประเทศเป็นหลักและสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศไม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้อย่างจริง ๆ จัง แบบนี้ธุรกิจก็อาจจะไม่ถูกกระทบมาก เพราะเมื่อต้นทุนของธุรกิจสูงขึ้นพอ ๆ กันทุกราย พวกเขาก็สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้ซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ผลก็คือ พวกเขาก็น่าจะยังสามารถทำกำไรได้ต่อไป ธุรกิจที่ส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศนั้น ถึงแม้ต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้นมาก พวกเขาก็ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศได้ เพราะคู่แข่งของพวกเขาที่อยู่ในประเทศอื่นนั้น ไม่ได้มีต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ผู้ส่งออกน่าจะมีกำไรน้อยลงหรือบางรายอาจจะขาดทุนและไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ต่อไป ดังนั้น สิ่งที่แน่ชัดก็คือ การส่งออกของประเทศน่าจะชะลอตัวลง กำไรของบริษัทส่งออกน่าจะน้อยลง ความมั่งคั่งของผู้ส่งออกน่าจะลดลง ผู้ส่งออกเป็นผู้ที่เสียประโยชน์อย่างชัดเจน
ธุรกิจที่เน้นขายให้กับผู้บริโภคภายในประเทศนั้น บอกไม่ได้ชัดว่าเสียประโยชน์จากนโยบายเพิ่มค่าแรงและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เพราะถึงแม้ค่าแรงซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น หลาย ๆ ธุรกิจก็สามารถเพิ่มราคาขายสินค้าและบริการได้ นอกจากนั้น การที่ประชาชนมีรายได้มากขึ้นก็ทำให้พวกเขามีการซื้อมากขึ้น รายได้ของธุรกิจก็สูงขึ้น นี่ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นซึ่งก็ทำให้ธุรกิจขายสินค้าและมียอดขายสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อด้วย นอกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว หากว่ารัฐบาลลดอัตราภาษีนิติบุคคลลง ต้นทุนทางด้านภาษีก็ลดลง เมื่อประกอบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น กำไรของบริษัทก็อาจจะไม่ลดลง หรือบางทีอาจจะดีขึ้นด้วย ดังนั้น สำหรับผู้ที่ขายสินค้าหรือให้บริการภายในประเทศแล้ว พวกเขาอาจจะไม่เสียประโยชน์ หลายบริษัทอาจได้ประโยชน์ด้วยซ้ำ
หากว่าอัตราการเพิ่มของค่าแรงสูงมากพอ ผลกระทบรุนแรงพอ เราก็อาจจะได้เห็นธุรกิจโดยเฉพาะที่เป็นผู้ส่งออกบางรายอยู่ไม่ได้เพราะสินค้าที่เคยผลิตไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก การส่งออกที่เคยเป็น “เครื่องยนต์หลัก” ในการผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะมีบทบาทน้อยลง เราจะไม่ได้เห็นการส่งออกที่โตเอา ๆ ต่อเนื่องมาเป็นสิบ ๆ ปีอีกต่อไป ในอีกด้านหนึ่ง การบริโภคภายในประเทศจะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ในภาพใหญ่ของประเทศ การกระจายความมั่งคั่งของคนไทยก็จะดีขึ้นเพราะประชาชนทั่วไปจะมีรายได้มากขึ้น ในขณะที่ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยอาจจะมีรายได้น้อยลง ดังนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ผมคิดว่านโยบายที่เสนอมาก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรมากและน่าจะเป็นผลดี
ประเด็นปัญหาก็คือ ถ้าหากการเพิ่มค่าแรงและรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยนั้นสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นมากเมื่อเทียบกับผลิตภาพในการผลิตและธุรกิจและแรงงานไม่สามารถปรับตัวได้ ผลที่จะเกิดขึ้นก็อาจจะน่ากลัวและเป็นอันตรายกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว เหตุผลก็คือ การส่งออกของประเทศก็จะลดลงมาก ธุรกิจก็อาจจะต้องเลิก การจ้างงานอาจจะลดลง คนอาจจะตกงาน รายได้โดยรวมของผู้มีรายได้น้อยก็จะลดลง การบริโภคภายในประเทศก็จะลดลงตาม และดังนั้น แม้แต่ธุรกิจที่เน้นการบริโภคในประเทศเองก็อาจจะมีรายได้น้อยลง การจ้างงานก็อาจจะลดลงไปอีก สุดท้าย การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศก็จะลดลง และเมืองไทยก็อาจจะกลายเป็นประเทศที่ไม่สามารถแข่งขันได้คล้าย ๆ กับประเทศอย่างฟิลิปปินส์ที่มีค่าแรงขั้นต่ำอาจจะสูงแต่คนไม่มีงานทำ
ผมคงไม่กล้าเดาว่าประเทศไทยหลังจากมีรัฐบาลใหม่เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร แต่ในด้านของหุ้นนั้น ในขั้นนี้เพื่อความปลอดภัย ผมคงพยายามที่จะเลือกหุ้นลงทุนที่จะปลอดภัยถ้ามีการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว และอาจจะพิจารณาหลีกเลี่ยงหุ้นของกิจการที่จะถูกกระทบรุนแรง อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วผมก็คิดว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดดูเหมือนว่าจะถูกกระทบน้อยกว่าบริษัทขนาดเล็กและบริษัทผู้ส่งออกที่ส่วนใหญ่อยู่นอกตลาดหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณมากครับสุดยอดจริงๆผมกำลังคิดเรื่องนี้พอดี ดร.ท่านไขก๊อกให้ขอบคุณครับ
- PrasertsakK
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 292
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับ
http://prasertsakk.blogspot.com/
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
- birth_pianist
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 6
ดร. อธิบายทะลุปรุโปร่ง เห็นภาพเลยครับ
คุณสมบัติที่ไม่พึงประสงค์ของนักลงทุน คือ ซื้อดอย ขายหมู รู้งี้
-
- Verified User
- โพสต์: 363
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ ผมว่าถ้าการรณรงค์ต้านการคอรัปชั่นโดยกลุ่มเอกชนชั้นนำ ทำได้จริงและเห็นผล หลายบริษัทน่าจะดีขึ้นจากการไม่ต้องเสียต้นทุนทางอ้อมอย่างเดิม แต่เอาเงินส่วนนั้นมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ดีขึ้นและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน อยากเห็นเมืองไทยเป็นแบบสิงคโปร์จริงๆ
สวัสดีประเทศไทย
สวัสดีประเทศไทย
- Packky
- Verified User
- โพสต์: 856
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 10
ส่วนใหญ่ผมเจอแต่นโยบายจำพวกเสตียรอยด์ นี่ล่ะหนารัฐาลไทย
ลงทุนเพื่อชีวิต
- nACrophiles_117
- Verified User
- โพสต์: 1362
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 11
น่ากลัวมากๆเลยครับ อนาคตประเทศไทย
สอนให้จับปลาเอง คนไทยไม่ชอบ ชอบแบบงอมืองอเท้ารอคนมาป้อนให้ นโยบายประชานิยมออกมาแต่ละอัน หลังๆชักจะหนักข้อกันเกินไปแล้ว พรรคนึงทำ อีกพรรคก็ทำบ้าง ใครจะมาเลิกก็ไม่กล้า จะทำเอาพังทั้งประเทศ
สลดครับ
สอนให้จับปลาเอง คนไทยไม่ชอบ ชอบแบบงอมืองอเท้ารอคนมาป้อนให้ นโยบายประชานิยมออกมาแต่ละอัน หลังๆชักจะหนักข้อกันเกินไปแล้ว พรรคนึงทำ อีกพรรคก็ทำบ้าง ใครจะมาเลิกก็ไม่กล้า จะทำเอาพังทั้งประเทศ
สลดครับ
labor omnia vincit
- generalman
- Verified User
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณครับ
"Investing is not a game where the guy with 160 IQ beats the guy with 130 IQ. What is needed is a sound intellectual framework for making decisions and the ability to keep emotions from corroding the framework."
Warren Buffett
Warren Buffett
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณครับสำหรับบทความ
จัดตั้งรัฐบาลให้นิ่งได้ก่อนก็บุญแล้วครับผมว่า
ก่อนจะถึงจุดนั้นยังเสียว
จัดตั้งรัฐบาลให้นิ่งได้ก่อนก็บุญแล้วครับผมว่า
ก่อนจะถึงจุดนั้นยังเสียว
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
- blackninja
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณครับ
- ^^
- Verified User
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 20
นโยบายลดค่าครองชีพ ผมเห็นด้วยนะ แต่เวลาให้เพิ่มค่าครองชีพทีไร
ผู้ประกอบการก็ขยับราคาสินค้าขึ้นในSpreadเท่าเดิมอยู่ดี
คงต้องแก้ปลายทาง แม้คุณจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไป1000บาท
แต่ผู้ประกอบการก็ขึ้นราคาให้สอดคล้อง ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร
คนทำงานออฟฟิตซวยได้อีก
อำนาจซื้อแรงงานขั้นต่ำมูลค่าเท่าเดิม ซื้อของได้เท่าเดิม แต่รายได้เพิ่มขึ้น
คนซวยคือพนักงานออฟฟิตที่เงินไม่ได้ขึ้นอยู่แล้ว แต่กินได้น้อยลง
แต่ข้าราชการ แรงงานขั้นต่ำได้ขึ้นให้มูลค่าการซื้อเท่าเดิมตลอด
คหส่วนตัว เงินเดือน 15000 ผมว่าไม่ดี จะทำให้เกิดการว่างงานมากขึ้น ต้นทุนการผลิตมากขึ้นด้วย เพราะ คนที่ทำงานมานาน แต่เงินเดือนอยู่10000-12000 ทำอย่างไร
ถ้าเขาลาออกแล้วไปสมัครงานใหม่ ในวุฒิปตรีของเก่า เขาจะได้15000ไหม
แล้วความน้อยใจของคนทำงานมานานหรือคนเรียนป.โทเพื่อให้ได้เงินเดือน 17000-18000 แต่ได้เงินเดือนใกล้กับคนจบใหม่ แล้วต้นทุนที่เรียนป.โทล่ะ?
คนเรียนมหาวิทยาลัยอะไรก็ได้ แม้แต่รามคำแหง หรือซื้อป.ตรีมา
ทั้งๆที่ไม่เข้าเรียนจะเกิดขึ้น จะได้ถูกจ้างในอัตรา 15000 บาทหรือ
ในมุมมองผู้ประกอบการ ที่ต้องการงานแค่ฝ่ายปฏิบัติการ จะยอมจ่าย?
และถ้าพวกSME หรือบริษัทเล็กๆ จะได้ภาษีคืนไหม จากการขึ้นเงินเดือน
หรือคนในประเทศไทยจะเหมือนอเมริกา อยากได้เงินเดือนมากขึ้น รู้สึกทำก็ไม่คุ้ม
จนอเมริกาต้องจ้างแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างพวกเม็กซิโก
เพราะถูกกว่า โดยไม่ต้องขึ้นค่าแรงอะไรมากมายด้วย
ปล.ผมได้ยินว่าคนแบกข้าวสารได้วันละ500บาทนะฮะตอนนี้ แม้จะไม่ได้ทำงานในออฟฟิต แต่งตัวดีๆ ค่าที่พักก็ไม่เสีย ค่าเดินทางบริษัทออกให้ เพราะไปกับรถขน
ผู้ประกอบการก็ขยับราคาสินค้าขึ้นในSpreadเท่าเดิมอยู่ดี
คงต้องแก้ปลายทาง แม้คุณจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไป1000บาท
แต่ผู้ประกอบการก็ขึ้นราคาให้สอดคล้อง ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร
คนทำงานออฟฟิตซวยได้อีก
อำนาจซื้อแรงงานขั้นต่ำมูลค่าเท่าเดิม ซื้อของได้เท่าเดิม แต่รายได้เพิ่มขึ้น
คนซวยคือพนักงานออฟฟิตที่เงินไม่ได้ขึ้นอยู่แล้ว แต่กินได้น้อยลง
แต่ข้าราชการ แรงงานขั้นต่ำได้ขึ้นให้มูลค่าการซื้อเท่าเดิมตลอด
คหส่วนตัว เงินเดือน 15000 ผมว่าไม่ดี จะทำให้เกิดการว่างงานมากขึ้น ต้นทุนการผลิตมากขึ้นด้วย เพราะ คนที่ทำงานมานาน แต่เงินเดือนอยู่10000-12000 ทำอย่างไร
ถ้าเขาลาออกแล้วไปสมัครงานใหม่ ในวุฒิปตรีของเก่า เขาจะได้15000ไหม
แล้วความน้อยใจของคนทำงานมานานหรือคนเรียนป.โทเพื่อให้ได้เงินเดือน 17000-18000 แต่ได้เงินเดือนใกล้กับคนจบใหม่ แล้วต้นทุนที่เรียนป.โทล่ะ?
คนเรียนมหาวิทยาลัยอะไรก็ได้ แม้แต่รามคำแหง หรือซื้อป.ตรีมา
ทั้งๆที่ไม่เข้าเรียนจะเกิดขึ้น จะได้ถูกจ้างในอัตรา 15000 บาทหรือ
ในมุมมองผู้ประกอบการ ที่ต้องการงานแค่ฝ่ายปฏิบัติการ จะยอมจ่าย?
และถ้าพวกSME หรือบริษัทเล็กๆ จะได้ภาษีคืนไหม จากการขึ้นเงินเดือน
หรือคนในประเทศไทยจะเหมือนอเมริกา อยากได้เงินเดือนมากขึ้น รู้สึกทำก็ไม่คุ้ม
จนอเมริกาต้องจ้างแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างพวกเม็กซิโก
เพราะถูกกว่า โดยไม่ต้องขึ้นค่าแรงอะไรมากมายด้วย
ปล.ผมได้ยินว่าคนแบกข้าวสารได้วันละ500บาทนะฮะตอนนี้ แม้จะไม่ได้ทำงานในออฟฟิต แต่งตัวดีๆ ค่าที่พักก็ไม่เสีย ค่าเดินทางบริษัทออกให้ เพราะไปกับรถขน
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
-
- Verified User
- โพสต์: 1024
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 22
ขอบคุณมากๆครับ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
-
- Verified User
- โพสต์: 495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 23
ขอบคุณมากครับ
- Narongwart
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 25
ขอบคุณครับ
การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนกับตัวเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 26
ขอบคุณค่ะสำหรับมุมมองดีๆ ที่เราอาจคิดไม่ถึง กลัวแต่ว่าจะไม่มีการจ้างงานซะมากกว่า เพราะบริษัทเล็ก ๆ ก็เจ๊ง บริษัทใหญ่ ๆ ก็ใช้เครื่องจักรแทน หรือไม่ก็ย้ายฐานการผลิต
-
- Verified User
- โพสต์: 69
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 27
เห็นด้วยครับ ดูตัวอย่างได้กับประเทศอเมริกาครับ ตั้งแต่รัฐบาล Bush ชนะเข้ามาพร้อมกับนโยบายประชานิยม คลังของประเทศก็ติดลบมาเรื่อยๆเพราะกลายเป็ยว่าค่านิยมในการ"เป็นคนทำงาน"ของอเมริกาได้ลดลงไป คนรอแต่สวัสดิการของรัฐและพรรคการเมืองก็พยายามใช้จุดนี้มาเป็นการหาเสียงเลือกตั้ง ปัจจุบันรัฐบาลอเมริกาอยูนในสภาพงบประมาติดลบแบบมหาศาลติดต่อมาหลายปีและลบมากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ....nACrophiles_117 เขียน:น่ากลัวมากๆเลยครับ อนาคตประเทศไทย
สอนให้จับปลาเอง คนไทยไม่ชอบ ชอบแบบงอมืองอเท้ารอคนมาป้อนให้ นโยบายประชานิยมออกมาแต่ละอัน หลังๆชักจะหนักข้อกันเกินไปแล้ว พรรคนึงทำ อีกพรรคก็ทำบ้าง ใครจะมาเลิกก็ไม่กล้า จะทำเอาพังทั้งประเทศ
สลดครับ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นหลังรัฐบาลใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณครับ