ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 18 มิถุนายน 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การซื้อหุ้นลงทุนแต่ละตัวนั้น นักลงทุนแต่ละคนก็มักจะมีแนวคิดคร่าว ๆ ว่าหุ้นตัวนั้นเขาจะ “ถือยาวหรือสั้น” แน่นอนว่าสำหรับบางคนแล้ว เขาแทบไม่คิด เพราะสำหรับเขา การซื้อหุ้นลงทุนนั้น ไม่มีคำว่ายาว นั่นเป็นเพราะเขาเป็น “นักเทรดหุ้น” หรือเล่นหุ้น “รายวัน” สิ่งที่เขาทำก็คือ คอยดูว่าตลาดหุ้นวันนั้นจะมีทิศทางอย่างไร หรือหุ้นตัวนั้นจะมีทิศทางอย่างไรในแต่ละนาทีหรือชั่วโมง เขาเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้น และนี่คือนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์ที่มีเม็ดเงินลงทุนไม่มากและซื้อขายหุ้นเป็น “งานอดิเรก” นอกจากนักลงทุนรายย่อยเหล่านี้แล้ว คนที่ซื้อขายหุ้นรวดเร็วมากยังรวมถึง “ขาใหญ่” หรือนักลงทุนที่มีเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากที่เข้าไปซื้อขายหุ้น “รายวัน” ด้วยเม็ดเงินมหาศาล คนกลุ่มนี้ นอกจากจะเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้นแล้ว บ่อยครั้งยังเป็นคนที่ “สร้างความผันผวน” ให้กับราคาหุ้นเองเพื่อให้ตนได้เปรียบในการเก็งกำไรจากการซื้อขายหุ้นนั้น
กลุ่มคนที่ “เล่นสั้น” นั้น ถ้าเป็นรายเล็กซึ่งการซื้อขายไม่สามารถมีอิทธิพลต่อราคาหุ้นได้นั้น ในบางช่วงบางตอนที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นดีเป็นกระทิง พวกเขาก็อาจจะมีกำไรบ้าง แต่ในช่วงที่ตลาดหุ้นลงหรือขึ้น ๆ ลง ๆ พวกเขาก็มักจะขาดทุน และในระยะยาวแล้ว พวกเขาแทบจะต้องขาดทุนเสมอ เหตุผลก็คือ ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายหุ้นจะ “กิน” ผลตอบแทนที่อาจจะทำได้จากการซื้อขายหุ้นหมด ส่วนรายใหญ่ที่เก็งกำไรหุ้นระยะสั้นนั้น เช่นเดียวกัน ในช่วงที่ตลาดหุ้นดี พวกเขาก็อาจจะมีกำไรมหาศาล แต่ในยามที่ตลาดหุ้นแย่ หลายคนก็เสียหายหนัก ในระยะยาวแล้ว คนที่ทำผลตอบแทนได้มหาศาลก็น่าจะมีจำกัด
ตัวอย่างของคนที่เล่นสั้นและประสบความสำเร็จอย่างสูงก็คือ จอร์จ โซรอส และถ้ามองย้อนหลังไปยาวกว่านั้น ก็อาจจะรวมถึงนักเก็งกำไรระดับโลกหลาย ๆ คนอย่าง เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ เบอร์นาร์ด บารูช และ เจอราลด์ เลิบ เป็นต้น แม้ว่าบางคนจะล้มเหลวในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต
กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มี Time Frame หรือช่วงระยะเวลาการลงทุนค่อนข้างสั้นแต่ไม่ถึงกับเป็น Day Trader หรือเล่นหุ้นรายวันแต่น่าจะลงทุนในระยะเวลาเป็น “รายเดือน” หรืออาจจะหลายเดือน คนที่เล่นหุ้นแนวนี้มักจะมองถึง “พื้นฐาน” ของหุ้น ประกอบกับ “โมเมนตัม” หรืออาจจะเรียกว่าเป็น “แรงส่ง” ที่เกิดจากการเก็งกำไรของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงแรงส่งที่มาจาก “สตอรี่” หรือเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นของหุ้น พูดง่าย ๆ พวกเขาลงทุนโดยเน้นทั้งแนวพื้นฐานและแนวเท็คนิค เพื่อที่จะซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานในเวลาที่มันกำลัง “ร้อนแรง” นักลงทุนหลายคนในกลุ่มนี้มี วิลเลียม โอนีล เซียนหุ้นที่ใช้กลยุทธ์ที่มีชื่อย่อว่า “CANSLIM” เป็นไอดอล นักลงทุนในกลุ่มนี้มักจะทำผลตอบแทนได้น่าประทับใจมากในช่วงที่ตลาดหุ้นคึกคักร้อนแรงอย่างที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในยามที่ตลาดหุ้นตกต่ำลง พวกเขาก็อาจจะ “เจ็บตัว” ไม่น้อยไปกว่านักเก็งกำไรกลุ่มอื่น ๆ
กลุ่มที่ลงทุนยาวเป็นปีหรืออาจจะ 2-3 ปีที่เป็นกลุ่มใหญ่พอสมควรก็คือกลุ่มที่เรียกว่าเป็น Value Investor “กระแสหลัก” นี่คือกลุ่มที่ยึดแนวทางของ เบน เกรแฮม บิดาของการลงทุนแบบ Value Investment กลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนกลุ่มนี้มักจะเน้นที่เรื่องของราคาหุ้นว่าต้องเป็นหุ้นที่ “ถูกมาก” เป็นหุ้นที่มี Margin of Safety หรือมีส่วนเผื่อความปลอดภัยสูง พวกเขามักเป็นนักลงทุนที่อนุรักษ์นิยมและไม่กล้าที่จะซื้อหุ้นที่มีค่า PE สูงที่เขาเห็นว่าเป็นหุ้นที่มีราคาแพงแม้ว่าหุ้นนั้นจะเป็นบริษัทที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมก็ตาม
ผลงานการลงทุนของนักลงทุนสาย เกรแฮม นั้น น่าจะไม่หวือหวามากนักโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นบูมมาก ๆ เนื่องจากหุ้นที่พวกเขาซื้อนั้นมักจะไม่ใช่หุ้นที่มีสตอรี่หรือมีเรื่องราวให้นักเก็งกำไรเข้ามาสนใจมากนัก อย่างไรก็ตาม ผลงานระยะยาวก็มักจะดีใช้ได้ เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ในยามที่ตลาดหุ้นไม่ดีหรือ “ไม่ไปไหน” เป็นเวลานาน นักลงทุนในกลุ่มนี้น่าจะรักษาผลตอบแทนของตนเองได้ดีพอสมควรเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ
นักลงทุนกลุ่มที่มีระยะเวลาการลงทุนไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับวัฎจักร์หรือสถานการณ์ของตัวหุ้นหรือสภาวะทางเศรษฐกิจบางอย่าง อาจจะเรียกว่า “นักเล่นหุ้นตามสถานการณ์” นี่คือนักลงทุนที่น่าจะมี Time Frame ไม่เกิน 3-4 ปี และบ่อยครั้งอาจจะน้อยกว่านั้น ไอดอลของนักลงทุนกลุ่มนี้น่าจะเป็น ปีเตอร์ ลินช์ ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนที่ “เล่นหุ้นได้ทุกรูปแบบ” โดยเน้นในด้านของพื้นฐานของตัวกิจการเป็นหลัก การเล่นหุ้นได้ทุกรูปแบบนั้นเกิดจากการที่ลินช์จัดกลุ่มหุ้นทุกตัวตามคุณสมบัติของบริษัท เช่น เป็นหุ้นโตเร็ว หุ้นที่อยู่ในกิจการที่เป็นวัฏจักร หุ้นทรัพย์สินมาก และหุ้นฟื้นตัวจากวิกฤติ เป็นต้น
ผลงานการลงทุนในแบบของปีเตอร์ ลินช์ นั้น ผมคิดว่าคนที่ทำได้ดี นั่นคือ สามารถซื้อขายหุ้นได้ถูกต้องตามคุณสมบัติของบริษัท น่าจะได้กำไรหรือผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นวัฏจักร์และกลุ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม การที่จะทำเช่นนั้นได้ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายโดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้ศึกษาหรือมีความรู้ความสามารถพอ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ถ้าเป็นการเข้าไปซื้อขายหลังจากที่หุ้นปรับตัวขึ้นมามากแล้ว นักลงทุนก็อาจจะขาดทุนได้ และนี่ทำให้การลงทุนแบบนี้ก็มีความเสี่ยงไม่น้อย
กลุ่มสุดท้ายก็คือ นักลงทุนที่ลงทุนยาวมากคือ ประมาณตั้งแต่ 3-4 ปีขึ้นไป ไอดอลของกลุ่มนี้ก็คือ ฟิลลิป ฟิสเชอร์ และ วอเร็น บัฟเฟตต์ นี่คือนักลงทุนที่เน้นลงทุนในกิจการที่ดีเยี่ยมที่สุดในประเทศ พวกเขาจะไม่ใคร่สนใจหุ้นของกิจการที่ “หาจุดเด่นไม่ค่อยได้” แม้ว่าจะมีราคาถูก หรืออาจจะมีสตอรี่ที่น่าสนใจ เป็นบริษัทที่กำลังอยู่ในวัฏจักร “ขาขึ้น” หรือแม้แต่บริษัทที่ “กำลังฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด” สิ่งที่พวกเขามองก็คือ ความสามารถในการแข่งขันหรือความได้เปรียบที่ยั่งยืนที่บริษัทมีต่อคู่แข่ง ความเข้มแข็งทางการเงิน การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมและบริษัท เหล่านี้เป็นต้น ส่วนราคาหุ้นนั้นก็สนใจว่าต้องไม่แพง แต่ราคาหุ้นที่ถูกมากนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักในการเลือกหุ้น
นักลงทุนที่เน้นในหุ้นแบบซุปเปอร์สต็อคและถือหุ้นยาวนานนั้น น่าจะมีน้อยมาก เหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ “น่าเบื่อ” นอกจากนั้น กิจการที่เป็น “ซุปเปอร์” จริง ๆ ในประเทศไทยและอยู่ในตลาดหุ้นก็อาจจะมีไม่มาก เหนือสิ่งอื่นใด การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นก็มักจะไม่หวือหวาในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงเร็ว ๆ นี้ หุ้นซุปเปอร์สต็อคก็มีผลงานค่อนข้างดี ทำให้ผลตอบแทนของนักลงทุนก็โดดเด่นพอสมควรโดยที่ความเสี่ยงไม่สูงนัก
เป็นเรื่องยากที่นักลงทุนคนหนึ่งจะมี Time Frame หรือกลยุทธ์แน่นอนเพียงแนวเดียว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่มุ่งมั่นและมีประสบการณ์มากแล้วก็มักจะมีจุดเน้นของตนเองที่พอบอกได้ว่าเขาเป็นนักลงทุนแนวไหน การเลือกตำแหน่งของตนเองผมคิดว่าจะเป็นตัวตัดสินผลงานระยะยาวของการลงทุน เพราะมันเป็น “ยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดสิ่งต่าง ๆ ที่เราจะเดินไป
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การซื้อหุ้นลงทุนแต่ละตัวนั้น นักลงทุนแต่ละคนก็มักจะมีแนวคิดคร่าว ๆ ว่าหุ้นตัวนั้นเขาจะ “ถือยาวหรือสั้น” แน่นอนว่าสำหรับบางคนแล้ว เขาแทบไม่คิด เพราะสำหรับเขา การซื้อหุ้นลงทุนนั้น ไม่มีคำว่ายาว นั่นเป็นเพราะเขาเป็น “นักเทรดหุ้น” หรือเล่นหุ้น “รายวัน” สิ่งที่เขาทำก็คือ คอยดูว่าตลาดหุ้นวันนั้นจะมีทิศทางอย่างไร หรือหุ้นตัวนั้นจะมีทิศทางอย่างไรในแต่ละนาทีหรือชั่วโมง เขาเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้น และนี่คือนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์ที่มีเม็ดเงินลงทุนไม่มากและซื้อขายหุ้นเป็น “งานอดิเรก” นอกจากนักลงทุนรายย่อยเหล่านี้แล้ว คนที่ซื้อขายหุ้นรวดเร็วมากยังรวมถึง “ขาใหญ่” หรือนักลงทุนที่มีเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากที่เข้าไปซื้อขายหุ้น “รายวัน” ด้วยเม็ดเงินมหาศาล คนกลุ่มนี้ นอกจากจะเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้นแล้ว บ่อยครั้งยังเป็นคนที่ “สร้างความผันผวน” ให้กับราคาหุ้นเองเพื่อให้ตนได้เปรียบในการเก็งกำไรจากการซื้อขายหุ้นนั้น
กลุ่มคนที่ “เล่นสั้น” นั้น ถ้าเป็นรายเล็กซึ่งการซื้อขายไม่สามารถมีอิทธิพลต่อราคาหุ้นได้นั้น ในบางช่วงบางตอนที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นดีเป็นกระทิง พวกเขาก็อาจจะมีกำไรบ้าง แต่ในช่วงที่ตลาดหุ้นลงหรือขึ้น ๆ ลง ๆ พวกเขาก็มักจะขาดทุน และในระยะยาวแล้ว พวกเขาแทบจะต้องขาดทุนเสมอ เหตุผลก็คือ ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายหุ้นจะ “กิน” ผลตอบแทนที่อาจจะทำได้จากการซื้อขายหุ้นหมด ส่วนรายใหญ่ที่เก็งกำไรหุ้นระยะสั้นนั้น เช่นเดียวกัน ในช่วงที่ตลาดหุ้นดี พวกเขาก็อาจจะมีกำไรมหาศาล แต่ในยามที่ตลาดหุ้นแย่ หลายคนก็เสียหายหนัก ในระยะยาวแล้ว คนที่ทำผลตอบแทนได้มหาศาลก็น่าจะมีจำกัด
ตัวอย่างของคนที่เล่นสั้นและประสบความสำเร็จอย่างสูงก็คือ จอร์จ โซรอส และถ้ามองย้อนหลังไปยาวกว่านั้น ก็อาจจะรวมถึงนักเก็งกำไรระดับโลกหลาย ๆ คนอย่าง เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ เบอร์นาร์ด บารูช และ เจอราลด์ เลิบ เป็นต้น แม้ว่าบางคนจะล้มเหลวในช่วงท้าย ๆ ของชีวิต
กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มี Time Frame หรือช่วงระยะเวลาการลงทุนค่อนข้างสั้นแต่ไม่ถึงกับเป็น Day Trader หรือเล่นหุ้นรายวันแต่น่าจะลงทุนในระยะเวลาเป็น “รายเดือน” หรืออาจจะหลายเดือน คนที่เล่นหุ้นแนวนี้มักจะมองถึง “พื้นฐาน” ของหุ้น ประกอบกับ “โมเมนตัม” หรืออาจจะเรียกว่าเป็น “แรงส่ง” ที่เกิดจากการเก็งกำไรของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงแรงส่งที่มาจาก “สตอรี่” หรือเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นของหุ้น พูดง่าย ๆ พวกเขาลงทุนโดยเน้นทั้งแนวพื้นฐานและแนวเท็คนิค เพื่อที่จะซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานในเวลาที่มันกำลัง “ร้อนแรง” นักลงทุนหลายคนในกลุ่มนี้มี วิลเลียม โอนีล เซียนหุ้นที่ใช้กลยุทธ์ที่มีชื่อย่อว่า “CANSLIM” เป็นไอดอล นักลงทุนในกลุ่มนี้มักจะทำผลตอบแทนได้น่าประทับใจมากในช่วงที่ตลาดหุ้นคึกคักร้อนแรงอย่างที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในยามที่ตลาดหุ้นตกต่ำลง พวกเขาก็อาจจะ “เจ็บตัว” ไม่น้อยไปกว่านักเก็งกำไรกลุ่มอื่น ๆ
กลุ่มที่ลงทุนยาวเป็นปีหรืออาจจะ 2-3 ปีที่เป็นกลุ่มใหญ่พอสมควรก็คือกลุ่มที่เรียกว่าเป็น Value Investor “กระแสหลัก” นี่คือกลุ่มที่ยึดแนวทางของ เบน เกรแฮม บิดาของการลงทุนแบบ Value Investment กลยุทธ์การลงทุนของนักลงทุนกลุ่มนี้มักจะเน้นที่เรื่องของราคาหุ้นว่าต้องเป็นหุ้นที่ “ถูกมาก” เป็นหุ้นที่มี Margin of Safety หรือมีส่วนเผื่อความปลอดภัยสูง พวกเขามักเป็นนักลงทุนที่อนุรักษ์นิยมและไม่กล้าที่จะซื้อหุ้นที่มีค่า PE สูงที่เขาเห็นว่าเป็นหุ้นที่มีราคาแพงแม้ว่าหุ้นนั้นจะเป็นบริษัทที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมก็ตาม
ผลงานการลงทุนของนักลงทุนสาย เกรแฮม นั้น น่าจะไม่หวือหวามากนักโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นบูมมาก ๆ เนื่องจากหุ้นที่พวกเขาซื้อนั้นมักจะไม่ใช่หุ้นที่มีสตอรี่หรือมีเรื่องราวให้นักเก็งกำไรเข้ามาสนใจมากนัก อย่างไรก็ตาม ผลงานระยะยาวก็มักจะดีใช้ได้ เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ในยามที่ตลาดหุ้นไม่ดีหรือ “ไม่ไปไหน” เป็นเวลานาน นักลงทุนในกลุ่มนี้น่าจะรักษาผลตอบแทนของตนเองได้ดีพอสมควรเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ
นักลงทุนกลุ่มที่มีระยะเวลาการลงทุนไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับวัฎจักร์หรือสถานการณ์ของตัวหุ้นหรือสภาวะทางเศรษฐกิจบางอย่าง อาจจะเรียกว่า “นักเล่นหุ้นตามสถานการณ์” นี่คือนักลงทุนที่น่าจะมี Time Frame ไม่เกิน 3-4 ปี และบ่อยครั้งอาจจะน้อยกว่านั้น ไอดอลของนักลงทุนกลุ่มนี้น่าจะเป็น ปีเตอร์ ลินช์ ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนที่ “เล่นหุ้นได้ทุกรูปแบบ” โดยเน้นในด้านของพื้นฐานของตัวกิจการเป็นหลัก การเล่นหุ้นได้ทุกรูปแบบนั้นเกิดจากการที่ลินช์จัดกลุ่มหุ้นทุกตัวตามคุณสมบัติของบริษัท เช่น เป็นหุ้นโตเร็ว หุ้นที่อยู่ในกิจการที่เป็นวัฏจักร หุ้นทรัพย์สินมาก และหุ้นฟื้นตัวจากวิกฤติ เป็นต้น
ผลงานการลงทุนในแบบของปีเตอร์ ลินช์ นั้น ผมคิดว่าคนที่ทำได้ดี นั่นคือ สามารถซื้อขายหุ้นได้ถูกต้องตามคุณสมบัติของบริษัท น่าจะได้กำไรหรือผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นวัฏจักร์และกลุ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม การที่จะทำเช่นนั้นได้ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายโดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้ศึกษาหรือมีความรู้ความสามารถพอ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ถ้าเป็นการเข้าไปซื้อขายหลังจากที่หุ้นปรับตัวขึ้นมามากแล้ว นักลงทุนก็อาจจะขาดทุนได้ และนี่ทำให้การลงทุนแบบนี้ก็มีความเสี่ยงไม่น้อย
กลุ่มสุดท้ายก็คือ นักลงทุนที่ลงทุนยาวมากคือ ประมาณตั้งแต่ 3-4 ปีขึ้นไป ไอดอลของกลุ่มนี้ก็คือ ฟิลลิป ฟิสเชอร์ และ วอเร็น บัฟเฟตต์ นี่คือนักลงทุนที่เน้นลงทุนในกิจการที่ดีเยี่ยมที่สุดในประเทศ พวกเขาจะไม่ใคร่สนใจหุ้นของกิจการที่ “หาจุดเด่นไม่ค่อยได้” แม้ว่าจะมีราคาถูก หรืออาจจะมีสตอรี่ที่น่าสนใจ เป็นบริษัทที่กำลังอยู่ในวัฏจักร “ขาขึ้น” หรือแม้แต่บริษัทที่ “กำลังฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด” สิ่งที่พวกเขามองก็คือ ความสามารถในการแข่งขันหรือความได้เปรียบที่ยั่งยืนที่บริษัทมีต่อคู่แข่ง ความเข้มแข็งทางการเงิน การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมและบริษัท เหล่านี้เป็นต้น ส่วนราคาหุ้นนั้นก็สนใจว่าต้องไม่แพง แต่ราคาหุ้นที่ถูกมากนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักในการเลือกหุ้น
นักลงทุนที่เน้นในหุ้นแบบซุปเปอร์สต็อคและถือหุ้นยาวนานนั้น น่าจะมีน้อยมาก เหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ “น่าเบื่อ” นอกจากนั้น กิจการที่เป็น “ซุปเปอร์” จริง ๆ ในประเทศไทยและอยู่ในตลาดหุ้นก็อาจจะมีไม่มาก เหนือสิ่งอื่นใด การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นก็มักจะไม่หวือหวาในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงเร็ว ๆ นี้ หุ้นซุปเปอร์สต็อคก็มีผลงานค่อนข้างดี ทำให้ผลตอบแทนของนักลงทุนก็โดดเด่นพอสมควรโดยที่ความเสี่ยงไม่สูงนัก
เป็นเรื่องยากที่นักลงทุนคนหนึ่งจะมี Time Frame หรือกลยุทธ์แน่นอนเพียงแนวเดียว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่มุ่งมั่นและมีประสบการณ์มากแล้วก็มักจะมีจุดเน้นของตนเองที่พอบอกได้ว่าเขาเป็นนักลงทุนแนวไหน การเลือกตำแหน่งของตนเองผมคิดว่าจะเป็นตัวตัดสินผลงานระยะยาวของการลงทุน เพราะมันเป็น “ยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดสิ่งต่าง ๆ ที่เราจะเดินไป
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณมากครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
สุดยอดเลยครับ
แลกเปลี่ยนมุมมองการลงทุนได้ครับ
https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B ... you_manage
https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B ... you_manage
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณท่านอ.มากคับที่ช่วยแตกตีวิธีการลงทุนให้ได้เห็นภาพอย่างชัดเจน
ผมคิดว่าสิ่งเดียวที่เทพเจ้าแห่งการเทรดอย่างปู่ลิเวอร์มอร์ ทำผิดพลาดคือไม่เลิกเมื่อโอกาสยังคงเข้าข้างปู่อยู่หลายครั้งแล้วนำเม็ดเงินที่ได้อย่างมหาศาลนั้นไปลงทุนในอะไรก็ตามที่สามารถสร้างผลตอบแทนต่อเงินลงทุนได้อย่างดีในระยะยาวแทน
เมื่อผมได้มีโอกาสดูคลิปด้านล่างอันสุดยอดนี้จบลงทำให้นึกถึงบรรยากาศงานสัมมนาอันเฮฮาของอ.ที่ทำให้ผู้ชมซึมซับวิธีการลงทุนขั้นสุดยอดแต่เรียบง่ายไปอย่างไม่รู้ตัว และก็คงทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องกังฟูแพนด้าอีกด้วยว่าแท้ที่จริงแล้วสุดยอดวิชานั้นไม่มีเพราะว่ามันอยู่ในวิชาต่างๆที่ได้ศึกษามานั่นเองเพียงแต่ต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งก็จะได้มาเอง การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างสุดยอดนักกังฟูอย่างพี่เสือกับนักรบมังกรนั้น ทำให้ผมจินตนาการถึงภาพการแข่งขันกันเผื่อสร้างผลตอบแทนจากเงินลงทุนระหว่างสุดยอดผู้เชี่ยวชาญในการนับคลื่นอีเลียตเวฟและFibonanciกับผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนตามแนว Trendline โชคดีที่โปรแกรมยุคนี้ไม่ต้องทำให้ผมต้องหาไม้บรรทัดหรือดินสอมาเตรียมไว้เขียนเส้นเหมือนเมื่อสมัยก่อน
สิ่งที่ผมได้จากท่านอ.ที่สุดยอดท่านนี้ก็คือ
การลงทุนที่สุดยอดนั้นไม่สามารถทำได้ทุกช่วงเวลาจงทำให้มากขึ้นเมื่อเวลาเข้าข้างคุณและทำตรงกันข้ามซะเมื่อเวลาไม่ได้อยู่ข้างคุณ ชอบความเรียบง่ายแล้วช้าไม่น่าตื่นเต้นผมเลยขอตั้งสมยานามให้ว่า"turtle trading"เพราะความซับซ้อนจะทำให้คุณสับสนและความสับสนจะทำให้พลาดจากความสำเร็จไปอย่างน่าเสียดาย และกฎที่สำคัญมากที่คุณควรจะจดจำไว้ก็คือแมลงสาบไม่เคยมาเพียงตัวเดียว
http://www.youtube.com/watch?v=vzd52PJy58s
ผมคิดว่าสิ่งเดียวที่เทพเจ้าแห่งการเทรดอย่างปู่ลิเวอร์มอร์ ทำผิดพลาดคือไม่เลิกเมื่อโอกาสยังคงเข้าข้างปู่อยู่หลายครั้งแล้วนำเม็ดเงินที่ได้อย่างมหาศาลนั้นไปลงทุนในอะไรก็ตามที่สามารถสร้างผลตอบแทนต่อเงินลงทุนได้อย่างดีในระยะยาวแทน
เมื่อผมได้มีโอกาสดูคลิปด้านล่างอันสุดยอดนี้จบลงทำให้นึกถึงบรรยากาศงานสัมมนาอันเฮฮาของอ.ที่ทำให้ผู้ชมซึมซับวิธีการลงทุนขั้นสุดยอดแต่เรียบง่ายไปอย่างไม่รู้ตัว และก็คงทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องกังฟูแพนด้าอีกด้วยว่าแท้ที่จริงแล้วสุดยอดวิชานั้นไม่มีเพราะว่ามันอยู่ในวิชาต่างๆที่ได้ศึกษามานั่นเองเพียงแต่ต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งก็จะได้มาเอง การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างสุดยอดนักกังฟูอย่างพี่เสือกับนักรบมังกรนั้น ทำให้ผมจินตนาการถึงภาพการแข่งขันกันเผื่อสร้างผลตอบแทนจากเงินลงทุนระหว่างสุดยอดผู้เชี่ยวชาญในการนับคลื่นอีเลียตเวฟและFibonanciกับผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนตามแนว Trendline โชคดีที่โปรแกรมยุคนี้ไม่ต้องทำให้ผมต้องหาไม้บรรทัดหรือดินสอมาเตรียมไว้เขียนเส้นเหมือนเมื่อสมัยก่อน
สิ่งที่ผมได้จากท่านอ.ที่สุดยอดท่านนี้ก็คือ
การลงทุนที่สุดยอดนั้นไม่สามารถทำได้ทุกช่วงเวลาจงทำให้มากขึ้นเมื่อเวลาเข้าข้างคุณและทำตรงกันข้ามซะเมื่อเวลาไม่ได้อยู่ข้างคุณ ชอบความเรียบง่ายแล้วช้าไม่น่าตื่นเต้นผมเลยขอตั้งสมยานามให้ว่า"turtle trading"เพราะความซับซ้อนจะทำให้คุณสับสนและความสับสนจะทำให้พลาดจากความสำเร็จไปอย่างน่าเสียดาย และกฎที่สำคัญมากที่คุณควรจะจดจำไว้ก็คือแมลงสาบไม่เคยมาเพียงตัวเดียว
http://www.youtube.com/watch?v=vzd52PJy58s
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 11
ผมคนนึงครับที่ถือหุ้นแล้ว ชอบเปลี่ยน time frame ไปเรื่อยๆ
แรกๆว่าจะถือแป๊ปเดียว กำไรก็จะขาย
ไปมาราคาหุ้นตก เลยต้องเปลี่ยน time frame ให้ยาวขึ้น ถือยาวกันไป
สับสนในตัวเอง
ขอบคุณอาจารย์ ดร. คร้าบ
แรกๆว่าจะถือแป๊ปเดียว กำไรก็จะขาย
ไปมาราคาหุ้นตก เลยต้องเปลี่ยน time frame ให้ยาวขึ้น ถือยาวกันไป
สับสนในตัวเอง
ขอบคุณอาจารย์ ดร. คร้าบ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณครับ อ.นิเวศน์
สังเกตุได้ว่าไม่ว่าลงทุนแบบใดก็มีคนประสบความสำเร็จได้จริงๆ
เพียงแต่คนที่ประสบความสำเร็จนั้นพึ่งพาตนเองได้
สังเกตุได้ว่าไม่ว่าลงทุนแบบใดก็มีคนประสบความสำเร็จได้จริงๆ
เพียงแต่คนที่ประสบความสำเร็จนั้นพึ่งพาตนเองได้
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณครับ อาจารย์
- todto
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 201
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 16
ครบถ้วนและสมบูรณ์แบบมาก จัดหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจน ขอบคุณมากครับ
เท่าที่สังเกตุในเวป ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นกลุ่มที่ 1 แต่กลุ่มที่ 2 - 5 เนี่ยมีหมดคละๆกันไป โดยคิดว่าส่วนมากอายุของนักลงทุนน่าจะเป็นปัจจัยหลักในการกำหนด Style ของแต่ละคน
เท่าที่สังเกตุในเวป ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นกลุ่มที่ 1 แต่กลุ่มที่ 2 - 5 เนี่ยมีหมดคละๆกันไป โดยคิดว่าส่วนมากอายุของนักลงทุนน่าจะเป็นปัจจัยหลักในการกำหนด Style ของแต่ละคน
- Lionel
- Verified User
- โพสต์: 118
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
ขอบคุณครับ ทั้ง อาจารย์ ดร.นิเวศน์ และพี่ little wing ที่นำบทความของท่านมาให้อ่านเสมอๆ ขอบคุณครับ
There's someone I'm in love with...
Although I can't be with her now...
I'm still in love with her...
Although I can't be with her now...
I'm still in love with her...
- KGYF
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระยะเวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 21
ขอบคุณมากครับ
ผมพยายามจะเลือกหุ้นตามแนวทาง ลินซ์ นะครับ
บนความเสี่ยง และ ผลตอบแทนที่สูงน่าจะพอ บาลานซ์กันได้
แต่ผมไม่กล้าซื้อหุ้น turn around เท่านั้นเอง ส่วนมากผมจะเน้นหุ้นที่พื้นฐานใช้ได้
แต่กำไรโต ไม่กล้าซื้อหุ้นที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนครับ
ผมพยายามจะเลือกหุ้นตามแนวทาง ลินซ์ นะครับ
บนความเสี่ยง และ ผลตอบแทนที่สูงน่าจะพอ บาลานซ์กันได้
แต่ผมไม่กล้าซื้อหุ้น turn around เท่านั้นเอง ส่วนมากผมจะเน้นหุ้นที่พื้นฐานใช้ได้
แต่กำไรโต ไม่กล้าซื้อหุ้นที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนครับ
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
- fridayseptember
- Verified User
- โพสต์: 4
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ระยะวลาลงทุน/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 24
มาหาความรู้เพิ่มเติมค่ะ ขอบคุณค่ะ