ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
- thalucoz
- Verified User
- โพสต์: 658
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 31
เห็นด้วยกับพี่ J.Livermore ครับ วิธีแบบ DCF นั้นเนื่องจากเราต้องประมาณการณ์ตัวแปรมากมาย แถมมีความเสี่ยงจาก ปัจจัยภายใน (ข้อมูลที่เราเข้าใจ) กับปัจจัยภายนอก --------------- ดังนั้นถ้านำไปใช้กับกิจการที่มีผลประกอบการขึ้น ๆ ลง ๆ เราจะใช้ไม่ได้ผลเพราะคาดการณ์ค่า G ไม่ได้ครับ
วิธีนี้จึงเหมาะกับกิจการที่ค่าต่าง ๆ ค่อนข้างจะคงที่ หรือ เป็นการประเมินเพื่อลงทุนระยะสั้น ๆ ( ของผมประมาณ 1 - 3 ปี) ซึ่งเหมาะกับการประเมินมูลค่าทั้งบริษัทมากกว่า เนื่องจากวิธีนี้มีจุดอ่อนจากตัวแปรหลายตัว แต่ที่ผมยังต้องใช้เพราะ วิธีนี้จะเป็นการอธิบายให้เราทราบคร่าว ๆ ว่า เงินสดของกิจการเป็นอย่างไร มาจากไหน ใช้ไปทำอะไร ใช้แล้วได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายในการ Maintanace เท่าไหร่ มีการกู้หนี้ยืมสินมาไหม กิจการใช้ทุนในส่วนไหน โครงสร้างทุนของกิจการมาจากหนี้ หรือ ทุน และที่สำคัญเวลาเราเอางบกระแสเงินสดมาเรียงต่อกันหลาย ๆ ปีเราจะเห็น Trand ของเงินสด การลงทุน แต่อย่าเพิ่งใช้ตัวเลขเฉลี่ยนะครับ เพราะเราต้องเอาข้อมูลที่เราอ่าน ๆ มา นำมาเทียบด้วยว่าเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นไหม
เช่น กิจการค้าปลีก Working Capital ส่วนใหญ่จะเป็นค่า + เพราะขายเป็นเงินสด แต่ชำระหนี้เป็นเงินเชื่อ กว่าจะถึง Deal ชำระก็อีก 1-3 เดือน บริษัทเหล่านี้สามารถนำเงินสดไปหมุน เพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มได้อีก บางบริษัทสามารถนำเงินสดตรงนี้ไปใช้ในการขยายสาขาเพิ่ม โดยไม่ใช้เงินของตัวเองสักกะบาทก็มี ซึ่งส่วนใหญ่ก็ควรเป็นแบบนั้นแต่ไม่เสมอไป แล้วแต่บริษัทครับ ซึ่งตรงนี้หลังจากเราอ่าน 56-1 ไปแล้วเราก็สามารถจะเอา ข้อมูล ลักษณะการประกอบกิจการ ข้อมูลของบริษัทต่าง ๆ มา Recheck เบื้องต้นได้ในงบ ซึ่งถ้าเราใช้บ่อย ๆ เราจะมีความชำนาญมากขึ้นและใช้เวลาในการทำน้อยลง (เนื่องจากเรารู้ข้อจำกัดของวิธีนี้ เราจึงไม่ได้ประมาณตัวเลขออกมาเป็นแบบละเอียดมาก แต่ให้มีนัยยะสำคัญเพียงพอก็ใช้ได้แล้วครับ) แต่ถึงจะใช้เวลาน้อยลงแต่ก็ใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลมากอยู่ดีครับ
มูลค่าที่ได้จากการคำนวณผมจะเผื่อไว้มาก ๆ ตามขอบเขตความรู้ของตัวเอง ถ้าเข้าใจมาก หรือมั่นใจมากก็เผื่อไว้น้อยหน่อย แต่ถ้าเข้าใจน้อย หรือไม่ค่อยมั่นใจ ผมจะเผื่อไว้มากหน่อย
ส่วนหนังสือก็ วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเอง ของ พี่ สุมาอี้ครับ
วิธีนี้จึงเหมาะกับกิจการที่ค่าต่าง ๆ ค่อนข้างจะคงที่ หรือ เป็นการประเมินเพื่อลงทุนระยะสั้น ๆ ( ของผมประมาณ 1 - 3 ปี) ซึ่งเหมาะกับการประเมินมูลค่าทั้งบริษัทมากกว่า เนื่องจากวิธีนี้มีจุดอ่อนจากตัวแปรหลายตัว แต่ที่ผมยังต้องใช้เพราะ วิธีนี้จะเป็นการอธิบายให้เราทราบคร่าว ๆ ว่า เงินสดของกิจการเป็นอย่างไร มาจากไหน ใช้ไปทำอะไร ใช้แล้วได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายในการ Maintanace เท่าไหร่ มีการกู้หนี้ยืมสินมาไหม กิจการใช้ทุนในส่วนไหน โครงสร้างทุนของกิจการมาจากหนี้ หรือ ทุน และที่สำคัญเวลาเราเอางบกระแสเงินสดมาเรียงต่อกันหลาย ๆ ปีเราจะเห็น Trand ของเงินสด การลงทุน แต่อย่าเพิ่งใช้ตัวเลขเฉลี่ยนะครับ เพราะเราต้องเอาข้อมูลที่เราอ่าน ๆ มา นำมาเทียบด้วยว่าเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นไหม
เช่น กิจการค้าปลีก Working Capital ส่วนใหญ่จะเป็นค่า + เพราะขายเป็นเงินสด แต่ชำระหนี้เป็นเงินเชื่อ กว่าจะถึง Deal ชำระก็อีก 1-3 เดือน บริษัทเหล่านี้สามารถนำเงินสดไปหมุน เพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มได้อีก บางบริษัทสามารถนำเงินสดตรงนี้ไปใช้ในการขยายสาขาเพิ่ม โดยไม่ใช้เงินของตัวเองสักกะบาทก็มี ซึ่งส่วนใหญ่ก็ควรเป็นแบบนั้นแต่ไม่เสมอไป แล้วแต่บริษัทครับ ซึ่งตรงนี้หลังจากเราอ่าน 56-1 ไปแล้วเราก็สามารถจะเอา ข้อมูล ลักษณะการประกอบกิจการ ข้อมูลของบริษัทต่าง ๆ มา Recheck เบื้องต้นได้ในงบ ซึ่งถ้าเราใช้บ่อย ๆ เราจะมีความชำนาญมากขึ้นและใช้เวลาในการทำน้อยลง (เนื่องจากเรารู้ข้อจำกัดของวิธีนี้ เราจึงไม่ได้ประมาณตัวเลขออกมาเป็นแบบละเอียดมาก แต่ให้มีนัยยะสำคัญเพียงพอก็ใช้ได้แล้วครับ) แต่ถึงจะใช้เวลาน้อยลงแต่ก็ใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลมากอยู่ดีครับ
มูลค่าที่ได้จากการคำนวณผมจะเผื่อไว้มาก ๆ ตามขอบเขตความรู้ของตัวเอง ถ้าเข้าใจมาก หรือมั่นใจมากก็เผื่อไว้น้อยหน่อย แต่ถ้าเข้าใจน้อย หรือไม่ค่อยมั่นใจ ผมจะเผื่อไว้มากหน่อย
ส่วนหนังสือก็ วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเอง ของ พี่ สุมาอี้ครับ
FREEDOM ---------- HOLD MY HAND
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 32
ค้าปลีก Working Capital เป็น ลบ ไม่ใช่หรือครับเช่น กิจการค้าปลีก Working Capital ส่วนใหญ่จะเป็นค่า + เพราะขายเป็นเงินสด แต่ชำระหนี้เป็นเงินเชื่อ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- puesapa
- Verified User
- โพสต์: 144
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 33
รบกวนด้วยค่ะ [email protected]. ขอบคุณค่ะchiraponge เขียน:
ของผมพอดีลงวิชา portfolio พอดี
มี อ. มาสอน ทำ lecture ไว้ ถ้าสนใจก็บอกนะครับจะ scan ส่งให้
(แต่อาจอ่านลำบากหน่อย ลายมือผู้ชายอะครับ)
อีกอัน คือ text ที่ แจกตอนเรียน เล่มสีชมพู ม่วงๆ
valuation ทั้งเล่มเลยครับ แต่ที่ได้จากวิชานี้ คือ
อ.ให้ทำ valution หุ้นใน MAI มา present ทำตั้งแต่ industry analysis SPELT, SWOT fiveforce เสียเวลาหน่อย แต่คุ้มครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 34
จริงๆผมยากจะลงทุนยาวๆอ่ะครับ สัก สามปี ขึ้นไป แต่ผมประเมินdcfไม่เป็นอ่ะครับ ได้แต่เอาอัตราเติบโตในอดีตมันอิงกับการเติบโตในอานาคตgigaslash เขียน:ประเด็นน่าจะอยู่ที่ คุณลงทุนแบบไหนมากกว่าน่ะครับ ถ้าไม่ได้คิดจะอยู่กับกิจการนี้ไปนานๆ การใช้ DCF ก็ออกจะผิดประเด็นไปอยู่เพราะกว่า model นี้จะตอบสนองก็คงจะกินเวลานาน แต่จะใช้ได้ดี มากสำหรับหุ้นที่ mature แล้ว ไม่โตไปมากกว่านี้ เงินเข้าสม่ำเสมอ และ factor ต่างๆ ทำการประเมินได้ง่าย แต่สำหรับหุ้น growth จะทำได้ยาก เพราะการประเมินอนาคต ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างดีที่สุดเราทำได้แค่วางกรอบแบบที่มันควรจะเป็น แต่เราก็ไม่รู้ว่าบริษัทที่ประกอบไปด้วยคนจำนวนมากจะทำได้ตามเป้าที่วางหรือไม่ ผู้บริหารจะใส่ใจหรือไม่ ปัจจัยต่างๆ มันอยู่ที่คน และมุมมองเป็นเรื่องสำคัญ(อย่างบริษัทที่ใช้ Commodities เป็นวัตถุดิบ จะคาดการณ์ยาก) ไม่ว่าในที่สุดแล้วมันจะตรงตามนั้นหรือไม่ DCF ก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะละเลยถ้าคิดจะลงทุนยาวๆ แบบ buffet เพราะ อย่างน้อยมันก็เป็นกระบวนการหนึ่งที่ทำให้คุณรู้จักบริษัทดีในระดับหนึ่ง และเป็นกรอบราคาเบื้องต้นที่คุณควรจะใช้พิจารณาในการซื้อขาย
ชอบศึกษาหุ้นเชิงวิชาการมาก
- thalucoz
- Verified User
- โพสต์: 658
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 35
ขอบคุณที่ทักครับพี่ Jo พอดีผมดูแต่ตัวที่ผมถืออยู่ เอาเป็นว่าขอแก้เป็นถ้าเป็นค้ากิจการปกติ Working Capital ต้องมีค่าติดลบ แต่ก็มีที่บางบริษัทตรงนี้เป็นบวกซึ่งจะไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้ครับ แต่ขอให้ดูไส้ในให้ดีครับว่าที่ติดลบน่ะ เพราะรายการไหน จริง ๆ อยากจะให้ Focus ไปที่ ลูกหนี้กับเจ้าหนี้การค้า แล้วก็สินค้าคงเหลือครับ (จริง ๆ แล้วถ้าเฉพาะส่วนนี้รวมกันจะเป็น + ครับ) ส่วนที่เหลือจากนี้น่าจะเป็นการบริหารเงินสดของแต่ละบริษัทว่าจะเอาเงินสดที่ได้ไปจ่ายอะไรมากกว่า โดยข้ามการจ่ายเจ้าหนี้ไปก่อนครับjo7393 เขียน:ค้าปลีก Working Capital เป็น ลบ ไม่ใช่หรือครับเช่น กิจการค้าปลีก Working Capital ส่วนใหญ่จะเป็นค่า + เพราะขายเป็นเงินสด แต่ชำระหนี้เป็นเงินเชื่อ
FREEDOM ---------- HOLD MY HAND
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 36
การประเมินมูลค่าแบบนี่ ไม่เห็น research ของ broker เขาทำเป็นแบบหลายๆปีเลยครับ
เห็นทำแค่ปีเดียวเท่านั้นเอง คงกลัวนักลงทุนซื้อเก็บแล้วไม่ได้ค่าคอมแน่เลย
น่าจะีมี broker แหวกแนวทำบ้าง และให้เฉพาะลูกค้า น่าจะได้ลูกค้าเพิ่มน๊ะครับ
เห็นทำแค่ปีเดียวเท่านั้นเอง คงกลัวนักลงทุนซื้อเก็บแล้วไม่ได้ค่าคอมแน่เลย
น่าจะีมี broker แหวกแนวทำบ้าง และให้เฉพาะลูกค้า น่าจะได้ลูกค้าเพิ่มน๊ะครับ
I am Billionaire
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 37
- gappom
- Verified User
- โพสต์: 147
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 38
แนะนำด้วยครับอ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้างcasper_m เขียน:Valuation: Measuring and Managing the Value of Companies
http://www.amazon.com/Valuation-Measuri ... 0471702188
วิชาการสุดๆ ผมอ่านแล้วแต่ยังไม่จบก็ว่าดีเหมือนกัน
เล่นนี้ใช้กันส่วนมากใน class valuation ในอเมริกา Private Equity and Venture Capital
เมื่อวานมีได้เจอ PE มาเป็น guest speaker ผมถามว่าเค้าใช้มั้ย เค้าบอกเค้าไม้่ใช้
แต่อาจจะเป็นเพราะเค้าทำมานาน เค้าเลยประเมินราคาขายของบริษัทในอนาคตได้
download
http://www.4shared.com/get/3HoV9noA/Val ... romss.html
- Mp808
- Verified User
- โพสต์: 254
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 39
Just a thought na krub. If you do make a pro forma forward many years into the future, then should you include the boom and bust cycle of the economy into your forecast. Sure, we don't know when the economy will boom or when it will bust, but, for example, within the last 30 years, we can see that a recession occurs about every ten years and it lasts, on average, a little over a year. So you could adjust your forecast for each item in the financial statement accordingly. Do you think that could improve your pro forma or do you think it will make it even worse? Do you think CAGR is enough to adjust for the economic boom and bust cycle?
Winter is coming...
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 40
P' MP808
I do not think we should use economic scenarios into the model specifically. But, what we should do is to forecast sales in any scenario instead.
In DCF model recommended in the Mackenzie book, we should forecast firm's operation at least 5- 10 years or until the firm reach steady stage cash flow. Then, after that, we use perpetual formula to get terminal value which basically we use an assumption that the firm will grow with the economy or average GDP.
And, I guess when we use growth rate at the GDP level, we account for boom or busted economy already. So, no need to be specific about economic scenarios.
I do not think we should use economic scenarios into the model specifically. But, what we should do is to forecast sales in any scenario instead.
In DCF model recommended in the Mackenzie book, we should forecast firm's operation at least 5- 10 years or until the firm reach steady stage cash flow. Then, after that, we use perpetual formula to get terminal value which basically we use an assumption that the firm will grow with the economy or average GDP.
And, I guess when we use growth rate at the GDP level, we account for boom or busted economy already. So, no need to be specific about economic scenarios.
- Mp808
- Verified User
- โพสต์: 254
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 41
Thank you for your response krub K. casper_m.
Thinking about it again, it's probably better just to use the CAGR to average it out, so that the results have a low volatility, and so will the level of error in the pro forma.
Thinking about it again, it's probably better just to use the CAGR to average it out, so that the results have a low volatility, and so will the level of error in the pro forma.
Winter is coming...
-
- Verified User
- โพสต์: 448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 42
ขอบคุณทุกท่านมากเลยครับที่มาแสดงความเห็นครับ
สำหรับผมคงต้องอ่านประเมินมูลค่าหุ้นด้วยตัวเองอีกรอบแล้วละครับ ยากมากๆเลยครับDCF คิดว่าคงใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเริ่มเข้าใจครับ
สำหรับผมคงต้องอ่านประเมินมูลค่าหุ้นด้วยตัวเองอีกรอบแล้วละครับ ยากมากๆเลยครับDCF คิดว่าคงใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเริ่มเข้าใจครับ
ชอบศึกษาหุ้นเชิงวิชาการมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 43
ต้องบอกว่าเคยใช้หมดทุกวิธี แต่ไม่รู้ถูกป่าว 55
ตอนหลังเริ่มไม่ใช้ เริ่มประมาณการกำไรแล้วจับคูณด้วย PE ที่เหมาะสม 55 (ล้าหลังลงไปอีก) หรืออีกวิธีคือ
การคำนวณ EPSแล้วดู dividend payout จะช่วยให้เห็นภาพว่ากำไรที่ได้หากมาจ่ายปันผลแล้ว yeild เท่าไหร่ แล้วลงดูว่าสมมุติตลาดพอใจ yeild 6% ราคาที่ถูกไล่เพื่อรับปันผล 6% มันคือราคาเท่าไหร่ (และ PE ณ จุดนั้นสมเหตุสมผลกับความคาดหวังของกิจการในอนาคต และ ROE หรือไม่) หากหุ้นหลุ่มที่ผันผวนอาจจะเพิ่ม yeild ตามความเสี่ยง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเป้าหมายมี PE ที่ต่ำลง
สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะ....
1. เร็วดี (หรือผมขี้เกียจนั่นเอง 55)
2. assumption ในการทำ DCF นั้นเป็นสิ่งที่เรากำหนดเอง หากเรากำหนดผิด แม้วิธีจะถูก ผลที่ได้ก็ผิด แต่ถ้าหากเรากำหนดถูกแล้วนักลงทุนคนอื่นกำหนดผิด เราก็อาจจะผิดได้อยู่ดีเพราะตลาดไม่เห็นด้วย
3. นักลงทุนส่วนมากไม่ได้ใช้วิธีซับซ้อนแบบนี้ ดังนั้นอาจจะดีกว่าถ้าเราเรียนรู้ว่าเขาคิดยังไง มากกว่าจะรู้ว่าเราคิดยังไง
ที่จริงแล้วผมก็ยังทำบ้าง แต่โดยมากใช้ DDM เพื่อเช็ค margin of safety แต่วิธีพวกนี้มันก็ใช้ได้กับหุ้นบางกลุ่ม ประเภทอสังหา หรือ commodity ที่ผันผวนมากๆผมว่าใช้ PE จับคูณยังใกล้เคียงกว่า
ตอนหลังเริ่มไม่ใช้ เริ่มประมาณการกำไรแล้วจับคูณด้วย PE ที่เหมาะสม 55 (ล้าหลังลงไปอีก) หรืออีกวิธีคือ
การคำนวณ EPSแล้วดู dividend payout จะช่วยให้เห็นภาพว่ากำไรที่ได้หากมาจ่ายปันผลแล้ว yeild เท่าไหร่ แล้วลงดูว่าสมมุติตลาดพอใจ yeild 6% ราคาที่ถูกไล่เพื่อรับปันผล 6% มันคือราคาเท่าไหร่ (และ PE ณ จุดนั้นสมเหตุสมผลกับความคาดหวังของกิจการในอนาคต และ ROE หรือไม่) หากหุ้นหลุ่มที่ผันผวนอาจจะเพิ่ม yeild ตามความเสี่ยง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเป้าหมายมี PE ที่ต่ำลง
สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะ....
1. เร็วดี (หรือผมขี้เกียจนั่นเอง 55)
2. assumption ในการทำ DCF นั้นเป็นสิ่งที่เรากำหนดเอง หากเรากำหนดผิด แม้วิธีจะถูก ผลที่ได้ก็ผิด แต่ถ้าหากเรากำหนดถูกแล้วนักลงทุนคนอื่นกำหนดผิด เราก็อาจจะผิดได้อยู่ดีเพราะตลาดไม่เห็นด้วย
3. นักลงทุนส่วนมากไม่ได้ใช้วิธีซับซ้อนแบบนี้ ดังนั้นอาจจะดีกว่าถ้าเราเรียนรู้ว่าเขาคิดยังไง มากกว่าจะรู้ว่าเราคิดยังไง
ที่จริงแล้วผมก็ยังทำบ้าง แต่โดยมากใช้ DDM เพื่อเช็ค margin of safety แต่วิธีพวกนี้มันก็ใช้ได้กับหุ้นบางกลุ่ม ประเภทอสังหา หรือ commodity ที่ผันผวนมากๆผมว่าใช้ PE จับคูณยังใกล้เคียงกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ดีครับ เวลาหามูลค่าหุ้น มีใครชอบใช้DCFบ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 44
ขอบคุณครับ รบกวนช่วยส่งมาหน่อยได้มั้ยครับchiraponge เขียน:ของผมพอดีลงวิชา portfolio พอดีcyber-shot เขียน:thalucoz เขียน:ของผมใช้ตลอดครับ (แต่จะเอาไปใช้เทียบได้ไหมอีกเรื่องครับ) ความสำคัญของวิธีนี้น่าจะอยู่ที่ว่า มันทำให้เรามองภาพของบริษัทชัดเจนขึ้นครับ ( ถ้าถึงขนาด Estimate ค่าต่าง ๆ ได้ก็ต้องมีความเข้าใจมาพอควรล่ะ ) และแน่นอนว่าเราจะเข้าใจทันทีเวลาวิเคราะห์ แทนค่าตัวแปรต่าง ๆ ว่าอะไรเป็นจุดสำคัญในกิจการนี้ครับ
เช่น เงินสดว่ามาก ๆ จะยืนยาวไหมถ้า เงินสดที่ว่ามาจากการขายสินทรัพย์ หรือมาจากการระบายสินทรัพย์ออกไป ซึ่งไม่รู้ว่าต่อไปซื้อกลับจะได้ราคานี้หรือเปล่า กิจการนี้สร้างเงินสดได้เยอะจริง ๆ แต่ก็ลงทุนเยอะด้วยเช่นกัน แถมยังวูบ ๆ วาบ ปีนึงลงทุน อีกปีไม่ลงซะแล้ว เป็นต้นครับ
หลัง ๆ ผมจะใช้แค่คร่าวให้ผมพอรู้ว่าเวลา เตรียมหรือศึกษาข้อมูลควรระวังอะไรเป็นพิเศษครับ
ช่วยแนะนำวิธี ศึกษาDCFหน่อยได้มั้ยครับ มีหนังสือแนะนำบ้างมั้ยครับ ถ้าDCF มีหนังสือของคุณสุมาอี้เล่มเดียวเองที่ผมเห็นในร้านหน้งสือนะครับ แสดงมีหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับDCFไม่มากใช่มั้ยครับ หรือต้องไปอ่านหนังสือฝรั่งกันเลย
มี อ. มาสอน ทำ lecture ไว้ ถ้าสนใจก็บอกนะครับจะ scan ส่งให้
(แต่อาจอ่านลำบากหน่อย ลายมือผู้ชายอะครับ)
อีกอัน คือ text ที่ แจกตอนเรียน เล่มสีชมพู ม่วงๆ
valuation ทั้งเล่มเลยครับ แต่ที่ได้จากวิชานี้ คือ
อ.ให้ทำ valution หุ้นใน MAI มา present ทำตั้งแต่ industry analysis SPELT, SWOT fiveforce เสียเวลาหน่อย แต่คุ้มครับ
ชอบศึกษาหุ้นเชิงวิชาการมาก