มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
- shumbrotta
- Verified User
- โพสต์: 290
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 241
พนักงานเงินเดือนก็เก็บเงินเพื่อลงทุนในหุ้นแบบ VI อย่างเดียว และอดทนต่อไปครับ เพือ่อนาคตของเรา นั่นคือการลงทุนของผมเอง
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 242
ผมอยากเอาแนวคิอเรื่องเก็บเงินลงทุนมาฝากในห้องนี้บ้าง
เอามาจาก กระทู้นี้ครับ
[url]
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=45074[/url]
2.จำนวนเงินที่เติมลงไป
ยิ่งมากยิ่งดี ในตอนแรก พอพอร์ตใหญ่พอ
เงินที่เติมลงไปไม่ค่อยมีผลต่อมูลค่าพอร์ตแล้ว
เมื่อนั้นจะเลิกทำงานหหาเงิน ก็ตัดสินใจง่ายขึ้น
ผมชอบคำว่า" Balance" ของน้อง yoyo ผมคิดหาตั้งนาน
หากเราสามารถ balance การใช้เงิน ใช้เวลาได้เหมาะสม
กับสถานะของตัวเอง ณ ขณะนั้นๆ
มันจะทำให้เรา Balance ความลำบากความสบาย ได้ยั่งยืนครับ
ผมอยากขยายความข้อนี้มากหน่อย
เพราะ เป็นตัวหนึงที่มีผลมากๆสำหรับคนที่ยังมีขนาดพอร์ตเล็กอยู่
ผมคุยกับเพื่อนสนิทคนหนึง ที่เขาลงทุนมาก่อนผมหลายปี
ขอบอกว่าพอร์ตผมโตเร็งไล่พอร์ตเขาจะทันอยู่แล้ว
เราจึงมองว่า ความสำคัญของการ หมั่นเติมเงินลงไปอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อให้พอร์ตมันเติบโต
ผมขอแนะนำให้ balance spending : saving for investing อย่างนี้ครับ
1. 100:0 ผมเริ่มจากศูนย์แล้วกันนะ (ชีวิตจริงผมเริ่มจากติดลบครับ) ขั้นนี้มี 100 ใช้ 100 หามาได้ใช้เดือนชนเดือนคนประเภทนี้ ไม่รู้จักคำว่า"เก็บ" รู้แต่ "เก็บยังไง" มองหาอนาคตทางการเงินไม่เจอ
2. 80:20=ผมเข้าใจว่าทุกคนให้เหตุผลว่า "ยังมีภาระต้องจ่าย" มีความจำเป็นต้องใช้เงิน มีพ่อแม่ต้องเลี้ยงดู
3. 70:30=ขั้นนี้ ภาระน้อยลง ความจำเป็นน้อยตัดออกไปก่อน บุพการียังต้องเลี้ยง
4. 60:40=สะสางภาระออกไป เช่นบัตรเครดิต ค่าผ่อนรถ เหลือไว้เท่าที่จำเป็น เลี้ยงดูพ่อแม่
5. 50:50= ตอนนี้มาครึ่งทางแล้วครับ อดทนหน่อยกับสิ่งที่สะดวกสะบาย ใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็นจริงๆ ให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า คนอื่นลำบากกว่าเราเยอะแยะ แต่อย่าให้พ่อแม่ลำบากนะครับ
6. 40:60=ตอนนี้ถือว่าเป็นคนเก็บตัวยงแล้ว ถือว่าเอาชนะใจตัวเองได้แล้ว
7. 30:70=ตอนนี้เงินที่เก็บคงจะเป็นกอบเป็นกำ เอาเงินไปปลูกอย่างฉลาด
มีแนวกันไฟกันน้ำท่วมอย่างให้ต้นมันหายอย่างเด็ดขาด
8. 20:80=ทำได้ถึงระดับนี้รวยทุกรายครับ เราจะภูมิใจมาก กับพอร์ตที่มันเติบโต และ เราใช้จ่ายด้วยเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
9. 100:0=ทำงานแต่พอใช้ ไม่ต้องลำบากหาเงินเติมอีกต่อไป
เพราะเงินที่เติมลงไปไม่มีผลต่อขนาดพอร์ตแล้ว Financial Freedom อยู่แค่เอื้อม
จะเห็นว่า ข้อ 1 กับ ข้อ 9 อัตราการ ใช้ : เก็บลงทุน (ใช้ 100 เก็บ 0 ) เหมือนกัน แต่ พูดกันคนละเรื่องครับ
นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะสื่อ "ลำบากก่อน ผ่อนคลายทีหลัง"
เอามาจาก กระทู้นี้ครับ
[url]
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=45074[/url]
2.จำนวนเงินที่เติมลงไป
ยิ่งมากยิ่งดี ในตอนแรก พอพอร์ตใหญ่พอ
เงินที่เติมลงไปไม่ค่อยมีผลต่อมูลค่าพอร์ตแล้ว
เมื่อนั้นจะเลิกทำงานหหาเงิน ก็ตัดสินใจง่ายขึ้น
ผมชอบคำว่า" Balance" ของน้อง yoyo ผมคิดหาตั้งนาน
หากเราสามารถ balance การใช้เงิน ใช้เวลาได้เหมาะสม
กับสถานะของตัวเอง ณ ขณะนั้นๆ
มันจะทำให้เรา Balance ความลำบากความสบาย ได้ยั่งยืนครับ
ผมอยากขยายความข้อนี้มากหน่อย
เพราะ เป็นตัวหนึงที่มีผลมากๆสำหรับคนที่ยังมีขนาดพอร์ตเล็กอยู่
ผมคุยกับเพื่อนสนิทคนหนึง ที่เขาลงทุนมาก่อนผมหลายปี
ขอบอกว่าพอร์ตผมโตเร็งไล่พอร์ตเขาจะทันอยู่แล้ว
เราจึงมองว่า ความสำคัญของการ หมั่นเติมเงินลงไปอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อให้พอร์ตมันเติบโต
ผมขอแนะนำให้ balance spending : saving for investing อย่างนี้ครับ
1. 100:0 ผมเริ่มจากศูนย์แล้วกันนะ (ชีวิตจริงผมเริ่มจากติดลบครับ) ขั้นนี้มี 100 ใช้ 100 หามาได้ใช้เดือนชนเดือนคนประเภทนี้ ไม่รู้จักคำว่า"เก็บ" รู้แต่ "เก็บยังไง" มองหาอนาคตทางการเงินไม่เจอ
2. 80:20=ผมเข้าใจว่าทุกคนให้เหตุผลว่า "ยังมีภาระต้องจ่าย" มีความจำเป็นต้องใช้เงิน มีพ่อแม่ต้องเลี้ยงดู
3. 70:30=ขั้นนี้ ภาระน้อยลง ความจำเป็นน้อยตัดออกไปก่อน บุพการียังต้องเลี้ยง
4. 60:40=สะสางภาระออกไป เช่นบัตรเครดิต ค่าผ่อนรถ เหลือไว้เท่าที่จำเป็น เลี้ยงดูพ่อแม่
5. 50:50= ตอนนี้มาครึ่งทางแล้วครับ อดทนหน่อยกับสิ่งที่สะดวกสะบาย ใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็นจริงๆ ให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า คนอื่นลำบากกว่าเราเยอะแยะ แต่อย่าให้พ่อแม่ลำบากนะครับ
6. 40:60=ตอนนี้ถือว่าเป็นคนเก็บตัวยงแล้ว ถือว่าเอาชนะใจตัวเองได้แล้ว
7. 30:70=ตอนนี้เงินที่เก็บคงจะเป็นกอบเป็นกำ เอาเงินไปปลูกอย่างฉลาด
มีแนวกันไฟกันน้ำท่วมอย่างให้ต้นมันหายอย่างเด็ดขาด
8. 20:80=ทำได้ถึงระดับนี้รวยทุกรายครับ เราจะภูมิใจมาก กับพอร์ตที่มันเติบโต และ เราใช้จ่ายด้วยเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
9. 100:0=ทำงานแต่พอใช้ ไม่ต้องลำบากหาเงินเติมอีกต่อไป
เพราะเงินที่เติมลงไปไม่มีผลต่อขนาดพอร์ตแล้ว Financial Freedom อยู่แค่เอื้อม
จะเห็นว่า ข้อ 1 กับ ข้อ 9 อัตราการ ใช้ : เก็บลงทุน (ใช้ 100 เก็บ 0 ) เหมือนกัน แต่ พูดกันคนละเรื่องครับ
นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะสื่อ "ลำบากก่อน ผ่อนคลายทีหลัง"
-
- Verified User
- โพสต์: 495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 243
อ่านทุกหน้าเลยครับ ได้แง่คิด ไปเยอะเลย
แต่ตอนนี้อยากรู้ว่า เวลาผ่านมา เงิน 18,000 ของพี่ sommul
ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ
กลับมาเล่าให้ฟังด้วยครับ
แต่ตอนนี้อยากรู้ว่า เวลาผ่านมา เงิน 18,000 ของพี่ sommul
ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ
กลับมาเล่าให้ฟังด้วยครับ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 245
เงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ ???? ไม่จริงมั้งครับ
พึ่งรู้ว่า VI ต้้องคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
VI ก้เหมือนนักลงทุนที่ชอบเดินหาของแบกะดินมาปัดฝุ่น เคยไปเดินตลาดนัดไหมครับ
ปีก่อนผมได้ลำโพง bose ของเก่ามา คู่หนึ่ง ได้มาในราคาที่ถูกกว่า
นักเล่นเค้าเล่นกันมาก ซึ่ง ตอนหลังฟังเบื่อก้เลยขายไป ได้กำไรอีก 1 เท่าของที่ซื้อมา
มันก้มีความเสี่ยงตรง ถ้าเราดูของแท้กับของปลอมไม่ออก เราจะซื้อไม่ได้
VI ไม่เกี่ยงว่ามีเงินมากเงินน้อย แต่ VI เกี่ยงว่า สินค้าที่ซื้อมามันถูก+คุณภาพดีหรือเปล่า
พึ่งรู้ว่า VI ต้้องคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
VI ก้เหมือนนักลงทุนที่ชอบเดินหาของแบกะดินมาปัดฝุ่น เคยไปเดินตลาดนัดไหมครับ
ปีก่อนผมได้ลำโพง bose ของเก่ามา คู่หนึ่ง ได้มาในราคาที่ถูกกว่า
นักเล่นเค้าเล่นกันมาก ซึ่ง ตอนหลังฟังเบื่อก้เลยขายไป ได้กำไรอีก 1 เท่าของที่ซื้อมา
มันก้มีความเสี่ยงตรง ถ้าเราดูของแท้กับของปลอมไม่ออก เราจะซื้อไม่ได้
VI ไม่เกี่ยงว่ามีเงินมากเงินน้อย แต่ VI เกี่ยงว่า สินค้าที่ซื้อมามันถูก+คุณภาพดีหรือเปล่า
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 246
มันสำคัญที่วิธีครับ ไม่ได้สำคัญที่เงิน
วิธีแบบ VI คือแบบไหนกันแน่ระหว่าง
1.ซื้อหุ้นที่คิดว่าจะดี ในอนาคต เมื่อราคายังไม่ตอบสนองต่ออนาคต
2.ไล่ซื้อหุ้นที่ดี เมื่อคนเค้าแห่กันซื้อ บทวิเคราะห์ออกเยอะๆ
แบบ2 ผมไม่นับญาติด้วยหรอกครับ เพราะอาจารย์เค้าเรียกพวกนี้ว่า CI
เรียกโก้ๆๆหน่อย ก้พวก เล่นตามสเลป คนประเภท2 มองไม่ออกหรอกครับว่า ของถูกหรือแพง
คนประเภท2 มักมีมากกว่าประเภท1 และมักจะเป็นคนที่มีจริตรั้น ไม่ฟังคำทัดทานใดๆ
ว่าง่ายๆๆ ใครขัดเนี่ย ด่ายับ
แต่คนประเภท2 บางคนที่สำนึกได้ ว่า การขัดของคนอื่นเป็นประโยชน์ ก้จะก้าวเข้าสู่คนประเภท1
VI เค้าต้องมี2หูครับ ไม่ได้มีแค่ ปากอย่างเดียว น้ำเต็มแก้วไม่ใช่ VI
วิธีแบบ VI คือแบบไหนกันแน่ระหว่าง
1.ซื้อหุ้นที่คิดว่าจะดี ในอนาคต เมื่อราคายังไม่ตอบสนองต่ออนาคต
2.ไล่ซื้อหุ้นที่ดี เมื่อคนเค้าแห่กันซื้อ บทวิเคราะห์ออกเยอะๆ
แบบ2 ผมไม่นับญาติด้วยหรอกครับ เพราะอาจารย์เค้าเรียกพวกนี้ว่า CI
เรียกโก้ๆๆหน่อย ก้พวก เล่นตามสเลป คนประเภท2 มองไม่ออกหรอกครับว่า ของถูกหรือแพง
คนประเภท2 มักมีมากกว่าประเภท1 และมักจะเป็นคนที่มีจริตรั้น ไม่ฟังคำทัดทานใดๆ
ว่าง่ายๆๆ ใครขัดเนี่ย ด่ายับ
แต่คนประเภท2 บางคนที่สำนึกได้ ว่า การขัดของคนอื่นเป็นประโยชน์ ก้จะก้าวเข้าสู่คนประเภท1
VI เค้าต้องมี2หูครับ ไม่ได้มีแค่ ปากอย่างเดียว น้ำเต็มแก้วไม่ใช่ VI
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 247
เหนือฟ้าก้ยังมีฟ้า หนึ่งคนอาจเก่งหมัดมวยแต่ไม่เก่งกระบี่ หนึ่งคนอาจเก่งบู๊แต่ไม่เก่งบุ๋น
VI ที่เก่งกว่าเราก้ยังมี ถ้าไม่ฟังเมื่อไหร่เล่าเราจะรู้ ถ้าไม่ดูเมื่อไหร่เล่าเราจะเห็น
เมื่อไม่คิดเมื่อไหร่เล่าเราจะเป็น
หลักสำคัญคือ VIจะมองกิจการนั้นเป็นของตัวเอง ปัจจัยอะไรที่เป็นข้อดีข้อเสีย
เค้าจะฟังก่อน แล้วค่อยพูด
แต่ CI พูดก่อน ค่อยฟัง
VI ที่เก่งกว่าเราก้ยังมี ถ้าไม่ฟังเมื่อไหร่เล่าเราจะรู้ ถ้าไม่ดูเมื่อไหร่เล่าเราจะเห็น
เมื่อไม่คิดเมื่อไหร่เล่าเราจะเป็น
หลักสำคัญคือ VIจะมองกิจการนั้นเป็นของตัวเอง ปัจจัยอะไรที่เป็นข้อดีข้อเสีย
เค้าจะฟังก่อน แล้วค่อยพูด
แต่ CI พูดก่อน ค่อยฟัง
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 250
คำถาม มีประโยชน์มากเลยครับ เลยขอเล่าเรื่องของผมบ้างครับ ผมก็เริ่มจากเงินน้อยนิดครับ 50,000 บาทครับ เมื่อประมาณปี 52 ครับ ก็พยายามศึกษาแนวทางของ VI ครับ แต่ว่าใจร้อน+โลภมาก ก็เลยแหกกฏ VI ไปเล่นแบบ Day Trade ปรากฎว่าขาดทุนไปย่อยยับ
เหลือเิงิน อยู่ 41,000 กว่าบาท เลยมาพิจารณาดูแล้วถ้าเล่นอยู่อย่างนี้ไม่เหลือเงินซักบาทแน่ บังเอิญช่วงนั้นไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง "เก็บพระเครื่องอย่างไรเห็นแต่งอกเงย" ก็เลยถอนเงินในบัญชีมาลงทุนพระเครื่องซะเลย แต่ผมใช้หลัก VI ในการสะสมพระเครื่องนะครับ ปรากฎว่าจากขาดทุนหุ้น มาได้กำไรจากพระแทนครับบางองค์ที่ผมสะสมไว้ ราคาขึ้นไป 1000 % ก็มีครับ แต่เฉลี่ยแล้วกำไรเกือบ 2 ปี พระที่ผมสะสมไว้ได้กำไรประมาณ 600% ครับ ซึ่งผมคิดดู ถ้าผมเล่นหุ้นด้วยสติปัญญาอย่างผมไม่มีทางทำกำไรได้ขนาดนี้แน่นอนครับ แต่พระเครื่องมีข้อเสียอยู่หลายข้อครับ โดยเฉพาะพระเครื่อง ถ้าถึงจุดอิ่มตัวแล้วราคาจะไม่ขยับครับ จะเบรกอยู่อย่างนั้นเลยที่เดียว แถมความคล่องตัวก็ไม่เท่ากับ หุ้น หรือทองคำครับ ทำให้ตอนนี้ผมก็กำลังวางแผนจะนำเงินมาลงทุนในหุ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ ต้องเตรียมใจ ฝึกฝนสติ และทำการบ้านให้ดีจะได้ไมพลาดเหมือนปี 52 ครับ แต่ตอนนี้ผมว่าจะรอให้ได้กำไรซัก 1000% ก่อน ตอนนี้ก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไปพลาง ๆ ก่อนครับ จะได้มาลงทุนแบบ VI เต็มตัวไปเลยครับ
***ลืมบอกไปพระเครื่องที่ผมสะสมหลักๆ คือพระเครื่องของหลวงพ่อคูณครับ ลองเข้าเวปพวกประมูลพระเครื่องดูครับเผื่อมีท่านใดสนใจจะสะสมเป็นงานอดิเรก ครับ***
เหลือเิงิน อยู่ 41,000 กว่าบาท เลยมาพิจารณาดูแล้วถ้าเล่นอยู่อย่างนี้ไม่เหลือเงินซักบาทแน่ บังเอิญช่วงนั้นไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง "เก็บพระเครื่องอย่างไรเห็นแต่งอกเงย" ก็เลยถอนเงินในบัญชีมาลงทุนพระเครื่องซะเลย แต่ผมใช้หลัก VI ในการสะสมพระเครื่องนะครับ ปรากฎว่าจากขาดทุนหุ้น มาได้กำไรจากพระแทนครับบางองค์ที่ผมสะสมไว้ ราคาขึ้นไป 1000 % ก็มีครับ แต่เฉลี่ยแล้วกำไรเกือบ 2 ปี พระที่ผมสะสมไว้ได้กำไรประมาณ 600% ครับ ซึ่งผมคิดดู ถ้าผมเล่นหุ้นด้วยสติปัญญาอย่างผมไม่มีทางทำกำไรได้ขนาดนี้แน่นอนครับ แต่พระเครื่องมีข้อเสียอยู่หลายข้อครับ โดยเฉพาะพระเครื่อง ถ้าถึงจุดอิ่มตัวแล้วราคาจะไม่ขยับครับ จะเบรกอยู่อย่างนั้นเลยที่เดียว แถมความคล่องตัวก็ไม่เท่ากับ หุ้น หรือทองคำครับ ทำให้ตอนนี้ผมก็กำลังวางแผนจะนำเงินมาลงทุนในหุ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ ต้องเตรียมใจ ฝึกฝนสติ และทำการบ้านให้ดีจะได้ไมพลาดเหมือนปี 52 ครับ แต่ตอนนี้ผมว่าจะรอให้ได้กำไรซัก 1000% ก่อน ตอนนี้ก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไปพลาง ๆ ก่อนครับ จะได้มาลงทุนแบบ VI เต็มตัวไปเลยครับ
***ลืมบอกไปพระเครื่องที่ผมสะสมหลักๆ คือพระเครื่องของหลวงพ่อคูณครับ ลองเข้าเวปพวกประมูลพระเครื่องดูครับเผื่อมีท่านใดสนใจจะสะสมเป็นงานอดิเรก ครับ***
- marcus147
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 251
กระทู้ดีมากเลยครับ
ได้ข้อคิดมากมาย
ได้ข้อคิดมากมาย
การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีทางลัด อยากเก่ง ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 252
คอเดียวกันครับ 55+kingpw เขียน:คำถาม มีประโยชน์มากเลยครับ เลยขอเล่าเรื่องของผมบ้างครับ ผมก็เริ่มจากเงินน้อยนิดครับ 50,000 บาทครับ เมื่อประมาณปี 52 ครับ ก็พยายามศึกษาแนวทางของ VI ครับ แต่ว่าใจร้อน+โลภมาก ก็เลยแหกกฏ VI ไปเล่นแบบ Day Trade ปรากฎว่าขาดทุนไปย่อยยับ
เหลือเิงิน อยู่ 41,000 กว่าบาท เลยมาพิจารณาดูแล้วถ้าเล่นอยู่อย่างนี้ไม่เหลือเงินซักบาทแน่ บังเอิญช่วงนั้นไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง "เก็บพระเครื่องอย่างไรเห็นแต่งอกเงย" ก็เลยถอนเงินในบัญชีมาลงทุนพระเครื่องซะเลย แต่ผมใช้หลัก VI ในการสะสมพระเครื่องนะครับ ปรากฎว่าจากขาดทุนหุ้น มาได้กำไรจากพระแทนครับบางองค์ที่ผมสะสมไว้ ราคาขึ้นไป 1000 % ก็มีครับ แต่เฉลี่ยแล้วกำไรเกือบ 2 ปี พระที่ผมสะสมไว้ได้กำไรประมาณ 600% ครับ ซึ่งผมคิดดู ถ้าผมเล่นหุ้นด้วยสติปัญญาอย่างผมไม่มีทางทำกำไรได้ขนาดนี้แน่นอนครับ แต่พระเครื่องมีข้อเสียอยู่หลายข้อครับ โดยเฉพาะพระเครื่อง ถ้าถึงจุดอิ่มตัวแล้วราคาจะไม่ขยับครับ จะเบรกอยู่อย่างนั้นเลยที่เดียว แถมความคล่องตัวก็ไม่เท่ากับ หุ้น หรือทองคำครับ ทำให้ตอนนี้ผมก็กำลังวางแผนจะนำเงินมาลงทุนในหุ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ ต้องเตรียมใจ ฝึกฝนสติ และทำการบ้านให้ดีจะได้ไมพลาดเหมือนปี 52 ครับ แต่ตอนนี้ผมว่าจะรอให้ได้กำไรซัก 1000% ก่อน ตอนนี้ก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไปพลาง ๆ ก่อนครับ จะได้มาลงทุนแบบ VI เต็มตัวไปเลยครับ
***ลืมบอกไปพระเครื่องที่ผมสะสมหลักๆ คือพระเครื่องของหลวงพ่อคูณครับ ลองเข้าเวปพวกประมูลพระเครื่องดูครับเผื่อมีท่านใดสนใจจะสะสมเป็นงานอดิเรก ครับ***
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 254
ประโยชน์ที่ได้จากกระทู้นี้แยอะมากคับ เพราะผมก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกันว่าลงทุนน้อยจะเป็น VI ได้หรือป่าว
ขอบคุณทุกคำตอบจากกระทู้นี้คับ
ขอบคุณทุกคำตอบจากกระทู้นี้คับ
- odin
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 112
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 255
สวัสดีครับ พี่ๆเพื่อนๆ ผมขอโพสเป็นครั้งแรกนะครับ อ่านมาหลายกระทู้แล้ว บอร์ดที่นี่มีประโยชน์ต่อผมมากที่สุดเท่าที่เคยได้อ่านเลยครับ
เนื่องจากว่าเป็นการบริหารเงินออม ที่ผมคิดว่าเป็นทางที่ดีที่สุด นั่นคือลงทุนครับ ขอบคุณทุกๆความรู้นะคร้าบบ
ปล.ผมเล่นหุ้นมาเกือบ2ปีครับ แต่เป็นการลงทุนแค่6เดือนหลังเท่านั้น ตอนนี้พอร์ตยังติดลบอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ไม่ท้อครับ จะพยายามหาความรู้ต่อไป สู้สู้
เนื่องจากว่าเป็นการบริหารเงินออม ที่ผมคิดว่าเป็นทางที่ดีที่สุด นั่นคือลงทุนครับ ขอบคุณทุกๆความรู้นะคร้าบบ
ปล.ผมเล่นหุ้นมาเกือบ2ปีครับ แต่เป็นการลงทุนแค่6เดือนหลังเท่านั้น ตอนนี้พอร์ตยังติดลบอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ไม่ท้อครับ จะพยายามหาความรู้ต่อไป สู้สู้
“Compound interest is the eighth wonder of the world. He who understands it, earn it ; he who doesn’t, pays it.”
-
- Verified User
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 256
เพิ่งเริ่มเล่น หลังจากตามดูมาเป็นปี
แหกกฏทีเดียว โดนเลย
ตบกะโหลกตัวเองแล้วบอกกับตัวเองไว้เลยว่า จะัไม่เอาอีกแล้ว
ขายหมูดีกว่า ขาดทุน
แหกกฏทีเดียว โดนเลย
ตบกะโหลกตัวเองแล้วบอกกับตัวเองไว้เลยว่า จะัไม่เอาอีกแล้ว
ขายหมูดีกว่า ขาดทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 26
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 257
มาดันกระทู้ครับ เพิ่มมาอ่านเจอลองไล่อ่านไปเรื่อย ๆ หลังจากคิดได้ว่าอยากเป็นนักลงทุนไม่ได้อยากเป็นนักเล่นหุ้นเวลาผ่านไปเกือบสี่ปี ตอนนี้เป็น following trading
ชอบที่คุณแอล เอาบทความ ดร.นิเวศน์มาให้อ่านมากกกกก เลยครับ พิมพ์เก็บไว้อ่านเลย
ขอบคุณครับ
ชอบที่คุณแอล เอาบทความ ดร.นิเวศน์มาให้อ่านมากกกกก เลยครับ พิมพ์เก็บไว้อ่านเลย
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มีเงินน้อยเป็น VI ไม่ได้ จริงหรือไม่
โพสต์ที่ 258
ผ่านมาหกปีกว่าๆกับกระทู้นี้......
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.