ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 32
ส่วนหนึ่งเกิดจากการควบรวมแน่นอนครับ ถ้าย้อนดู P/E BGH ตอนต้นปี 2004 ก่อนมีข่าวควบรวม จะอยู่ประมาณ 17-22 แต่หลังจากมีข่าวควบรวม ก็กระโดษไปอยู่ประมาณ 24-25 แล้วเมื่อปลายปีเมื่อการควบรวมแน่นอนแล้ว P/E ก็อยู่ที่ 30 กว่าๆมาตลอดwoody เขียน:อ้อ อีกนิดนึงนะครับ P/E ที่สูงลิ่งของ BGH ตอนนี้เกิดจากการควบรวมกิจการในปีที่ผ่านมาด้วยหรือเปล่าครับ
ที่บอกว่าส่วนหนึ่ง ก็เพราะเดิม P/E ก่อนมีข่าวควบรวมก็ถือว่าสูงอยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับ growth ก็ไม่ถือว่าไร้เหตุผล เพราะเดิมจะ growth ประมาณ 20-30% ต่อปี ถ้ามองแบบ Peter Lynch ก็ถือว่า growth สูงกว่าค่า P/E
ผลของการควบรวมยังไม่สะท้อนในงบปีที่แล้ว เพราะควบรวมเสร็จก็ปลายเดือนธันวาคมพอดี ทำให้ earning ยังเป็นของเดิมอยู่ แต่ปีนี้งบรวมควรจะสะท้อนการควบรวมด้วย ดังนั้นหากต้องการดูปีนี้ต้องไปดูบริษัทที่ควบรวมด้วย คือ SVH (สำหรับกรุงเทพภูเก็ตและหาดใหญ่ ขนาดยังเล็กมากเมือเทียบกับบริษัทแม่ ไม่น่าจะมีผลอะไรมากนักต่องบรวม)
SVH เองยังมีขาดทุนสะสมอยู่เมื่อสิ้นปี 2004 แต่ก็ลดลงเรื่อยๆ และมีกำไรในช่วงปี 2004 แต่กำไรที่ได้เกิดจากหมวด "รายได้อื่น" ในไตรมาสที่ 4 (ยังไม่ได้ไปเจาะงบการเงินดูว่ารายการนี้คืออะไร เกี่ยวกับการควบรวมหรือไม่) หากตัดรายการนี้ออกไปก็ยังขาดทุนอยู่ หากปีนี้ performance สมิติเวชไม่ดีขึ้น การควบรวมครั้งนี้ก็ไม่น่าจะทำให้กำไร BGH ในปีนี้ดีขึ้นสักเท่าไร
ดังนั้นผมคิดว่า ค่า P/E ที่สูงน่าจะเกิดจากความคาดหวังว่าเมื่อควบรวมแล้ว earning น่าจะดีขึ้น (ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดได้หรือไม่) และ market cap ที่ใหญ่ขึ้นอาจทำให้หุ้นมีสภาพคล่องมากขึ้น ต่างชาติอาจสนใจมากขึ้น ทำให้ราคาดีขึ้นได้ (ซึ่งหากดูในรายการซื้อขาย NVDR ก็ไม่ค่อยเห็นของ BGH เท่าไร เห็นแต่ BH มากกว่า) จึงไม่เห็นเหตุผลที่มี value จริงๆที่ทำให้ P/E BGH สูงขนาดนี้เลย คงต้องรอดูผลประกอบการไตรมาส 1 ที่เป็นไตรมาสแรกที่ควบรวมเต็มไตรมาสก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
ผมไม่ค่อยมีความรู้ทางบัญชีเท่าไร หาก comment เรื่องงบอะไรผิดพลาดไป รบกวนผู้รู้ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 34
อ้อ นึกออกแล้วครับ ตอนช่วงปี 97-99 นี่ BH ขาดทุนสุทธิ 2,544, 131, 1,057 ล้าน ตามลำดับ ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไรเป็นสาเหตุหลักหรือครับ....ที่ถามคืออยากจะทราบว่าช่วงเศรษฐกิจแย่ๆ คนป่วย(ใจ)เยอะๆ นี่ โรงพยาบาลขาดทุนเยอะตามขนาดนี้เลยหรือครับ
Impossible is Nothing
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 35
ส่วนใหญ่โรงพยาบาลที่แย่ๆในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ก็เกิดจากการกู้ยืมเงินเป็นเงินตราสกุลดอลล่าร์ตาม BIBF น่ะครับ ทีนี้พอลอยตัวค่าเงินบาท หนี้สินก็เลยพุ่งพรวดเกินรายรับที่ทำได้ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยก็พุ่งตาม ทำให้ถึงแม้จะมีรายได้ดีเท่าเดิมก็ขาดทุนได้ครับ เพราะรายจ่ายเพิ่มเร็วมากกระทันหัน
พญาไทที่เปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ด้วยเหตุนี้แหละครับ พญาไท 2 สร้างตึกใหม่โดยกู้เงินต่างประเทศจังหวะที่เศรษฐกิจทรุดพอดี บำรุงราษฎร์เองก็ต้องปิดกิจการสาขาที่ระยองไป ตอนที่ปิดบำรุงราษฎร์ระยองตอนนั้นคนไข้นอกวันละ 4-500 ร้อยคนเชียวนะครับ รายได้ก็น่าจะดี แต่ไม่พอดอกเบี้ยจ่ายที่ท่วมท้นจึงต้องปิดไป สมิติเวชเองก็จุกกับสมิติเวชศรีนครินทร์ที่เปิดใหม่แล้วเหมือนเป็นตึกร้าง 10 ชั้น ใช้อยู่แค่ 3-4 ชั้นเท่านั้น จึงโดน take over โดย BGH ในช่วงต่อมา แต่เป็นการทยอยเข้าไปถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่หลายปีกว่าจะปรากฏข่าวควบรวมอย่างเป็นทางการปีที่แล้ว ของ BGH โชคดีที่ผู้บริหารประเมินสถานการณ์ได้ทันและรีบเคลียร์หนี้ต่างประเทศก่อนที่จะทรุดหนัก จึงรอดมาได้และถือเป็นจังหวะรุกในขณะที่เครือใหญ่ๆอื่นๆกำลังแย่ จึงสามารถเป็นเครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ได้ครับ
พญาไทที่เปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ด้วยเหตุนี้แหละครับ พญาไท 2 สร้างตึกใหม่โดยกู้เงินต่างประเทศจังหวะที่เศรษฐกิจทรุดพอดี บำรุงราษฎร์เองก็ต้องปิดกิจการสาขาที่ระยองไป ตอนที่ปิดบำรุงราษฎร์ระยองตอนนั้นคนไข้นอกวันละ 4-500 ร้อยคนเชียวนะครับ รายได้ก็น่าจะดี แต่ไม่พอดอกเบี้ยจ่ายที่ท่วมท้นจึงต้องปิดไป สมิติเวชเองก็จุกกับสมิติเวชศรีนครินทร์ที่เปิดใหม่แล้วเหมือนเป็นตึกร้าง 10 ชั้น ใช้อยู่แค่ 3-4 ชั้นเท่านั้น จึงโดน take over โดย BGH ในช่วงต่อมา แต่เป็นการทยอยเข้าไปถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่หลายปีกว่าจะปรากฏข่าวควบรวมอย่างเป็นทางการปีที่แล้ว ของ BGH โชคดีที่ผู้บริหารประเมินสถานการณ์ได้ทันและรีบเคลียร์หนี้ต่างประเทศก่อนที่จะทรุดหนัก จึงรอดมาได้และถือเป็นจังหวะรุกในขณะที่เครือใหญ่ๆอื่นๆกำลังแย่ จึงสามารถเป็นเครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ได้ครับ
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 38
เอ่อคือว่าไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ NTV อ่ะครับ เลยไม่กล้าวิเคราะห์อ่ะครับ
คุณ CK, น่าจะตอบแทนได้นะครับ
คุณ CK, น่าจะตอบแทนได้นะครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 39
เอาคร่าวๆเท่าที่พอทราบจากเพื่อนที่ทำงานที่ NTV นะครับ ลักษณะของ NTV จะเป็นการบริหารแบบธุรกิจครอบครัวโดยผู้ถือหุ้นใหญ่ดูแลเรื่องการบริหารทั้งหมด เพื่อนผมเองไม่ค่อยชอบเพราะบอกว่าถึงขนาดลงมาล้วงลึกการทำงานและการตัดสินใจในการรักษาพยาบาลของแพทย์ด้วย (เจ้าของไม่ได้เป็นแพทย์) ทำให้ค่อนข้างอึดอัดบางครั้ง ข้อดีคือผู้ถือหุ้นใหญ่ดูแลเองใกล้ชิด มีฐานลูกค้าประจำที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ทำให้มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ และไม่ได้มีการลงทุนเพิ่มเติมมากนัก เท่าที่ทราบไม่ได้มีแผนที่จะขยายสาขาไปที่ไหนทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ลึกๆกว่านี้ก็ไม่ทราบ
หากเทียบกับ BH ผมคิดว่า NTV น่าจะเป็นลักษณะหุ้น cash cow ที่สร้างรายรับเข้ามาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้โตเร็วนัก ความเสี่ยงที่จะขาดทุนค่อนข้างน้อยหากบริหาร margin ให้ดีๆ ส่วน BH น่าจะเป็นหุ้น growth ที่พยายามขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้น มีความเสี่ยงที่จะประสบการขาดทุนมากกว่า แต่หากสำเร็จการเติบโตก็จะสูงกว่า NTV ในระยะยาวครับ 8)
หากเทียบกับ BH ผมคิดว่า NTV น่าจะเป็นลักษณะหุ้น cash cow ที่สร้างรายรับเข้ามาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้โตเร็วนัก ความเสี่ยงที่จะขาดทุนค่อนข้างน้อยหากบริหาร margin ให้ดีๆ ส่วน BH น่าจะเป็นหุ้น growth ที่พยายามขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้น มีความเสี่ยงที่จะประสบการขาดทุนมากกว่า แต่หากสำเร็จการเติบโตก็จะสูงกว่า NTV ในระยะยาวครับ 8)
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 41
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว KH ที่ยังหาราคา IPO ไม่เจออีกตัวคุณพี่หมอ Knott ช่วยแจกแจงให้อีกตัวได้ไหมครับ เห็นว่านโยบาลสามสิบบาทรักษาทุกโรคมีผลแก่โรงพยาบาลพอควร นี่รัฐบาลพึ่งเพิ่มงบอุดหนุดสำหรับโครงการนี้อีกด้วย
โดยส่วนตัวแล้วโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในใจก็ไม่พ้น BH แน่นอนในเรื่องของคุณภาพเนื่องจากประสบการณ์ส่วนตัวหลายๆ อย่างที่ได้สัมผัสมา แต่ก็อย่างที่ว่าติดเรื่องราคาตอนนี้นิดนึงอ่ะครับ
ส่วน BGH นั้นก็เคยไปใช้บริการบ้าง เห็นว่ามีการปรับปรุงเยอะใช้ได้ทีเดียว อีกทั้งจากการสอบถามคุณหมอที่รู้จัก เค้าบอกว่า BGH กำลังพัฒนาปรับปรุงครั้งใหญ่ซึ่งดูจากคำตอบแล้วเค้าก็เห็นภาพเป็นบวกไม่น้อยเหมือนกัน
ขอเพิ่มอีกนิดนะครับ การที่เดี๋ยวนี้สิทธิของผู้บริโภคเป็นเทรนด์ที่มาแรงมาก ภาพลักษณ์ของบริษัทสำคัญอย่างมากในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เกี่ยวกับชีวิต ความเป็นความตาย ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของแพทย์ในโรงพยาบาล (สมมติว่ามี) จะมีผลขนาดไหนถ้าเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลครับ....อย่างไรก็ดีหวังว่าจะไม่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นนะครับ
ปล. ว่าแล้วยังไม่ทันข้ามวัน หนังสือพิมพิ์ฉบับหนึ่งลงเรื่องของน้องที่แพ้ยาจนอาการโคม่า คุณหมอและโรงพยาบาลแถวสุราษฏ์อาจจะโดนฟ้อง อย่างนี้เค้าเรียก Product/service liability ใช่ไหมครับนี่
โดยส่วนตัวแล้วโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในใจก็ไม่พ้น BH แน่นอนในเรื่องของคุณภาพเนื่องจากประสบการณ์ส่วนตัวหลายๆ อย่างที่ได้สัมผัสมา แต่ก็อย่างที่ว่าติดเรื่องราคาตอนนี้นิดนึงอ่ะครับ
ส่วน BGH นั้นก็เคยไปใช้บริการบ้าง เห็นว่ามีการปรับปรุงเยอะใช้ได้ทีเดียว อีกทั้งจากการสอบถามคุณหมอที่รู้จัก เค้าบอกว่า BGH กำลังพัฒนาปรับปรุงครั้งใหญ่ซึ่งดูจากคำตอบแล้วเค้าก็เห็นภาพเป็นบวกไม่น้อยเหมือนกัน
ขอเพิ่มอีกนิดนะครับ การที่เดี๋ยวนี้สิทธิของผู้บริโภคเป็นเทรนด์ที่มาแรงมาก ภาพลักษณ์ของบริษัทสำคัญอย่างมากในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เกี่ยวกับชีวิต ความเป็นความตาย ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของแพทย์ในโรงพยาบาล (สมมติว่ามี) จะมีผลขนาดไหนถ้าเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลครับ....อย่างไรก็ดีหวังว่าจะไม่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นนะครับ
ปล. ว่าแล้วยังไม่ทันข้ามวัน หนังสือพิมพิ์ฉบับหนึ่งลงเรื่องของน้องที่แพ้ยาจนอาการโคม่า คุณหมอและโรงพยาบาลแถวสุราษฏ์อาจจะโดนฟ้อง อย่างนี้เค้าเรียก Product/service liability ใช่ไหมครับนี่
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 42
KH ผมไม่มีข้อมูลอะไรมากนักครับ แต่ส่วนตัวจะไม่เลือกลงทุนในโรงพยาบาลเอกชนที่รับโครงการ 30 บาท เพราะการจะบริหาร 30 บาทให้ได้กำไรต้องปรับลดภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลพอสมควร ผมเคยทำงานโรงพยาบาลเอกชนที่รับคนไข้ประกันสังคม ลักษณะก็จะคล้าย 30 บาท คือรัฐจ่ายค่า per capita ตามจำนวนคนไข้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ป่วย เป็นจำนวนเงินคงที่ต่อปี ทางโรงพยาบาลไปบริหารเองให้ได้กำไรหรือขาดทุน ดังนั้นหากจะให้ได้กำไร ต้องลดมาตรฐานการรักษาลงโดยการใช้ยาที่ต้นทุนต่ำ ตัดการจ่ายยาบางอย่างออกไป พยายามไม่ส่งแลบหรือเอ็กซเรย์ และพยายามไม่ต้องให้นอนโรงพยาบาล ทำยังไงก็ได้ให้ต้นทุนต่ำๆไว้ ในขณะเดียวกันคนไข้ที่จ่ายเองก็ได้รับการรักษาอีกมาตรฐานหนึ่ง ผลก็คือเป็น double standard คนไข้จะรู้ว่าถ้าจ่ายเงินเองจะได้แบบหนึ่ง ถ้าใช้สิทธิประกันสังคม (หรือ 30 บาท) จะได้อีกแบบหนึ่ง ทำให้ชื่อเสียงโรงพยาบาลไม่ดี ระยะยาวก็ได้ไม่คุ้มเสีย สุดท้ายเมื่อโรงพยาบาลโตมากพอก็เลิกประกันสังคมไป เพราะทนคนไข้ด่าว่าเรื่อง 2 มาตรฐานไม่ไหว
ปัจจุบันนี้ โรงพยาบาลก็แบ่งกันเป็น 2 กลุ่ม คือโรงพยาบาลเชิงสวัสดิการที่รับประกันสังคมหรือ 30 บาท กับโรงพยาบาลที่เป็นแบบ premium คือไม่รับประกันสังคมหรือ 30 บาทเลย กลุ่มแรกก็เป็นโรงพยาบาลรัฐและเอกชนบางแห่ง ส่วนกลุ่มหลังจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เหลือ สังเกตุว่าที่รับประกันสังคมและ 30 บาท จะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีขนาดเตียงและจำนวนคนไข้น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่รับ ที่รับเพราะไม่สามารถหาคนไข้ที่ยอมจ่ายเองให้ได้มากพอที่จะเลี้ยงโรงพยาบาลให้โตขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องรับ 30 บาท เคยเห็นตัวเลขว่าตั้งแต่เริ่มโครงการ 30 บาทมา โรงพยาบาลเอกชนที่ขนาดเล็กกว่า 100 เตียงต้องปิดตัวเองไปเป็นจำนวนมาก หรือไม่ก็ต้องเข้ารับโครงการ 30 บาทด้วย ไม่เช่นนั้นก็อยู่ไม่ได้ ส่วนโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่มีฐานคนไข้มากเพียงพออยู่แล้ว กลับโตขึ้นเพราะคนไข้ที่ไม่พึงพอใจกับคุณภาพที่ลดลงจากโครงการ 30 บาทต่างก็ย้ายมารับการรักษาที่โรงพยาบาลเหล่านั้น ดูจาก growth ของเอกชนใหญ่ๆในช่วงที่ผ่านมาได้ครับ :lol: :lol:
อีกอย่างหนึ่ง ช่วงที่ 30 บาทเริ่มใหม่ๆ เคยคุยกับผู้บริหารของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่เข้าโครงการ 30 บาทช่วงแรก อยู่ได้ 1-2 เดือนก็ต้องขอออกจากโครงการ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่ามีปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่เงินจ่ายช้ามาก มีการหัก"ค่าธรรมเนียม"จากทางจังหวัด การจ่ายโรงพยาบาลรัฐและเอกชนก็มีระบบการคิดที่ทำให้เอกชนเสียเปรียบเมื่อมีการส่งต่อคนไข้ระหว่างกัน และปัญหาเรื่องหัวคะแนนของนักการเมืองท้องที่ที่เอาชาวบ้านมานอนเช็คสุขภาพฟรีทั้งที่ 30 บาทไม่ได้ครอบคลุม ประกอบกับคนไข้ที่เข้าโครงการ 30 บาทของโรงพยาบาลก็คือคนไข้เดิมที่บ้านอยู่แถวๆนั้น เคยมาโรงพยาบาลแล้วจ่ายเงินเองเต็มจำนวน พอเข้า 30 บาทก็มาเหมือนเดิมแต่จ่ายน้อยลง ไปๆมาๆก็เลยถอนตัวดีกว่า หวังว่าเดี๋ยวนี้คงได้รับการแก้ปัญหาแล้วนะครับ
ปัจจุบันนี้ โรงพยาบาลก็แบ่งกันเป็น 2 กลุ่ม คือโรงพยาบาลเชิงสวัสดิการที่รับประกันสังคมหรือ 30 บาท กับโรงพยาบาลที่เป็นแบบ premium คือไม่รับประกันสังคมหรือ 30 บาทเลย กลุ่มแรกก็เป็นโรงพยาบาลรัฐและเอกชนบางแห่ง ส่วนกลุ่มหลังจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เหลือ สังเกตุว่าที่รับประกันสังคมและ 30 บาท จะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีขนาดเตียงและจำนวนคนไข้น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่รับ ที่รับเพราะไม่สามารถหาคนไข้ที่ยอมจ่ายเองให้ได้มากพอที่จะเลี้ยงโรงพยาบาลให้โตขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องรับ 30 บาท เคยเห็นตัวเลขว่าตั้งแต่เริ่มโครงการ 30 บาทมา โรงพยาบาลเอกชนที่ขนาดเล็กกว่า 100 เตียงต้องปิดตัวเองไปเป็นจำนวนมาก หรือไม่ก็ต้องเข้ารับโครงการ 30 บาทด้วย ไม่เช่นนั้นก็อยู่ไม่ได้ ส่วนโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่มีฐานคนไข้มากเพียงพออยู่แล้ว กลับโตขึ้นเพราะคนไข้ที่ไม่พึงพอใจกับคุณภาพที่ลดลงจากโครงการ 30 บาทต่างก็ย้ายมารับการรักษาที่โรงพยาบาลเหล่านั้น ดูจาก growth ของเอกชนใหญ่ๆในช่วงที่ผ่านมาได้ครับ :lol: :lol:
อีกอย่างหนึ่ง ช่วงที่ 30 บาทเริ่มใหม่ๆ เคยคุยกับผู้บริหารของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่เข้าโครงการ 30 บาทช่วงแรก อยู่ได้ 1-2 เดือนก็ต้องขอออกจากโครงการ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่ามีปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่เงินจ่ายช้ามาก มีการหัก"ค่าธรรมเนียม"จากทางจังหวัด การจ่ายโรงพยาบาลรัฐและเอกชนก็มีระบบการคิดที่ทำให้เอกชนเสียเปรียบเมื่อมีการส่งต่อคนไข้ระหว่างกัน และปัญหาเรื่องหัวคะแนนของนักการเมืองท้องที่ที่เอาชาวบ้านมานอนเช็คสุขภาพฟรีทั้งที่ 30 บาทไม่ได้ครอบคลุม ประกอบกับคนไข้ที่เข้าโครงการ 30 บาทของโรงพยาบาลก็คือคนไข้เดิมที่บ้านอยู่แถวๆนั้น เคยมาโรงพยาบาลแล้วจ่ายเงินเองเต็มจำนวน พอเข้า 30 บาทก็มาเหมือนเดิมแต่จ่ายน้อยลง ไปๆมาๆก็เลยถอนตัวดีกว่า หวังว่าเดี๋ยวนี้คงได้รับการแก้ปัญหาแล้วนะครับ
ถ้าเกิดแล้วเป็นข่าวใหญ่ก็มีผลพอสมควรเรื่องชื่อเสียงของโรงพยาบาลเอง ส่วนการเสียเงินจากการฟ้องร้องถือว่าน้อยมากสำหรับโรงพยาบาล ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนโดยเฉพาะที่ผ่าน HA มาจะมีระบบ Risk management เพื่อป้องกันและบริหารความเสี่ยง โดยจะ monitor โดยเจ้าหน้าที่ทุกระดับ (ไม่ใช่เฉพาะแพทย์เท่านั้น) หากเห็นว่ามีโอกาสจะเกิดความเสี่ยงขึ้น จะมีทีมลงไปดูแลอย่างรวดเร็ว โดยพยายามให้ทุกฝ่ายพึงพอใจมากที่สุด ทั้งนี้อย่างสมเหตุสมผลนะครับ เช่นหากเห็นว่ามีเรื่องการทำผิดพลาดที่เกิดจากฝ่ายของแพทย์หรือโรงพยาบาลจริง ทางทีมอาจจะคุยกับคนไข้และแก้ปัญหาให้เลย โดยไม่รอให้เกิดเรื่องเป็นข่าวขึ้นมา ซึ่งในความเป็นจริง เรื่องเช่นนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอด แต่หากบริหารให้ดีก็ไม่เป็นข่าวใหญ่ ไม่มีผลอะไรกับองค์กรครับ 8)ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของแพทย์ในโรงพยาบาล (สมมติว่ามี) จะมีผลขนาดไหนถ้าเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลครับ
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 44
HA = Hospital Accreditation
เป็นมาตรฐานโรงพยาบาล ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับโรงพยาบาลที่ผ่าน HA แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกแห่งต้องทำอะไรได้เท่ากันนะครับ มาตรฐานจะปรับตามลักษณะและขนาดโรงพยาบาลด้วย ดังนั้นโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เช่น จุฬา หรือ ศิริราช มาตรฐานก็จะต่างกับโรงพยาบาลอำเภอ แม้จะผ่าน HA เช่นกัน เพราะ HA จะเน้นการประเมินตนเองและการพัฒนาตนเองเพื่อให้คุณภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่องสมำเสมอ แต่ไม่ได้วัดเป็นตัวเลขว่าคุณภาพดีเท่าไร เน้น process มากกว่า result ครับ
ปัจจุบันมีหลายโรงพยาบาลที่ผ่าน HA จนจำไม่ได้แล้วครับว่ามีที่ไหนบ้าง ปกติถ้าเป็นเอกชนมักมีป้ายติดให้เห็นชัด เพราะเหตุผลทางการตลาด สำหรับเอกชนเท่าที่จำได้ ก็มี BH เป็นเอกชนแห่งแรกที่ผ่าน HA (1 ใน 4 โรงพยาบาล HA รุ่นแรกของประเทศไทย) อื่นๆเช่น BGH, PYT ส่วน KH และ NTV ไม่ทราบข้อมูลครับ หากต้องการทราบน่าจะโทรถามโดยตรงได้ครับ เพราะเป็ฯข้อมูลที่เปิดเผย หากยังไม่ผ่านส่วนใหญ่จะบอกว่า"กำลังทำอยู่" ครับ :lol: :lol: ในอนาคตคงต้องทำหมด เพราะประกันสังคมและ 30 บาทจะรับเฉพาะโรงพยาบาลที่ผ่าน HA หรือ ISO9001:2000 ครับ ไม่แน่ใจว่าเริ่มบังคับใช้เมื่อไร
เป็นมาตรฐานโรงพยาบาล ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับโรงพยาบาลที่ผ่าน HA แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกแห่งต้องทำอะไรได้เท่ากันนะครับ มาตรฐานจะปรับตามลักษณะและขนาดโรงพยาบาลด้วย ดังนั้นโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เช่น จุฬา หรือ ศิริราช มาตรฐานก็จะต่างกับโรงพยาบาลอำเภอ แม้จะผ่าน HA เช่นกัน เพราะ HA จะเน้นการประเมินตนเองและการพัฒนาตนเองเพื่อให้คุณภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่องสมำเสมอ แต่ไม่ได้วัดเป็นตัวเลขว่าคุณภาพดีเท่าไร เน้น process มากกว่า result ครับ
ปัจจุบันมีหลายโรงพยาบาลที่ผ่าน HA จนจำไม่ได้แล้วครับว่ามีที่ไหนบ้าง ปกติถ้าเป็นเอกชนมักมีป้ายติดให้เห็นชัด เพราะเหตุผลทางการตลาด สำหรับเอกชนเท่าที่จำได้ ก็มี BH เป็นเอกชนแห่งแรกที่ผ่าน HA (1 ใน 4 โรงพยาบาล HA รุ่นแรกของประเทศไทย) อื่นๆเช่น BGH, PYT ส่วน KH และ NTV ไม่ทราบข้อมูลครับ หากต้องการทราบน่าจะโทรถามโดยตรงได้ครับ เพราะเป็ฯข้อมูลที่เปิดเผย หากยังไม่ผ่านส่วนใหญ่จะบอกว่า"กำลังทำอยู่" ครับ :lol: :lol: ในอนาคตคงต้องทำหมด เพราะประกันสังคมและ 30 บาทจะรับเฉพาะโรงพยาบาลที่ผ่าน HA หรือ ISO9001:2000 ครับ ไม่แน่ใจว่าเริ่มบังคับใช้เมื่อไร
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
-
- Verified User
- โพสต์: 375
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 46
โอ้โหพี่ knott ความรู้ด้านนี้ปึกจริง ไม่ทราบว่าเป็นหมอหรือเปล่าครับ
ผมขอถามเพิ่มเติมประดับความรู้นิดนะครับ ในธุรกิจโรงพยาบาลเนี่ยแผนกไหนที่น่าจะทำกำไรต่อหน่อยสูงที่สุดนะครับ แยกเป็นสองกรณี แบบผู้ป่วยในและนอก นะครับ
ขอบคุณครับ
ผมขอถามเพิ่มเติมประดับความรู้นิดนะครับ ในธุรกิจโรงพยาบาลเนี่ยแผนกไหนที่น่าจะทำกำไรต่อหน่อยสูงที่สุดนะครับ แยกเป็นสองกรณี แบบผู้ป่วยในและนอก นะครับ
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 48
กำไรต่อหน่วย ไม่แน่ใจว่าหมายถึงหน่วยอะไรนะครับ เอายังงี้ดีกว่า รายได้ต่อคนไข้ (หรือจำนวนเงินที่ออกจากกระเป๋าคนไข้ต่อการมาโรงพยาบาลแต่ละครั้ง) สำหรับคนไข้ในจะสูงกว่าคนไข้นอก และที่สูงสุดคงเป็นพวกคนไข้หนัก ประเภท ICU, CCU ทั้งหลาย คนไข้นอกทีสูงก็คงเป็นพวกที่ทำหัตถการเช่นมาส่องกล้องดูกระเพาะอาหาร หรือมาตรวจพิเศษบางอย่างเช่นทำ MRI หรือ check up package ใหญ่ๆมีแลบเยอะๆ เป็นต้นmustang เขียน: ในธุรกิจโรงพยาบาลเนี่ยแผนกไหนที่น่าจะทำกำไรต่อหน่อยสูงที่สุดนะครับ แยกเป็นสองกรณี แบบผู้ป่วยในและนอก นะครับ
สำหรับการวัดกำไรแยกเป็นแผนกค่อนข้างยาก เพราะต้นทุนจะประเมินยากว่าเป็นของแผนกอะไร เช่นมาตรวจแผนกทางเดินอาหาร หมอให้ x-ray (มีต้นทุนของเครื่องและแผ่นฟิลม์) เจาะเลือด (ต้นทุนห้องแลบเรื่องเครื่องมือและน้ำยา) แล้วเข้าห้องผ่าตัดส่องกล้องในกระเพาะอาหาร (ต้นทุนห้องผ่าตัด เวชภัณฑ์ เครื่องมือ) แล้วตัดชิ้นเนื้อส่งพยาธิ (ต้นทุนแผนกพยาธิเรื่องเครื่องมือและน้ำยา) แล้วสั่งยาไปกิน (ต้นทุนห้องยา) ทั้งนี้ยังไม่นับรวมต้นทุนสถานที่โรงพยาบาล ค่าจ้างบุคลากรต่างๆ ดังนั้นในทางปฏิบัติไม่สามารถจะประเมินกำไรรายแผนกได้จริง แต่ส่วนใหญ่ทางผู้บริหารจะ tracking รายรับของแต่ละแผนก จำนวนคนไข้ และการเจริญเติบโตมากกว่าครับ
อะไรบวกครับ เลือดบวกเหรอครับ :lovl: :lovl: :lovl:woody เขียน: ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วครับพี่ Knott ติดอยู่เรื่องเดียว วันนี้บวกไปอีกเท่าไหร่แล้วน๊า
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
-
- Verified User
- โพสต์: 375
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 50
กระจ่างเลยครับพี่ knott ผมก็หมายความประมาณนั้นละคับ คือสงสัยนะครับเพราะโรงพยาบาลก็มีกันหลายแผนก
อ้อ เกือบลืม เพิ่มเติมข้อมูลนิดหนึ่งครับ พอดีอ่านเจอในรายงานประจำปีของ ntv
มี ทำ ha เหมือนกันนะคับ แต่รู้สึกเพิ่งเริ่มไม่นาน นะครับ
พี่ๆว่าธุรกิจโรงพยาบาล เป็นธุรกิจวัฐจักรหรือเปล่าครับ แล้วปัจจัยใดบ้างที่จะส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาล นะครับ
อ้อ เกือบลืม เพิ่มเติมข้อมูลนิดหนึ่งครับ พอดีอ่านเจอในรายงานประจำปีของ ntv
มี ทำ ha เหมือนกันนะคับ แต่รู้สึกเพิ่งเริ่มไม่นาน นะครับ
พี่ๆว่าธุรกิจโรงพยาบาล เป็นธุรกิจวัฐจักรหรือเปล่าครับ แล้วปัจจัยใดบ้างที่จะส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาล นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 51
วัฏจักรสังขารของมนุษย์เป็นแน่แท้ผมว่า ตราบใดที่โรงพยาบาลรักษาคุณภาพของการรักษาพร้อมทั้งขยายกิจการได้อย่างรอบคอบ (ไม่เหมือนช่วงก่อนวิกฤติตอนปี 97 อย่างที่พี่ๆ ชี้ทางสว่างให้พวกเรา) ผมว่าธุรกิจโรงพยาบาลก็ยังโตได้เรื่อยๆ เพราะโดยทั่วไปเวลาคนไม่สบายเค้าก็จะพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อรักษาตัวเอง หรือคนรอบข้างเค้าให้หายดี
ดังนั้นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งเลยคือเรื่องของ คุณหมอที่ประจำอยู่ ณ โรงพยาบาลนั้นๆ เพราะคุณหมอเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดีที่สุดในการดึงให้ผู้คนมาใช้บริการที่โรงพยาบาลนั้นๆ อย่างเช่นคุณแม่ผมที่ได้ไป BH มาหลายครั้งเพราะมีคุณหมอที่เก่งในเฉพาะทางที่มีชื่อเสียง (แล้วทำไมเราไม่ซื้อเก็บไว้บ้างน๊า ตอนนั้น ฮะฮะ) นอกจากนี้ถ้าย้อนไปดู Boston Model ของเมืองไทย เราจะเห็นได้ว่าธุรกิจทางการแพทย์นั้นถูกจัดให้อยู่ไว้ในกลุ่ม Star เหมือนกับอุตสาหกรรมรถยนต์เลยทีเดียว
มากไปกว่านั้น จากการที่คนเรามีแนวโน้มที่จะอายุมากขึ้นเรื่อยๆ และต้องการความดูแลเอาใจใส่มากขึ้นตามอายุ (โรคต่างๆ ก็แปลกและต้องการการดูแลที่มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน) ทำให้ผมคิดว่าธุรกิจนี้จะยังเติบโตไปได้เรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่ดูเด่นดังเหมือนกลุ่มอื่น
ดังนั้นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งเลยคือเรื่องของ คุณหมอที่ประจำอยู่ ณ โรงพยาบาลนั้นๆ เพราะคุณหมอเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดีที่สุดในการดึงให้ผู้คนมาใช้บริการที่โรงพยาบาลนั้นๆ อย่างเช่นคุณแม่ผมที่ได้ไป BH มาหลายครั้งเพราะมีคุณหมอที่เก่งในเฉพาะทางที่มีชื่อเสียง (แล้วทำไมเราไม่ซื้อเก็บไว้บ้างน๊า ตอนนั้น ฮะฮะ) นอกจากนี้ถ้าย้อนไปดู Boston Model ของเมืองไทย เราจะเห็นได้ว่าธุรกิจทางการแพทย์นั้นถูกจัดให้อยู่ไว้ในกลุ่ม Star เหมือนกับอุตสาหกรรมรถยนต์เลยทีเดียว
มากไปกว่านั้น จากการที่คนเรามีแนวโน้มที่จะอายุมากขึ้นเรื่อยๆ และต้องการความดูแลเอาใจใส่มากขึ้นตามอายุ (โรคต่างๆ ก็แปลกและต้องการการดูแลที่มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน) ทำให้ผมคิดว่าธุรกิจนี้จะยังเติบโตไปได้เรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่ดูเด่นดังเหมือนกลุ่มอื่น
Impossible is Nothing
-
- Verified User
- โพสต์: 375
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 52
พอดีเมื่อคืนได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนทีเป็นแพทย์นะครับ ก็เลยรู้มาว่า BH เนี่ยจะมีแต่แพทย์เก่งๆ ดังๆ ทั้งนั้นเลย แพทย์จบใหม่นี่หมดสิทธิ เลยครับ
ผมเริ่มสนจัยซื้อ BH เก็บไว้แล้วนะเนี่ย ( แต่ยังไม่ทิ้ง ntv นะครับ )
พี่ knott กับพี่ woody ราคาตอนเนี่ยแพงไปไหมเนี่ย เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต
:lol: :lol:
ผมเริ่มสนจัยซื้อ BH เก็บไว้แล้วนะเนี่ย ( แต่ยังไม่ทิ้ง ntv นะครับ )
พี่ knott กับพี่ woody ราคาตอนเนี่ยแพงไปไหมเนี่ย เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโต
:lol: :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 53
ที่ 18.3 บาท P/E 14.3 (อันดับ 3 ในกลุ่ม Hospital) BV 6.48 ....(อันดับ 1) ถ้าถามผมว่าแพงหรือเปล่าผมว่าค่อนข้างนะครับสำหรับปีนี้ (เคยเล็งไว้ตอน 14-15 บาท แต่คิดว่ามีของถูกกว่าเศร้าเลยตอนนี้) เนื่องจากอย่างที่พี Knott ก็บอกไว้ว่า ทางผู้บริหารคาดการณ์ว่าจะโตในปีนี้ 15% เป็นผมผมขอดูระยะไปก่อนอีกซักพักนะครับ ตึกใหม่กว่าจะแล้วเสร็จ แล้วเริ่มให้ผลตอบแทนจริงๆ ก็คงปีหน้า รวมทั้งโครงการที่ไปลงทุนในต่างประเทศก็คงต้องใช้เวลา 2-3 ปี
ถ้าเป็นผม ผมขอรอต่ออีกหน่อยละกัน ยังไงก็อุตส่าห์รอมาได้ขนาดนี้
ถ้าเป็นผม ผมขอรอต่ออีกหน่อยละกัน ยังไงก็อุตส่าห์รอมาได้ขนาดนี้
Impossible is Nothing
-
- Verified User
- โพสต์: 375
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 56
ผมย้อนดู ประวัติย้อนหลังนะครับ bh ขาดทุนในปี 1997-1999 และเริ่มมีกำไรตั้งแต่ปี2000 เป็นต้นมา แต่เพิ่งเริ่มจ่ายปันผล เมื่อปี 2004 ทำไม่เค้าไม่ยอมจ่ายปันผลบ้างเลยละครับ หรือต้องการเก็บไว้ลงทุนอย่างเดียว ครับพี่ woody
* ขอมูล check จาก data ของพี่ครรชิต ต้องขอคุณมากเลยครับ *
* ขอมูล check จาก data ของพี่ครรชิต ต้องขอคุณมากเลยครับ *
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 57
สุมาอี้
Joined: 12 Feb 2005
Posts: 57
Posted: Fri May 06, 2005 12:00 pm Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
ฝากบอกทุกท่านที่สนใจหุ้นตัวนี้ครับ เวลาดู P/E ในนสพ. ให้เอา 1.24 คูณด้วยเสมอ เช่น ถ้าตอนนี้ P/E 14.25 แสดงว่า P/E จริงๆ เท่ากับ 17.67 ครับ เนื่องจาก BH มีหุ้นกู้ที่แปลงสภาพได้อยู่ ซึ่งคิดว่าผู้ถือหุ้นกู้คงจะใช้ิสิทธิก็เมื่อเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นไ้ด้รับจะสูงกว่าดอกเบี้ยที่เขาได้รับอยู่ เรื่องนี้ไม่มีเซอร์ไพร์สครับเพราะเป็นเรื่องที่ตลาดรู้อยู่แล้ว
.............ขอบคุณ พี่สุมาอี้ที่เตือนน้องๆ นะครับ
Joined: 12 Feb 2005
Posts: 57
Posted: Fri May 06, 2005 12:00 pm Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
ฝากบอกทุกท่านที่สนใจหุ้นตัวนี้ครับ เวลาดู P/E ในนสพ. ให้เอา 1.24 คูณด้วยเสมอ เช่น ถ้าตอนนี้ P/E 14.25 แสดงว่า P/E จริงๆ เท่ากับ 17.67 ครับ เนื่องจาก BH มีหุ้นกู้ที่แปลงสภาพได้อยู่ ซึ่งคิดว่าผู้ถือหุ้นกู้คงจะใช้ิสิทธิก็เมื่อเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นไ้ด้รับจะสูงกว่าดอกเบี้ยที่เขาได้รับอยู่ เรื่องนี้ไม่มีเซอร์ไพร์สครับเพราะเป็นเรื่องที่ตลาดรู้อยู่แล้ว
.............ขอบคุณ พี่สุมาอี้ที่เตือนน้องๆ นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 58
เริ่มมีกำไรปี 2000 แต่ยังมีขาดทุนสะสมของเดิมอยู่ครับ เพิ่งจะล้างขาดทุนสะสมได้หมดในปี 2004 จึงเพิ่งสามารถจะปันผลได้ในปี 2004 นี้ครับmustang เขียน:ผมย้อนดู ประวัติย้อนหลังนะครับ bh ขาดทุนในปี 1997-1999 และเริ่มมีกำไรตั้งแต่ปี2000 เป็นต้นมา แต่เพิ่งเริ่มจ่ายปันผล เมื่อปี 2004 ทำไม่เค้าไม่ยอมจ่ายปันผลบ้างเลยละครับ หรือต้องการเก็บไว้ลงทุนอย่างเดียว ครับพี่ woody
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ชาว VI ชอบ BH ป่ะ
โพสต์ที่ 60
แรงกดดันอีกอย่างหนึ่งของการเติบโตของกำไรสุทธิในปีนี้ก็คือ การที่ขาดทุนสะสมถูกใช้ไปหมดแล้ว แบบเดียวกับธนาคารกสิกรไทยปีนี้ที่มีกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 11 ทั้งทีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพราะเกิดจากการเริ่มเสียภาษีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ในอนาคต BH ตั้งเป้าว่าจะลงทุนต่างประเทศปีละ 400-500 ล้านบาท โดยจะระวังไม่ให้ต้องมีการเพิ่มทุนครับ
ในอนาคต BH ตั้งเป้าว่าจะลงทุนต่างประเทศปีละ 400-500 ล้านบาท โดยจะระวังไม่ให้ต้องมีการเพิ่มทุนครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ