คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4591
1.พี่ครับทำไมบางครั้ง spread px
บางคนเขาเขา px-นาฟทา
แต่ของ top เขาใช้ px-ulg95
2.แล้วแบบนี้ spread ของ esso ที่เป็นโรงกลั่นและมีสาย px เหมือนกันก็ใช้ ulg95 ด้วยไหมครับ
3.ทำไมเวลา top รายงาน spread การกลั่นเขาใช้ db หรือ dubai ล่ะครับ ปกติมันเป็น brent ไม่ใช่เหรอครับน้ำมันดิบ
บางคนเขาเขา px-นาฟทา
แต่ของ top เขาใช้ px-ulg95
2.แล้วแบบนี้ spread ของ esso ที่เป็นโรงกลั่นและมีสาย px เหมือนกันก็ใช้ ulg95 ด้วยไหมครับ
3.ทำไมเวลา top รายงาน spread การกลั่นเขาใช้ db หรือ dubai ล่ะครับ ปกติมันเป็น brent ไม่ใช่เหรอครับน้ำมันดิบ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4592
tpx tlb จะทำให้ค่าการกลั่นไตรมาสล่าสุดจากเฉพาะโรงกลั่น 12.3 สูงขึ้นเป็น 15.6
คำถามคือ esso ที่มี px เหมือนกันเราก็ควรดู gim ไม่ใช่ grm ถูกไหมครับเพราะโรงกลั่นที่มี
px ด้วยจะทำให้ค่าการกลั่นออกมาสูงกว่า แต่กรณี esso ไม่มี lube base เหมือน top ดังนั้น
gim สุทธิ์แล้วไม่น่าจะสูงเท่ากัน
2.ทำไม bcp ถึงไม่หันมาทำ px บางล่ะครับค่าการกลั่นจะได้สูงๆเหมือน top บ้าง
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4593
PX บางโรงทำมาจากแนฟทาโดยตรงhongvalue เขียน:1.พี่ครับทำไมบางครั้ง spread px
บางคนเขาเขา px-นาฟทา
แต่ของ top เขาใช้ px-ulg95
แต่ของ top หรือ esso ทำ PX จาก Reformate ซึ่งเป็นตัวเดียวกับน้ำมันเบนซิน
ใช้ได้เหมือนกันเพราะเป็นแบบเดียวกันhongvalue เขียน:2.แล้วแบบนี้ spread ของ esso ที่เป็นโรงกลั่นและมีสาย px เหมือนกันก็ใช้ ulg95 ด้วยไหมครับ
ทำ PX จาก Reformate
brent เป็นราคาของยุโรปhongvalue เขียน:3.ทำไมเวลา top รายงาน spread การกลั่นเขาใช้ db หรือ dubai ล่ะครับ ปกติมันเป็น brent ไม่ใช่เหรอครับน้ำมันดิบ
แต่น้ำมนดิบในไทยซื้อมาจากตะวันออกกลางเป็นกลัก
เลยใช้ dubai
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4594
แม่นแล้วhongvalue เขียน:
ถามหน่อยครับ รูปนี้เอามาจาก top เขาบอกว่าค่าการกลั่นของเขาเมื่อรวมกับ
tpx tlb จะทำให้ค่าการกลั่นไตรมาสล่าสุดจากเฉพาะโรงกลั่น 12.3 สูงขึ้นเป็น 15.6
คำถามคือ esso ที่มี px เหมือนกันเราก็ควรดู gim ไม่ใช่ grm ถูกไหมครับเพราะโรงกลั่นที่มี px ด้วยจะทำให้ค่าการกลั่นออกมาสูงกว่า แต่กรณี esso ไม่มี lube base เหมือน top ดังนั้น gim สุทธิ์แล้วไม่น่าจะสูงเท่ากัน
บางจากเพิ่งลงทุนติดตั้ง Conversion Kit ไปhongvalue เขียน: 2.ทำไม bcp ถึงไม่หันมาทำ px บางล่ะครับค่าการกลั่นจะได้สูงๆเหมือน top บ้าง
เพื่อผลิตนำมันดีเซลได้มากขึ้น
จากที่เดิมผลิตได้แต่น้ำมันเตาและยางมะตอย
ถ้าจะผลิต PX อีก
คงต้องลงทุนอีกมาก
และต้องมีตลาดรองรับ
ตอนนี้คงยังไม่มีตังค์
และที่ดินบางจากก็คับแคบมาก
ทำให้การขยายโรงงานทำได้ลำบาก
เดาว่าในระยะใกล้ บางจากคงยังไม่สร้าง PX
- ni_fahsai
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4595
สวัสดีค่ะพี่วิบูลย์ น้องใหม่เพิ่งเริ่มเข้าวงการค่ะ อ่านกระทู้นี้ ถึงหน้า 20 แล้ว พยายามทำความเข้าใจอยู่ ขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆ ที่ให้ความรู้กับน้องๆ อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย ไม่คิดว่าจะมีกระทู้ที่รวบรวมความรู้ดีๆแบบนี้ เหมือนเป็นไฟส่องทางให้น้องๆ ขอบคุณมากๆค่ะ
*** สูตรลับ คือ ไม่มีสูตรลับ ***
-
- Verified User
- โพสต์: 10
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4596
สวัสดีครับ พี่ๆทุกๆคน เป็นน้องใหม่เพิ่งเข้ามาอ่าน .. อ่านไปได้ 37 หน้าละ ..เฮ้อ !! เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ไม่มีความรู้เรื่องบัญชีเลย ยากจริงๆ.. ก็พยายามประติดประต่อครับ
เท่าที่อ่านก็พอจะได้แนวทาง VI อยู่พอสมควร ที่เหลือก็ต้องลองไปนั่งทำการบ้านดู ทั้งงบการเงิน งบดุล กำไรขาดทุน ข่าวต่างๆ เป็นต้น ...
ถึงตรงนี้มีข้อคำถามอยู่หลายข้อครับ
1. การจะเข้าไปดูงบต่างๆ เพื่อนำไปสู่การหา "ราคาที่แท้จริง" มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับมือใหม่ .. เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไปดูงบการเงินได้ทุกบริษัท แสดงว่าเราก็ต้องกรองหุ้นออกไปซะส่วนใหญ่ แล้วจึงค่อย ไปนั่งไล่ดูที่เหลือไปเรื่อยๆ อยากถามว่า พวกพี่ๆ ใช้หลักการอะไรในการกรองหุ้นเบื้องต้นก่อนไปนั่งดูพวกงบการเงินต่างๆ เช่น P/E, P/BV, Dividend Yield, EPS, Growth หรือ กลุ่มอุตสาหกรรม etc. เป็นต้น
2. อยากให้แนะนำหนังสือสำหรับ VI ให้ด้วยครับ เท่าที่อ่านในกระทู้จะมี (ถึงหน้า 37) จะเป็นข้อมูลของปี 2004 อยู่เลย ฮ่าๆ ดังนี้
a. ราคาหุ้นและการปรับโครงสร้างทางการเงิน เล่ม 2 (FPM)
b. Value Investing Made Easy
c. The new Buffertology
d. ตีแตก ของ ดร. นิเวศน์
ไม่รู้ว่า ข้อมูลจะยังใช้ได้อยู่หรือไม่ แล้วจะหาซื้อได้หรือป่าว หรือพี่ๆมีหนังสือแนะนำทดแทนหรือป่าว
3. จำเป็นต้องมีความเข้าใจบัญชีด้วยหรือป่าวครับ .. มีหนังสือแนะนำหรือป่าวครับ
ขอบคุณครับ
เท่าที่อ่านก็พอจะได้แนวทาง VI อยู่พอสมควร ที่เหลือก็ต้องลองไปนั่งทำการบ้านดู ทั้งงบการเงิน งบดุล กำไรขาดทุน ข่าวต่างๆ เป็นต้น ...
ถึงตรงนี้มีข้อคำถามอยู่หลายข้อครับ
1. การจะเข้าไปดูงบต่างๆ เพื่อนำไปสู่การหา "ราคาที่แท้จริง" มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับมือใหม่ .. เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไปดูงบการเงินได้ทุกบริษัท แสดงว่าเราก็ต้องกรองหุ้นออกไปซะส่วนใหญ่ แล้วจึงค่อย ไปนั่งไล่ดูที่เหลือไปเรื่อยๆ อยากถามว่า พวกพี่ๆ ใช้หลักการอะไรในการกรองหุ้นเบื้องต้นก่อนไปนั่งดูพวกงบการเงินต่างๆ เช่น P/E, P/BV, Dividend Yield, EPS, Growth หรือ กลุ่มอุตสาหกรรม etc. เป็นต้น
2. อยากให้แนะนำหนังสือสำหรับ VI ให้ด้วยครับ เท่าที่อ่านในกระทู้จะมี (ถึงหน้า 37) จะเป็นข้อมูลของปี 2004 อยู่เลย ฮ่าๆ ดังนี้
a. ราคาหุ้นและการปรับโครงสร้างทางการเงิน เล่ม 2 (FPM)
b. Value Investing Made Easy
c. The new Buffertology
d. ตีแตก ของ ดร. นิเวศน์
ไม่รู้ว่า ข้อมูลจะยังใช้ได้อยู่หรือไม่ แล้วจะหาซื้อได้หรือป่าว หรือพี่ๆมีหนังสือแนะนำทดแทนหรือป่าว
3. จำเป็นต้องมีความเข้าใจบัญชีด้วยหรือป่าวครับ .. มีหนังสือแนะนำหรือป่าวครับ
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4597
ขอบคุณครับ ให้กำลังใจพยายามอ่านต่อไปnitiporn เขียน:สวัสดีค่ะพี่วิบูลย์ น้องใหม่เพิ่งเริ่มเข้าวงการค่ะ อ่านกระทู้นี้ ถึงหน้า 20 แล้ว พยายามทำความเข้าใจอยู่ ขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆ ที่ให้ความรู้กับน้องๆ อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย ไม่คิดว่าจะมีกระทู้ที่รวบรวมความรู้ดีๆแบบนี้ เหมือนเป็นไฟส่องทางให้น้องๆ ขอบคุณมากๆค่ะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4598
กรองตามสะดวกauiyoo เขียน:สวัสดีครับ พี่ๆทุกๆคน เป็นน้องใหม่เพิ่งเข้ามาอ่าน .. อ่านไปได้ 37 หน้าละ ..เฮ้อ !! เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ไม่มีความรู้เรื่องบัญชีเลย ยากจริงๆ.. ก็พยายามประติดประต่อครับ
เท่าที่อ่านก็พอจะได้แนวทาง VI อยู่พอสมควร ที่เหลือก็ต้องลองไปนั่งทำการบ้านดู ทั้งงบการเงิน งบดุล กำไรขาดทุน ข่าวต่างๆ เป็นต้น ...
ถึงตรงนี้มีข้อคำถามอยู่หลายข้อครับ
1. การจะเข้าไปดูงบต่างๆ เพื่อนำไปสู่การหา "ราคาที่แท้จริง" มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับมือใหม่ .. เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไปดูงบการเงินได้ทุกบริษัท แสดงว่าเราก็ต้องกรองหุ้นออกไปซะส่วนใหญ่ แล้วจึงค่อย ไปนั่งไล่ดูที่เหลือไปเรื่อยๆ อยากถามว่า พวกพี่ๆ ใช้หลักการอะไรในการกรองหุ้นเบื้องต้นก่อนไปนั่งดูพวกงบการเงินต่างๆ เช่น P/E, P/BV, Dividend Yield, EPS, Growth หรือ กลุ่มอุตสาหกรรม etc. เป็นต้น
ลองหาหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันจันทร์มาดู
จะมีตัวเลขต่างๆไว้เปรียบเทียบดูได้ครับ
นับจากวันที่เริ่มตั้งเวปจนถึงวันนี้auiyoo เขียน:2. อยากให้แนะนำหนังสือสำหรับ VI ให้ด้วยครับ เท่าที่อ่านในกระทู้จะมี (ถึงหน้า 37) จะเป็นข้อมูลของปี 2004 อยู่เลย ฮ่าๆ ดังนี้
a. ราคาหุ้นและการปรับโครงสร้างทางการเงิน เล่ม 2 (FPM)
b. Value Investing Made Easy
c. The new Buffertology
d. ตีแตก ของ ดร. นิเวศน์
ไม่รู้ว่า ข้อมูลจะยังใช้ได้อยู่หรือไม่ แล้วจะหาซื้อได้หรือป่าว หรือพี่ๆมีหนังสือแนะนำทดแทนหรือป่าว
มีหนังสือวีไอออกมาในตลาดเต็มไปหมด
ถ้าแนะนำตอนนี้ก็ต้อง
"เคล็ดลับเซียนหุ้นบันลือโลก"
เนื้อหาเยอะ ราคาไม่แพง ฮา
ส่วนเล่มเก่าๆเนื้อหายังใช้ได้
ไปหาเถอะครับตามร้านทั่วไป
ซีเอ็ดยิ่งเยอะ
ซื้อมาทุกเล่มเลยก็ได้
ทั้งของอ.นิเวศน์ บัฟเฟต ปีเตอร์ลินซ์ ฟิลลิปฟิชเชอร์
หนังสือของอ.ภาพร หรือไม่ก็ของอ.วรศักดิ์ ทุมมานนท์auiyoo เขียน:3. จำเป็นต้องมีความเข้าใจบัญชีด้วยหรือป่าวครับ .. มีหนังสือแนะนำหรือป่าวครับ
ขอบคุณครับ
ใช้ได้ครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4599
สวัสดีครับพี่วิบูลย์ผู้รักสุขภาพ (เน้นกินผัก)
วันนี้มาเรื่องมาถามหน่อยครับว่าผมเข้าใจถูกไหม
ก่อนหน้านี้ถามเกี่ยวกับ top ไปเยอะถึงความเกี่ยวพันกับ px และโรงกลั่นตอนนี้ขอถามเกี่ยวกับ bcp บ้าง
1.กรณีของ top esso ที่มีโรงกลั่นสาย px ด้วยเป็นการทำให้บริษัทครบวงจรมากขึ้น ในทางกลับกัน bcp ก็ทำให้ตัวเองครบวงจรมากขึ้นด้วยการที่ไปถือหุ้น อิบล เอทานอล เท่าที่ผมเข้าใจ bcp มีขายน้ำมัน e 20 ซึ่งคือส่วนที่ผสมกับเบนซิน 80% และใช้เอทานอล 20% จึงเรียกว่า e 20 ซึ่งการที่บริษัทถือหุ้นในอุบลเอทานอลทำให้เอาเอทานอลมาผสมเพื่อทำ e 20 ขายได้อันนีผมเข้าใจถูกใช่ไหม
2.แล้วกรณี lanna ขายหุ้น tae หรือ thai agro energy ให้กับ bcp ผมงงว่าธุรกิจถ่านหินเกี่ยวอะไรกับ เอทานอลด้วยเหรอครับ มันใช้เกื้อหนุนอะไรกันได้
3.แล้วกรณีที่ bcp ทำ solar farm จริงๆแล้วธุรกิจนี้ก็ไม่ได้เกื้อหนุนอะไรกับโรงกลั่นเลยหรือเปล่าครับ มันแทบจะไม่เกี่ยวกันเลย เพียงแต่น่าจะเป็น stable income ได้เฉยๆ หรือจริงๆแล้ว solar farm มันเกี่ยวอะไรกับโรงกลั่นอ้อมๆครับ(ผมนึกไม่ออก)
วันนี้มาเรื่องมาถามหน่อยครับว่าผมเข้าใจถูกไหม
ก่อนหน้านี้ถามเกี่ยวกับ top ไปเยอะถึงความเกี่ยวพันกับ px และโรงกลั่นตอนนี้ขอถามเกี่ยวกับ bcp บ้าง
1.กรณีของ top esso ที่มีโรงกลั่นสาย px ด้วยเป็นการทำให้บริษัทครบวงจรมากขึ้น ในทางกลับกัน bcp ก็ทำให้ตัวเองครบวงจรมากขึ้นด้วยการที่ไปถือหุ้น อิบล เอทานอล เท่าที่ผมเข้าใจ bcp มีขายน้ำมัน e 20 ซึ่งคือส่วนที่ผสมกับเบนซิน 80% และใช้เอทานอล 20% จึงเรียกว่า e 20 ซึ่งการที่บริษัทถือหุ้นในอุบลเอทานอลทำให้เอาเอทานอลมาผสมเพื่อทำ e 20 ขายได้อันนีผมเข้าใจถูกใช่ไหม
2.แล้วกรณี lanna ขายหุ้น tae หรือ thai agro energy ให้กับ bcp ผมงงว่าธุรกิจถ่านหินเกี่ยวอะไรกับ เอทานอลด้วยเหรอครับ มันใช้เกื้อหนุนอะไรกันได้
3.แล้วกรณีที่ bcp ทำ solar farm จริงๆแล้วธุรกิจนี้ก็ไม่ได้เกื้อหนุนอะไรกับโรงกลั่นเลยหรือเปล่าครับ มันแทบจะไม่เกี่ยวกันเลย เพียงแต่น่าจะเป็น stable income ได้เฉยๆ หรือจริงๆแล้ว solar farm มันเกี่ยวอะไรกับโรงกลั่นอ้อมๆครับ(ผมนึกไม่ออก)
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4600
อย่างที่บอกhongvalue เขียน:สวัสดีครับพี่วิบูลย์ผู้รักสุขภาพ (เน้นกินผัก)
อายุมากขึ้นก็ต้องเน้นเรื่องสุขภาพ
มีเงินแล้วสุขภาพไม่ดี ไม่มีประโยชน์
สุดท้ายเราจะหาเงินให้โรงพยาบาลให้หมอหรือ
(เข้าโรงพยาบาลใหญ่ๆแถวนานาได้นะ อิ)
กินผักตอนนี้ต้องระวังเชื้ออีโคไลน์ด้วย
จริงๆแล้วกินผักต้องระวังเป็นพิเศษ
เพราะผักส่วนใหญ่มียาฆ่าแมลงเยอะมาก
บางส่วนตกลงไปในดินหรือน้ำ
แล้วรากพืชดูดเข้าไปในลำต้น รากและใบ
ผักใบจะมีสารพิษที่ใบ
ส่วนผักหัวใต้ดินสะสมสารพิษได้มากเหมือนกัน
ทานผักก็ต้องเลือกด้วย
ใช่hongvalue เขียน:วันนี้มาเรื่องมาถามหน่อยครับว่าผมเข้าใจถูกไหม
ก่อนหน้านี้ถามเกี่ยวกับ top ไปเยอะถึงความเกี่ยวพันกับ px และโรงกลั่นตอนนี้ขอถามเกี่ยวกับ bcp บ้าง
1.กรณีของ top esso ที่มีโรงกลั่นสาย px ด้วยเป็นการทำให้บริษัทครบวงจรมากขึ้น ในทางกลับกัน bcp ก็ทำให้ตัวเองครบวงจรมากขึ้นด้วยการที่ไปถือหุ้น อิบล เอทานอล เท่าที่ผมเข้าใจ bcp มีขายน้ำมัน e 20 ซึ่งคือส่วนที่ผสมกับเบนซิน 80% และใช้เอทานอล 20% จึงเรียกว่า e 20 ซึ่งการที่บริษัทถือหุ้นในอุบลเอทานอลทำให้เอาเอทานอลมาผสมเพื่อทำ e 20 ขายได้อันนีผมเข้าใจถูกใช่ไหม
และขายแก๊สโซฮอลด้วยมีส่วนผสมเอทานอล 10%
คงไม่เกี่ยวhongvalue เขียน:2.แล้วกรณี lanna ขายหุ้น tae หรือ thai agro energy ให้กับ bcp ผมงงว่าธุรกิจถ่านหินเกี่ยวอะไรกับ เอทานอลด้วยเหรอครับ มันใช้เกื้อหนุนอะไรกันได้
บริษัทนี้คงอยากทำธุรกิจพลังงานด้านอื่นเลยมาทำเอทานอลด้วย
จริงๆแล้วไม่เกี่ยวกันเลย
เพราะเอทานอลทำมาจากอ้อยและกากน้ำตาลหรือมันสำปะหลัง
ถ้า solar farm นั้นไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้โรงกลั่นเพื่อเอาไฟฟ้ามาใช้ก็คงไม่เกี่ยวกันhongvalue เขียน:3.แล้วกรณีที่ bcp ทำ solar farm จริงๆแล้วธุรกิจนี้ก็ไม่ได้เกื้อหนุนอะไรกับโรงกลั่นเลยหรือเปล่าครับ มันแทบจะไม่เกี่ยวกันเลย เพียงแต่น่าจะเป็น stable income ได้เฉยๆ หรือจริงๆแล้ว solar farm มันเกี่ยวอะไรกับโรงกลั่นอ้อมๆครับ(ผมนึกไม่ออก)
ทางอ้อมก็ไม่มี
น่าจะเกิดจากบางจากอยากเพิ่มธุรกิจพลังงานทดแทน
เลยมาทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์
แต่รายได้คงไม่มากเท่าไหร่มั๊งถ้าเทียบกับโรงกลั่น
เห็นบางจากโฆษณาว่าจะเป็นบริษัทที่มีค่าปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
เลยต้องหาธุรกิจที่มาล้างค่าคาร์บอนที่ปล่อยออกจากโรงกลั่น
ซึ่งนั่นก็คือพลังงานหมุนเวียนเช่น แสงอาทิตย์ ลม
และการปลูกป่าก็ช่วยลดปริมาณคาร์บอนได้เช่นกัน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4601
เห็นไปทำหน้าหล่ออยู่ในกรุงเทพธุรกิจBizweekเมื่อวานนี้นะ
ตอนนี้ท่าจะดังใหญ่แล้วน้องเรา
ได้ดีแล้วอย่าลืมกันหละ
ตอนนี้ต้องเรียกว่า"เสี่ยฮง".....ฮา
ปล.ทำไมรูปดูดีกว่าตัวจริง
สงสัยบก.สั่งแต่งรูปอย่างหนัก
แอบไปให้สัมภาษณ์เมื่อไหร่เนี่ย
ตอนนี้ท่าจะดังใหญ่แล้วน้องเรา
ได้ดีแล้วอย่าลืมกันหละ
ตอนนี้ต้องเรียกว่า"เสี่ยฮง".....ฮา
ปล.ทำไมรูปดูดีกว่าตัวจริง
สงสัยบก.สั่งแต่งรูปอย่างหนัก
แอบไปให้สัมภาษณ์เมื่อไหร่เนี่ย
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4602
หน้าหล่อมานานแล้วไม่ได้ไปทำ 5555VIB007 เขียน:เห็นไปทำหน้าหล่ออยู่ในกรุงเทพธุรกิจBizweekเมื่อวานนี้นะ
แหม จะลืมได้ไงเพิ่งไปกินข้าวด้วยกันมาเองVIB007 เขียน: ได้ดีแล้วอย่าลืมกันหละ
ตอนนี้ต้องเรียกว่า"เสี่ยฮง".....ฮา
พี่เสี่ยกว่าผมตั้งเยอะ 5555
ตัวจริงกับในรูปก็เหมือนกันแหม มาบอกว่ารูปดูดีกว่าได้ไงVIB007 เขียน:
ปล.ทำไมรูปดูดีกว่าตัวจริง
สงสัยบก.สั่งแต่งรูปอย่างหนัก
แอบไปให้สัมภาษณ์เมื่อไหร่เนี่ย
เพิ่งไปให้สัมภาษ 2-3 สัปดาห์ก่อน
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4603
จากนสพ.กรุงเทพธุรกิจ : BizWeek
วันที่ 6 มิถุนายน 2554
วันที่ 6 มิถุนายน 2554
เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์'
สถาพร งามเรืองพงศ์ เซียนหุ้นอัจฉริยะ
อายุเพียง 25 ปี 'ฮง' เด็กหนุ่มที่พ่อแม่ค้าเสื้อยืดย่านพระราม 2 เล่นหุ้นตั้งแต่เรียนปี 1 'ม.กรุงเทพ' ปั่นเงินจาก 'หลักแสน' เพิ่มเป็น 'หลายสิบล้าน' ภายใน 7 ปี..ฝันอีก 'สิบปี' พอร์ตแตะ 300 ล้านบาท
โฆษณาโดย Google
รถไฟฟ้า12สาย ครอบคลุมกทม.
เชื่อม-นนทบุรี-ปทุมธานี-สมุทรปราการ ตั๋วใบเดียวเชื่อม เมล์-เรือ-รถไฟ
campaign.democrat.or.th
กระเป๋า coach หรู ฟรีๆ
เพียงกรอกชื่อ อีเมล์ เบอร์โทร ลุ้นกระเป๋าแบรนด์ง่ายๆได้เลย
http://www.ensogo.com"ฮง" สถาพร งามเรืองพงศ์ ชื่อนี้แทบไม่เป็นที่รู้จักในวงการตลาดหุ้น แต่ถ้าเอ่ยนามแฝง "ฮงแวลู" (Hongvalue) เซียนหุ้น "วัยรุ่น" รายนี้เป็นที่รู้จักอย่างดีในเว็บบอร์ด Thaivi.com ที่วันนี้เริ่มอัพเกรดตัวเองไปเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องหุ้นให้กับนักลงทุนกลุ่มเล็กๆ หลังชีวิตการลงทุนตลอด 7 ปีประสบความสำเร็จอย่างงดงามมีพอร์ตลงทุน "หลายสิบล้านบาท"
ตี๋หนุ่มวัยเพียง 25 ปีรายนี้เลือกเดินในอาชีพ "นักเล่นหุ้น" อย่างแน่วแน่ และกำลัง "ป็อปปูล่า" วัดความดังได้จากงานสัมมนาเล็กๆ ที่ฮงและก๊วนเพื่อนร่วมกันแชร์ประสบการณ์ในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจ (ซับไพร์ม) ปี 2551 ที่เขาได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 10 เท่าตัวหากรู้จักเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐาน เปิดให้จองที่นั่งเข้าฟังบรรยายเพียงไม่กี่ชั่วโมงมีนักลงทุนรายเล็กรายใหญ่ แห่จองกันเต็ม 230 ที่นั่ง
หลังจบงานสัมมนามีคนตามทวิตเตอร์ของ Hongvalue เพิ่มขึ้นกว่า 100 คน เขายกตัวอย่างหุ้นที่เคยทำเงินเข้ากระเป๋าได้อย่าง “มหาศาล” ในช่วงหลังวิกฤติปี 2551 นั่นคือ หุ้นเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และหุ้นโพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) (PTL) รวมถึงหุ้นอีกหลายตัวที่ทะยานขึ้นอย่างมาก
ตี๋หนุ่มคุยว่าพอร์ตลงทุนของตัวเองเติบโตก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และเริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวง Value Investor มากขึ้นหลังสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เท่า ภายในระยะเวลา 2 ปี ขณะเดียวกันถ้าวัดตั้งแต่เริ่มลงทุนปี 2547-2553 ภายในระยะเวลา 7 ปี พอร์ตลงทุนขยายตัวประมาณ 40-50 เท่า
"ฮง" เซียนหุ้นอัจฉริยะรายนี้เป็นลูกคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 3 คน เขาเล่าว่า พี่ชายคนโตปัจจุบันอายุ 33 ปีคนนี้ก็เล่นหุ้นเหมือนกันแต่มูลค่าพอร์ตลงทุนยังไม่ใหญ่ประมาณ 3 ล้านบาท พี่ชายจะเน้นดูเทคนิเคิลมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน ส่วนพี่สาวคนรองอายุ 29 ปี เรียนจบแพทย์ ปัจจุบันเดินทางไปศึกษาต่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง สาขาช่องท้อง ที่สหรัฐอเมริกา
ฮงกล่าว่าครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมีฐานะพอกินพอใช้ พ่อแม่ทำธุรกิจผลิตเสื้อยืดขายย่านถนนพระราม 2 มานานกว่า 20 ปี เพิ่งเลิกทำไปเมื่อต้นปี 2554 นี้เอง และหันไปปลูกต้นลีลาวดีขาย ชื่อว่า "สวนลีลาวดีภิรมย์" บนเนื้อที่ 33 ไร่ ย่านบางขุนเทียน
ประสบการณ์เล่นหุ้นครั้งแรกของฮงต้อง "แอบพ่อ" ที่ไม่อยากให้ลูกชายเข้าไปข้องแวะกับตลาดหุ้น โดยเริ่มลงทุนครั้งแรกในชีวิตเมื่อปลายปี 2547 ช่วงนั้นเรียนอยู่ปี 1 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีเงินลงทุนก้อนแรก 100,000 บาท เป็นเงิน "แต๊ะเอีย" ที่เก็บสะสมมาจากญาติๆให้แต่ละปีรวมกับเงินเก็บ เงินเก็บก้อนนี้ถูกพ่อแม่บังคับให้เอาไปเข้าธนาคารกลัวลูกเอาไปซื้อเกมส์มาเล่น
สำหรับผู้ที่จุดประกายให้ฮงเข้าสู่ตลาดหุ้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมมาด้วยกัน เห็นเพื่อนซื้อหุ้น SHIN ที่ต้นทุนหุ้นละ 26-27 บาท ไปขายตอนราคา 40 บาท ได้กำไรประมาณ 50% ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนจากคำแนะนำของญาติ ทำให้เด็กหนุ่มมีความฝันอยากได้กำไรอย่างเพื่อนคนนั้นบ้าง
แม้วันนี้พอร์ตลงทุนของฮงจะเติบโตขึ้นอย่างมากจากเมื่อ 7 ปีก่อน จากหลัก "แสนบาท" เป็นหลัก "สิบล้านบาท" แต่นั่นยังไม่ใช่เป้าหมาย
"ภายใน 10 ปีข้างหน้า (2554-2563) ผมต้องการมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 300 ล้านบาท เติบโตให้ได้เฉลี่ยปีละ 20% นี่คือเป้าหมายของผม" สถาพร กล่าวกับทีมงาน กรุงเทพธุรกิจ BizWeek โดยมั่นใจว่าตัวเลขนี้ทำได้แน่นอน ทุกวันนี้ฮงเป็นนักลงทุน Full Time หลังค้นพบว่าการเล่นหุ้นเป็นทางเดินชีวิตที่มาถูกทาง
"แม้ผมจะอายุยังน้อยในสายตาใครต่อใคร แต่ก็ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติการเงิน (ซับไพร์ม) มาแล้ว เรียกได้ว่าผ่านมาแล้วทุกบรรยากาศ แล้วก็ทำได้ดีด้วย" เขาไม่ลืม "คุย"
ฮงจัดเป็น "เซียนหุ้นอัจฉริยะ" ที่จับทางตลาดหุ้นออกในเวลาอันรวดเร็ว เขารู้ว่าหุ้นแบบไหนจะขึ้นเยอะ และควรลงทุนสไตล์ไหนถ้าจับถูกตัว
"วันนี้ผมจับจุดถูกรู้ว่าจะลงทุนหุ้นสักหนึ่งตัว ต้องดูอะไรเป็นหลัก ถ้าผมจะพลาดก็ต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเท่านั้น เพราะเหตุการณ์แบบนั้นคงไม่มีใครตั้งตัวขายหุ้นทัน"
การเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอายุยังน้อยฮงต้องศึกษาทำการบ้านอย่างหนัก เขาศึกษาแนวทางการวิเคราะห์หุ้นแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ ปีเตอร์ ลินช์ อย่างแตกฉาน ทั้ง 2 กูรูยังเป็น "ไอดอล" ที่ฮงฝันอยากเป็น
"ผมคิดว่าคำสอนที่สำคัญที่สุด การซื้อหุ้นคือการซื้อธุรกิจ ถ้าซื้อเพราะคิดว่าราคาหุ้นจะขึ้น รับรองไม่มีทางได้กำไร(รวย)"
ครั้งแรกที่เล่นหุ้นฮงไปเปิดพอร์ตกับบล.ธนชาต ใช้ชื่อตัวเองไม่ได้เพราะยังเด็กเกินไป ต้องใช้ชื่อคุณแม่เป็นคนเปิดพอร์ต เวลาสั่งซื้อขายก็ให้ส่งจดหมายไปที่บ้านญาติเพื่อไม่ให้คุณพ่อรู้ เพราะพ่อมี "อคติ" กับตลาดหุ้นมองว่าการ “เล่นหุ้น” ไม่ต่างอะไรกับ “เล่นการพนัน” ในความเป็นจริงคุณแม่ก็ไม่ชอบให้เล่นหุ้น แต่ทนรบเร้าหาเหตุผลร้อยแปดมาอธิบายไม่ไหว เมื่อเห็นความตั้งใจจริงแม่ก็เลยยอม
"ยอมรับตรงๆ ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องซื้อหุ้นกลุ่มไหน มีวิธีการลงทุนอย่างไร ดูไม่เป็นสักอย่าง ผมเริ่มต้นแสวงหาความรู้ตัวคนเดียว (ชวนเพื่อนแต่เขาไม่ไป) ผมไปนั่งฟังงานสัมมนาฟรีต่างๆ เมื่อก่อนโบรกเกอร์หลายแห่งจะชอบจัดอบรมดูงบการเงินวันเสาร์-อาทิตย์ รู้ว่าที่ไหนมีฟรีผมไปหมด"
เขาเล่าว่า บางงานไม่ให้เข้าเพราะไม่ใช่ลูกค้าเขา ก็ต้องหาเหตุผลสารพัดไปหลอกเจ้าหน้าที่หน้าห้องว่าขอเข้าไปฟังก่อนนะครับ..ถ้าโอเค! เดี๋ยวจะกลับมาเปิดพอร์ตด้วย แต่ก็มีบางงานที่ฮงถูกปฏิเสธกับเหตุผลตื้นๆ แต่เมื่อไปถึงแล้วเขาก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าไปฟังวิทยากรบรรยาย แถมยังเกาะติดนอกรอบไปขุดไปคุ้ยไขข้อข้องใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"เมื่อก่อนผมเจ็บใจมาก ด้วยความที่เรายังเด็กอายุแค่ 20 ปี เวลาไปถามวิทยากรนอกรอบงานสัมมนาต่างๆ เขาเห็นเราเด็กก็มักไม่ยอมตอบ แต่จะหันไปตอบคำถามคนอื่นที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ตอนนั้นในหัวผมคิดว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม มันทรมานมากช่วงนั้น ไม่รู้จะทำอย่างไร"
ฮงขวนขวายหาหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนอ่านมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในใจเขาคิดว่าต้องอ่านหนังสือเยอะๆ ไปงานสัมมนามากๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเอง กว่าเขาจะได้ "วิชา" มาทำกำไรอย่างเป็นล่ำเป็นสันในตลาดหุ้นต้องใช้ความทุ่มเท ฮงยังค้นไม่พบความลับการลงทุน 1 ปีครึ่งผ่านไป การลงทุนของเขาไม่ได้กำไรเลยเพราะยังดูงบการเงินไม่เป็น และอ่านอนาคตธุรกิจไม่ออก ตอนนั้นฮงตัดสินใจซื้อหุ้น TTA ADVANC และ TPC
"เท่าที่จำได้ซื้อหุ้น ADVANC ราคา 95 บาท ขาย 105 บาท และซื้อหุ้น TPC ราคา 210 บาท ขายขาดทุน 190 บาท ส่วนหุ้น TTA จำราคาซื้อขายไม่ได้ เมื่อเริ่มดูงบการเงินเป็นนิดหน่อย พอรู้ว่าต้องเลือกบริษัทที่ไม่เป็นหนี้ และมีกระแสเงินสดเยอะๆ ก็เลยซื้อหุ้น CSL จำเหตุผลที่ซื้อและถือยาว 7-8 เดือนได้ว่าเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 4 ครั้ง แถมมีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 8-10% ที่สำคัญเห็นว่าอนาคตกำไรจะเติบโตสูง ตอนนั้นซื้อมา 5-6 บาท พอขึ้นมา 9 บาทก็ขาย ถือเป็นหุ้นตัวแรกที่ได้กำไรเป็นเนื้อเป็นหนังจากการลงทุน"
เมื่อเริ่มเห็นผลงาน (กำไร) และความแน่วแน่ที่จะเดินในอาชีพ "นักเล่นหุ้น" แม่จึง "เพิ่มทุน" ให้อีกหลัก "แสนบาท" เพื่อนำไปลงทุนหุ้น CPALL จำนวน 100,000 หุ้น ต้นทุน 7 บาท พอปลายปี 2551 ก็ขายไปที่ราคา 11 บาท เพราะช่วงนั้นเกิดวิกฤติการเงินโลก (ซับไพร์ม) หุ้นทุกตัวลงหมด แต่หุ้น CPALL ไม่สะทกสะท้าน แต่ฮงกลัวเลยตัดทิ้งไปก่อน "ตอนนั้นผมกลัวติดยอดดอยแล้วลงไม่ได้"
หลังจากนั้นก็คิดจะนำเงินไปซื้อหุ้น PS แต่ภาวะเศรษฐกิจช่วงนั้นไม่ดี ฮงวิเคราะห์ว่าหุ้นพฤกษาจะไม่สามารถขายที่อยู่อาศัยได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจ "กำเงินสด" เกิน 5 แสนบาทไว้ในมือ
“ที่แม่ตัดสินใจให้เงินเพิ่มเพราะเห็นว่าผมจริงจังมาก เสาร์-อาทิตย์ไม่เคยอยู่บ้านไปอบรมเกี่ยวกับเรื่องหุ้นตลอด อีกเหตุผลหนึ่งแม่มองว่าที่ผมสนใจการลงทุน ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นสามารถคุยกับผู้ใหญ่รู้เรื่อง”
ความมุ่งมั่นศึกษางบการเงินอย่างจริงจัง ฮงเริ่มแตกฉานและมั่นใจในตัวเอง เขากำเงินสดไว้ในมือเพียง 2 เดือน ก็นำไปลงทุนต่อในหุ้น AP และ TOP แต่ยังไม่กล้าเล่นเต็มพอร์ต สาเหตุที่เลือกซื้อ TOP เพราะก่อนหน้านั้นไทยออยล์มีกำไรต่ำมากจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงฮวบฮาบ และราคาน้ำมันก็ผกผันกับเงินดอลลาร์ เขาวิเคราะห์ว่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนตัวราคาน้ำมันก็น่าจะขึ้น จึงคาดว่ากำไรของบริษัทจะต้องพลิกกลับมาดีขึ้นอย่างมาก
พอก้าวเข้าสู่ไตรมาส 3 ปี 2552 ฮงเข้าเก็บหุ้น CPF ตัวนี้ทำให้เขารวยขึ้นอีกขั้น เขาทุ่มเล่นบัญชีเงินสด 100% และอัดมาร์จิ้นอีก 80% เพราะมองว่า CPF ต้องเป็นหุ้น "ป็อกเด้ง" แน่นอน
"ช่วงนั้นผมอัดมาร์จิ้นซื้อหุ้น CPF เต็มแม็ก เพราะกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2552 ออกมา 3,249 ล้านบาท มากกว่าทั้งปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิ 3,128 ล้านบาท ช่วงนั้นผมประเมินว่าทั้งปี 2552 หุ้น CPF น่าจะมีกำไรสุทธิ 9,000 ล้านบาท ถือเป็นการทำนิวไฮครั้งใหม่ (CPF ประกาศกำไรสุทธิปี 2552 จำนวน 10,190 ล้านบาท) ผมมองว่าธุรกิจเกษตรกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นตามเศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว"
อีกอย่างตอนนั้นฮงเช็คราคาขายหมูและไก่เฉลี่ยของปี 2552 ไม่ได้น้อยกว่าปี 2551 แต่ต้นทุนอาหารสัตว์อย่างกากถั่วเหลืงกับข้าวโพดลดลง เพราะคนนำไปทำเป็นพลังงานทดแทนพอราคาน้ำมันตกต่ำความต้องการเอาไปทำพลังงานทดแทน (เอทานอล) หายหมด ซึ่ง CPF ก็รู้เลยตุนกากถั่วเหลืงกับข้าวโพดไว้ แบบนี้จะไม่ให้กำไรเยอะได้อย่างไร
เมื่อผ่านไป 1-2 เดือน ฮงขายหุ้น CPF ได้ราคา 9.60 บาท จากต้นทุนที่ซื้อมา 7.80 บาท เพราะราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 วันติดกัน เนื่องจากนักลงทุนคิดว่างบไตรมาส 3 ปี 2552 จะขยายตัวต่อเนื่อง ช่วงนั้นโบรกเกอร์เริ่มทยอยออกมาปรับราคาเป้าหมาย CPF แต่ฮงได้กำไรเข้ากระเป๋า 400,000-500,000 บาท มูลค่าพอร์ตลงทุนพุ่งขึ้นเป็น "หลักล้านบาท" แล้ว
"จากนั้นคุณแม่ก็เติมเงิน (เพิ่มทุน) ให้อีกครั้งหลัก "ล้านบาท" คราวนี้มีทุนเยอะทำให้พอร์ตลงทุนขยับเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว หลังจากกำไรหุ้น CPF ก็ไปเข้าหุ้น VNG ตอนนั้นอัดเต็มพอร์ต เพราะเห็นว่างบไตรมาส 4 ปี 2552 มีกำไรต่อหุ้น 0.27 บาท ราคาหุ้นวันนั้น 3 บาท ถ้าวนชัย กรุ๊ป สามารถรักษาระดับกำไรต่อหุ้นได้แบบนี้ เชื่อว่ากำไรต่อหุ้นทั้งปี 2553 จะยืน 1 บาท"
ฮงถือหุ้น VNG แค่ 3 เดือน ขายออกที่ราคา 5 บาท ได้กำไร 70% ทำให้มูลค่าพอร์ตลงทุนของเขาพุ่งขึ้นเป็นหลัก "สิบล้านบาท" เมื่อขายหุ้น VNG เกลี้ยงพอร์ต ก็โยกเงินไปซื้อหุ้น PTL ที่ราคา 7.50 บาท ช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ทยอยสะสมก่อน 30% ของพอร์ต พอราคาหุ้นขึ้นมา 15 บาท คราวนี้อัดเต็ม 100% ของพอร์ต ใช้มาร์จิ้นซื้ออีก 60% รวมเป็น 160% แล้วไปขายออกในเดือนพฤศจิกายน 2553 ที่ราคา 45 บาท
หุ้นโพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) คือจุดหักเหครั้งสำคัญทำให้ฮงรวยขึ้นมหาศาล "หลายเท่าตัว" พอร์ตของเขาขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น "หลายสิบล้านบาท" ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ฮงบอกกับทีมงานกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่าปัจจุบันมูลค่าพอร์ตของเขาเท่าไร แต่ขอไม่ให้เปิดเผยตัวเลขกับสาธารณะ
หลังจากที่ประสบความสำเร็จได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ฮงบอกว่าจากนั้นก็ซื้ออะไรไปเรื่อยเปื่อย เช่น หุ้น TVO และหุ้น STA ตอนที่ช้อนหุ้น TVO ราคาเฉลี่ย 27-29 บาท เพราะเห็นว่าราคาถั่วเหลืองในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,300 เซ็นต์ต่อบุชเชล ภายในเวลา 2 เดือน แต่ถือหุ้นตัวนี้ไม่ถึง 2 เดือน ก็ขายออกในราคา 31 บาทได้กำไรไม่เท่าไร
ส่วนหุ้น STA ซื้อมา 36 บาท เพราะเห็นว่าราคายางพาราทำจุดสูงสุดใหม่ แต่สุดท้ายก็ยอมขายขาดทุน 35 บาท เพราะราคาหุ้นไม่ขยับตัวตามราคายาง "ตัวไหนถือไว้ดูท่าจะไม่รุ่ง ผมจะขายทิ้ง"
จาก "ไอ้ตี๋หนุ่ม" หน้าละอ่อน ถามใครใครก็เมิน วันนี้กลายเป็น "เซียนฮง" อย่างเต็มภาคภูมิ เจ้าตัวก็เลย "ยืด" ได้ (ขอคุยหน่อย) บอกว่าที่จริงไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แค่รู้ว่าเล่นหุ้นแบบไหนแล้วได้กำไร หลังจากเป็นเศรษฐีย่อมๆ ภายในเวลาไม่กี่ปี วันนี้ครอบครัวแฮปปี้มากพ่อแม่เปลี่ยนทัศนคติแล้วว่าการเล่นหุ้น "ไม่ใช่การพนัน" แต่เป็น "การลงทุน" ที่ให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า
"ผมจะขอยึดอาชีพนักลงทุนเลี้ยงตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่คิดไปทำงานอย่างอื่น แต่ถ้ามีเงินตามเป้าหมายอาจแบ่งมาลงทุนทำอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า เท่านี้ชีวิตผมก็มีความสุขแล้ว"
เรื่องราวของ "ฮง" เซียนหุ้นอัจฉริยะยังไม่จบ เขามีกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร..? สามารถปั่นเงินจาก "หลักแสน" เป็น "หลายสิบล้านบาท" ได้ อะไรคือความลับการทำกำไรในตลาดหุ้นที่เด็กหนุ่มค้นพบ..สัปดาห์หน้าห้ามพลาด!!
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4605
รูปนี้โกนเคราไม่เกลี้ยงอะVIB007 เขียน:บอกแล้วว่าหล่อกว่าตัวจริง
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- Verified User
- โพสต์: 398
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4607
พี่วิบูลย์ ศึกษาความรู้จากไหนอ่ะครับ
ทำไมรู้สึกว่ามีใครถามอะไรส่วนมากจะตอบได้หมดเลย
คือ ผมอยากมีความรู้เยอะๆแบบนั้นบ้างอ่ะครับ
ทำไมรู้สึกว่ามีใครถามอะไรส่วนมากจะตอบได้หมดเลย
คือ ผมอยากมีความรู้เยอะๆแบบนั้นบ้างอ่ะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4608
ตอบได้เท่าที่ตอบได้ครับnamelessky เขียน:พี่วิบูลย์ ศึกษาความรู้จากไหนอ่ะครับ
ทำไมรู้สึกว่ามีใครถามอะไรส่วนมากจะตอบได้หมดเลย
คือ ผมอยากมีความรู้เยอะๆแบบนั้นบ้างอ่ะครับ
บางอย่างไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้
ความรู้ในโลกนี้มันมีมากมายมหาศาล
ไม่ได้มีเพียงในห้องเรียนเท่านั้น
ผมเห็นเด็กไทยเรียนหนังสือแล้วสงสาร
เพราะเรียนเน้นตอบข้อสอบอย่างเดียว
ถ้าไปดูข้อสอบเข้ามหาลัยของอังกฤษนะ
ไม่มีตัวเลือก เอ บี ซีนะครับ
เป็นบรรยายทั้งหมด
เห็นแล้วเศร้าใจกับการศึกษาไทย
คนไทยถึงไม่ค่อยค้นคว้าหาความรู้
เพราะเรียนแต่ในห้องเรียนและเรียนพิเศษมามาก
จนล้าและเบื่อ
รอเพียงคนมาป้อนความรู้ให้
จริงๆแล้ว
การเรียนรู้ควรเป็นสิ่งที่ผู้เรียนต้องศึกษาค้นคว้าเอง
ผู้สอนเป็นเพียงผู้ชี้แนะแนวทาง
และคนเรียนอาจเก่งกว่าคนสอนก็ได้
แต่บ้านเราไม่ใช่
ใครตอบคำถามผิดจากที่ครูสอนถือว่าผิด สอบตก
ผ่านไป 40-50 ปี การศึกษาไทยยังไปไม่ถึงไหน
ถ้าเราสนใจเรื่องอะไร
การเรียนรู้ก็มีอยู่ไม่กี่วิธีครับ
หนึ่ง เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีสอนเรื่องที่เราสนใจ
สอง ศึกษาเองจากการอ่านหนังสือ
สาม สอบถามจากผู้รู้ในวงการ
มีอาจารย์คนหนึ่งที่ผมนับถือ
ท่านบอกว่าท่านสนใจเรื่องออะไรก็หาหนังสือมาอ่านเอง
และลงมือปฏิบัติ
ไม่ต้องไปเรียนในห้องเรียนแต่อย่างใด
และท่านก็มีความรู้ในเรื่องดังกล่าวอย่างมากโดยไม่ต้องได้ปริญญา
ดังนั้น
ต้องศึกษาหาความรู้ครับ
อ่านให้มาก
ศึกษาให้เข้าใจ
ปล. ตอนนี้ผมไม่ค่อยได้อ่านหนังสือลงทุนแล้ว
อ่านหนังสือแนวอื่นแทนครับ
แต่เอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว
โชคดีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 398
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4609
ขอบคุณมากๆครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4610
ทฤษฎีลงทุน 10 เด้ง 'สถาพร งามเรืองพงศ์' เซียนหุ้นวัย 25 ปี
วันที่ 14 มิถุนายน 2554 01:00
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เจาะลึกเทคนิคลงทุน 'เซียนหุ้นวัยเบญจเพส' เจ้าของพอร์ตหลายสิบล้านบาท 'ฮง' สถาพร งามเรืองพงศ์ เล่นหุ้นให้ 'รวย' ต้องดูพื้นฐาน 70% เทคนิค 30%
เริ่มเล่นหุ้นตอนเรียนปี 1 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ "แอบพ่อ-โอ๋แม่" ทุบกระปุกเงินเก็บแตะเอีย 100,000 บาท หว่านล้อมให้แม่ไปเปิดบัญชีเล่นหุ้นให้ที่ บล.ธนชาต ใช้ชื่อตัวเองไม่ได้เพราะยังเด็กเกินไป เวลาสั่งซื้อขายหุ้นก็ให้ส่งจดหมายไปที่บ้านญาติเพราะกลัวพ่อรู้ พ่อมี "อคติ" กับตลาดหุ้น มองว่าการเล่นหุ้นไม่ต่างอะไรกับ "เล่นการพนัน"
เด็กหนุ่มฮงในวัยเพียง 19-20 ปี ใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ออกตระเวนไปแสวงหาความรู้ตามตลาดหลักทรัพย์ และโบรกเกอร์ต่างๆ รู้ว่าที่ไหนมี "สัมมนาฟรี" เด็กหนุ่มเป็นต้องขวนขวายไปฟัง บางครั้งต้องหาวิธีหลอกล่อเจ้าหน้าที่สารพัดเพราะไม่ใช่ลูกค้าของโบรกเกอร์นั้น
ครั้นระหว่างพักทานอาหารว่างและหลังงานสัมมนาเลิก เด็กฮงก็จะวิ่งไปเกาะติดวิทยากรขุดคุ้ยถามประเด็นที่ตนสงสัย แต่บ่อยครั้งที่เด็กฮง "ถูกมองข้าม" วิทยากรบางคนเห็นหน้าละอ่อนยังเป็นเด็กก็ไม่ยอมตอบคำถามไม่ให้ความสำคัญ จนเขาพูดกับตัวเองว่า "โลกนี้ไม่มีความยุติธรรม" แม้จะทรมานกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่ให้ความสำคัญกับไอ้ตี๋จอมเซ้าซี้ แต่ฮงก็พยายามหาความรู้จากหนังสือ และเว็บไซต์ต่างๆ เพิ่มเติมจนแม่เห็นความตั้งใจจริง
จากเงิน "หลักแสน" พอร์ตของเด็กฮงก็ค่อยๆ งอกเงยอย่างรวดเร็ว แม่จึงเติมทุนให้แต่ก็ไม่ได้มากมาย ภายในระยะเวลาเพียง 7 ปี (อายุ 19-25 ปี) "ฮง" สถาพร งามเรืองพงศ์ กลายเป็น "เซียนหุ้นวัยรุ่น" ชื่อดังมีพอร์ตใหญ่ "หลายสิบล้านบาท" พ่อของฮงที่มีอาชีพค้าเสื้อยืดย่านพระราม 2 วันนี้ยอมรับในตัว "ลูกชายคนเล็ก" ของครอบครัวคนนี้ ครอบครัวของเขาเพิ่งเปลี่ยนอาชีพไปปลูกต้นลีลาวดีขายบนเนื้อที่ 33 ไร่ ย่านบางขุนเทียนชื่อสวน "ลีลาวดีภิรมย์"
ฮงคุยว่าเงินลงทุนของเขาเพิ่มขึ้นราวๆ 20 เท่า ภายในระยะเวลา 2 ปี (2552-2553) ขณะที่พอร์ตลงทุนขยายตัวประมาณ 40-50 เท่า ภายในเวลา 7 ปี (2547-2553) หลังประสบความสำเร็จอย่างแรงฮงพัฒนาตัวเองไปเป็น "วิทยากร" เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุน มีนักลงทุน "รุ่นพี่-รุ่นอา" จองที่นั่งเข้าฟังจำนวนมาก อีกทั้งนามแฝง Hongvalue ก็เป็นที่รู้จักกันอย่างดีใน "เว็บบอร์ด" แวลูอินเวสเตอร์
แม้ฮงแฝงตัวกลมกลืนกับแวลูอินเวสเตอร์ (VI) แต่เขาก็นิยามตัวเองเป็น "ลูกครึ่ง Value Investor"
"ผมจะลงทุนกึ่งแวลู จะผสมผสานระหว่างปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งต่างจากนักลงทุน Value ทั่วไป แต่วันนี้มีนักลงทุน VI รุ่นใหม่ยึดแนวทางนี้เพิ่มขึ้น เพราะพิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผลดีมาก"
ฮงกล่าวว่า การจะซื้อหุ้นสักหนึ่งตัว นักลงทุนควรต้องดูทั้งปัจจัยพื้นฐานและกราฟเทคนิคควบคู่กันไป เพราะการดูกราฟย้อนหลังจะทำให้เห็น Demand และ Supply ของหุ้นในอดีต ที่สำคัญจะเห็นจุด "นิวไฮ" ของหุ้นด้วย
"สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เหมือนนักลงทุนหุ้นคุณค่าทั่วไปคือ ผมยอมรับการขาดทุนได้บ้าง แต่ถ้าเป็นนักลงทุน VI แท้ๆ ต้องไม่มีคำว่า Cut Loss (ตัดขาดทุน) แต่ผมคิดแบบนั้นไม่ได้ตราบใดที่ยังชื่นชอบการเล่นหุ้นคอมมูนิตี้ (สินค้าโภคภัณฑ์) ที่สำคัญนักลงทุน VI จะไม่ดูกราฟดูปัจจัยพื้นฐานอย่างเดียว เขามองว่าดูกราฟเหมือนมองกระจกหลัง มันเกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถสะท้อนธุรกิจในปัจจุบันหรือในอนาคตได้"
สำหรับเทคนิคการลงทุนฮงจะเน้นดูปัจจัยพื้นฐาน 70% อีก 30% จะดูเทคนิเคิล และกราฟหุ้นย้อนหลัง หลายครั้งเขาบอกว่ากราฟหุ้น "ช่วยชีวิต" ไว้ ทำให้ไม่ต้อง "ขายหมู" (ขายถูก) ให้คนอื่น โดยเขายอมลงทุนเสียเงินปีละ 20,000 บาท ติดตั้งโปรแกรม APEX เพื่อดูกราฟราคาหุ้นโดยเฉพาะ
ยกตัวอย่างผลดีจากการดูกราฟ เช่น ราคาหุ้นทำนิวไฮ 10 บาท อยู่ดีๆ ลงมา 8-9 บาท แล้วซื้อขาย 8-9 บาทนานพอสมควร อยู่ๆ ก็วิ่งขึ้นไป 10 บาท โดยมีวอลุ่มเข้ามาเยอะมาก เหตุการณ์ลักษณะนี้ทำให้คิดได้ว่าบริษัทนี้ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลง "ผมก็จะเริ่มตรวจสอบข้อมูลทันที" บางครั้งฮงเริ่มแกะรอยจากหุ้นที่มี "วอลุ่มผิดสังเกต" จากนั้นก็จะคัดเลือกหุ้นที่ "สวย" (ผลประกอบการดีที่สุด) เข้าพอร์ต
สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเลือกหุ้นที่ "เพิ่งทำจุดสูงสุดใหม่ของกำไร" และต้องอ่านเกมต่อไปว่า "ไตรมาสที่เหลือ" ของปีนั้นๆ ต้องสามารถรักษากำไรสุทธิระดับนี้ (ดี) ได้ต่อเนื่อง ขั้นตอนจากนั้น ต้องเลือกหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 6-7% ต่อปี และข้อสุดท้าย ต้องเลือกหุ้นที่ซื้อขายต่ำกว่า P/E ของกลุ่ม...เหล่านี้คือคุณสมบัติเบื้องต้นของหุ้นที่จะสร้างผลตอบแทนได้สูงจากการลงทุน
เมื่อได้หุ้นที่เข้าข่ายกำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่ จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และค่า P/E ไม่สูง (ราคาหุ้นยังไม่แพง) ได้แล้ว ฮงก็จะเริ่มปฏิบัติการวิเคราะห์เจาะลึก "งบการเงิน" ทันที โดยเน้นหนักไปที่ "กระแสเงินสด" ของกิจการ พยายามดูย้อนหลังให้ได้มากที่สุด
โดยเฉพาะในส่วนของความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของกิจการ (EBITDA) ต้องมีตัวเลขใกล้เคียงกับกำไรสุทธิ ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ต้องไม่เกิน 1 เท่า และควรเป็นหนี้สิน (หมุนเวียน) ที่ไม่มีดอกเบี้ย
เท่านั้นยังวางใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ฮงจะทำการวิเคราะห์ "โครงสร้างธุรกิจ" ผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่ทำกำไรให้บริษัท รวมทั้งอ่านบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ต่างๆ ที่เขียนถึงหุ้นตัวนี้ รวมทั้งค้นหาบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารมาอ่านเพื่อให้แน่ใจว่าหุ้นที่จะวางเดิมพันราคาต้อง "วิ่ง" ชัวร์!
"ผมจะอ่านบทวิเคราะห์ต่างๆ ที่โบรกเกอร์ส่งมาในอีเมล์ทุกเช้า รวมถึงอ่านบทสัมภาษณ์ผู้บริหารเพื่อให้เห็นทิศทางของบริษัท ส่วนใหญ่จะใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนเพียง 2 วัน"
เมื่อหาข้อมูลครบถ้วนแล้วก็จะเริ่มทำ "ประมาณการผลประกอบการล่วงหน้า" เพื่อประเมินราคาที่เหมาะสมในอนาคต สำหรับวิธีการเข้าเก็บหุ้นจะใช้สูตร 30:30:30:10 ซื้อแล้วหุ้นขึ้นถึงซื้อ "สเต็ปที่สอง" "สเต็ปที่สาม" และ "สเต็ปที่สี่"
หมายความว่าซื้อครั้งแรก 30% สเต็ปที่สอง (อีก 30%) จะซื้อเพิ่มก็ต่อเมื่อราคาหุ้นขยับตัวเพิ่มขึ้น 7-8% ถ้าซื้อ 30% แรกแล้วราคาไม่ขึ้นก็จะรอไปก่อน "ยังไม่ซื้อ" ตรงกันข้ามถ้าซื้อแล้ว 30% ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 8% ก็จะ Cut Loss (ตัดขายขาดทุน) ทิ้งทันที ถ้าทิ้งไว้นานเดี๋ยว "ออก(ของ)ไม่ได้"
เทคนิคที่ทำให้พอร์ตโตเร็ว 20 เท่า ภายในระยะเวลา 2 ปี (2552-2553) เวลาตลาดหุ้นอยู่ในภาวะ "กระทิง" หรือ "ขาขึ้นใหญ่" และมั่นใจหุ้นสุดๆ เขาจะใช้ "เงินกู้มาร์จิน" เพิ่มพลังบวกให้กับพอร์ต
ทุกวันนี้ศูนย์บัญชาการของฮงอยู่ที่บ้านแล้วสั่งซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต ที่บ้านย่านพระราม 2 จะกั้นห้องไว้สำหรับนั่งดูหุ้นโดยเฉพาะภายในมีทีวี LCD 60 นิ้วตั้งอยู่กลางห้อง กิจวัตรประจำวันฮงจะตื่นนอนมานั่งในห้องนี้ตั้งแต่ 9 โมงเช้าแล้วอ่านข้อมูลทุกอย่างเริ่มตั้งแต่บทวิเคราะห์ หนังสือพิมพ์ เข้าเว็บบอร์ด Thaivi.org เหตุที่ซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเพราะเสียค่าคอมมิชชั่นเพียง 0.1% ถ้าโทรศัพท์สั่งผ่านมาร์เก็ตติ้งต้องจ่าย 0.15% (รายย่อยต้องจ่าย 0.25%)
"โดยปกติผมจะปรับพอร์ตลงทุนทุกไตรมาส (3 เดือน) เพราะสถานการณ์มักมีการเปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่งบการเงินประจำไตรมาสออก ผมจะนำข้อมูลที่ผู้บริหารบอกผ่านสื่อกับบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์มานั่งคำนวณตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสถัดไป"
อีกหนึ่งปัจจัยความสำเร็จฮงจะ "เล่นหุ้นเป็นกลุ่ม" ประมาณ 7-8 คน เทคนิคการเล่นจะคล้ายๆ กัน พวกเขานัดเจอกันที่ "สโมสรทหารบก" ทุกๆ 2 สัปดาห์ ไม่วันเสาร์ก็วันอาทิตย์ เว้นว่าช่วงไหนตลาดหุ้นดีๆ ก็จะเจอกันสัปดาห์ละครั้ง กิจกรรมที่ทำจะเช่าห้องฉายโปรเจ็คเตอร์เพื่อแชร์ข้อมูลกัน คนไหนถนัดดูกราฟก็จะมาบอกว่าเส้นกราฟเทคนิคหุ้นตัวไหนสวย ใครถนัดพื้นฐานก็จะนำข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง
ส่วนการซื้อขายแต่ละคนจะตัดสินใจเอาเองไม่ค่อยบอกกัน ถ้ามีหุ้นตัวไหนเข้าตาฮงชอบสั่งซื้อหุ้นวันจันทร์ ซื้อเสร็จไม่เคยกำหนดว่าต้องถือยาวหรือสั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์จะเป็นตัวบอก แต่เขาจะเตือนตัวเองเสมอว่า "เล่นหุ้นต้องเล่นแบบ "ไร้ใจ" ถ้าใช้อารมณ์เล่นหุ้น (รัก-โลภ-โกรธ-หลง) มีโอกาสขาดทุนสูง ผมจะพยายามคิดเสมอว่าหุ้นตัวนี้ไม่ใช่ญาติเรา ไม่รัก ไม่เกลียด"
ในยามที่ตลาดหุ้นไม่น่าไว้วางใจฮงจะเล่นหุ้นด้วยบัญชีเงินสด ปัจจุบันซื้อขายประจำอยู่ที่ บล.เคทีซีมิโก้ ตามมาร์เก็ตติ้งคู่ใจย้ายมาจาก บล.พัฒนสิน
ล่าสุดในพอร์ตมีหุ้นอยู่ 3 ตัว ได้แก่ BCP ต้นทุน 21 บาท มองว่าหุ้นบางจากราคายังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก ถ้าผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาสวยเหมือนไตรมาสแรก ก็อาจปรับราคาเป้าหมายขึ้นไปอีก บางจากถือเป็นหุ้นโรงกลั่นตัวเดียวที่มีค่า P/BV ต่ำที่สุด
อีกตัวที่ลงทุนอยู่คือหุ้น HEMRAJ ซื้อมาได้เดือนกว่าๆ แล้ว ต้นทุนแถว 2.10 บาท ชอบเพราะปี 2555 จะมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าทำให้บริษัทมีความมั่นคงมากขึ้น และหลังเกิดสึนามิทำให้ญี่ปุ่นต้องย้ายฐานการผลิตมาเมืองไทย เหมราชก็จะได้ประโยชน์
ตัวสุดท้ายที่ลงทุนคือหุ้น CENTEL ตัวนี้ต้นทุน 7.30 บาท เก็บเพราะเห็นว่าผลประกอบการในไตรมาส 1 ปีนี้พลิกจากปี 2553 ขาดทุน 51 ล้านบาท มาเป็นกำไรสุทธิ 400 ล้านบาท ถือเป็นการทำนิวไฮในรอบ 5 ปี เพราะธุรกิจอาหารเติบโตมากขึ้น ธุรกิจโรงแรมก็ยังขยายตัวได้ดีอัตราการเข้าพักเพิ่มจาก 50-60% เป็น 70%
นอกจากหุ้นทั้ง 3 ตัวนี้แล้ว หุ้นตัวอื่นๆ ฮงบอกว่า ตอบตรงๆ ตอนนี้ยังหาตัวที่ถูกใจไม่เจอเลย วันนี้ยอมรับว่าสนใจลงทุนหุ้นต่างประเทศ แต่ยัง "เล่นยาก" เคยถามคนที่ลงทุน "หุ้นจีน" เขาบอกว่า "น่ากลัวมาก" บริษัทจีนมีการลงบัญชีไม่ค่อยโปร่งใสถ้าสุ่มสี่สุ่มห้ามีหวังขาดทุน ถ้ามีประสบการณ์แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง
ถามว่าเคยคิดอยากเป็นเจ้าของบริษัทจดทะเบียนหรือไม่ เด็กหนุ่ม ตอบว่า แม้การซื้อหุ้นคือ "การซื้อธุรกิจ" แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากเข้ามาบริหาร "ผมไม่คิดที่จะ “ผูกพัน” กับหุ้นตัวไหน แค่ต้องการเข้ามา “เสพสุข” (จากกำไร) เท่านั้น ได้ตามเป้าหมายแล้วก็จะไป"
ฮงเล่าว่า ตลาดหุ้นสมัยนี้คนอายุ 22-23 ปีขึ้นไป เข้ามาเล่นหุ้นกันค่อนข้างมาก จบปริญญาโทมาเล่นหุ้นก็มีเยอะ ส่วนตัวอยากแนะนำ "มือใหม่ที่เพิ่งหัดคลาน" ว่า ควรเริ่มลงทุนด้วยเงิน "ก้อนเล็กๆ" ก่อนสัก 100,000 บาท หากยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วหุ้นที่ใช้ "ฝึกมือ" ควรเป็นพวกหุ้น "โรงไฟฟ้า-ค้าปลีก" เพราะธุรกิจเข้าใจง่าย ราคาหุ้นไม่ผันผวนมาก เมื่อมีประสบการณ์แล้วก็ค่อยขยับมาเล่นหุ้นยากๆ อย่างกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งหุ้นพวกนี้ถ้าจับจังหวะถูกจะได้กำไรเยอะ (รวยเร็ว)
"หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ผมจะถนัดกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทแผ่นฟิล์ม สินค้าเกษตร กลุ่มอื่นๆ ยอมรับว่ายังไม่ค่อยชำนาญ"
ฮงย้ำว่า ข้อผิดพลาดของนักลงทุนจำนวนมากชอบซื้อหุ้นตามคำแนะนำของเพื่อน หรือซื้อตามโบรกเกอร์โดยที่คุณไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย เท่าที่พบ 90% จะขาดทุน คนที่จะทำกำไรจากตลาดหุ้น (ยุคนี้) ต้องศึกษาหาความรู้ รู้ทุกซอกทุกมุมของหุ้น
"ผมโชคดีที่เล่นหุ้นตั้งแต่เรียนปี 1 ม.กรุงเทพ กว่าจะจับจุดได้ (รู้ความลับตลาดหุ้น) ใช้เวลานาน 2-3 ปี ผมจะยึดอาชีพนักลงทุนเลี้ยงตัวเองไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่เคยไปทำงานบริษัท ทุกวันนี้ผมมีเงินทำอะไรได้หลายๆ อย่าง อย่างที่เพื่อนๆ ไม่มี" เซียนหุ้นวัยเบญจเพส กล่าวทิ้งท้าย
from: http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... 14/394926/ทฤษฎีลงทุน-10-เด้ง-สถาพร-งามเรืองพงศ์-เซียนหุ้นวัย-25-ปี.html
-
- Verified User
- โพสต์: 10
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4611
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับพี่วิบูลย์ (มาขอบคุณช้าไปหลายวันเลย)VIB007 เขียน:กรองตามสะดวกauiyoo เขียน:สวัสดีครับ พี่ๆทุกๆคน เป็นน้องใหม่เพิ่งเข้ามาอ่าน .. อ่านไปได้ 37 หน้าละ ..เฮ้อ !! เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ไม่มีความรู้เรื่องบัญชีเลย ยากจริงๆ.. ก็พยายามประติดประต่อครับ
เท่าที่อ่านก็พอจะได้แนวทาง VI อยู่พอสมควร ที่เหลือก็ต้องลองไปนั่งทำการบ้านดู ทั้งงบการเงิน งบดุล กำไรขาดทุน ข่าวต่างๆ เป็นต้น ...
ถึงตรงนี้มีข้อคำถามอยู่หลายข้อครับ
1. การจะเข้าไปดูงบต่างๆ เพื่อนำไปสู่การหา "ราคาที่แท้จริง" มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับมือใหม่ .. เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไปดูงบการเงินได้ทุกบริษัท แสดงว่าเราก็ต้องกรองหุ้นออกไปซะส่วนใหญ่ แล้วจึงค่อย ไปนั่งไล่ดูที่เหลือไปเรื่อยๆ อยากถามว่า พวกพี่ๆ ใช้หลักการอะไรในการกรองหุ้นเบื้องต้นก่อนไปนั่งดูพวกงบการเงินต่างๆ เช่น P/E, P/BV, Dividend Yield, EPS, Growth หรือ กลุ่มอุตสาหกรรม etc. เป็นต้น
ลองหาหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันจันทร์มาดู
จะมีตัวเลขต่างๆไว้เปรียบเทียบดูได้ครับ
นับจากวันที่เริ่มตั้งเวปจนถึงวันนี้auiyoo เขียน:2. อยากให้แนะนำหนังสือสำหรับ VI ให้ด้วยครับ เท่าที่อ่านในกระทู้จะมี (ถึงหน้า 37) จะเป็นข้อมูลของปี 2004 อยู่เลย ฮ่าๆ ดังนี้
a. ราคาหุ้นและการปรับโครงสร้างทางการเงิน เล่ม 2 (FPM)
b. Value Investing Made Easy
c. The new Buffertology
d. ตีแตก ของ ดร. นิเวศน์
ไม่รู้ว่า ข้อมูลจะยังใช้ได้อยู่หรือไม่ แล้วจะหาซื้อได้หรือป่าว หรือพี่ๆมีหนังสือแนะนำทดแทนหรือป่าว
มีหนังสือวีไอออกมาในตลาดเต็มไปหมด
ถ้าแนะนำตอนนี้ก็ต้อง
"เคล็ดลับเซียนหุ้นบันลือโลก"
เนื้อหาเยอะ ราคาไม่แพง ฮา
ส่วนเล่มเก่าๆเนื้อหายังใช้ได้
ไปหาเถอะครับตามร้านทั่วไป
ซีเอ็ดยิ่งเยอะ
ซื้อมาทุกเล่มเลยก็ได้
ทั้งของอ.นิเวศน์ บัฟเฟต ปีเตอร์ลินซ์ ฟิลลิปฟิชเชอร์
หนังสือของอ.ภาพร หรือไม่ก็ของอ.วรศักดิ์ ทุมมานนท์auiyoo เขียน:3. จำเป็นต้องมีความเข้าใจบัญชีด้วยหรือป่าวครับ .. มีหนังสือแนะนำหรือป่าวครับ
ขอบคุณครับ
ใช้ได้ครับ
ในที่สุด ผมก็อ่านกระทู้นี้จบแล้ว .. จะเริ่มทบทวนสิ่งที่ได้จากเว๊บนี้มาละ
อ้อ .. แล้วก็ผมไปหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมตามที่พี่วิบูลย์บอกเรียบร้อยแล้ว มี "เคล็ดลับเซียนหุ้นบันลือโลก" ของพี่ด้วยล่ะ แต่ผมหา อีก 2 เล่มของพี่ไม่ได้อ่ะ .. "อ่านก่อนรวยถาวรกว่า" และ "วิถีเซียนหุ้นมูลค่า" พอจะหาที่ไหนได้บ้างเอ่ย
ไว้ผมอ่านแล้วมีคำถามสงสัยอะไร จะขออนุญาตมาขอความรู้จากพี่อีกนะครับ
ป.ล. จากที่ (ทน) อ่านกระทู้มาจนจบ รู้สึกได้ว่าพี่วิบูลย์เป็นผู้ให้โดยแท้จริง ขอบคุณจากใจจริงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4612
ผมอุดหนุนหนังสือพี่มาแล้ว ขอให้ขายดีแบบหนังสือปรมาจารย์นิเวศน์นะคับ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4614
ด้วยความยินดีครับauiyoo เขียน:
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับพี่วิบูลย์ (มาขอบคุณช้าไปหลายวันเลย)
ในที่สุด ผมก็อ่านกระทู้นี้จบแล้ว .. จะเริ่มทบทวนสิ่งที่ได้จากเว๊บนี้มาละ
อ้อ .. แล้วก็ผมไปหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมตามที่พี่วิบูลย์บอกเรียบร้อยแล้ว มี "เคล็ดลับเซียนหุ้นบันลือโลก" ของพี่ด้วยล่ะ แต่ผมหา อีก 2 เล่มของพี่ไม่ได้อ่ะ .. "อ่านก่อนรวยถาวรกว่า" และ "วิถีเซียนหุ้นมูลค่า" พอจะหาที่ไหนได้บ้างเอ่ย
ไว้ผมอ่านแล้วมีคำถามสงสัยอะไร จะขออนุญาตมาขอความรู้จากพี่อีกนะครับ
ป.ล. จากที่ (ทน) อ่านกระทู้มาจนจบ รู้สึกได้ว่าพี่วิบูลย์เป็นผู้ให้โดยแท้จริง ขอบคุณจากใจจริงครับ
หนังสือสองเล่มแรก
ลองโทรติดต่อสำนักพิพม์เนชั่นครับ
ไม่รู้ว่ายังเหลืออยู่หรือเปล่า
ลิขสิทธิ์ยังอยู่กับเนชั่นครับ
บางครั้งเห็นเอามาเลหลังขายอยู่บ่อยๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4615
หายากจริงๆครับ อาจจะต้องรองานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ แล้วไปที่บูธเนชั่น ผมก็หาสองเล่มนี้ได้จากบูธเนชั่นเหมือนกันauiyoo เขียน:อ้อ .. แล้วก็ผมไปหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมตามที่พี่วิบูลย์บอกเรียบร้อยแล้ว มี "เคล็ดลับเซียนหุ้นบันลือโลก" ของพี่ด้วยล่ะ แต่ผมหา อีก 2 เล่มของพี่ไม่ได้อ่ะ .. "อ่านก่อนรวยถาวรกว่า" และ "วิถีเซียนหุ้นมูลค่า" พอจะหาที่ไหนได้บ้างเอ่ย
- The BiG Cheese
- Verified User
- โพสต์: 53
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4616
คุณวิบูลย์ครับ ขอสอบถามเรื่องของการยกเลิกกองทุนน้ำมันหน่อยครับ ว่ามีผลดี/ผลเสียกับบริษัทโรงกลั่นน้ำมันอย่างไร
ติดตามผลงานมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสถามสักที ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะครับ
ติดตามผลงานมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสถามสักที ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4617
ผมไม่ทราบว่ารายละเอียดของการยกเลิกกองทุนน้ำมันเป็นอย่างไรThe BiG Cheese เขียน:คุณวิบูลย์ครับ ขอสอบถามเรื่องของการยกเลิกกองทุนน้ำมันหน่อยครับ ว่ามีผลดี/ผลเสียกับบริษัทโรงกลั่นน้ำมันอย่างไร
ติดตามผลงานมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสถามสักที ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะครับ
แต่ที่แน่ๆการยกเลิกกองทุนน้ำมันคงไม่มีผลกับโรงกลั่นน้ำมันในประเทศแน่นอน
เพราะปัจจุบันโรงกลั่นขายน้ำมันให้กับบริษัทค้าปลีกน้ำมันโดยอ้างอิงจากราคาตลาดโลกอยู่แล้ว
ภาษีที่เก็บที่หน้าโรงกลั่นก็กำหนดโดยรัฐโดยโรงกลั่นไม่ต้องมีภาระชดชเยแต่อย่างใด
ที่จะมีปัญหาน่าจะเป็นราคาขายปลีกมากกว่า
เพราะถ้าไม่มีกองทุนน้ำมัน
ราคาขายจะขึ้นลงตามราคาตลาดโลกเต็มๆ
ถ้าราคาตลาดโลกผันผวน
ราคาขายหน้าปั๊มก็จะผันผวนตาม
โดยไม่มีระบบอะไรมาพยุงราคาได้
ข้อดีคือลดภาระภาครัฐในกรณีที่กองทุนน้ำมันชดเชยจนติดลบ
เหมือนที่ผ่านมา
ข้อเสียคือราคาน้ำมันอาจเพิ่มสูงขึ้นมากในระยะเวลาอันสั้น
จนทำให้ประชาชนเดือดร้อนได้
แต่ก็อาจปรับตัวลดลงได้ในเวลาอันสั้นได้เช่นเดียวกัน
ส่วนใหญ่นักการเมืองหรือรัฐบาลมักใช้กองทุนน้ำมันในการชดเชยราคาน้ำมันขายปลีก
เพื่อพยุงฐานเสียงและคะแนนนิยมตนเองมากกว่าคิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 53
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4618
เห็นว่า ไม่ได้ยกเลิกกองทุนฯ แต่ยกเลิกการเก็บเงินเข้าเป็นการชั่วคราว แต่ที่จะกระทบค
เป็นเรื่องของราคาน้ำมันเบนซิน ( 91,95 ) กับแก็สโซฮอล จะต่างกันน้อยมาก ซึ่งมีแนวโน้วจะทำให้คนหันมาใช้ เบนซินปกติมากขึ้น จึงขอรบกวนถามคุณวิบูลย์ว่าหากเป็นอย่างนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเอธานอลอย่างมาก ใช่หรือไม่ครับ และหากมีผลจริง บริษัทฯใดจะถูกกระทบมากที่สุดครับ
เป็นเรื่องของราคาน้ำมันเบนซิน ( 91,95 ) กับแก็สโซฮอล จะต่างกันน้อยมาก ซึ่งมีแนวโน้วจะทำให้คนหันมาใช้ เบนซินปกติมากขึ้น จึงขอรบกวนถามคุณวิบูลย์ว่าหากเป็นอย่างนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเอธานอลอย่างมาก ใช่หรือไม่ครับ และหากมีผลจริง บริษัทฯใดจะถูกกระทบมากที่สุดครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4619
เป็นไปได้ครับprakarnb เขียน:เห็นว่า ไม่ได้ยกเลิกกองทุนฯ แต่ยกเลิกการเก็บเงินเข้าเป็นการชั่วคราว แต่ที่จะกระทบค
เป็นเรื่องของราคาน้ำมันเบนซิน ( 91,95 ) กับแก็สโซฮอล จะต่างกันน้อยมาก ซึ่งมีแนวโน้วจะทำให้คนหันมาใช้ เบนซินปกติมากขึ้น จึงขอรบกวนถามคุณวิบูลย์ว่าหากเป็นอย่างนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเอธานอลอย่างมาก ใช่หรือไม่ครับ และหากมีผลจริง บริษัทฯใดจะถูกกระทบมากที่สุดครับ
เพราะถ้าคนหันไปใช้เบนซินธรรมดามากขึ้น
แกสโซฮอลจะขายได้น้อยลง
บริษัทที่มีโรงผลิตเอทานอลเช่น ไทยออยล์และบางจากก็อาจได้รับผลกระทบ
แต่รายได้จากเอทานอลเทียบกับรายได้ทั้งหมดของทั้งสองบริษัทไม่มากเท่าไหร่
ส่วนบริษัทที่ผลิตเอทานอลอย่างเดียวคงได้รับผลกระทบเต็มๆ