หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 15 กรกฎาคม 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หุ้นกลุ่มหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่แทบไม่เคยสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุนระยะยาวเลยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาก็คือ หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ที่เรียกว่า Modern Trade เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้แทบทุกตัวให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจทั้งในด้านของเงินปันผลและราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่องมาตลอด ที่สำคัญ แม้ในยามที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ หุ้นส่วนใหญ่มีราคาตกลงมามากมาย หุ้นกลุ่มค้าปลีกก็ไม่ได้ตกลงมามากนัก และเมื่อภาวะวิกฤติผ่านไป ราคาก็กลับมาที่เดิมและปรับตัวสูงขึ้นไปอีก ถ้าจะพูดไป หุ้นค้าปลีกในช่วงเร็ว ๆ นี้ เป็นทั้งหุ้น Defensive หรือหุ้นที่ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้าย และเป็นหุ้น Growth หรือหุ้นที่เติบโต อยู่ในตัวเดียวกัน นอกจากนั้น หุ้นหลายตัวในกลุ่มเองก็ให้ปันผลในอัตราที่สูงและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็น Dividend Stock หรือ “หุ้นปันผล” ที่จ่ายปันผลงดงามทุกไตรมาศ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หุ้นกลุ่ม Modern Trade ส่วนใหญ่มีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับกำไรของบริษัท หรือมี PE สูงมากโดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ
ก่อนที่ผมจะพูดว่าทำไมหุ้นค้าปลีกสมัยใหม่จึงได้ราคาที่สูงกว่าหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ ผมอยากจะทำความเข้าใจก่อนว่าหุ้นที่อยู่ในข่าย Modern Trade คือหุ้นในกลุ่มไหน เนื่องจากหลายคนอาจจะบอกว่านี่คือหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะหุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ในนิยามของผมนั้น จะต้องเป็นหุ้นของบริษัทที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนทั่วไปทั้งประเทศ การขายจะขายผ่านเครือข่ายร้านสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ ราคาสินค้าที่ขายก็มักจะเท่ากันไม่ว่าจะขายในร้านหรูในกรุงเทพหรือร้านค้าที่อยู่ต่างจังหวัด ตัวสินค้าเองก็มีความหลากหลายและใกล้เคียงกันในแต่ละสาขา ระบบการทำงานของสาขาทั้งหมดมักจะต่อถึงกันผ่านสำนักงานใหญ่ ดังนั้น ข้อมูลการขายสินค้าจะเป็นระบบรวมศูนย์ที่ทำให้การบริหารงานขายมักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเทียบกับร้านค้าแบบ “ดั้งเดิม” ที่มักจะมีร้านเพียงร้านเดียวหรือมีสาขาน้อยมาก
หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในหุ้นกลุ่มพาณิชย์เริ่มตั้งแต่หุ้น BIGC ซึ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกที่เรียกว่า Discount Store แบบที่เป็นร้านค้าขนาดใหญ่มากที่ขายสินค้าที่ต้องกินต้องใช้ประจำวันและสินค้าราคาถูกอื่น ๆ อีกมาก หุ้น CPALL เจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ขายสินค้าปริมาณเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เน้นความสะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้ชุมชน หุ้น HMPRO ซึ่งขายสินค้าปรับปรุงและตกแต่งบ้าน หุ้น GLOBAL ซึ่งขายวัสดุก่อสร้าง หุ้น IT ซึ่งขายสินค้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฮเท็คต่าง ๆ หุ้น MAKRO ซึ่งขายสินค้าให้กับร้านค้าโชห่วยและกิจการอื่น ๆ เช่นร้านอาหารหรือโรงแรม หุ้น ROBINS ซึ่งทำห้างสรรพสินค้าโรบินสัน นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพาณิชย์เช่น หุ้น SE-ED ซึ่งเป็นร้านขายหนังสือ หุ้น JMART ที่ขายโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่อาจจะเรียกว่าเป็น Modern Trade ได้เหมือนกันแต่ขายเฉพาะสินค้าจากโรงงานหรือบริษัทของตนเองเป็นหลัก อย่างหุ้น DCC ซึ่งขายกระเบื้องก่อสร้าง หุ้น JUBILY ขายเครื่องประดับเพชร และหุ้น BGT ซึ่งขายเสื้อผ้า เป็นต้น
จุดเด่นของกิจการค้าปลีกสมัยใหม่นั้น มีหลายประการ เริ่มตั้งแต่ข้อแรกคือ มักเป็นกิจการที่มีความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานทั้งยอดขายและกำไร เหตุผลก็คือ บริษัทมีการขายสินค้าให้กับคนจำนวนมาก มักจะเป็นแสนหรือล้าน ๆ ราย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของยอดขายในแต่ละปีจะไม่มาก สินค้าที่ขายก็มักจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนซึ่งมักจะไม่เปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้น บริษัทสามารถกำหนดราคาขายให้อิงกับต้นทุนของบริษัทได้ค่อนข้างจะทันที เพราะเป็นกิจการที่ซื้อมา-ขายไป ทำให้กำไรของบริษัทผันแปรไปตามยอดขายเสมอ
ข้อสอง กิจการ Modern Trade มักมีความเสี่ยงในการล้มละลายต่ำเนื่องจากบริษัทขายสินค้าเป็นเงินสด แต่จ่ายค่าสินค้าเป็นเงินเชื่อหลายเดือน ทำให้บริษัทมีเงินสดมากในขณะที่มักจะมีหนี้เงินกู้น้อย หลายบริษัทไม่มีหนี้เงินกู้จากธนาคารเลยและทำให้บริษัทสามารถจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้สูงเมื่อเทียบกับกำไรที่ทำได้ บางบริษัทจ่ายถึง 100% และจ่ายทุกไตรมาศ
ข้อสาม เนื่องจากกิจการ Modern Trade ในตลาดหลักทรัพย์มักจะเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าที่ตนเองขาย เป็นกิจการที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้น บริษัทจึงมีความได้เปรียบคู่แข่งโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับร้านค้าแบบดั้งเดิม บริษัทจึงมักจะได้ส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บริษัทสามารถจะเติบโตไปได้เรื่อย ๆ อย่างยาวนานทั้ง ๆ ที่ตัวอุตสาหกรรมโดยรวมก็อาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก การเติบโตของกิจการค้าปลีกสมัยใหม่นั้น นอกจากจะเติบโตจากร้านสาขาเดิมแล้ว ยังมักจะเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่ด้วย ดังนั้น หุ้นในกลุ่มนี้หลาย ๆ ตัวจึงเป็นหุ้นที่ “เติบโต” ระยะยาว แม้ว่าอัตราการเติบโตของบางบริษัทอาจจะไม่สูงนัก
หุ้นค้าปลีกนั้น มีผลงานที่ดีและให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมาตลอด แต่ในช่วงเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นไปอีกหลังจากที่ประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งและกำลังมีรัฐบาลที่มีนโยบายในการเพิ่มรายได้ให้กับคนมีรายได้ต่ำโดยการเพิ่มเงินเดือนและการ “ประกัน” ราคาสินค้าการเกษตรในระดับที่สูง ผลจากนโยบายนี้จะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นพร้อม ๆ กับอัตราเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายของกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ นอกจากนั้น การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในเวลาเดียวกันก็จะช่วยลดต้นทุนของบริษัทลง จริงอยู่ที่ต้นทุนค่าแรงของบริษัทอาจจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็น่าจะส่งผ่านต้นทุนนี้ให้กับผู้ซื้อสินค้าได้ เพราะทุกบริษัทก็ต้องจ่ายค่าแรงที่เพิ่มขึ้นด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น หากเป็นไปตามภาพดังกล่าวนี้ กิจการค้าปลีกสมัยใหม่ส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็น่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น และนี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้
ประเด็นที่ต้องคำนึงสำหรับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ไม่ใช่เรื่องของผลประกอบการหรือความเข้มแข็งของตัวธุรกิจ แต่น่าจะอยู่ที่ราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นมามากและทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีราคาที่ “ไม่ถูก” แล้ว ว่าที่จริง ถ้ามองจากค่า PE และค่า PB ผมคิดว่าน่าจะเป็นหุ้นกลุ่มที่ “แพงที่สุด” ในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะพูดได้เหมือนกันว่ามันเป็นหุ้นกลุ่มที่ “ดีที่สุด” ในตลาดหลักทรัพย์ได้เช่นกัน ดังนั้น การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ในช่วงเวลานี้จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ในความคิดของผม หุ้นกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ในเวลานี้ ถ้าจะลงทุนก็คงไม่ใช่แนวทางแบบ เบน เกรแฮม ที่เน้นหาหุ้นถูกเป็นหลัก แต่อาจจะเป็นแนวทางแบบ วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่เน้นลงทุนในหุ้นแบบ “ซุปเปอร์สต็อก” คือลงทุนในหุ้นที่ดีสุดยอด ในราคาที่ยุติธรรม ว่าที่จริง บัฟเฟตต์เองก็ซื้อหุ้น วอลมาร์ท ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อไม่นานมานี้ ในราคาที่ไม่ถูกเลย
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หุ้นกลุ่มหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่แทบไม่เคยสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุนระยะยาวเลยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาก็คือ หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ที่เรียกว่า Modern Trade เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้แทบทุกตัวให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจทั้งในด้านของเงินปันผลและราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่องมาตลอด ที่สำคัญ แม้ในยามที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ หุ้นส่วนใหญ่มีราคาตกลงมามากมาย หุ้นกลุ่มค้าปลีกก็ไม่ได้ตกลงมามากนัก และเมื่อภาวะวิกฤติผ่านไป ราคาก็กลับมาที่เดิมและปรับตัวสูงขึ้นไปอีก ถ้าจะพูดไป หุ้นค้าปลีกในช่วงเร็ว ๆ นี้ เป็นทั้งหุ้น Defensive หรือหุ้นที่ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้าย และเป็นหุ้น Growth หรือหุ้นที่เติบโต อยู่ในตัวเดียวกัน นอกจากนั้น หุ้นหลายตัวในกลุ่มเองก็ให้ปันผลในอัตราที่สูงและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็น Dividend Stock หรือ “หุ้นปันผล” ที่จ่ายปันผลงดงามทุกไตรมาศ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หุ้นกลุ่ม Modern Trade ส่วนใหญ่มีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับกำไรของบริษัท หรือมี PE สูงมากโดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ
ก่อนที่ผมจะพูดว่าทำไมหุ้นค้าปลีกสมัยใหม่จึงได้ราคาที่สูงกว่าหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ ผมอยากจะทำความเข้าใจก่อนว่าหุ้นที่อยู่ในข่าย Modern Trade คือหุ้นในกลุ่มไหน เนื่องจากหลายคนอาจจะบอกว่านี่คือหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะหุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ในนิยามของผมนั้น จะต้องเป็นหุ้นของบริษัทที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนทั่วไปทั้งประเทศ การขายจะขายผ่านเครือข่ายร้านสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ ราคาสินค้าที่ขายก็มักจะเท่ากันไม่ว่าจะขายในร้านหรูในกรุงเทพหรือร้านค้าที่อยู่ต่างจังหวัด ตัวสินค้าเองก็มีความหลากหลายและใกล้เคียงกันในแต่ละสาขา ระบบการทำงานของสาขาทั้งหมดมักจะต่อถึงกันผ่านสำนักงานใหญ่ ดังนั้น ข้อมูลการขายสินค้าจะเป็นระบบรวมศูนย์ที่ทำให้การบริหารงานขายมักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเทียบกับร้านค้าแบบ “ดั้งเดิม” ที่มักจะมีร้านเพียงร้านเดียวหรือมีสาขาน้อยมาก
หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในหุ้นกลุ่มพาณิชย์เริ่มตั้งแต่หุ้น BIGC ซึ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกที่เรียกว่า Discount Store แบบที่เป็นร้านค้าขนาดใหญ่มากที่ขายสินค้าที่ต้องกินต้องใช้ประจำวันและสินค้าราคาถูกอื่น ๆ อีกมาก หุ้น CPALL เจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ขายสินค้าปริมาณเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เน้นความสะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้ชุมชน หุ้น HMPRO ซึ่งขายสินค้าปรับปรุงและตกแต่งบ้าน หุ้น GLOBAL ซึ่งขายวัสดุก่อสร้าง หุ้น IT ซึ่งขายสินค้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฮเท็คต่าง ๆ หุ้น MAKRO ซึ่งขายสินค้าให้กับร้านค้าโชห่วยและกิจการอื่น ๆ เช่นร้านอาหารหรือโรงแรม หุ้น ROBINS ซึ่งทำห้างสรรพสินค้าโรบินสัน นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพาณิชย์เช่น หุ้น SE-ED ซึ่งเป็นร้านขายหนังสือ หุ้น JMART ที่ขายโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่อาจจะเรียกว่าเป็น Modern Trade ได้เหมือนกันแต่ขายเฉพาะสินค้าจากโรงงานหรือบริษัทของตนเองเป็นหลัก อย่างหุ้น DCC ซึ่งขายกระเบื้องก่อสร้าง หุ้น JUBILY ขายเครื่องประดับเพชร และหุ้น BGT ซึ่งขายเสื้อผ้า เป็นต้น
จุดเด่นของกิจการค้าปลีกสมัยใหม่นั้น มีหลายประการ เริ่มตั้งแต่ข้อแรกคือ มักเป็นกิจการที่มีความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานทั้งยอดขายและกำไร เหตุผลก็คือ บริษัทมีการขายสินค้าให้กับคนจำนวนมาก มักจะเป็นแสนหรือล้าน ๆ ราย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของยอดขายในแต่ละปีจะไม่มาก สินค้าที่ขายก็มักจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนซึ่งมักจะไม่เปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้น บริษัทสามารถกำหนดราคาขายให้อิงกับต้นทุนของบริษัทได้ค่อนข้างจะทันที เพราะเป็นกิจการที่ซื้อมา-ขายไป ทำให้กำไรของบริษัทผันแปรไปตามยอดขายเสมอ
ข้อสอง กิจการ Modern Trade มักมีความเสี่ยงในการล้มละลายต่ำเนื่องจากบริษัทขายสินค้าเป็นเงินสด แต่จ่ายค่าสินค้าเป็นเงินเชื่อหลายเดือน ทำให้บริษัทมีเงินสดมากในขณะที่มักจะมีหนี้เงินกู้น้อย หลายบริษัทไม่มีหนี้เงินกู้จากธนาคารเลยและทำให้บริษัทสามารถจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้สูงเมื่อเทียบกับกำไรที่ทำได้ บางบริษัทจ่ายถึง 100% และจ่ายทุกไตรมาศ
ข้อสาม เนื่องจากกิจการ Modern Trade ในตลาดหลักทรัพย์มักจะเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าที่ตนเองขาย เป็นกิจการที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้น บริษัทจึงมีความได้เปรียบคู่แข่งโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับร้านค้าแบบดั้งเดิม บริษัทจึงมักจะได้ส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บริษัทสามารถจะเติบโตไปได้เรื่อย ๆ อย่างยาวนานทั้ง ๆ ที่ตัวอุตสาหกรรมโดยรวมก็อาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก การเติบโตของกิจการค้าปลีกสมัยใหม่นั้น นอกจากจะเติบโตจากร้านสาขาเดิมแล้ว ยังมักจะเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่ด้วย ดังนั้น หุ้นในกลุ่มนี้หลาย ๆ ตัวจึงเป็นหุ้นที่ “เติบโต” ระยะยาว แม้ว่าอัตราการเติบโตของบางบริษัทอาจจะไม่สูงนัก
หุ้นค้าปลีกนั้น มีผลงานที่ดีและให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมาตลอด แต่ในช่วงเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นไปอีกหลังจากที่ประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งและกำลังมีรัฐบาลที่มีนโยบายในการเพิ่มรายได้ให้กับคนมีรายได้ต่ำโดยการเพิ่มเงินเดือนและการ “ประกัน” ราคาสินค้าการเกษตรในระดับที่สูง ผลจากนโยบายนี้จะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นพร้อม ๆ กับอัตราเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายของกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ นอกจากนั้น การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในเวลาเดียวกันก็จะช่วยลดต้นทุนของบริษัทลง จริงอยู่ที่ต้นทุนค่าแรงของบริษัทอาจจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็น่าจะส่งผ่านต้นทุนนี้ให้กับผู้ซื้อสินค้าได้ เพราะทุกบริษัทก็ต้องจ่ายค่าแรงที่เพิ่มขึ้นด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น หากเป็นไปตามภาพดังกล่าวนี้ กิจการค้าปลีกสมัยใหม่ส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็น่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น และนี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้
ประเด็นที่ต้องคำนึงสำหรับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ไม่ใช่เรื่องของผลประกอบการหรือความเข้มแข็งของตัวธุรกิจ แต่น่าจะอยู่ที่ราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นมามากและทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีราคาที่ “ไม่ถูก” แล้ว ว่าที่จริง ถ้ามองจากค่า PE และค่า PB ผมคิดว่าน่าจะเป็นหุ้นกลุ่มที่ “แพงที่สุด” ในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะพูดได้เหมือนกันว่ามันเป็นหุ้นกลุ่มที่ “ดีที่สุด” ในตลาดหลักทรัพย์ได้เช่นกัน ดังนั้น การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ในช่วงเวลานี้จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ในความคิดของผม หุ้นกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ในเวลานี้ ถ้าจะลงทุนก็คงไม่ใช่แนวทางแบบ เบน เกรแฮม ที่เน้นหาหุ้นถูกเป็นหลัก แต่อาจจะเป็นแนวทางแบบ วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่เน้นลงทุนในหุ้นแบบ “ซุปเปอร์สต็อก” คือลงทุนในหุ้นที่ดีสุดยอด ในราคาที่ยุติธรรม ว่าที่จริง บัฟเฟตต์เองก็ซื้อหุ้น วอลมาร์ท ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อไม่นานมานี้ ในราคาที่ไม่ถูกเลย
- nACrophiles_117
- Verified User
- โพสต์: 1362
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณครับ
labor omnia vincit
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- generalman
- Verified User
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณครับ
"Investing is not a game where the guy with 160 IQ beats the guy with 130 IQ. What is needed is a sound intellectual framework for making decisions and the ability to keep emotions from corroding the framework."
Warren Buffett
Warren Buffett
-
- Verified User
- โพสต์: 1024
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 9
+++ ขอบคุณครับ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 15
pe สูงยังไงก็ยังสูงอยู่อย่างนั้นแต่มีแล้วไม่ผิดหวัง
- lengmanutd
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณครับ
ลงทุนในบริษัทที่ดี ราคาหุ้นมี MOS (Downside = Limited) และแนวโน้มกำไรมี Growth (Upside = Infinity)
- marcus147
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 21
หุ้นดีจริงๆครับ
ติดที่ราคาแพงนี่หละ T^T
ติดที่ราคาแพงนี่หละ T^T
การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีทางลัด อยากเก่ง ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 23
โอโฮ้ ถ้าอาจารย์มาการันตีแบบนี้ หุ้นค้าปลีกคงยังมีโอกาสขึ้นได้อีกมาก โดยเฉพาะ super stock ของค้าปลีก แต่คงแล้วแต่ใคร เพราะ pe บางคนก็คงถอย
ปล.ท่ีอาจารย์กล่าวมา ครอบคลุมหมด รวมทั้งพวก MAI อย่าง jubile หรือ bgt ว่าแต่ global ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ไม่ถูกพูดถึงเลยนะครับบทความนี้
ปล.ท่ีอาจารย์กล่าวมา ครอบคลุมหมด รวมทั้งพวก MAI อย่าง jubile หรือ bgt ว่าแต่ global ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ไม่ถูกพูดถึงเลยนะครับบทความนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 72
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 24
อาจารย์มีพูดถึงหุ้น GLOBAL ด้วยนะคะ อยู่ที่ย่อหน้า 3 ต่อจากหุ้น HMPRO ลองอ่านดูอีกทีค่ะpakapong_u เขียน:โอโฮ้ ถ้าอาจารย์มาการันตีแบบนี้ หุ้นค้าปลีกคงยังมีโอกาสขึ้นได้อีกมาก โดยเฉพาะ super stock ของค้าปลีก แต่คงแล้วแต่ใคร เพราะ pe บางคนก็คงถอย
ปล.ท่ีอาจารย์กล่าวมา ครอบคลุมหมด รวมทั้งพวก MAI อย่าง jubile หรือ bgt ว่าแต่ global ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ไม่ถูกพูดถึงเลยนะครับบทความนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 1667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 26
หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ ที่ผมมี 67% ของ port โตขึ้นมากเลยครับ
กำไร เกิน 100% แล้ว
กำไร เกิน 100% แล้ว
คงไม่มีใคร หาเงินมากมาย ไว้ยัดใส่โลงศพตัวเอง
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
- pizad_sura
- Verified User
- โพสต์: 67
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 28
ขอบคุณมากครับ ต้องไปส่องมั่งแล้ว ^0^