ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 3
ผมไม่ได้ทำประกันชีวิตอะไรเลยครับ
เพราะตัวคนเดียวครับ
ก็เลยไม่รู้จะทำไปทำไม
เอาเงินไปซื้อหุ้นมันกว่า
ส่วน ltf ผมซื้อเฉพาะส่วนที่เคลมได้ 20 % ครับ
เพราะตัวคนเดียวครับ
ก็เลยไม่รู้จะทำไปทำไม
เอาเงินไปซื้อหุ้นมันกว่า
ส่วน ltf ผมซื้อเฉพาะส่วนที่เคลมได้ 20 % ครับ
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 5
อยู่ที่เลือกที่จะแบกความเสี่ยง หรือผลักความเสี่ยงให้คนอื่นครับBelffet เขียน:แล้วซื้อประกันอุบัติเหตุ กับประกันสุขภาพบ้างไหมครับ?ส.สลึง เขียน:ผมไม่ได้ทำประกันชีวิตอะไรเลยครับ
เพราะตัวคนเดียวครับ
ก็เลยไม่รู้จะทำไปทำไม
เอาเงินไปซื้อหุ้นมันกว่า
ประกันเมืองไทย (ประกันชีวิต) ค่อนข้างแพงครับ เพราะตัวแทนเอาไปกินหมด แถมมีทำยอดไปเที่ยวต่างประเทศอีก
Go within, be at peace.
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 8
ไม่มีเลยครับพี่Belffet เขียน:แล้วซื้อประกันอุบัติเหตุ กับประกันสุขภาพบ้างไหมครับ?ส.สลึง เขียน:ผมไม่ได้ทำประกันชีวิตอะไรเลยครับ
เพราะตัวคนเดียวครับ
ก็เลยไม่รู้จะทำไปทำไม
เอาเงินไปซื้อหุ้นมันกว่า
ส่วนตัวคิดว่าการทำประกัน
คือการชื้อความคุ้มครองครับ
แต่ผมไม่ได้มีภาระอะไร
โสดสนิท และคนที่อยู่ข้างหลัง
มีแค่พ่อกับแม่เท่านั้น
ซึ่งถ้าผมมีอันเป็นไปก่อน
พอร์ตที่ผมบริหารอยู่
ก็น่าจะเพียงพอให้ท่านตั้งหลักได้
จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตครับ
ส่วนความเสี่ยงด้านอื่นๆ
ผมเฉยๆ นะ
เพราะคิดว่าชีวิตก็เจอความลำบากมาพอสมควร
ถ้าจะให้เจอความลำบากยังไง
คิดว่า.. น่าจะผ่านไปได้ครับ
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 962
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 9
ประกันไม่ได้ทำครับ เพราะยังไม่รู้สึกว่าต้องทำ คือยังโสดครับ และบริษัทที่ทำงานก็มีเงินส่วนนี้ให้อยู่บ้างเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
RMF ไม่ได้ซื้อ เพราะผมไม่ชอบอะไรที่ไม่ flexible ถึงแม้ว่าเราก็รู้ว่าเงินที่เราลงในหุ้นเราก็ไม่เอาออกมาใช้เหมือนกันก็เถอะ
ส่วน LTF ซื้อครับ ใช้สิทธิเกือบเต็มทุกปี
RMF ไม่ได้ซื้อ เพราะผมไม่ชอบอะไรที่ไม่ flexible ถึงแม้ว่าเราก็รู้ว่าเงินที่เราลงในหุ้นเราก็ไม่เอาออกมาใช้เหมือนกันก็เถอะ
ส่วน LTF ซื้อครับ ใช้สิทธิเกือบเต็มทุกปี
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 10
เรื่องของประกันชีวิต มีเรื่องของประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ความเสี่ยงเรื่องนี้หลักๆที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดกันคือเรื่องเสียชีวิต
ทำให้บางคนอาจคิดว่า ถ้าโสด ไม่มีภาระใดๆ ไม่น่าจะต้องทำประกันชีวิต (รวมถึงประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุที่สอดแทรกอยู่ข้างใน)
แต่ถ้าคิดให้ละเอียดลงไปอีกสักนิด ถ้าเป็นในเรื่องของประกันชีวิตแล้วนั้น ความตายไม่น่ากลัวเท่าไหร่
ที่น่ากลัวคือ "ไม่ยอมตาย"
เช่น โรคร้ายที่ต้องรักษาเป็นเวลานานๆ และเสียค่าใช้จ่ายสูงๆติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรืออุบัติเหตุที่ทำให้ร่างกายพิกลพิการไม่สามารถทำงานใดๆได้อีก (ทุพพลภาพถาวร)
ผมไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องทำประกันฯหรอกนะครับ แต่ผมอยากให้ลองคิดให้ลึกให้ละเอียดกับความเสี่ยงในเรื่องชีวิต, สุขภาพ และอุบัติเหตุในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งที่อาจเกิดมีขึ้นได้ จากนั้นตัดสินใจดูอีกสักครั้งว่าประกันฯไม่มีความจำเป็นกับเราจริงๆ หรือว่าเรากำลังประมาทกับชีวิตอยู่กันแน่?
ปล. ผมได้คิดเรื่องนี้เมื่อเพื่อนผมคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดเมื่อตอนอายุ 25 ปีโดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เขาไม่มีประกันสุขภาพเลย และต้องใช้เงินค่ารักษาทั้งหมดราว 8 หลัก โชคดีเหลือเกินที่เขาเป็นคนมีฐานะ สิ่งที่ฉุกใจผมก็คือ แม้นมีโอกาสเพียงเศษเสี้ยวที่ผมจะเป็นแบบเขา แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับผมจริงๆขึ้นมา เงิน 8 หลักแทบจะเป็นความมั่งคั่งทั้งหมดที่ครอบครัวผมมี และพ่อแม่ของผมย่อมไม่ยอมให้ผมตายง่ายๆแน่นอน ผมจึงหันมามองประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุในแง่มุมใหม่ โดยตั้งอยู่บนความคิดว่า "อย่าประมาท" ครับ
หวังว่าความคิดเห็นนี้จะพอเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
ความเสี่ยงเรื่องนี้หลักๆที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดกันคือเรื่องเสียชีวิต
ทำให้บางคนอาจคิดว่า ถ้าโสด ไม่มีภาระใดๆ ไม่น่าจะต้องทำประกันชีวิต (รวมถึงประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุที่สอดแทรกอยู่ข้างใน)
แต่ถ้าคิดให้ละเอียดลงไปอีกสักนิด ถ้าเป็นในเรื่องของประกันชีวิตแล้วนั้น ความตายไม่น่ากลัวเท่าไหร่
ที่น่ากลัวคือ "ไม่ยอมตาย"
เช่น โรคร้ายที่ต้องรักษาเป็นเวลานานๆ และเสียค่าใช้จ่ายสูงๆติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรืออุบัติเหตุที่ทำให้ร่างกายพิกลพิการไม่สามารถทำงานใดๆได้อีก (ทุพพลภาพถาวร)
ผมไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องทำประกันฯหรอกนะครับ แต่ผมอยากให้ลองคิดให้ลึกให้ละเอียดกับความเสี่ยงในเรื่องชีวิต, สุขภาพ และอุบัติเหตุในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งที่อาจเกิดมีขึ้นได้ จากนั้นตัดสินใจดูอีกสักครั้งว่าประกันฯไม่มีความจำเป็นกับเราจริงๆ หรือว่าเรากำลังประมาทกับชีวิตอยู่กันแน่?
ปล. ผมได้คิดเรื่องนี้เมื่อเพื่อนผมคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดเมื่อตอนอายุ 25 ปีโดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เขาไม่มีประกันสุขภาพเลย และต้องใช้เงินค่ารักษาทั้งหมดราว 8 หลัก โชคดีเหลือเกินที่เขาเป็นคนมีฐานะ สิ่งที่ฉุกใจผมก็คือ แม้นมีโอกาสเพียงเศษเสี้ยวที่ผมจะเป็นแบบเขา แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับผมจริงๆขึ้นมา เงิน 8 หลักแทบจะเป็นความมั่งคั่งทั้งหมดที่ครอบครัวผมมี และพ่อแม่ของผมย่อมไม่ยอมให้ผมตายง่ายๆแน่นอน ผมจึงหันมามองประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุในแง่มุมใหม่ โดยตั้งอยู่บนความคิดว่า "อย่าประมาท" ครับ
หวังว่าความคิดเห็นนี้จะพอเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 13
ตรงนี้นี่แหละ สำคัญครับ ว่าจะเลือกรับความเสี่ยงเอง หรือ โยนให้คนอื่นรับความเสี่ยงBelffet เขียน:เรื่องของประกันชีวิต มีเรื่องของประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ความเสี่ยงเรื่องนี้หลักๆที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดกันคือเรื่องเสียชีวิต
ทำให้บางคนอาจคิดว่า ถ้าโสด ไม่มีภาระใดๆ ไม่น่าจะต้องทำประกันชีวิต (รวมถึงประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุที่สอดแทรกอยู่ข้างใน)
แต่ถ้าคิดให้ละเอียดลงไปอีกสักนิด ถ้าเป็นในเรื่องของประกันชีวิตแล้วนั้น ความตายไม่น่ากลัวเท่าไหร่
ที่น่ากลัวคือ "ไม่ยอมตาย"
เช่น โรคร้ายที่ต้องรักษาเป็นเวลานานๆ และเสียค่าใช้จ่ายสูงๆติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรืออุบัติเหตุที่ทำให้ร่างกายพิกลพิการไม่สามารถทำงานใดๆได้อีก (ทุพพลภาพถาวร)
ผมไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องทำประกันฯหรอกนะครับ แต่ผมอยากให้ลองคิดให้ลึกให้ละเอียดกับความเสี่ยงในเรื่องชีวิต, สุขภาพ และอุบัติเหตุในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งที่อาจเกิดมีขึ้นได้ จากนั้นตัดสินใจดูอีกสักครั้งว่าประกันฯไม่มีความจำเป็นกับเราจริงๆ หรือว่าเรากำลังประมาทกับชีวิตอยู่กันแน่?
ปล. ผมได้คิดเรื่องนี้เมื่อเพื่อนผมคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดเมื่อตอนอายุ 25 ปีโดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เขาไม่มีประกันสุขภาพเลย และต้องใช้เงินค่ารักษาทั้งหมดราว 8 หลัก โชคดีเหลือเกินที่เขาเป็นคนมีฐานะ สิ่งที่ฉุกใจผมก็คือ แม้นมีโอกาสเพียงเศษเสี้ยวที่ผมจะเป็นแบบเขา แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับผมจริงๆขึ้นมา เงิน 8 หลักแทบจะเป็นความมั่งคั่งทั้งหมดที่ครอบครัวผมมี และพ่อแม่ของผมย่อมไม่ยอมให้ผมตายง่ายๆแน่นอน ผมจึงหันมามองประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุในแง่มุมใหม่ โดยตั้งอยู่บนความคิดว่า "อย่าประมาท" ครับ
หวังว่าความคิดเห็นนี้จะพอเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ต้องแยกกันครับ
โดยส่วนตัวผมคิดว่าการประกัน เป็นการป้องกันความเสี่ยง ไม่ให้จนแบบเฉียบพลันด้วยอาการป่วย หรือ อุบัติเหตุครับ
และถ้าต้องทำ ผมคิดว่าควรซื้อทิ้งเป็นรายปี มากกว่าออมเงิน จะได้เสียเงินน้อยกว่า
ประกันมักจะพยายามบอกเราว่าเป็นการออมเงินแล้วได้สิทธิ์ในการรักษาสุขภาพติดมาด้วย อันนั้นแพงมากครับ
Go within, be at peace.
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 14
ประกัน มันอยู่บนพื้นฐานคณิตศาสตร์ สถิติที่ไม่ยากนัก แค่ว่า "เบี้ยประกัน" สูงกว่า (ความน่าจะเป็นของคุณป่วย,ตาย) x (วงเงินคุ้มครอง) และสูงกว่ามากด้วย ลองสังเกตุประกันใหม่ๆ 4-5 โรคร้ายแรง ดูเหมือนจะจ่ายเบี้ยนิดเดียว แต่วงเงินคุ้มครองค่อนข้างสูง เพราะอะไร ? เพราะว่าความน่าจะเป็นมันต่ำมากไงครับ
ประกันสำหรับผมแล้วมันควรจะเป็นเรื่องชั่วคราว สำหรับคนที่กินเงินเดือน และมีทรัพย์ิสินยังไม่พอที่จะดูแลครอบครัวได้ในกรณีที่ตัวเองตาย อย่างครอบครัวที่ผู้ชายทำงานคนเดียว ได้เงินเดือน 70,000 บาท ตีไปซะว่าจะใช้ 30,000 บาท/เดือน ก็ควรที่จะซื้อประกันที่สามารถจ่ายได้ 30,000/เดือน เป็นเวลาซัก 10 ปี คือจนกว่าลูกจะโต หรือวงเงินประมาณ 3,000,000 บาท อะไรประมาณนั้น แต่ถ้ามีธุรกิจที่สามารถดำเนินต่อไปได้โดยตัวเองไม่อยู่ หรือภรรยามีรายได้ 20,000 บาท วงเงินก็อาจจะลดลงไปได้ เป็นต้น
สำหรับหลายๆท่านที่มี ธุรกิจ หรือ"หุ้น"ส่วนในธุรกิจ เงินปันผลที่ได้ก็ถือว่าเป็นรายได้แล้วเหมือนกัน ถ้าเงินปันผลมันเพียงพอต่อการยังชีพแล้ว ประกันก็คงไม่จำเป็นครับ หลายๆครั้งผมไม่เข้าใจเหมือนกัน เวลาเห็นคนที่มีทรัพย์สินเยอะๆ แบบ 8-9 หลัก แล้วมาซื้อประกันชีวิต โดยเฉพาะพวกซื้อประกันชีวิตให้ลูกเล็กๆ ถามตรงๆว่าถ้าลูกตายไปจริงๆ เงินตรงนั้นมันเอามาจ่ายแล้วจะหายเสียใจหรือครับ ? หรือมองว่าลูกเป็น investment ที่โตขึ้นแล้วจะมาจ่ายผลตอบแทนให้เรา ? สงสัยมาก
ประกันสำหรับผมแล้วมันควรจะเป็นเรื่องชั่วคราว สำหรับคนที่กินเงินเดือน และมีทรัพย์ิสินยังไม่พอที่จะดูแลครอบครัวได้ในกรณีที่ตัวเองตาย อย่างครอบครัวที่ผู้ชายทำงานคนเดียว ได้เงินเดือน 70,000 บาท ตีไปซะว่าจะใช้ 30,000 บาท/เดือน ก็ควรที่จะซื้อประกันที่สามารถจ่ายได้ 30,000/เดือน เป็นเวลาซัก 10 ปี คือจนกว่าลูกจะโต หรือวงเงินประมาณ 3,000,000 บาท อะไรประมาณนั้น แต่ถ้ามีธุรกิจที่สามารถดำเนินต่อไปได้โดยตัวเองไม่อยู่ หรือภรรยามีรายได้ 20,000 บาท วงเงินก็อาจจะลดลงไปได้ เป็นต้น
สำหรับหลายๆท่านที่มี ธุรกิจ หรือ"หุ้น"ส่วนในธุรกิจ เงินปันผลที่ได้ก็ถือว่าเป็นรายได้แล้วเหมือนกัน ถ้าเงินปันผลมันเพียงพอต่อการยังชีพแล้ว ประกันก็คงไม่จำเป็นครับ หลายๆครั้งผมไม่เข้าใจเหมือนกัน เวลาเห็นคนที่มีทรัพย์สินเยอะๆ แบบ 8-9 หลัก แล้วมาซื้อประกันชีวิต โดยเฉพาะพวกซื้อประกันชีวิตให้ลูกเล็กๆ ถามตรงๆว่าถ้าลูกตายไปจริงๆ เงินตรงนั้นมันเอามาจ่ายแล้วจะหายเสียใจหรือครับ ? หรือมองว่าลูกเป็น investment ที่โตขึ้นแล้วจะมาจ่ายผลตอบแทนให้เรา ? สงสัยมาก
เห็นด้วยครับ แพงมาก ถ้าจะเอาเงินไปจ่ายค่าประกัน สู้เอาเงินไปตรวจสุขภาพทุกๆปีน่าจะดีกว่าsarawut_p เขียน:ประกันมักจะพยายามบอกเราว่าเป็นการออมเงินแล้วได้สิทธิ์ในการรักษาสุขภาพติดมาด้วย อันนั้นแพงมากครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 15
เงินทองของนอกกายครับ
ร่างกายก็เหมือนกัน
ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ครับ
เป็นสังขารเน่าๆ ทั้งเหี่ยวทั้งเหม็น
แฮ...
ทุกคนล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ และตาย
เป็นเรื่องธรรมดา
ไม่ใช่มีตายอย่างเดียว
แต่มันมีเจ็บด้วย
ในเมื่อเกิดมาแล้ว
ทุกคนล้วนต้องตาย
ทำไมต้องกลัวเจ็บด้วย
อยู่กับจิตของเรานี่แหละ
และแม้เมื่อวันนั้นมาถึง
จิตของเราเองยังอาจจะรักษาไว้ไม่ได้เลย
ปล.
ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย
ก็แค่คนแก่ๆ คนนึงบ่นให้ฟังครับ
ร่างกายก็เหมือนกัน
ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ครับ
เป็นสังขารเน่าๆ ทั้งเหี่ยวทั้งเหม็น
แฮ...
ทุกคนล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ และตาย
เป็นเรื่องธรรมดา
ไม่ใช่มีตายอย่างเดียว
แต่มันมีเจ็บด้วย
ในเมื่อเกิดมาแล้ว
ทุกคนล้วนต้องตาย
ทำไมต้องกลัวเจ็บด้วย
อยู่กับจิตของเรานี่แหละ
และแม้เมื่อวันนั้นมาถึง
จิตของเราเองยังอาจจะรักษาไว้ไม่ได้เลย
ปล.
ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย
ก็แค่คนแก่ๆ คนนึงบ่นให้ฟังครับ
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 17
ส่วนตัวซื้อ RMF และ LTF ครับ
ซื้อ RMF เพราะตัดสินใจพลาดครับตอนนี้ซื้อแค่ขั้นต่ำรักษาสิทธิ์ เพราะไม่แน่ใจว่าจะถือได้ระยะยาวขนาดนั้นหรอเปล่า
ซื้อ LTF เพราะระยะเวลาถูกใจครับ 5ปี
ซื้อ RMF และ LTF ผมคิดว่าเหมือนได้เงินปันผลครับ ยิ่งเสียภาษี%สูง ยิ่งได้ปันผลสูง และปันผลคงที่ทุกปีครับ ผมแบ่งเงินมาลงทุนก้อนหนึ่ง (เงินออมหลัก) และแบ่งซื้อLTF (ก้อนเล็ก ผมเงินเดือนน้อยครับ ซื้อยังก็เสียภาษีอยู่ดี เพราะเงินออมไม่มาก)
แต่ไม่ชอบกอง LTF ,RMF อยู่อย่างครับเราตัดสินใจเลือกซื้อขายเองไม่ได้ต้องหวังพึ่งผู้จัดการกองทุนครับ รู้สึกอึดอันอยากบริหารเองมากกว่า (ถ้าจะย่อยยับเพราะคนสักคน ขอให้คนๆนั้นคือตนเอง จะได้โทษใครไม่ได้)
ซื้อ RMF เพราะตัดสินใจพลาดครับตอนนี้ซื้อแค่ขั้นต่ำรักษาสิทธิ์ เพราะไม่แน่ใจว่าจะถือได้ระยะยาวขนาดนั้นหรอเปล่า
ซื้อ LTF เพราะระยะเวลาถูกใจครับ 5ปี
ซื้อ RMF และ LTF ผมคิดว่าเหมือนได้เงินปันผลครับ ยิ่งเสียภาษี%สูง ยิ่งได้ปันผลสูง และปันผลคงที่ทุกปีครับ ผมแบ่งเงินมาลงทุนก้อนหนึ่ง (เงินออมหลัก) และแบ่งซื้อLTF (ก้อนเล็ก ผมเงินเดือนน้อยครับ ซื้อยังก็เสียภาษีอยู่ดี เพราะเงินออมไม่มาก)
แต่ไม่ชอบกอง LTF ,RMF อยู่อย่างครับเราตัดสินใจเลือกซื้อขายเองไม่ได้ต้องหวังพึ่งผู้จัดการกองทุนครับ รู้สึกอึดอันอยากบริหารเองมากกว่า (ถ้าจะย่อยยับเพราะคนสักคน ขอให้คนๆนั้นคือตนเอง จะได้โทษใครไม่ได้)
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 18
ซื้อ RMF Set Index 50 ของธนาคารทหารไทยผมว่าเป็นทางเลือกที่ดีนะครับ มีค่าใช้จ่ายต่ำ และผลตอบแทนในระยะยาวดีกว่า ผู้จัดการกองทุนหลาย ๆ กองครับ อาจจะไม่สูงเท่าผู้จัดการกองทุนที่เก่งที่สุด แต่ในระยะยาวผมว่าโอเคเลยครับtawich เขียน:ส่วนตัวซื้อ RMF และ LTF ครับ
ซื้อ RMF เพราะตัดสินใจพลาดครับตอนนี้ซื้อแค่ขั้นต่ำรักษาสิทธิ์ เพราะไม่แน่ใจว่าจะถือได้ระยะยาวขนาดนั้นหรอเปล่า
ซื้อ LTF เพราะระยะเวลาถูกใจครับ 5ปี
ซื้อ RMF และ LTF ผมคิดว่าเหมือนได้เงินปันผลครับ ยิ่งเสียภาษี%สูง ยิ่งได้ปันผลสูง และปันผลคงที่ทุกปีครับ ผมแบ่งเงินมาลงทุนก้อนหนึ่ง (เงินออมหลัก) และแบ่งซื้อLTF (ก้อนเล็ก ผมเงินเดือนน้อยครับ ซื้อยังก็เสียภาษีอยู่ดี เพราะเงินออมไม่มาก)
แต่ไม่ชอบกอง LTF ,RMF อยู่อย่างครับเราตัดสินใจเลือกซื้อขายเองไม่ได้ต้องหวังพึ่งผู้จัดการกองทุนครับ รู้สึกอึดอันอยากบริหารเองมากกว่า (ถ้าจะย่อยยับเพราะคนสักคน ขอให้คนๆนั้นคือตนเอง จะได้โทษใครไม่ได้)
Go within, be at peace.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 19
ผมมีประกันชีวิตครับ..ใช้วิธีแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆครับ (ที่ทำเพราะแม่ช่วยเพื่อนอ่ะครับ...ถ้าให้ตอนนี้แม้ผมจะลงทุนยังไม่เก่ง...ก็คิดว่ายังไม่ทำอ่ะครับ)
ผมมองว่าถ้าเราอายุยังไม่เยอะแล้วร่างกายแข็งแรง ก็ยังไม่น่าจะประกันสุขภาพนะครับ
ถ้าจะประกันจริงประกันอุบัติเหตุน่าจะคุ้มค่ากว่าครับ
ผมมองว่าถ้าเราอายุยังไม่เยอะแล้วร่างกายแข็งแรง ก็ยังไม่น่าจะประกันสุขภาพนะครับ
ถ้าจะประกันจริงประกันอุบัติเหตุน่าจะคุ้มค่ากว่าครับ
stay calm stay invest
-
- Verified User
- โพสต์: 120
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 20
ซื้อ หุ้น สำหรับการได้รับอิสระภาพทางการเงินค่ะ
ซื้อ LTF สำหรับหักลดหย่อนภาษีค่ะ แล้วเอาเงินคือภาษีไปลงทุนกับหุ้นต่อ พยายามเพิ่ม wealth ค่ะ
ซื้อประกันสุขภาพ เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะซื้อเลย จนเจอ case คนที่รู้จักเข้าโรงพยาบาลค่าใช้จ่ายเยอะมากกก
ก็เลยตัดสินใจซื้อคิดว่าซื้อความเสี่ยง เพราะที่บริษัทไม่มีสวัสดิการให้ค่ะเลยไม่อยากเป็นภาระกับทาง
บ้าน
คร่าวๆก็ตามนี้ค่ะ
ซื้อ LTF สำหรับหักลดหย่อนภาษีค่ะ แล้วเอาเงินคือภาษีไปลงทุนกับหุ้นต่อ พยายามเพิ่ม wealth ค่ะ
ซื้อประกันสุขภาพ เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะซื้อเลย จนเจอ case คนที่รู้จักเข้าโรงพยาบาลค่าใช้จ่ายเยอะมากกก
ก็เลยตัดสินใจซื้อคิดว่าซื้อความเสี่ยง เพราะที่บริษัทไม่มีสวัสดิการให้ค่ะเลยไม่อยากเป็นภาระกับทาง
บ้าน
คร่าวๆก็ตามนี้ค่ะ
- hunter_kidz
- Verified User
- โพสต์: 89
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 21
ผมเงินเดือนแค่หมื่นกว่าเองครับคชจ.แต่ละเดือนก็เยอะเหลือเก็บเดือนละไม่กี่พันเองครับกว่าจะได้ซื้อหุ้นแต่ละตัวคงนาน
" ขอเพียงแค่ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงที่จุดหมาย โปรดจงมั่นใจที่ทำลงไปน่ะถูกแล้ว
อย่าฟังคำคนอย่าสนใจใครอย่าเปลี่ยนแนว คนแน่แน่วเท่านั้นผู้ชนะ "
อย่าฟังคำคนอย่าสนใจใครอย่าเปลี่ยนแนว คนแน่แน่วเท่านั้นผู้ชนะ "
- pagzin
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 95
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 22
[quote="simplelife"]โดยเฉพาะพวกซื้อประกันชีวิตให้ลูกเล็กๆ ถามตรงๆว่าถ้าลูกตายไปจริงๆ เงินตรงนั้นมันเอามาจ่ายแล้วจะหายเสียใจหรือครับ ? หรือมองว่าลูกเป็น investment ที่โตขึ้นแล้วจะมาจ่ายผลตอบแทนให้เรา ? สงสัยมาก
คือตรงนี้ผมคิดว่า ที่ทำให้ลูกไม่ได้คิดว่าลูกตาย!! แล้วได้เงิน เกิดเวลาที่ลูกเจ็บป่วยก็อยากให้ลูกได้นอนโรงพยาบาลที่ดี ซึ่งนั้นก็ทำให้ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งสูง เข้าโรงพยาบาล 1ครั้ง(20000-30000) เท่ากับ จ่ายประกัน1ปี ตอนที่ไม่ได้ทำประกันโดนไป2ครั้ง/ปี มันทำให้กระทบการเงินมากครับ ส่วนเรื่องการที่บอกเป็นเงินออมนั้นก็เป็นผลพลอยได้ และผมคิดว่าถ้าผมตายอย่างน้อยก็จะมีเงินดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ภรรยาเป็นแม่บ้านผมคิดว่าผมต้องเตรียมบางอย่างไว้ครับ
คือตรงนี้ผมคิดว่า ที่ทำให้ลูกไม่ได้คิดว่าลูกตาย!! แล้วได้เงิน เกิดเวลาที่ลูกเจ็บป่วยก็อยากให้ลูกได้นอนโรงพยาบาลที่ดี ซึ่งนั้นก็ทำให้ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งสูง เข้าโรงพยาบาล 1ครั้ง(20000-30000) เท่ากับ จ่ายประกัน1ปี ตอนที่ไม่ได้ทำประกันโดนไป2ครั้ง/ปี มันทำให้กระทบการเงินมากครับ ส่วนเรื่องการที่บอกเป็นเงินออมนั้นก็เป็นผลพลอยได้ และผมคิดว่าถ้าผมตายอย่างน้อยก็จะมีเงินดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ภรรยาเป็นแม่บ้านผมคิดว่าผมต้องเตรียมบางอย่างไว้ครับ
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 23
ประกันชีวิตพ่วงด้วยประกันสุขภาพครับ คือ policy หลักเป็นประกันชีวิต และซื้อประกันสุขภาพเสริมครับ ถ้าคิดว่าใช้ประกันสุขภาพแล้วคุ้มค่า ก็คงจะไม่มีข้อโต้แย้งอะไร แต่ประเด็นคือผมเห็น หลายๆครอบครัวกลับซื้อ policy ประกันชีวิต(ประกันหลัก) เข้าไปวงเงินสูงๆ อย่าง 500k หรือ 1m แบบ whole-life policy ครับ ซึ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายตรงนี้แบบไม่จำเป็นpagzin เขียน:เกิดเวลาที่ลูกเจ็บป่วยก็อยากให้ลูกได้นอนโรงพยาบาลที่ดี ซึ่งนั้นก็ทำให้ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งสูง เข้าโรงพยาบาล 1ครั้ง(20000-30000) เท่ากับ จ่ายประกัน1ปี ตอนที่ไม่ได้ทำประกันโดนไป2ครั้ง/ปี
ส่วนเรื่องคุ้มครองครอบครัว ผมเห็นด้วยมากๆว่าถ้าครอบครัวยังไม่มี passive income ที่เพียงพอกับการใช้จ่าย ก็ควรที่จะมีประกับเพื่อที่จะให้ cover ตรงส่วนนี้ด้วยpagzin เขียน: ส่วนเรื่องการที่บอกเป็นเงินออมนั้นก็เป็นผลพลอยได้ และผมคิดว่าถ้าผมตายอย่างน้อยก็จะมีเงินดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ภรรยาเป็นแม่บ้านผมคิดว่าผมต้องเตรียมบางอย่างไว้ครับ
แต่กลับกลายเป็นว่า ครอบครัวที่กำัลังเริ่มตั้งตัวยังมี asset ไม่พอ ก็ไม่มีประกัน cover แต่คนที่มีฐานะดีกว่ามากๆและมี asset ที่สร้างรายได้ให้ได้ อย่างธุรกิจส่วนตัว หอพักให้เช่า หรือแม้แต่หุ้นปันผลในปริมาณที่มากพออยู่แล้ว กลับเป็นกลุ่มที่มาซื้อประกัน ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นเลย เพียงเพราะแค่ตัวเองฐานภาษีสูงกว่า อยากเอามาหักภาษีเงินได้
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 1009
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 24
แค่คิดได้เร็ว และทำ ก็ถือว่าไม่นานแล้วครับ .....กว่าผมจะรู้ว่าควรเริ่มลงทุนก็ 10 ปี หลังจบ ....10 ปี จากนี้ไปคุณอาจดีกว่าผมมากครับ....มันไม่แน่หรอกครับhunter_kidz เขียน:ผมเงินเดือนแค่หมื่นกว่าเองครับคชจ.แต่ละเดือนก็เยอะเหลือเก็บเดือนละไม่กี่พันเองครับกว่าจะได้ซื้อหุ้นแต่ละตัวคงนาน
- นพพร
- Verified User
- โพสต์: 1039
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามคนVI ที่มีรายรับเป็นเงินเดือนครับ
โพสต์ที่ 25
ให้กำลังใจครับผม ต้นทุนอย่างอื่นคนอื่นอาจจะมากกว่าเราก็ได้ครับ แบบว่ามีคนเงินเก็บหลายแสน อายุจะ 60 แล้วโอกาสลงทุนหรือใช้เงินเหลืออีกไม่กี่ปี แต่ต้นทุนตรงนี้คุณอาจจะดีกว่าเขาแบบว่าอายุยังน้อยแบบนี้น่ะครับ จะกี่ร้อยกี่พันก็ออมไว้ครับhunter_kidz เขียน:ผมเงินเดือนแค่หมื่นกว่าเองครับคชจ.แต่ละเดือนก็เยอะเหลือเก็บเดือนละไม่กี่พันเองครับกว่าจะได้ซื้อหุ้นแต่ละตัวคงนาน
ก้าวแรกที่เล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต