[color=blue]ใครชอบตัวไหนมากกว่ากัน? บอกได้ไหมครับ[/color]
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
[color=blue]ใครชอบตัวไหนมากกว่ากัน? บอกได้ไหมครับ[/color]
โพสต์ที่ 3
มี LST อีกตัวครับทำธุรกิจคล้ายๆกับ CPI
ไตรมาสล่าสุดเหมือนจะมีกำไร(ที่จริงขาดทุน) แต่ก็ลดลงมากจากปีก่อน
LST CPI ทำธุรกิจคล้ายๆกันคือมีทั้งสวนปาล์ม โรงหีบน้ำมันดิบ และโรงกลั่นน้ำมันพืช แต่ LST หลังๆไปซื้อกิจการ UFC ทำให้ต้องกู้เงินจำนวนมาก และกำไรก็ลดลงเรื่อยๆ
UPOIC UVAN มีสวนปาล์มทั้งพื้นที่รับสัมปทาน-ที่ดินของตัวเอง และมีโรงหีบน้ำมันดิบ
ส่วนตัวผมมองว่าธุรกิจการกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ค่อนข้างเสียเปรียบมาเลเซียค่อนข้างมาก (พิจารณาจากราคาขายสินค้า) ในขณะที่การกลั่นน้ำมันปาล์มดิบยังพอจะแข่งขันกับมาเลเซียได้ พิจารณาจากราคาขายเช่นกัน
มองที่ UPOIC และ UVAN ผมชอบตัวหลังมากกว่า เพราะเหตุผลดังนี้
UVAN มีเทคโนโลยีด้านการจัดการสวนที่ดีกว่า เมล็ดพันธ์ที่ดีกว่า การตลาดที่ดีกว่า ช่องทางการขายที่ดีกว่า ผู้บริหารที่ดูเหมือนจะดีกว่า โรงงานที่ใหญ่กว่า แต่ก็มีข้อด้อยมีที่ดินปลูกปาล์มน้อยกว่า
ส่วน UPOIC ข้อดีคือมีสวนขนาดใหญ่ แม้อาจจะไม่สามารถต่อสัมปทานได้ก็ยังมีพื้นที่ปลูกประมาณ 20,000 ไร่ แต่ข้อด้อยคือโรงงานมีกำลังการผลิตน้อยกว่ามาก และมีแนวโน้มลดลงตลอด นอกจากนั้นการขายสินค้าก็ขายให้ลูกค้ารายเดียว ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คือ LST
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
ลองดูกระทู้เก่าๆดูครับ มีคุยกันเรื่องนี้บ่อยๆ
ไตรมาสล่าสุดเหมือนจะมีกำไร(ที่จริงขาดทุน) แต่ก็ลดลงมากจากปีก่อน
LST CPI ทำธุรกิจคล้ายๆกันคือมีทั้งสวนปาล์ม โรงหีบน้ำมันดิบ และโรงกลั่นน้ำมันพืช แต่ LST หลังๆไปซื้อกิจการ UFC ทำให้ต้องกู้เงินจำนวนมาก และกำไรก็ลดลงเรื่อยๆ
UPOIC UVAN มีสวนปาล์มทั้งพื้นที่รับสัมปทาน-ที่ดินของตัวเอง และมีโรงหีบน้ำมันดิบ
ส่วนตัวผมมองว่าธุรกิจการกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ค่อนข้างเสียเปรียบมาเลเซียค่อนข้างมาก (พิจารณาจากราคาขายสินค้า) ในขณะที่การกลั่นน้ำมันปาล์มดิบยังพอจะแข่งขันกับมาเลเซียได้ พิจารณาจากราคาขายเช่นกัน
มองที่ UPOIC และ UVAN ผมชอบตัวหลังมากกว่า เพราะเหตุผลดังนี้
UVAN มีเทคโนโลยีด้านการจัดการสวนที่ดีกว่า เมล็ดพันธ์ที่ดีกว่า การตลาดที่ดีกว่า ช่องทางการขายที่ดีกว่า ผู้บริหารที่ดูเหมือนจะดีกว่า โรงงานที่ใหญ่กว่า แต่ก็มีข้อด้อยมีที่ดินปลูกปาล์มน้อยกว่า
ส่วน UPOIC ข้อดีคือมีสวนขนาดใหญ่ แม้อาจจะไม่สามารถต่อสัมปทานได้ก็ยังมีพื้นที่ปลูกประมาณ 20,000 ไร่ แต่ข้อด้อยคือโรงงานมีกำลังการผลิตน้อยกว่ามาก และมีแนวโน้มลดลงตลอด นอกจากนั้นการขายสินค้าก็ขายให้ลูกค้ารายเดียว ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คือ LST
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
ลองดูกระทู้เก่าๆดูครับ มีคุยกันเรื่องนี้บ่อยๆ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว