ออกมาลงทุนเต็มเวลา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 61
ผม32 แต่ลงพุงแล้ว ออกจากงานก็หวังนะสักวันนึงเร็วๆนี้ แต่ออกมาขอมีร้านขายยา(กำลังจะเสร็จ) กับร้านขายกาแฟไว้มีเพื่อนคุยเรื่องหุ้นสักหน่อยก็คงดี
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 63
กลายเป็นงี้ไป - -"
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1139
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 64
เห็นด้วยครับ มีไข่สองใบมั่นใจกว่าก็เหมือนเรากระจายไข่ของเราในตะกร้า สองใบครับ
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 66
สั่งตัดตัวนึง 800++ ผมว่าคุ้มค่านะ ซื้อมาราคาก็ถูกกว่านิดเดียวsiebelize เขียน:ปกติ สั่งตัดจะแพงกว่าสำเร็จรูปนะครับPaul VI เขียน: ถูกใจมากครับ โดยเฉพาะ ความสุขเหมือนเสื้อผ้าสั่งตัด
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 70
ผมตกงาน ตอนวิกฤติ ปี 40sunrise เขียน:ผมเชื่อว่าหลายๆคนฝันอยากออกมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา
ไม่ต้องโดนนายด่า ลูกค้าตาม เงินเดือนน้อย
อยากไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ไป อยากนอนตื่นสาย อยาก ว่างๆ เมื่ออยากว่าง
ไม่ต้องกลัวเราเป็น VI ผลตอบแทนปีละ 15 % ก็พอแล้ว
(แต่สองสามปีที่ผ่านมากำไรหลายเท่าตัวนัก 15 % -20 % ทำได้อยู่แล้ว)
อยากเตือนว่า ขอให้ระวังการตัดสินใจให้ดี
เราอาจจะอยู่ในช่วงตลาดไม่ดีได้ เศรษฐกิจโลก ทั้งเมกาและยุโรปกำลังมีปัญหา ถึงแม้เราอาจจะมองว่า
พวกเค้ามีปัญหา เงินต้องไหลมาเอเชีย
แต่บางครั้งตลาดหุ้น มักจะไปเร็วกว่า ความเป็นจริงเสมอ และอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้
วิกฤตินั้น อาจจะยังไม่มา หรือ วิกฤติอาจจะมาถึงแล้วแต่เรายังไม่รู้ เราจะรู้ตัวเมื่ออยู่ในวิกฤติเสมอ
แล้วถ้ามันมาเราจะไม่มีทางออกได้
ผมเคยออกจากงาน แล้วเจอวิกฤติพอดี
เครียดมากครับ
แต่ถ้าเรายังมีงาน มีอาชีพ เราจะผ่านมันไปได้
ดังนั้นก่อนจะออกจากงานหรือตัดสินใจอะไรแรงๆ
คิดให้รอบคอบนะครับ
ด้วยความหวังดีอย่างที่สุด
ได้งานใหม่หลังจากนั้น 2 ปี และทำงานเก็บเงินมาร่วม 10 ปี
ผมแพลนจะออกจากงานตั้งแต่ตอนวิกฤติ ปี 52
ระยะเวลาถูกเลื่อนออกไป เพราะมีพันธะทางใจกับเจ้าของกิจการ อีก 2 ปี
หวังว่าอีก 2 ปีข้างหน้า จะไม่เกิดวิกฤติหนักๆ ทำให้ผมต้องเลื่อนการหยุดงานประจำนะ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 71
ว้าว...พี่โดมจะถึงฝั่งฝันแล้วdome@perth เขียน:
ผมตกงาน ตอนวิกฤติ ปี 40
ได้งานใหม่หลังจากนั้น 2 ปี และทำงานเก็บเงินมาร่วม 10 ปี
ผมแพลนจะออกจากงานตั้งแต่ตอนวิกฤติ ปี 52
ระยะเวลาถูกเลื่อนออกไป เพราะมีพันธะทางใจกับเจ้าของกิจการ อีก 2 ปี
หวังว่าอีก 2 ปีข้างหน้า จะไม่เกิดวิกฤติหนักๆ ทำให้ผมต้องเลื่อนการหยุดงานประจำนะ
ยินดีด้วยครับพี่ และขอให้พี่สมหวังตามที่วางแผนไว้น๊ะครับ
ผมเองหลังจากอ่านจากที่พวกพี่ๆโพสกัน ก็ได้ข้อสรุปกับตนเองว่า
ผมจะทำงานประจำจนอายุ45ปี แล้วค่อยเกษียณตามพี่โดมไปน๊ะครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 404
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 72
ผมขอ share บ้างครับdome@perth เขียน:ผมตกงาน ตอนวิกฤติ ปี 40sunrise เขียน:ผมเชื่อว่าหลายๆคนฝันอยากออกมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา
ไม่ต้องโดนนายด่า ลูกค้าตาม เงินเดือนน้อย
อยากไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ไป อยากนอนตื่นสาย อยาก ว่างๆ เมื่ออยากว่าง
ไม่ต้องกลัวเราเป็น VI ผลตอบแทนปีละ 15 % ก็พอแล้ว
(แต่สองสามปีที่ผ่านมากำไรหลายเท่าตัวนัก 15 % -20 % ทำได้อยู่แล้ว)
อยากเตือนว่า ขอให้ระวังการตัดสินใจให้ดี
เราอาจจะอยู่ในช่วงตลาดไม่ดีได้ เศรษฐกิจโลก ทั้งเมกาและยุโรปกำลังมีปัญหา ถึงแม้เราอาจจะมองว่า
พวกเค้ามีปัญหา เงินต้องไหลมาเอเชีย
แต่บางครั้งตลาดหุ้น มักจะไปเร็วกว่า ความเป็นจริงเสมอ และอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้
วิกฤตินั้น อาจจะยังไม่มา หรือ วิกฤติอาจจะมาถึงแล้วแต่เรายังไม่รู้ เราจะรู้ตัวเมื่ออยู่ในวิกฤติเสมอ
แล้วถ้ามันมาเราจะไม่มีทางออกได้
ผมเคยออกจากงาน แล้วเจอวิกฤติพอดี
เครียดมากครับ
แต่ถ้าเรายังมีงาน มีอาชีพ เราจะผ่านมันไปได้
ดังนั้นก่อนจะออกจากงานหรือตัดสินใจอะไรแรงๆ
คิดให้รอบคอบนะครับ
ด้วยความหวังดีอย่างที่สุด
ได้งานใหม่หลังจากนั้น 2 ปี และทำงานเก็บเงินมาร่วม 10 ปี
ผมแพลนจะออกจากงานตั้งแต่ตอนวิกฤติ ปี 52
ระยะเวลาถูกเลื่อนออกไป เพราะมีพันธะทางใจกับเจ้าของกิจการ อีก 2 ปี
หวังว่าอีก 2 ปีข้างหน้า จะไม่เกิดวิกฤติหนักๆ ทำให้ผมต้องเลื่อนการหยุดงานประจำนะ
status ของผมคือ โสด และไม่มีภาระอะไรครับ
ผมลองทำมาแล้วครับ คือ คือลาออกจากงานประจำแล้วดำรงชีวิตอยู่ด้วยเงินดอกเบี้ย และ ปันผล จำนวนประมาณ หมื่นกว่าบาทต่อเดือน
แต่ผมไม่ได้ลาออกมาอยู่เฉย แต่ลาออกมาเรียน ประมาณ 2 ปี
สำหรับความเห็นของผม จากคนที่เคยทำงานประจำนะครับ
ผมว่าจิตใจมันฟุ้งซ่านน่าดู และมีความเครียดสะสมค่อนข้างมาก อาจเพราะจำนวนรายได้ต่อเดือนที่หดหายไป
และผมอยากกลับมาทำงานประจำ ซึ่งโชคดีที่ได้พรรคพวกดึงกลับไปทำงานด้วย
สำหรับผมแล้ว ขอเลือกทำงานประจำ และ ลงทุนในหุ้นไปด้วย ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นกระทิง ทำให้ผลตอบแทนเกินความคาดหวังของผมมากมายจริงๆ แต่จ้างให้อย่างไรผมก็ไม่ลาออกจากงานประจำเด็ดขาด
ยิ่งรู้มากขึ้น ทำให้เข้าใจว่าเรานี่ช่างอ่อนหัดยิ่งนัก
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 73
ตอนที่คุณ sunrise ลาออกจากงานไปลงทุนเต็มตัวแล้วเกิด Hamberger Crisis พอดี ก็มีคนหลายคนเป็นห่วงนะ ดีใจด้วยที่ผ่านมาได้อย่างงดงาม (เป็นผมคงเละไปแล้ว) แต่ความเป็นจริงก็คือ หลายๆคนกลับมาไม่ได้ ผมสังเกตว่าหลายคนหายหน้าไปเลย หวังว่าจะมาจากเหตุผลอื่นไม่ใช่หมดตัว
ผมคิดว่า พอเืบื่องานแล้วลงทุนได้ผล ก็เลยจะลาออกมาลงทุนอย่างเดียวเนี่ย ไม่ได้แก้ปัญหาหรอกนะ เป็นการหนีปัญหามากกว่า
นักลงทุนเต็มเวลามีข้อได้เปรียบนักลงทุน part-time หลายประการ แต่เค้าเองก็ไม่ได้ทำทุกอย่างที่ใจอยากทำได้หรอกครับ ผมเห็น นักลงทุนเต็มเวลา แทนที่จะทะเลาะกันในห้องประชุมหรือ office ก็ทะเลาะกันใน webboard แทน แทนที่จะนินทาผู้ใหญ่ในบริษัทหรือเพื่อนร่วมงาน ก็นินทาผู้บริหาร บมจ.หรือนักลงทุนด้วยกันแทน แทนที่จะพูดจาดีกับผู้ร่วมงานที่ไม่ชอบหน้าเพื่อให้งานเดินหน้า ก็พูดดีกับ IR เพื่อให้ได้ข้อมูลแทน
มีปัญหาตรงไหน แก้มันตรงนั้นดีกว่า ผมเองก็เคยเบื่องานนะ เคยอยากลาออกมาลงทุนอย่างเดียวเหมือนกัน ดีที่ตอนนั้น (ปลายปี 2007) มีภาระรับผิดชอบเลยไม่สามารถออกมาลงทุนเต็มตัวได้ เลยแก้ปัญหาตรงจุดแทน ตอนนั้นไม่ชอบลักษณะงานสายวิศวกรที่เติบโตไปก็ต้องบริหารคน บริหาร Project เป็นหลัก ก็เลยย้ายมาทำสายการเงิน ซึ่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ เพราะงานสายการเงินต้องใช้ความรู้ ประสบการณ์ และความคิดวิเคราะห์อย่างมาก ทำแล้วรู้สึกมีคุณค่า ได้เรียนรู้ ได้ศึกษาอะไรใหม่ๆอยู่บ่อยๆ ผมว่าก็เป็นทางออกนึงที่ไม่เลวเลยนะ เงินเดือนประจำทำให้มีสภาีพคล่องอีกด้วย ตอนย้ายสายงานก็พยายามอย่าให้โดนลดเงินเดือนลงก็ละกันครับ อีกอย่างคือ การมีงานทำ ทำให้เรามี Option จะออกจากงานไปลงทุน ก็ทำได้ถ้ามีเงินพอ แต่ออกจากงานไปแล้ว ถ้าเลย 2-3 ปี มันคงยากที่จะหางานใหม่ทำนะครับ หรือไม่ก็ต้องทำงานเงินเดือนเท่ากับรุ่นน้อง ซึ่งคงน่าอึดอัดเล็กน้อย
ถ้าสนใจจะออกจากงานมาลงทุนจริง ลองเทียบ เงินเดือนที่ได้ กับ ขนาด Port ดีกว่าครับ หลักการคือใช้ Discounted Cash Flow คิดว่า เงินเื่ดือนที่จะได้ในอนาคต เทียบเป็นสินทรัพย์ได้กี่บาท ถ้าขนาดมันเล็กกว่า ขนาด Port มากๆ ก็เป็นไปได้ที่จะออกมาครับ
ขอให้ทุกคนหาความสุขในชีวิตได้ครับ ไม่รีบร้อนเกินไปก็จะพบเจอเองครับ
ผมคิดว่า พอเืบื่องานแล้วลงทุนได้ผล ก็เลยจะลาออกมาลงทุนอย่างเดียวเนี่ย ไม่ได้แก้ปัญหาหรอกนะ เป็นการหนีปัญหามากกว่า
นักลงทุนเต็มเวลามีข้อได้เปรียบนักลงทุน part-time หลายประการ แต่เค้าเองก็ไม่ได้ทำทุกอย่างที่ใจอยากทำได้หรอกครับ ผมเห็น นักลงทุนเต็มเวลา แทนที่จะทะเลาะกันในห้องประชุมหรือ office ก็ทะเลาะกันใน webboard แทน แทนที่จะนินทาผู้ใหญ่ในบริษัทหรือเพื่อนร่วมงาน ก็นินทาผู้บริหาร บมจ.หรือนักลงทุนด้วยกันแทน แทนที่จะพูดจาดีกับผู้ร่วมงานที่ไม่ชอบหน้าเพื่อให้งานเดินหน้า ก็พูดดีกับ IR เพื่อให้ได้ข้อมูลแทน
มีปัญหาตรงไหน แก้มันตรงนั้นดีกว่า ผมเองก็เคยเบื่องานนะ เคยอยากลาออกมาลงทุนอย่างเดียวเหมือนกัน ดีที่ตอนนั้น (ปลายปี 2007) มีภาระรับผิดชอบเลยไม่สามารถออกมาลงทุนเต็มตัวได้ เลยแก้ปัญหาตรงจุดแทน ตอนนั้นไม่ชอบลักษณะงานสายวิศวกรที่เติบโตไปก็ต้องบริหารคน บริหาร Project เป็นหลัก ก็เลยย้ายมาทำสายการเงิน ซึ่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ เพราะงานสายการเงินต้องใช้ความรู้ ประสบการณ์ และความคิดวิเคราะห์อย่างมาก ทำแล้วรู้สึกมีคุณค่า ได้เรียนรู้ ได้ศึกษาอะไรใหม่ๆอยู่บ่อยๆ ผมว่าก็เป็นทางออกนึงที่ไม่เลวเลยนะ เงินเดือนประจำทำให้มีสภาีพคล่องอีกด้วย ตอนย้ายสายงานก็พยายามอย่าให้โดนลดเงินเดือนลงก็ละกันครับ อีกอย่างคือ การมีงานทำ ทำให้เรามี Option จะออกจากงานไปลงทุน ก็ทำได้ถ้ามีเงินพอ แต่ออกจากงานไปแล้ว ถ้าเลย 2-3 ปี มันคงยากที่จะหางานใหม่ทำนะครับ หรือไม่ก็ต้องทำงานเงินเดือนเท่ากับรุ่นน้อง ซึ่งคงน่าอึดอัดเล็กน้อย
ถ้าสนใจจะออกจากงานมาลงทุนจริง ลองเทียบ เงินเดือนที่ได้ กับ ขนาด Port ดีกว่าครับ หลักการคือใช้ Discounted Cash Flow คิดว่า เงินเื่ดือนที่จะได้ในอนาคต เทียบเป็นสินทรัพย์ได้กี่บาท ถ้าขนาดมันเล็กกว่า ขนาด Port มากๆ ก็เป็นไปได้ที่จะออกมาครับ
ขอให้ทุกคนหาความสุขในชีวิตได้ครับ ไม่รีบร้อนเกินไปก็จะพบเจอเองครับ
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ออกมาลงทุนเต็มเวลา
โพสต์ที่ 74
คิดแบบนี้ผมมองว่าไม่ถูกครับ เพราะปี51เป็นปีที่ดัชนีต่ำกว่าปกติครับ ถ้าจะให้ใกล้เคียงควมจริงควรจะนำดัชนีปี 2550 มาคิดด้วยครับ^^CheNz เขียน:ขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้เอาข้อมูลมาหาเรื่องนะครับ แต่เอาข้อมูลมาแชร์กันครับkumchai เขียน:อยากออกมาเป็นนักลงุนเต็มเวลาเหมือนกัน เพราะเบื่อทำงานแล้วอยากไปเที่ยวต่างประเทศพอร์ทผมโตปีละ30% มาตลอด3 ปีที่ผ่านมาคิดว่าถ้าบริหารดีๆก็อยู่ได้
ดัชนีปี 2551 อยู่ที่ 449.96 จุด
ดัชนีปี 2552 อยู่ที่ 734.54 จุด เพิ่มขึ้น 63.24%
ดัชนีปี 2553 อยู่ที่ 1032.76 จุด เพิ่มขึ้น 40.60%
ดัชนี 08/2554 อยู่ที่ 1069.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.53%
ผลตอบแทนเฉลี่ยทั้งตลาดอยู่ที่ 35.79%
ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า หากบริหารพอร์ทได้ดี มองแค่ภาพบริษัทดีๆในตลาด ที่ราคาไม่สูงมาก ณ ช่วงเวลาเริ่มต้นนั้น ตัดบริษัทแย่ๆออก ผลตอบแทนจากการลงทุนใน 3 ปีที่ผ่านมา ควรจะได้มากกว่า 50% อีกนะครับ
ที่ผมยกมาพูด เนื่องจากเกรงว่า เมื่อถึงจังหวะเวลาเกิดวิกฤติ หรือเจอภาวะตลาดหมีที่ยาวนาน จะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนได้ครับ ผมมองว่าผลตอบแทนที่ 30% ต่อปี หากคิดแค่ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ผมว่ายังบริหารพอร์ทได้ไม่ดีพอครับ แต่ต่างคนก็ต่างความพอใจ และความคาดหวังในผลตอบแทนต่างกันครับ
แค่เป็นห่วงครับ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด หากผิดพลาดอย่างไร รบกวนชี้แนะครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ