ครึ่งปีหลังกับการ TURN AROUND ของกลุ่ม PROPERTY ??????????

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
thaihandsome
Verified User
โพสต์: 348
ผู้ติดตาม: 0

Re: ครึ่งปีหลังกับการ TURN AROUND ของกลุ่ม PROPERTY ????????

โพสต์ที่ 31

โพสต์

15:35 29/08/2011
Sector Update : Residential Sector : บล.ฟาร์อีสท์


29 ส.ค.--บล.ฟาร์อีสท์

Distributor - Bisnews AFE

2H54 คาดผลประกอบการยังคงโดดเด่น...แนะนำ SPALI, LPN, AP

ยอด Presales 2Q54 ของผู้ประกอบการรายใหญ่ 5 ราย แสดงการฟื้นตัวอย่างชัดเจน
ผู้ประกอบการรายใหญ่ 5 ราย ได้แก่ (1) บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตล (PS) (2) บมจ. แลนด์
แอน เฮ้าส์ (LH) (3) บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ (AP) (4) บมจ. ศุภาลัย (SPALI) (5) บมจ.
แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) ประกาศยอด Presales งวด 2Q54 รวม 27,982 ล้านบาท (
เพิ่มขึ้น 35.3% q-o-q และ 20.8% y-o-y) แสดงให้เห็นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยไม่ได้ชะลอตัวลงจาก
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างที่หลายฝ่ายมีความกังวล กล่าวคือ ความต้องการซื้อเพื่อ
อยู่อาศัยจริงยังคงแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ลดลงคือ ความต้องการซื้อเพื่อเก็งกำไรและลงทุน โดยเฉพาะที่อยู่
อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่มียอด Presales เติบโตสูงสุดได้แก่ SPALI ซึ่งมียอด
Presales เติบโต 210.5% q-o-q และ 104.6% y-o-y ขณะที่ผู้ประกอบการแต่ละรายมีมูลค่า
Backlog ที่แข็งแกร่ง ที่จะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปี 55 - 56

ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยงวด 2Q54 ลดลง
มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลรวมงวด 2Q54 ลดลงประมาณ 13.0% q-o-q
และ 11.0% y-o-y โดยมีเพียงที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเท่านั้นที่แสดงมูลค่าการโอนเพิ่มขึ้น 21.7%
q-o-q แต่ลดลง 15.4 y-o-y อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจำนวนหน่วยการโอนพบว่าเพิ่มขึ้น 15.2% q-
o-q แต่ลดลง 15.1% y-o-y แสดงให้เห็นว่าความต้องการในการซื้อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น q-o-q เป็นผล
จากความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาดระดับกลาง - ล่าง ขณะที่การลดลง y-o-y มีสาเหตุมาจากช่วง
เดียวกันของปีก่อนหน้ามีมาตรการภาษีของรัฐบาลเป็นตัวกระตุ้นการโอน อย่างไรก็ตามหลังจากรัฐบาลแถลง
นโยบายดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 5 ปี สำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เราคาด
ว่าจะทำให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ช่วง 2H54 เพิ่มขึ้นจาก 1H54 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ
เนื่องจากแนวโน้มตลาดช่วง 2H54 ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลายรายต่างก็มีแผนที่จะเปิดโครงการ
แนวราบมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากต้นทุนการก่อสร้างที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300
บาทต่อวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 5 - 7% (โครงการแนวราบใช้ระยะเวลาการ
สร้างประมาณ 1-2 ไตรมาส) อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการก่อสร้างที่อาจเพิ่มขึ้นดังกล่าวสามารถถูกชดเชยได้
จากนโยบายการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% ในปี 55 และ 20% ในปี 56

อัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอีกในช่วง 2H54
จากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 54 ปรากฏว่า กน
ง. มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP 1 วัน) 0.25% มาอยู่ที่ 3.50% เนื่องจากธนาคารแห่ง
ประเทศไทยมองว่า แม้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกเริ่มชะลอลง แต่จากอุปสงค์ในประเทศที่
เติบโตและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ยังเอื้อให้แรงกดดันด้านราคายังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่ง
ผลให้การคาดการณ์เงินเฟ้อของประชาชนเร่งตัวขึ้น ขณะที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยใกล้เข้าสู่ระดับสมดุลมากขึ้น
แล้ว หลังจากที่ปรับขึ้นต่อเนื่องมา 1 ปี โดยเราคาดว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบนี้จะเป็นรอบสุดท้ายของปีนี้
ซึ่งจะส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยเนื่องจากจะเป็นการลดความกังวลในเรื่องภาระค่าใช้จ่าย
ดอกเบี้ยของผู้ซื้อ ทำให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้ซื้อมีความง่ายมากขึ้นในช่วง 2H54
Valuation and Recommendation
FES ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มที่อยู่อาศัยเป็น "Neutral" แม้ว่าแนวโน้มของยอด Presales
ของผู้ประกอบการแต่ละรายจะมีการเติบโตในงวด 2H54 แต่จากปัจจัยเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่อาจจะปรับตัว
สูงขึ้นได้จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างและราคาที่อยู่อาศัย
ปรับตัวเพิ่มขึ้น และอาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการในปี 55 อีกทั้ง
ความไม่แน่นอนในเรื่องวิกฤตการเงินของสหรัฐและยูโรโซนอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจ
ประเทศไทยเกิดการชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในการเปิดขายโครงการใหม่
และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม FES แนะนำให้ "ซื้อ" เพื่อเก็งกำไรในระยะกลาง - สั้น ในบริษัทที่เราคาดว่าจะมี
ผลประกอบการที่โดดเด่นในช่วง 2H54 เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้รายได้ในมูลค่าที่สูง
ได้แก่ LPN (TP 11.5 บาท) AP (TP 6.6 บาท) โดยเราคาดว่า LPN และ AP จะมีรายได้สูงสุดของปี
54 ในงวด 3Q54 ส่วน SPALI (TP 15.2 บาท) โดยเราคาดว่า SPALI จะมีรายได้สูงสุดของปี 54
ในงวด 4Q54