ประธานธนาคารโลก นายโรเบิร์ต เซลลิค ระบุว่า จีนสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกโดยเร่งปฏิรูปเพื่อส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ ลดการพึ่งพาการส่งออกและการลงทุน
เอพีรายงานว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าวย้ำเสมอมาว่าต้องการการเติบโตที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนภายในประเทศซึ่งอยู่บนฐานการบริโภค แต่แนวทางดังกล่าวคืบหน้าน้อยมาก และการลงทุนยังยังมีสัดส่วนในเศรษฐกิจแดนมังกรเพิ่มขึ้นหลังจากทางการปักกิ่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเน้นเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อนำประเทศผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจโลกเมื่อปี 2551
เซลลิค กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากพบกับเจ้าหน้าที่ของทางการปักกิ่งว่า ขณะนี้ธนาคารโลกทำงานร่วมกับจีนเพื่อสร้างสมดุลในเขตเศรษฐกิจอันดับสองของโลกอีกครั้ง แนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงอาศัยกลไกตลาดแทนที่จะเป็นรัฐบาลในการจัดสรรทรัพยากร และยกเครื่องความสัมพันธ์ระหว่างบรัฐวิสาหกิจกับบริษัทเอกชน ทั้งนี้เขาเชื่อว่า "เศรษฐกิจโลกไม่มีทางออกจากหล่มได้ง่ายๆ ด้วยการพึ่งพาแต่มาตรการรัดเข็มขัด"
ความซบเซาของดีมานด์โลกเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้จีนเร่งหนุนการใช้จ่ายในระดับค้าปลีกและการบริโภคประเภทอื่นๆ แต่นักวิเคราะห์ต่างให้ความเห็นว่า ขั้นตอนในการปฏิบัติต้องอาศัยเวลา เช่น การตั้งกองทุนสนับสนุนสวัสดิการด้านสุขภาพของรัฐบาล เพื่อลดการออมเงินของประชาชนสำหรับใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน
จากรายงานของ IMF ชี้ว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จีนใช้จ่ายเพื่อนสร้างโรงงานใหม่ และการลงทุนอื่นๆ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของจีดีพี ซึ่งมากกว่าอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศที่มีบทบาททางเศรษฐกิจอื่นหลายเท่า โดยในปี 2552 ตัวเลขพุ่งขึ้นเกือบแตะ 50 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของแดนมังกรจีนในช่วงนั้น