เรื่องเล่าจากvalue investor กระทู้เกามาเล่าใหม่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องเล่าจากvalue investor กระทู้เกามาเล่าใหม่
โพสต์ที่ 1
ผมพยายามจะหากระทู้นี้แต่หาไม่เจอ แต่พอดีได้copy เก็บไว้เลยอยากจะแชร์มือใหม่ครับ ยังไงก็ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ตัวจริง และขอโทษที่หาแหล่งที่มาไม่ได้ครับ
จากประสบการณ์ของ Value Investor ท่านนึง
----------------------------------------------------------------------
ขอเล่าชีวิตของหำน้อยบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าเอาแต่ในตำรามาพูดหลอกคนอื่น ถามเรื่องชื่อหุ้นก็ไม่ตอบ มันซื้อหุ้นจริงๆหรือเปล่า(ว่ะ)
เมื่อสี่ปีที่แล้ว ผมเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ด้วยความเขลาเบาปัญญาไม่รู้จักการลงทุน เป็นแต่ซื้อหุ้นให้ขาดทุน เลยประชดชีวิตเอาเงินไปสร้างบ้านหลังโตจนหมดเนื้อหมดตัวแถมเป็นหนี้เงินกู้บ้านอีกหลายล้านบาท
ปีแรกผ่านไปด้วยความรันทด เงินในกระเป๋าหมด ต้องแบกหน้าไปขอยืมเงินคนอื่น ทั้งหนี้เครดิตการ์ดใช้รูดของแต่งบ้าน หนี้เงินกู้ต้องจ่ายทุกเดือน คิดว่าตายแล้ว ทำไมชีวิตมันลำบากเช่นนี้ อยู่บ้านหลังโตแต่ไม่มีความมั่นคงในชีวิตเลย กลัวไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ กลังตกงาน กลัวฯลฯ
ผมกัดฟันจนจ่ายหนี้เครดิตการ์ดหลายแสนบาทจนหมด บอกตัวเองว่าเป็นอย่างนี้ไม่ได้แล้ว เราขาดความรู้ทางการเงินเป็นอย่างมาก ถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องการเงินสำหรับชีวิตประจำวัน ชีวิตเราลำบากแน่
ผมเริ่มซื้อหนังสือมาอ่าน ทดลองทำด้วยตัวเองในเรื่อง Personal Financial Planner ผมจดรายการค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ตั้งงบประมาณของตัวเองและครอบครัว ตัดรายการที่ไม่จำเป็นออก ช่วยกันเก็บหอมรอมริบกับภรรยาสองคน จนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งได้หลายแสนบาท ดีใจมากสำหรับคนที่กำลังจะล้มละลาย ตั้งใจว่าจะไม่ใช้เงินก้อนนี้จนกว่าเกษียณ
วันหนึ่งเพื่อนเอาหนังสือมาให้หนึ่งเล่มเป็นหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนแบบ Warren Buffet ผมต้องขอเอ่ยชื่อเพื่อนท่านนั้นไว้ ณ ที่นี้ด้วย คือ ท่านทันตแพทย์ ประพันธ์ เพื่อนของคุณเจ๋งนั่นเอง ผมยังไม่ได้อ่านทันที ทิ้งไว้หลายอาทิตย์กว่าจะหยิบขึ้นมาอ่าน เพราะขยาดกับหุ้นมาเยอะ
พออ่านจบผมพบว่าเราน่าจะลองทำดู อ่าน นสพ เห็นบทสัมถาษณ์ ดร. นิเวศน์ ก็ประทับใจว่ามีคนเคยทำสำเร็จ เลยลองศึกษาแล้วซื้อหุ้นลองดูเริ่มต้นด้วยเงินไม่กี่แสนบาท ใช้หลักการตามหนังสือที่อ่านมา
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมบอกได้เลยครับว่า ผมเริ่มต้นแบบคนกำลังล้มละลาย เก็บหอมรอมริบ เริ่มลงทุนด้วยเงินไม่กี่แสนบาท วันนี้ผมสามารถจ่ายค่าบ้านทั้งหมดได้แล้วถ้าอยากจะทำ ชีวิตผมเปลี่ยนไป มีความสงบ มั่นคงอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ผมลงทุนด้วยเงินทั้งหมดที่ผมมีอยู่ และเงินของผมทำงานให้ผมหนักมาก ผมไม่รู้สึกเลยว่าการลงทุนของผมเป็นความเสี่ยง ผมอยากจะบอกอาจารย์นิเวศน์เหมือนกันว่า สำหรับผม Stock are Forever เหมือนกัน
พูดไปเหมือนโม้ หรือโมษณาชวนเชื่อ แต่ผมขอบอกว่าไม่ได้ให้ใครมาเชื่อ แต่อยากให้ลองด้วยตัวเอง อย่ามาถามผมว่าผมถือหุ้นอะไรบ้างเพราะถึงแม้คุณจะซื้อตาม เวลาขายผมคงไม่มากระซิบบอกคุณแน่ ผมกำลังชี้ให้ดูพระจันทร์ที่กำลังส่องสว่างอยู่กลางฟ้าครับ อย่ามามัวแต่ดูนิ้วชี้ของผมอยู่เลย
ลองศึกษาค้นคว้าทำความเข้าใจด้วยตัวเองเถอะครับ เอาธุรกิจที่เราเข้าใจที่สุด ไม่ต้องเยอะ เริ่มต้นสัก 3-4 บริษัทก็เพียงพอแล้ว มีปัญหาเกี่ยวกับหลักการลงทุนถามพี่ๆเพื่อนๆแถวนี้ได้ครับ ผมคิดว่าทุกคนคงยินดีตอบโดยไม่หวังผลตอบแทน
ผมเคยอ่านเจอ Peter Lynch บอกว่าคนเรานี่ก็แปลก สมมุติท่านทำงานอยู่ในโรงงานปิโตรเคมี ซึ่งท่านน่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจนี้มากที่สุด กลับไม่ลงทุนในหุ้นบริษัทปิโตรเคมี ดันไปลงทุนในหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ท่านเข้าใจน้อยกว่า (แต่กำลังบูม) เป็นต้น
ลองคิดใหม่ทำใหม่เถอะครับ ผมขอแนะนำมือใหม่ดังนี้
1) ให้เลิกดูราคาหุ้นในทุกสื่อเป็นเวลาสักสองอาทิตย์ ว่าท่านทำได้มั๊ย
2) ให้เลิกถามชาวบ้านว่าซื้อหุ้นอะไรดี
3) ให้ถามตัวเองว่าชีวิตนี้ในอีกสิบปีข้างหน้าต้องการอะไร
แต่อย่าข้ามขั้นตอนคุณต้องตอบคำถามข้อ 3 ให้ได้ก่อน (บางทีมันอาจใช้เวลาหลายวัน ได้โปรดอย่าคุยกับคนอื่นแม้แต่กับพ่อแม่พี่น้องสามีถรรยา ฯลฯ โปรดคิดเองคนเดียวให้ออก)
หลังจากได้คำตอบแล้วว่าท่านต้องการอะไรในอีกสิบปีข้างหน้าแล้ว ให้ทำดังนี้
4) ถามตัวเองว่าเราเข้าใจธุรกิจอะไรอยู่ตอนนี้ ถ้าคุณทำงานแบงค์ก็น่าจะเป็นแบงค์
5) ไปดูรายชื่อแบงค์ในตลาดหลักทรัพย์ว่ามีแบงค์อะไรบ้าง
6) คุณคิดว่าใครเจ๋งที่สุดในธุรกิจแบงค์ตอนนี้
7) Download Form56-1 ของแบงค์นั้นมาดู ท่านจะได้ไอเดียว่าอุตสาหกรรมแบงค์เป็นอย่างไร มันทำงานอย่างไร
8) ศึกษาอุตสาหกรรมแบงค์อย่างลึกซึ้ง จนท่านคิดว่าท่านเข้าใจอุตสาหกรรมแบงค์ในเมืองไทยอย่างทะลุปรุโปร่ง
9) เลือกแบงค์ที่ท่านคิดว่ามีอนาคตสักสองสามแบงค์ แบงค์ที่ท่านเป็นเจ้าของไปได้อีกหลายปี สามารถนอนตายตาหลับถ้ายังถือหุ้นแบงค์นี้อยู่ว่างั้นเถอะ Download Form56-1 ของแบงค์เหล่านั้นมาดูอีกที
10) ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ให้ดูราคาหุ้นเลยนะครับ
เอาล่ะ มาถึงขั้นตอนนี้ หลายท่านคงถอดใจเลิกลงทุนตามแนว VI ไป แต่นั่นคือวิธีการทำ Qualitative Analysis ซึ่งอาจจะใช้เวลามากกว่า 70% ของการลงทุน ถ้าท่านไม่เข้าใจธุรกิจ ท่านจะลงทุนอย่างมั่นใจได้อย่างไร
จากนี้ไปคือการทำ Quantitative Analysis ซึ่งท่านจะต้องมีความรู้ทางบัญชีบ้างถ้าท่านต้องการเช็ค Financial Strength ของบริษัทเหล่านั้นจริงๆ ของอย่างนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน ทดลองทำด้วยตัวเองครับ
สำหรับมือใหม่คงดูลำบาก จะใช้ตัวเลขง่ายๆอย่างที่พี่ประจวบแนะนำ สำหรับผมมันเหมือนขับรถมองกระจกหลังอย่างเดียว แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ถึงตอนนี้มันต้องเลือกแล้วล่ะ ว่าจะใช้ไม่ใช้
11) ให้เลือกแบงค์ที่สายตาคุณคิดว่าดีที่สุดในด้านต่างๆ
12) ตอนนี้ไปเปิดดูราคาหุ้นได้แล้วครับ ถ้าเอาง่ายๆก็เอาตาม ดร.นิเวศน์แล้วกันว่าอยู่ใน Range นี้หรือเปล่า
P/E<10
P/B<2
D/Y>3% (รู้สึกแบงค์จะไม่จ่ายปันผลนะครับช่วงนี้ แต่อย่าให้ความสำคัญกับปันผลมากจนเราลืมอย่างอื่นไป)
13) ค่อยๆลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่เยอะครับ แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น
14) ถือหุ้นนั้นไว้สามปี ให้ดูผลประกอบการบริษัทครับ อย่าสนใจราคาหุ้นมาก ถ้าผลประกอบการดี ราคาลดลงให้ซื้อเพิ่มทีละน้อย
15) หลังจากสามปี ท่านจะพบมหัศจรรย์แห่งชีวิตอย่างที่ท่านอาจารย์นิเวศน์ว่าไว้ครับ
แต่ผมก็ยังอยากจะบอกว่า VI เป็นเรื่องของความคิด 90% เป็นวิธีการแค่ 10% สิ่งสำคัญคือท่านต้องเตรียมใจให้พร้อมสำหรับความโลภและความกลัวในตลาดหุ้นครับ
ขอให้โชคดีทุกท่านครับ
ปล. อย่ามาถามผมนะครับว่าผมถือหุ้นอะไร ผมไม่ตอบครับ เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลครับ ขอบอก ให้ถามตัวเองครับว่าอยากถือหุ้นอะไรแล้วทำการบ้านครับ โชคดีอีกทีครับ
จากประสบการณ์ของ Value Investor ท่านนึง
----------------------------------------------------------------------
ขอเล่าชีวิตของหำน้อยบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าเอาแต่ในตำรามาพูดหลอกคนอื่น ถามเรื่องชื่อหุ้นก็ไม่ตอบ มันซื้อหุ้นจริงๆหรือเปล่า(ว่ะ)
เมื่อสี่ปีที่แล้ว ผมเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ด้วยความเขลาเบาปัญญาไม่รู้จักการลงทุน เป็นแต่ซื้อหุ้นให้ขาดทุน เลยประชดชีวิตเอาเงินไปสร้างบ้านหลังโตจนหมดเนื้อหมดตัวแถมเป็นหนี้เงินกู้บ้านอีกหลายล้านบาท
ปีแรกผ่านไปด้วยความรันทด เงินในกระเป๋าหมด ต้องแบกหน้าไปขอยืมเงินคนอื่น ทั้งหนี้เครดิตการ์ดใช้รูดของแต่งบ้าน หนี้เงินกู้ต้องจ่ายทุกเดือน คิดว่าตายแล้ว ทำไมชีวิตมันลำบากเช่นนี้ อยู่บ้านหลังโตแต่ไม่มีความมั่นคงในชีวิตเลย กลัวไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ กลังตกงาน กลัวฯลฯ
ผมกัดฟันจนจ่ายหนี้เครดิตการ์ดหลายแสนบาทจนหมด บอกตัวเองว่าเป็นอย่างนี้ไม่ได้แล้ว เราขาดความรู้ทางการเงินเป็นอย่างมาก ถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องการเงินสำหรับชีวิตประจำวัน ชีวิตเราลำบากแน่
ผมเริ่มซื้อหนังสือมาอ่าน ทดลองทำด้วยตัวเองในเรื่อง Personal Financial Planner ผมจดรายการค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ตั้งงบประมาณของตัวเองและครอบครัว ตัดรายการที่ไม่จำเป็นออก ช่วยกันเก็บหอมรอมริบกับภรรยาสองคน จนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งได้หลายแสนบาท ดีใจมากสำหรับคนที่กำลังจะล้มละลาย ตั้งใจว่าจะไม่ใช้เงินก้อนนี้จนกว่าเกษียณ
วันหนึ่งเพื่อนเอาหนังสือมาให้หนึ่งเล่มเป็นหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนแบบ Warren Buffet ผมต้องขอเอ่ยชื่อเพื่อนท่านนั้นไว้ ณ ที่นี้ด้วย คือ ท่านทันตแพทย์ ประพันธ์ เพื่อนของคุณเจ๋งนั่นเอง ผมยังไม่ได้อ่านทันที ทิ้งไว้หลายอาทิตย์กว่าจะหยิบขึ้นมาอ่าน เพราะขยาดกับหุ้นมาเยอะ
พออ่านจบผมพบว่าเราน่าจะลองทำดู อ่าน นสพ เห็นบทสัมถาษณ์ ดร. นิเวศน์ ก็ประทับใจว่ามีคนเคยทำสำเร็จ เลยลองศึกษาแล้วซื้อหุ้นลองดูเริ่มต้นด้วยเงินไม่กี่แสนบาท ใช้หลักการตามหนังสือที่อ่านมา
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมบอกได้เลยครับว่า ผมเริ่มต้นแบบคนกำลังล้มละลาย เก็บหอมรอมริบ เริ่มลงทุนด้วยเงินไม่กี่แสนบาท วันนี้ผมสามารถจ่ายค่าบ้านทั้งหมดได้แล้วถ้าอยากจะทำ ชีวิตผมเปลี่ยนไป มีความสงบ มั่นคงอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ผมลงทุนด้วยเงินทั้งหมดที่ผมมีอยู่ และเงินของผมทำงานให้ผมหนักมาก ผมไม่รู้สึกเลยว่าการลงทุนของผมเป็นความเสี่ยง ผมอยากจะบอกอาจารย์นิเวศน์เหมือนกันว่า สำหรับผม Stock are Forever เหมือนกัน
พูดไปเหมือนโม้ หรือโมษณาชวนเชื่อ แต่ผมขอบอกว่าไม่ได้ให้ใครมาเชื่อ แต่อยากให้ลองด้วยตัวเอง อย่ามาถามผมว่าผมถือหุ้นอะไรบ้างเพราะถึงแม้คุณจะซื้อตาม เวลาขายผมคงไม่มากระซิบบอกคุณแน่ ผมกำลังชี้ให้ดูพระจันทร์ที่กำลังส่องสว่างอยู่กลางฟ้าครับ อย่ามามัวแต่ดูนิ้วชี้ของผมอยู่เลย
ลองศึกษาค้นคว้าทำความเข้าใจด้วยตัวเองเถอะครับ เอาธุรกิจที่เราเข้าใจที่สุด ไม่ต้องเยอะ เริ่มต้นสัก 3-4 บริษัทก็เพียงพอแล้ว มีปัญหาเกี่ยวกับหลักการลงทุนถามพี่ๆเพื่อนๆแถวนี้ได้ครับ ผมคิดว่าทุกคนคงยินดีตอบโดยไม่หวังผลตอบแทน
ผมเคยอ่านเจอ Peter Lynch บอกว่าคนเรานี่ก็แปลก สมมุติท่านทำงานอยู่ในโรงงานปิโตรเคมี ซึ่งท่านน่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจนี้มากที่สุด กลับไม่ลงทุนในหุ้นบริษัทปิโตรเคมี ดันไปลงทุนในหุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ท่านเข้าใจน้อยกว่า (แต่กำลังบูม) เป็นต้น
ลองคิดใหม่ทำใหม่เถอะครับ ผมขอแนะนำมือใหม่ดังนี้
1) ให้เลิกดูราคาหุ้นในทุกสื่อเป็นเวลาสักสองอาทิตย์ ว่าท่านทำได้มั๊ย
2) ให้เลิกถามชาวบ้านว่าซื้อหุ้นอะไรดี
3) ให้ถามตัวเองว่าชีวิตนี้ในอีกสิบปีข้างหน้าต้องการอะไร
แต่อย่าข้ามขั้นตอนคุณต้องตอบคำถามข้อ 3 ให้ได้ก่อน (บางทีมันอาจใช้เวลาหลายวัน ได้โปรดอย่าคุยกับคนอื่นแม้แต่กับพ่อแม่พี่น้องสามีถรรยา ฯลฯ โปรดคิดเองคนเดียวให้ออก)
หลังจากได้คำตอบแล้วว่าท่านต้องการอะไรในอีกสิบปีข้างหน้าแล้ว ให้ทำดังนี้
4) ถามตัวเองว่าเราเข้าใจธุรกิจอะไรอยู่ตอนนี้ ถ้าคุณทำงานแบงค์ก็น่าจะเป็นแบงค์
5) ไปดูรายชื่อแบงค์ในตลาดหลักทรัพย์ว่ามีแบงค์อะไรบ้าง
6) คุณคิดว่าใครเจ๋งที่สุดในธุรกิจแบงค์ตอนนี้
7) Download Form56-1 ของแบงค์นั้นมาดู ท่านจะได้ไอเดียว่าอุตสาหกรรมแบงค์เป็นอย่างไร มันทำงานอย่างไร
8) ศึกษาอุตสาหกรรมแบงค์อย่างลึกซึ้ง จนท่านคิดว่าท่านเข้าใจอุตสาหกรรมแบงค์ในเมืองไทยอย่างทะลุปรุโปร่ง
9) เลือกแบงค์ที่ท่านคิดว่ามีอนาคตสักสองสามแบงค์ แบงค์ที่ท่านเป็นเจ้าของไปได้อีกหลายปี สามารถนอนตายตาหลับถ้ายังถือหุ้นแบงค์นี้อยู่ว่างั้นเถอะ Download Form56-1 ของแบงค์เหล่านั้นมาดูอีกที
10) ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ให้ดูราคาหุ้นเลยนะครับ
เอาล่ะ มาถึงขั้นตอนนี้ หลายท่านคงถอดใจเลิกลงทุนตามแนว VI ไป แต่นั่นคือวิธีการทำ Qualitative Analysis ซึ่งอาจจะใช้เวลามากกว่า 70% ของการลงทุน ถ้าท่านไม่เข้าใจธุรกิจ ท่านจะลงทุนอย่างมั่นใจได้อย่างไร
จากนี้ไปคือการทำ Quantitative Analysis ซึ่งท่านจะต้องมีความรู้ทางบัญชีบ้างถ้าท่านต้องการเช็ค Financial Strength ของบริษัทเหล่านั้นจริงๆ ของอย่างนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน ทดลองทำด้วยตัวเองครับ
สำหรับมือใหม่คงดูลำบาก จะใช้ตัวเลขง่ายๆอย่างที่พี่ประจวบแนะนำ สำหรับผมมันเหมือนขับรถมองกระจกหลังอย่างเดียว แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ถึงตอนนี้มันต้องเลือกแล้วล่ะ ว่าจะใช้ไม่ใช้
11) ให้เลือกแบงค์ที่สายตาคุณคิดว่าดีที่สุดในด้านต่างๆ
12) ตอนนี้ไปเปิดดูราคาหุ้นได้แล้วครับ ถ้าเอาง่ายๆก็เอาตาม ดร.นิเวศน์แล้วกันว่าอยู่ใน Range นี้หรือเปล่า
P/E<10
P/B<2
D/Y>3% (รู้สึกแบงค์จะไม่จ่ายปันผลนะครับช่วงนี้ แต่อย่าให้ความสำคัญกับปันผลมากจนเราลืมอย่างอื่นไป)
13) ค่อยๆลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่เยอะครับ แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น
14) ถือหุ้นนั้นไว้สามปี ให้ดูผลประกอบการบริษัทครับ อย่าสนใจราคาหุ้นมาก ถ้าผลประกอบการดี ราคาลดลงให้ซื้อเพิ่มทีละน้อย
15) หลังจากสามปี ท่านจะพบมหัศจรรย์แห่งชีวิตอย่างที่ท่านอาจารย์นิเวศน์ว่าไว้ครับ
แต่ผมก็ยังอยากจะบอกว่า VI เป็นเรื่องของความคิด 90% เป็นวิธีการแค่ 10% สิ่งสำคัญคือท่านต้องเตรียมใจให้พร้อมสำหรับความโลภและความกลัวในตลาดหุ้นครับ
ขอให้โชคดีทุกท่านครับ
ปล. อย่ามาถามผมนะครับว่าผมถือหุ้นอะไร ผมไม่ตอบครับ เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลครับ ขอบอก ให้ถามตัวเองครับว่าอยากถือหุ้นอะไรแล้วทำการบ้านครับ โชคดีอีกทีครับ
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4254
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เรื่องเล่าจากvalue investor กระทู้เกามาเล่าใหม่
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับ
ปล. รบกวนขอ Reference ด้วยครับ ว่า บทความ ข้างต้นเขียนขึ้นเมื่อไร
ปกติ ถ้าเราจะ copy มา ต้องให้เกียรติเจ้าของบทความ ด้วยการอ้างอิง
ไปยังต้นฉบับ
ปล. รบกวนขอ Reference ด้วยครับ ว่า บทความ ข้างต้นเขียนขึ้นเมื่อไร
ปกติ ถ้าเราจะ copy มา ต้องให้เกียรติเจ้าของบทความ ด้วยการอ้างอิง
ไปยังต้นฉบับ
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
- พ่อน้องเพชร
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 298
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องเล่าจากvalue investor กระทู้เกามาเล่าใหม่
โพสต์ที่ 4
เป็นเรื่องของคุณวิบูลย์ครับ
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องเล่าจากvalue investor กระทู้เกามาเล่าใหม่
โพสต์ที่ 6
ผมไปเจอบทความนี้ใน web intania82 (intania = engineer)
ไม่รู้ต้นฉบับรึเปล่า
http://www.intania82.com/index.php?show ... d&pid=2888
Feb 10 2004, 00:39
ขอเล่าชีวิตของขหนำน้อยบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าเอาแต่ในตำรามาพูดหลอกคนอื่น ถามเรื่องชื่อหุ้นก็ไม่ตอบ มันซื้อหุ้นจริงๆหรือเปล่า(ว่ะ)
ส่วนตรงนี้
http://www.intania82.com/index.php?show ... #entry2679
Feb 2 2004, 21:30
Post #2
Stocks are Forever
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
แต่รูปทำไมหน้าคล้ายคุณชูวิทย์เลย
ไม่รู้ต้นฉบับรึเปล่า
http://www.intania82.com/index.php?show ... d&pid=2888
Feb 10 2004, 00:39
ขอเล่าชีวิตของขหนำน้อยบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าเอาแต่ในตำรามาพูดหลอกคนอื่น ถามเรื่องชื่อหุ้นก็ไม่ตอบ มันซื้อหุ้นจริงๆหรือเปล่า(ว่ะ)
ส่วนตรงนี้
ท่านเดียวกันนี้ ก็เอาบทความดร.มาแปะ (มี link อยู่ด้านล่างของหน้านี้)ziannoom เขียน: ผมอยากจะบอกอาจารย์นิเวศน์เหมือนกันว่า สำหรับผม Stock are Forever เหมือนกัน
http://www.intania82.com/index.php?show ... #entry2679
Feb 2 2004, 21:30
Post #2
Stocks are Forever
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
แต่รูปทำไมหน้าคล้ายคุณชูวิทย์เลย
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องเล่าจากvalue investor กระทู้เกามาเล่าใหม่
โพสต์ที่ 8
อยู่ใกล้ๆ ...กระทู้สุดยอดห้องคุณค่านี่เอง
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=269
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=269