วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
pawattt
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0

วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมพึ่งลงทุนมาได้ 1 ปี ถึงแม้ขาดทุน แต่เป้นประสบการณ์ที่ดีมากของผมเลยทีเดียวครับ
ช่วงนี้เห้นข่าวต่างๆ ออกมาบอกกันใหญ่ว่าจะวิกฤตินะ ด้วยสาเหตู...... ต่าง ๆ มากมาย

แต่สิ่งที่ผมในฐานะมือใหม่อยากทราบจากพี่ๆ ที่ประสบการณ์สูงคือว่า

ก่อนเกิดวิกฤติปี 2008 มีทัศนคติของคนส่วนมาก ก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้ครับ

เนื่องจากว่า ปีนี้มีคนกลัวกันมาก ทุกคนที่ลงทุนพูดถึงกันหมด แสดงว่ามีการคาดการณ์กันไว้แล้วว่าอาจเกิดแนะ เมื่อไร อย่างไร ไม่รู้ แต่จะเกิด
เมื่อมีการณ์คาดการณ์ ถ้าเกิดจิง คงไม่เลวร้ายมากมายนัก หรือไม่ครับ

ขอบคุณพี่ ๆ ล่วงหน้าครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ก่อนเกิด ไม่รู้ เพราะมัวแต่ดูพื้นฐาน ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น กิจการเราดี ต้องไปกลัวอะไร

จำได้ว่า หุ้นขึ้นไป 900 เทรด 18000 ล้านบาท สูงสุด จากที่ไต่ขึ้นมา 400 จุด

เห็นมีข่าวแว่วๆ ว่าจะไป 1500 หรือไงนี่

แล้วก็คลื่นเครงกันมาก กำไรกันเยอะ

ก็อย่างที่เคยเอารูปให้ดู 5 เดือน หุ้นทั้งตลาดตก 50 %

มาตอนนี้ นักลงทุนที่เคยผ่านมาก็คงจะเตรียมตัว เพื่อรับสถานการณ์

โดยส่วนตัวไม่มีอะไร พอร์ทไม่ได้ใหญ่โต พอร์ทเก็งกำไรถือเงินสด พอร์ท vi ถือหุ้น

ก็ว่ากันไป หุ้นขึ้น หุ้นลง
pawattt
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากกครับพี่ Jeng :D :D :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
ซุนเซ็ก
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ก่อนเกิดวิกฤติปี 2008 มีทัศนคติของคนส่วนมาก ก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร?
คนส่วนมากกลัวครับ

นักลงทุนมักลืมทุกอย่างและมีความเชื่อผิดๆฝังหัว
“ฟองสบู่แตกเมื่อทุกคนลิงโลด”, “ถ้าตลาดกลัว นั้นจะยังไม่วิกฤต”, “mr.market คือคนโง่,คนผิด”
....ตลาดรับรู้ถึงช่วงก่อนวิกฤตได้ครับและไม่ได้โง่อย่างที่ในตำราว่าไว้

ผมได้เขียนบล็อค นำกระทู้และบางข่าวในช่วงก่อนเกิดตลาดถล่มปี 08 มาลงไว้
Subprime’s Blackbox "2 เดือนก่อนวิกฤต ตลาดคิดยังไง?!"
http://goo.gl/QUa6V
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
Mote_VI
Verified User
โพสต์: 216
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าจะเกิดวิกฤติตอนไหน การที่เราจะไปคาดเดากับสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ เสียเวลาเปล่าๆครับ ในเมื่อเราไม่สามารถเดาได้ เราก็ไม่ต้องไปสนใจภาพใหญ่ครับ กลับมาสนใจภาพเล็ก สนใจในตัวธุรกิจ ตัวบริษัทที่เราจะลงทุนดีกว่าครับว่าเป็นอย่างไร มีตัวไหนยังน่าลงทุนบ้าง แต่ผมคิดว่าช่วงที่คนพูดกันมากและระวังกันมากไม่น่าจะเกิดครับเพราะว่าทุกคนจะเตรียมรับมือและมีมาตรการต่างๆรองรับเพื่อไม่ให้เกิดวิฤต แต่ถ้าช่วงไหนที่คนชล่าใจ ไม่ระมัดระวัง อะไรก็ดีไปหมด ช่วงนั้นผมว่าควรจะระวังครับ อาจจะเกิดวิกฤติได้ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

อย่าประมาทในทุกสภาพตลาด นักลงทุนที่ดี ควรทำตัวให้พร้อมทุกสภาพตลาด ลงทุนอย่างมีสติ
-----------------------------------------------------------------
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางเกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่งและการลงทุน วิธีการสอนลูกให้มั่งคั่ง
เชิญได้ที่...
http://www.wealththailand.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
CheNz
Verified User
โพสต์: 1612
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

Mote_VI เขียน:ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าจะเกิดวิกฤติตอนไหน การที่เราจะไปคาดเดากับสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ เสียเวลาเปล่าๆครับ ในเมื่อเราไม่สามารถเดาได้ เราก็ไม่ต้องไปสนใจภาพใหญ่ครับ กลับมาสนใจภาพเล็ก สนใจในตัวธุรกิจ ตัวบริษัทที่เราจะลงทุนดีกว่าครับว่าเป็นอย่างไร มีตัวไหนยังน่าลงทุนบ้าง แต่ผมคิดว่าช่วงที่คนพูดกันมากและระวังกันมากไม่น่าจะเกิดครับเพราะว่าทุกคนจะเตรียมรับมือและมีมาตรการต่างๆรองรับเพื่อไม่ให้เกิดวิฤต แต่ถ้าช่วงไหนที่คนชล่าใจ ไม่ระมัดระวัง อะไรก็ดีไปหมด ช่วงนั้นผมว่าควรจะระวังครับ อาจจะเกิดวิกฤติได้ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
แนวคิดแบบนี้ก็โอเคครับอยู่ในหลักการดี :D
แต่ถ้าถึงเวลาต้องลงมือปฏิบัติจริงๆ อะไรที่เขียนไว้ในตำรา มักไม่คอยได้ใช้ครับ
การคาดเดาตลาด หากมีข้อมูลเพียงพอ ขวนขวายให้มาก อย่างเช่น พี่ๆหลายๆท่าน เช่นพี่แงซาย เอาข้อมูลมาแปะไว้ให้ดู ก็ทำให้เราพอคาดการณ์อนาคตของ ศก. ได้บ้างไม่มากก็น้อย
หากเราเห็นความไม่แน่นอนของ ศก. จากข้อมูลต่างๆ และถอยออกมาทัน ก่อนจะเกิดวิกฤต
จะทำให้เราไม่เสียโอกาสในการลงทุนครั้งใหญ่ๆครับ
เงินฉลาด ในมือของคนกล้า จะสร้างสุดยอดนักลงทุนทุกครั้งที่จบวิกฤตครับ :mrgreen:
pawattt
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

:D :D
Notelio
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1021
ผู้ติดตาม: 1

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ตอนปี 2008 ก่อนเกิดวิกฤต 2 เดือน ช่วงนั้นผมกำลังตะบี้ตะบันเก็บหุ้นตัวหนึ่งที่มี pe 4 เท่าอยู่ พร้อมกับวาดฝันว่าจะไปขายตอน pe 8 เท่า กำไร 100% เจอตลาดลงช่วงแรกก็ยังทนได้แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง หุ้นดี หุ้นแย่ มันไปหมด หุ้น pe 4 ที่ควรจะไป pe 8 มันกลายมาเป็นเหลือ pe 2 จากหวังกำไร 100 % ต้องมาขาดทุน 50% เป็นช่วงเวลา 3 เดือนที่มืดสุดในชีวิต แต่ตอนนี้ผ่านเหตุการณ์นั้นไป 3 ปี หุ้นตัวนั้นก็ยังอยู่ใน port ผม แต่ cycle ของตลาดกำลังกลับมาทดสอบผมอีกรอบว่าจะผ่านความมืดรอบนี้ไปได้หรือเปล่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
draco
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 230
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 10

โพสต์

Notelio เขียน:ตอนปี 2008 ก่อนเกิดวิกฤต 2 เดือน ช่วงนั้นผมกำลังตะบี้ตะบันเก็บหุ้นตัวหนึ่งที่มี pe 4 เท่าอยู่ พร้อมกับวาดฝันว่าจะไปขายตอน pe 8 เท่า กำไร 100% เจอตลาดลงช่วงแรกก็ยังทนได้แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง หุ้นดี หุ้นแย่ มันไปหมด หุ้น pe 4 ที่ควรจะไป pe 8 มันกลายมาเป็นเหลือ pe 2 จากหวังกำไร 100 % ต้องมาขาดทุน 50% เป็นช่วงเวลา 3 เดือนที่มืดสุดในชีวิต แต่ตอนนี้ผ่านเหตุการณ์นั้นไป 3 ปี หุ้นตัวนั้นก็ยังอยู่ใน port ผม แต่ cycle ของตลาดกำลังกลับมาทดสอบผมอีกรอบว่าจะผ่านความมืดรอบนี้ไปได้หรือเปล่า
แล้วตอนนี้คุณ Notelio ทำยังไงล่ะครับ ยังคงถือหุ้นไว้ในพอร์ต หรือ ขายเพื่อรอตอนมันลงไปมากๆค่อยซื้อ อยากทราบความคิดเห็นคนที่เคยผ่านเหตุการณ์มาแล้วน่ะครับ ผมเพิ่งลงทุนปีที่แล้วเองครับ เลยยังไม่เคยลิ้มรสชาติตลาดหุ้นตกหนักๆครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ก่อนเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปก่อนครับประมาณ 3-4เดือน

ช่วงนั้นหลายท่านคิดว่าวิกฤติรอบนั้นไม่น่าจะมีอะไร ทำให้หลายคนแห่กลับไปซื้อ

หลังจากกระทิงไปหลายเดือน ทุกคนลืมว่าวิกฤติ ซัพไพรม์ยังคงอยู่


หลังจากนั้นไม่นาน มันก้ระเบิดครับ ช่วงแรกที่ลง ลงหนักแต่หลายคนก้ยังกล้ารับ

แถว800-900 คิดว่าไม่ลึก พอผ่านไปก้ผ่านถึง 600 เซียนวีไอหลายคนก้ลงไปช่วงนี้

จนมันลึกไป 400 ทีนี้แหล่ะครับ

เงียบจนแทบไม่มีใครมาโพส แต่งานสัมนาคนเล่นหุ้นยังคึกคักมาก คนส่วนใหญ่หนีทัน

ผมก้หวังว่า รอบนี้ คงไม่มีใครซ้ำรอยเดิม
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ประโยคอมตะนิรันด์กาล ของผมนะครับ

ทุกวิกฤติมีผู้กล้าล้มลง และก้ก่อให้เกิดผู้กล้าคนใหม่ นี่แหล่ะ สัจธรรม
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
Notelio
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1021
ผู้ติดตาม: 1

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 13

โพสต์

draco เขียน:
Notelio เขียน:ตอนปี 2008 ก่อนเกิดวิกฤต 2 เดือน ช่วงนั้นผมกำลังตะบี้ตะบันเก็บหุ้นตัวหนึ่งที่มี pe 4 เท่าอยู่ พร้อมกับวาดฝันว่าจะไปขายตอน pe 8 เท่า กำไร 100% เจอตลาดลงช่วงแรกก็ยังทนได้แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง หุ้นดี หุ้นแย่ มันไปหมด หุ้น pe 4 ที่ควรจะไป pe 8 มันกลายมาเป็นเหลือ pe 2 จากหวังกำไร 100 % ต้องมาขาดทุน 50% เป็นช่วงเวลา 3 เดือนที่มืดสุดในชีวิต แต่ตอนนี้ผ่านเหตุการณ์นั้นไป 3 ปี หุ้นตัวนั้นก็ยังอยู่ใน port ผม แต่ cycle ของตลาดกำลังกลับมาทดสอบผมอีกรอบว่าจะผ่านความมืดรอบนี้ไปได้หรือเปล่า
แล้วตอนนี้คุณ Notelio ทำยังไงล่ะครับ ยังคงถือหุ้นไว้ในพอร์ต หรือ ขายเพื่อรอตอนมันลงไปมากๆค่อยซื้อ อยากทราบความคิดเห็นคนที่เคยผ่านเหตุการณ์มาแล้วน่ะครับ ผมเพิ่งลงทุนปีที่แล้วเองครับ เลยยังไม่เคยลิ้มรสชาติตลาดหุ้นตกหนักๆครับ
พยายามเหลือสภาพคล่องไว้ให้มากที่สุดครับ ถ้ามีโอกาสช่วงที่หุ้น rebound ก็พยายามลดตัวที่ถือลงมาบ้าง แม้วิกฤตจะยังไม่เกิดแต่ความเสี่ยงมันสูงเกินกว่าจะถือหุ้นเต็มร้อยครับ สุดท้ายถ้ามั่นใจว่าหุ้นที่ถือดีจริง ก็ต้องย้อนกลับไปมองจิตใจตัวเองด้วยว่ามั่นคงพอจะผ่านช่วงมืดได้มั้ย เพราะสารพัดข่าวร้ายทั้งจริงไม่จริงมันจะไหลมาบีบจนทนถือไม่ไหวครับ
เหมือนกับดูคนอวดผี อยู่บ้าน ยังไงก็ไม่น่ากลัวเท่าตอนอยู่ในสถานการณ์นั้นจริงๆครับ
pawattt
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 14

โพสต์

โอ้โหเทียบกะคนอวดผีนี่น่ากลัวนะคับ :ohno: :ohno: ตอนนี้ผมก็พยายามลดพอร์ท รอโอกาสแจ่ม ๆ อีกครั้ง เรื่องพื้นฐานไม่ขัดเลยครับว่าบ้านเรายังดี แต่พอได้คุยกับพี่ ๆ ใน บอร์ด และท่านอื่นๆ ก็บอกว่า ดีแค่ไหนถ้าคนขายหนัก ๆ ก็ร่วงได้เหมือนกัน สำหรับผมคงไม่ถึงขนาด เชื่อโดยทันที คงต้องพิจารณา แล้วถือ ในสัดส่วนที่รับได้

ตอนนี้ผมมองยังงี้ครับพี่ ๆ
มองว่า เงิน ยังไงก็ ต้องไหลไปไหนซักที่ ถ้าเกิด ศก. แย่ลงจิง ๆ
1. ไหลไปทอง
2. ไหลมา asia ที่มี growth มากกว่า

ผมเลยคิดว่า เราน่าจะถือ ทั้งหุ้น ไทย และ ทอง ก็น่าจะดีนะครับ
เพราะไม่ว่าไหลไปไหน เราก็มีทั้งคู่ หรือไม่ ได้อย่างก็เสียงอย่าง

แต่ก็คือต้องรอลงหนัก ๆ ก่อนนะครับ ทองตรงนี้ก็ไม่ซื้อเหมือนกัน :D :D
torpongpak
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2603
ผู้ติดตาม: 1

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ใช่ว่ามีเงินสดเยอะๆเเล้วจะนอนหลับนะครับ การไม่มีหุ้นบางทีก็นอนไม่หลับเช่นกัน ผมเคยล้างportช่วงยังไม่ประสีประสากับการลงทุนเพราะดันไปเชื่อ"ข่าวลือ" ปรากฎว่า"นอนไม่หลับ"เหมือนกันครับ ก็รู้สึกเสียดายถ้าไม่มีหุ้น กลัวเสียโอกาสทางการลงทุนเพราะสินค้าของบริษัทที่เรา"เคย"เป็นเจ้าของก็ยังขายได้เรื่อยๆ ที่สำคัญรู้สึกเซ็งมากเมื่อต้อง "อุดหนุน"สินค้านั้นๆเอง

ดังนั้นทำอะไรก็ได้ขอให้"สมดุล"เเละมีความสุข มีพี่ท่านนึงPostน่ารักมากประมาณว่าว่า "สุขภาพผมอยู่ในport" :B
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
ภาพประจำตัวสมาชิก
CheNz
Verified User
โพสต์: 1612
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ผมว่าจะถือเงินสด 100% หรือถือหุ้น 100% ในสถานะการณ์เดียวกัน ความสบายใจของเราก็ต่างกันได้ครับ :D
อย่างช่วงเวลาแบบนี้ ที่ยังไม่ชัดเจนในภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ ส่วนตัวผมจากตอนแรกถือครองหุ้น 90% แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เนื่องจากตัวที่ถือเกือบ 40% เป็นตัวที่ทุนค่อนข้างสูง ราคาที่ผมเข้าก็คือ target price แบบ Conservative ของผมแล้ว แต่ผมยังมอง Upside ที่ 30-40% แต่ผมไม่ค่อยสบายใจนักในการถือต่อ
ผมตัดสินใจขายหุ้น ถือเงินสดเพิ่มเป็น 40% เลยครับ มันทำให้ผมมีความสุขและสบายใจผ่อนคลายกว่าครับ
ผมว่าความสบายใจและผ่อนคลายในการลงทุน จะทำให้เราตัดสินใจในการลงทุนต่อไปได้ดีกว่าภาวะเครียด เร่งรีบกดดันครับ :mrgreen:
Saiko
Verified User
โพสต์: 144
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 17

โพสต์

pawattt เขียน:โอ้โหเทียบกะคนอวดผีนี่น่ากลัวนะคับ :ohno: :ohno: ตอนนี้ผมก็พยายามลดพอร์ท รอโอกาสแจ่ม ๆ อีกครั้ง เรื่องพื้นฐานไม่ขัดเลยครับว่าบ้านเรายังดี แต่พอได้คุยกับพี่ ๆ ใน บอร์ด และท่านอื่นๆ ก็บอกว่า ดีแค่ไหนถ้าคนขายหนัก ๆ ก็ร่วงได้เหมือนกัน สำหรับผมคงไม่ถึงขนาด เชื่อโดยทันที คงต้องพิจารณา แล้วถือ ในสัดส่วนที่รับได้

ตอนนี้ผมมองยังงี้ครับพี่ ๆ
มองว่า เงิน ยังไงก็ ต้องไหลไปไหนซักที่ ถ้าเกิด ศก. แย่ลงจิง ๆ
1. ไหลไปทอง
2. ไหลมา asia ที่มี growth มากกว่า

ผมเลยคิดว่า เราน่าจะถือ ทั้งหุ้น ไทย และ ทอง ก็น่าจะดีนะครับ
เพราะไม่ว่าไหลไปไหน เราก็มีทั้งคู่ หรือไม่ ได้อย่างก็เสียงอย่าง

แต่ก็คือต้องรอลงหนัก ๆ ก่อนนะครับ ทองตรงนี้ก็ไม่ซื้อเหมือนกัน :D :D
แล้วทองตอนนี้มันเหมาะกับนักลงทุนแนวviหรือเปล่าครับ ทองขึ้นมาขนาดนี้เพราะมีความต้องการจากอุตสาหกรรมไหนเพิ่มเหรอครับ แล้วจะวัดมูลค่ามันได้จากวิธีไหนละ
"ตัวพี่ชอบกินผัดเผ็ด พี่ชอบกินเห็ดผัดตับ"
pooklook
Verified User
โพสต์: 92
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 18

โพสต์

chukieat30 เขียน:ก่อนเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปก่อนครับประมาณ 3-4เดือน

ช่วงนั้นหลายท่านคิดว่าวิกฤติรอบนั้นไม่น่าจะมีอะไร ทำให้หลายคนแห่กลับไปซื้อ

หลังจากกระทิงไปหลายเดือน ทุกคนลืมว่าวิกฤติ ซัพไพรม์ยังคงอยู่


หลังจากนั้นไม่นาน มันก้ระเบิดครับ ช่วงแรกที่ลง ลงหนักแต่หลายคนก้ยังกล้ารับ

แถว800-900 คิดว่าไม่ลึก พอผ่านไปก้ผ่านถึง 600 เซียนวีไอหลายคนก้ลงไปช่วงนี้

จนมันลึกไป 400 ทีนี้แหล่ะครับ

เงียบจนแทบไม่มีใครมาโพส แต่งานสัมนาคนเล่นหุ้นยังคึกคักมาก คนส่วนใหญ่หนีทัน

ผมก้หวังว่า รอบนี้ คงไม่มีใครซ้ำรอยเดิม

ผมว่าความเห็นนี้ ตรงกับบรรยากาศในช่วงนั้นมากเลยครับ และผมเสริมให้ว่า ก่อนมันจะลงไป 376 จุด มันก็เอาเรื่อง subprime มาเป็นประเด็นในปี 50 อยู่ 2 ครั้ง ซึ่ง set ก็ตกลงไป ประมาณ 100-200 จุดโดยประมาณ กินเวลา เดือนกว่าๆ จนมากลางปี 51 พร้อมมีประเด็นการเมือง ทำให้หลายคนสับสน เอาเรื่องการเมืองมาเป็นจุดในการเข้ารับออกหุ้น ซึ่งอันที่จริงในช่วงนั้นเป็นเรื่องปัจจัยภายนอกล้วนๆ จาก cdo แบงค์ล้มหลายเจ้า aig ในระหว่างทาง นักวิเคราะห์มั้งหลายก็บอกจุดรับมาตลอด ไม่ว่า 800 700 600 500 แต่พอมา 400
กลับไม่มีใครบอกให้รับ ทุกสำนักบอกให้ระวัง หรือไม่ก็ wait and see แล้วมันก็ลงต่ออีกไม่มาก แล้วก้ขึ้นไปตอนปลายปีจากแรงดัน amazing thailand ltf rmf แล้วก็ตกต่ออีก 3 เดือนจน เมย 52 แล้วทำท่าจะแย่เพราะมีเรื่องการเมืองเผารถเมล์ช่วงสงกรานต์ หลายฝ่ายกังวลว่าเปิดตลาดหลังสงกรานต์ set จะดิ่งอีก ซึ่งก็เป็นการหลงประเด็นอีกแล้ว เพราะเป็นปัจจัยจากภายนอกที่เข้ามาดึงset ไทยให้กลับเป็นขาขึ้น และเรื่องการเมืองไทยจะมีผลสั้นๆถึงสั้นมากเท่านั้น หลังจากนั้นก็เป็นขาขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนจะเกิดวิกฤติอีกเมื่อไร คงไม่มีใครตอบได้แน่ชัด ก็ต้องไม่ประมาทติดตามข่าวสารกันไป ส่วนใครที่อ้างว่าให้ดูเฉพาะผลงานของบริษัท ถ้าเกิดวิกฤติจริงก็อาจเสียโอกาสในการเก็บของถูกเพราะ ลงทุนไป 100% ในหุ้นหมดแล้ว ก็คงต้องรอปันผล หรือเอาหุ้นที่ลงน้อยกว่ามาขายเพื่อซื้อหุ้นที่ลงมากกว่าหรือน่าสนใจกว่าแต่ก็ไม่น่าจะฉวยโอกาสได้เต็มที่นัก
pawattt
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 19

โพสต์

anthracis เขียน:
pawattt เขียน:โอ้โหเทียบกะคนอวดผีนี่น่ากลัวนะคับ :ohno: :ohno: ตอนนี้ผมก็พยายามลดพอร์ท รอโอกาสแจ่ม ๆ อีกครั้ง เรื่องพื้นฐานไม่ขัดเลยครับว่าบ้านเรายังดี แต่พอได้คุยกับพี่ ๆ ใน บอร์ด และท่านอื่นๆ ก็บอกว่า ดีแค่ไหนถ้าคนขายหนัก ๆ ก็ร่วงได้เหมือนกัน สำหรับผมคงไม่ถึงขนาด เชื่อโดยทันที คงต้องพิจารณา แล้วถือ ในสัดส่วนที่รับได้

ตอนนี้ผมมองยังงี้ครับพี่ ๆ
มองว่า เงิน ยังไงก็ ต้องไหลไปไหนซักที่ ถ้าเกิด ศก. แย่ลงจิง ๆ
1. ไหลไปทอง
2. ไหลมา asia ที่มี growth มากกว่า

ผมเลยคิดว่า เราน่าจะถือ ทั้งหุ้น ไทย และ ทอง ก็น่าจะดีนะครับ
เพราะไม่ว่าไหลไปไหน เราก็มีทั้งคู่ หรือไม่ ได้อย่างก็เสียงอย่าง

แต่ก็คือต้องรอลงหนัก ๆ ก่อนนะครับ ทองตรงนี้ก็ไม่ซื้อเหมือนกัน :D :D
แล้วทองตอนนี้มันเหมาะกับนักลงทุนแนวviหรือเปล่าครับ ทองขึ้นมาขนาดนี้เพราะมีความต้องการจากอุตสาหกรรมไหนเพิ่มเหรอครับ แล้วจะวัดมูลค่ามันได้จากวิธีไหนละ
สำหรับทองนั้น ผมก็ยังพึ่งเริ่มดูหลังจากหุ้นมาไม่นานนี้เองครับ ถ้าถามว่าเหมาะกับแนว VI หรือไม่ ณ ระดับปัจจุบัน ผมว่าค่อนข้างแพงในความรู้สึกผม แต่สำหรับคนที่เค้าอยู่วงการนี้ ก้คงต่าง ๆ นานาครับ ที่ยากสำหรับทองก็คือ วัดมูลค่าไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พลักดันก็คือ ภาวะ ศก ในปัจจุบัน ความกังวลวกฺฤติ ต่าง ๆ ที่ยังมีอยู่และคงไม่จบลงง่าย ๆ อีกทั้งจะเห็นว่า ธนาคารกลางแต่ละประเทศก็พยายามซื้อเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ เหมือนกัน เพราะ dollar ตอนนี้ก็มีค่าน้อยลงเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องอุตสาหกรรม ผมคิดว่าไม่ส่งผลมากครับ เพราะ ศก ไม่ดี อุตสาหกรรมก็ไม่น่าจะดีด้วย

ผมชอบอันนี้จัง "สุขภาพอยู่ใน port " เพราะช่วงนี้สุขภาพผม กับ port เหมือนจะไปด้วยกัน ต้องดูแลกันหนน่ยละ :)
pakhakorn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 957
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 20

โพสต์

pooklook เขียน:
chukieat30 เขียน:ก่อนเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปก่อนครับประมาณ 3-4เดือน

ช่วงนั้นหลายท่านคิดว่าวิกฤติรอบนั้นไม่น่าจะมีอะไร ทำให้หลายคนแห่กลับไปซื้อ

หลังจากกระทิงไปหลายเดือน ทุกคนลืมว่าวิกฤติ ซัพไพรม์ยังคงอยู่


หลังจากนั้นไม่นาน มันก้ระเบิดครับ ช่วงแรกที่ลง ลงหนักแต่หลายคนก้ยังกล้ารับ

แถว800-900 คิดว่าไม่ลึก พอผ่านไปก้ผ่านถึง 600 เซียนวีไอหลายคนก้ลงไปช่วงนี้

จนมันลึกไป 400 ทีนี้แหล่ะครับ

เงียบจนแทบไม่มีใครมาโพส แต่งานสัมนาคนเล่นหุ้นยังคึกคักมาก คนส่วนใหญ่หนีทัน

ผมก้หวังว่า รอบนี้ คงไม่มีใครซ้ำรอยเดิม

ผมว่าความเห็นนี้ ตรงกับบรรยากาศในช่วงนั้นมากเลยครับ และผมเสริมให้ว่า ก่อนมันจะลงไป 376 จุด มันก็เอาเรื่อง subprime มาเป็นประเด็นในปี 50 อยู่ 2 ครั้ง ซึ่ง set ก็ตกลงไป ประมาณ 100-200 จุดโดยประมาณ กินเวลา เดือนกว่าๆ จนมากลางปี 51 พร้อมมีประเด็นการเมือง ทำให้หลายคนสับสน เอาเรื่องการเมืองมาเป็นจุดในการเข้ารับออกหุ้น ซึ่งอันที่จริงในช่วงนั้นเป็นเรื่องปัจจัยภายนอกล้วนๆ จาก cdo แบงค์ล้มหลายเจ้า aig ในระหว่างทาง นักวิเคราะห์มั้งหลายก็บอกจุดรับมาตลอด ไม่ว่า 800 700 600 500 แต่พอมา 400
กลับไม่มีใครบอกให้รับ ทุกสำนักบอกให้ระวัง หรือไม่ก็ wait and see แล้วมันก็ลงต่ออีกไม่มาก แล้วก้ขึ้นไปตอนปลายปีจากแรงดัน amazing thailand ltf rmf แล้วก็ตกต่ออีก 3 เดือนจน เมย 52 แล้วทำท่าจะแย่เพราะมีเรื่องการเมืองเผารถเมล์ช่วงสงกรานต์ หลายฝ่ายกังวลว่าเปิดตลาดหลังสงกรานต์ set จะดิ่งอีก ซึ่งก็เป็นการหลงประเด็นอีกแล้ว เพราะเป็นปัจจัยจากภายนอกที่เข้ามาดึงset ไทยให้กลับเป็นขาขึ้น และเรื่องการเมืองไทยจะมีผลสั้นๆถึงสั้นมากเท่านั้น หลังจากนั้นก็เป็นขาขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนจะเกิดวิกฤติอีกเมื่อไร คงไม่มีใครตอบได้แน่ชัด ก็ต้องไม่ประมาทติดตามข่าวสารกันไป ส่วนใครที่อ้างว่าให้ดูเฉพาะผลงานของบริษัท ถ้าเกิดวิกฤติจริงก็อาจเสียโอกาสในการเก็บของถูกเพราะ ลงทุนไป 100% ในหุ้นหมดแล้ว ก็คงต้องรอปันผล หรือเอาหุ้นที่ลงน้อยกว่ามาขายเพื่อซื้อหุ้นที่ลงมากกว่าหรือน่าสนใจกว่าแต่ก็ไม่น่าจะฉวยโอกาสได้เต็มที่นัก

เสริม......บรรยากาศ กระทู้เก่า ปี 2007 ก่อนลงหนักจริง 1 ปี (ยังไม่รู้ของจริงๆจะมาอีกชุด)

"คิดย่างไรกับ 3 วันแดงเดือด" http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=27083


กระทู้เก่า ปี 2008 ถัดจากนั้นมาอีก 1 ปี ครับ เที่ยวนี้ ของจริง

"หุ้นตก" http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=33895

แต่ปี 2008 ลงจนถึง ประมาณ ต.ค. 2008 ก็ยังมีหุ้นอีก ประมาณ 10% ที่ยังยืนสวนตลาดได้ ครับ

ขอบคุณ สำหรับ บันทึก อันมีคุณค่า ที่เก็บไว้ ครับ :bow: :bow: :bow:
(จาก คุณistyle และ คุณwk0966 ขุดกระทู้เก่ามาให้อ่านเมื่อเดือนที่แล้ว ขอบคุณ ครับ)

แต่สำหรับครั้งนี้...จริงหรือไม่จริง...จะแสดงออกในรูปแบบไหน..เวลาใด...ยังต้องรอคำเฉลยที่แท้จริง ต่อไป.....
pawattt
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิกฤติปี 2008 VS ปี 2012 ทัศนคติของนักลงทุน

โพสต์ที่ 21

โพสต์

pakhakorn เขียน:
pooklook เขียน:
chukieat30 เขียน:ก่อนเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปก่อนครับประมาณ 3-4เดือน

ช่วงนั้นหลายท่านคิดว่าวิกฤติรอบนั้นไม่น่าจะมีอะไร ทำให้หลายคนแห่กลับไปซื้อ

หลังจากกระทิงไปหลายเดือน ทุกคนลืมว่าวิกฤติ ซัพไพรม์ยังคงอยู่


หลังจากนั้นไม่นาน มันก้ระเบิดครับ ช่วงแรกที่ลง ลงหนักแต่หลายคนก้ยังกล้ารับ

แถว800-900 คิดว่าไม่ลึก พอผ่านไปก้ผ่านถึง 600 เซียนวีไอหลายคนก้ลงไปช่วงนี้

จนมันลึกไป 400 ทีนี้แหล่ะครับ

เงียบจนแทบไม่มีใครมาโพส แต่งานสัมนาคนเล่นหุ้นยังคึกคักมาก คนส่วนใหญ่หนีทัน

ผมก้หวังว่า รอบนี้ คงไม่มีใครซ้ำรอยเดิม

ผมว่าความเห็นนี้ ตรงกับบรรยากาศในช่วงนั้นมากเลยครับ และผมเสริมให้ว่า ก่อนมันจะลงไป 376 จุด มันก็เอาเรื่อง subprime มาเป็นประเด็นในปี 50 อยู่ 2 ครั้ง ซึ่ง set ก็ตกลงไป ประมาณ 100-200 จุดโดยประมาณ กินเวลา เดือนกว่าๆ จนมากลางปี 51 พร้อมมีประเด็นการเมือง ทำให้หลายคนสับสน เอาเรื่องการเมืองมาเป็นจุดในการเข้ารับออกหุ้น ซึ่งอันที่จริงในช่วงนั้นเป็นเรื่องปัจจัยภายนอกล้วนๆ จาก cdo แบงค์ล้มหลายเจ้า aig ในระหว่างทาง นักวิเคราะห์มั้งหลายก็บอกจุดรับมาตลอด ไม่ว่า 800 700 600 500 แต่พอมา 400
กลับไม่มีใครบอกให้รับ ทุกสำนักบอกให้ระวัง หรือไม่ก็ wait and see แล้วมันก็ลงต่ออีกไม่มาก แล้วก้ขึ้นไปตอนปลายปีจากแรงดัน amazing thailand ltf rmf แล้วก็ตกต่ออีก 3 เดือนจน เมย 52 แล้วทำท่าจะแย่เพราะมีเรื่องการเมืองเผารถเมล์ช่วงสงกรานต์ หลายฝ่ายกังวลว่าเปิดตลาดหลังสงกรานต์ set จะดิ่งอีก ซึ่งก็เป็นการหลงประเด็นอีกแล้ว เพราะเป็นปัจจัยจากภายนอกที่เข้ามาดึงset ไทยให้กลับเป็นขาขึ้น และเรื่องการเมืองไทยจะมีผลสั้นๆถึงสั้นมากเท่านั้น หลังจากนั้นก็เป็นขาขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนจะเกิดวิกฤติอีกเมื่อไร คงไม่มีใครตอบได้แน่ชัด ก็ต้องไม่ประมาทติดตามข่าวสารกันไป ส่วนใครที่อ้างว่าให้ดูเฉพาะผลงานของบริษัท ถ้าเกิดวิกฤติจริงก็อาจเสียโอกาสในการเก็บของถูกเพราะ ลงทุนไป 100% ในหุ้นหมดแล้ว ก็คงต้องรอปันผล หรือเอาหุ้นที่ลงน้อยกว่ามาขายเพื่อซื้อหุ้นที่ลงมากกว่าหรือน่าสนใจกว่าแต่ก็ไม่น่าจะฉวยโอกาสได้เต็มที่นัก

เสริม......บรรยากาศ กระทู้เก่า ปี 2007 ก่อนลงหนักจริง 1 ปี (ยังไม่รู้ของจริงๆจะมาอีกชุด)

"คิดย่างไรกับ 3 วันแดงเดือด" http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=27083


กระทู้เก่า ปี 2008 ถัดจากนั้นมาอีก 1 ปี ครับ เที่ยวนี้ ของจริง

"หุ้นตก" http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=33895

แต่ปี 2008 ลงจนถึง ประมาณ ต.ค. 2008 ก็ยังมีหุ้นอีก ประมาณ 10% ที่ยังยืนสวนตลาดได้ ครับ

ขอบคุณ สำหรับ บันทึก อันมีคุณค่า ที่เก็บไว้ ครับ :bow: :bow: :bow:
(จาก คุณistyle และ คุณwk0966 ขุดกระทู้เก่ามาให้อ่านเมื่อเดือนที่แล้ว ขอบคุณ ครับ)

แต่สำหรับครั้งนี้...จริงหรือไม่จริง...จะแสดงออกในรูปแบบไหน..เวลาใด...ยังต้องรอคำเฉลยที่แท้จริง ต่อไป.....

Ohhhh ขอบคุง มัก ๆๆ คราบบบบ :B :B
โพสต์โพสต์