คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 1
บริษัท A กำไร 100 ล้านต่อปีในปีที่แล้ว และมีแนวโน้มกำไรโต 30 % ในปีนี้
ถ้า บริษัท A ไม่มีหนี้เลย ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย แต่หนี้การค้าก็มีไปตามเรื่องนะครับ
ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร
และถ้าบริษัท A มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ 1000 ล้านบาท
ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร
สมมุติให้เป็นบริษัทเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด
ยกเว้น มีหนี้ กับไม่มีหนี้ครับ
ถ้า บริษัท A ไม่มีหนี้เลย ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย แต่หนี้การค้าก็มีไปตามเรื่องนะครับ
ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร
และถ้าบริษัท A มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ 1000 ล้านบาท
ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร
สมมุติให้เป็นบริษัทเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด
ยกเว้น มีหนี้ กับไม่มีหนี้ครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 2
ดูว่า
1.หนี้เยอะ หรือ มากน้อยแค่ไหน
2 Growth 30 %. ปีเดียว
3 กำไรโตไปตาม growth ไหม
4.เทรนด์อุตสาหกรรม ขาขึ้นไหม
5. อื่นๆ
ผมเรื่องมากหน่อยครับเฮีย เวลาจะซื้ออะครับ
1.หนี้เยอะ หรือ มากน้อยแค่ไหน
2 Growth 30 %. ปีเดียว
3 กำไรโตไปตาม growth ไหม
4.เทรนด์อุตสาหกรรม ขาขึ้นไหม
5. อื่นๆ
ผมเรื่องมากหน่อยครับเฮีย เวลาจะซื้ออะครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 3
Valuation ของบริษัทที่มีกับไม่มีหนี้ น่าจะแตกต่างกันที่มูลค่าปัจจุบันของหนี้น่ะครับ
ซึ่ง หากหนี้ (จำนวนมากเมื่อเทียบกับทุน) มาเกี่ยวข้อง การคิดมูลค่าโดยใช้ P/E จะไม่ค่อยเหมาะครับ น่าจะใช้ EV/EBITDA ดีกว่า เพราะการคิดมูลค่าตาม P/E คิดเหมือนกับว่า บริษัทไม่ต้องจ่ายชำระเงินต้นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ยเลย (หรืออย่างมากที่สุดก็คือจ่ายเท่ากับค่าเสื่อมราคาในแต่ละปี) คิดแต่เพียงว่าจ่ายดอกเบี้ยก็พอแล้ว (E ใน P/E เป็น E หลังหักดอกเบี้ย ไม่ได้คำนึงถึงว่าบริษัทมีการจ่ายเงินต้นไหม) ปกติแล้ว ผมใช้ P/E ถ้าหนี้ต่อทุนไม่สูงนัก (D/E 0.5 +- เต็มที่ไม่เกิน 1 เท่า โดย Equity ห้ามมี revaluation อยู่ด้วย)
ทั้งนี้ EV = Market Cap + Interest bearing debt
EBITDA ของสองบริษัทที่มีหนี้กับไม่มีหนี้ ไม่ต่างกันใช่ไหมครับ สมมติ 300 ล้าน EV/EBITDA 6x ดังนั้น EV ทั้งสองบริษัท คือ 1,800 ล้าน บริษัทที่มีหนี้ จะมี Equity value 1,800 - 1,000 เท่ากับ 800 ล้าน ขณะที่ บริษัทไม่มีหนี้มี Equity value 1,800 เท่าเดิม ส่วน growth จะสะท้อนใน EV/EBITDA อยู่แล้ว
ซึ่ง หากหนี้ (จำนวนมากเมื่อเทียบกับทุน) มาเกี่ยวข้อง การคิดมูลค่าโดยใช้ P/E จะไม่ค่อยเหมาะครับ น่าจะใช้ EV/EBITDA ดีกว่า เพราะการคิดมูลค่าตาม P/E คิดเหมือนกับว่า บริษัทไม่ต้องจ่ายชำระเงินต้นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ยเลย (หรืออย่างมากที่สุดก็คือจ่ายเท่ากับค่าเสื่อมราคาในแต่ละปี) คิดแต่เพียงว่าจ่ายดอกเบี้ยก็พอแล้ว (E ใน P/E เป็น E หลังหักดอกเบี้ย ไม่ได้คำนึงถึงว่าบริษัทมีการจ่ายเงินต้นไหม) ปกติแล้ว ผมใช้ P/E ถ้าหนี้ต่อทุนไม่สูงนัก (D/E 0.5 +- เต็มที่ไม่เกิน 1 เท่า โดย Equity ห้ามมี revaluation อยู่ด้วย)
ทั้งนี้ EV = Market Cap + Interest bearing debt
EBITDA ของสองบริษัทที่มีหนี้กับไม่มีหนี้ ไม่ต่างกันใช่ไหมครับ สมมติ 300 ล้าน EV/EBITDA 6x ดังนั้น EV ทั้งสองบริษัท คือ 1,800 ล้าน บริษัทที่มีหนี้ จะมี Equity value 1,800 - 1,000 เท่ากับ 800 ล้าน ขณะที่ บริษัทไม่มีหนี้มี Equity value 1,800 เท่าเดิม ส่วน growth จะสะท้อนใน EV/EBITDA อยู่แล้ว
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 4
ผมเห็นด้วยกับพี่โดมครับdome@perth เขียน:ดูว่า
1.หนี้เยอะ หรือ มากน้อยแค่ไหน
2 Growth 30 %. ปีเดียว
3 กำไรโตไปตาม growth ไหม
4.เทรนด์อุตสาหกรรม ขาขึ้นไหม
5. อื่นๆ
ผมเรื่องมากหน่อยครับเฮีย เวลาจะซื้ออะครับ
นอกจากหนี้แล้วผมคงต้องพิจารณาคุณภาพ/ปัจจัยเสี่ยงของบริษัทในด้านอื่นประกอบด้วย
หลังจากนั้นค่อยพิจารณาให้ PE ที่เหมาะสมเพื่อประเมินมูลค่ากิจการตามคุณภาพของบริษัทอีกทีครับ
แต่ถ้าพูดเรื่องหนี้สินอย่างเดียว อย่างอื่นเราไม่พูดถึง ผมคงจะคิดแบบง่ายๆเอาว่า
หากหุ้นตัวนั้นผมให้ PE ก่อนดูเรื่องหนี้สินไว้ที่ 14-15 เท่า
หากบริษัทที่ว่ามีหนี้เยอะผมก็ค่อยมาลด PE ที่เหมาะสมลงอีกซัก1-2เท่าเอาครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 5
สมมุติได้เองหมดเลยครับ เพราะเปรียบเทียบ ในบริษัทเดียวกันdome@perth เขียน:ดูว่า
1.หนี้เยอะ หรือ มากน้อยแค่ไหน
2 Growth 30 %. ปีเดียว
3 กำไรโตไปตาม growth ไหม
4.เทรนด์อุตสาหกรรม ขาขึ้นไหม
5. อื่นๆ
ผมเรื่องมากหน่อยครับเฮีย เวลาจะซื้ออะครับ
ต่างกันแค่ มีหนี้ กับไม่มีหนี้ ที่เหลือจะสมมุติอะไร ก็สมมุติกันไป
แค่อยากรู้ว่า มีหนี้กับไม่มีหนี้ เราจะตีราคาหุ้น ต่างกันอย่างไร
มีแนวคิดแบบไหนบ้างครับผม
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1496
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 6
ถ้าประเมินแบบ DCF จากสูตร
Expected Cash Flow next year / (discount rate - expected growth rate)
ถ้าบริษัททุกอย่างเหมือนกันหมด ต่างกันที่หนี้ ตัวแปร 3 ตัวเป็นดังนี้
Expected Cash flow จะต่างกัน บริษัทที่มีหนี้ cash flow น้อยกว่า บริษัทที่ไม่มี
Discount rate จะต่างกัน บริษัทที่มีหนี้ ต้นทุนเงินทุนน่าจะน้อยกว่า บริษัทที่ไม่มีหนี้
expected growth rate เท่ากัน
ดังนั้น บริษัทที่มีหนี้ จะทำให้ cash flow ลดลง แต่ discount rate ก็ลดลง ก็แล้วแต่ว่า อันไหนมีผลมากกว่ากันครับ
ถ้า cash flow ลดลงมีผลมากกว่า ต้นทุนเงินทุน ที่ลดลง valuation ออกมาก็จะได้น้อยกว่าบริษัทที่ไม่มีหนี้
แต่ถ้า cash flow ลดลงมีผลนอ้ยกว่า ต้นทุนเงินทุน ที่ลดลง valuation ออกมาจะได้ค่ามากกว่าบริษัทที่ไม่มีหนี้
Expected Cash Flow next year / (discount rate - expected growth rate)
ถ้าบริษัททุกอย่างเหมือนกันหมด ต่างกันที่หนี้ ตัวแปร 3 ตัวเป็นดังนี้
Expected Cash flow จะต่างกัน บริษัทที่มีหนี้ cash flow น้อยกว่า บริษัทที่ไม่มี
Discount rate จะต่างกัน บริษัทที่มีหนี้ ต้นทุนเงินทุนน่าจะน้อยกว่า บริษัทที่ไม่มีหนี้
expected growth rate เท่ากัน
ดังนั้น บริษัทที่มีหนี้ จะทำให้ cash flow ลดลง แต่ discount rate ก็ลดลง ก็แล้วแต่ว่า อันไหนมีผลมากกว่ากันครับ
ถ้า cash flow ลดลงมีผลมากกว่า ต้นทุนเงินทุน ที่ลดลง valuation ออกมาก็จะได้น้อยกว่าบริษัทที่ไม่มีหนี้
แต่ถ้า cash flow ลดลงมีผลนอ้ยกว่า ต้นทุนเงินทุน ที่ลดลง valuation ออกมาจะได้ค่ามากกว่าบริษัทที่ไม่มีหนี้
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 7
ถ้ากำไรแค่ 100 ล้าน ถ้าตลาดไม่เล็ก ก็แสดงว่า บริษัทเล็ก หรือไม่ก็เป็นบริษัทใหญ่ในตลาด Niche ผมว่าถ้าเราซื้อทั้งบริษัทที่ราคาประมาณ 1000 - 1500 ร้อยล้านนะครับ คิดหยาบๆ ถ้าบริษัทดูแล้วมีศักยภาพเหนือกว่าคู่แข่ง ก็คงให้ราคาสูงหน่อย ถ้าดูแล้ว ดาดๆ ทั่วไป ประมาณ 1000 ล้านบาทก็คงพอได้ อย่างน้อยก็ซักประมาณ 7-8 ปีคืนทุน แล้ว ได้ผลตอบแทนปีละ 10% ดีกว่าพันธบัตรแต่ก็เสี่ยงกว่า หากทำกำไรต่อเนื่องไม่ได้Jeng เขียน:บริษัท A กำไร 100 ล้านต่อปีในปีที่แล้ว และมีแนวโน้มกำไรโต 30 % ในปีนี้
ถ้า บริษัท A ไม่มีหนี้เลย ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลย แต่หนี้การค้าก็มีไปตามเรื่องนะครับ
ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร
ผมว่า ถ้าไม่มีหนี้เลย ผมจะจ่ายประมาณ 1000-1500 ล้าน แต่นี้ ดันมีหนี้สินติดตัวมาอีก 1000 ล้านบาท ดูแล้วไม่อยากซื้อเลยครับ แค่ดอกเบี้ย ปีนึงก็เสียไปปีละ 60-70 ล้านบาทแล้ว ถ้าอีกหน่อยดอกเบี้ยแพงกว่านี้ คงปวดหัวน่าดู ยกเว้นต้องเป็น Business model ที่สามารถ สร้าง Cash Flow in ได้มากกว่า กำไรสุทธิมากๆ เช่น ได้ Cash in from operating acitivites มากกว่า ปีละ 200-300 ล้านบาท และยิ่งขยาย ยิ่งรวยเงินสด ก็น่าสน แต่ว่า หาก Cash flow in ปีละพอๆ กับกำไรสุทธิ หรือน้อยกว่ามากๆ เพราะต้องเอาไปปล่อยหนี้ ให้ลูกค้าหรือ เอาไว้ตุนสต๊อก ผมว่าเราเก็บเงินไว้ลงทุน บริษัทอื่นๆ จะดีกว่าครับJeng เขียน: และถ้าบริษัท A มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ 1000 ล้านบาท
ราคาทั้งบริษัทของบริษัท A ควรจะมีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไร
สมมุติให้เป็นบริษัทเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด
ยกเว้น มีหนี้ กับไม่มีหนี้ครับ
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
-
- Verified User
- โพสต์: 239
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 8
บริษัทแรกผมเห็นด้วยกับพี่เขียวครับแต่ของผมให้ราคาดีกว่าพี่เขียวครับคือ1300-1500จะแคบลงหน่อยนะครับ แต่บริษัทที่มีหนี้ต้องจ่ายดอกปีละ1000ล้านบาทนี่ซิน่าสนใจน่าจะต้องเป็นบริษัทที่ใหญ่และน่าจะทํากําไรได้กว่า10000ล้านในแต่ละปีหักต้นทุนแล้วนะครับ ผมให้300000-350000ล้านบาทครับอาจารย์
ราชาแห่งWALL STREET นั้นไม่ใส่เสื้อผ้า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 9
เออ สงสัยเขียนกำกวมjmb2511 เขียน:บริษัทแรกผมเห็นด้วยกับพี่เขียวครับแต่ของผมให้ราคาดีกว่าพี่เขียวครับคือ1300-1500จะแคบลงหน่อยนะครับ แต่บริษัทที่มีหนี้ต้องจ่ายดอกปีละ1000ล้านบาทนี่ซิน่าสนใจน่าจะต้องเป็นบริษัทที่ใหญ่และน่าจะทํากําไรได้กว่า10000ล้านในแต่ละปีหักต้นทุนแล้วนะครับ ผมให้300000-350000ล้านบาทครับอาจารย์
เอางี้ครับ บริษัทที่มีหนี้ คือมีหนี้ 1000 ล้านบาทครับ
และเป็นหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย หักดอกเบี้ยแล้วก็ยังกำไร 100 ล้านครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 11
ต่างกันขนาดนั้นเชียวหรือjmb2511 เขียน:ผมก็งงเข้าใจละแหมแต่ปวดหัวมากงงหนักเข้าไปอีกกําไร100ล้านบาทก็ควรจะมีEBITDAอยู่ที่2000-25000ผมให้ 15000-25000ครับ
ทั้งสองบริษัทกำไรเท่ากันนะ คือ 100 ล้าน
ต่างกันตรงที่ ไม่มีหนี้ ทั้งบริษัทราคาเท่าไร ??
และมีหนี้ เช่นกู้อยู่ 1000 ล้านบาท หักแล้วยังกำไร 100 ล้าน เท่ากัน ทั้งบริษัทราคาเท่าไร ??
อยากรู้จริงๆ ไม่ได้ทดสอบภูมิปัญญาใคร
- ^^
- Verified User
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 12
ชอบความเห็นคุณGreen
ชอบบริษัทเลือกหนทางเองได้ ครั้งนี้จะขยาย ครั้งนี้จะลดการผลิต ซึ่งหมายถึงต้องมีเงินตัวเอง ขอเลือกแบบไม่มีหนี้เลยดีกว่าครับ
เพราะมันมีFixทุกปีที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย หากพลาดเป้ายังไงก็ต้องจ่าย
และการเปลี่ยนนโยบายทำได้ยากเพราะถ้าไปทำวิธีใหม่ อาจแป๊กก็ได้
นอกเสียจากกู้แล้ว ได้กำไรมากกว่าจ่ายดอกเบี้ยสัก2-3เท่า
ทำให้เงินสดเข้าเราบ้าง ทำให้ช่วงเวลาที่แย่ ก็เอาเงินสดตรงนี้ไปช่วยจ่ายดอกเบี้ย
หรือจะใช้โปรโมชั่น ลูกหนี้การค้าก็ยังได้ เพราะมีเงินสดไว้ทำกลยุทธ
ชอบบริษัทเลือกหนทางเองได้ ครั้งนี้จะขยาย ครั้งนี้จะลดการผลิต ซึ่งหมายถึงต้องมีเงินตัวเอง ขอเลือกแบบไม่มีหนี้เลยดีกว่าครับ
เพราะมันมีFixทุกปีที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย หากพลาดเป้ายังไงก็ต้องจ่าย
และการเปลี่ยนนโยบายทำได้ยากเพราะถ้าไปทำวิธีใหม่ อาจแป๊กก็ได้
นอกเสียจากกู้แล้ว ได้กำไรมากกว่าจ่ายดอกเบี้ยสัก2-3เท่า
ทำให้เงินสดเข้าเราบ้าง ทำให้ช่วงเวลาที่แย่ ก็เอาเงินสดตรงนี้ไปช่วยจ่ายดอกเบี้ย
หรือจะใช้โปรโมชั่น ลูกหนี้การค้าก็ยังได้ เพราะมีเงินสดไว้ทำกลยุทธ
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
-
- Verified User
- โพสต์: 239
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 13
ผมเขียนผิดครับEBITDA1500-2000ครับผมไม่ต้องเดาเลยคําตอบคงไม่ถูกใจพี่เจ๋งแน่ๆงั้นผมขอให้บริษ้ทที่มีหนี้นี้ที่2000-2500ครับเดามั่วๆเอานะครับคือให้ใหม่เลยนะครับEBITDAที่400-500ครับJeng เขียน:ต่างกันขนาดนั้นเชียวหรือjmb2511 เขียน:ผมก็งงเข้าใจละแหมแต่ปวดหัวมากงงหนักเข้าไปอีกกําไร100ล้านบาทก็ควรจะมีEBITDAอยู่ที่2000-25000ผมให้ 15000-25000ครับ
ทั้งสองบริษัทกำไรเท่ากันนะ คือ 100 ล้าน
ต่างกันตรงที่ ไม่มีหนี้ ทั้งบริษัทราคาเท่าไร ??
และมีหนี้ เช่นกู้อยู่ 1000 ล้านบาท หักแล้วยังกำไร 100 ล้าน เท่ากัน ทั้งบริษัทราคาเท่าไร ??
อยากรู้จริงๆ ไม่ได้ทดสอบภูมิปัญญาใคร
ราชาแห่งWALL STREET นั้นไม่ใส่เสื้อผ้า
-
- Verified User
- โพสต์: 26
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 14
เป็นคำถามที่น่าสนใจครับ...
จากโจทย์ผมไม่แน่ใจเรื่องการประเมินราคาเท่าไหร่ แต่ถ้าคิดว่าทุกอย่างเหมือนกันแล้วจะต้องเลือกระหว่างการมีหนี้หรือไม่มีหนี้อย่างไหนดีกว่านั้น
ในแง่บริษัทผมคิดว่าขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการกู้หนี้และการประเมิน Opportunity และ Threat ในอนาคต
ส่วนในแง่การลงทุนของเราน่าจะขึ้นอยู่กับว่าตัวเราเองเป็น type ไหน บวกกับการบริหารหน้าตักให้เหมาะสม
ผมลองทำไฟล์ excel ขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบในกรณีต่างๆ ดู ไม่แน่ใจว่าตอบตรงคำถามหรือจะเป็นประโยชน์หรือเปล่า ลองดูรายละเอียดข้างในแล้วอาจลองเปลี่ยนค่าต่างๆ ดูนะครับ
จากโจทย์ผมไม่แน่ใจเรื่องการประเมินราคาเท่าไหร่ แต่ถ้าคิดว่าทุกอย่างเหมือนกันแล้วจะต้องเลือกระหว่างการมีหนี้หรือไม่มีหนี้อย่างไหนดีกว่านั้น
ในแง่บริษัทผมคิดว่าขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการกู้หนี้และการประเมิน Opportunity และ Threat ในอนาคต
ส่วนในแง่การลงทุนของเราน่าจะขึ้นอยู่กับว่าตัวเราเองเป็น type ไหน บวกกับการบริหารหน้าตักให้เหมาะสม
ผมลองทำไฟล์ excel ขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบในกรณีต่างๆ ดู ไม่แน่ใจว่าตอบตรงคำถามหรือจะเป็นประโยชน์หรือเปล่า ลองดูรายละเอียดข้างในแล้วอาจลองเปลี่ยนค่าต่างๆ ดูนะครับ
แนบไฟล์
- cupcake model.zip
- (7.73 KiB) ดาวน์โหลด 95 ครั้ง
You are never better than anyone. The only one you must compare yourself with is You.
http://achikochi1234.blogspot.com/
http://achikochi1234.blogspot.com/
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 15
ไม่มีหนี้ซื้อได้ที่ 2,100 ลบ ครับ
มีหนี้ซื้อได้ที่ 900 ลบ ครับ
มีหนี้ซื้อได้ที่ 900 ลบ ครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 16
หมายถึง มีหนี้แล้วกำไรที่ 100 ลบ ยังไม่ได้จ่าย ดบ นะครับjo7393 เขียน:ไม่มีหนี้ซื้อได้ที่ 2,100 ลบ ครับ
มีหนี้ซื้อได้ที่ 900 ลบ ครับ
เพราะหากจ่าย ดบ แล้ว แสดงว่า กำไรก่อนจ่าย ดบ ต้องไม่ต้องกว่า 160 ลบ .ใช่ไหมครับ
กรณีที่คิด ดบ จ่ายที่ 6% และ ดบ จ่ายไม่มีผลต่อภาษี(คือไม่คิดว่า ดบ นำไปเป็น คชจ ลดภาษีนะครับ)
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 17
ขอบคุณครับ แสดงว่า การ value บริษัทที่มีกำไร เท่ากัน โตเท่ากันjo7393 เขียน:หมายถึง มีหนี้แล้วกำไรที่ 100 ลบ ยังไม่ได้จ่าย ดบ นะครับjo7393 เขียน:ไม่มีหนี้ซื้อได้ที่ 2,100 ลบ ครับ
มีหนี้ซื้อได้ที่ 900 ลบ ครับ
เพราะหากจ่าย ดบ แล้ว แสดงว่า กำไรก่อนจ่าย ดบ ต้องไม่ต้องกว่า 160 ลบ .ใช่ไหมครับ
กรณีที่คิด ดบ จ่ายที่ 6% และ ดบ จ่ายไม่มีผลต่อภาษี(คือไม่คิดว่า ดบ นำไปเป็น คชจ ลดภาษีนะครับ)
แต่มีหนี้กับไม่มีหนี้ ต้องตีราคาต่างกัน
พอจะบอกได้หรือไม่ครับ ว่า ทำไมตีราคาต่างกัน 1200 ล้านบาทครับ
อยากทราบหลักในการคิด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 18
พี่ตั้โจทย์ โกรท 30% ผมให้ PEG ในการซื้อที่ 0.7 ครับ จะได้ 30 *0.7= 21Jeng เขียน:ขอบคุณครับ แสดงว่า การ value บริษัทที่มีกำไร เท่ากัน โตเท่ากันjo7393 เขียน:หมายถึง มีหนี้แล้วกำไรที่ 100 ลบ ยังไม่ได้จ่าย ดบ นะครับjo7393 เขียน:ไม่มีหนี้ซื้อได้ที่ 2,100 ลบ ครับ
มีหนี้ซื้อได้ที่ 900 ลบ ครับ
เพราะหากจ่าย ดบ แล้ว แสดงว่า กำไรก่อนจ่าย ดบ ต้องไม่ต้องกว่า 160 ลบ .ใช่ไหมครับ
กรณีที่คิด ดบ จ่ายที่ 6% และ ดบ จ่ายไม่มีผลต่อภาษี(คือไม่คิดว่า ดบ นำไปเป็น คชจ ลดภาษีนะครับ)
แต่มีหนี้กับไม่มีหนี้ ต้องตีราคาต่างกัน
พอจะบอกได้หรือไม่ครับ ว่า ทำไมตีราคาต่างกัน 1200 ล้านบาทครับ
อยากทราบหลักในการคิด
คือพีอีที่ผมจะซื้อไม่เกิน 21 ครับ คูณด้วย Earning 100ลบ ครับ จะได้ 2,100 ลบ ครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 19
ส่วนกรณีมีหนี้ ผมคิดที่ ดบ เงินกู้ 6% ครับ หนี้ 1000ลบ ดบ ปีละ 60ลบ
กำไร 100ลบ หัก ดบ 60 ลบ เหลือ Earning 40 ลบ คูณ pe 21 เท่าเดิม ครับ = 840 ลบ ปัดให้ตัวเลขกลมๆ ให้ 900ลบ ครับ
กำไร 100ลบ หัก ดบ 60 ลบ เหลือ Earning 40 ลบ คูณ pe 21 เท่าเดิม ครับ = 840 ลบ ปัดให้ตัวเลขกลมๆ ให้ 900ลบ ครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 20
แต่ความเป็นจริงแล้ว ดบ จ่าย สามารถนำมาหักเป็น คชจ ได้ทำให้ได้ Earning มากขึ้น ผมจึงใช้วิธีหยาบๆ ปัดขึ้นจาก 840 เป็น 900 ลบ ครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- sathaporne
- Verified User
- โพสต์: 1661
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 21
ผมแปลกใจว่าทำไมถึงไม่ให้กำไร100ล้านเป็นกำไรหลังจากหักดอกเบี้ยแล้วล่ะครับjo7393 เขียน:ส่วนกรณีมีหนี้ ผมคิดที่ ดบ เงินกู้ 6% ครับ หนี้ 1000ลบ ดบ ปีละ 60ลบ
กำไร 100ลบ หัก ดบ 60 ลบ เหลือ Earning 40 ลบ คูณ pe 21 เท่าเดิม ครับ = 840 ลบ ปัดให้ตัวเลขกลมๆ ให้ 900ลบ ครับ
ผมหมายถึงว่าทั้งสองบริษัทควรจะมีกำไรสุทธิ 100ล้านเท่ากัน
มันจะได้เป็นการเปรียบเทียบทั้งสองกรณีในเงื่อนไขที่ใกล้กันที่สุด โดยต่างกันแค่มีหนี้กับไม่มีหนี้
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 22
มันคิดได้นะครับ ถ้าคิดที่กำไรสุทธิ 100 ลบ
ผมก็ยังว่าเทียบได้ไม่ดีเท่ากับ เทียบที่ EBIT ไปเลยดีกว่าไหมครับ
หากกำไร สุทธิ 100 ลบ บ.ไม่มีหนี้ EBIT ก็น่าจะที่ 100 (โดยการสมมติตัวแปรอื่น TAX = 0% ทั้ง2กรณี) ดังนั้น บ.ที่มีหนี้ EBIT ก็จะได้ 160 ลบ ใช่ไหมครับ มันก็จะกลายเป็นว่า บ.มีความสามารถใรการทำกำไรต่างกันอีกอ่ะครับ
ผมก็ยังว่าเทียบได้ไม่ดีเท่ากับ เทียบที่ EBIT ไปเลยดีกว่าไหมครับ
หากกำไร สุทธิ 100 ลบ บ.ไม่มีหนี้ EBIT ก็น่าจะที่ 100 (โดยการสมมติตัวแปรอื่น TAX = 0% ทั้ง2กรณี) ดังนั้น บ.ที่มีหนี้ EBIT ก็จะได้ 160 ลบ ใช่ไหมครับ มันก็จะกลายเป็นว่า บ.มีความสามารถใรการทำกำไรต่างกันอีกอ่ะครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 23
ผมเห็นว่าโจทย์ที่พี่เขาตั้งไว้ น่าจะคิดว่า บ.มีความสามารถในการทำกำไรเท่ากันอ่ะครับ เพราะ หาก ความสามารถในการทำกำไรต่างกันก็เทียบกันไม่ได้อีกอ่ะครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 24
ผมเลยมานั่งคิดต่อ หาก บ.ที่มีหนี้แล้วสามารถทำ EBIT ได้มากกว่า บ.ที่ไม่มีหนี้เพียงแค่พอจ่าย ดบ แสดงว่า บ.ที่มีหนี้ ROA ต่ำกว่า บ.ที่ไม่มีหนี้ด้วยนะครับ และ บ.ที่มี ROA ต่ำกว่า บนธุรกิจเดียวกัน (เพราะโจทย์ตั้งมาว่า บ.เหมือนกัน) แสดงว่า บ.ที่มีหนี้มี DCA ต่ำกว่าด้วยนะครับ
หากผิิดช่วยแย้งด้วยนะครับ แชร์มุมมองกันครับ
หากผิิดช่วยแย้งด้วยนะครับ แชร์มุมมองกันครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 25
อืมคิดได้ลึกดี
อิอิ แสดงว่า ตั้งโจทย์กำกวม
อย่างไรก็ตาม ขออนุญาติ ยืนยันว่า
บริษัทเดียวกัน ถ้าทำกำไรได้ 100 ล้านบาท หมายถึงกำไรสุทธิ และกำไรโต 30 % เราจะซื้อบริษัทนี้ที่เท่าไร
คำตอบที่บอกคือ pe 21 ซื้อ 2100 ล้านบาท
ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันนี่แหละ
แต่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และเมื่อหักดอกเบี้ยไปแล้ว หักภาษีไปแล้ว
ก็ยังกำไร 100 ล้านบาท แต่มีหนี้ 1000 ล้านบาท
บริษัทนี้ ในสภาพแวดล้อม ที่คุณ jo7393 บอกว่า แสดงว่ากำไรได้มากกว่า 100 ล้าน
เพราะหักดอกเบี้ยแล้วยังเหลือ 100 ล้านนั้น
ควรจะตีราคาที่เท่าไรครับ
อิอิ แสดงว่า ตั้งโจทย์กำกวม
อย่างไรก็ตาม ขออนุญาติ ยืนยันว่า
บริษัทเดียวกัน ถ้าทำกำไรได้ 100 ล้านบาท หมายถึงกำไรสุทธิ และกำไรโต 30 % เราจะซื้อบริษัทนี้ที่เท่าไร
คำตอบที่บอกคือ pe 21 ซื้อ 2100 ล้านบาท
ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันนี่แหละ
แต่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และเมื่อหักดอกเบี้ยไปแล้ว หักภาษีไปแล้ว
ก็ยังกำไร 100 ล้านบาท แต่มีหนี้ 1000 ล้านบาท
บริษัทนี้ ในสภาพแวดล้อม ที่คุณ jo7393 บอกว่า แสดงว่ากำไรได้มากกว่า 100 ล้าน
เพราะหักดอกเบี้ยแล้วยังเหลือ 100 ล้านนั้น
ควรจะตีราคาที่เท่าไรครับ
- << New >>
- Verified User
- โพสต์: 1147
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 26
บริษัทที่ไม่มีหนี้เลยถ้าเวลาต้องการจะขยายกิจการอาจจะสามารถกู้หนี้มาเพิ่มได้
บริษัทที่มีหนี้เต็มเพดาน D/E เกิน Bankให้กู้ บางทีเวลาจะขยายกิจการก็ไม่สามารถกู้ได้ อาจจะเพิ่มทุนเอา
บางบริษัทที่มีนิสัยไม่ชอบกู้ (อาจจะเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้) เวลาขาขึ้นมาถึง อาจจะกอบโกยไม่ได้เท่าบริษัทที่มีนิสัยชอบกู้ เพราะจะกู้มาซื้อเครื่องไม้เครื่องมือทำมาหากินได้มากกว่า
บางบริษัทที่มีนิสัยไม่ชอบกู้ (อาจจะเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้) เวลาขาลงมาถึง ก็จะปลอดภัยกว่าบริษัทที่ชอบกู้ เพราะเครื่องมือในการทำเงินจะกลายไปเป็นตัวถ่วง(เลี้ยงพนักงาน+maintennace) และก็ยังจะมีดอกเบี้ยอีก
คือถ้าแน่ใจว่าขาขึ้นมาถึง หุ้นของพวกบ.ที่กู้อาจจะมี performace ที่ดีกว่า
กลับกันถ้าขาลงหุ้นของพวกบ.ไม่กู้น่าจะperforme ดีกว่า
บริษัทที่มีหนี้เต็มเพดาน D/E เกิน Bankให้กู้ บางทีเวลาจะขยายกิจการก็ไม่สามารถกู้ได้ อาจจะเพิ่มทุนเอา
บางบริษัทที่มีนิสัยไม่ชอบกู้ (อาจจะเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้) เวลาขาขึ้นมาถึง อาจจะกอบโกยไม่ได้เท่าบริษัทที่มีนิสัยชอบกู้ เพราะจะกู้มาซื้อเครื่องไม้เครื่องมือทำมาหากินได้มากกว่า
บางบริษัทที่มีนิสัยไม่ชอบกู้ (อาจจะเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้) เวลาขาลงมาถึง ก็จะปลอดภัยกว่าบริษัทที่ชอบกู้ เพราะเครื่องมือในการทำเงินจะกลายไปเป็นตัวถ่วง(เลี้ยงพนักงาน+maintennace) และก็ยังจะมีดอกเบี้ยอีก
คือถ้าแน่ใจว่าขาขึ้นมาถึง หุ้นของพวกบ.ที่กู้อาจจะมี performace ที่ดีกว่า
กลับกันถ้าขาลงหุ้นของพวกบ.ไม่กู้น่าจะperforme ดีกว่า
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 27
ถ้าพี่ ยืนยันว่าทุกอย่างเหมือนกันหมด รวมทั้ง DCA ROA คำตอบสำหรับเรื่องนี้ง่ายนิดเดียวครับ บ.ที่ไม่มีหนี้คำนวนได้ที่เท่าไร ก็ซื้อ บ.ที่มีหนี้น้อยกว่าตามจำนวนหนี้เท่านั้นเองครับJeng เขียน:อืมคิดได้ลึกดี
อิอิ แสดงว่า ตั้งโจทย์กำกวม
อย่างไรก็ตาม ขออนุญาติ ยืนยันว่า
บริษัทเดียวกัน ถ้าทำกำไรได้ 100 ล้านบาท หมายถึงกำไรสุทธิ และกำไรโต 30 % เราจะซื้อบริษัทนี้ที่เท่าไร
คำตอบที่บอกคือ pe 21 ซื้อ 2100 ล้านบาท
ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันนี่แหละ
แต่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และเมื่อหักดอกเบี้ยไปแล้ว หักภาษีไปแล้ว
ก็ยังกำไร 100 ล้านบาท แต่มีหนี้ 1000 ล้านบาท
บริษัทนี้ ในสภาพแวดล้อม ที่คุณ jo7393 บอกว่า แสดงว่ากำไรได้มากกว่า 100 ล้าน
เพราะหักดอกเบี้ยแล้วยังเหลือ 100 ล้านนั้น
ควรจะตีราคาที่เท่าไรครับ
เช่น บ.ที่ไม่มีหนี้ ตีมูลค่าที่จะซื้อได้ 2100 ลบ
บ.ที่มีหนี้ก็ซื้อได้ด้วย มูลค่า 2100-1000=1100 ลบ แ้ล้วเอาเงิน ที่ซื้อถูกไป 1000 ลบ ไปจ่ายหนี้ ก็จะได้ บ.ที่มีมูลค่าเท่ากันทุกด้าน ง่ายออกครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 28
ถ้างั้น ลองมาซ้อมมือ ตีราคา bigc ทั้ืงบริษัทดีหรือไม่ครับjo7393 เขียน:ถ้าพี่ ยืนยันว่าทุกอย่างเหมือนกันหมด รวมทั้ง DCA ROA คำตอบสำหรับเรื่องนี้ง่ายนิดเดียวครับ บ.ที่ไม่มีหนี้คำนวนได้ที่เท่าไร ก็ซื้อ บ.ที่มีหนี้น้อยกว่าตามจำนวนหนี้เท่านั้นเองครับJeng เขียน:อืมคิดได้ลึกดี
อิอิ แสดงว่า ตั้งโจทย์กำกวม
อย่างไรก็ตาม ขออนุญาติ ยืนยันว่า
บริษัทเดียวกัน ถ้าทำกำไรได้ 100 ล้านบาท หมายถึงกำไรสุทธิ และกำไรโต 30 % เราจะซื้อบริษัทนี้ที่เท่าไร
คำตอบที่บอกคือ pe 21 ซื้อ 2100 ล้านบาท
ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันนี่แหละ
แต่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และเมื่อหักดอกเบี้ยไปแล้ว หักภาษีไปแล้ว
ก็ยังกำไร 100 ล้านบาท แต่มีหนี้ 1000 ล้านบาท
บริษัทนี้ ในสภาพแวดล้อม ที่คุณ jo7393 บอกว่า แสดงว่ากำไรได้มากกว่า 100 ล้าน
เพราะหักดอกเบี้ยแล้วยังเหลือ 100 ล้านนั้น
ควรจะตีราคาที่เท่าไรครับ
เช่น บ.ที่ไม่มีหนี้ ตีมูลค่าที่จะซื้อได้ 2100 ลบ
บ.ที่มีหนี้ก็ซื้อได้ด้วย มูลค่า 2100-1000=1100 ลบ แ้ล้วเอาเงิน ที่ซื้อถูกไป 1000 ลบ ไปจ่ายหนี้ ก็จะได้ บ.ที่มีมูลค่าเท่ากันทุกด้าน ง่ายออกครับ
เพราะก่อนหน้าจะเทกคาร์ฟู ไม่มีหนี้เลย
แต่ปัจจุบัน มีหนี้ 35000 ล้านบาท
แบบนี้ bigc ควรมีราคาทั้งบริษัทเท่าไร
คงไม่ได้เป็นการชี้นำราคา แค่ฝึกซ้อมตีราคา เปิดแนวคิดว่า มีหนี้ กับไม่มีหนี้เลย นี่ ตีราคาอย่างไร
- ^^
- Verified User
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำถาม การตีราคาบริษัทที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้
โพสต์ที่ 29
อยากทราบเหมือนกันว่าควรตีราคาแบบ
ให้คิดแบบเมื่อเลิกกิจการแล้ว ประกอบด้วยไหม ถ้าเจอหุ้นแบบนี้
แล้วถ้าคิดแบบเลิกกิจการ
มูลค่าบริษัทจะต่างไปไหมครับ
หรือคิดแบบเดิม ดูกระแสเงินสดที่สร้างได้อย่างเดียว
ผมรอเฉลยครับ คิดไม่ตรงกับชาวบ้าน ขอแอบโง่
ให้คิดแบบเมื่อเลิกกิจการแล้ว ประกอบด้วยไหม ถ้าเจอหุ้นแบบนี้
แล้วถ้าคิดแบบเลิกกิจการ
มูลค่าบริษัทจะต่างไปไหมครับ
หรือคิดแบบเดิม ดูกระแสเงินสดที่สร้างได้อย่างเดียว
ผมรอเฉลยครับ คิดไม่ตรงกับชาวบ้าน ขอแอบโง่
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ