ลดเครดิต
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
ลดเครดิต
โพสต์ที่ 1
ช่วงนี้จะได้ยินคำว่า การปรับลดเครดิต ที่นักวิเคราะห์หุ้นสนับสนุนการเก็งกำไร หนังสือพิมพ์ว่ากันถี่ยิบเชียว
ว่าควรปรับพอท์ต(พูดให้มันสวยอย่างนั้นล่ะน้า พูดภาษาชาวบ้าน คำว่าปรับพอท์ตก็คือบอกว่าขายหุ้นได้แล้ว เชียร์ขายว่างั้นเถอะ)
คำว่าลดเครดิต มันเกี่ยวอะไรกับหุ้นที่เราถือที่ไหนกัน
มันปรับลดเครดิตโดยบริษัทชื่อเหมือนขนม เอสแอนด์พี
ลดประเทศนั้น ลดประเทศนี้ (มันเข้าไปมั่วจัดให้ทั่วโลก โดยไม่ได้รับเชิญหรือเปล่า)
จิตวิทยามวลชน พอประกาศปรับลดเครดิตปุ๊บ ก็เหมือนกับส่งสัญญานบอกว่าความน่าเชื่อถือหายไปเยอะแยะ
เราน่าจะหยุดตั้งสติ คิดดูสักหน่อย
ว่าหุ้นที่เราถืออยู่ มีฝาหรั่งต่างชาติ กองทุน สถาบันร่วมกันถือเยอะมั๊ย
หุ้นที่เราถืออยู่ จะได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากการปรับลดเครดิตในครั้งนี้
หุ้นที่เราถืออยู่ ยังมีการเติบโต มีผลประกอบการดีกว่าที่ผ่านมาเปล่า ฯลฯ
หุ้นที่เราถืออยู่ สมควรจะขายตามอารมณ์ตลาดหรือ
ยากจะ เข้าใจ...
(ช่วยอธิบายกันหน่อยว่า หุ้นตัวที่เราถือจะได้รับผลกระทบอย่างไรถ้าไม่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้นๆ)
ว่าควรปรับพอท์ต(พูดให้มันสวยอย่างนั้นล่ะน้า พูดภาษาชาวบ้าน คำว่าปรับพอท์ตก็คือบอกว่าขายหุ้นได้แล้ว เชียร์ขายว่างั้นเถอะ)
คำว่าลดเครดิต มันเกี่ยวอะไรกับหุ้นที่เราถือที่ไหนกัน
มันปรับลดเครดิตโดยบริษัทชื่อเหมือนขนม เอสแอนด์พี
ลดประเทศนั้น ลดประเทศนี้ (มันเข้าไปมั่วจัดให้ทั่วโลก โดยไม่ได้รับเชิญหรือเปล่า)
จิตวิทยามวลชน พอประกาศปรับลดเครดิตปุ๊บ ก็เหมือนกับส่งสัญญานบอกว่าความน่าเชื่อถือหายไปเยอะแยะ
เราน่าจะหยุดตั้งสติ คิดดูสักหน่อย
ว่าหุ้นที่เราถืออยู่ มีฝาหรั่งต่างชาติ กองทุน สถาบันร่วมกันถือเยอะมั๊ย
หุ้นที่เราถืออยู่ จะได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากการปรับลดเครดิตในครั้งนี้
หุ้นที่เราถืออยู่ ยังมีการเติบโต มีผลประกอบการดีกว่าที่ผ่านมาเปล่า ฯลฯ
หุ้นที่เราถืออยู่ สมควรจะขายตามอารมณ์ตลาดหรือ
ยากจะ เข้าใจ...
(ช่วยอธิบายกันหน่อยว่า หุ้นตัวที่เราถือจะได้รับผลกระทบอย่างไรถ้าไม่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้นๆ)
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลดเครดิต
โพสต์ที่ 2
เครดิตเรทติ้งแบบ S&P หรือ Moody's มันต่างอะไรกับ SAA Consensus ของหุ้น ? เขาเอาข้อมูลที่ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว แล้วมาบอกแนวโน้ม ว่าโอกาศ default สูงแค่ไหน เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอครับ
ใครจะว่ายังไงก็ช่าง เรื่อง Italy ผมก็ว่ามันน่ากังวลมานานแล้ว ตั้งแต่หลายปีก่อน แค่เครดิตเรทติ้งมันลด ไม่ได้ทำให้ fact มันเปลี่ยนไปเลยว่า public debt มีเท่าไร public budget deficit มีทิศทางยังไง หรือแม้แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะมากหรือน้อยเท่าไร
ใครจะว่ายังไงก็ช่าง เรื่อง Italy ผมก็ว่ามันน่ากังวลมานานแล้ว ตั้งแต่หลายปีก่อน แค่เครดิตเรทติ้งมันลด ไม่ได้ทำให้ fact มันเปลี่ยนไปเลยว่า public debt มีเท่าไร public budget deficit มีทิศทางยังไง หรือแม้แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะมากหรือน้อยเท่าไร
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 220
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลดเครดิต
โพสต์ที่ 3
การที่พวกนี้มาวิเคราะห์อย่างโน้นอย่างนี้แล้วราคามันก็ขึ้นๆลงๆเวอร์ก็เป็นเรื่องดีนิครับ เพราะถ้าไม่มีพวกคนเหล่านี้เราก็อดที่จะสามารถซื้อหรือขายหุ้นในราคาที่ไร้เหตุผล หรือแปลว่าเราหมดสิทธ์กำไรเยอะๆนั้นเอง
ถ้าตลาดหุ้นเกิดมีประสิทธิภาพขึ้นมา(efficient market)พวกเราก็คงจบกัน
ถ้าตลาดหุ้นเกิดมีประสิทธิภาพขึ้นมา(efficient market)พวกเราก็คงจบกัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 16
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลดเครดิต
โพสต์ที่ 4
เครดิตเรตติ้งมีข้อแตกต่างจาก ssa consensus ตรงที่ว่าเมื่อเครดิตเรตติ้งถูกปรับลดลงจะทำให้ ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศหรือบริษัทนั้นๆสูงขึ้นนะครับ สมมุติ ประเทศ A+ ออก bond จ่ายดอกเบี้ย 5% ประเทศ A อาจต้องจ่ายดอกเบี้ย 5.5% ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมภาระหนี้ที่มีอยู่แล้วครับเครดิตเรทติ้งแบบ S&P หรือ Moody's มันต่างอะไรกับ SAA Consensus ของหุ้น ? เขาเอาข้อมูลที่ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว แล้วมาบอกแนวโน้ม ว่าโอกาศ default สูงแค่ไหน เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอครับ
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลดเครดิต
โพสต์ที่ 5
หลายสัปดาห์ก่อน ที่ s&p ปรับลดเครดิต US ราคาพันธบัตรสูงขึ้น ดอกเบี้ยลดลงด้วยซ้ำไปครับmadseason เขียน:เครดิตเรตติ้งมีข้อแตกต่างจาก ssa consensus ตรงที่ว่าเมื่อเครดิตเรตติ้งถูกปรับลดลงจะทำให้ ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศหรือบริษัทนั้นๆสูงขึ้นนะครับ สมมุติ ประเทศ A+ ออก bond จ่ายดอกเบี้ย 5% ประเทศ A อาจต้องจ่ายดอกเบี้ย 5.5% ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมภาระหนี้ที่มีอยู่แล้วครับเครดิตเรทติ้งแบบ S&P หรือ Moody's มันต่างอะไรกับ SAA Consensus ของหุ้น ? เขาเอาข้อมูลที่ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว แล้วมาบอกแนวโน้ม ว่าโอกาศ default สูงแค่ไหน เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอครับ
อย่าไปคิดว่าตลาดหรือคนในตลาดไม่มีความรู้ ขนาดต้องรอให้ credit rating agency เป็นคนบอกว่าอะไรเสี่ยง อะไรไม่เสี่ยงเลยครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลดเครดิต
โพสต์ที่ 6
ท้ายสุดก็โลภและกลัวครับ
ในอารมณ์ไม่มีเหตุผล
คิดไปปวดหัวป่าวๆ ณ เวลานี้มีแต่อารมณ์
ในอารมณ์ไม่มีเหตุผล
คิดไปปวดหัวป่าวๆ ณ เวลานี้มีแต่อารมณ์
value trap
- Golden Stock
- Verified User
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลดเครดิต
โพสต์ที่ 7
ผมว่าอย่าไปต่อว่ากันเลย มันคนละหน้าที่กัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนไปดีกว่าครับ
บริษัทเครดิตเรทติ้ง เขาก็มีหน้าที่ในการจัดอันดับเครดิต นั่นก็ทำไป ถ้าไม่มีใครมาวิเคราะห์คุณภาพ และความเสี่ยงของตราสารหนี้ต่างๆ คนที่จะมาซื้อตราสารหนี้ จะทราบได้อย่างไรว่าเงินเขาจะปลอดภัยแค่ไหน ? เมื่อครบกำหนดมีโอกาสจะได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยหรือไม่ ? และควรได้รับผลตอบแทนเท่าไหรจึงจะเหมาะสมกับความเสี่ยง ?
เช่น PTT ออกหุ้นกู้ อย่างนี้คนส่วนใหญ่รู้จัก มีรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ และแทบจะผูกขาดธุรกิจพลังงานในประเทศไทย
แล้วถ้า BLISS ออกหุ้นกู้ในระยะเวลาเท่ากับ PTT และให้ผลตอบแทนที่เท่ากันล่ะ และถ้าเผอิญไปเจอคนขายที่อยากขาย อาจจะบิดเบือนข้อมูล ว่าบริษัทนี้ดีอย่างนี้ ดีอย่างโน้น ลงทุนซื้อได้ไม่มีปัญหา แล้วถ้าคนซื้อเชื่อจะเป็นอย่างไร ? คนที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น อาจจะไม่รู้สถานะบริษัทนี้เป็นอย่างไร เพียงแต่ทราบว่าบริษัทนี้ขายโทรศัพท์มือถือ มีสาขาเยอะแยะ หากเขาลงทุนไปโดยไม่ทราบถึงคุณภาพ และความเสี่ยงของหุ้นกู้ของ BLISS แล้วเงินที่เขาจะลงทุนไปมีความเสี่ยงแค่ไหน ?
ถ้าบริษัทจัดอันดับเครดิตไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย ป่านนี้คงเลิกกิจการไปนานแล้ว ไม่ใช่มีความสำคัญ และได้รับความเชื่อถือแบบในปัจจุบันนี้
ส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้น มีหน้าที่วิเคราะห์ว่าบริษัทจัดอันดับเครดิตไปเพิ่ม หรือไปลดอันดับเครดิตของประเทศ หรือของบริษัทใด นั้นมีผลกระทบต่อหุ้นที่ตัวเองถืออย่างไรบ้าง ?
กรณีไม่กระทบต่อผลปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แล้วเราจะไปเดือดร้อนอะไร ? อาจจะหงุดหงิดเพราะราคาหุ้นที่เราถือพลอยลงไปด้วยอย่างนั้นหรือ ?
กรณีกระทบต่อหุ้นที่เราถือ เราก็ควรประเมินต่อไปว่ากระทบทางตรง หรือทางอ้อม ? ขนาดของผลกระทบ ? แล้วเราจะตัดสินใจอย่างไร ?
บริษัทเครดิตเรทติ้ง เขาก็มีหน้าที่ในการจัดอันดับเครดิต นั่นก็ทำไป ถ้าไม่มีใครมาวิเคราะห์คุณภาพ และความเสี่ยงของตราสารหนี้ต่างๆ คนที่จะมาซื้อตราสารหนี้ จะทราบได้อย่างไรว่าเงินเขาจะปลอดภัยแค่ไหน ? เมื่อครบกำหนดมีโอกาสจะได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยหรือไม่ ? และควรได้รับผลตอบแทนเท่าไหรจึงจะเหมาะสมกับความเสี่ยง ?
เช่น PTT ออกหุ้นกู้ อย่างนี้คนส่วนใหญ่รู้จัก มีรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ และแทบจะผูกขาดธุรกิจพลังงานในประเทศไทย
แล้วถ้า BLISS ออกหุ้นกู้ในระยะเวลาเท่ากับ PTT และให้ผลตอบแทนที่เท่ากันล่ะ และถ้าเผอิญไปเจอคนขายที่อยากขาย อาจจะบิดเบือนข้อมูล ว่าบริษัทนี้ดีอย่างนี้ ดีอย่างโน้น ลงทุนซื้อได้ไม่มีปัญหา แล้วถ้าคนซื้อเชื่อจะเป็นอย่างไร ? คนที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น อาจจะไม่รู้สถานะบริษัทนี้เป็นอย่างไร เพียงแต่ทราบว่าบริษัทนี้ขายโทรศัพท์มือถือ มีสาขาเยอะแยะ หากเขาลงทุนไปโดยไม่ทราบถึงคุณภาพ และความเสี่ยงของหุ้นกู้ของ BLISS แล้วเงินที่เขาจะลงทุนไปมีความเสี่ยงแค่ไหน ?
ถ้าบริษัทจัดอันดับเครดิตไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย ป่านนี้คงเลิกกิจการไปนานแล้ว ไม่ใช่มีความสำคัญ และได้รับความเชื่อถือแบบในปัจจุบันนี้
ส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้น มีหน้าที่วิเคราะห์ว่าบริษัทจัดอันดับเครดิตไปเพิ่ม หรือไปลดอันดับเครดิตของประเทศ หรือของบริษัทใด นั้นมีผลกระทบต่อหุ้นที่ตัวเองถืออย่างไรบ้าง ?
กรณีไม่กระทบต่อผลปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แล้วเราจะไปเดือดร้อนอะไร ? อาจจะหงุดหงิดเพราะราคาหุ้นที่เราถือพลอยลงไปด้วยอย่างนั้นหรือ ?
กรณีกระทบต่อหุ้นที่เราถือ เราก็ควรประเมินต่อไปว่ากระทบทางตรง หรือทางอ้อม ? ขนาดของผลกระทบ ? แล้วเราจะตัดสินใจอย่างไร ?
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลดเครดิต
โพสต์ที่ 8
Golden Stock เขียน:ผมว่าอย่าไปต่อว่ากันเลย มันคนละหน้าที่กัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนไปดีกว่าครับ
บริษัทเครดิตเรทติ้ง เขาก็มีหน้าที่ในการจัดอันดับเครดิต นั่นก็ทำไป ถ้าไม่มีใครมาวิเคราะห์คุณภาพ และความเสี่ยงของตราสารหนี้ต่างๆ คนที่จะมาซื้อตราสารหนี้ จะทราบได้อย่างไรว่าเงินเขาจะปลอดภัยแค่ไหน ? เมื่อครบกำหนดมีโอกาสจะได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยหรือไม่ ? และควรได้รับผลตอบแทนเท่าไหรจึงจะเหมาะสมกับความเสี่ยง ?
เช่น PTT ออกหุ้นกู้ อย่างนี้คนส่วนใหญ่รู้จัก มีรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ และแทบจะผูกขาดธุรกิจพลังงานในประเทศไทย
แล้วถ้า BLISS ออกหุ้นกู้ในระยะเวลาเท่ากับ PTT และให้ผลตอบแทนที่เท่ากันล่ะ และถ้าเผอิญไปเจอคนขายที่อยากขาย อาจจะบิดเบือนข้อมูล ว่าบริษัทนี้ดีอย่างนี้ ดีอย่างโน้น ลงทุนซื้อได้ไม่มีปัญหา แล้วถ้าคนซื้อเชื่อจะเป็นอย่างไร ? คนที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น อาจจะไม่รู้สถานะบริษัทนี้เป็นอย่างไร เพียงแต่ทราบว่าบริษัทนี้ขายโทรศัพท์มือถือ มีสาขาเยอะแยะ หากเขาลงทุนไปโดยไม่ทราบถึงคุณภาพ และความเสี่ยงของหุ้นกู้ของ BLISS แล้วเงินที่เขาจะลงทุนไปมีความเสี่ยงแค่ไหน ?
ถ้าบริษัทจัดอันดับเครดิตไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย ป่านนี้คงเลิกกิจการไปนานแล้ว ไม่ใช่มีความสำคัญ และได้รับความเชื่อถือแบบในปัจจุบันนี้
ส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้น มีหน้าที่วิเคราะห์ว่าบริษัทจัดอันดับเครดิตไปเพิ่ม หรือไปลดอันดับเครดิตของประเทศ หรือของบริษัทใด นั้นมีผลกระทบต่อหุ้นที่ตัวเองถืออย่างไรบ้าง ?
กรณีไม่กระทบต่อผลปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แล้วเราจะไปเดือดร้อนอะไร ? อาจจะหงุดหงิดเพราะราคาหุ้นที่เราถือพลอยลงไปด้วยอย่างนั้นหรือ ?
กรณีกระทบต่อหุ้นที่เราถือ เราก็ควรประเมินต่อไปว่ากระทบทางตรง หรือทางอ้อม ? ขนาดของผลกระทบ ? แล้วเราจะตัดสินใจอย่างไร ?
+1 เห็นด้วยครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลดเครดิต
โพสต์ที่ 9
ผมไม่ได้รังเกียจอะไรกับ credit rating agency หรอกครับ
ผมพยายามบอกว่าทุกคนเข้าใจ underlying cause ของการเพิ่มหรือลดเครดิตดี เข้าใจมาก่อนที่ agency จะประกาศลดเครดิตซะอีก เราควรจะคิดด้วยตัวของเราเองได้ก่อนที่เขาจะประกาศปรับลดเครดิตซะอีก ลองมองในทางกลับกัน ถ้าปัจจัยต่างๆมันแย่มากๆในสายตาเรา แต่เครดิตไม่ลด แปลว่าเราไม่ต้องห่วงหรือครับ ?
ดังนั้น การเพิ่มหรือลดเครดิต ก็เป็นแค่การยืนยันสิ่งที่เราค่อนข้างรู้อยู่แล้ว ซึ่งสำหรับผมมันแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไรเลยครับ ถึงธุรกิจจะทำเงินได้แค่ไหนก็ตาม
ผมพยายามบอกว่าทุกคนเข้าใจ underlying cause ของการเพิ่มหรือลดเครดิตดี เข้าใจมาก่อนที่ agency จะประกาศลดเครดิตซะอีก เราควรจะคิดด้วยตัวของเราเองได้ก่อนที่เขาจะประกาศปรับลดเครดิตซะอีก ลองมองในทางกลับกัน ถ้าปัจจัยต่างๆมันแย่มากๆในสายตาเรา แต่เครดิตไม่ลด แปลว่าเราไม่ต้องห่วงหรือครับ ?
ดังนั้น การเพิ่มหรือลดเครดิต ก็เป็นแค่การยืนยันสิ่งที่เราค่อนข้างรู้อยู่แล้ว ซึ่งสำหรับผมมันแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไรเลยครับ ถึงธุรกิจจะทำเงินได้แค่ไหนก็ตาม
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld