สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจะทำอ
-
- Verified User
- โพสต์: 214
- ผู้ติดตาม: 0
สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจะทำอ
โพสต์ที่ 1
ก่อนอื่นขอไว้อาลัยให้กับ คุณ Steve Jobs ที่พึ่งเสียชีวิต อัจฉริยะคนหนึ่งของโลก ผมเองเคยถือหุ้น Apple ตอนอยุ่ที่อเมริกา และเป็นตัวที่ทำกำไรให้ผมค่อนข้างดีมาก เลยมาคิดว่า ถ้าสถานการณ์นี้เกิดในเมืองไทย และบริษัท Apple อยู่ใน Set ท่านทั้งหลายถือหุ้นอยู่หรือไม่ได้ถือก็ตาม จะคิดอ่านอย่างไรกับหุ้นตัวนี้ เมื่อผู้นำที่ยิ่งใหญ่ชองเขาเสียชีวิตครับ เป็นโอกาสซื้อ? หรือขายทิ้ง? และวืเคราะห์อนาคตกิจการเป็นอย่างไร?
อย่าพูดเป็นเล่นไป มีหุ้นไทยหลายตัวนะครับที่เจ้าของมีบารมี และ มีอิทธิผล เกิดวันนึงเป็นอะไรไปอาจจะมีผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทมากมาย และเกิดเป็นกรณีให้ถกเถียงแบบเดียวกันกับที่ สตีฟ จอบส์มีต่อ Apple ครับ
อย่าพูดเป็นเล่นไป มีหุ้นไทยหลายตัวนะครับที่เจ้าของมีบารมี และ มีอิทธิผล เกิดวันนึงเป็นอะไรไปอาจจะมีผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทมากมาย และเกิดเป็นกรณีให้ถกเถียงแบบเดียวกันกับที่ สตีฟ จอบส์มีต่อ Apple ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 3
สำหรับผม สตีฟ จ๊อบส์ ก็คือ แอปเปิล ครับ
ดังนั้น ถ้าเป็นผม คงขายหุ้นออกไปก่อนครับ เพราะถือว่า พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนไปแล้ว
สมัยที่ แอปเปิล ปราศจาก สตีฟ จ๊อบส์ ภาพลักษณ์ของ แอปเปิล ก็ตกต่ำไป
ถึงแม้ว่า ตอนนี้ แอปเปิล จะยืนยันว่า สตีฟ จ๊อบส์ ได้วางระบบและรากฐานเอาไว้อย่างดีก่อนจะลาออกจากตำแหน่ง CEO
แต่ในโลกของ เทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากครับ รากฐานที่วางเอาไว้ อาจจะใช้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่หากขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์แล้ว ในระยะยาวหากไม่สามารถหานวัตกรรมใหม่ ๆ ออก ก็จะยืนอยู่บนตำแหน่งเบอร์ 1 ได้ลำบากครับ
ดูอย่าง Blackberry ซิครับ ก่อนหน้านี้ ฮอตฮิต แค่ไหน แต่ใครจะนึกว่า แค่ไม่เท่าไร ถึงกับซวนเซไปทีเดียว
ดังนั้น ถ้าเป็นผม คงขายหุ้นออกไปก่อนครับ เพราะถือว่า พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนไปแล้ว
สมัยที่ แอปเปิล ปราศจาก สตีฟ จ๊อบส์ ภาพลักษณ์ของ แอปเปิล ก็ตกต่ำไป
ถึงแม้ว่า ตอนนี้ แอปเปิล จะยืนยันว่า สตีฟ จ๊อบส์ ได้วางระบบและรากฐานเอาไว้อย่างดีก่อนจะลาออกจากตำแหน่ง CEO
แต่ในโลกของ เทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากครับ รากฐานที่วางเอาไว้ อาจจะใช้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่หากขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์แล้ว ในระยะยาวหากไม่สามารถหานวัตกรรมใหม่ ๆ ออก ก็จะยืนอยู่บนตำแหน่งเบอร์ 1 ได้ลำบากครับ
ดูอย่าง Blackberry ซิครับ ก่อนหน้านี้ ฮอตฮิต แค่ไหน แต่ใครจะนึกว่า แค่ไม่เท่าไร ถึงกับซวนเซไปทีเดียว
- erickiros
- Verified User
- โพสต์: 415
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 4
ควรจะพูดว่า Apple = แนวคิดของ Steve Jobs
ถ้าบริษัทยังดำเนินธุรกิจในแนวทางเดิม ไม่ทำตัวเพี้ยนเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปในทางที่เลวลง
ช่วงเวลาที่คนตื่นตระหนกเทขายหุ้นออกมา เป็นโอกาสที่ดีในการเก็บหุ้นของกิจการที่ดีเสียมากกว่า
คนซื้อสินค้าจาก Apple เพราะรูปแบบสินค้าตอบสนองความพอใจของตนเองและเงินในกระเป๋า
ซึ่งรูปแบบสินค้ามาจากแนวคิดที่ S.Jobs วางเอาไว้
ถ้าบริษัทยังดำเนินธุรกิจในแนวทางเดิม ไม่ทำตัวเพี้ยนเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจไปในทางที่เลวลง
ช่วงเวลาที่คนตื่นตระหนกเทขายหุ้นออกมา เป็นโอกาสที่ดีในการเก็บหุ้นของกิจการที่ดีเสียมากกว่า
คนซื้อสินค้าจาก Apple เพราะรูปแบบสินค้าตอบสนองความพอใจของตนเองและเงินในกระเป๋า
ซึ่งรูปแบบสินค้ามาจากแนวคิดที่ S.Jobs วางเอาไว้
ว่างๆแวะไปเยี่ยมชม blog ของซันได้นะคะ Economics Blog
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 5
ผมคิดว่าพนักงานทุกทุนในแอปเปิล คงได้แรงบันดาลใจจาก สตีป จอบส์ มากพอสมควร
แอปเปิลก็ต้องดำเินินต่อไป ด้วยรากฐานความคิดสร้างสรรค์ที่ได้ร่วมกันสร้างมา
แต่...ธุรกิจ คือ ธรรมชาติอย่างหนึง มันมีวงจรชีวิตของมัน มี เกิด รุ่งเรือง สูงสุด ถดถอย และ เสื่อมไป
ขึ้นอยู่กับว่าวงจรชีวิตนั้น ยาวนานเท่าไหร่ บางธุรกิจ 20ปี 100ปี 200ปี แม้แต่ 1000ปี
ผมเชื่อว่าแอปเปิลยังไงในชั่วชีวิตเราก็คงเห็นเขาคงอยู่ต่อไป
แอปเปิลก็ต้องดำเินินต่อไป ด้วยรากฐานความคิดสร้างสรรค์ที่ได้ร่วมกันสร้างมา
แต่...ธุรกิจ คือ ธรรมชาติอย่างหนึง มันมีวงจรชีวิตของมัน มี เกิด รุ่งเรือง สูงสุด ถดถอย และ เสื่อมไป
ขึ้นอยู่กับว่าวงจรชีวิตนั้น ยาวนานเท่าไหร่ บางธุรกิจ 20ปี 100ปี 200ปี แม้แต่ 1000ปี
ผมเชื่อว่าแอปเปิลยังไงในชั่วชีวิตเราก็คงเห็นเขาคงอยู่ต่อไป
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 7
อุตสาหกรรมนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมากครับ
ดังนั้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ไอเดียใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก
ที่ผ่านมาแอปเปิ้ลพึ่งพาสิ่งเหล่านี้จากตัว จ๊อปมาก
ดังนั้นผมมองว่า Apple จะโดดเด่นอยู่แบบนี้ได้อีกไม่นาน ยุคต่อไปน่าจะตกเป็นของ Android ครับ
ไม่เกิน 5 ปี ฟันธง!!
ดังนั้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ไอเดียใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก
ที่ผ่านมาแอปเปิ้ลพึ่งพาสิ่งเหล่านี้จากตัว จ๊อปมาก
ดังนั้นผมมองว่า Apple จะโดดเด่นอยู่แบบนี้ได้อีกไม่นาน ยุคต่อไปน่าจะตกเป็นของ Android ครับ
ไม่เกิน 5 ปี ฟันธง!!
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 8
ถ้าเชื่อว่าจ๊อบคือสุดยอดอัจฉริยะนักสร้างสรรค์ของยุคนี้
เมื่อไม่มีเขา ก็พอเดาได้ว่าไม่น่าจะรุ่งเหมือนเดิม ระบบที่ดีก็ไม่อาจช่วยได้
หลายคนที่ซื้อสินค้าจากแอปเปิล เพราะศรัทธาจากตัวของจ๊อบมากกว่า
เมื่อไม่มีเขา ก็พอเดาได้ว่าไม่น่าจะรุ่งเหมือนเดิม ระบบที่ดีก็ไม่อาจช่วยได้
หลายคนที่ซื้อสินค้าจากแอปเปิล เพราะศรัทธาจากตัวของจ๊อบมากกว่า
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 11
Competitive Advantage ของ Apple คือ Steve Job
Competitive ของ Steve Job คือ Creativity and Imagination
ทุก Present ทุกคําพูด หวานหยดย้อย จนทําให้ต้องเสียเงิน
A Breakthrough Browser !!! Safari
An Elegant Design !!! iPhone
It is an Amazing Phone I call it " iPhone"
ลองไปหา VDO เปิดตัว iPhone iPad ดู ใน Youtube แล้วจะทึ่งในการ นํา เสนอของ Steve Job ครับ
ปกติผมไม่ใช้Apple เพราะมองว่า แพง เวอร์
ตั้งแต่ เจอ iPod iPhone iPad etc Present โดย Steve Job เคลิ้ม จนซื้อมาใช้ แล้วก็ไม่ผิดหวังด้วย ของเค้าดีจริงๆ
Competitive ของ Steve Job คือ Creativity and Imagination
ทุก Present ทุกคําพูด หวานหยดย้อย จนทําให้ต้องเสียเงิน
A Breakthrough Browser !!! Safari
An Elegant Design !!! iPhone
It is an Amazing Phone I call it " iPhone"
ลองไปหา VDO เปิดตัว iPhone iPad ดู ใน Youtube แล้วจะทึ่งในการ นํา เสนอของ Steve Job ครับ
ปกติผมไม่ใช้Apple เพราะมองว่า แพง เวอร์
ตั้งแต่ เจอ iPod iPhone iPad etc Present โดย Steve Job เคลิ้ม จนซื้อมาใช้ แล้วก็ไม่ผิดหวังด้วย ของเค้าดีจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 12
สงสารทีมงานของ jobs และคนอื่นที่เกี่ยวข้อง
icon marketing ยังไงก็ยังใช้ได้ผลเสมอ
ไม่ใช่ jobs ไม่เก่ง แต่มีคนอื่นที่อยู่เบื้องหลังอีกมากมาย
แต่ steve jobs ก็เคยพูดไว้ว่าเค้าไม่ได้ทำคนเดียว คนเข้าใจผิดกันไป
แต่เมื่อ icon ได้ลาไปจากโลกนี้แล้วต้องดูครับ apple จะทำยังไงดาบสองคมจริงๆ
rest in peace mr.jobs! more or less, you were one of the most influential creators the world's known
icon marketing ยังไงก็ยังใช้ได้ผลเสมอ
ไม่ใช่ jobs ไม่เก่ง แต่มีคนอื่นที่อยู่เบื้องหลังอีกมากมาย
แต่ steve jobs ก็เคยพูดไว้ว่าเค้าไม่ได้ทำคนเดียว คนเข้าใจผิดกันไป
แต่เมื่อ icon ได้ลาไปจากโลกนี้แล้วต้องดูครับ apple จะทำยังไงดาบสองคมจริงๆ
rest in peace mr.jobs! more or less, you were one of the most influential creators the world's known
value trap
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 13
ขายหมด ระยะห่างระกว่า apple กับ android แคบลงเรื่อยๆแล้ว
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 15
ผมเป็นคนยกย่อง jobs คนหนึ่ง และติดตามอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับ jobs ตลอด เรื่องเกี่ยวกับ jobs ใน youtube เอามา load เก็บไว้เต็ม
ทุกคนยอมรับว่า apple ยุคหลังปี 1997 ฟื้น+แถมโตขึ้นได้ทุกวันนี้เมื่อ jobs กลับมา
ถ้าพูดไม่โอนเอียง ก่อนหน้านั้น ที่ี apple ล่ม ก็ใช่ว่า jobs ไม่มีส่วน
jobs ก็ไม่ใช่ไม่เคยล้มเหลวเลย แถมมีนอกลู่นอกทางเอาแต่ใจตัวเองด้วย เหตุ apple เกิดปัญหาแบ่งพรรคพวกภายในก่อนหน้านี้ก็สาเหตุหนึ่ง ถึงเกิดการถดถอย
แต่เมื่อกลับมา 1997 อาจเป็นเพราะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ประสบการณ์เต็มที่ ผสมกับความเป็นผู้นำ และความคิดสร้างสรรค์เดิมที่มีอยู่แล้ว เลยกลาบเป็น "iCON" ของ apple ไป
ที่สำเร็จคือ วิธีการตลาดส่วนหนึ่ง ทั้งตลาดของตัวเอง กับพยายามหาพันธมิตร (อย่างขายเพลง)
คงยังไม่ลืม ว่าขนาดมือถือมีจุดบกพร่อง ยังเฉไฉไปได้ ด้วยแค่ยางซิลิโคน ไม่ต้องเรียกคืน
แล้วองค์ประกอบถัดมา ตั้งแต่ Mac มาถึง iPod iPhone ทั้งที่ไม่ได้มาจาก jobs คนเดียวนั่นเป็นความจริง แต่มันคือการปรับโน่น แก้นี่ ท่ามกลางการเอะอะัโวยวายใส่ทีมงาน ไม่มีประนีประนอม ถึงกับมีข่าว ว่าต้องออกแบบขั้นตอนการแกะกล่องต้องทำให้ลูกค้าประทับใจอะไรบ้าง และวัสดุที่ใช้ ต้องไม่ใช่ทำให้ look cheap หรือที่วัยรุ่นไทยตอนนี้เรียกว่า "กาก"
แล้วสุดท้าย มันก็ผสมผสานกับการนำเสนอต่อสาธารณชนของ jobs ด้วย เป็นมาตั้งแต่เปิดตัว Mac ครั้งแรกๆ แล้ว (จนโลกลืม ว่า มีอีกหนึ่ง steve คือ Wozniak ที่ร่วมประดิษฐ์ Mac ด้วย)
ตัวอย่างจากองค์ประกอบข้างต้น
iPod มันคืิอเครื่องเล่น mp3 ซึ่งไม่ใช่เครื่องแรกในโลก ตอนนั้น ผมไปจีนพอดีไปอยู่หลายเดือน คนจีนยังไม่รู้จักเลยว่า iPod คืออะไร แต่เครื่องเล่น MP3 เกลื่อนจีนแล้ว
แล้วทำไมมันจึงเหมือนกับว่า jobs ประดิษฐ์สิ่งใหม่ขึ้นมา... มันเจ๋งถึงขนาดไอ้เครื่องเล่นหน้าขาวๆ ถึงขั้นทำให้ apple ฟื้นได้เลย แถมตอนหลัง มีคนมาฟ้องอีก ว่า jobs เลียนแบบมา
(คนอื่น เคยทำปุ่ม wheel แบบนี้แล้ว แต่เงียบหายไป)
จากนี้ไป การบ้าน Tim Cook ต้องเอาไปทำหนักมาก ว่าจะทำยังไงให้สาธารณชนเชื่อ ว่า apple ไม่ใช่ jobs
และที่ต้องไม่ทิ้งสิ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญคือ jobs ไม่ได้ขายแต่อุปกรณ์ apple แต่มีศิลปะ การออกแบบ และ innovation ดึงดูดให้คนอยากใช้ด้วย
jobs เป็นเหมือนเจ้าลัทธิคนที่ไม่หลง ก็จะด่า ว่าเป็นลัทธิบ้าบอ
แต่ตรงข้าม อย่าง iPhone มีคนที่ชอบเป็น follower หรือ "สาวก" จำนวนมาก... สาวกส่วนหนึ่ง ยอมรับว่าเป็นสาวก ไม่ได้ซื้อเพราะเป็นมือถือที่ดี มีบางทีเป็นจุดด้อย แต่ความ "หลง" ใหล ทำให้แกล้งลืมจุดด้อยเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นไป ว่าไม่สำคัญ
การชักชวนให้คนมาต่อแถวซื้อตั้งแต่ร้านไม่เปิด ไม่ต่างกับเจ้าลัทธิที่ว่าโลกจะแตก สามารถชวนให้คนกินยาพิษตายหมู่ได้พร้อมๆ กัีน
ตอนนี้ Tim Cook เหมือน home alone จะทำอย่างไรต่อไป นอกจากไม่มี icon ของ apple แล้ว แถมยังอยู่ในช่วงที่มีหุ่นกระป๋องเขียวกำลังโตวันโตคืน ที่มาแย่งชิง market share iphone มากขึ้นทุกวัน iMac/Mac book จะพลิกแพลงอย่างไร เพราะตอนนี้ ก็ยังคือ niche market ที่ทำสำเร็จไม่ได้ง่ายๆ ส่วนแบ่ง PC ก็ยังไม่เคยเหนือกว่้า Windows (อยู่ได้ เพราะ margin สูง) แล้วขนาด jobs เองก็ไม่ได้สำเร็จทุกเรื่อง เคยแพ้ในเกม niche อย่าง lisa มาแล้ว ทั้งที่เป็น PC เครื่องแรกของโลกที่เป็น Graphic User Interface คือผู้ใช้งาน ติดต่อสั่งงานบนรูปภาพ ไม่ใช่คีย์ข้อความ
น่าศึกษา น่าติดตามมาก ว่าขาด jobs สุดท้าย จะ downgrade ไปเป็นเพื่อน nokia, yahoo, hi5
หรือจะใช้วิธีไหน??? ...จะสร้าง icon ออกมาใหม่ หรือจะเข็ญอะไรใหม่ๆ ออกมา จะใช้อะไรจะเป็น value driver จะชู product ให้คนลืม icon ได้สำเร็จได้อย่างไร
ทุกคนยอมรับว่า apple ยุคหลังปี 1997 ฟื้น+แถมโตขึ้นได้ทุกวันนี้เมื่อ jobs กลับมา
ถ้าพูดไม่โอนเอียง ก่อนหน้านั้น ที่ี apple ล่ม ก็ใช่ว่า jobs ไม่มีส่วน
jobs ก็ไม่ใช่ไม่เคยล้มเหลวเลย แถมมีนอกลู่นอกทางเอาแต่ใจตัวเองด้วย เหตุ apple เกิดปัญหาแบ่งพรรคพวกภายในก่อนหน้านี้ก็สาเหตุหนึ่ง ถึงเกิดการถดถอย
แต่เมื่อกลับมา 1997 อาจเป็นเพราะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ประสบการณ์เต็มที่ ผสมกับความเป็นผู้นำ และความคิดสร้างสรรค์เดิมที่มีอยู่แล้ว เลยกลาบเป็น "iCON" ของ apple ไป
ที่สำเร็จคือ วิธีการตลาดส่วนหนึ่ง ทั้งตลาดของตัวเอง กับพยายามหาพันธมิตร (อย่างขายเพลง)
คงยังไม่ลืม ว่าขนาดมือถือมีจุดบกพร่อง ยังเฉไฉไปได้ ด้วยแค่ยางซิลิโคน ไม่ต้องเรียกคืน
แล้วองค์ประกอบถัดมา ตั้งแต่ Mac มาถึง iPod iPhone ทั้งที่ไม่ได้มาจาก jobs คนเดียวนั่นเป็นความจริง แต่มันคือการปรับโน่น แก้นี่ ท่ามกลางการเอะอะัโวยวายใส่ทีมงาน ไม่มีประนีประนอม ถึงกับมีข่าว ว่าต้องออกแบบขั้นตอนการแกะกล่องต้องทำให้ลูกค้าประทับใจอะไรบ้าง และวัสดุที่ใช้ ต้องไม่ใช่ทำให้ look cheap หรือที่วัยรุ่นไทยตอนนี้เรียกว่า "กาก"
แล้วสุดท้าย มันก็ผสมผสานกับการนำเสนอต่อสาธารณชนของ jobs ด้วย เป็นมาตั้งแต่เปิดตัว Mac ครั้งแรกๆ แล้ว (จนโลกลืม ว่า มีอีกหนึ่ง steve คือ Wozniak ที่ร่วมประดิษฐ์ Mac ด้วย)
ตัวอย่างจากองค์ประกอบข้างต้น
iPod มันคืิอเครื่องเล่น mp3 ซึ่งไม่ใช่เครื่องแรกในโลก ตอนนั้น ผมไปจีนพอดีไปอยู่หลายเดือน คนจีนยังไม่รู้จักเลยว่า iPod คืออะไร แต่เครื่องเล่น MP3 เกลื่อนจีนแล้ว
แล้วทำไมมันจึงเหมือนกับว่า jobs ประดิษฐ์สิ่งใหม่ขึ้นมา... มันเจ๋งถึงขนาดไอ้เครื่องเล่นหน้าขาวๆ ถึงขั้นทำให้ apple ฟื้นได้เลย แถมตอนหลัง มีคนมาฟ้องอีก ว่า jobs เลียนแบบมา
(คนอื่น เคยทำปุ่ม wheel แบบนี้แล้ว แต่เงียบหายไป)
จากนี้ไป การบ้าน Tim Cook ต้องเอาไปทำหนักมาก ว่าจะทำยังไงให้สาธารณชนเชื่อ ว่า apple ไม่ใช่ jobs
และที่ต้องไม่ทิ้งสิ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญคือ jobs ไม่ได้ขายแต่อุปกรณ์ apple แต่มีศิลปะ การออกแบบ และ innovation ดึงดูดให้คนอยากใช้ด้วย
jobs เป็นเหมือนเจ้าลัทธิคนที่ไม่หลง ก็จะด่า ว่าเป็นลัทธิบ้าบอ
แต่ตรงข้าม อย่าง iPhone มีคนที่ชอบเป็น follower หรือ "สาวก" จำนวนมาก... สาวกส่วนหนึ่ง ยอมรับว่าเป็นสาวก ไม่ได้ซื้อเพราะเป็นมือถือที่ดี มีบางทีเป็นจุดด้อย แต่ความ "หลง" ใหล ทำให้แกล้งลืมจุดด้อยเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นไป ว่าไม่สำคัญ
การชักชวนให้คนมาต่อแถวซื้อตั้งแต่ร้านไม่เปิด ไม่ต่างกับเจ้าลัทธิที่ว่าโลกจะแตก สามารถชวนให้คนกินยาพิษตายหมู่ได้พร้อมๆ กัีน
ตอนนี้ Tim Cook เหมือน home alone จะทำอย่างไรต่อไป นอกจากไม่มี icon ของ apple แล้ว แถมยังอยู่ในช่วงที่มีหุ่นกระป๋องเขียวกำลังโตวันโตคืน ที่มาแย่งชิง market share iphone มากขึ้นทุกวัน iMac/Mac book จะพลิกแพลงอย่างไร เพราะตอนนี้ ก็ยังคือ niche market ที่ทำสำเร็จไม่ได้ง่ายๆ ส่วนแบ่ง PC ก็ยังไม่เคยเหนือกว่้า Windows (อยู่ได้ เพราะ margin สูง) แล้วขนาด jobs เองก็ไม่ได้สำเร็จทุกเรื่อง เคยแพ้ในเกม niche อย่าง lisa มาแล้ว ทั้งที่เป็น PC เครื่องแรกของโลกที่เป็น Graphic User Interface คือผู้ใช้งาน ติดต่อสั่งงานบนรูปภาพ ไม่ใช่คีย์ข้อความ
น่าศึกษา น่าติดตามมาก ว่าขาด jobs สุดท้าย จะ downgrade ไปเป็นเพื่อน nokia, yahoo, hi5
หรือจะใช้วิธีไหน??? ...จะสร้าง icon ออกมาใหม่ หรือจะเข็ญอะไรใหม่ๆ ออกมา จะใช้อะไรจะเป็น value driver จะชู product ให้คนลืม icon ได้สำเร็จได้อย่างไร
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 16
ผมใช้ Apple Computer มานานกว่า 10ปี ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน
Steve เป็นคนเก่งมากคนหนึ่งในโลก ตลอดกาลที่โลกเคยมีมา แต่ตอนนี้ Tim Cook กำลังโดนเปรียบเทียบ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ Mac Fan อย่างผม และคนที่รู้จัก Apple มาเป็นเวลา 10ปีขึ้นไป กำลังคาดหวังจากเค้า และในขณะที่ ทุกอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง ที่ปรึกษาอย่าง Steve ก็จากไป และ Google ก็กำลังน่ากลัวขึ้นทุกที
ถ้า Tim Cook นำพา Apple ผ่านไปได้ ผมว่า เค้าก็คือยอดนักบริหารเลยหล่ะครับ ถ้าได้ติดตามเรื่องราวเกียวกับโลก IT ยักษใหญ่ใน USA ก็จะเห็นว่า แม้กระทั่งตัว CEO ใน BIG IT พวกนั้นก็ ไม่ได้บริหารได้ประสบผลสำเร็จสักเท่าไหร่ มีการเปลี่ยนคน และลาออกอยู่เรื่อยๆ เพราะตลาดตรงนี้เข้าแข่งขันกันสูงมาก
อีกใจหนึงก็สงสาร Tim ได้แต่เอาใจช่วยให้ ทีมงานใน Apple ตอนนี้ ยังคงแก่แท้ของ Apple เอาไว้ได้ตลอดไป อย่างที่ Steve เคยทำมา
Steve เป็นคนเก่งมากคนหนึ่งในโลก ตลอดกาลที่โลกเคยมีมา แต่ตอนนี้ Tim Cook กำลังโดนเปรียบเทียบ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ Mac Fan อย่างผม และคนที่รู้จัก Apple มาเป็นเวลา 10ปีขึ้นไป กำลังคาดหวังจากเค้า และในขณะที่ ทุกอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง ที่ปรึกษาอย่าง Steve ก็จากไป และ Google ก็กำลังน่ากลัวขึ้นทุกที
ถ้า Tim Cook นำพา Apple ผ่านไปได้ ผมว่า เค้าก็คือยอดนักบริหารเลยหล่ะครับ ถ้าได้ติดตามเรื่องราวเกียวกับโลก IT ยักษใหญ่ใน USA ก็จะเห็นว่า แม้กระทั่งตัว CEO ใน BIG IT พวกนั้นก็ ไม่ได้บริหารได้ประสบผลสำเร็จสักเท่าไหร่ มีการเปลี่ยนคน และลาออกอยู่เรื่อยๆ เพราะตลาดตรงนี้เข้าแข่งขันกันสูงมาก
อีกใจหนึงก็สงสาร Tim ได้แต่เอาใจช่วยให้ ทีมงานใน Apple ตอนนี้ ยังคงแก่แท้ของ Apple เอาไว้ได้ตลอดไป อย่างที่ Steve เคยทำมา
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 17
อ้อลืมไป ถ้าเป็นผม ผมคงขายหุ้นออกไปแน่ๆ เพราะว่าจากวันที่ผมซื้อ เมื่อสิบปีก่อน มาจนตอนนี้ ก็คงได้กำไรจากราคาไปไม่รู้กี่เด้งต่อกี่เด้งแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 18
สำหรับผม Apple =ส่วนหนึ่งของ steve jobs แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด เพราะว่า Apple ได้นำแบรนด์ของตัวเองบางส่วน ไปผูกติดกับแบรนด์ steve job ไว้ด้วย อาจจะมีผลกระทบในแง่ความเชื่อมั่นในแบรนด์ Apple ด้วยเช่นกัน คงต้องใช้เวลาพอสมควร ในการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภค ในยุคของ Apple ที่ไม่มี steve jobs ซึ่งช่วงเวลานี้คู่แข่งของ Apple คงถือเป็นโอกาสในการช่วงชิงตลาดอย่างแน่นอน แต่ผมก็คิดว่าทาง Apple ก็คงต้องเตรียมวางแผนมาแล้วเช่นกัน ก็คงต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 19
ขายราคาเปิดครับ
Blueplanet
- lengmanutd
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 20
ถึงแม้ว่าสตีป จอบส์ จะจากไป แต่ก็ใช่ว่า Product ของบริษัทจะจากไปซะเมื่อไหร่ ซึ่งตอนนี้ก็ยังติดตลาดทั่วโลกอยู่
ผมว่าไม่ได้กระทบต่อพื้นฐานของบริษัทสักเท่าไหร่ แต่เป็นในด้านจิตวิทยามากกว่า ดังนั้นถ้าราคาหุ้นตก ผมซื้อครับ แต่ใช้การทยอยๆ ซื้อ
ผมว่าไม่ได้กระทบต่อพื้นฐานของบริษัทสักเท่าไหร่ แต่เป็นในด้านจิตวิทยามากกว่า ดังนั้นถ้าราคาหุ้นตก ผมซื้อครับ แต่ใช้การทยอยๆ ซื้อ
ลงทุนในบริษัทที่ดี ราคาหุ้นมี MOS (Downside = Limited) และแนวโน้มกำไรมี Growth (Upside = Infinity)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 21
ผมพึ่งรู้จัก Apple จริงๆจังๆ ตอน IPHONE 4 ก่อนหน้านั้นไม่รู้บริษัททำอะร ใครคือสตีป จอบส์ ดังนั้นผมก็เลยไม่ได้ซื้อหุ้น Apple แล้วก็เลยไม่ได้ขายครับ
หุ้นในset บางตัวก็ดีนะครับ แต่เมื่อไม่รู้จักดีพอ ผมซื้อทีไรก็ขาดทุนทุกที ดังนั้น Apple เหตุผลก็คงเหมือนกัน
หุ้นในset บางตัวก็ดีนะครับ แต่เมื่อไม่รู้จักดีพอ ผมซื้อทีไรก็ขาดทุนทุกที ดังนั้น Apple เหตุผลก็คงเหมือนกัน
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 22
มีอยู่ครับ ไม่ได้คิดจะขาย เพราะมีหุ้นเดียว
จริงๆแล้ว คิดว่าอยากจะได้เป็นใบหุ้นเป็นแผ่นๆ มาเก็บใส่กรอบไว้ที่บ้านว่าครั้งหนึ่ง เคยเป็นเจ้าของหุ้น บริษัทนี้. ไม่รู้จะทำไงถึงได้เป็นใบหุ้นมาอ่ะครับบ
จริงๆแล้ว คิดว่าอยากจะได้เป็นใบหุ้นเป็นแผ่นๆ มาเก็บใส่กรอบไว้ที่บ้านว่าครั้งหนึ่ง เคยเป็นเจ้าของหุ้น บริษัทนี้. ไม่รู้จะทำไงถึงได้เป็นใบหุ้นมาอ่ะครับบ
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
-
- Verified User
- โพสต์: 483
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 23
ผมคิดว่าถึง Steve job จากไปแล้ว Apple ก็ยังสามารถอยู่ได้ครับ แต่วิธีทาง แนวทางในการพัฒนาคงเปลี่ยนไปตามวิสัยทัศน์ของ ผู้นำApple คนใหม่ครับ จะให้เหมือนเดิมคงยาก เพราะยากที่คน2คนจะมีความคิด และ ทัศนคติ วิสัยทัศน์ เหมือนกันแป๊ะๆ
ผมเชื่อว่าแนวทางของ Apple ในอณาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งอาจจะทำให้สาวง Apple ที่อนุรักษณ์นิยม อาจจะศรัทธา Apple น้อยลงใป
และ ยังมี คนเก่งๆอีกมากมายที่ยังไม่มีโอกาศได้แสดงฝีมือ ที่อยู่ใน Apple
ขอยกตัวอย่าง Microsoft แม้ Bill gate จะไม่ได้เป็นผู้นำแล้ว บริษัทก็ยังดำเนินต่อไปได้ และเป็นการเปิดโอกาศ ให้ คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดล้ำกว่ามาแทนทีอีกด้วย และ Microsoft ก็ยังเติบโตไม่หยุดนิ่ง และมีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น ต่อไปในอณาคต เราอาจจะได้เห็นอะไรที่ คาดไม่ถึงจาก Apple ต่อไป
ผมเชื่อว่าแนวทางของ Apple ในอณาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งอาจจะทำให้สาวง Apple ที่อนุรักษณ์นิยม อาจจะศรัทธา Apple น้อยลงใป
และ ยังมี คนเก่งๆอีกมากมายที่ยังไม่มีโอกาศได้แสดงฝีมือ ที่อยู่ใน Apple
ขอยกตัวอย่าง Microsoft แม้ Bill gate จะไม่ได้เป็นผู้นำแล้ว บริษัทก็ยังดำเนินต่อไปได้ และเป็นการเปิดโอกาศ ให้ คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดล้ำกว่ามาแทนทีอีกด้วย และ Microsoft ก็ยังเติบโตไม่หยุดนิ่ง และมีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น ต่อไปในอณาคต เราอาจจะได้เห็นอะไรที่ คาดไม่ถึงจาก Apple ต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 24
ผู้บริหาร Apple เลิกใช้ Instagram หลังแอปฯดังลง Android!
Instagram - อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite อ่านแล้วก็ใจร่มๆอย่าเกิดดราม่าก็แล้วกันนะครับสำหรับทั้งผู้ใช้งาน iPhone และ Android หลังจากที่เคยเป็นประเด็นมาแล้วกับการที่ผู้ใช้งาน iPhone บางส่วนเลิกใช้งาน Instagram เพราะรู้สึกว่าแอปฯแชร์ภาพสุดฮิปดังกล่าวไม่ exclusive สำหรับพวกเขาอีกต่อไปภสายหลังการพอร์ตไปลงยังแพลตฟอร์ม Android
ล่าสุดคุณ Phil Schiller ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานอาวุโสของ Apple (ที่เราได้เห็นหน้าค่าตาเฮียแกบ่อยๆบนเวที Keynote นั่นเอง) ได้จัดการลบแอคเคาท์ Instagram ของตัวเอง (@schiller) ออกจากสารบบพร้อมทั้งประกาศเลิกเล่น Instagram อย่างเป็นทางการแล้ว โดยให้เหตุผลไว้เพียงสั้นๆว่าคุณภาพของ Instagram จะลดลงทันทีเมื่อเข้าไปร่วมสังฆกรรมกับฝั่งผู้ใช้งาน Android (คุณ Schiller ใช้คำว่า Jumping the shark ซึ่งเป็นสำนวนที่หมายถึงการที่คุณภาพของสินค้าอะไรสักอย่างลดลงเกินกว่าจะเยียวยานั่นเอง)
ทั้งนี้นอกเหนือจากคุณ Phil Schiller แล้วก็ยังมีในรายของ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่ก็เป็นอีกรายหนึ่งซึ่งประกาศเลิกเล่น Instagram ด้วยเช่นเดียวกัน
ที่มา: 9to5mac
Instagram - อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite อ่านแล้วก็ใจร่มๆอย่าเกิดดราม่าก็แล้วกันนะครับสำหรับทั้งผู้ใช้งาน iPhone และ Android หลังจากที่เคยเป็นประเด็นมาแล้วกับการที่ผู้ใช้งาน iPhone บางส่วนเลิกใช้งาน Instagram เพราะรู้สึกว่าแอปฯแชร์ภาพสุดฮิปดังกล่าวไม่ exclusive สำหรับพวกเขาอีกต่อไปภสายหลังการพอร์ตไปลงยังแพลตฟอร์ม Android
ล่าสุดคุณ Phil Schiller ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานอาวุโสของ Apple (ที่เราได้เห็นหน้าค่าตาเฮียแกบ่อยๆบนเวที Keynote นั่นเอง) ได้จัดการลบแอคเคาท์ Instagram ของตัวเอง (@schiller) ออกจากสารบบพร้อมทั้งประกาศเลิกเล่น Instagram อย่างเป็นทางการแล้ว โดยให้เหตุผลไว้เพียงสั้นๆว่าคุณภาพของ Instagram จะลดลงทันทีเมื่อเข้าไปร่วมสังฆกรรมกับฝั่งผู้ใช้งาน Android (คุณ Schiller ใช้คำว่า Jumping the shark ซึ่งเป็นสำนวนที่หมายถึงการที่คุณภาพของสินค้าอะไรสักอย่างลดลงเกินกว่าจะเยียวยานั่นเอง)
ทั้งนี้นอกเหนือจากคุณ Phil Schiller แล้วก็ยังมีในรายของ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่ก็เป็นอีกรายหนึ่งซึ่งประกาศเลิกเล่น Instagram ด้วยเช่นเดียวกัน
ที่มา: 9to5mac
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 25
หลังจากอ่านประวัติของ steve jobs จบแล้ว ขอตอบว่า
Apple ที่ไม่มี Steve jobs ไม่ใช่ Apple ลูกเดิมอีกแล้ว
ตอนที่เปลี่ยนยุคไปเป็น Scully ซึ่งก็เก่งมากในตอนนั้น แต่ก็ลงท้ายด้วยความล้มเหลว
บริษัท Apple เป็นบริษัทที่ใช้พลังของ CEO สูงมากๆ จนคาดว่า เป็นการยากมากที่จะหาคนมาแทนที่เขา
ลองดูข้อความที่ jobs เขียนถึงปรัชญาการทำงานของบริษัทเขา
Apple ที่ไม่มี Steve jobs ไม่ใช่ Apple ลูกเดิมอีกแล้ว
ตอนที่เปลี่ยนยุคไปเป็น Scully ซึ่งก็เก่งมากในตอนนั้น แต่ก็ลงท้ายด้วยความล้มเหลว
บริษัท Apple เป็นบริษัทที่ใช้พลังของ CEO สูงมากๆ จนคาดว่า เป็นการยากมากที่จะหาคนมาแทนที่เขา
ลองดูข้อความที่ jobs เขียนถึงปรัชญาการทำงานของบริษัทเขา
My passion has been to build an enduring company
where people were motivated to make great products.
Everything else was secondary.
Sure, it was great to make a profit, because that was
what allowed you to make great products.
But the products, not the profits, were the motivation.
Sculley flipped these priorities to where the goal was to make money.
It’s a subtle difference, but it ends up meaning everything
: the people you hire,
who gets promoted, what you discuss in meetings.
Things are almost never clear on Wall Street,
or when they are, then it’s too late to profit from them.
or when they are, then it’s too late to profit from them.
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 26
wikileak บอกว่ามีความลับจะเผย เกี่ยวกับ jobs คือเป็นเอดส์
เอกสารนี้ ตั้งแต่ jobs ยัง ไม่ตาย จาก wikileak ผม download มาตั้งแต่เดือน 12/2010
ชื่อหมอ-สถาบัน ก็มีตัวตนจริง หมอ Bill Owen ไปค้นดู เป็นหมอเชี่ยวชาญ HIV
แต่ไม่รู้จะเชื่อได้อย่างไร เพราะไม่มีข่าวจากที่อื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากเรื่องมะเร็ง
ตัวเขียน steve jobs ในเอกสาร เจตนาจะเลียนให้เหมือนลายเซ็นต์ ที่ jobs ใช้ตัวเขียนเล็กทุกตัว
เอกสารนี้ ตั้งแต่ jobs ยัง ไม่ตาย จาก wikileak ผม download มาตั้งแต่เดือน 12/2010
ชื่อหมอ-สถาบัน ก็มีตัวตนจริง หมอ Bill Owen ไปค้นดู เป็นหมอเชี่ยวชาญ HIV
แต่ไม่รู้จะเชื่อได้อย่างไร เพราะไม่มีข่าวจากที่อื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากเรื่องมะเร็ง
ตัวเขียน steve jobs ในเอกสาร เจตนาจะเลียนให้เหมือนลายเซ็นต์ ที่ jobs ใช้ตัวเขียนเล็กทุกตัว
-
- Verified User
- โพสต์: 1822
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 27
ผมว่า apple พื้นฐานเปลี่ยนของแท้ เพราะไอเดียสุดบรรเจิดของ jobs ผมว่าไม่มีใครจะมาคิดได้เหมือนเค้าได้ง่ายๆ แต่ว่าพวก iphone ipad ก็คงใช้หากินได้อีกหลายปีอยู่ แต่ว่าหลังจากนั้นไป ค่ายอื่นก็คงหาอะไรใหม่ๆออกมาตีตลาด แต่คู่แข่งก็ยังไม่มีใครที่มีผู้บริหารหรือเจ้าของเป็นพวกไอเดียบรรเจิด จะมาแข่งได้สักคน คิดว่า apple คงจะเหี่ยวลงเอง ส่วนคู่แข่งก็คงดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
ก็เหมือนโออิชิ ไม่มีคุณตัน ผมว่าก็ยังพอไปได้ แต่การทำธุรกิจมันไม่เหมือนตอนมีคุณตัน และร้านอาหารญี่ปุ่นก้มีหลายเจ้าที่แข่งได้ดีและแย่งตลาดไปได้ แต่ก็ไม่เห็นเจ้าของหรือผู้บริหารจะมีไอเดียหรือแนวคิดการตลาดโดดเด่นออกมาเลย
ก็เหมือนโออิชิ ไม่มีคุณตัน ผมว่าก็ยังพอไปได้ แต่การทำธุรกิจมันไม่เหมือนตอนมีคุณตัน และร้านอาหารญี่ปุ่นก้มีหลายเจ้าที่แข่งได้ดีและแย่งตลาดไปได้ แต่ก็ไม่เห็นเจ้าของหรือผู้บริหารจะมีไอเดียหรือแนวคิดการตลาดโดดเด่นออกมาเลย
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สมมติ Apple อยู่ใน set แล้ววันนี้สตีฟ จอบส์เสียชีวิตคุณจ
โพสต์ที่ 29
วีดีโอที่หาดูยาก
สองหนุ่มน้อยคนที่เกิดปีเดียวกัน บนเวทีเดียวกัน (ตอนนั้นทั้งคู่อายุแค่ 28)
ตอนที่ Bill Gates อยู่ในฐานะคนรับจ้างเขียน software ให้ ยังไม่มีใครเคยคิดว่า นี่จะเป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของอเมริกาในอนาคต แต่ jobs เริ่มรวยแล้ว ในฐานะคนนำเสนอคอมพิวเตอร์มีจอ แสดงกราฟฟิกต่อสาธารณชน
คนกลางไม่ใช่ตัวเอกของ clip แต่ก็สำคัญ เพราะบริษัทำ software spreed sheet ชื่อดังตอนนั้น Lotus 1-2-3
ใครใช้คอมพิวเตอร์รุ่นที่ยังแผ่นดิสค์ยุค 8", 5 1/4" จะรู้จัก
เพราะตอนนั้น Microsoft Excel ยังไม่เกิด (ยังไม่ได้ลอก เอ๊ย... ยังไม่ได้พัฒนา )
สองหนุ่มน้อยคนที่เกิดปีเดียวกัน บนเวทีเดียวกัน (ตอนนั้นทั้งคู่อายุแค่ 28)
ตอนที่ Bill Gates อยู่ในฐานะคนรับจ้างเขียน software ให้ ยังไม่มีใครเคยคิดว่า นี่จะเป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของอเมริกาในอนาคต แต่ jobs เริ่มรวยแล้ว ในฐานะคนนำเสนอคอมพิวเตอร์มีจอ แสดงกราฟฟิกต่อสาธารณชน
คนกลางไม่ใช่ตัวเอกของ clip แต่ก็สำคัญ เพราะบริษัทำ software spreed sheet ชื่อดังตอนนั้น Lotus 1-2-3
ใครใช้คอมพิวเตอร์รุ่นที่ยังแผ่นดิสค์ยุค 8", 5 1/4" จะรู้จัก
เพราะตอนนั้น Microsoft Excel ยังไม่เกิด (ยังไม่ได้ลอก เอ๊ย... ยังไม่ได้พัฒนา )