ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 1

โพสต์

วันนี้ผมไปโรงพยาบาล ได้ยินผู้ชายสองคนคุยกันครับ

สองท่านเคยเรียนมหาลัยมาด้วยกัน ไม่ได้เจอกันมาสามสิบกว่าปีแล้ว แก่ตัวขึ้นมาเจอกันที่ไหน ก็เจอเพื่อนๆ สมัยก่อนกันตามโรงพยาบาลเพราะเริ่มแก่ตัวโรคก็มาตามติดตัว พวกเขามาหาหมอเพราะเป็นความดันสูงเหมือนกันครับ อีกเรื่องที่เรียกความสนใจของผม คือ ท่านทั้งสองซ้ำกันคือเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น

เมื่อดูจากภายนอก ทั้งสองท่านมีปัญหาทางสุขภาพ แต่ใครก็ตามที่ลงทุนมานานและบริหารจัดการอารมณ์ของตนมานานได้ดีเช่นกันจะพอทราบความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น เช่นในกรณี ความหวังที่ผิดพลาดของผลประกอบการจากที่คิดไว้ หรือ ความไม่รู้ว่าเหตุการณ์บางอย่างที่คาดหวังไว้จะเป็นไปในทางตรงกันข้ามอย่างนี้ตั้งแต่แรก บางท่านจะเข้าใจได้ดีว่า เมื่อจู่ๆ นักลงทุนสูญเสียความหวังหรือความกล้าหาญที่จะตัดสินใจบางอย่างเพราะไม่มั่นใจตัวเองแล้ว ย่อมมีกระทบถึงอาการของโรคต่างๆ ในร่างกายให้ผุดขึ้นมาได้

ในกรณีของชายสองท่าน ผมคิดว่าอาจมีสาเหตุสำคัญมาจากอิสรภาพทางการเงินที่หลุดลอย หรือ ผมควรพูดว่า มาจากอิสรภาพที่จะคาดหวังแต่สิ่งนั้นไม่เกิดขึ้นและพวกเขาพบความผิดหวังอย่างรุนแรง

ความผิดหวังรุนแรงจะสามารถลดระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของนักลงทุนในขณะที่พวกเขากำลังวิตกกับภาวะการหดตัวรุนแรงของตลาดหุ้น ภาวะที่จัดการกับอารมณ์ของตัวเองไมได้กลับไม่ได้ถูกนำมาคิดรวมถึงความเสี่ยงเวลาพวกเขาตัดสินใจที่จะเป็นนักลงทุน

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจ ระหว่าง ความศรัทธาต่ออนาคตของบริษัทกับความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ตามอุดมคติตามการลงทุน ระหว่าง หมดสิ้นแต่กำลังต่อสู้ภายในจิตใจตัวเองอย่างยืนหยัด ถ้ายืนหยัดไมได้ ร่างกายของพวกในไม่ช้าจะอ่อนแอลง พวกเขาต้องพายแพ้ต่อโรคภัยไข้เจ็บที่แอบแฝงในร่างกายของเขาในที่สุด

การสังเกตกรณีชายสองคนกับข้อสมมุติฐานที่ได้ สอดคล้องกับอะไรบางอย่าง เรื่องของเรื่องคือ อัตราการตกลงของตลาดหุ้นในช่วงเวลาของความคาดหวังกับข่าวดีบางอย่างที่เกิดในช่วงก่อนหรือระหว่างเทศกาลกิจเจนั้นจะมีโอกาสเพิ่มสูงกว่าปกติ

ในความเห็นของผม คำอธิบายอัตราการตกลงที่สูงกว่าปกติดังกล่าว ไม่ได้มีสาเหตุมาจากความผันผวนทางการเมือง แต่สาเหตุสืบเนื่องมาจากความคาดหวังของนักลงทุนที่อยู่ด้วยความหวัง ว่าเมื่อถึงเทศกาลกินเจแล้ว พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้นหลังจากกินเจ และเมื่อขณะที่เทศกาลกินเจใกล้เข้ามาทุกทีหรือกำลังจะผ่านไป แต่ยังไม่มีข่าวดีที่ช่วยให้กำลังใจเลยแม้แต่ข่าวเดียว พวกเขาอาจหมดกำลังใจ เกิดความผิดหวัง จนตัดสินใจด้วยอารมณ์มากกว่าช่วงปกติ และส่งผลเลวร้ายต่อระบบคุ้มกันต้านทานโรค

อย่างที่ทราบกันแล้ว ความพยายามใดที่จะฟื้นฟูความเข้มแข็งของนักลงทุนกลับคืนมานั้น สิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายการลงทุนก็คือ การแสดงให้ตัวเองเห็นอนาคตบางอย่าง พูดอีกอย่างคือ ใครก็ตามที่มีเหตุผลที่จะเป็นนักลงทุนตามอุดมคติของตนแล้ว ย่อมสามารถอดทนต่อสภาพความผันผวนในตลาดได้มากกว่า ไม่ว่าจะมารูปแบบใดได้เกือบหมดทุกอย่าง พวกเขาสามารถนำมาใช้เป็นคติเตือนใจตนเองและบำบัดจิตใจตนเองจากความผิดหวังโดยอัตโนมัติ และ สร้างสุขภาพจิตพวกเขาให้เข้มแข็งมากพอจะแบกรับสภาพเลวร้ายที่เผชิญอยู่

ผมจำได้ว่า เคยนั่งตรวจรายการงบดุลความสุขอยู่ตอนเย็นวันอาทิตย์วันหนึ่ง งบดุลนี้เป็นการร่างรายการของอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวัน พอครบอาทิตย์ก็จับพวกเขามาแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามหัวข้อความสุข/ความทุกข์ อาทิตย์นั้น พบว่า ผมมีช่วงที่มีความสุขแค่สองช่วงเวลาเท่านั้น ในวันนั้น ผมพบว่าความรู้สึกกำลังเป็นทุกข์จะหมดสภาพหายไปในทันทีที่เรากำหนดภาพชัดเจนแน่นอนของมันออกมาได้อย่างชัดเจน

นั่นหมายความว่า สิ่งที่นักลงทุนคาดหวังจากตลาดนั้นไม่ได้สำคัญมากหเมื่อเทียบเท่ากับสิ่งที่ตลาดหุ้นคาดหวังจากพวกเขา นั่นต่างหากที่สำคัญอย่างแท้จริง

สวัสดีครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kabu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2149
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ติดตามอ่านข้อความของคุณ humdrum ตั้งแต่ Reflexibility ครับ
ขอบคุณสำหรับบทความดีดีเสมอมาครับ :D
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
yosada
Verified User
โพสต์: 76
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ติดตามอ่านของเพ่ทุกอันเลยครับ รอบแรกผมยังงงรอบสองก็งง พอรอบสามก็ยังคงงง แต่จะพยายามคับ ยิ่งอ่านยิ่งทำให้ทบทวนความคิดตัวเองก่อนจะตัดสินใจอะไร ได้เยอะมากๆเลยคับ ^_^
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ลึกซึ้งมาก จนยากจะเข้าใจ
สมองผมยังไม่ถึงครับ
ขออ่านอีกหลายๆรอบก่อน :wall:
ภาพประจำตัวสมาชิก
murder_doll
Verified User
โพสต์: 1644
ผู้ติดตาม: 1

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 5

โพสต์

คุณhumdrum กลับมาพร้อมกับภาวะวิกฤติเลยนะครับ :mrgreen:
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
siebelize
Verified User
โพสต์: 451
ผู้ติดตาม: 1

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 6

โพสต์

humdrum เขียน: ผมจำได้ว่า เคยนั่งตรวจรายการงบดุลความสุขอยู่ตอนเย็นวันอาทิตย์วันหนึ่ง งบดุลนี้เป็นการร่างรายการของอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวัน พอครบอาทิตย์ก็จับพวกเขามาแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามหัวข้อความสุข/ความทุกข์

แค่คำนี้คำเดียว ก็คุ้มที่ติดตามอ่านกระทู้ของพี่ humdrum แล้วล่ะครับ

เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะกลับไปทำ บัญชีความสุขครัวเรือนรายวัน บ้าง :B
ziannoom
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1046
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 7

โพสต์

Pn3um0n1a เขียน:ลึกซึ้งมาก จนยากจะเข้าใจ
สมองผมยังไม่ถึงครับ
ขออ่านอีกหลายๆรอบก่อน :wall:
บวก1ครับ ผมอ่านบทความแกทีไร ผมไม่เข้าใจเป็นส่วนมาก ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน เพราะคนอื่นๆที่อ่านเข้าใจก็ชมแก แตอาจจะด้วยประสบการณ์หรือ ความสามารถผมมันตามท่านไม่ทัน จึงเป็นเหตุให้ผมอ่านไม่เข้าใจ แต่ก็ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านครับ
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 8

โพสต์

สวัสดีครับพี่ humdrum

พี่ครับแล้วเราจะเรียนรู้และจัดการ กับความคาดหวังที่มีอยู่ในตัวเราอย่างไรครับ
ถึงมันจะพอดี มีความสุข สมดุลกับชีวิตครับ :D
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 9

โพสต์

RONNAPUM เขียน:เราจะเรียนรู้และจัดการ กับความคาดหวังที่มีอยู่ในตัวเราอย่างไรครับ ถึงมันจะพอดี มีความสุข สมดุลกับชีวิตครับ :D
คุณ Ron พูดว่า " สมดุลกับชีวิต" ลอง invert ความคาดหวังของท่านดูก่อนนะครับ

ผมยกตัวอย่างเคสจริงที่เกิดขึ้น

ลูกน้องพม่าขึ้นรถทีไรก็อ๊วกทุกครั้ง
ผมสังเกตเห็นเขา เอาถุงพลาสติกไปลองที่ปากทั้งๆที่รถยังไม่ออกตัวเลย
มีวันหนึ่ง เขาคุยโทรศัพท์ตั้งแต่ออกรถจนถึงปลายทาง แต่ไม่มีอาการแต่อย่างใด
ผมคิดถึงอาการของ REFLEXIVITY ทันทีครับ
อาการของความวิตกกังวลแบบคาดการณ์ไปล่วงหน้าครับ

หลักความเข้าใจที่ผมใช้ หรือ assumption ของผมนั่นเองครับ
ผมจะผิดก็ต่อเมื่อ assumption ของผมเพี่ยนไปจากนี้
เวลาท่านอ่านก็จับผิด INVRET assumption ของผม อย่า invert ตัวผมนะครับ ถ้าอย่างนั้น ท่านก็มี อคติ แล้วการอ่าน assumption มันจะผิดไปตั้งแต่แรก อย่าเชื่อผมทั้งหมด อย่าเชื่อตัวท่านเองทั้งหมด


ความกลัวตายนั้นมีเหตุผลที่ทุกคนควรจะกลัว ผมก็กลัวครับ นักลงทุนก็มีความกลัวมากกว่าคนอื่น เป็นความกลัวที่จะผิดพลาดจนเกิดผลขาดทุน และความกลัวอย่างนั้นเป็นความกลัวที่มีเหตุและผลเช่นเดียวกับความกลัวตาย แต่ความกลัวที่จะขาดทุนซึ่งมีเหตุผลอย่างนี้อาจเป็นต้นตอของความกลัวที่ไม่มีเหตุผล และเป็นต้นตอของอาการโรคประสาทของคน เหมือนลูกน้องพม่าท่านนี้ ซึ่งมันคือต้นตอของ CRITICAL MASS

ในกรณีของน้องเขา critialcal mass ก็คือ การอ๊วกครับ

" ความกลัวคือต้นตอที่มาของเหตุการณ์ที่คนคนนั้นกลัว" โซรอส

ในตลาดหุ้นเห็นบ่อยครับ มักเริ่มต้นด้วยอาการโรคประสาทของนักลงทุนที่มีอยู่แล้วในตัว แต่พวกเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองมี แล้วมีมากกว่าคนอาชีพอื่นด้วย สิ่งนั้นคือ ความกังวลกับสิ่งที่จะเกิดในอนาคต ลักษณะความกลัวแบบนี้จะทำให้สิ่งที่นักลงทุนกลัวกลายเป็นความจริงขึ้นมา กลไกลการสะท้อนกลับอย่างความวิตกกังวลแบบคาดการณ์ไปล่วงหน้า โดยปราศจากเหตุและผล ซึ่งผลสะท้อนกลับคือ อาการกลัวของนักลงทุนจะยิ่งตอกย้ำให้มีความกลัวมากขึ้น

อย่างกรณีข้องน้องเขา ความกลัวมันกลายเป็นงูกินหางครับ สถานการณ์อย่างนี้ เราต้องสนใจเป็นพิเศษครับ มันคือช่วงทำเงินครับ

" ความเชื่อกับความจริงไมได้แยกกันอย่างอิสระ สิ่งที่ความเชื่อทำคือเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง" GEORGE SOROS

น้องเขาทำให้ความกลัวกลายเป็นความจริง คนที่เขาคลุมในตลาด เขาใช้หลักการข้อนี้ครับ


หลักการตรงข้าม INVERT หรือ การประชดประชัน

การประชดให้เขาอ๊วกออกมาเต็มที่ เขาไม่สามารถเข้าใจได้ เขาไม่อ๊วกแต่ยังถือถุงรอที่ปาก ผมผมหาวิธีแก้โดยใช้ความถนัดของเขาครับ น้องท่านนี้จบปอสี่ แต่คิดเลขเร็วมากครับ แต่กลับหารไม่เป็นครับ แปลกดีครับ ผมตั้งโจทย์ให้เขาคิดครับ เขาลืมอาการกลัวที่จะอ๊วก ไม่มีอ๊วก ไม่มีถุงแล้วครับ น้องเขาสามารถใช้ชีวิตในรถตามปกติได้

ผมดีใจมากครับที่รักษาน้องเขาได้ ด้วยใช้เทคนิคของการ INVERT กับ อาการของความกังวลแบบคาดการณ์ไปล่วงหน้า

มชอบเพลงหนึ่ง มันร้องทำนองว่า I've never been to me ไม่แน่ใจว่าของ Charlene หรือปล่าว จำได้แม่นว่า “ I have been to paradise but I never been to me

ไปมาทุกที่ แต่ไปเคยไปในจิตใจตัวเอง

เราใช้ความเข้าใจ REFLEXIVITY เข้าไปในจิตใจตนเองแล้ว เราก็ใช้ในการเข้าใจคนอื่นได้เช่นกัน ไมได้ใช้ความเข้าใจ reflexivity ในการหาเงินอย่างเดียวครับ

ขอบคุณครับ คำถามสุดยอดครับ
ท่าน RON เก่งเรื่องความเข้าใจ "ธรรมเรื่องตัวกรู" มาก
ท่านต้อง I've been to me เข้าไปในตัวเองตลอดเวลาอยู่แล้ว

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
^^
Verified User
โพสต์: 519
ผู้ติดตาม: 1

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณคำถามดีๆและคำตอบดีๆครับ
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
Tn_apple
Verified User
โพสต์: 30
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปัน

ต้องขอบอกว่า ช่วงนี้ ทุกคนที่ติดหุ้นคงมีความเครียด

การทำใจกับสภาวะของตลาดในตอนนี้ คงอยู่ที่สภาพการณ์และประสบการณ์ของแต่ละคน

โดยส่วนตัวแล้ว เพิ่งเข้ามาในตลาดประมาณปีกว่าๆ ซึ่งเป็นภาวะกระทิง ก่อนหน้า

ไม่กี่เดือน Port บวก 20 กว่า เปอร์เซนต์ แต่วันนี้ Port ติดลบ เกือบ 30 เปอร์เซนต์

ก็มีคนเตือน ตั้งแต่แรกๆ ว่า ทยอยออกบ้าง แต่ก็มีความมั่นใจแบบ ภาวะกระทิง

มาถึงวันนี้ ก็เลย ต้องอดทน ทำใจ กับสิ่งที่ต้วเองตัดสินใจคือ ถือต่อ (ดีกว่าฝาก Bank)

ปิด หน้าจอบ้าง เพราะถ้าไม่อย่างนั้นอาจจะทยอยรับไปเรื่อย ซึ่งเราก็ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่

โชคดีที่ยังมีงานทำอยู่

ขอให้กำลังใจ กับทุกๆ คน (ช่วงนี้มีเพื่อนอยู่ดอยกันเยอะ)
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ขอบพระคุณพี่ humdrum มากครับ
เวลาท่านอ่านก็จับผิด INVRET assumption ของผม อย่า invert ตัวผมนะครับ ถ้าอย่างนั้น ท่านก็มี อคติ
:bow: :bow: :bow:

แวะมาเขียนให้คำชี้แนะอีกนะครับ ขอพระคุณมากครับ :D
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 13

โพสต์

อคตินักลงทุนให้ราคาปรับสูงขึ้นได้ ก็ย่อมสามารถทำให้ราคาตกลงอย่างรวดเร็วได้เช่นกันครับ
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 14

โพสต์

" ความเชื่อกับความจริงไมได้แยกกันอย่างอิสระ สิ่งที่ความเชื่อทำคือเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง" GEORGE SOROS
ขอออกความเห็นตรงนี้สักนิด :D

ความเชื่อกับความจริง ผมเห็นว่ามันอิสระต่อกัน .. ทุกสิ่งจะเกิดได้เพียงหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นๆ เช่น เมื่อเรา โกรธ เรา ก็จะไม่สุข
แต่ดูเหมือนว่ามันต่อเนื่องเพราะ เรา ขาดสติหรือมีสติ น้อยไป รู้ไม่เท่าทันต่อเหตุการณ์นั้นๆ

สติ..จะเป็นตัวแยกหรืออยู่ระหว่างกลาง ความเชื่อกับความจริง แต่มิใช่ตัวตัดสินว่าสิ่งที่สะท้อนกลับมาถูกหรือผิด ...
การตัดสินว่าสิ่งใดถูก ผิด มันเป็นการเชื่อมโยงมาจากความเชื่อเดิมที่มีอยู่กับความจริงที่สะท้อนกลับมา.
แล้วให้ค่ากับสิ่งที่สะท้อนกลับมาโดยเทียบกับความเชื่อเดิมที่มีอยู่...ถ้าตรงตามความเชื่อก็พอใจ ไม่ตรงก็เสียใจ..
ซึ้งตัวที่ให้ค่า มากน้อย เราเรียกกันว่าตัว ..อคติ.. :D :D

...เพ้อไปเรื่อยยย 555
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
yoko
Verified User
โพสต์: 4395
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ความเชื่อในความจริงเป็นสิ่งสวยงาม
ความเชื่อในความไม่จริงเป็นสื่งหลอกลวง
ในตลาดหุ้นมีหุ้นขี้นหุ้นลงเพราะความเชื่อของคนหมู่มาก
ความไม่จริงมาจากความคาดหวังมากเกินไป
ความเชื่อเล่นกับความคาดหวังมากเกินไป
ความไม่จริงมาจากความกลัวที่คิดไปเอง
คนส่วนน้อยที่มองเห็นความจริง
คนส่วนน้อยที่รวย
sittha
Verified User
โพสต์: 84
ผู้ติดตาม: 0

Re: ภาวะทางจิตใจของตนเองกับสภาพสภาวะของตลาดหุ้น

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ควรมีเหตุผลในการลงทุน มากกว่า อารมณ์ที่เอามาตัดสินใจการลงทุน ต้องคอยฟังให้ดีว่า เราตัดสินใจ
ด้วยอารมณ์อยู่ หรือ ด้วยเหตุผล และต้องคอยระวัง ว่าตัดสินใจนั้นเพราะอารมณ์เป็นปัจจัย เลยทำให้เราสร้างการตัด
สินใจที่คิดว่าเป็นตามเหตุผล ขึ้นมา

วิธีที่น่าจะดีอย่างหนึ่งคือ
เรามีเป้าหมาย เช่น พอร์ตเงินลงทุนโตละ 15% แล้วการตัดสินใจลงทุนซื้อขายของเรา ที่ทำอยู่นั้นทำให้เราเข้า
ใกล้เป้าหมายนี้หรือไม่

เป้าหมายของเราอาจจะประกอบด้วยหุ้นหลายตัว อาจมองว่าเป็นโครงการ ซึ่งแต่ละโครงการไม่จำเป็นต้องประสบผลสำเร็จเหมือนการทำธุรกิจมันไม่ได้จะดีเสมอไป เรามีความเสี่ยงแค่ไหนในแต่ละโครงการ , ถ้าเสี่ยงมากอาจจะหยุดไว้ก่อน

ผมเชื่อว่าเราจะทำอาไรได้ดีประสบความสำเร็จแล้ว นอกจากความคลั่งไคล้ก้อคือการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
ยังไม่รวมถึงการมีขั้นตอนที่ดีในการลงทุน เพราะเมื่อเราผิดพลาดเนื่องจากเหตุผล เราจะได้กลับไปแก้ไขมันได้
ตรงไหนต้องปรับปรุง
โพสต์โพสต์