ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 1
อันที่จริงผมก็ไม่อยากตั้งกระทู้เพิ่ม แต่เนื่องจากผมไปลองค้นกระทู้เก่าๆตั้งแต่ปี 2003 แล้วก็เจอกระทู้นี้ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=34 แต่เนื่องจากกระทู้ถูก lock แต่เนื้อหาก็คงไว้ซึ่งคุณค่า ดังนั้น เรามาต่อยอดจากพี่ครรชิตกันดีกว่าว่า
ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าคืออะไร
ส่วนตัวผม การลงทุนแบบ VI มันช้าเหมือนเต่า ไม่ตื่นเต้น กว่าจะเห็นผลเป็นกอบเป็นกำก็ใช้เวลานานหลายสิบปี บางทีแมงเม่าที่ใจร้อนแบบผมก็เลยเปลี่ยนใจระหว่างทาง หลักที่เคยยึดและตั้งใจไว้ไขว้เขว
ฟังไปฟังมา ดูเหมือนไม่ใช่ข้อเสียของการลงทุนแนว VI แต่เป็นข้อเสียของตัวเองมากกว่า
เพื่อนๆคิดว่าไงครับ แชร์ๆกันนะครับ
ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าคืออะไร
ส่วนตัวผม การลงทุนแบบ VI มันช้าเหมือนเต่า ไม่ตื่นเต้น กว่าจะเห็นผลเป็นกอบเป็นกำก็ใช้เวลานานหลายสิบปี บางทีแมงเม่าที่ใจร้อนแบบผมก็เลยเปลี่ยนใจระหว่างทาง หลักที่เคยยึดและตั้งใจไว้ไขว้เขว
ฟังไปฟังมา ดูเหมือนไม่ใช่ข้อเสียของการลงทุนแนว VI แต่เป็นข้อเสียของตัวเองมากกว่า
เพื่อนๆคิดว่าไงครับ แชร์ๆกันนะครับ
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 2
ช้าแต่ ชัวว์ ดีกว่าเร็วแต่ล่มปากอ่าวครับ
คตินี้ใช้ได้กับทุกอย่างครับ
คตินี้ใช้ได้กับทุกอย่างครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 3
คือ 1.ยึดติดและปิดใจ
VI มักจะยึดติด...เช่น ห้ามขายนะ ต้องถือให้นานนะ อย่าดูกราฟนะ อย่าไปผสมแนวอื่นนะ
อย่าไปติดตามเศรษฐกิจมหภาคนะ มันคาดการณ์ไม่ได้หรอก (แต่หลายคนไปคาดการณ์งบบริษัท 10 ปี )
พอมีใครไม่เป็นไปตามบัญญัตินี้ ก็จะถูกครหาว่า "คุณไม่ใช่ VI"
แถม " นิยาม VI" ยังไม่เหมือนกันอีก สายบัฟเฟตบางครั้งถึงขั้นเรียกสายลินซ์เป็นนักเก็งกำไร
ประเด็นนี้ผมมองว่าเป็นข้อเสียที่สุดของ VI คือ ยึดติดและไม่เปิดใจ
ทั้งๆที่บัฟเฟตเองก็ฉีกแนวออกจากสายเกรแฮม แล้วนำหลักการของฟิชเชอร์มาประยุกส์ใช้
นอกจากหลักคิดแล้วข้อเสียอีกอย่างคือ 2.การขายหุ้น ครับ
ที่ VI ไม่มีจุดขายที่ชัดเจน เพราะ valuation มันหา fair value เป๊ะๆไม่ได้
บางครั้งตั้งเป้า 9 บาท ไปถึง 8.5 แล้วมันก็ลงมาแบบไม่เคยถึง 9 อีกเลย
ทำให้เสียโอกาสไปอย่างมากมายมหาศาล (มีกรณีตัวอย่างเยอะแยะในห้องร้อยคน)
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการคิด valuation ผิด และ ดูพื้นฐานผิดไป ด้วยครับ
3.ไม่มีกลยุทธ์ถอย
VI ไม่มีจุดนี้ ...ไม่มีเลย ทั้งๆเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายของชีวิตการลงทุน
การทำงาน,การลงทุนอะไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุด ผมคิดว่าควรมีทางออกเผื่อไว้ด้วยครับ
ส่วนตัวผมพบปัญหาดังที่กล่าวมา แรกทีเดียวก็กลัวนะครับว่าเราไปศึกษาสายอื่น(สายโซรอส)
แล้วนำมาประยุกส์ใช้ในการลงทุน จะถูกมองว่าไม่ VI หรือป่าวนะ
แต่ก็มาคิดๆดูแหล่ะครับ ว่า...เรามาลงทุนเอากำไร ไม่ใช่เอาโล่ห์...นี่หว่า
ตอนนี้ผมยังคงเรียกตัวเองว่า VI นะครับ แต่หากมีใครพูดว่าเราไม่ VI ...ก็ช่างปะไร
VI มักจะยึดติด...เช่น ห้ามขายนะ ต้องถือให้นานนะ อย่าดูกราฟนะ อย่าไปผสมแนวอื่นนะ
อย่าไปติดตามเศรษฐกิจมหภาคนะ มันคาดการณ์ไม่ได้หรอก (แต่หลายคนไปคาดการณ์งบบริษัท 10 ปี )
พอมีใครไม่เป็นไปตามบัญญัตินี้ ก็จะถูกครหาว่า "คุณไม่ใช่ VI"
แถม " นิยาม VI" ยังไม่เหมือนกันอีก สายบัฟเฟตบางครั้งถึงขั้นเรียกสายลินซ์เป็นนักเก็งกำไร
ประเด็นนี้ผมมองว่าเป็นข้อเสียที่สุดของ VI คือ ยึดติดและไม่เปิดใจ
ทั้งๆที่บัฟเฟตเองก็ฉีกแนวออกจากสายเกรแฮม แล้วนำหลักการของฟิชเชอร์มาประยุกส์ใช้
นอกจากหลักคิดแล้วข้อเสียอีกอย่างคือ 2.การขายหุ้น ครับ
ที่ VI ไม่มีจุดขายที่ชัดเจน เพราะ valuation มันหา fair value เป๊ะๆไม่ได้
บางครั้งตั้งเป้า 9 บาท ไปถึง 8.5 แล้วมันก็ลงมาแบบไม่เคยถึง 9 อีกเลย
ทำให้เสียโอกาสไปอย่างมากมายมหาศาล (มีกรณีตัวอย่างเยอะแยะในห้องร้อยคน)
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการคิด valuation ผิด และ ดูพื้นฐานผิดไป ด้วยครับ
3.ไม่มีกลยุทธ์ถอย
VI ไม่มีจุดนี้ ...ไม่มีเลย ทั้งๆเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายของชีวิตการลงทุน
การทำงาน,การลงทุนอะไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุด ผมคิดว่าควรมีทางออกเผื่อไว้ด้วยครับ
ส่วนตัวผมพบปัญหาดังที่กล่าวมา แรกทีเดียวก็กลัวนะครับว่าเราไปศึกษาสายอื่น(สายโซรอส)
แล้วนำมาประยุกส์ใช้ในการลงทุน จะถูกมองว่าไม่ VI หรือป่าวนะ
แต่ก็มาคิดๆดูแหล่ะครับ ว่า...เรามาลงทุนเอากำไร ไม่ใช่เอาโล่ห์...นี่หว่า
ตอนนี้ผมยังคงเรียกตัวเองว่า VI นะครับ แต่หากมีใครพูดว่าเราไม่ VI ...ก็ช่างปะไร
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 4
ชอบความเห็นคุณซุนเซ็กครับ ใครจะเรียกเราว่าอะไรก็ชั่ง เราก็คิดว่าเราเป็นvi. ผมตอบแทนก็ยังคงมีกำไรนี่นา แม้จะไม่มาก หรือว่าคนกำไรน้อยไม่ใช่viเนี้ย
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 5
ถ้าเราวิเคราะห์ผิดแล้วขายออก เค้าจะยังเรียกเราว่าviอยู่ไม๊นี่ซุนเซ็ก เขียน: 3.ไม่มีกลยุทธ์ถอย
VI ไม่มีจุดนี้ ...ไม่มีเลย ทั้งๆเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายของชีวิตการลงทุน
การทำงาน,การลงทุนอะไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุด ผมคิดว่าควรมีทางออกเผื่อไว้ด้วยครับ
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 7
ไม่มีกลยุทธ์ถอย
ผมว่าไม่ใช่
แก่นของ vi ผมคิดว่า...
ไม่ได้อยู่ที่การรุก หรือการรับ
แต่อยู่ที่ความรู้
คือรู้ทั้งเขา รู้ทั้งเรา
ถ้ารู้ว่าสมรภูมินี้รบมิได้เปรียบ
ไม่รบ
แต่ถ้ามีเปรียบเมื่อไหร่จึงรบครับ
พูดง่ายๆ คือ เอาชัวร์
แต่ทำน่ะยาก
ส่วนใครที่ว่าช้า
ผมก็ว่าไม่จริง
ผมเห็น vi หลายคนไวจะตาย
สำหรับบางคนที่คิดว่าไม่ตื่นเต้น
ผมก็ว่าไม่ใช่อีก
เวลาเจอหุ้นที่แบบว่าต้องร้อง...
บิงโก หรือว่า ตีแตก น่ะ
โห... เอายิ้มมาติดที่ปากได้ทั้งเดือน
ผมว่าไม่ใช่
แก่นของ vi ผมคิดว่า...
ไม่ได้อยู่ที่การรุก หรือการรับ
แต่อยู่ที่ความรู้
คือรู้ทั้งเขา รู้ทั้งเรา
ถ้ารู้ว่าสมรภูมินี้รบมิได้เปรียบ
ไม่รบ
แต่ถ้ามีเปรียบเมื่อไหร่จึงรบครับ
พูดง่ายๆ คือ เอาชัวร์
แต่ทำน่ะยาก
ส่วนใครที่ว่าช้า
ผมก็ว่าไม่จริง
ผมเห็น vi หลายคนไวจะตาย
สำหรับบางคนที่คิดว่าไม่ตื่นเต้น
ผมก็ว่าไม่ใช่อีก
เวลาเจอหุ้นที่แบบว่าต้องร้อง...
บิงโก หรือว่า ตีแตก น่ะ
โห... เอายิ้มมาติดที่ปากได้ทั้งเดือน
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
- reiter
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2308
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 8
ข้อเสียคือเวลาเราประเมินพฐ.ผิด หรือประเมินมูลค่าผิดเรามักจะเสียหายมากครับ เพราะเราไม่มี exit strategy เหมือนการลงทุนสายอื่น
กว่าจะรู้ตัวว่าเรามองพฐ.ผิด บางทีราคาหุ้นก็ติดลบไปมากแล้ว
กว่าจะรู้ตัวว่าเรามองพฐ.ผิด บางทีราคาหุ้นก็ติดลบไปมากแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 611
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 9
จะแนวอะไร จะ TI หรือ VI หรือ VSOP ก็เล่นไปเถอะครับ
ถ้าเล่นแล้วได้ตังค์อะนะ
แต่ต้องแน่ใจนะว่าคุณนะ เชี่ยวในทางของคุณจริงๆ
ฝากอะไรเล็กๆน้อย
- ถ้าสิงโตมันบอกว่า "เฮ้ ไอเบื่อจะกินกวางแล้วนะ ตัวก็เล็ก กว่าจะอิ่มต้องวิ่งไล่หลายตัว ไอเหนื่อย ไอขี้เกียจ ไอไปลองล่าปลาฉลามดูดีมั้ย ตัวมันใหญ่นะ ได้ตัวเด๊วอิ่มไปหลายวัน?
ถามว่าสิงโตโดดลงทะเลมาล่าปลาฉลามจริงๆ ใครจะโดนล่าก่อนระหว่างปลาฉลาม กับ สิงโต?
ผมไม่คิดว่าปลาฉลามมันจะเปลี่ยน Circle of Competence ของมันซึ่งก็คือทะเลมาล่าสิงโตหรอกช่ายมั้ย?
เช่นเดียวกันสิงโต Circle of Competence ของมันคือทุ่งหญ้า มันก็คงไม่กล้าไปแหยมกับปลาฉลามหรอก?
ถ้าเล่นแล้วได้ตังค์อะนะ
แต่ต้องแน่ใจนะว่าคุณนะ เชี่ยวในทางของคุณจริงๆ
ฝากอะไรเล็กๆน้อย
- ถ้าสิงโตมันบอกว่า "เฮ้ ไอเบื่อจะกินกวางแล้วนะ ตัวก็เล็ก กว่าจะอิ่มต้องวิ่งไล่หลายตัว ไอเหนื่อย ไอขี้เกียจ ไอไปลองล่าปลาฉลามดูดีมั้ย ตัวมันใหญ่นะ ได้ตัวเด๊วอิ่มไปหลายวัน?
ถามว่าสิงโตโดดลงทะเลมาล่าปลาฉลามจริงๆ ใครจะโดนล่าก่อนระหว่างปลาฉลาม กับ สิงโต?
ผมไม่คิดว่าปลาฉลามมันจะเปลี่ยน Circle of Competence ของมันซึ่งก็คือทะเลมาล่าสิงโตหรอกช่ายมั้ย?
เช่นเดียวกันสิงโต Circle of Competence ของมันคือทุ่งหญ้า มันก็คงไม่กล้าไปแหยมกับปลาฉลามหรอก?
-
- Verified User
- โพสต์: 48
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 10
จะแนวไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับว่ามันเหมาะกับคุณหรือเปล่า
วิธีไหนก็มีข้อดีและข้อเสียทั้งนั้น ไม่มีอะไรในโลกที่เหมาะกับคนทุกคน
คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่ค้นพบสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง
และที่สำคัญที่สุดคือ อย่าโลภเกินกว่าความรู้ ความพยายาม ความทุ่มเทของตัวเอง
วิธีไหนก็มีข้อดีและข้อเสียทั้งนั้น ไม่มีอะไรในโลกที่เหมาะกับคนทุกคน
คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่ค้นพบสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง
และที่สำคัญที่สุดคือ อย่าโลภเกินกว่าความรู้ ความพยายาม ความทุ่มเทของตัวเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 11
ข้อเสียส่วนใหญ่ที่เพื่อนพูดถึง ผมว่าเป็นข้อเสียส่วนบุคคลมากกว่า หลักการลงทุนไม่ได้ผิด
ส่วนข้อเสียจริงๆ หรือบางทีก็อาจไม่ใช่ข้อเสียก็ได้ แต่อาจจะเป็นสาเหตุให้หลายๆคนไม่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนแนว VI ก็คือ
การลงทุนเน้นคุณค่าไม่สอดคล้องกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในตลาดทุน คนที่เข้ามาเกือบทุกคนต้องการรวยเร็วๆ และรวยง่ายๆ
แต่การลงทุนเน้นคุณค่าต้องใช้เวลา และต้องศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจมากๆ
คุณลองถามตัวเองซะก่อนว่าคุณทุ่มเทมากน้อยแค่ไหน คุณมีความรู้ ความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน
การลงทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นหนทางให้คุณมีอิสระภาพทางการเงินได้อย่างแน่นอน แต่คุณทุ่มเทมากน้อยแค่ไหน
นักลงทุนที่ทุ่มเท อาจจะไม่ประสบความสำเร็จทุกคน แต่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทุกคน ต้องทุ่มเทครับ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ชีวิตจริงไม่มีฟลุ๊ค
ส่วนข้อเสียจริงๆ หรือบางทีก็อาจไม่ใช่ข้อเสียก็ได้ แต่อาจจะเป็นสาเหตุให้หลายๆคนไม่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนแนว VI ก็คือ
การลงทุนเน้นคุณค่าไม่สอดคล้องกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในตลาดทุน คนที่เข้ามาเกือบทุกคนต้องการรวยเร็วๆ และรวยง่ายๆ
แต่การลงทุนเน้นคุณค่าต้องใช้เวลา และต้องศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจมากๆ
คุณลองถามตัวเองซะก่อนว่าคุณทุ่มเทมากน้อยแค่ไหน คุณมีความรู้ ความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน
การลงทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นหนทางให้คุณมีอิสระภาพทางการเงินได้อย่างแน่นอน แต่คุณทุ่มเทมากน้อยแค่ไหน
นักลงทุนที่ทุ่มเท อาจจะไม่ประสบความสำเร็จทุกคน แต่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทุกคน ต้องทุ่มเทครับ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ชีวิตจริงไม่มีฟลุ๊ค
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 12
ที่ตั้งกระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาในทางลบกับvi แต่เหรียญมีสองด้าน เลยอยากฟังครามเห็นของเพื่อนๆ ว่าเราจะพยายามเป็นvi ทีดีเราต้องปิดจุดอ่อนด้านไหนครับ
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 13
เห็นด้วยครับพี่ฉัตรชัย การลงทุนแนวนี้ไม่ได้ยากอะไร แต่คนส่วนมากปฏิบัติไม่ได้ ผมนี่ล่ะคนนึง ผมเลยลองค้นหากระทู้แนวนี้ดู เพื่อที่จะหาจุดด้อยของตัว โดยหวังว่าจะเป็น VI ที่ดีขึ้น ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลยchatchai เขียน:ข้อเสียส่วนใหญ่ที่เพื่อนพูดถึง ผมว่าเป็นข้อเสียส่วนบุคคลมากกว่า หลักการลงทุนไม่ได้ผิด
ส่วนข้อเสียจริงๆ หรือบางทีก็อาจไม่ใช่ข้อเสียก็ได้ แต่อาจจะเป็นสาเหตุให้หลายๆคนไม่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนแนว VI ก็คือ
การลงทุนเน้นคุณค่าไม่สอดคล้องกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในตลาดทุน คนที่เข้ามาเกือบทุกคนต้องการรวยเร็วๆ และรวยง่ายๆ
แต่การลงทุนเน้นคุณค่าต้องใช้เวลา และต้องศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจมากๆ
คุณลองถามตัวเองซะก่อนว่าคุณทุ่มเทมากน้อยแค่ไหน คุณมีความรู้ ความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน
การลงทุนที่ประสบความสำเร็จเป็นหนทางให้คุณมีอิสระภาพทางการเงินได้อย่างแน่นอน แต่คุณทุ่มเทมากน้อยแค่ไหน
นักลงทุนที่ทุ่มเท อาจจะไม่ประสบความสำเร็จทุกคน แต่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จทุกคน ต้องทุ่มเทครับ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ชีวิตจริงไม่มีฟลุ๊ค
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 14
จริงๆ แล้ว วีไอ นี้ ผมว่า มันผิดธรรมชาติของความโลภมนุษย์ พอสมควรนะครับ
เช่น เรื่องที่ว่า
1. ลงทุนในเฉพาะ Circle of Competence ของเราเท่านั้น (ขนาดความใหญ่ของวงกลมไม่สำคัญ สำคัญที่เรารู้ตัวว่า เราทำในสิ่งที่เรารู้จริงหรือไม่ )
บางทีเราไปเลือกอะไรที่เราไม่รู้ดูไม่ออก มันอาจจะไม่ได้เป็นอะไรที่เราเห็นง่ายๆ ในชีวิตประจำวันของเรา แต่เราเกิดความอยากซื้อ อยากสนใจ ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม เช่นหุ้นมันวิ่งแล้ว ตัวนี้คนเชียร์กันเยอะเลยว่ามันโตจริงแน่นอน เราอาจจะไปศึกษาต่อ เราอ่านทั้งเวปบอร์ด ศึกษางบ ตามดูข่าว คอมพานีวิสิทอะไรก็แล้วแต่ แล้วก็คิดไปเองว่า เรารู้เรื่อง นั้นๆ แล้ว แต่จริงๆ แล้วเราอาจจะไม่รู้จริง และเราอาจจะยังมองไม่ขาด เจอนำเสนอแต่เรื่องแง่ดี และไม่รู้ว่าอะไรเป็นจุดตายของบริษัท เพราะบริษัทแบบนี้มันไม่เคยอยู่ใน Circle ของเราเลย แล้วดันเกิดมั่นใจมากเกินไป และยึดติดกับหลักการอะไรอยู่ โดยลืมหลักการข้อแรก ว่า เราควรจะเลือกลงทุนกับอะไรที่เรารู้เรื่องเท่านั้น หากเกิดอะไรเลวร้ายขึ้นมา กว่าจะรู้ตัว ก็สายไปเสียแล้ว
2. การอดทนรอ
การอดทนรอ อาจจะเป็นสิ่งที่อยากลำบากมากสำหรับ บางคน การจะให้รอ ธุรกิจที่ดีสุดยอดในราคาต่ำกว่ามูลค่าของมัน ( ซื้อเงิน 1 เหรียญในราคา 40 เซนต์) ทำให้เราอาจจะต้องรอมันนานมากๆ บางครั้งอาจจะทำให้เงินสดก้อนใหม่ที่เราหามาได้ ยังไม่สามารถเอาไปลงทุนได้เพราะยังไม่เจอ MOS ที่ดีพอ (อาจจะนานเป็น หลายๆ ปี ) ซึ่งตรงนี้ ขัดกับ จริตคนที่ลงทุนในหุ้นส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก ที่มีเงินสดเหลืออยู่เยอะ ในช่วงตลาดกระทิง ที่ วิ่งเอา วิ่งเอา ใครๆ ก็ไม่อยากพลาดโอกาศ ทำให้ต้องคลายกฏเกณฑ์ ต่างๆ ที่เคยตั้งไว้ เอาเงินไปลงทุนกันหมด ซึ่งทำให้เราอาจจะซื้อแพงไปบ้าง ซื้อบริษัทที่ไม่เจ๋งจริงบ้าง พอเกิดช่วงเวลาของดีราคาถูกมาจริงๆ ก็ดันไม่มีเงินเหลือ ซะอย่างนั้น
เช่น เรื่องที่ว่า
1. ลงทุนในเฉพาะ Circle of Competence ของเราเท่านั้น (ขนาดความใหญ่ของวงกลมไม่สำคัญ สำคัญที่เรารู้ตัวว่า เราทำในสิ่งที่เรารู้จริงหรือไม่ )
บางทีเราไปเลือกอะไรที่เราไม่รู้ดูไม่ออก มันอาจจะไม่ได้เป็นอะไรที่เราเห็นง่ายๆ ในชีวิตประจำวันของเรา แต่เราเกิดความอยากซื้อ อยากสนใจ ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม เช่นหุ้นมันวิ่งแล้ว ตัวนี้คนเชียร์กันเยอะเลยว่ามันโตจริงแน่นอน เราอาจจะไปศึกษาต่อ เราอ่านทั้งเวปบอร์ด ศึกษางบ ตามดูข่าว คอมพานีวิสิทอะไรก็แล้วแต่ แล้วก็คิดไปเองว่า เรารู้เรื่อง นั้นๆ แล้ว แต่จริงๆ แล้วเราอาจจะไม่รู้จริง และเราอาจจะยังมองไม่ขาด เจอนำเสนอแต่เรื่องแง่ดี และไม่รู้ว่าอะไรเป็นจุดตายของบริษัท เพราะบริษัทแบบนี้มันไม่เคยอยู่ใน Circle ของเราเลย แล้วดันเกิดมั่นใจมากเกินไป และยึดติดกับหลักการอะไรอยู่ โดยลืมหลักการข้อแรก ว่า เราควรจะเลือกลงทุนกับอะไรที่เรารู้เรื่องเท่านั้น หากเกิดอะไรเลวร้ายขึ้นมา กว่าจะรู้ตัว ก็สายไปเสียแล้ว
2. การอดทนรอ
การอดทนรอ อาจจะเป็นสิ่งที่อยากลำบากมากสำหรับ บางคน การจะให้รอ ธุรกิจที่ดีสุดยอดในราคาต่ำกว่ามูลค่าของมัน ( ซื้อเงิน 1 เหรียญในราคา 40 เซนต์) ทำให้เราอาจจะต้องรอมันนานมากๆ บางครั้งอาจจะทำให้เงินสดก้อนใหม่ที่เราหามาได้ ยังไม่สามารถเอาไปลงทุนได้เพราะยังไม่เจอ MOS ที่ดีพอ (อาจจะนานเป็น หลายๆ ปี ) ซึ่งตรงนี้ ขัดกับ จริตคนที่ลงทุนในหุ้นส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก ที่มีเงินสดเหลืออยู่เยอะ ในช่วงตลาดกระทิง ที่ วิ่งเอา วิ่งเอา ใครๆ ก็ไม่อยากพลาดโอกาศ ทำให้ต้องคลายกฏเกณฑ์ ต่างๆ ที่เคยตั้งไว้ เอาเงินไปลงทุนกันหมด ซึ่งทำให้เราอาจจะซื้อแพงไปบ้าง ซื้อบริษัทที่ไม่เจ๋งจริงบ้าง พอเกิดช่วงเวลาของดีราคาถูกมาจริงๆ ก็ดันไม่มีเงินเหลือ ซะอย่างนั้น
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 15
ในสายตาซาก.. เจตนาแรก สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะตัดสินใจทำ หรือ ไม่ตัดสินใจอะไรเลย
การลงมือซื้อหุ้น ด้วยเจตนาแรก หวังส่วนต่างราคาเหนือสิ่งอื่นใด คือ การเก็งกำไร
ไม่ว่าคุณจะใช้หลักการอะไรก็ตาม
หลายคนหวังส่วนต่างราคาซะมาก กระเหี้ยนกระหือมองหาตัวเร่ง story เป็นสำคัญ จนลืมให้ความสนใจของคุณภาพธุรกิจ ธรรมาภิบาลของ ผบห และความแข็งแกร่งของงบดุล ซึ่งเป็นตัวชี้ชะตา eps และกระแสเงินสดอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้การลงมือซื้อหุ้นที่ปิดตาข้างเดียว
ในลักษณะนี้ เป็นการเก็งกำไร เนื่องจากมีความน่าจะเป็นเข้ามาเกี่ยวข้องมาก ซึ่งเป็น คนละเรื่องกับการลงทุนที่หลักการเดิมย้ำไว้ชัดเจนว่า อย่าขาดทุนง่ายๆ เพราะลงเงินไปในสิ่งที่ไม่รู้จริง และหากจะคุ้ยเขี่ยไปถึง การลงทุนแบบเน้นคุณค่าจริงๆ ในหนังสือกุญแจ 5 ดอก เขาย้ำนักย้ำหนาว่า ไม่สนับสนุนให้การลงทุนขึ้นกับการคาดการณ์รายได้และกำไรในอนาคต แต่ให้ลงเงินเมื่อ มีส่วนลดจากปัจจุบัน เป็นสำคัญ พอหลายคนไม่ได้เห็นราคาเป้าหมายของหุ้นที่ต้องการ เพราะสิ่งที่ทำ คือความคาดหวังมากกว่าดูตามความเป็นจริงปัจจุบัน ก็มาโทษหลักการว่า ไม่ยืดหยุ่น การกระทำที่มีความคาดหวังเป็นที่ตั้ง ไม่อาจเป็นการลงทุนได้ นอกจากการเก็งกำไรครับ
และการเก็งกำไรก็ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องที่ห้ามทำ ตราบเท่าที่คนที่ลงเงินนั้น ประเมินความน่าจะเป็นของเกมที่เล่นได้ ขอเพียงอย่าเอาความคาดหวังส่วนตัว ไปปะปนกับการตัดสินใจ คำถามแบบนี้ก็จะไม่คาใจเราได้ครับ
ถ้าคาดหวังมากกว่าปัจจุบัน ก็จงเก็งกำไรครับ เก็งให้ชนะ
การลงมือซื้อหุ้น ด้วยเจตนาแรก หวังส่วนต่างราคาเหนือสิ่งอื่นใด คือ การเก็งกำไร
ไม่ว่าคุณจะใช้หลักการอะไรก็ตาม
หลายคนหวังส่วนต่างราคาซะมาก กระเหี้ยนกระหือมองหาตัวเร่ง story เป็นสำคัญ จนลืมให้ความสนใจของคุณภาพธุรกิจ ธรรมาภิบาลของ ผบห และความแข็งแกร่งของงบดุล ซึ่งเป็นตัวชี้ชะตา eps และกระแสเงินสดอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้การลงมือซื้อหุ้นที่ปิดตาข้างเดียว
ในลักษณะนี้ เป็นการเก็งกำไร เนื่องจากมีความน่าจะเป็นเข้ามาเกี่ยวข้องมาก ซึ่งเป็น คนละเรื่องกับการลงทุนที่หลักการเดิมย้ำไว้ชัดเจนว่า อย่าขาดทุนง่ายๆ เพราะลงเงินไปในสิ่งที่ไม่รู้จริง และหากจะคุ้ยเขี่ยไปถึง การลงทุนแบบเน้นคุณค่าจริงๆ ในหนังสือกุญแจ 5 ดอก เขาย้ำนักย้ำหนาว่า ไม่สนับสนุนให้การลงทุนขึ้นกับการคาดการณ์รายได้และกำไรในอนาคต แต่ให้ลงเงินเมื่อ มีส่วนลดจากปัจจุบัน เป็นสำคัญ พอหลายคนไม่ได้เห็นราคาเป้าหมายของหุ้นที่ต้องการ เพราะสิ่งที่ทำ คือความคาดหวังมากกว่าดูตามความเป็นจริงปัจจุบัน ก็มาโทษหลักการว่า ไม่ยืดหยุ่น การกระทำที่มีความคาดหวังเป็นที่ตั้ง ไม่อาจเป็นการลงทุนได้ นอกจากการเก็งกำไรครับ
และการเก็งกำไรก็ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่เรื่องที่ห้ามทำ ตราบเท่าที่คนที่ลงเงินนั้น ประเมินความน่าจะเป็นของเกมที่เล่นได้ ขอเพียงอย่าเอาความคาดหวังส่วนตัว ไปปะปนกับการตัดสินใจ คำถามแบบนี้ก็จะไม่คาใจเราได้ครับ
ถ้าคาดหวังมากกว่าปัจจุบัน ก็จงเก็งกำไรครับ เก็งให้ชนะ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 16
ผมว่าหลักการมันไม่เคยผิดหรอกครับ แต่ถ้าเราคิดจะไปเร่ง "ผลตอบแทน" สุดท้ายสิ่งที่เราทำมันก็จะ "เพี้ยน" ไปจากหลักการ
ผมเองมองว่าถ้าเราทำตามกรอบของหลักการ ถ้าไม่มองธุรกิจผิดไปมาก ๆ หรือทุ่มกับหุ้นเพียง 1-2 ตัวแล้วพลาด ผลตอบแทนระยะยาวก็น่าจะทำได้ดีระดับหนึ่ง แต่เท่าที่ผมเห็นข้อผิดพลาดมันเริ่มตั้งแต่ หลายคนคิดจะเร่ง "ผลตอบแทน"
ในความเป็นจริงผลตอบแทนในแนววีไอ ถ้าทำได้สม่ำเสมอแค่ปีละ 15% ก็ถือว่าท่านมีฝีมือแล้วครับ เพราะ 15% ที่ว่าถ้าทบต้นไปเรื่อย ๆ สุดท้ายมันก็จะได้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี การเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนนอกจากผลตอบแทนที่เพิ่มในแต่ละปีแล้วคงต้องมาเิงินมาใส่เพิ่ม แต่ถ้าท่านลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยแต่หวังจะได้เป็นสิบเป็นร้อยเท่าสุดท้ายท่านก็จะเริ่มหา "ตัวเร่ง" ซึ่งถ้าท่านพลาดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ตัวเร่งนั้นก็พร้อมจะย้อนมาเล่นงานท่านครับ
การเร่ง "ผลตอบแทน" นำมาซึ่งความผิดพลาดหลายอย่าง เช่น ซื้อหุ้นโดยมี MOS ไม่พอ ซื้อหุ้นเพราะอยากจะซื้อทั้ง ๆ ที่จริง ๆ หุ้นตัวนั้นมันอาจจะไม่โดนใจเราเท่าไหร่ ซื้อหุ้นโดยใช้มาร์จิ้น ผมไม่ได้บอกว่าห้ามทำสิ่งเหล่านี้นะครับ แต่ผมหลายถึงถ้าท่านพลาดความเสียหายมันก็จะหนักกว่า
การประยุกต์ความรู้ทางการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญ บางครั้งเราก็ต้องเข้าใจธรรมชาติบางอย่างของตลาดหุ้นไทย ที่อาจจะไม่เหมือนตลาดใหญ่อย่างในอเมริกา เช่น การไหลของเงินต่างชาติมีอิทธิพลต่อตลาดพอสมควรหรือมีความผันผวนสูง
ในส่วนของการประเมินมูลค่าของบ.ที่มีการกล่าวถึงว่าบางครั้งยึดติดกับตัวเลขเกินไปทำให้ขายหุ้นไม่เป็นแล้วหุ้นลงไปโดยไม่กลับมาอีกเลย ส่วนตัวผมเท่าที่ผมศึกษามาผมเข้าใจว่า โดยหลักการเค้าก็ไม่ได้สอนให้เรายึดติดกับตัวเลขตายตัวนะครับ เพียงแต่เราเองพยายามหาเครื่องมือมาอ้างอิง ไม่อย่างนั้นบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ จะเรียกว่าบทวิเคราะห์ "แบบวีไอ" หรือไม่เพราะจะอ้างอิงปัจจัยพื้นฐาน กำไรที่จะทำได้ในอนาคต รวมถึงราคาเป้าหมาย แต่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะในการประเมินกิจการแบบวีไอบางครั้งมันก็มีเรื่องอย่างอื่นนอกเหนือจากในบทวิเคราะห์เหล่านั้น ผมกลับค่อนข้างแปลกใจถ้าเราคำนวณมูลค่าออกมาแล้วเรามั่นใจว่ามันใช่ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงบ.เดียวกันให้นักวิเคราะห์ซึ่งศึกษาด้านการวิเคราะห์มูลค่าหลักทรัพย์มาโดยตรงมาประเมินมูลค่าในอนาคตยังได้ไม่เท่ากันเลยครับ การขายหุ้นบางครั้งมันก็ไม่ได้อิงตัวเลขอะไรเลย เช่นถ้าเราเห็นว่าสินค้าของบ.สูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งตรงนี้ถ้าท่านมีหุ้นท่านก็ต้องขายครับ
ผมเองมองว่าถ้าเราทำตามกรอบของหลักการ ถ้าไม่มองธุรกิจผิดไปมาก ๆ หรือทุ่มกับหุ้นเพียง 1-2 ตัวแล้วพลาด ผลตอบแทนระยะยาวก็น่าจะทำได้ดีระดับหนึ่ง แต่เท่าที่ผมเห็นข้อผิดพลาดมันเริ่มตั้งแต่ หลายคนคิดจะเร่ง "ผลตอบแทน"
ในความเป็นจริงผลตอบแทนในแนววีไอ ถ้าทำได้สม่ำเสมอแค่ปีละ 15% ก็ถือว่าท่านมีฝีมือแล้วครับ เพราะ 15% ที่ว่าถ้าทบต้นไปเรื่อย ๆ สุดท้ายมันก็จะได้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี การเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนนอกจากผลตอบแทนที่เพิ่มในแต่ละปีแล้วคงต้องมาเิงินมาใส่เพิ่ม แต่ถ้าท่านลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยแต่หวังจะได้เป็นสิบเป็นร้อยเท่าสุดท้ายท่านก็จะเริ่มหา "ตัวเร่ง" ซึ่งถ้าท่านพลาดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ตัวเร่งนั้นก็พร้อมจะย้อนมาเล่นงานท่านครับ
การเร่ง "ผลตอบแทน" นำมาซึ่งความผิดพลาดหลายอย่าง เช่น ซื้อหุ้นโดยมี MOS ไม่พอ ซื้อหุ้นเพราะอยากจะซื้อทั้ง ๆ ที่จริง ๆ หุ้นตัวนั้นมันอาจจะไม่โดนใจเราเท่าไหร่ ซื้อหุ้นโดยใช้มาร์จิ้น ผมไม่ได้บอกว่าห้ามทำสิ่งเหล่านี้นะครับ แต่ผมหลายถึงถ้าท่านพลาดความเสียหายมันก็จะหนักกว่า
การประยุกต์ความรู้ทางการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญ บางครั้งเราก็ต้องเข้าใจธรรมชาติบางอย่างของตลาดหุ้นไทย ที่อาจจะไม่เหมือนตลาดใหญ่อย่างในอเมริกา เช่น การไหลของเงินต่างชาติมีอิทธิพลต่อตลาดพอสมควรหรือมีความผันผวนสูง
ในส่วนของการประเมินมูลค่าของบ.ที่มีการกล่าวถึงว่าบางครั้งยึดติดกับตัวเลขเกินไปทำให้ขายหุ้นไม่เป็นแล้วหุ้นลงไปโดยไม่กลับมาอีกเลย ส่วนตัวผมเท่าที่ผมศึกษามาผมเข้าใจว่า โดยหลักการเค้าก็ไม่ได้สอนให้เรายึดติดกับตัวเลขตายตัวนะครับ เพียงแต่เราเองพยายามหาเครื่องมือมาอ้างอิง ไม่อย่างนั้นบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ จะเรียกว่าบทวิเคราะห์ "แบบวีไอ" หรือไม่เพราะจะอ้างอิงปัจจัยพื้นฐาน กำไรที่จะทำได้ในอนาคต รวมถึงราคาเป้าหมาย แต่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะในการประเมินกิจการแบบวีไอบางครั้งมันก็มีเรื่องอย่างอื่นนอกเหนือจากในบทวิเคราะห์เหล่านั้น ผมกลับค่อนข้างแปลกใจถ้าเราคำนวณมูลค่าออกมาแล้วเรามั่นใจว่ามันใช่ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงบ.เดียวกันให้นักวิเคราะห์ซึ่งศึกษาด้านการวิเคราะห์มูลค่าหลักทรัพย์มาโดยตรงมาประเมินมูลค่าในอนาคตยังได้ไม่เท่ากันเลยครับ การขายหุ้นบางครั้งมันก็ไม่ได้อิงตัวเลขอะไรเลย เช่นถ้าเราเห็นว่าสินค้าของบ.สูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งตรงนี้ถ้าท่านมีหุ้นท่านก็ต้องขายครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 147
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 17
everything not perfect เป็นคำตอบของผม ไม่มีสิ่งใดในโลก ที่ไม่มีข้อดี และ ไม่มีข้อเสีย
ทุกสิ่ง มีคุณค่า จากสิ่งที่เราคิดและเรากำหนดให้เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ตัวของมันเองที่มีคุณค่า ถ้าเราไม่เอาก้อนหินที่คล้ายแก้วมีสะท้อนแสงแวววาว ว่า เป็นเพชร ที่มาแทนมูลค่าของสิ่งมีค่า ทุกๆวันนี้ เราคงเอามาโยนลงทะเลเล่น เหมือนกับกรวดที่เราปาแถวชายทะเล ^ ^
เรามักจะจับคำว่า เน้นคุณค่า ของสิ่งใดสิ่งหนึงที่สนใจเท่านั้น
ส่วนตัว ผมมองว่า การลงทุนเน้นคุณค่า หรือเห็นคุณค่า ไม่ได้หมายถึงการลงทุน ที่เห็น คุณค่าในบริษัท ที่เราลงทุนด้านเดียวเสมอ
แต่การเห็นคุณค่า จากสิ่งต่างๆที่เราเอามาเป็นองค์ประกอบในการลงทุน นั่นคือ
นอกจาก มองที่ตัวบริษัทแล้ว ก็ต้อง มองที่ตัวเราและสิ่งที่เป็นองค์ประกอบด้วย ยกตัวอย่างเช่น
เราเห็นคุณค่า จากการใช้เวลา กับการลงทุนตรงนี้แค่ไหน
การ ใช้เวลา ของผมหมายถึงว่า เราให้เวลากับการศึกษา บริษัทนี้ มากน้อยแค่ไหน บางคนตีโจทย์ก่อนซื้อหุ้น และเชื่อฟังกับสิ่งที่ตนเองคิดและวางเป้าหมายการลงทุนครั้งนี้ไว้ บางคนหลังซื้อหุ้น ก็พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆเพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนี้ให้มากขึ้น ทั้งที่บางเรื่องก็ไม่ได้มีผลที่เกียวกับราคาหุ้น แต่ก็ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นั้นคือเราให้เวลากับคุณค่าของสิ่งที่ไม่ได้เป็นปัจจัยทางการเงิน
การใช้เวลา ที่ผมเขียนก็คงคล้ายๆกับว่า เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราทำแค่ไหน เราเห็นว่านี่คือตัวทำเงิน หรือ เห็นว่านี่คือ สิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตมากขึ้น
การใช้เวลาของผม ก็ไม่ได้หมายถึง การใช้เวลากับการมาเฝ้าหน้าจอหุ้นเพื่อดูราคาหุ้น เพื่อดูว่าถึงเป้าหมายที่เราวางไว้หรือไม่ แต่ สำหรับหลายๆคน ก็อาจจะเห็นคุณค่าในเรืองนี้มากกว่าสิ่งอื่น ก็ยังถือว่า เค้าเห็นคุณค่าจากการใช้เวลากับสิ่งนี้มากกว่าสิงอื่นก็ไม่แปลกอะไร
เรามองเห็นคุณค่าของตัวเองอย่างไร การเรียนรู้เกียวกับบริษัทนั้น เมื่อโยงกับการใช้เวลา มันก็จะบอกถึงสิ่งที่เราคิดในอนาคต แผน เป้าหมาย และ ความคาดหว้ง กับชีวิตตัวเองว่า จะเป็นอย่างไร
เรายังอยากกลับมาเป็นเด็กมอปลายที่ ยังไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร อยากเลือกอะไรดี จะเรียนคณะอะไรดี อยู่หรือไม่
การลงทุนในหุ้น บางทีก็เป็นทางเลือกให้เราตัดสินใจได้มากมายว่า เราเลือกที่จะใช้เครืองมืออะไรในการลงทุน และสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ง่ายกว่าไม่ว่ากี่ปีก็ตาม แต่ การเปลียนคณะที่เราอยากเรียน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยิ่งถ้าเรียนใกล้จบ
ดังนั้น การมองหาแนวทางให้กับตัวเอง ก็เป็นแก่นอย่างหนึ่ง ของการลงทุนเน้นคุณค่า ว่า เราเน้นให้ความสำคัญกับสิ่งใดในการลงทุนครั้งนี้ เราเน้นที่ต้องการกำไรอย่างรวดเร็ว เราต้องเลือกเครื่องมือชนิดไหนในการลงทุน เราไม่ได้คาดหวังว่าจะรวยมหาศาล เพียงแค่มีชีวิตในอนาคตที่ดีขึ้น แล้วเราจะเลือกเครืองมืออะไรในการลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นเครืองมืออะไร ท้ายสุด ถ้าคุณตอบสิ่งที่คุณเข้ามาในการลงทุนได้ เรียนรู้ตัวเองได้ว่าเป็นคนอย่างไร กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะแก้ปัญหา กล้าที่จะเลือกใช้เหตุผลต่างๆ กล้าที่จะท้าทายกับสิ่งใหม่ๆ นี่ก็เป็นการลงทุนที่เห็นคุณค่าจากตัวเราเองเช่นกัน เพราะท้ายสุด การลงทุนที่เห็นคุณค่าตัวเรา ก็คล้ายๆกับ การลงทุนที่ทำให้เราเติบโตทางความคิด และ เติบโตด้วยความสุขที่เราได้ทำไป
ประเด็นว่า ข้อเสียจากการลงทุนเน้นคุณค่า ก็คือ ข้อเสียที่เกิดขึ้นเนื่องจาก เรามองไม่เห็นสิ่งดีๆที่มีในนั้น หรือเปล่า
ทำไมเรายังเลือกแต่งงานกับผู้หญิงที่หน้าตาไม่สวยแม้ว่าสมองเราจะมีเครื่องมือคัดกรองมากมายแต่เราเลือกที่จะใช้เครื่องมือที่ไม่ได้คัดแค่หน้าตา แต่เราได้เลือกจากเครืองมือที่เรียกว่า การได้เรียนรู้เค้า ได้รู้จักเค้า ได้เข้าใจและคิดว่า เค้าเข้ากับเราได้
เช่นกัน ทำไมเราเลือกบริษัท เพียงเพราะดูจากแค่ เครืองมือใดเครืองมือหนึง เพราะคิดและยึดติดว่า ต้องใช้แบบนี้ แต่เราลืมไปว่า เราใช้แล้ว มัน เข้ากับสิ่งที่เราเป็นหรือไม่
^ & ^ หวังว่า คงไม่ยาวจนไม่มีใครอ่านกันนะครับ
ทุกสิ่ง มีคุณค่า จากสิ่งที่เราคิดและเรากำหนดให้เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ตัวของมันเองที่มีคุณค่า ถ้าเราไม่เอาก้อนหินที่คล้ายแก้วมีสะท้อนแสงแวววาว ว่า เป็นเพชร ที่มาแทนมูลค่าของสิ่งมีค่า ทุกๆวันนี้ เราคงเอามาโยนลงทะเลเล่น เหมือนกับกรวดที่เราปาแถวชายทะเล ^ ^
เรามักจะจับคำว่า เน้นคุณค่า ของสิ่งใดสิ่งหนึงที่สนใจเท่านั้น
ส่วนตัว ผมมองว่า การลงทุนเน้นคุณค่า หรือเห็นคุณค่า ไม่ได้หมายถึงการลงทุน ที่เห็น คุณค่าในบริษัท ที่เราลงทุนด้านเดียวเสมอ
แต่การเห็นคุณค่า จากสิ่งต่างๆที่เราเอามาเป็นองค์ประกอบในการลงทุน นั่นคือ
นอกจาก มองที่ตัวบริษัทแล้ว ก็ต้อง มองที่ตัวเราและสิ่งที่เป็นองค์ประกอบด้วย ยกตัวอย่างเช่น
เราเห็นคุณค่า จากการใช้เวลา กับการลงทุนตรงนี้แค่ไหน
การ ใช้เวลา ของผมหมายถึงว่า เราให้เวลากับการศึกษา บริษัทนี้ มากน้อยแค่ไหน บางคนตีโจทย์ก่อนซื้อหุ้น และเชื่อฟังกับสิ่งที่ตนเองคิดและวางเป้าหมายการลงทุนครั้งนี้ไว้ บางคนหลังซื้อหุ้น ก็พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆเพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนี้ให้มากขึ้น ทั้งที่บางเรื่องก็ไม่ได้มีผลที่เกียวกับราคาหุ้น แต่ก็ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นั้นคือเราให้เวลากับคุณค่าของสิ่งที่ไม่ได้เป็นปัจจัยทางการเงิน
การใช้เวลา ที่ผมเขียนก็คงคล้ายๆกับว่า เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราทำแค่ไหน เราเห็นว่านี่คือตัวทำเงิน หรือ เห็นว่านี่คือ สิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตมากขึ้น
การใช้เวลาของผม ก็ไม่ได้หมายถึง การใช้เวลากับการมาเฝ้าหน้าจอหุ้นเพื่อดูราคาหุ้น เพื่อดูว่าถึงเป้าหมายที่เราวางไว้หรือไม่ แต่ สำหรับหลายๆคน ก็อาจจะเห็นคุณค่าในเรืองนี้มากกว่าสิ่งอื่น ก็ยังถือว่า เค้าเห็นคุณค่าจากการใช้เวลากับสิ่งนี้มากกว่าสิงอื่นก็ไม่แปลกอะไร
เรามองเห็นคุณค่าของตัวเองอย่างไร การเรียนรู้เกียวกับบริษัทนั้น เมื่อโยงกับการใช้เวลา มันก็จะบอกถึงสิ่งที่เราคิดในอนาคต แผน เป้าหมาย และ ความคาดหว้ง กับชีวิตตัวเองว่า จะเป็นอย่างไร
เรายังอยากกลับมาเป็นเด็กมอปลายที่ ยังไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร อยากเลือกอะไรดี จะเรียนคณะอะไรดี อยู่หรือไม่
การลงทุนในหุ้น บางทีก็เป็นทางเลือกให้เราตัดสินใจได้มากมายว่า เราเลือกที่จะใช้เครืองมืออะไรในการลงทุน และสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ง่ายกว่าไม่ว่ากี่ปีก็ตาม แต่ การเปลียนคณะที่เราอยากเรียน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยิ่งถ้าเรียนใกล้จบ
ดังนั้น การมองหาแนวทางให้กับตัวเอง ก็เป็นแก่นอย่างหนึ่ง ของการลงทุนเน้นคุณค่า ว่า เราเน้นให้ความสำคัญกับสิ่งใดในการลงทุนครั้งนี้ เราเน้นที่ต้องการกำไรอย่างรวดเร็ว เราต้องเลือกเครื่องมือชนิดไหนในการลงทุน เราไม่ได้คาดหวังว่าจะรวยมหาศาล เพียงแค่มีชีวิตในอนาคตที่ดีขึ้น แล้วเราจะเลือกเครืองมืออะไรในการลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นเครืองมืออะไร ท้ายสุด ถ้าคุณตอบสิ่งที่คุณเข้ามาในการลงทุนได้ เรียนรู้ตัวเองได้ว่าเป็นคนอย่างไร กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะแก้ปัญหา กล้าที่จะเลือกใช้เหตุผลต่างๆ กล้าที่จะท้าทายกับสิ่งใหม่ๆ นี่ก็เป็นการลงทุนที่เห็นคุณค่าจากตัวเราเองเช่นกัน เพราะท้ายสุด การลงทุนที่เห็นคุณค่าตัวเรา ก็คล้ายๆกับ การลงทุนที่ทำให้เราเติบโตทางความคิด และ เติบโตด้วยความสุขที่เราได้ทำไป
ประเด็นว่า ข้อเสียจากการลงทุนเน้นคุณค่า ก็คือ ข้อเสียที่เกิดขึ้นเนื่องจาก เรามองไม่เห็นสิ่งดีๆที่มีในนั้น หรือเปล่า
ทำไมเรายังเลือกแต่งงานกับผู้หญิงที่หน้าตาไม่สวยแม้ว่าสมองเราจะมีเครื่องมือคัดกรองมากมายแต่เราเลือกที่จะใช้เครื่องมือที่ไม่ได้คัดแค่หน้าตา แต่เราได้เลือกจากเครืองมือที่เรียกว่า การได้เรียนรู้เค้า ได้รู้จักเค้า ได้เข้าใจและคิดว่า เค้าเข้ากับเราได้
เช่นกัน ทำไมเราเลือกบริษัท เพียงเพราะดูจากแค่ เครืองมือใดเครืองมือหนึง เพราะคิดและยึดติดว่า ต้องใช้แบบนี้ แต่เราลืมไปว่า เราใช้แล้ว มัน เข้ากับสิ่งที่เราเป็นหรือไม่
^ & ^ หวังว่า คงไม่ยาวจนไม่มีใครอ่านกันนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 18
เท่าที่ผมอ่านความคิดเห็นในหลาย ๆ กระทู้นะครับ ผมว่าถึงทุกคนจะเรียกตัวเองว่าลงทุนแนว VI แต่ก็ยังมีข้อปลีกย่อยแตกต่างกัน
อะไร คือ การลงทุนแนว VI ที่ ศาสดาแห่งการลงทุนแนว VI คิดค้นขึ้นมาครับ
และ ศาสดาแนว VI ที่แท้จริงคือใคร เบนจามิน เกรแฮม. วอเรน บัฟเฟตต์ ฯลฯ
และศาสดาคนไหนที่กำหนดว่า ห้ามนักลงทุนแนว VI ทำโน่น ทำนี่ เช่น ห้ามใช้การวิเคราะห์ด้วยกราฟ
และข้อห้ามที่ศาสดาตั้งเอาไว้มีอะไรบ้าง
เบนจามิน เกรแฮม ได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งการลงทุนเน้นคุณค่า
วอเรน บัฟเฟตต์ ที่เป็นลูกศิษย์ ก็มีการพัฒนาแนวทางจาก อาจารย์ เบนจามิน เกรแฮม แบบนี้จะยังเรียกว่าเป็น นักลงทุนแนว VI กลายพันธุ์ได้หรือไม่
ที่กล่าวมาเพราะบางครั้งผมคิดว่า หลายท่านเอาแนวทาง VI มาใช้ แล้วก็ใช้ความเข้าใจของตัวเอง ใส่เข้าไป พอเห็นข้อไหนที่ไม่ตรงกับความเข้าใจก็จะตีความว่า นี่ไม่ใช่ VI
ผมคิดว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เค้าไม่แคร์หรอกครับว่าจะเป็นนักลงทุนแนวไหน แต่เค้าจะลงทุนในแนวที่เค้าตกผลึกทางความคิดมาแล้ว
การดูปัจจัยพื้นฐานของกิจการ และอาศัยกราฟช่วยจับจังหวะซื้อขาย หากใครที่ทำแล้วประสบผลสำเร็จก็ไม่ควรไปตั้งแง่ว่านี่ไม่ใช่แนวทาง VI
ส่วนคำถามของ จขกท ที่ถามว่าลงทุนแนว VI มีข้อเสียหรือไม่นั้น ผมอยากเรียนว่า วิธีการนะไม่ผิดหรอกครับ ไม่ว่าแนวทาง VI หรือ เทคนิเคิล ขอเพียงให้รู้จริง และรู้ใจของตัวเอง
อย่าให้คำเรียกขานมาเป็นประหนึ่ง พันธนาการ ที่ล็อคความคิด
ขอให้ศึกษาและตกผลึกแนวคิด หาสิ่งที่เหมาะสมกับวิถีของตัวเอง ศึกษาข้อดีข้อด้อยจากตำรับตำราหรือถามผู้รู้ จะเป็นแนวทางใดก็ได้ ไม่ว่าใครจะเรียกอย่างไร สุดท้ายคนที่จะเป็นคนลงทุนก็คือตัวเราเองครับ
นักลงทุนที่ผมนับถือในด้านการตกผลึกทางความคิดและมองการลงทุนหุ้นแบบนักวิทยาศาสตร์ ก็คือ เสี่ยยักษ์ ครับ วิถีการลงทุนของท่านผสมผสานข้อดีของ เทคนิคเคิล เล่นรอบ ดูปัจัยพื้นฐาน ดูกิจการที่มีแนวโน้มเติบโต แล้วมาตกผลึกเป็นแนวทางของตัวเองจนประสบความสำเร็จครับ
อะไร คือ การลงทุนแนว VI ที่ ศาสดาแห่งการลงทุนแนว VI คิดค้นขึ้นมาครับ
และ ศาสดาแนว VI ที่แท้จริงคือใคร เบนจามิน เกรแฮม. วอเรน บัฟเฟตต์ ฯลฯ
และศาสดาคนไหนที่กำหนดว่า ห้ามนักลงทุนแนว VI ทำโน่น ทำนี่ เช่น ห้ามใช้การวิเคราะห์ด้วยกราฟ
และข้อห้ามที่ศาสดาตั้งเอาไว้มีอะไรบ้าง
เบนจามิน เกรแฮม ได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งการลงทุนเน้นคุณค่า
วอเรน บัฟเฟตต์ ที่เป็นลูกศิษย์ ก็มีการพัฒนาแนวทางจาก อาจารย์ เบนจามิน เกรแฮม แบบนี้จะยังเรียกว่าเป็น นักลงทุนแนว VI กลายพันธุ์ได้หรือไม่
ที่กล่าวมาเพราะบางครั้งผมคิดว่า หลายท่านเอาแนวทาง VI มาใช้ แล้วก็ใช้ความเข้าใจของตัวเอง ใส่เข้าไป พอเห็นข้อไหนที่ไม่ตรงกับความเข้าใจก็จะตีความว่า นี่ไม่ใช่ VI
ผมคิดว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เค้าไม่แคร์หรอกครับว่าจะเป็นนักลงทุนแนวไหน แต่เค้าจะลงทุนในแนวที่เค้าตกผลึกทางความคิดมาแล้ว
การดูปัจจัยพื้นฐานของกิจการ และอาศัยกราฟช่วยจับจังหวะซื้อขาย หากใครที่ทำแล้วประสบผลสำเร็จก็ไม่ควรไปตั้งแง่ว่านี่ไม่ใช่แนวทาง VI
ส่วนคำถามของ จขกท ที่ถามว่าลงทุนแนว VI มีข้อเสียหรือไม่นั้น ผมอยากเรียนว่า วิธีการนะไม่ผิดหรอกครับ ไม่ว่าแนวทาง VI หรือ เทคนิเคิล ขอเพียงให้รู้จริง และรู้ใจของตัวเอง
อย่าให้คำเรียกขานมาเป็นประหนึ่ง พันธนาการ ที่ล็อคความคิด
ขอให้ศึกษาและตกผลึกแนวคิด หาสิ่งที่เหมาะสมกับวิถีของตัวเอง ศึกษาข้อดีข้อด้อยจากตำรับตำราหรือถามผู้รู้ จะเป็นแนวทางใดก็ได้ ไม่ว่าใครจะเรียกอย่างไร สุดท้ายคนที่จะเป็นคนลงทุนก็คือตัวเราเองครับ
นักลงทุนที่ผมนับถือในด้านการตกผลึกทางความคิดและมองการลงทุนหุ้นแบบนักวิทยาศาสตร์ ก็คือ เสี่ยยักษ์ ครับ วิถีการลงทุนของท่านผสมผสานข้อดีของ เทคนิคเคิล เล่นรอบ ดูปัจัยพื้นฐาน ดูกิจการที่มีแนวโน้มเติบโต แล้วมาตกผลึกเป็นแนวทางของตัวเองจนประสบความสำเร็จครับ
- MYBIZ
- Verified User
- โพสต์: 888
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 19
"การลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้น เปรียบได้กับการปลูกไม้ยืนต้น
โดยการสรรหาเมล็ดพันธุ์ดีๆ ซึ่งสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง
เมื่อเราปลูกแล้ว ไม่ได้หวังให้พืชที่เราปลูกนั้น ออกดอกออกผล เติบโตในเร็ววัน
แต่เป็นการใช้ระยะเวลา ให้พืชที่เราปลูกนั้นเติบใหญ่ กลายเป็นไม้ยืนต้น
ให้ผลผลิตที่มั่นคงต่อไปในระยะยาว
ฉะนั้น การลงทุนแบบเน้นคุณค่า จึงต้องอาศัยการศึกษาเมล็ดพันธุ์
ซึ่งสามารถเติบโตได้ดีในระยะยาว อาจจะไม่รวดเร็ว หวือหวาเหมือนพืชล้มลุก
เหมาะกับผู้ที่มีความอดทน ใจเย็น สามารถประเมินสถานการณ์ในระยะยาวได้ดี"
วิกฤติมาเราก็เริ่มถามหาแนวทางการลงทุนของเราเหมาะสมมั๊ย ถูกทางมั๊ย
ทำไมเราไม่ถามตัวเองว่าเราพัฒนาตัวเองมากพอหรือยังที่จะรับกับสภาวะการลงทุนให้ได้ทุกสภาพ
เรียนรู้ ปรับปรุง ปรับเปลี่ยน พัฒนาปรัชญาการลงทุนของตัวเอง หาแนวทางของตัวเองให้เจอ (ผมก็กำลังทำอยู่ อิอิๆๆ)
โดยการสรรหาเมล็ดพันธุ์ดีๆ ซึ่งสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง
เมื่อเราปลูกแล้ว ไม่ได้หวังให้พืชที่เราปลูกนั้น ออกดอกออกผล เติบโตในเร็ววัน
แต่เป็นการใช้ระยะเวลา ให้พืชที่เราปลูกนั้นเติบใหญ่ กลายเป็นไม้ยืนต้น
ให้ผลผลิตที่มั่นคงต่อไปในระยะยาว
ฉะนั้น การลงทุนแบบเน้นคุณค่า จึงต้องอาศัยการศึกษาเมล็ดพันธุ์
ซึ่งสามารถเติบโตได้ดีในระยะยาว อาจจะไม่รวดเร็ว หวือหวาเหมือนพืชล้มลุก
เหมาะกับผู้ที่มีความอดทน ใจเย็น สามารถประเมินสถานการณ์ในระยะยาวได้ดี"
วิกฤติมาเราก็เริ่มถามหาแนวทางการลงทุนของเราเหมาะสมมั๊ย ถูกทางมั๊ย
ทำไมเราไม่ถามตัวเองว่าเราพัฒนาตัวเองมากพอหรือยังที่จะรับกับสภาวะการลงทุนให้ได้ทุกสภาพ
เรียนรู้ ปรับปรุง ปรับเปลี่ยน พัฒนาปรัชญาการลงทุนของตัวเอง หาแนวทางของตัวเองให้เจอ (ผมก็กำลังทำอยู่ อิอิๆๆ)
จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 20
ข้อเสียของแนวทางวีไอ คือ ไม่เก็งกำไร ทำให้นักลงทุนบางคนรู้สึกว่าเสียโอกาสที่น่าจะเก็งกำไร แต่ผมอยากบอกว่า หลายครั้งเราเก็งผิด แต่ไม่ได้เล่น ก็บอกว่าโชคดีที่ไม่เก็งกำไร พอเก็งถูกแต่ไม่ได้เล่นก็บอกว่าเสียดายที่ไม่ได้เก็งกำไร เป็นจุดอ่อนของการลงทุนแนววีไอ
ด้วยความรู้ของผม ผมว่าเก็งกำไรจากการอ่านเศรษฐกิจมหภาค การอ่าน fund flow เพื่อปิดจุดอ่อนการลงทุนแนววีไอมันยาก แค่อ่านของประเทศไทยยังยากเลย จะอ่านของโลกยิ่งยากใหญ่ โฟกัสไปที่บริษัทที่เจาะจงจะลงทุนง่ายกว่ามาก
เมื่อลงทุนแนววีไอ หากราคาหุ้นลดลง ทบทวนแล้ว fundamental บริษัทไม่เปลี่ยนนัก ผมก็จะเชียร์ให้เก็บเพิ่มว่าน่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นผกผันกับราคาที่ลดลง แทนที่จะกลัวว่ามันจะลงต่อแล้วขายทิ้ง โดยเก็งว่าขายเพื่อรอซื้อคืนอาจบอกว่า เพื่อปิดจุดอ่อนของการลงทุนแนววีไอ และหากเราวัดความถูก ผิด ของการลงทุน จากราคาที่ขึ้นลง (ยิ่งในระยะสั้นมากเท่าไร) ผมว่าแนวไหนก็มีจุดอ่อนทั้งนั้น และถ้าใครสามารถทำนายราคาได้ จะเป็นยิ่งกว่าเทพ แต่ถ้าคุณเชื่อในหลักการ (ผมก็เป็นคนหนึ่ง) การลงทุนแนว vi นี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในระยะยาว ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
อย่างไรก็ดี สุดท้ายก็ยังเห็นว่าว่า แต่ละคนสมควรเลือกวิธีการลงทุนที่ถูกกับจริตของตนเองและมีความสุข ครับ
ด้วยความรู้ของผม ผมว่าเก็งกำไรจากการอ่านเศรษฐกิจมหภาค การอ่าน fund flow เพื่อปิดจุดอ่อนการลงทุนแนววีไอมันยาก แค่อ่านของประเทศไทยยังยากเลย จะอ่านของโลกยิ่งยากใหญ่ โฟกัสไปที่บริษัทที่เจาะจงจะลงทุนง่ายกว่ามาก
เมื่อลงทุนแนววีไอ หากราคาหุ้นลดลง ทบทวนแล้ว fundamental บริษัทไม่เปลี่ยนนัก ผมก็จะเชียร์ให้เก็บเพิ่มว่าน่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นผกผันกับราคาที่ลดลง แทนที่จะกลัวว่ามันจะลงต่อแล้วขายทิ้ง โดยเก็งว่าขายเพื่อรอซื้อคืนอาจบอกว่า เพื่อปิดจุดอ่อนของการลงทุนแนววีไอ และหากเราวัดความถูก ผิด ของการลงทุน จากราคาที่ขึ้นลง (ยิ่งในระยะสั้นมากเท่าไร) ผมว่าแนวไหนก็มีจุดอ่อนทั้งนั้น และถ้าใครสามารถทำนายราคาได้ จะเป็นยิ่งกว่าเทพ แต่ถ้าคุณเชื่อในหลักการ (ผมก็เป็นคนหนึ่ง) การลงทุนแนว vi นี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในระยะยาว ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
อย่างไรก็ดี สุดท้ายก็ยังเห็นว่าว่า แต่ละคนสมควรเลือกวิธีการลงทุนที่ถูกกับจริตของตนเองและมีความสุข ครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 21
ข้อเสียของ vi ผมว่าไม่เหมาะกับคนขี้เกียจที่อยากรวยครับ
หลักการลงทุนแนว vi หรือแนวไหนๆ ถ้าไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าทำแล้วประสบความสำเร็จ ก็คงจะไม่มีใครทำตามแล้วยึดถือ
เป็นแบบอย่าง ดังนั้นผมว่า จะลงทุนอะไร แนวไหน ขอให้สำเร็จเท่านั้นพอ แล้ววิธีการที่จะสำเร็จก็ไม่มีอะไรยากเลย
แค่ทำจนกว่ามันจะ "สำเร็จ" อยู่ที่ว่าคุณจะรอวันนั้นได้นานแค่ไหน
หลักการลงทุนแนว vi หรือแนวไหนๆ ถ้าไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าทำแล้วประสบความสำเร็จ ก็คงจะไม่มีใครทำตามแล้วยึดถือ
เป็นแบบอย่าง ดังนั้นผมว่า จะลงทุนอะไร แนวไหน ขอให้สำเร็จเท่านั้นพอ แล้ววิธีการที่จะสำเร็จก็ไม่มีอะไรยากเลย
แค่ทำจนกว่ามันจะ "สำเร็จ" อยู่ที่ว่าคุณจะรอวันนั้นได้นานแค่ไหน
-
- Verified User
- โพสต์: 214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 22
ข้อเสียเหรอ พุดตรงๆ vi เป็นวิธีกาีลงทุนแบบหนึ่ง มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบ
ตรงนี้มันแล้วแต่สไตล์
แต่ที่ต้องระวีงคือ คนที่เป็น vi มักมีคนคิดว่าการลงทุนแบบ vi ไม่มีข้อเสีย จะทำให้คนที่มาศึกษาไม่สามารถเห็นภาพเลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะได้ เพราะมองแต่ด้านดี ซึ่งน่าจะเป็นกันทุกแนว ไม่ว่าจะรอบ จะเทคนิค เพราะฉะนั้นต้องระวังในการเลือกแนวที่เหมาะกับตัวเอง
และนิสัยส่วนบุคคลคนที่บอกเป็น vi นั้นที่ต้องระวัง ว่าอาจจะเจอ ซึ่งสำหรับผมนับว่าเห็นบ่อยๆ ก็มักมีลักษณะ
พูดจาไม่เข้าหูคน หยิ่งยะโส ยึดติดมา ไม่ยืดหยุ่น พูดอะไรมีธงชัดเจนในใจ แล้วหาเหตุผลมาโปะให้เข้าทางตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ว่าเรื่องใดประเด็นใด
มีพวกที่แนะนำคนอื่นทั้งทางตรงทางอ้อมให้ถือหุ้นบ้าง ซื้อบ้าง ทั้งๆที่ตัวเองได้เปรียบและต่างสถานการณ์ บอกน่าซื้อ แต่ตัวเองทุนมันตั้งกะสองถึงสี่ร้อยจุด พันจุด แปดร้อนเก้าร้อย เชียร์คนซื้อ บอกหุ้นไทยแกร่ง อะไรประมาณนี้ พวกนร้ต้องระวัง อาจจะ vi เก๊ เพราะต้องคำนึงถึง กิจการ mos และอื่นๆ
ที่พูดมาก็เป็นข้อควรระวัง เกี่ยวกับข้อเสียของคนที่อาจจะบอกว่าเป็น vi แต่อาจะแสดงข้อเท็จจริงกับการลงทุนแนวนี้ไม่หมด ก่อให้เกิดความเสียหายกับคยที่ฟังและเชื่อตามโดยไม่คิด
ตรงนี้มันแล้วแต่สไตล์
แต่ที่ต้องระวีงคือ คนที่เป็น vi มักมีคนคิดว่าการลงทุนแบบ vi ไม่มีข้อเสีย จะทำให้คนที่มาศึกษาไม่สามารถเห็นภาพเลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะได้ เพราะมองแต่ด้านดี ซึ่งน่าจะเป็นกันทุกแนว ไม่ว่าจะรอบ จะเทคนิค เพราะฉะนั้นต้องระวังในการเลือกแนวที่เหมาะกับตัวเอง
และนิสัยส่วนบุคคลคนที่บอกเป็น vi นั้นที่ต้องระวัง ว่าอาจจะเจอ ซึ่งสำหรับผมนับว่าเห็นบ่อยๆ ก็มักมีลักษณะ
พูดจาไม่เข้าหูคน หยิ่งยะโส ยึดติดมา ไม่ยืดหยุ่น พูดอะไรมีธงชัดเจนในใจ แล้วหาเหตุผลมาโปะให้เข้าทางตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ว่าเรื่องใดประเด็นใด
มีพวกที่แนะนำคนอื่นทั้งทางตรงทางอ้อมให้ถือหุ้นบ้าง ซื้อบ้าง ทั้งๆที่ตัวเองได้เปรียบและต่างสถานการณ์ บอกน่าซื้อ แต่ตัวเองทุนมันตั้งกะสองถึงสี่ร้อยจุด พันจุด แปดร้อนเก้าร้อย เชียร์คนซื้อ บอกหุ้นไทยแกร่ง อะไรประมาณนี้ พวกนร้ต้องระวัง อาจจะ vi เก๊ เพราะต้องคำนึงถึง กิจการ mos และอื่นๆ
ที่พูดมาก็เป็นข้อควรระวัง เกี่ยวกับข้อเสียของคนที่อาจจะบอกว่าเป็น vi แต่อาจะแสดงข้อเท็จจริงกับการลงทุนแนวนี้ไม่หมด ก่อให้เกิดความเสียหายกับคยที่ฟังและเชื่อตามโดยไม่คิด
-
- Verified User
- โพสต์: 214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 23
อันนี้แชร์ประสบการณ์เลย
ถ้ากับคนอื่นที่ไม่เข้าใจเรื่องการลงทุนแบบคุณค่าอะไร พอมาถามเรา แล้วเราวิเคราะห์แล้ววิจารณ์หุ้นที่เค้ามาถาม เคยเจอกับตัวเลยว่า เพื่อนชอบหุ้นตัวนี้มาก มาชวนซื้อ เราบางทีก็บอกเค้าเลยว่า ไม่ ผมมองว่ามันไม่ดี เราพูดตามการวิเคราะห์งบ วิเคระาห์กิจการ ตามเนื้อผ้า แต่การปฏิเสธที่ไร้เยื่อใยกับหุ้นตัวนั้นๆ เพื่อนก็บอกเฮ้ยท่าทางแบบ พูดนี่เหมือนเราไปว่าหุ้นที่เค้าแนะนำเสียๆหายๆบ้าง มันเหมือนว่าถ้าคนอื่นไม่เข้าใจแนวคิดเรา จะกลายเป็นว่าเราถูกมองได้ว่า เป็นคนหยิ่งยะโส พูดไม่เข้าหูคนได้
ต้องระวังนะครับ เพราะบางทีอธิบายไปคนอื่นที่ไม่ได้เข้าใจการลงทุนแบบคุณค่าอาจจะมองคุณไม่ดีไปเลยก็ได้
ถ้ากับคนอื่นที่ไม่เข้าใจเรื่องการลงทุนแบบคุณค่าอะไร พอมาถามเรา แล้วเราวิเคราะห์แล้ววิจารณ์หุ้นที่เค้ามาถาม เคยเจอกับตัวเลยว่า เพื่อนชอบหุ้นตัวนี้มาก มาชวนซื้อ เราบางทีก็บอกเค้าเลยว่า ไม่ ผมมองว่ามันไม่ดี เราพูดตามการวิเคราะห์งบ วิเคระาห์กิจการ ตามเนื้อผ้า แต่การปฏิเสธที่ไร้เยื่อใยกับหุ้นตัวนั้นๆ เพื่อนก็บอกเฮ้ยท่าทางแบบ พูดนี่เหมือนเราไปว่าหุ้นที่เค้าแนะนำเสียๆหายๆบ้าง มันเหมือนว่าถ้าคนอื่นไม่เข้าใจแนวคิดเรา จะกลายเป็นว่าเราถูกมองได้ว่า เป็นคนหยิ่งยะโส พูดไม่เข้าหูคนได้
ต้องระวังนะครับ เพราะบางทีอธิบายไปคนอื่นที่ไม่ได้เข้าใจการลงทุนแบบคุณค่าอาจจะมองคุณไม่ดีไปเลยก็ได้
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 24
แรกๆ ผมก็เจอประมาณนี้แหละ
เพราะเขารู้ว่าเราก็ลงทุนเหมือนกัน
แต่ผมก็ไม่ได้ถือตัวอะไรนะ
ก็คุยๆ ได้ ประเด็นคือเราสื่อสารออกไป
ว่าเราคิดอะไร แต่ไม่ได้มีเจตนา
ที่จะไปเปลี่ยนความคิดคนอื่น
หุ้นตัวนั้น เหรอ อ๋อ... ผมเคยแกะแล้วพี่
ดีตรงนี้ๆ แต่ต้องระวังตรงนั้นๆ
คล้ายเซลล์ขายของ
ถ้าสื่อสารออกไปได้ดี ก็เหมือนขายความคิดได้
เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
เขาจะรับรู้ ตั้งแต่คนที่บ้าน
ยันคนที่ทำงาน
ปัจจุบัน บางคนไม่เอาหุ้นมาถามผมแล้ว
เจอหน้าปุ๊บ ก็ถามเลย ว่าตอนนี้ผมถือหุ้นตัวไหนอยู่
เพราะเขารู้ว่าเราก็ลงทุนเหมือนกัน
แต่ผมก็ไม่ได้ถือตัวอะไรนะ
ก็คุยๆ ได้ ประเด็นคือเราสื่อสารออกไป
ว่าเราคิดอะไร แต่ไม่ได้มีเจตนา
ที่จะไปเปลี่ยนความคิดคนอื่น
หุ้นตัวนั้น เหรอ อ๋อ... ผมเคยแกะแล้วพี่
ดีตรงนี้ๆ แต่ต้องระวังตรงนั้นๆ
คล้ายเซลล์ขายของ
ถ้าสื่อสารออกไปได้ดี ก็เหมือนขายความคิดได้
เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
เขาจะรับรู้ ตั้งแต่คนที่บ้าน
ยันคนที่ทำงาน
ปัจจุบัน บางคนไม่เอาหุ้นมาถามผมแล้ว
เจอหน้าปุ๊บ ก็ถามเลย ว่าตอนนี้ผมถือหุ้นตัวไหนอยู่
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 25
แซวเล่นนะครับ มีไรกับคนคนนี้ป่าว เห็นแหนบมาหลายกระทู้แล้ว แค่แซวไม่หวังคำตอบครับbeaeaebe เขียน:ข้อเสียเหรอ พุดตรงๆ vi เป็นวิธีกาีลงทุนแบบหนึ่ง มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบ
ตรงนี้มันแล้วแต่สไตล์
แต่ที่ต้องระวีงคือ คนที่เป็น vi มักมีคนคิดว่าการลงทุนแบบ vi ไม่มีข้อเสีย จะทำให้คนที่มาศึกษาไม่สามารถเห็นภาพเลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะได้ เพราะมองแต่ด้านดี ซึ่งน่าจะเป็นกันทุกแนว ไม่ว่าจะรอบ จะเทคนิค เพราะฉะนั้นต้องระวังในการเลือกแนวที่เหมาะกับตัวเอง
และนิสัยส่วนบุคคลคนที่บอกเป็น vi นั้นที่ต้องระวัง ว่าอาจจะเจอ ซึ่งสำหรับผมนับว่าเห็นบ่อยๆ ก็มักมีลักษณะ
พูดจาไม่เข้าหูคน หยิ่งยะโส ยึดติดมา ไม่ยืดหยุ่น พูดอะไรมีธงชัดเจนในใจ แล้วหาเหตุผลมาโปะให้เข้าทางตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ว่าเรื่องใดประเด็นใด
มีพวกที่แนะนำคนอื่นทั้งทางตรงทางอ้อมให้ถือหุ้นบ้าง ซื้อบ้าง ทั้งๆที่ตัวเองได้เปรียบและต่างสถานการณ์ บอกน่าซื้อ แต่ตัวเองทุนมันตั้งกะสองถึงสี่ร้อยจุด พันจุด แปดร้อนเก้าร้อย เชียร์คนซื้อ บอกหุ้นไทยแกร่ง อะไรประมาณนี้ พวกนร้ต้องระวัง อาจจะ vi เก๊ เพราะต้องคำนึงถึง กิจการ mos และอื่นๆ
ที่พูดมาก็เป็นข้อควรระวัง เกี่ยวกับข้อเสียของคนที่อาจจะบอกว่าเป็น vi แต่อาจะแสดงข้อเท็จจริงกับการลงทุนแนวนี้ไม่หมด ก่อให้เกิดความเสียหายกับคยที่ฟังและเชื่อตามโดยไม่คิด
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1046
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 26
พี่ถือตัวไหนครับ pm มาบอกกันมั่งนะครับ ถามมั้งส.สลึง เขียน:แรกๆ ผมก็เจอประมาณนี้แหละ
เพราะเขารู้ว่าเราก็ลงทุนเหมือนกัน
แต่ผมก็ไม่ได้ถือตัวอะไรนะ
ก็คุยๆ ได้ ประเด็นคือเราสื่อสารออกไป
ว่าเราคิดอะไร แต่ไม่ได้มีเจตนา
ที่จะไปเปลี่ยนความคิดคนอื่น
หุ้นตัวนั้น เหรอ อ๋อ... ผมเคยแกะแล้วพี่
ดีตรงนี้ๆ แต่ต้องระวังตรงนั้นๆ
คล้ายเซลล์ขายของ
ถ้าสื่อสารออกไปได้ดี ก็เหมือนขายความคิดได้
เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
เขาจะรับรู้ ตั้งแต่คนที่บ้าน
ยันคนที่ทำงาน
ปัจจุบัน บางคนไม่เอาหุ้นมาถามผมแล้ว
เจอหน้าปุ๊บ ก็ถามเลย ว่าตอนนี้ผมถือหุ้นตัวไหนอยู่
ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 27
ผมว่าที่คุณพูดถึงน่าจะเป็นลักษณะแต่ละบุคคลมากกว่าครับ อีกอย่างนั่นคงเป็นปัญหาที่นิสัยและบุคลิกแต่ละคนมากกว่าครับbeaeaebe เขียน:ข้อเสียเหรอ พุดตรงๆ vi เป็นวิธีกาีลงทุนแบบหนึ่ง มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบ
ตรงนี้มันแล้วแต่สไตล์
แต่ที่ต้องระวีงคือ คนที่เป็น vi มักมีคนคิดว่าการลงทุนแบบ vi ไม่มีข้อเสีย จะทำให้คนที่มาศึกษาไม่สามารถเห็นภาพเลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะได้ เพราะมองแต่ด้านดี ซึ่งน่าจะเป็นกันทุกแนว ไม่ว่าจะรอบ จะเทคนิค เพราะฉะนั้นต้องระวังในการเลือกแนวที่เหมาะกับตัวเอง
และนิสัยส่วนบุคคลคนที่บอกเป็น vi นั้นที่ต้องระวัง ว่าอาจจะเจอ ซึ่งสำหรับผมนับว่าเห็นบ่อยๆ ก็มักมีลักษณะ
พูดจาไม่เข้าหูคน หยิ่งยะโส ยึดติดมา ไม่ยืดหยุ่น พูดอะไรมีธงชัดเจนในใจ แล้วหาเหตุผลมาโปะให้เข้าทางตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ว่าเรื่องใดประเด็นใด
มีพวกที่แนะนำคนอื่นทั้งทางตรงทางอ้อมให้ถือหุ้นบ้าง ซื้อบ้าง ทั้งๆที่ตัวเองได้เปรียบและต่างสถานการณ์ บอกน่าซื้อ แต่ตัวเองทุนมันตั้งกะสองถึงสี่ร้อยจุด พันจุด แปดร้อนเก้าร้อย เชียร์คนซื้อ บอกหุ้นไทยแกร่ง อะไรประมาณนี้ พวกนร้ต้องระวัง อาจจะ vi เก๊ เพราะต้องคำนึงถึง กิจการ mos และอื่นๆ
ที่พูดมาก็เป็นข้อควรระวัง เกี่ยวกับข้อเสียของคนที่อาจจะบอกว่าเป็น vi แต่อาจะแสดงข้อเท็จจริงกับการลงทุนแนวนี้ไม่หมด ก่อให้เกิดความเสียหายกับคยที่ฟังและเชื่อตามโดยไม่คิด
ประเด็นที่เจ้าของกรทู้ต้องการสื่อ คือ ข้อเสียของการลงทุนในแนว VI ไม่ใช่ ข้อเสียของนักลงทุนที่ลงทุนในแนว VI ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 28
ครับส่วนบุคคล ข้อเสียที่ผมเสนออาจจะไม่ใช่ข้อเสียในการลงทุนแบบมีผลทำให้ขาดทุนหรืออะไร แต่เป็นข้อเสียการลงทุนแบบ vi อย่างนึงที่บางครั้งภาพในการวิเคราะห์และว่ากันไปตามเนื้อผ้ากิจการ มันจะออกไปในแนวขวานผ่าซากในสายตา คนอื่นๆมองนักลงทุน vi คือต้องระวังครับ บางทีเรามองงบ มองกิจการ นี่มันหุ้นบ้าไรเนี่ยซื้อไม่ดี เราบอกไม่ดีแล้วก็ตมมด้วยข้อเสียฉอดๆๆ เพื่อนผม พี่ๆ คนรุ้จักฟังเราบอก ก็นะเฮ้ยทำไมพูดแบบนี้ๆ
ผมแชร์จากที่เคยเจอมากะตัวเองครับ ไม่ได้ว่าใครครับ ผมว่าตัวเอง โดนมากะตัวเองเลย แฟนยังบอกเลยบางทีถามหุ้นผมก็แบบนะหุ้นแบบนี้ไปซื้อได้ไง ฉอดๆๆ เลยกลาบเป็นเราพุดไม่ดี บางทีคนรู้จักเราบอกหุ้นนี้งบใช้ได้นะ กิจการมีอนาคต เค้าเห็นเราถือมานานบางทีราคามันไม่ได้หวือหวา นานๆกว่าจะขึ้นก็กลายเป็นเราเชียร์หุ้นตัวเองซะงั้น หาว่าเราทุนต่ำไปให้เค้าไล่ซื้อ
ผมแชร์จากที่เคยเจอมากะตัวเองครับ ไม่ได้ว่าใครครับ ผมว่าตัวเอง โดนมากะตัวเองเลย แฟนยังบอกเลยบางทีถามหุ้นผมก็แบบนะหุ้นแบบนี้ไปซื้อได้ไง ฉอดๆๆ เลยกลาบเป็นเราพุดไม่ดี บางทีคนรู้จักเราบอกหุ้นนี้งบใช้ได้นะ กิจการมีอนาคต เค้าเห็นเราถือมานานบางทีราคามันไม่ได้หวือหวา นานๆกว่าจะขึ้นก็กลายเป็นเราเชียร์หุ้นตัวเองซะงั้น หาว่าเราทุนต่ำไปให้เค้าไล่ซื้อ
- Tsar
- Verified User
- โพสต์: 163
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 29
ข้อเสียการลงทุนแบบเน้นคุณค่า คือไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่าลงทุนแบบเน้นคุณค่า
พื้นฐานความรู้ความเข้าใจแต่ละคนไม่เท่ากัน
การกระทำอย่างหนึ่ง แต่ละคนตีความไม่ตรงกัน
ข้อเสียนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าบางคน
เอาความรู้ความเข้าใจของตนเองไปตัดสินคนอื่น
เห็นความคิดที่แตกต่าง เป็นความคิดที่แปลกแยก
นักลงทุนที่แสวงหากำไร ย่อมต้องหาประโยชน์จากข้อเสียของคนอื่น
พื้นฐานความรู้ความเข้าใจแต่ละคนไม่เท่ากัน
การกระทำอย่างหนึ่ง แต่ละคนตีความไม่ตรงกัน
ข้อเสียนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าบางคน
เอาความรู้ความเข้าใจของตนเองไปตัดสินคนอื่น
เห็นความคิดที่แตกต่าง เป็นความคิดที่แปลกแยก
นักลงทุนที่แสวงหากำไร ย่อมต้องหาประโยชน์จากข้อเสียของคนอื่น
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข้อเสียของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โพสต์ที่ 30
ข้อเสียของการลงทุนเเบบVI คือ ทำให้เรารู้จักหุ้นตัวนั้นดีอาจจะมากกว่ารู้จักเพื่อนสนิทของเราบางคน รู้สึกเป็นเจ้าของกิจการ เลือกอุดหนุนเเต่สินค้าของบริษัทเราเอง...สิ่งที่น่ากลัวเลยเกิดตามมา...เราเผลอเกิด"ความรัก"หุ้นตัวนั้น รักทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับหุ้นตัวนั้น
พอ"รัก" เเล้ว"ตาบอด" เราจะปรุงเเต่ง สันหาข้อดีต่างๆนาๆมาอธิบาย เกิดการมองอย่างไม่เป็นกลาง มีการกดลบคนที่มีความเห็นต่าง ทั้งๆที่บางทีพื้นฐานของหุ้นได้เปลี่ยนไปเเล้ว
อีกอย่างที่ทำให้เราเข้าใจผิดว่าการลงทุนVIเป็นข้อเสียคือ เรามีความรู้ว่าการลงทุนเเบบVIเป็นอย่างไร เเต่เราพลาดตรงที่ปล่อยให้"อารมณ์"เอาชนะความรู้...อันนีไม่ใช่ข้อเสียของการลงทุนเเบบVIแต่เป็นข้อเสียของเราเองครับ
สรุปสุดท้ายคือเเนวทางการลงทุนเเบบVI มีข้อดีมากๆถ้าเราสามารถตัดการใช้"อารมณ์"ออกจากการลงทุน
พอ"รัก" เเล้ว"ตาบอด" เราจะปรุงเเต่ง สันหาข้อดีต่างๆนาๆมาอธิบาย เกิดการมองอย่างไม่เป็นกลาง มีการกดลบคนที่มีความเห็นต่าง ทั้งๆที่บางทีพื้นฐานของหุ้นได้เปลี่ยนไปเเล้ว
อีกอย่างที่ทำให้เราเข้าใจผิดว่าการลงทุนVIเป็นข้อเสียคือ เรามีความรู้ว่าการลงทุนเเบบVIเป็นอย่างไร เเต่เราพลาดตรงที่ปล่อยให้"อารมณ์"เอาชนะความรู้...อันนีไม่ใช่ข้อเสียของการลงทุนเเบบVIแต่เป็นข้อเสียของเราเองครับ
สรุปสุดท้ายคือเเนวทางการลงทุนเเบบVI มีข้อดีมากๆถ้าเราสามารถตัดการใช้"อารมณ์"ออกจากการลงทุน
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o