จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 8 ตุลาคม 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในช่วงที่ตลาดหุ้นตกลงมาอย่างหนักในช่วงเวลาสั้นๆ คนที่ไม่ได้ถือหุ้นอยู่ หรือถือไว้น้อยมาก ก็มักจะถามว่า “ซื้อหุ้นได้หรือยัง?” คนกลุ่มนี้มักจะเป็นนักเล่นหุ้นสมัครเล่น และเป็นคนมีเงินที่พร้อมเข้าไปเสี่ยงเก็งกำไรจากตลาดหุ้นเป็นครั้งคราว กลยุทธ์ของเขาก็คือ ช้อนซื้อหุ้นในช่วงที่มันตกต่ำเพราะตลาดเกิด “แพนิค” นั่นคือ นักลงทุนตกใจจากภาวะน่ากลัวทางเศรษฐกิจและเทขายหุ้นอย่างหนัก ทำให้ดัชนีปรับตัวลงแรง ความเชื่อของพวกเขาก็คือ เมื่อหุ้นตกลงมาแรง มันก็มักจะ “กระเด้ง” กลับขึ้นไปอย่างแรงเช่นกัน ดังนั้น เขาอยากรู้ว่าดัชนีที่ตกต่ำลงมามากในระยะเวลาอันสั้นนั้น ถึง “พื้น” หรือยัง ถ้าผมตอบว่า “หุ้นมันก็ลงมามากน่าสนใจแล้ว—ถ้าถือไปซัก 2-3 ปี” เขาก็จะเข้าไป “ช้อน” ซื้อหุ้นทันที
เกณฑ์ที่ผมใช้ในการให้คำแนะนำที่ “จำเป็น” ต้องทำนี้ก็คือ ผมจะดูว่าดัชนีหุ้นได้ตกลงมามากน้อยแค่ไหน—จากต้นปี ผมเองไม่เคยจำดัชนีสูงสุดในระหว่างปีได้และก็ไม่สนใจดูด้วยเพราะผมชอบมองระยะยาวมากกว่า ถ้าผมพบว่าหุ้นได้ตกลงมามากพอสมควรนับจากต้นปี ผมก็คิดว่าความเสี่ยงในการเข้าไปลงทุนก็น่าจะน้อยลง อย่างไรก็ตาม นี่จะต้องประกอบกับการดูย้อนหลังไปอย่างน้อย 2-3 ปีด้วยว่า ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นหรือลงมากน้อยแค่ไหน ถ้าหุ้นติดลบมาต่อเนื่องกัน ผมก็จะรู้สึกว่าความเสี่ยงในการเข้าไปซื้อหุ้นก็น่าจะลดลงไปอีก แต่ถ้า 2-3 ปีนั้น หุ้นได้ขึ้นมามากอย่างที่เป็นอยู่ ผมก็จะระวังมากขึ้น ลึกๆ แล้วผมคิดว่าถ้าสิ้นปีนี้ ดัชนีต่ำกว่าสิ้นปีที่แล้วบ้าง ก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น การที่ดัชนีหุ้นในช่วงนี้ต่ำกว่าเมื่อตอนต้นปีประมาณ 10% มันก็ไม่น่าจะบอกได้ว่าหุ้นในขณะนี้มีราคาต่ำมากมายอะไรนักแม้ว่ามันจะตกลงมากว่า 20% แล้วถ้านับจากกลางปี เหนือสิ่งอื่นใด สถิติหุ้นไทยนั้น ในเวลา 10 ปี หุ้นจะขึ้นประมาณ 6 ปี และหุ้นจะตกประมาณ 4 ปี
นอกจากเรื่องของผลตอบแทนที่ผ่านมาทั้งปีปัจจุบันและปีย้อนหลัง 2-3 ปีแล้ว ผมยังดูด้วยว่าดัชนีที่ตกลงมามากนั้น ทำให้ค่า PE ค่า PB และผลตอบแทนจากปันผลจะเป็นเท่าไร ถ้าค่า PE และค่าอื่นๆ นั้นชี้ว่าหุ้นในตลาดโดยเฉลี่ยไม่แพง เช่น ค่า PE ต่ำกว่า 10 เท่ามากๆ ความเสี่ยงในการเข้าซื้อหุ้นก็ลดลง ตรงกันข้าม ถ้าค่า PE ยังสูงอยู่เกินกว่า 13-14 เท่า การซื้อหุ้นก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยังเสี่ยงอยู่แม้ว่าราคาหุ้นจะลดลงมาก แต่ถ้าค่า PE อยู่ที่ประมาณ 10 เท่าซึ่งเท่าๆ กับค่าเฉลี่ยในอดีตของตลาดหุ้นไทยอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ผมก็จะถือว่าความน่าสนใจในการซื้อหุ้นน่าจะอยู่ในระดับกลางๆ
นอกจากเรื่องของผลตอบแทนของดัชนีตลาดในปีปัจจุบันและในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรื่องของค่าความถูกความแพงของตลาดที่วัดด้วย PE และค่าอื่นๆ แล้ว ผมยังต้องดูสภาวะทางเศรษฐกิจการเงินของโลกและประเทศไทยด้วยว่าจะเป็นอย่างไรในช่วง 1-2 ปีที่จะมาถึง ถ้าสภาวะไม่ดีและมีความเสี่ยงสูงที่จะเลวร้ายลงมากโดยเฉพาะกับเศรษฐกิจไทย ความเสี่ยงของการลงทุนซื้อหุ้นก็จะสูงขึ้น แต่ถ้าผมมั่นใจว่าอย่างไรเสียเศรษฐกิจไทยก็น่าจะยังดีอยู่พอสมควรแม้ว่าเศรษฐกิจต่างประเทศอาจจะไม่ดีนัก แบบนี้ การที่หุ้นตกเพราะคนกลัวภาวะเศรษฐกิจโลกก็อาจจะเป็นโอกาสของการเข้าไปช้อนซื้อหุ้นได้
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็เป็นเรื่องของคนที่ไม่ค่อยมีหุ้นอยู่ในมือและก็มักจะไม่ใช่คนที่มุ่งมั่นหรือทุ่มเทกับการลงทุนมากนัก แต่สำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่มากและเอาจริงเอาจังกับการลงทุนคำถามก็มักจะกลับกันว่าการที่หุ้นตกหนักมากนั้น เขาควรขายหุ้นหรือเปล่าเพื่อลดการสูญเสีย เขาควรรักษาเงินสดเอาไว้เพื่อรอกลับมาซื้อหุ้นที่จะตกต่ำและถูกลงไปอีกหรือไม่? พวกเขาคิดว่าสภาวการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้ายในต่างประเทศอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอยลง และนั่นจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและทำให้หุ้นตกลง ดังนั้น แม้ว่าค่า PE ตลาดในปัจจุบันอาจจะไม่สูง หุ้นราคาไม่แพง แต่ในอนาคตค่า PE ก็จะสูงขึ้นเพราะค่า E หรือกำไรจะลดลง ถ้าเป็นแบบนี้หุ้นก็จะตกลงไปอีก ดังนั้น ทางออกที่ดีกว่าก็คือ ขายหุ้นทิ้ง อย่างน้อยก็บางส่วนเพื่อลดความเสี่ยงลง และเมื่อหุ้นตกต่ำถึง “พื้น”แล้วค่อยคิดซื้อหุ้นคืนภายหลัง
ประเด็นก็คือ เป็นเรื่องยากมากที่จะคาดการณ์ได้ถูกต้องว่าหุ้นที่ได้ปรับตัวลงมาอย่างหนักแล้ว จะตกลงต่อไป ประสบการณ์ในทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ “วิกฤติ” และทำให้หุ้นตกลงมารุนแรงนั้น ก็จะมีช่วงเวลาที่หุ้นจะ “กระเด้ง” ขึ้นมารุนแรงเป็นช่วงๆ และก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหุ้นจะขึ้นไปเลยหรือจะตกลงไปใหม่อีก ที่ยิ่งยากไปกว่านั้นก็คือ หุ้นตัวที่เราถืออยู่อาจจะมีพฤติกรรมการขึ้นลงแตกต่างจากภาวะตลาดโดยรวมด้วย นั่นคือ หุ้นตัวที่ถืออยู่อาจจะแย่หรือดีกว่าตลาด ทำให้การวิเคราะห์ภาวะตลาดได้ถูกต้องนั้น ไม่มีประโยชน์ เช่น ดัชนีตลาดอาจจะลงต่อ แต่หุ้นที่เราถืออยู่บางตัวอาจจะปรับตัวขึ้นไปแล้ว ดังนั้น ถ้าเราขายหุ้นไปโดยหวังว่าหุ้นจะลงแล้วเราเข้าไปซื้อกลับมาก็จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
สุดท้าย สำหรับคนที่มีหุ้นจำนวนหนึ่งและก็มีเงินสดที่พร้อมจะลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มเติมได้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เขาอาจจะอยากถามว่า เขาควรขายหุ้นที่มีอยู่หรือซื้อหุ้นเพิ่มดี? คำถามของเขาก็คงมาจากความคิดว่าหุ้นในขณะนั้น ถูกหรือแพง และคำตอบก็คือ เขาไม่มั่นใจ แต่ละวันที่ผ่านไปเขาอาจจะพยายามประเมินด้วยความกระสับกระส่ายเมื่อเห็นราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรวดเร็ว วันหนึ่งเขาอาจจะนึกอยากขาย แต่อีกวันหนึ่งก็คิดว่าเขาควรจะซื้อเพิ่ม เขาอยากฟังคำแนะนำหรือความคิดเห็นของคนที่เขานับถือว่ามีความสามารถและเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และลงทุนในตลาดหุ้นแต่ความเห็นของแต่ละคนก็ยังไม่สอดคล้องกัน สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจขายเพื่อ “ลดความเครียด” โดยการขายหุ้นทิ้ง
ความเห็นของผมสำหรับคนที่ยังคิดไม่ออกหรือตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้อหรือขายหุ้นดี ก็คือ เราควรอยู่เฉยๆ เพราะการที่เราคิดไม่ออกระหว่างการซื้อหรือขาย นั่นอาจจะแปลว่า ราคาหุ้นอาจจะ “ก้ำกึ่ง” มากระหว่าง “ถูกหรือแพง” นั่นแปลว่าหุ้นคงไม่มี Margin of Safety หรือส่วนต่างของความปลอดภัยในกรณีที่เราจะซื้อ ดังนั้น การซื้อคงไม่ใช่กลยุทธ์ที่ถูกต้อง เช่นเดียวกัน การขายในช่วงที่ตลาดกำลังแพนิคนั้น ตามประสบการณ์ของผม มักเป็นการขายที่แย่หรือได้ราคาที่ต่ำที่สุด เพราะถึงแม้ว่าตลาดยังมีแนวโน้มที่จะลงอยู่ แต่ในระยะสั้นๆ บ่อยครั้งหุ้นมักกระเด้งกลับขึ้นมาให้เราได้ขายในราคาที่ดีกว่าวันที่หุ้นตกรุนแรงแบบคนตื่นตูม ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เวลาที่ควรขาย สรุปแล้ว ถ้าเรายังคิดไม่ออกว่าเราควรขายหรือซื้อหุ้น เราก็ควรจะอยู่เฉยๆ ในตลาดหุ้นนั้น ไม่มีใครบังคับให้เราต้องตัดสินใจ ยกเว้นในกรณีที่เราใช้มาร์จินในการซื้อหุ้นและหุ้นของเราถูกบังคับขายเพราะราคาตกลงมามาก ซึ่งในกรณีนั้น มันก็มักจะเป็นหายนะ และนี่ก็เป็นอีกคำแนะนำหนึ่งของผมว่า ในยามที่หุ้นมีความผันผวนและอาจจะมีโอกาสเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้น อย่าใช้มาร์จิน และถ้าเรามีเงินกู้มาร์จินอยู่ จงลดมาร์จินให้หมด
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในช่วงที่ตลาดหุ้นตกลงมาอย่างหนักในช่วงเวลาสั้นๆ คนที่ไม่ได้ถือหุ้นอยู่ หรือถือไว้น้อยมาก ก็มักจะถามว่า “ซื้อหุ้นได้หรือยัง?” คนกลุ่มนี้มักจะเป็นนักเล่นหุ้นสมัครเล่น และเป็นคนมีเงินที่พร้อมเข้าไปเสี่ยงเก็งกำไรจากตลาดหุ้นเป็นครั้งคราว กลยุทธ์ของเขาก็คือ ช้อนซื้อหุ้นในช่วงที่มันตกต่ำเพราะตลาดเกิด “แพนิค” นั่นคือ นักลงทุนตกใจจากภาวะน่ากลัวทางเศรษฐกิจและเทขายหุ้นอย่างหนัก ทำให้ดัชนีปรับตัวลงแรง ความเชื่อของพวกเขาก็คือ เมื่อหุ้นตกลงมาแรง มันก็มักจะ “กระเด้ง” กลับขึ้นไปอย่างแรงเช่นกัน ดังนั้น เขาอยากรู้ว่าดัชนีที่ตกต่ำลงมามากในระยะเวลาอันสั้นนั้น ถึง “พื้น” หรือยัง ถ้าผมตอบว่า “หุ้นมันก็ลงมามากน่าสนใจแล้ว—ถ้าถือไปซัก 2-3 ปี” เขาก็จะเข้าไป “ช้อน” ซื้อหุ้นทันที
เกณฑ์ที่ผมใช้ในการให้คำแนะนำที่ “จำเป็น” ต้องทำนี้ก็คือ ผมจะดูว่าดัชนีหุ้นได้ตกลงมามากน้อยแค่ไหน—จากต้นปี ผมเองไม่เคยจำดัชนีสูงสุดในระหว่างปีได้และก็ไม่สนใจดูด้วยเพราะผมชอบมองระยะยาวมากกว่า ถ้าผมพบว่าหุ้นได้ตกลงมามากพอสมควรนับจากต้นปี ผมก็คิดว่าความเสี่ยงในการเข้าไปลงทุนก็น่าจะน้อยลง อย่างไรก็ตาม นี่จะต้องประกอบกับการดูย้อนหลังไปอย่างน้อย 2-3 ปีด้วยว่า ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นหรือลงมากน้อยแค่ไหน ถ้าหุ้นติดลบมาต่อเนื่องกัน ผมก็จะรู้สึกว่าความเสี่ยงในการเข้าไปซื้อหุ้นก็น่าจะลดลงไปอีก แต่ถ้า 2-3 ปีนั้น หุ้นได้ขึ้นมามากอย่างที่เป็นอยู่ ผมก็จะระวังมากขึ้น ลึกๆ แล้วผมคิดว่าถ้าสิ้นปีนี้ ดัชนีต่ำกว่าสิ้นปีที่แล้วบ้าง ก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น การที่ดัชนีหุ้นในช่วงนี้ต่ำกว่าเมื่อตอนต้นปีประมาณ 10% มันก็ไม่น่าจะบอกได้ว่าหุ้นในขณะนี้มีราคาต่ำมากมายอะไรนักแม้ว่ามันจะตกลงมากว่า 20% แล้วถ้านับจากกลางปี เหนือสิ่งอื่นใด สถิติหุ้นไทยนั้น ในเวลา 10 ปี หุ้นจะขึ้นประมาณ 6 ปี และหุ้นจะตกประมาณ 4 ปี
นอกจากเรื่องของผลตอบแทนที่ผ่านมาทั้งปีปัจจุบันและปีย้อนหลัง 2-3 ปีแล้ว ผมยังดูด้วยว่าดัชนีที่ตกลงมามากนั้น ทำให้ค่า PE ค่า PB และผลตอบแทนจากปันผลจะเป็นเท่าไร ถ้าค่า PE และค่าอื่นๆ นั้นชี้ว่าหุ้นในตลาดโดยเฉลี่ยไม่แพง เช่น ค่า PE ต่ำกว่า 10 เท่ามากๆ ความเสี่ยงในการเข้าซื้อหุ้นก็ลดลง ตรงกันข้าม ถ้าค่า PE ยังสูงอยู่เกินกว่า 13-14 เท่า การซื้อหุ้นก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยังเสี่ยงอยู่แม้ว่าราคาหุ้นจะลดลงมาก แต่ถ้าค่า PE อยู่ที่ประมาณ 10 เท่าซึ่งเท่าๆ กับค่าเฉลี่ยในอดีตของตลาดหุ้นไทยอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ผมก็จะถือว่าความน่าสนใจในการซื้อหุ้นน่าจะอยู่ในระดับกลางๆ
นอกจากเรื่องของผลตอบแทนของดัชนีตลาดในปีปัจจุบันและในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรื่องของค่าความถูกความแพงของตลาดที่วัดด้วย PE และค่าอื่นๆ แล้ว ผมยังต้องดูสภาวะทางเศรษฐกิจการเงินของโลกและประเทศไทยด้วยว่าจะเป็นอย่างไรในช่วง 1-2 ปีที่จะมาถึง ถ้าสภาวะไม่ดีและมีความเสี่ยงสูงที่จะเลวร้ายลงมากโดยเฉพาะกับเศรษฐกิจไทย ความเสี่ยงของการลงทุนซื้อหุ้นก็จะสูงขึ้น แต่ถ้าผมมั่นใจว่าอย่างไรเสียเศรษฐกิจไทยก็น่าจะยังดีอยู่พอสมควรแม้ว่าเศรษฐกิจต่างประเทศอาจจะไม่ดีนัก แบบนี้ การที่หุ้นตกเพราะคนกลัวภาวะเศรษฐกิจโลกก็อาจจะเป็นโอกาสของการเข้าไปช้อนซื้อหุ้นได้
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็เป็นเรื่องของคนที่ไม่ค่อยมีหุ้นอยู่ในมือและก็มักจะไม่ใช่คนที่มุ่งมั่นหรือทุ่มเทกับการลงทุนมากนัก แต่สำหรับคนที่ถือหุ้นอยู่มากและเอาจริงเอาจังกับการลงทุนคำถามก็มักจะกลับกันว่าการที่หุ้นตกหนักมากนั้น เขาควรขายหุ้นหรือเปล่าเพื่อลดการสูญเสีย เขาควรรักษาเงินสดเอาไว้เพื่อรอกลับมาซื้อหุ้นที่จะตกต่ำและถูกลงไปอีกหรือไม่? พวกเขาคิดว่าสภาวการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้ายในต่างประเทศอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอยลง และนั่นจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและทำให้หุ้นตกลง ดังนั้น แม้ว่าค่า PE ตลาดในปัจจุบันอาจจะไม่สูง หุ้นราคาไม่แพง แต่ในอนาคตค่า PE ก็จะสูงขึ้นเพราะค่า E หรือกำไรจะลดลง ถ้าเป็นแบบนี้หุ้นก็จะตกลงไปอีก ดังนั้น ทางออกที่ดีกว่าก็คือ ขายหุ้นทิ้ง อย่างน้อยก็บางส่วนเพื่อลดความเสี่ยงลง และเมื่อหุ้นตกต่ำถึง “พื้น”แล้วค่อยคิดซื้อหุ้นคืนภายหลัง
ประเด็นก็คือ เป็นเรื่องยากมากที่จะคาดการณ์ได้ถูกต้องว่าหุ้นที่ได้ปรับตัวลงมาอย่างหนักแล้ว จะตกลงต่อไป ประสบการณ์ในทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ “วิกฤติ” และทำให้หุ้นตกลงมารุนแรงนั้น ก็จะมีช่วงเวลาที่หุ้นจะ “กระเด้ง” ขึ้นมารุนแรงเป็นช่วงๆ และก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหุ้นจะขึ้นไปเลยหรือจะตกลงไปใหม่อีก ที่ยิ่งยากไปกว่านั้นก็คือ หุ้นตัวที่เราถืออยู่อาจจะมีพฤติกรรมการขึ้นลงแตกต่างจากภาวะตลาดโดยรวมด้วย นั่นคือ หุ้นตัวที่ถืออยู่อาจจะแย่หรือดีกว่าตลาด ทำให้การวิเคราะห์ภาวะตลาดได้ถูกต้องนั้น ไม่มีประโยชน์ เช่น ดัชนีตลาดอาจจะลงต่อ แต่หุ้นที่เราถืออยู่บางตัวอาจจะปรับตัวขึ้นไปแล้ว ดังนั้น ถ้าเราขายหุ้นไปโดยหวังว่าหุ้นจะลงแล้วเราเข้าไปซื้อกลับมาก็จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
สุดท้าย สำหรับคนที่มีหุ้นจำนวนหนึ่งและก็มีเงินสดที่พร้อมจะลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มเติมได้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เขาอาจจะอยากถามว่า เขาควรขายหุ้นที่มีอยู่หรือซื้อหุ้นเพิ่มดี? คำถามของเขาก็คงมาจากความคิดว่าหุ้นในขณะนั้น ถูกหรือแพง และคำตอบก็คือ เขาไม่มั่นใจ แต่ละวันที่ผ่านไปเขาอาจจะพยายามประเมินด้วยความกระสับกระส่ายเมื่อเห็นราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรวดเร็ว วันหนึ่งเขาอาจจะนึกอยากขาย แต่อีกวันหนึ่งก็คิดว่าเขาควรจะซื้อเพิ่ม เขาอยากฟังคำแนะนำหรือความคิดเห็นของคนที่เขานับถือว่ามีความสามารถและเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และลงทุนในตลาดหุ้นแต่ความเห็นของแต่ละคนก็ยังไม่สอดคล้องกัน สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจขายเพื่อ “ลดความเครียด” โดยการขายหุ้นทิ้ง
ความเห็นของผมสำหรับคนที่ยังคิดไม่ออกหรือตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้อหรือขายหุ้นดี ก็คือ เราควรอยู่เฉยๆ เพราะการที่เราคิดไม่ออกระหว่างการซื้อหรือขาย นั่นอาจจะแปลว่า ราคาหุ้นอาจจะ “ก้ำกึ่ง” มากระหว่าง “ถูกหรือแพง” นั่นแปลว่าหุ้นคงไม่มี Margin of Safety หรือส่วนต่างของความปลอดภัยในกรณีที่เราจะซื้อ ดังนั้น การซื้อคงไม่ใช่กลยุทธ์ที่ถูกต้อง เช่นเดียวกัน การขายในช่วงที่ตลาดกำลังแพนิคนั้น ตามประสบการณ์ของผม มักเป็นการขายที่แย่หรือได้ราคาที่ต่ำที่สุด เพราะถึงแม้ว่าตลาดยังมีแนวโน้มที่จะลงอยู่ แต่ในระยะสั้นๆ บ่อยครั้งหุ้นมักกระเด้งกลับขึ้นมาให้เราได้ขายในราคาที่ดีกว่าวันที่หุ้นตกรุนแรงแบบคนตื่นตูม ดังนั้น มันจึงไม่ใช่เวลาที่ควรขาย สรุปแล้ว ถ้าเรายังคิดไม่ออกว่าเราควรขายหรือซื้อหุ้น เราก็ควรจะอยู่เฉยๆ ในตลาดหุ้นนั้น ไม่มีใครบังคับให้เราต้องตัดสินใจ ยกเว้นในกรณีที่เราใช้มาร์จินในการซื้อหุ้นและหุ้นของเราถูกบังคับขายเพราะราคาตกลงมามาก ซึ่งในกรณีนั้น มันก็มักจะเป็นหายนะ และนี่ก็เป็นอีกคำแนะนำหนึ่งของผมว่า ในยามที่หุ้นมีความผันผวนและอาจจะมีโอกาสเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้น อย่าใช้มาร์จิน และถ้าเรามีเงินกู้มาร์จินอยู่ จงลดมาร์จินให้หมด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับ อยากบอกว่าตอนBlack Monday I version 9/11(26/9/11) ผมเป็น 1 ใน 3 เเบบที่ ดร.พูดถึง 555
ตอนนี้ผมอยากเป็น"เต่า"มากกว่า
ตอนนี้ผมอยากเป็น"เต่า"มากกว่า
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 4
ขอบพระคุณครับอาจารย์ ผมทำอย่างที่อาจารย์สอนเด๊ะเลยเลยครับ
ปลอดมาร์จินและก็อยู่เฉยๆ
ปลอดมาร์จินและก็อยู่เฉยๆ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณแนวคิดของท่านอาจารย์ครับ และขอบคุณเจ้าของโพสที่นำบทความดีๆๆมาลง
เสมอครับ
เสมอครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 10
อาทิตย์ได้อ่านบทความดีดี2บทความเลยดีจิงๆคับ
ตั้งแต่ผมลงทุนมาไม่เคยได้ใช้มารืจิ้นเลยรอดตัวมาได้คับเพราะกลัวอิทธพลจากนักลงทุนสายพ่อมดการเงินจะหวังทำกำไรจากตลาดลงจะบีบให้mr.marketต้องทำกับคนใช้มาร์จิ้นแบบนี้....
ตั้งแต่ผมลงทุนมาไม่เคยได้ใช้มารืจิ้นเลยรอดตัวมาได้คับเพราะกลัวอิทธพลจากนักลงทุนสายพ่อมดการเงินจะหวังทำกำไรจากตลาดลงจะบีบให้mr.marketต้องทำกับคนใช้มาร์จิ้นแบบนี้....
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
- draco
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 11
แทงใจดำครับ วันนึงผมคิดจะขาย อีกวันก็คิดว่าหรือซื้อเพิ่มดี แล้วก็พยายามหาความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญว่าควรบริหารพอร์ตอย่างไรดี ไม่น่าเชื่อว่าอาจารย์สามารถอ่านแทงทะลุใจผมได้อย่างชัดเจนเลยครับ ขอบคะณสำหรับบทความดีๆที่ประคองให้ผมยังอยู่ในร่องรอยของ VI ต่อไปครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 991
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณอาจารย์ครับ อาจารย์อ่านใจนักลงทุนได้อย่างชัดเจน แล้วยังกรุณาให้คำแนะนำชี้ทางออกให้ ก็คงแล้วแต่ละท่านว่าเป็นกรณีไหนกัน ในขณะนี้
"Look at market fluctuations as your friend rather than your enemy; profit from folly rather than participate in it." – Warren Buffett
-
- Verified User
- โพสต์: 412
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
ในช่วงที่หุ้นขึ้นลงแรงๆมักมีการคาดการณ์อยู่มากมายประเด็นก็คือ เป็นเรื่องยากมากที่จะคาดการณ์ได้ถูกต้องว่าหุ้นที่ได้ปรับตัวลงมาอย่างหนักแล้ว จะตกลงต่อไป ประสบการณ์ในทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ “วิกฤติ” และทำให้หุ้นตกลงมารุนแรงนั้น ก็จะมีช่วงเวลาที่หุ้นจะ “กระเด้ง” ขึ้นมารุนแรงเป็นช่วง ๆ และก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหุ้นจะขึ้นไปเลยหรือจะตกลงไปใหม่อีก ที่ยิ่งยากไปกว่านั้นก็คือ หุ้นตัวที่เราถืออยู่อาจจะมีพฤติกรรมการขึ้นลงแตกต่างจากภาวะตลาดโดยรวมด้วย นั่นคือ หุ้นตัวที่ถืออยู่อาจจะแย่หรือดีกว่าตลาด ทำให้การวิเคราะห์ภาวะตลาดได้ถูกต้องนั้น ไม่มีประโยชน์ เช่น ดัชนีตลาดอาจจะลงต่อ แต่หุ้นที่เราถืออยู่บางตัวอาจจะปรับตัวขึ้นไปแล้ว ดังนั้น ถ้าเราขายหุ้นไปโดยหวังว่าหุ้นจะลงแล้วเราเข้าไปซื้อกลับมาก็จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
ขอบคุณครับดร.
-
- Verified User
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณ ดร. ที่ออกมาเตือนครับ ชอบบทความนี้มากเลย ตรงกับสถานการณ์ในใจปัจจุบันที่สุดสรุปแล้ว ถ้าเรายังคิดไม่ออกว่าเราควรขายหรือซื้อหุ้น เราก็ควรจะอยู่เฉย ๆ ในตลาดหุ้นนั้น ไม่มีใครบังคับให้เราต้องตัดสินใจ ยกเว้นในกรณีที่เราใช้มาร์จินในการซื้อหุ้นและหุ้นของเราถูกบังคับขายเพราะราคาตกลงมามาก ซึ่งในกรณีนั้น มันก็มักจะเป็นหายนะ และนี่ก็เป็นอีกคำแนะนำหนึ่งของผมว่า ในยามที่หุ้นมีความผันผวนและอาจจะมีโอกาสเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้น อย่าใช้มาร์จิน และถ้าเรามีเงินกู้มาร์จินอยู่ จงลดมาร์จินให้หมด
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
สำหรับผม ตอนนี้เป็นเวลาให้อยู่เฉย ๆ และอ่านหนังสือให้เยอะ ๆ
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 583
- ผู้ติดตาม: 1
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณมากครับอาจารย์ เสียดายผมดันฝ่อ และขายไปช่วงที่ฝูงชนpanic เกือบหมด(รู้ตัวเลยว่า ตัวเองเนี่ยมันเม่ามาก )
ยืนยันว่า มันได้ราคาต่ำจริงๆครับ...กลับมานั่งคิดดู ก็เสียดายมากๆเลยครับ อุตส่าห์ฟูมฟักมานาน
อยู่เฉยๆ ทำการบ้านหนักๆ ไปเรื่อยๆ รอจังหวะ perfet pitch น่าจะดีกว่าเยอะ...
เรียนรู้ครับ เรียนรู้
ยืนยันว่า มันได้ราคาต่ำจริงๆครับ...กลับมานั่งคิดดู ก็เสียดายมากๆเลยครับ อุตส่าห์ฟูมฟักมานาน
อยู่เฉยๆ ทำการบ้านหนักๆ ไปเรื่อยๆ รอจังหวะ perfet pitch น่าจะดีกว่าเยอะ...
เรียนรู้ครับ เรียนรู้
เรียนรู้และเข้าใจ คุณค่าที่แท้จริงของสรรพสิ่ง...
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 21
ท่านอาจารย์ไม่ได้เงินจากการเขียนบทความครับcharonp เขียน:ขอถามแบบไม่สุภาพหน่อยนะครับ
ดร.นิเวศน์ เขียนบทความแบบนี้ได้เงินหรือไม่ครับ
แต่ท่านอาจารย์ได้บุญ ที่บอกวิชั่นในขณะนั้น และสอนนักลงทุน และพูดเรื่องจริงครับ
หลายครั้งเรื่องที่เขียนก้ไปตรงกับชีวิตจริงนักลงทุนบางท่าน
แต่ผมเชื่อว่า ท่านอาจารย์ต้องการจะเตือนสติคนนั้นว่า หากเกิดแบบปี2008แล้ว
ถ้าคุณยังอัดมารจิ้นท์เต็ม 100 แบบเก่าๆๆ
คุณ ไว ก้อาจจะเจ็บตัวได้ ถ้ามันเหมือนปี 2008
จริงไหมครับ คุณ ไว
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จะซื้อหรือจะขายหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 22
มุมมองของนักลงทุน 10หลักอย่างท่านอาจารย์ ย่อมจะมองลึกซึ้งและมองได้ขาด
เหตุผลที่ผมนับถือ ไม่ได้มาจาก ที่ท่านรวย
แต่ผมนับถือที่ มุมมองครับ วิชั่นของนักลงทุนหรือเซียนอย่างพี่โยโย่ เสี่ยปู่
ทุกคน เป็นคนมีวิชั่น ครับ การมองเห็นแต่วันพรุ่งนี้ มันเป็นเรื่องที่ดูธรรมดาในตลาดทุน
ผมเชื่อว่า ระดับ 9และ 10 เค้ามองอะไรที่ไกลมากกว่า คำว่า วันนี้ซื้ออะไรดี
หรือ พรุ่งนี้หุ้นจะร่วงไหม
[color=#BF0080]ผมว่า คำนี้น่าจะเหมาะ กิจการของเราถูกกว่ามูลค่าแท้จริงแล้วหรือยัง
[/color]
[color=#FF0080]หลายท่านมักมองหุ้นพีอีสูง เป็นหุ้นไม่น่าสนใจ แต่ เมื่อลองมองตามเศรษฐกิจแล้ว
หากหุ้นหลายๆตัวร่วงลงเพราะ E ลดลง ย่อมทำให้ PE สูง แต่หากอนาคตธุรกิจกลับมาไ้ด้
เมื่อกำไรมา E มากขึ้น ย่อมทำให้พีอีต่ำลง
[/color]
เหตุผลที่ผมนับถือ ไม่ได้มาจาก ที่ท่านรวย
แต่ผมนับถือที่ มุมมองครับ วิชั่นของนักลงทุนหรือเซียนอย่างพี่โยโย่ เสี่ยปู่
ทุกคน เป็นคนมีวิชั่น ครับ การมองเห็นแต่วันพรุ่งนี้ มันเป็นเรื่องที่ดูธรรมดาในตลาดทุน
ผมเชื่อว่า ระดับ 9และ 10 เค้ามองอะไรที่ไกลมากกว่า คำว่า วันนี้ซื้ออะไรดี
หรือ พรุ่งนี้หุ้นจะร่วงไหม
[color=#BF0080]ผมว่า คำนี้น่าจะเหมาะ กิจการของเราถูกกว่ามูลค่าแท้จริงแล้วหรือยัง
[/color]
[color=#FF0080]หลายท่านมักมองหุ้นพีอีสูง เป็นหุ้นไม่น่าสนใจ แต่ เมื่อลองมองตามเศรษฐกิจแล้ว
หากหุ้นหลายๆตัวร่วงลงเพราะ E ลดลง ย่อมทำให้ PE สูง แต่หากอนาคตธุรกิจกลับมาไ้ด้
เมื่อกำไรมา E มากขึ้น ย่อมทำให้พีอีต่ำลง
[/color]