ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ@@@
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 62
แอล.พี.เอ็น.ขีด3โซนพื้นที่เสี่ยง
แอล.พี.เอ็น. ขีด 3 โซน "แดง-เหลือง-เขียว" 80 โปรเจ็กต์ 200 อาคาร รับมือความเสี่ยงน้ำท่วม มั่นใจเตรียมพร้อมรับมือ ส่วนยอดขายยังไม่กระทบ ล่าสุดเปิดโปรเจ็กต์ 2 เมืองพัทยาอีก 4,000 ล้าน คาดทั้งปีทั้งทำยอดโอนตามเป้า 12,000 ล้าน หลังไตรมาส 3 ทุบสถิติยอดโอนสูงสุดรอบ 22 ปี
นายจรัญ เกษร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาน้ำท่วมในโครงการคอนโดมิเนียมของแอล.พี.เอ็น. มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา โดยได้นำกระสอบทรายไปกันแนวที่จะไหลเข้าท่วมพื้นที่ในโครงการ พร้อมกับได้ตั้งทีมงานเฉพาะขึ้นมาดูแลพื้นที่โครงการที่เสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วม ซึ่งโครงการที่บริษัทดูแลอยู่มีทั้งหมด 80 โครงการ จำนวน 200 อาคาร มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 10 เขต
"ความสำคัญอันดับแรก คือ การป้องกันน้ำที่จะไหลเข้ามายังพื้นที่โครงการ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นงานระบบ เช่น ห้องเครื่อง ห้องไฟ บ่อเก็บน้ำดี เป็นต้น ซึ่งได้มีการจัดแนวป้องกันไว้ก่อนหน้านี้แล้วเป็นหมื่นกระสอบ ขณะเดียวกันทีมงานของบริษัทที่เป็นทีมช่างทั้งหมด 100 คนก็เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงตลอดเวลา โดยแนวทางที่เตรียมไว้อันดับแรก คือการกันแนวป้องกันน้ำท่วม มาตรการต่อมาคือการสูบน้ำออกจากพื้นที่ และมาตรการสุดท้ายเป็นการแก้ไขปัญหาในแต่ละพื้นที่ตามจริง" นายจรัญ กล่าวและว่า
บริษัทได้ลำดับความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่โครงการที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมเป็น 3 ระดับ คือ สีแดง พื้นที่ใกล้คลองในกรุงเทพฯ และใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเสี่ยงต่อน้ำที่มาจากแม่น้ำ น้ำฝน และน้ำที่ไหลมาจากที่อื่นๆ ปัจจุบันมี 12 โครงการ สีเหลือง พื้นที่ตั้ง ที่โครงการมีลานจอดรถใต้ดิน และตั้งบนพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมจากน้ำฝนที่ระบายออกไม่ทัน มี 6 โครงการ และสีเขียว เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทั่วไป
ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ฯ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ทั้งในส่วนยอดขายโครงการและการก่อสร้าง แต่ช่วงที่มีฝนตกหนักอาจจะทำให้ผู้เข้าชมโครงการชะลอตัวลง ส่วนแนวทางการป้องกันน้ำท่วม ในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้มีการกั้นแนวด้วยกระสอบทรายป้องกันน้ำเข้าพื้นที่ ขณะที่การจัดส่งวัสดุที่มีปัญหาน้ำท่วมและบางรายการขาดแคลนเช่น อิฐมอญ ก็ทำให้การก่อสร้างอาจจะชะลอตัวลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ำท่วมบริษัทคงจะประเมินอีกครั้งหนึ่ง ส่วนมาตรการบ้านหลังแรก อัตราดอกเบี้ย 0% ที่ออกมานั้น แม้จะเป็นมาตรการที่จูงใจ แต่ออกมาในช่วงที่มีน้ำท่วม ทำให้ความสนใจลดน้อยลง หลังจากผ่านพ้นปัญหาน้ำท่วมไปแล้ว ประชาชนน่าจะกลับมาให้ความสนใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะระยะเวลาสิ้นสุดของมาตรการมีจนถึงสิ้นปีหน้า ส่วนแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในไตรมาส 4 ยังประเมินได้ลำบาก คงต้องรอดูภายหลังจากน้ำลดลงแล้ว เพราะตอนนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงเน้นเรื่องการป้องกันน้ำท่วมและช่วยเหลือลูกบ้าน การเปิดตัวโครงการใหม่คงต้องรอดูหลังจากน้ำลดลงแล้ว และเชื่อว่าตลาดคงกลับมาคึกคักหลังจากน้ำลดลงแล้ว บริษัทมีการเฝ้าระวังและจัดระดับ
นายโอภาส กล่าวอีกว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการลุมพินี พาร์คบีช จอมเทียน ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมียอดพรีเซล ประมาณ 400 ยูนิต จากจำนวนที่เปิดการขายกว่า 700 ยูนิต ซึ่งถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดี หลังจากโครงการแรกที่เปิดขายก่อนหน้า ได้แก่ โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ พัทยาเหนือ-สุขุมวิท จำนวน 1,442 ยูนิต ปิดการขายได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งโครงการลุมพินี พาร์ค บีซ จอมเทียน มีเนื้อที่ทั้งหมด 19 ไร่ พัฒนาเฟสแรกบนเนื้อที่ 14 ไร่ จำนวน 1,964 รวม 3 อาคาร มูลค่า 4,000 ล้านบาท และเฟสที่ 2 พัฒนาอีก 5 ไร่ จำนวน 1,200 ยูนิต มูลค่า 1,200 ล้านบาท
"ตลาดคอนโดฯ ในพัทยาบริเวณหาดจอมเทียม โดยทั่วไปราคาขายเฉลี่ย 70,000 บาทต่อตารางเมตร หรือเฉลี่ยยูนิตละ 2-3 ล้านบาท เป็นการจับตลาดระดับบน กลุ่มผู้เกษียณอายุ ผู้ต้องการบ้านพักตากอากาศ ชาวต่างชาติ อาทิ เยอรมัน สแกนดิเนเวีย รัสเซีย เป็นต้น ทำให้ดีเวลอปเปอร์ส่วนใหญ่พัฒนาโครงการที่เป็นระดับบนออกมาจำนวนมาก ส่วนบริษัทพัฒนาโครงการที่จับตลาดระดับกลาง ราคาเริ่มต้น 46,000 บาทต่อตารางเมตร ราคายูนิตเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท โดยราคาดังกล่าวมีจำนวน 70 ยูนิต ซึ่งจะเปิดขายเฉพาะวันที่ 22 ตุลาคมซึ่งเป็นวันแกรนด์โอเพนนิ่ง ปัจจุบันให้ผู้สนใจเข้าลงทะเบียนล่วงหน้า โดยปกติจะมีคนลงทะเบียน 10 คนต่อ 1 ห้องที่เปิดขาย" นายโอภาส กล่าวและว่า
สำหรับยอดพรีเซลปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 3 มีมูลค่า 9,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายรอรับรู้รายได้มีมูลค่า 14,000 ล้านบาท จำนวน 10,000 ยูนิต ปัจจุบันมีโครงการที่ได้รับผลจากมาตรการบ้านต่ำกว่า 1 ล้านบาท ได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% จนถึงปี 2555 จำนวน 7,000 ยูนิต มูลค่า 6,000 ล้านบาท ส่วนโครงการที่แล้วเสร็จพร้อมโอนและเป็นราคาที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทปัจจุบันมีอยู่ 300 ล้านบาท จำนวน 300 ยูนิต ในไตรมาสที่ 3 ถือเป็นไตรมาสที่มียอดโอนสูงสุด ทุบสถิติตลอด 22 ปีที่ผ่านมาด้วยยอดโอน 5,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงไตรมาสที่แล้วซึ่งสูงสุดถึง 3,600 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมียอดโอนแล้ว 11,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 12,000 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,678 13 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554
แอล.พี.เอ็น. ขีด 3 โซน "แดง-เหลือง-เขียว" 80 โปรเจ็กต์ 200 อาคาร รับมือความเสี่ยงน้ำท่วม มั่นใจเตรียมพร้อมรับมือ ส่วนยอดขายยังไม่กระทบ ล่าสุดเปิดโปรเจ็กต์ 2 เมืองพัทยาอีก 4,000 ล้าน คาดทั้งปีทั้งทำยอดโอนตามเป้า 12,000 ล้าน หลังไตรมาส 3 ทุบสถิติยอดโอนสูงสุดรอบ 22 ปี
นายจรัญ เกษร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาน้ำท่วมในโครงการคอนโดมิเนียมของแอล.พี.เอ็น. มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา โดยได้นำกระสอบทรายไปกันแนวที่จะไหลเข้าท่วมพื้นที่ในโครงการ พร้อมกับได้ตั้งทีมงานเฉพาะขึ้นมาดูแลพื้นที่โครงการที่เสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วม ซึ่งโครงการที่บริษัทดูแลอยู่มีทั้งหมด 80 โครงการ จำนวน 200 อาคาร มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 10 เขต
"ความสำคัญอันดับแรก คือ การป้องกันน้ำที่จะไหลเข้ามายังพื้นที่โครงการ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นงานระบบ เช่น ห้องเครื่อง ห้องไฟ บ่อเก็บน้ำดี เป็นต้น ซึ่งได้มีการจัดแนวป้องกันไว้ก่อนหน้านี้แล้วเป็นหมื่นกระสอบ ขณะเดียวกันทีมงานของบริษัทที่เป็นทีมช่างทั้งหมด 100 คนก็เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงตลอดเวลา โดยแนวทางที่เตรียมไว้อันดับแรก คือการกันแนวป้องกันน้ำท่วม มาตรการต่อมาคือการสูบน้ำออกจากพื้นที่ และมาตรการสุดท้ายเป็นการแก้ไขปัญหาในแต่ละพื้นที่ตามจริง" นายจรัญ กล่าวและว่า
บริษัทได้ลำดับความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่โครงการที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมเป็น 3 ระดับ คือ สีแดง พื้นที่ใกล้คลองในกรุงเทพฯ และใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเสี่ยงต่อน้ำที่มาจากแม่น้ำ น้ำฝน และน้ำที่ไหลมาจากที่อื่นๆ ปัจจุบันมี 12 โครงการ สีเหลือง พื้นที่ตั้ง ที่โครงการมีลานจอดรถใต้ดิน และตั้งบนพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมจากน้ำฝนที่ระบายออกไม่ทัน มี 6 โครงการ และสีเขียว เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทั่วไป
ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ฯ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ทั้งในส่วนยอดขายโครงการและการก่อสร้าง แต่ช่วงที่มีฝนตกหนักอาจจะทำให้ผู้เข้าชมโครงการชะลอตัวลง ส่วนแนวทางการป้องกันน้ำท่วม ในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้มีการกั้นแนวด้วยกระสอบทรายป้องกันน้ำเข้าพื้นที่ ขณะที่การจัดส่งวัสดุที่มีปัญหาน้ำท่วมและบางรายการขาดแคลนเช่น อิฐมอญ ก็ทำให้การก่อสร้างอาจจะชะลอตัวลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ำท่วมบริษัทคงจะประเมินอีกครั้งหนึ่ง ส่วนมาตรการบ้านหลังแรก อัตราดอกเบี้ย 0% ที่ออกมานั้น แม้จะเป็นมาตรการที่จูงใจ แต่ออกมาในช่วงที่มีน้ำท่วม ทำให้ความสนใจลดน้อยลง หลังจากผ่านพ้นปัญหาน้ำท่วมไปแล้ว ประชาชนน่าจะกลับมาให้ความสนใจอีกครั้งหนึ่ง เพราะระยะเวลาสิ้นสุดของมาตรการมีจนถึงสิ้นปีหน้า ส่วนแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในไตรมาส 4 ยังประเมินได้ลำบาก คงต้องรอดูภายหลังจากน้ำลดลงแล้ว เพราะตอนนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงเน้นเรื่องการป้องกันน้ำท่วมและช่วยเหลือลูกบ้าน การเปิดตัวโครงการใหม่คงต้องรอดูหลังจากน้ำลดลงแล้ว และเชื่อว่าตลาดคงกลับมาคึกคักหลังจากน้ำลดลงแล้ว บริษัทมีการเฝ้าระวังและจัดระดับ
นายโอภาส กล่าวอีกว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการลุมพินี พาร์คบีช จอมเทียน ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมียอดพรีเซล ประมาณ 400 ยูนิต จากจำนวนที่เปิดการขายกว่า 700 ยูนิต ซึ่งถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดี หลังจากโครงการแรกที่เปิดขายก่อนหน้า ได้แก่ โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ พัทยาเหนือ-สุขุมวิท จำนวน 1,442 ยูนิต ปิดการขายได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งโครงการลุมพินี พาร์ค บีซ จอมเทียน มีเนื้อที่ทั้งหมด 19 ไร่ พัฒนาเฟสแรกบนเนื้อที่ 14 ไร่ จำนวน 1,964 รวม 3 อาคาร มูลค่า 4,000 ล้านบาท และเฟสที่ 2 พัฒนาอีก 5 ไร่ จำนวน 1,200 ยูนิต มูลค่า 1,200 ล้านบาท
"ตลาดคอนโดฯ ในพัทยาบริเวณหาดจอมเทียม โดยทั่วไปราคาขายเฉลี่ย 70,000 บาทต่อตารางเมตร หรือเฉลี่ยยูนิตละ 2-3 ล้านบาท เป็นการจับตลาดระดับบน กลุ่มผู้เกษียณอายุ ผู้ต้องการบ้านพักตากอากาศ ชาวต่างชาติ อาทิ เยอรมัน สแกนดิเนเวีย รัสเซีย เป็นต้น ทำให้ดีเวลอปเปอร์ส่วนใหญ่พัฒนาโครงการที่เป็นระดับบนออกมาจำนวนมาก ส่วนบริษัทพัฒนาโครงการที่จับตลาดระดับกลาง ราคาเริ่มต้น 46,000 บาทต่อตารางเมตร ราคายูนิตเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท โดยราคาดังกล่าวมีจำนวน 70 ยูนิต ซึ่งจะเปิดขายเฉพาะวันที่ 22 ตุลาคมซึ่งเป็นวันแกรนด์โอเพนนิ่ง ปัจจุบันให้ผู้สนใจเข้าลงทะเบียนล่วงหน้า โดยปกติจะมีคนลงทะเบียน 10 คนต่อ 1 ห้องที่เปิดขาย" นายโอภาส กล่าวและว่า
สำหรับยอดพรีเซลปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 3 มีมูลค่า 9,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายรอรับรู้รายได้มีมูลค่า 14,000 ล้านบาท จำนวน 10,000 ยูนิต ปัจจุบันมีโครงการที่ได้รับผลจากมาตรการบ้านต่ำกว่า 1 ล้านบาท ได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% จนถึงปี 2555 จำนวน 7,000 ยูนิต มูลค่า 6,000 ล้านบาท ส่วนโครงการที่แล้วเสร็จพร้อมโอนและเป็นราคาที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทปัจจุบันมีอยู่ 300 ล้านบาท จำนวน 300 ยูนิต ในไตรมาสที่ 3 ถือเป็นไตรมาสที่มียอดโอนสูงสุด ทุบสถิติตลอด 22 ปีที่ผ่านมาด้วยยอดโอน 5,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงไตรมาสที่แล้วซึ่งสูงสุดถึง 3,600 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมียอดโอนแล้ว 11,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 12,000 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,678 13 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 63
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 64
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 65
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 66
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 67
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 68
มาชื่อใหม่อีกเเล้ว เบื่อง่า...ใช้ชื่อเดิมก็ได้ขี้เกียจAddเป็นfoe
ปกติคนสมัครWeb thaivi ถ้าเป็นรายใหม่ ซิงๆ จริงๆ ไม่เยมีusernameมาก่อน จะไม่มีทางpost เยอะมากๆในวันเเรกๆที่สมัคร
ปกติคนสมัครWeb thaivi ถ้าเป็นรายใหม่ ซิงๆ จริงๆ ไม่เยมีusernameมาก่อน จะไม่มีทางpost เยอะมากๆในวันเเรกๆที่สมัคร
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 69
Identity เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
ไม่ว่า จะมาในชื่อไหน
แต่บุคลิค และลายลักษณ์อักษรยังคงเหมือนเดิม
ไม่ว่า จะมาในชื่อไหน
แต่บุคลิค และลายลักษณ์อักษรยังคงเหมือนเดิม
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 70
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 71
บ้านเดี่ยวของ PS โดนน้ำกันแล้ว
พฤกษา เร่งดูแลโครงการโดนน้ำท่วม แจงใช้มาตรการช่วยเหลือครบวงจร
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2554 23:03 น. Share3
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
พฤกษา แจงมาตรการให้ความช่วยเหลือ ลูกค้า-พนักงาน และประชาชน ทั้งการจัดทำคันกั้นน้ำด้วยกระสอบทราย เพื่อป้องกันโครงการที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงภัย ส่วนโครงการที่ถูกน้ำท่วมเฉียบพลัน ได้เร่งสูบน้ำออกเพื่อไม่ให้ท่วมขัง การจัดส่งถุงยังชีพ พร้อมดูแลการอพยพตามความรุนแรง
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน พฤกษาได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าในโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษา พนักงานของบริษัทฯ ตลอดจนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ โดยได้ดำเนินการมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ดังนี้
ลูกค้าในโครงการของพฤกษา บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดทำคันกั้นน้ำด้วยกระสอบทราย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษาที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงภัย และจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำสำหรับสูบระบายน้ำออกภายนอกพื้นที่โครงการ
สำหรับโครงการที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมแล้ว เนื่องจากเกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน บริษัทฯ ได้บรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าด้วยการเร่งสูบน้ำออกจากโครงการ การจัดส่งถุงยังชีพไปให้ รวมทั้งประสานงานเพื่อช่วยเหลือในการอพยพตามความต้องการของลูกค้า หรือตามความรุนแรงของสถานการณ์น้ำท่วม
"พนักงานพฤกษา บริษัทฯ ได้ช่วยเหลือพนักงานด้วยการมอบถุงยังชีพให้กับพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ตลอดจนมีมาตรการช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบภายหลังจากน้ำลดแล้ว ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการของพฤกษา และประชาชนทั่วไป"
บริษัทฯ ได้ร่วมสมทบทุนเงินบริจาคในโครงการ “วุฒิสภาช่วยน้ำท่วม” และสนับสนุนน้ำดื่มให้กับศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยน้ำท่วม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต รวมทั้งมอบถุงยังชีพและสิ่งของอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความเสียใจต่อเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และเร่งให้ความช่วยเหลือลูกค้า พนักงาน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างดีที่สุด แม้ว่าจะมีอุปสรรคในการช่วยเหลือหลายประการ เช่น วัสดุอุปกรณ์สำหรับการป้องกันน้ำท่วมหายากและไม่เพียงพอ ของใช้สำหรับอุปโภค-บริโภคเริ่มขาดตลาด ฯลฯ ทำให้การช่วยเหลือล่าช้าและไม่ทั่วถึง
ขณะเดียวกัน พนักงานและเจ้าหน้าที่ของพฤกษาทุกคนยินดีและเต็มใจช่วยเหลือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกลุ่มอย่างสุดความสามารถ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้วางแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภายหลังจากน้ำลดด้วย ทั้งนี้ หากลูกค้าต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนโปรดติดต่อมาที่ Pruksa Contact Center 1739 ซึ่งได้ขยายเวลาการให้บริการเป็น 24 ชั่วโมงตลอดเดือนตุลาคมนี้
พฤกษา เร่งดูแลโครงการโดนน้ำท่วม แจงใช้มาตรการช่วยเหลือครบวงจร
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 ตุลาคม 2554 23:03 น. Share3
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
พฤกษา แจงมาตรการให้ความช่วยเหลือ ลูกค้า-พนักงาน และประชาชน ทั้งการจัดทำคันกั้นน้ำด้วยกระสอบทราย เพื่อป้องกันโครงการที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงภัย ส่วนโครงการที่ถูกน้ำท่วมเฉียบพลัน ได้เร่งสูบน้ำออกเพื่อไม่ให้ท่วมขัง การจัดส่งถุงยังชีพ พร้อมดูแลการอพยพตามความรุนแรง
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน พฤกษาได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าในโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษา พนักงานของบริษัทฯ ตลอดจนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ โดยได้ดำเนินการมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ดังนี้
ลูกค้าในโครงการของพฤกษา บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดทำคันกั้นน้ำด้วยกระสอบทราย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษาที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงภัย และจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำสำหรับสูบระบายน้ำออกภายนอกพื้นที่โครงการ
สำหรับโครงการที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมแล้ว เนื่องจากเกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน บริษัทฯ ได้บรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าด้วยการเร่งสูบน้ำออกจากโครงการ การจัดส่งถุงยังชีพไปให้ รวมทั้งประสานงานเพื่อช่วยเหลือในการอพยพตามความต้องการของลูกค้า หรือตามความรุนแรงของสถานการณ์น้ำท่วม
"พนักงานพฤกษา บริษัทฯ ได้ช่วยเหลือพนักงานด้วยการมอบถุงยังชีพให้กับพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ตลอดจนมีมาตรการช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบภายหลังจากน้ำลดแล้ว ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการของพฤกษา และประชาชนทั่วไป"
บริษัทฯ ได้ร่วมสมทบทุนเงินบริจาคในโครงการ “วุฒิสภาช่วยน้ำท่วม” และสนับสนุนน้ำดื่มให้กับศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยน้ำท่วม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต รวมทั้งมอบถุงยังชีพและสิ่งของอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความเสียใจต่อเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และเร่งให้ความช่วยเหลือลูกค้า พนักงาน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างดีที่สุด แม้ว่าจะมีอุปสรรคในการช่วยเหลือหลายประการ เช่น วัสดุอุปกรณ์สำหรับการป้องกันน้ำท่วมหายากและไม่เพียงพอ ของใช้สำหรับอุปโภค-บริโภคเริ่มขาดตลาด ฯลฯ ทำให้การช่วยเหลือล่าช้าและไม่ทั่วถึง
ขณะเดียวกัน พนักงานและเจ้าหน้าที่ของพฤกษาทุกคนยินดีและเต็มใจช่วยเหลือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกลุ่มอย่างสุดความสามารถ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้วางแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภายหลังจากน้ำลดด้วย ทั้งนี้ หากลูกค้าต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนโปรดติดต่อมาที่ Pruksa Contact Center 1739 ซึ่งได้ขยายเวลาการให้บริการเป็น 24 ชั่วโมงตลอดเดือนตุลาคมนี้
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 72
ความพยายามสูงมากครับ น่านับถือ...แต่เสียดายใช้ไม่ถูกทาง นับว่าน่าเสียดายจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 74
เหตุในอดีต ส่งผลต่อ ผลในปัจจุบัน
กรรมในปัจจุบัน ส่งผลต่อ ผลในอนาคต
อดีตผ่านไปแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ฝึกทำปัจจุบันให้ดี ย่อมดีกว่า
(ขอพูดกว้าง ๆ บอกทุกคน รวมทั้งตนเองด้วย)
ฉะนั้นอยากให้เพื่อนสมาชิก ขอให้มองการติเพื่อก่อ อย่างไรก็อยากเลี่ยงการวิจารณ์กันเอง
เริ่มต้นการแบ่งกันข้อมูลที่ดีระหว่างกัน ปรับตัวเองเพื่อเข้าหากันสู่ปัจจุบันที่ดี เพื่ออนาคตที่ดีต่อไป
กรรมในปัจจุบัน ส่งผลต่อ ผลในอนาคต
อดีตผ่านไปแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ฝึกทำปัจจุบันให้ดี ย่อมดีกว่า
(ขอพูดกว้าง ๆ บอกทุกคน รวมทั้งตนเองด้วย)
ฉะนั้นอยากให้เพื่อนสมาชิก ขอให้มองการติเพื่อก่อ อย่างไรก็อยากเลี่ยงการวิจารณ์กันเอง
เริ่มต้นการแบ่งกันข้อมูลที่ดีระหว่างกัน ปรับตัวเองเพื่อเข้าหากันสู่ปัจจุบันที่ดี เพื่ออนาคตที่ดีต่อไป
- harlembeats
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 75
อย่างน้อยผมก็ขอบคุณที่มีข่าวมาให้อ่าน แล้วผมจะซื้ออารัยหรือไม่
เดี๋ยวจะ"วิเคราะห์เองครับ" ขอบคุณครับ
เดี๋ยวจะ"วิเคราะห์เองครับ" ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 76
ขอบคุณครับที่เตือนสติ ทำให้รู้สึก"เย็นขึ้นเยอะ" ผมจะพยายาม จะพยายามลดมโนทุจริตของตัวเอง...อย่างน้อยคิดในเเง่บวก เค้า(คุณ, เธอ, เจ๊, ฯลฯ)คนนี้ (เผลอกัดอีกเเล้วเรา ) ก็ถูกส่งมาให้เราได้ฝึกจิตใจ เรื่องความเมตตา กรุณากาละมัง เขียน:เหตุในอดีต ส่งผลต่อ ผลในปัจจุบัน
กรรมในปัจจุบัน ส่งผลต่อ ผลในอนาคต
อดีตผ่านไปแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ฝึกทำปัจจุบันให้ดี ย่อมดีกว่า
(ขอพูดกว้าง ๆ บอกทุกคน รวมทั้งตนเองด้วย)
ฉะนั้นอยากให้เพื่อนสมาชิก ขอให้มองการติเพื่อก่อ อย่างไรก็อยากเลี่ยงการวิจารณ์กันเอง
เริ่มต้นการแบ่งกันข้อมูลที่ดีระหว่างกัน ปรับตัวเองเพื่อเข้าหากันสู่ปัจจุบันที่ดี เพื่ออนาคตที่ดีต่อไป
ถึงบบรรทัดนี้ ผมพอเเล้วครับ จบเเล้วกับคนนี้ อโหสิกันเเละกัน ถ้าทำให้คุณJR, รอน, Kloysri, trendy, Thaihandsome (ซึ่งทั้งหมดอาจไม่ใช่คนคนเดียวกันก็ได้ อาจถูกเหมารวม) เจ็บใจก็ขอโทษด้วยครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 77
ผู้ว่าฯ กทม. สั่งเสริมแนวกระสอบทราย และยกระดับถนนเลียบคลอง 2 และซอยสายไหม 85 เพื่อป้องกันน้ำท่วม
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งเสริมแนวกระสอบทรายกั้นน้ำ และยกระดับถนนเลียบคลอง 2 และซอยสายไหม 85 เพื่อป้องกันน้ำท่วม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่า สถานการณ์น้ำในขณะนี้พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังมากที่สุดคือเขตสายไหม วัดดอนเมือง ขณะเดียวกันแนวคันกั้นน้ำริมคลองหกวาได้เสริมกระสอบทรายระยะทาง 6 กิโลเมตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้เพิ่มความสูงแนวกระสอบทรายเป็น 50 เซนติเมตรเป็นระยะทางอีก 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ ได้สั่งการให้สำนักการโยธา ยกระดับถนนเลียบคลอง 2 สูงขึ้นอีก 30 เซนติเมตรระยะทาง 1.25 กิโลเมตร เพื่อเป็นแนวคันกั้นน้ำ รวมถึงยกระดับพื้นซอยสายไหม 85 เพิ่มอีก 30 เซนติเมตร ระยะทาง 1 กิโลเมตร ส่วนพื้นที่ฝั่งตะวันออก ได้เพิ่มกระสอบทรายอีก 6 แสนใบ ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการจะบริจาคทรายสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์รับบริจาค กทม. หรือที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต
สำหรับสถานการณ์น้ำล่าสุดปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระราม 6 มีความเร็วการไหลอยู่ที่ 4,238 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ 36 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนน้ำทะเลหนุนสูงเมื่อเวลา 09.59 นาที อยู่ที่ระดับ 1.08 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาวัดได้ที่ปากคลองตลาดเมื่อเวลา 07.00 น. อยู่ที่ 1.56 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 1.24 เมตร อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากกรุงเทพมหานครอย่างใกล้ชิดและอย่าตื่น ตระหนก
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ขวัญชนก เจริญชัย/ สวท.Rewriter : สุทธิวรรณ ภัทรปัญจศรี
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งเสริมแนวกระสอบทรายกั้นน้ำ และยกระดับถนนเลียบคลอง 2 และซอยสายไหม 85 เพื่อป้องกันน้ำท่วม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่า สถานการณ์น้ำในขณะนี้พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังมากที่สุดคือเขตสายไหม วัดดอนเมือง ขณะเดียวกันแนวคันกั้นน้ำริมคลองหกวาได้เสริมกระสอบทรายระยะทาง 6 กิโลเมตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้เพิ่มความสูงแนวกระสอบทรายเป็น 50 เซนติเมตรเป็นระยะทางอีก 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ ได้สั่งการให้สำนักการโยธา ยกระดับถนนเลียบคลอง 2 สูงขึ้นอีก 30 เซนติเมตรระยะทาง 1.25 กิโลเมตร เพื่อเป็นแนวคันกั้นน้ำ รวมถึงยกระดับพื้นซอยสายไหม 85 เพิ่มอีก 30 เซนติเมตร ระยะทาง 1 กิโลเมตร ส่วนพื้นที่ฝั่งตะวันออก ได้เพิ่มกระสอบทรายอีก 6 แสนใบ ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการจะบริจาคทรายสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์รับบริจาค กทม. หรือที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต
สำหรับสถานการณ์น้ำล่าสุดปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระราม 6 มีความเร็วการไหลอยู่ที่ 4,238 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ 36 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนน้ำทะเลหนุนสูงเมื่อเวลา 09.59 นาที อยู่ที่ระดับ 1.08 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาวัดได้ที่ปากคลองตลาดเมื่อเวลา 07.00 น. อยู่ที่ 1.56 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 1.24 เมตร อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากกรุงเทพมหานครอย่างใกล้ชิดและอย่าตื่น ตระหนก
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ขวัญชนก เจริญชัย/ สวท.Rewriter : สุทธิวรรณ ภัทรปัญจศรี
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th
-
- Verified User
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 78
"ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง"
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 79
Rocker เขียน:อยู่คอนโด ความรู้สึกเหมือนอยู่ Apartment ยิ่งระเบียงแล้วเอาผ้ามาตาก เหมือน Apartment ขนาดใหญ่ยังไงยังนั้น
ยิ่งข้างบน ตํา ครก ตํา ส้มตําแล้ว สะเทือนมาถึงห้องเรา หรือ ห้องนอน ขย่มเตียง เสียงดังทั่วถึง
แม้แต่ นาฬิกาปุก บางห้องเปิดดังๆ ก็ ปลุก ชาวบ้านไปด้วย พื้นที่สวน ปลูกต้นไม้ก็ไม่มี ได้กรรมสิทธิ์ห้องแต่ไม่มีที่ดิน
ยังไง Condo ก็คือ Condo บ้าน ก็คือ บ้าน ความรู้สึกมันต่างกันครับ Home Sweet Home
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1399
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 80
ถ้าจะอ่านเอาความรู้ก็ได้ความรู้อีกมุมหนึง
แต่ส่วนตัวผมชอบบ้านเดี่ยว บ้านขนาดไม่ใหญ่ แต่ที่ดินใหญ่ๆมากกว่า
แต่ส่วนตัวผมชอบบ้านเดี่ยว บ้านขนาดไม่ใหญ่ แต่ที่ดินใหญ่ๆมากกว่า
มาคุยกันได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/value.investing.freedom
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1399
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 81
ผมแปลกใจนะครับ ว่านักลงทุนไม่ชอบเหรอครับ
ที่มีคนเอาอีกด้านมุนหนึ่งของความคิดคน มาเล่าให้ฟัง
ผมชอบนะครับ อย่างน้อยก็เข้าใจว่ามีคนชอบแบบนี้
ถึงแม้ถ้าเขาโกหก ก็เป็นอะไรที่นำมาขบคิดว่า ในอนาคต
มันจะมีแบบนี้จริงๆหรือเปล่า
ที่มีคนเอาอีกด้านมุนหนึ่งของความคิดคน มาเล่าให้ฟัง
ผมชอบนะครับ อย่างน้อยก็เข้าใจว่ามีคนชอบแบบนี้
ถึงแม้ถ้าเขาโกหก ก็เป็นอะไรที่นำมาขบคิดว่า ในอนาคต
มันจะมีแบบนี้จริงๆหรือเปล่า
มาคุยกันได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/value.investing.freedom
-
- Verified User
- โพสต์: 29
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 82
ปลอด” เจ้าเก่า ให้ ปชช.รอบ กทม.ขนของขึ้นที่สูง ตัดไม้ไผ่แจกทำแพ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ตุลาคม 2554 12:49 น. Share1970
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ปลอดประสพ สุรัสวดี (ภาพจากแฟ้ม)
“ปลอดประสพ” เอาอีกแล้ว ให้ประชาชนรอบ กทม.ขนข้าวของขึ้นที่สูง เปิดทางด่วนให้ใช้เป็นที่จอดรถ แถมเสนอไอเดีย ตัดไม้ไผ่ทำแพแจกชาวบ้านใช้สัญจรไปมาและวางสิ่งของ วอนสื่อเขียนข่าวให้ดี บอกหากโดนด่ารอบ 2 ต้องไปผูกคอตาย ด้านประธาน กมธ.ผังเมือง วุฒิสภา แนะออก กม.ผังเมืองกันน้ำท่วมถาวร
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการพื้นที่ ศปภ.กล่าวถึงแนวคิดในการใช้ไม้ไผ่ทำแพบรรทุกสิ่งของ ว่า ขณะนี้บางพื้นที่มีน้ำท่วมสูง ขาดแคลนเรือถึง 70,000 ลำ จึงได้สั่งการให้ นายดำรง พิเดช อธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปตัดไม้ไผ่มาทำเป็นแพเพื่อแจกจ่ายประชาชน ซึ่งเชื่อว่าภายในวันที่ 18 ต.ค.จะสามารถนำมาแจกจ่ายประชาชนได้ประมาณ 10,000 ลำ โดยจะทำการแจกจ่ายให้ครัวเรือนละ 1 ลำ ในการใช้วางสิ่งของเครื่องใช้
“โครงการนี้แว้บขึ้นมาในสมองไม่ค่อยเต็มสติของผม ซื้อก็ไม่มี เพราะไม้ไผ่มีอยู่ในป่า อย่างไรก็ตัดไม่ได้ ดังนั้น อธิบดีกรมอุทยานฯจะต้องเป็นคนหา เพราะมีมากที่บริเวณ จ.กาญจนบุรี ฉะนั้น ผมเชื่อว่า อธิบดีกรมอุทยานฯกำลังออกแรงแล้ว ตัดๆ ขนมาแจก ฉะนั้น แต่ละบ้านจะมีแพ” นายปลอดประสพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ประเมินจะทำการแจกในพื้นที่ใดก่อน นายปลอดประสพ กล่าวว่า แจกแหลก ทำไปเรื่อย แจกไปเรื่อย อย่างไรก็ตาม แพไม้ไผ่นี้ฟรีแน่นอน ไม่เสียเงิน ซึ่งไม้ไผ่ตัดเดี๋ยวก็โตเอง เมื่อถามว่า จะสามารถเสร็จทันการณ์หรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ไม่ทันแล้วอย่างไร เพราะไม่ได้ทำไว้ให้คนนั่งแบบเรือ แต่เอาไว้ใส่สิ่งของและเด็ก ซึ่งมีขนาดกว้าง 1 วา ยาว 1 วา หากอยากได้ขนาดใหญ่ก็นำมาแพมาต่อกัน
เมื่อถามย้ำว่า เป็นไอเดียของตัวเองใช่หรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า “เป็นไอเดียสติสตางค์ไม่ดีแบบผม คือ ผมพูดอะไรเดี๋ยวก็ถูกด่าอยู่เรื่อยว่าที่ผมพูดจริงไหมเนี่ย เอาเป็นว่าที่ผ่านมาแทนที่จะงอกแงกกับผม ไปเตรียมให้พร้อม ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา ค่อยๆ ช่วยกัน วันนี้ฉุกละหุกน้อยกว่า จริงหรือเปล่าที่แล้วก็แล้วไป”
นายปลอดประสพ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม.นั้น ตนคิดว่า จะต้องเฝ้าระวังอีกประมาณ 1 เดือน เนื่องจากขณะนี้มีน้ำอยู่ 2 ประเภท คือ 1.น้ำในแม่น้ำ ที่ต้องอาศัยคูคลองระบาย มีปริมาณที่ไหลไปเรื่อยๆ และ 2.น้ำฝน ที่เป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม ได้มีการทำเขื่อนดินทั้งสูงและต่ำ และใช้กระสอบทรายเป็นพนังกั้นน้ำ ซึ่งเมื่อถูกแช่นานๆจะเปื่อย ต่อมาก็พัง ดังนั้น เอาเป็นว่าพวกเราอย่าท้อแท้ อย่าตกใจ และอย่าประมาท ไม่มีใครที่สู้กับภัยธรรมชาติ เพราะภัยธรรมชาติมาก็ต้องหนีกันทั้งนั้น ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยคนแรก ถูกสอนมาให้บอกประชาชนว่าภัยธรรมชาติห้ามสู้ ภัยธรรมชาติมาต้องหนีลูกเดียวเพื่อความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดที่ต้องเฝ้าระวังในส่วนของ กทม.คือจุดใด นายปลอดประสพ กล่าวว่า บริเวณรอบพื้นที่ กทม.ที่เป็นพนังกั้นน้ำ ทั้งฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก ซึ่งมีปริมาณน้ำเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนพื้นที่ชั้นในตนคิดว่าไม่เป็นอะไร จะกระทบก็จากน้ำฝนเท่านั้น
ต่อข้อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า กทม.จะรับมือได้ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ไม่รู้ต้องไปถามผู้ว่าฯ กทม.มาถามตนคงตอบไม่ได้ เอาเป็นว่าใครที่อาศัยอยู่รอบๆ กทม.ให้เตรียมตัว ระมัดระวังข้าวของ หากขนขึ้นที่สูงได้ก็ควรทำ นำรถยนต์ไปหาที่จอดใหม่ ตนคิดว่า สมควรแล้ว บรรดาสถานที่ที่จอดได้ เช่น บนทางด่วน ถือว่าตอนนี้ต้องเสียสละ หากไม่ให้จอดในที่สูงแล้วจะจอดที่ใด เพราะฉะนั้นอย่าหิน ยอมกันดีกว่า เห็นด้วยกับตนหรือไม่ ฉะนั้น พื้นที่สูงจึงต้องเมตตากันแล้ว เพราะรถราคาหลายบาท ตนไม่ได้บอกให้ใครปอดแหก และไม่ได้บอกให้ใครกลัวเกินกว่าเหตุ แต่อยากให้ระวังติดตามข่าว ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนช่วยเขียนให้ดีนะ หากโดนด่ารอบที่ 2 ตนต้องไปผูกคอตายแน่ ไม่เอาแล้ว
นางตรึงใจ บูรณสมภพ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ การตั้งถิ่นฐานและการผังเมือง วุฒิสภา กล่าวแสดงความห่วงใยต่อปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัด พร้อมแสดงความห่วงใยต่อการจัดผังเมืองและการตั้งถิ่นฐานของประชาชน ว่า นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งทั้งที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี ต้องประสบปัญหาน้ำท่วม อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยมุ่งสร้างโรงงานโดยขาดการคำนึงถึงระบบผังเมืองที่ถูกต้อง และยังไม่มีกฎหมายผังเมืองในเรื่องการแบ่งเขตและการบังคับใช้ จึงทำให้พื้นที่รับน้ำกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมและหมู่บ้านจัดสรร
นางตรึงใจ กล่าวต่อว่า กมธ.การตั้งถิ่นฐานและการผังเมือง วุฒิสภา เห็นว่า รัฐบาลต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่จากการเอาชนะธรรมชาติเป็นการปรับตัวเข้ากับธรรมชาติของน้ำ ซึ่งการสร้างพนังกั้นน้ำและการถมถุงทรายเป็นเพียงมาตรการแก้ปัญหาระยะสั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว รัฐบาลต้องมีนโยบายจัดการน้ำท่วมอย่างมีแบบแผนและมีการจัดการที่ถูกต้อง โดยการสำรวจและประเมินพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งอาศัยการร่วมมือของภาคประชาสังคมในทุกขั้นตอน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ตุลาคม 2554 12:49 น. Share1970
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ปลอดประสพ สุรัสวดี (ภาพจากแฟ้ม)
“ปลอดประสพ” เอาอีกแล้ว ให้ประชาชนรอบ กทม.ขนข้าวของขึ้นที่สูง เปิดทางด่วนให้ใช้เป็นที่จอดรถ แถมเสนอไอเดีย ตัดไม้ไผ่ทำแพแจกชาวบ้านใช้สัญจรไปมาและวางสิ่งของ วอนสื่อเขียนข่าวให้ดี บอกหากโดนด่ารอบ 2 ต้องไปผูกคอตาย ด้านประธาน กมธ.ผังเมือง วุฒิสภา แนะออก กม.ผังเมืองกันน้ำท่วมถาวร
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการพื้นที่ ศปภ.กล่าวถึงแนวคิดในการใช้ไม้ไผ่ทำแพบรรทุกสิ่งของ ว่า ขณะนี้บางพื้นที่มีน้ำท่วมสูง ขาดแคลนเรือถึง 70,000 ลำ จึงได้สั่งการให้ นายดำรง พิเดช อธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปตัดไม้ไผ่มาทำเป็นแพเพื่อแจกจ่ายประชาชน ซึ่งเชื่อว่าภายในวันที่ 18 ต.ค.จะสามารถนำมาแจกจ่ายประชาชนได้ประมาณ 10,000 ลำ โดยจะทำการแจกจ่ายให้ครัวเรือนละ 1 ลำ ในการใช้วางสิ่งของเครื่องใช้
“โครงการนี้แว้บขึ้นมาในสมองไม่ค่อยเต็มสติของผม ซื้อก็ไม่มี เพราะไม้ไผ่มีอยู่ในป่า อย่างไรก็ตัดไม่ได้ ดังนั้น อธิบดีกรมอุทยานฯจะต้องเป็นคนหา เพราะมีมากที่บริเวณ จ.กาญจนบุรี ฉะนั้น ผมเชื่อว่า อธิบดีกรมอุทยานฯกำลังออกแรงแล้ว ตัดๆ ขนมาแจก ฉะนั้น แต่ละบ้านจะมีแพ” นายปลอดประสพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ประเมินจะทำการแจกในพื้นที่ใดก่อน นายปลอดประสพ กล่าวว่า แจกแหลก ทำไปเรื่อย แจกไปเรื่อย อย่างไรก็ตาม แพไม้ไผ่นี้ฟรีแน่นอน ไม่เสียเงิน ซึ่งไม้ไผ่ตัดเดี๋ยวก็โตเอง เมื่อถามว่า จะสามารถเสร็จทันการณ์หรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ไม่ทันแล้วอย่างไร เพราะไม่ได้ทำไว้ให้คนนั่งแบบเรือ แต่เอาไว้ใส่สิ่งของและเด็ก ซึ่งมีขนาดกว้าง 1 วา ยาว 1 วา หากอยากได้ขนาดใหญ่ก็นำมาแพมาต่อกัน
เมื่อถามย้ำว่า เป็นไอเดียของตัวเองใช่หรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า “เป็นไอเดียสติสตางค์ไม่ดีแบบผม คือ ผมพูดอะไรเดี๋ยวก็ถูกด่าอยู่เรื่อยว่าที่ผมพูดจริงไหมเนี่ย เอาเป็นว่าที่ผ่านมาแทนที่จะงอกแงกกับผม ไปเตรียมให้พร้อม ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา ค่อยๆ ช่วยกัน วันนี้ฉุกละหุกน้อยกว่า จริงหรือเปล่าที่แล้วก็แล้วไป”
นายปลอดประสพ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม.นั้น ตนคิดว่า จะต้องเฝ้าระวังอีกประมาณ 1 เดือน เนื่องจากขณะนี้มีน้ำอยู่ 2 ประเภท คือ 1.น้ำในแม่น้ำ ที่ต้องอาศัยคูคลองระบาย มีปริมาณที่ไหลไปเรื่อยๆ และ 2.น้ำฝน ที่เป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม ได้มีการทำเขื่อนดินทั้งสูงและต่ำ และใช้กระสอบทรายเป็นพนังกั้นน้ำ ซึ่งเมื่อถูกแช่นานๆจะเปื่อย ต่อมาก็พัง ดังนั้น เอาเป็นว่าพวกเราอย่าท้อแท้ อย่าตกใจ และอย่าประมาท ไม่มีใครที่สู้กับภัยธรรมชาติ เพราะภัยธรรมชาติมาก็ต้องหนีกันทั้งนั้น ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยคนแรก ถูกสอนมาให้บอกประชาชนว่าภัยธรรมชาติห้ามสู้ ภัยธรรมชาติมาต้องหนีลูกเดียวเพื่อความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดที่ต้องเฝ้าระวังในส่วนของ กทม.คือจุดใด นายปลอดประสพ กล่าวว่า บริเวณรอบพื้นที่ กทม.ที่เป็นพนังกั้นน้ำ ทั้งฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก ซึ่งมีปริมาณน้ำเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนพื้นที่ชั้นในตนคิดว่าไม่เป็นอะไร จะกระทบก็จากน้ำฝนเท่านั้น
ต่อข้อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า กทม.จะรับมือได้ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ไม่รู้ต้องไปถามผู้ว่าฯ กทม.มาถามตนคงตอบไม่ได้ เอาเป็นว่าใครที่อาศัยอยู่รอบๆ กทม.ให้เตรียมตัว ระมัดระวังข้าวของ หากขนขึ้นที่สูงได้ก็ควรทำ นำรถยนต์ไปหาที่จอดใหม่ ตนคิดว่า สมควรแล้ว บรรดาสถานที่ที่จอดได้ เช่น บนทางด่วน ถือว่าตอนนี้ต้องเสียสละ หากไม่ให้จอดในที่สูงแล้วจะจอดที่ใด เพราะฉะนั้นอย่าหิน ยอมกันดีกว่า เห็นด้วยกับตนหรือไม่ ฉะนั้น พื้นที่สูงจึงต้องเมตตากันแล้ว เพราะรถราคาหลายบาท ตนไม่ได้บอกให้ใครปอดแหก และไม่ได้บอกให้ใครกลัวเกินกว่าเหตุ แต่อยากให้ระวังติดตามข่าว ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนช่วยเขียนให้ดีนะ หากโดนด่ารอบที่ 2 ตนต้องไปผูกคอตายแน่ ไม่เอาแล้ว
นางตรึงใจ บูรณสมภพ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ การตั้งถิ่นฐานและการผังเมือง วุฒิสภา กล่าวแสดงความห่วงใยต่อปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัด พร้อมแสดงความห่วงใยต่อการจัดผังเมืองและการตั้งถิ่นฐานของประชาชน ว่า นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งทั้งที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี ต้องประสบปัญหาน้ำท่วม อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยมุ่งสร้างโรงงานโดยขาดการคำนึงถึงระบบผังเมืองที่ถูกต้อง และยังไม่มีกฎหมายผังเมืองในเรื่องการแบ่งเขตและการบังคับใช้ จึงทำให้พื้นที่รับน้ำกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมและหมู่บ้านจัดสรร
นางตรึงใจ กล่าวต่อว่า กมธ.การตั้งถิ่นฐานและการผังเมือง วุฒิสภา เห็นว่า รัฐบาลต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่จากการเอาชนะธรรมชาติเป็นการปรับตัวเข้ากับธรรมชาติของน้ำ ซึ่งการสร้างพนังกั้นน้ำและการถมถุงทรายเป็นเพียงมาตรการแก้ปัญหาระยะสั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว รัฐบาลต้องมีนโยบายจัดการน้ำท่วมอย่างมีแบบแผนและมีการจัดการที่ถูกต้อง โดยการสำรวจและประเมินพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งอาศัยการร่วมมือของภาคประชาสังคมในทุกขั้นตอน
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
โพสต์ที่ 83
อสังหาฯ เฮ! กทม.ถอยผังเมืองใหม่ [ ไทยรัฐ, 9 ก.พ. 55 ]
นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่าสมาคมอาคารชุดไทยร่วมกับสมาคม
ธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอสังหาริมรัพย์ไทยได้เข้าพบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม.
เพื่อขอให้ทาง กทม.ทบทวนร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ที่คาดว่าจะประกาศใช้ในเดือน
พ.ค.นี้ เนื่องจากเห็นว่าระเบียบผังเมืองที่จะออกมาใหม่สร้างผลกระทบต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยของผู้มีราย
ได้น้อยและปานกลาง โดยเฉพาะข้อกำหนดที่ห้ามสร้างอาคารชุดในพื้นที่ที่มีถนนความกว้างต่ำกว่า 16 เมตร
หรือเท่ากับว่าในพื้นที่ในเขต กทม.ห้ามสร้างอาคารชุดเลยเพราะแทบจะไม่มีถนนเส้นไหนใน กทม.ตาม
ตรอกซอกซอยที่จะมีความกว้างเกิน 16 เมตร
นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่าสมาคมอาคารชุดไทยร่วมกับสมาคม
ธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอสังหาริมรัพย์ไทยได้เข้าพบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม.
เพื่อขอให้ทาง กทม.ทบทวนร่างผังเมืองรวม กทม.ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ที่คาดว่าจะประกาศใช้ในเดือน
พ.ค.นี้ เนื่องจากเห็นว่าระเบียบผังเมืองที่จะออกมาใหม่สร้างผลกระทบต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยของผู้มีราย
ได้น้อยและปานกลาง โดยเฉพาะข้อกำหนดที่ห้ามสร้างอาคารชุดในพื้นที่ที่มีถนนความกว้างต่ำกว่า 16 เมตร
หรือเท่ากับว่าในพื้นที่ในเขต กทม.ห้ามสร้างอาคารชุดเลยเพราะแทบจะไม่มีถนนเส้นไหนใน กทม.ตาม
ตรอกซอกซอยที่จะมีความกว้างเกิน 16 เมตร
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."