หุ้นที่จะได้ประโยชน์ หลังผ่านวิกฤติน้ำท่วม

[TavanTa]

หลังผ่านวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ โรงงานที่ประสบปัญหาก็คงจะเร่งซ่อมแซมเป็นการใหญ่

พวกอุปกรณ์ที่พอนึกภาพออกว่า จะต้องถูกสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก โดยไล่เลียงก็
คงจะได้ดังนี้ (อาจจะไม่ครบน่ะครับ)

หมวดสินค้าก่อสร้าง
1. แผ่นผนังยิปซัม
2. แผ่นฝ้า
3. พรม
4. โครงอลูมอเนียมสำหรับผนังยิปซัม และฝ้า
5. กระเบื้องยาง

หมวดสินค้าระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (แทบจะกระทบหมด)
1. หม้อแปลง ==> เปลี่ยนใหม่ หรือทำ Overhaul
2. เบรกเกอร์, คาปาซิเตอร์
3. สายไฟ
4. โคมไฟ, ปลั๊ก, สวิทช์, เต้ารับต่างๆ
5. สายคอนโทรล และสายระบบสื่อสาร เช่นสายโทรศัพท์ สายระบบคอมพิวเตอร์
6. ระบบเครื่องเสียง ตู้โทรศัพท์สาขา ระบบ Fire alarm
7. เครื่องปรับอากาศ พัดลม ปั๊มน้ำ ปั๊มดับเพลิง ปั๊มลม มอเตอร์
และอื่นๆ

ที่ผมพอนึกออกตอนนี้ ก็คงมีบริษัทที่จะได้ประโยชน์ ก็ได้แก่ เอกรัฐ จรุงไทย อินเตอร์ลิ้ง เป็นต้น

อยากให้เพื่อนๆช่วยกันวิเคราะห์หาบริษัทที่จะได้ประโยชน์หลังวิกฤติกัน..

ขอบคุณครับ

[บูรพาไม่แพ้]

เสนอ หุ้นนิคมอมตะครับ

[No.8]

TCJ ขาย/ให้เช่าแบคโฮ

ก่อนท่วม - เสริมคันดิน
ระหว่างท่วม - ซ่อมแซมคันดิน/ขุดรอกคลอง
หลังท่วม - รื้อคันดิน/ขุดรอกคลอง+เมกกะโปรเจกป้องกันน้ำท่วม

ทั้งนี้ยังไม่รวมข่าวดีที่ผู้บริหาร/ผู้ถือหุ้นใหญ่
แปลง warrant ที่ราคา 10.- บาท จำนวน 2,000,000 หุ้น

[chukieat30]

เสนอ หุ้นนิคมอมตะครับ

ได้ในแง่ จิตวิืทยา

ผมขอเสนอเป็นส่วนๆๆไป นี่ไม่ใช่การบอกหุ้นใบ้หวย หุ้นอะไรเดาเอาเอง

ภาคประชาชน

เครื่องใช้ไฟฟ้า ก้เป็นพวก พัดลม ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า

ของภายในห้องน้ำ ก้สุขภัณทั้งหลาย

บ้านก้ ต้องพวกปาร์เก้ กระเบื้อง

บางหลังมิดหัว ก้หลังคามุง สังกะสี

ของกิน พวกอาหารอย่าง มาม่า หรือน้ำดื่ม อาหารสำเร็จรูป

ภาครัฐ

เหล็กโครงสร้างเพื่อซ่อมแซม ปูน คอนกรีต

ยางมะตอย ทำถนน

ส้วมเคลื่อนที่ เรือไฟเบอร์


คิดไม่ออกและ

[chukieat30]

ภาคโรงงาน

เครื่องจักร ปูน สายไฟ

แบตเตอรี่

ภาคคนขับรถ แบตเตอรี่เล็ก น้ำมันเครื่อง เบาะ น้ำยากันสนิม สายไฟ

น่าจะหมดแล้วนะ

ปล ไม่เชียร์หุ้นเป็นตัวๆๆ กลัวจะไปนอนซังเต

[บูรพาไม่แพ้]

อา...ต้องขอโทษที่บอกชื่อหุ้นไป กลัวเหมือนกันนะตารางอ่ะ ต้องแก้ใหม่ว่านิคมที่ไม่โดนน้ำท่วมครับ
ป.ล ไม่มีหุ้นสักหุ้นนะครับสาบานได้

[ซุนเซ็ก]

สิ่งที่จำเป็นต้องมี แต่เสียหายไปกับน้ำท่วม

[Financeseed]

ขอบคุณครับ

[rabbitz]

อย่าลืม...บริษัทที่ผลิตกระสอบที่ไว้ใส่ทรายด้วยนะครับ

[sai]

ไปลองตามตามดูหุ้นหลายตัวที่ดูเหมือนจะได้ประโยชน์ คุณตลาด ก็ปรับราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังในอนาคตไปบ้างพอสมควรแล้วนะครับ ซึ่งหลายหลายบริษัทดูแล้วก็เป็นบริษัทที่พื้นพื้นที่ดีชั่วคราวเท่านั้นเองครับ ลองหันกลับหลังแล้วมองหาบริษัทที่คุณภาพดี แต่ แย่ชั่วคราวบ้างไหมครับ

[Golden Stock]

ไปลองตามตามดูหุ้นหลายตัวที่ดูเหมือนจะได้ประโยชน์ คุณตลาด ก็ปรับราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังในอนาคตไปบ้างพอสมควรแล้วนะครับ ซึ่งหลายหลายบริษัทดูแล้วก็เป็นบริษัทที่พื้นพื้นที่ดีชั่วคราวเท่านั้นเองครับ ลองหันกลับหลังแล้วมองหาบริษัทที่คุณภาพดี แต่ แย่ชั่วคราวบ้างไหมครับ

ผลตอบแทนมักจะไหลไปหาคนส่วนน้อย คำนี้ยังใช้ได้จริงๆ เพราะตอนนี้คนส่วนใหญ่มองหุ้นที่จะได้รับผลดีระยะสั้นๆ (รายได้เพิ่มกว่าปกติ 1-2 ไตรมาส) หรือชั่วคราว แต่มีบางคน หรืออาจจะเรียกว่าคนส่วนน้อย มองหาหุ้นที่ได้รับผลกระทบระยะสั้นๆ หรือชั่วคราว แต่ราคาหุ้นลดลงอย่างกลับพื้นฐานเปลี่ยนแปลงแบบถาวร เพราะความกลัวของคนส่วนใหญ่

น้ำท่วมคราวนี้ นักมาก กระทบเศรษฐกิจไม่ใช่น้อย อย่างที่หลายๆ สำนักประมาณการณ์ว่าจะกระทบต่อ GDP ของไทย 1 -2 % ถ้าหลังน้ำลดโรงงานสามารถดำเนินการผลิตได้ตามปกติเลย เหมือนกับน้ำท่วมหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ทว่าโรงงานจำนวนหลายร้อยแห่งต้องหยุดผลิตชั่วคราวเผื่นมาซ่อมแซม บ้างก็ว่าเป็นเดือน บ้างก็ว่าอาจจะถึง 3 เดือน และบ้างก็ว่าอาจจะมากกว่า 3 เดือน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย เงินที่เคยสะพัดจะฝืดลง เนื่องจากฟันเฝืองบางตัวต้องหยุดทำงาน หรือถ้ามองแบบระบบการผลิต ที่มี Input Process และ Output หากตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา ก็จะส่งผลต่อไปทุกภาคส่วน คนจะตกงานชั่วคราวจำนวนมาก ความต้องการสินค้าและบริการลดลง

ส่วนจะไปหวังภาครัฐอัดฉีดแรงๆ คงไม่ง่ายเช่นกัน โรงงานจำนวนไม่น้อยหยุดดำเนินงานชั่วคราว ทำให้รายได้ของรัฐลดลง ขณะที่รายจ่ายเท่าเดิม รัฐบาลก็ต้องกู้เงินมาเพิ่มเพื่อให้ใช้จ่ายได้เท่าเดิม หากอยากจะใช้จ่ายมากขึ้น ก็ต้องกู้เยอะกว่าเดิม สรุปน้ำท่วมรอบนี้ ทำให้ภาครัฐ และภาคครัวเรือนเป็นหนี้มากขึ้น

จากเดิมที่หวังการบริโภคในประเทศ ปีหน้าคงไม่ดีอย่างที่หวัง และส่งออกปีหน้าอาจจะไม่ใช่พระเอกแบบปีนี้ กล่าวคือ ปัจจัยภายในก็หนัก ปัจจัยนอกก็ยังไม่รู้ว่าจะรุนแรงแค่ไหนครับ

[AS965]

น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้โดยเฉพาะในเขตอุตสาหกรรม จะส่งผลดีมากกว่าผลเสียให้ BWG นะครับ

แม้ว่าช่วงแรกๆ ลูกค้าจากอยุธยาจะ cancel order บ้างเพราะไม่สามารถผลิตได้ แต่หลังน้ำท่วมจบลง นอกจากจะกลับมาเดินผลิตใหม่แล้ว ของเสียจะน้ำท่วมจะเพิ่มปริมาณงานให้ BWG ครับ



อานิสงส์รัฐเข้มโรงงานกำจัดขยะอุตฯ ถูกวิธี BWG รับงานเดือน ต.ค.เพิ่มอีกกว่า 42 ลบ.

บิ๊ก BWG หน้าบาน เปิดม่านไตรมาสที่4 ได้ลูกค้าเข้ามือทันทีกว่า 42 ลบ. เพิ่ม
จากไตรมาสที่ 3 ที่รับเละกว่า 100 ลบ. 'สุวัฒน์ เหลืองวิริยะ' เผยเป็นผลจากรัฐเข้มโรงงาน
กำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างถูกวิธี และใช้มาตรการด้านภาษีจูงใจ ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้า
ต่อยอดธุรกิจไปสู่การผลิตพลังงานทดแทนเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว

นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท
เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้รับงานประมูล
ในเดือนตุลาคม จากลูกค้าเพิ่มอีกคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 42 ล้านบาท โดยเป็นงาน
กำจัดกากอุตสาหกรรมในกลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มผลิตยางพารา กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่ม
กระดาษ หลังจากที่ในไตรมาสที่ 3/2554 ที่ผ่านมาได้รับงานประมูลรวมกว่า 100 ล้านบาท
ซึ่งถือเป็นผลดีจากปริมาณกากอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวของโรงงาน
อุตสาหกรรม และภาครัฐโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เดินหน้านโยบายลดปัญหามลพิษ
อย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีกากอุตสาหกรรมที่เข้าบำบัดตามกระบวนการที่ถูกต้องเพิ่มมาก
ขึ้น และบริษัทฯได้รับผลดีอย่างชัดเจน เพราะปัจจุบันนี้ BWG ถือเป็นผู้ประกอบการเพียง
รายเดียวของประเทศไทย ที่ให้บริการบำบัดกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ทั้งฝังกลบ เผา
ทำลายด้วยเตาอุณหภูมิสูง รีไซเคิล และแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงาน จึงได้รับการ
ตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีดังกล่าว
นอกจากนั้น หลังจากที่ภาครัฐได้นำมาตรการเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมของ
รัฐบาล มาใช้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่าน ด้วยการเสนอการลดหย่อนภาษี ให้กับโรงงาน
อุตสาหกรรมที่นำกากอุตสาหกรรมเข้ามาบำบัดตามกระบวนการที่ถูกต้อง โดยทุกโรงงานต้อง
มีรายงานบันทึกการทำลายกากอุตสาหกรรม และวิธีกำจัดกากอุตสาหกรรม เชื่อว่าจะเป็นส่วน
สำคัญที่จะทำให้โรงงานหันมากำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้องมากขึ้นตามเป้าหมายของ
ภาครัฐ ซึ่งจะยิ่งส่งผลดีต่อธุรกิจบำบัดกากอุตสาหกรรมทั้งระบบ รวมทั้ง บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์
กรีน ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าในต้นไตรมาสที่ 4/2554 ประเทศไทยจะประสบปัญหา
อุทกภัย และมีโรงงานบางส่วนประสบปัญหาน้ำท่วม แต่มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อธุรกิจ เนื่อง
จากหลังจากน้ำลดโรงงานจะต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจเพราะจะมี
กากอุตสาหกรรมที่เกิดจากน้ำท่วมเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งบริษัทฯ พร้อมรองรับงานที่จะ
เพิ่มขึ้นหลังจากน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี ทั้งภาชนะใส่กากอุตสาหกรรม และรถขนส่ง นอกจาก
นั้น ขณะนี้บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะกำหนดค่าบริการกำจัดกาก
อุตสาหกรรมให้กับโรงงานผู้ประสบอุทกภัยในราคาพิเศษด้วย เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายใน
ช่วงดังกล่าว
“เรายังมั่นใจว่าถึงแม้ว่าในปีนี้จะมีปัญหาน้ำท่วม แต่ธุรกิจกำจัดกาก
อุตสาหกรรมยังเติบโต ในอัตราที่ดี เพราะหลังน้ำท่วมต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่ กระบวน
การเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในบริการกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจรของบริษัทฯ และเชื่อว่า
จะสนับสนุนให้ผลประกอบการในปีนี้เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาอย่างโดดเด่นตามเป้าหมายที่วาง
ไว้ เพราะผลประกอบเพียงครึ่งปีแรกในปีนี้ก็ทำได้สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปี โดยในครึ่งปี
แรกบริษัทฯ มีกำไร 43.89 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปีที่ทำได้ 41.03 ล้านบาท นอกจาก
นั้น ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาธุรกิจ เริ่มเข้าสู่ High Season ทำให้มีขยะเข้าสู่การ
บำบัดตามกระบวนการอย่างหนาแน่น สะท้อนให้รายได้เติบโตโดดเด่นอย่างชัดเจนด้วย
บริษัทฯ จึงได้ปรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ใหม่ จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ
15% มาเป็น 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 717.39 ล้านบาท” นายสุวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้รายได้ในอนาคตเติบโตได้อย่างมั่นคง บริษัทฯ อยู่ระหว่างการ
ศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะต่อยอดธุรกิจจัดการกากอุตสาหกรรมจากการกำจัดไปสู่การรีไซ
เคิล เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่และแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในธุรกิจพลังงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่ม
มูลค่าให้กับการบริหารจัดการและสร้างรายได้อย่างมั่นคงในระยะยาวตามปณิธานของผู้
บริหารที่ต้องการจะสร้างผลประกอบการที่ดีให้กับบริษัทฯ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับทั้ง
ผู้ถือหุ้นและพนักงานอย่างเท่าเทียมกัน



เรียบเรียง โดย พรทิพย์ พลสิทธิ์
อนุมัติ โดย ดวงสุรีย์ วายุบุตร์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น [email protected]




ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 17/10/11 เวลา 8:50:46

[AS965]

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... iew=unread

[chatchai]

ต้องระวังบริษัทที่อยู่ในนิคมที่โดนน้ำท่วมด้วยนะครับ

[leksystem]

อย่าลืม...บริษัทที่ผลิตกระสอบที่ไว้ใส่ทรายด้วยนะครับ

ดูดีๆนะครับ เพราะบางบริษัทผลิตกระสอบพลาสติก แต่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของนิคมฯที่น้ำท่วม
คล้ายๆกับธุรกิจค้าปลีก ที่ขายดีมากๆช่วงนี้เพราะคนซื้ออาหารไปบริจาคและสำรองเผื่อน้ำท่วม ดูเหมือนน่าจะกำไรพุ่ง แต่ดันมีบางสาขาที่ถูกน้ำท่วม

[chukieat30]

ไปลองตามตามดูหุ้นหลายตัวที่ดูเหมือนจะได้ประโยชน์ คุณตลาด ก็ปรับราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังในอนาคตไปบ้างพอสมควรแล้วนะครับ ซึ่งหลายหลายบริษัทดูแล้วก็เป็นบริษัทที่พื้นพื้นที่ดีชั่วคราวเท่านั้นเองครับ ลองหันกลับหลังแล้วมองหาบริษัทที่คุณภาพดี แต่ แย่ชั่วคราวบ้างไหมครับ

ผลตอบแทนมักจะไหลไปหาคนส่วนน้อย คำนี้ยังใช้ได้จริงๆ เพราะตอนนี้คนส่วนใหญ่มองหุ้นที่จะได้รับผลดีระยะสั้นๆ (รายได้เพิ่มกว่าปกติ 1-2 ไตรมาส) หรือชั่วคราว แต่มีบางคน หรืออาจจะเรียกว่าคนส่วนน้อย มองหาหุ้นที่ได้รับผลกระทบระยะสั้นๆ หรือชั่วคราว แต่ราคาหุ้นลดลงอย่างกลับพื้นฐานเปลี่ยนแปลงแบบถาวร เพราะความกลัวของคนส่วนใหญ่

น้ำท่วมคราวนี้ นักมาก กระทบเศรษฐกิจไม่ใช่น้อย อย่างที่หลายๆ สำนักประมาณการณ์ว่าจะกระทบต่อ GDP ของไทย 1 -2 % ถ้าหลังน้ำลดโรงงานสามารถดำเนินการผลิตได้ตามปกติเลย เหมือนกับน้ำท่วมหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ทว่าโรงงานจำนวนหลายร้อยแห่งต้องหยุดผลิตชั่วคราวเผื่นมาซ่อมแซม บ้างก็ว่าเป็นเดือน บ้างก็ว่าอาจจะถึง 3 เดือน และบ้างก็ว่าอาจจะมากกว่า 3 เดือน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย เงินที่เคยสะพัดจะฝืดลง เนื่องจากฟันเฝืองบางตัวต้องหยุดทำงาน หรือถ้ามองแบบระบบการผลิต ที่มี Input Process และ Output หากตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา ก็จะส่งผลต่อไปทุกภาคส่วน คนจะตกงานชั่วคราวจำนวนมาก ความต้องการสินค้าและบริการลดลง

ส่วนจะไปหวังภาครัฐอัดฉีดแรงๆ คงไม่ง่ายเช่นกัน โรงงานจำนวนไม่น้อยหยุดดำเนินงานชั่วคราว ทำให้รายได้ของรัฐลดลง ขณะที่รายจ่ายเท่าเดิม รัฐบาลก็ต้องกู้เงินมาเพิ่มเพื่อให้ใช้จ่ายได้เท่าเดิม หากอยากจะใช้จ่ายมากขึ้น ก็ต้องกู้เยอะกว่าเดิม สรุปน้ำท่วมรอบนี้ ทำให้ภาครัฐ และภาคครัวเรือนเป็นหนี้มากขึ้น

จากเดิมที่หวังการบริโภคในประเทศ ปีหน้าคงไม่ดีอย่างที่หวัง และส่งออกปีหน้าอาจจะไม่ใช่พระเอกแบบปีนี้ กล่าวคือ ปัจจัยภายในก็หนัก ปัจจัยนอกก็ยังไม่รู้ว่าจะรุนแรงแค่ไหนครับ

ขอบคุณในมุมมองนะครับเฮีย

[netirut]

ในระยะ 1 ปี บริษัทที่เสียหายอาจถูกมองว่าเสี่ยงต่อการขาดทุนหรือกำไรลดลง ซึ่งทุกๆคนก็คงคิดอย่างนี้
ทำให้ราคาลงมากอาจจะมากเกินความเป็นจริง
แต่ถ้ามองในระยะยาววว บริษัทที่เสียหายมากๆบางบริษัทนั่นแหละ ที่เป็นโอกาส
เพราะความเสียหายส่วนใหญ่ไม่น่าจะอยู่กับเราไปยาวนานถึง 5 ปี สำหรับบางบริษัท

[iceberg]

น่าจะมองดูบริษัทที่ ขายชื่อ มั่งนะครับ ที่ราคาน่าสนใจน่าจะดีกว่า
พวกสิ่งของต่างๆ ที่เสียหายจากน้ำท่วม
มีสตังค์ (จากเงินหมุนเวียนในบริษัทหรือกู้ก็ตาม) ซื้อได้อยู่แล้ว

นอกเรื่องหน่อย เจอน้ำท่วมครั้งนี้ นักลงทุนในนิคม ผมว่าต้องคิดแล้ว
เรื่อง กระจายความเสี่ยง การรวมศูนย์ทำให้ง่ายในการจัดการและบริหาร
แต่เสี่ยงมากหากเกิดวิกฤตเพราะทำอะไรไม่ได้

[mamoid]

ในระยะ 1 ปี บริษัทที่เสียหายอาจถูกมองว่าเสี่ยงต่อการขาดทุนหรือกำไรลดลง ซึ่งทุกๆคนก็คงคิดอย่างนี้
ทำให้ราคาลงมากอาจจะมากเกินความเป็นจริง
แต่ถ้ามองในระยะยาววว บริษัทที่เสียหายมากๆบางบริษัทนั่นแหละ ที่เป็นโอกาส
เพราะความเสียหายส่วนใหญ่ไม่น่าจะอยู่กับเราไปยาวนานถึง 5 ปี สำหรับบางบริษัท

บริษัทกลุ่มใดบ้างที่ราคาจะลง
แล้วน่าซื้อเก็บไว้ครับ

[simplelife]

ตอบเจ้าของกระทู้ก่อน

ผมพูดตรงๆแบบขวานผ่าซากหน่อยๆ ว่าไม่มีใครได้ประโยชน์หรอกครับจากวิกฤตน้ำท่วม พวกเรือจ้างที่มาโก่งราคาชั่วคราว ร้านขายวัสดุที่อาจจะโก่งราคาชั่วคราว ขายทรายถุงละ 50 บาท ทั้งหมดทั้งสิ้นมันไม่ยั่งยืนทั้งนั้นเลย บริษัทที่บอกว่าได้ประโยชน์หลังน้ำท่วม ขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น มันก็แค่หลังน้ำท่วม พอหมดการซ่อมแซมหลังน้ำท่วมแล้วจะไปเอารายได้โตๆอย่างนี้ที่ไหน

บริษัทกลุ่มใดบ้างที่ราคาจะลง แล้วน่าซื้อเก็บไว้ครับ

อันนี้กลับกันกับข้างบน คือ
คุณต้องประเมินมูลค่าของบริษัท เอาง่ายๆจากรายได้ปีหน้าปีโน้น หลังจากผ่านพ้นช่วงนี้ไป มอง horizon ให้ยาวๆ แล้วจะเห็นว่าสำหรับบางบริษัทที่อาจจะกระทบชั่วคราว คือรายได้ปีนี้อาจจะลดลง สินทรัพย์บริษัทหายไป เสียค่าซ่อมแซมต่างๆ มันไม่ได้กระทบกับรายได้ของบริษัทในระยะยาวๆเลย ยิ่งมองไปได้ยาวเท่าไร ยิ่งกระทบน้อย แล้วกลับมาดูราคาระยะสั้น ว่าตลาดลดราคาของบริษัทนี้เยอะเกินไปหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ถือว่าเป็นโอกาส

สรุปง่ายๆ คือถ้าอยาก"เล่น"หุ้น ก็หาคำตอบพลิกแพลงกันไปเถอะครับ ว่ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์ งบออก ก็เฮโลกันยิ้มขาย ถ้าอยาก"ลงทุน" ก็นั่งดูบริษัทที่มีอนาคตดีๆต่อไป อย่างที่เคยทำก่อนน้ำท่วม แต่เอาเหตุการณ์น้ำท่วมเข้าไปปรับคุณค่าของบริษัทซะหน่อยก็แค่นั้นเอง

[chukieat30]

ตอบเจ้าของกระทู้ก่อน

ผมพูดตรงๆแบบขวานผ่าซากหน่อยๆ ว่าไม่มีใครได้ประโยชน์หรอกครับจากวิกฤตน้ำท่วม พวกเรือจ้างที่มาโก่งราคาชั่วคราว ร้านขายวัสดุที่อาจจะโก่งราคาชั่วคราว ขายทรายถุงละ 50 บาท ทั้งหมดทั้งสิ้นมันไม่ยั่งยืนทั้งนั้นเลย บริษัทที่บอกว่าได้ประโยชน์หลังน้ำท่วม ขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น มันก็แค่หลังน้ำท่วม พอหมดการซ่อมแซมหลังน้ำท่วมแล้วจะไปเอารายได้โตๆอย่างนี้ที่ไหน

บริษัทกลุ่มใดบ้างที่ราคาจะลง แล้วน่าซื้อเก็บไว้ครับ

อันนี้กลับกันกับข้างบน คือ
คุณต้องประเมินมูลค่าของบริษัท เอาง่ายๆจากรายได้ปีหน้าปีโน้น หลังจากผ่านพ้นช่วงนี้ไป มอง horizon ให้ยาวๆ แล้วจะเห็นว่าสำหรับบางบริษัทที่อาจจะกระทบชั่วคราว คือรายได้ปีนี้อาจจะลดลง สินทรัพย์บริษัทหายไป เสียค่าซ่อมแซมต่างๆ มันไม่ได้กระทบกับรายได้ของบริษัทในระยะยาวๆเลย ยิ่งมองไปได้ยาวเท่าไร ยิ่งกระทบน้อย แล้วกลับมาดูราคาระยะสั้น ว่าตลาดลดราคาของบริษัทนี้เยอะเกินไปหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ถือว่าเป็นโอกาส

สรุปง่ายๆ คือถ้าอยาก"เล่น"หุ้น ก็หาคำตอบพลิกแพลงกันไปเถอะครับ ว่ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์ งบออก ก็เฮโลกันยิ้มขาย ถ้าอยาก"ลงทุน" ก็นั่งดูบริษัทที่มีอนาคตดีๆต่อไป อย่างที่เคยทำก่อนน้ำท่วม แต่เอาเหตุการณ์น้ำท่วมเข้าไปปรับคุณค่าของบริษัทซะหน่อยก็แค่นั้นเอง

ผมมองว่ากอลฟ์และหุ้นเหมือนกันครับ มันเป็นเกมของจิตวิญญาน

เราคงไม่ใช้เหล็กพัด ไปตีหรอกครับ

ถ้าถึงกรีนแล้วต้องพัด เรา้ก้ต้องใช้เหล็กพัด

แต่ถ้าเพิ่งเริ่ม ก้แล้วแต่ละคนว่าจะใช้เหล็กเบออะไร

ถ้าจะ ลงทุนระยะสั้น ก้มีพวกได้ประโยชน์จากข่าว

ถ้าจะลงทุนระยะยาว ก้ต้องอาศัยตามผลกำไรในอนาคต

[chukieat30]

ผมพูดตรงๆแบบขวานผ่าซากหน่อยๆ ว่าไม่มีใครได้ประโยชน์หรอกครับจากวิกฤตน้ำท่วม พวกเรือจ้างที่มาโก่งราคาชั่วคราว ร้านขายวัสดุที่อาจจะโก่งราคาชั่วคราว ขายทรายถุงละ 50 บาท ทั้งหมดทั้งสิ้นมันไม่ยั่งยืนทั้งนั้นเลย บริษัทที่บอกว่าได้ประโยชน์หลังน้ำท่วม ขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น มันก็แค่หลังน้ำท่วม พอหมดการซ่อมแซมหลังน้ำท่วมแล้วจะไปเอารายได้โตๆอย่างนี้ที่ไหน

ถ้าแบบนั้น ทุกอย่างบนโลกก้จะมีแค่ด้านเดียวสิครับ

มีตะวันขึ้นแต่ไม่มีตะวันตก มีหัวไม่มีก้อย

หลักของผลประโยชน์ คือ เมื่อมีคนหนึ่งได้ อีกคนหนึ่งก้้ต้องเสีย มันไม่มีใครได้ทุกคน

มันขึ้นกับว่า เราจะเห็นเหรียญอีกด้านนึงไหม

ส่วนไฮไลท์เรื่องจริงผม+ ให้ีพี่

แต่จะบอกว่า สั้นๆๆคือการเก็งกำไรไปหมดคงไม่ใช่ นักลงทุนบางประเภทเห็น

โอกาศตั้งแต่น้ำยังไม่ท่วมนิคม พี่จะบอกว่าเค้าเก็งกำไรคงไม่ถูก

ลงทุนระยะสั้น น่าจะเหมาะกว่าครับ

[pak]

พิษน้ำท่วมทำของแพงหูฉี่ [ นสพ.ไทยรัฐ, 20 ต.ค. 54 ]

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำที่ไหลบ่าทะลักเข้ากรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคา
อาหารและผักสดในตลาดเขตกรุงเทพฯและชานเมือง โดยเฉพาะตลาดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ ตลาด
สี่มุมเมือง ย่านรังสิต ราคาขยับขึ้นกว่าเท่าตัว โดยราคาผักกวางตุ้งขึ้นจาก กก.ละ 15-17 บาท เป็น
28-30 บาท ผักกาดขาว 20-22 บาท เป็น 45 บาท กะหล่ำปลี 15-18 บาท เป็น 30-35 บาท ถั่ว
ฝักยาวจาก 20-25 บาท เป็น 55-70 บาท ผักคะน้าจาก 25-28 บาท เป็น 50 บาท มะเขือเทศจาก
20 บาท เป็น 40 บาท รวมถึงไข่ไก่เบอร์ 5 ที่ปรับขึ้นมากจากแผง 30 ฟอง ราคา 80-90 บาท เป็น
115-120 บาท ส่วนเนื้อหมู ไก่ ราคายังปกติ

[lipton]

หลังนำท่วม พวกค้าปลีก อย่าง cpall จะได้รับประโยชน์ ไหม ครับ
เพราะ ของที่ต้องใช้ในชีวิต ประจำวันก็ลอยไปกับน้ำ
ร้านอาหาร ก็ยังไม่ค่อยเเปิดก็ต้องกินของ 7-11 ไปก่อน
ขอบคุณครับ