งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 1
เมื่อหกปีก่อน ตอนผมเข้า web Thaivi ครั้งแรกเพื่อศึกษา เรื่องหุ้นนั้นผมเข้าใจว่าความยากของมือใหม่คือไม่รู้จะเริ่มอย่างไร หนังสือหัดเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่หลากหลายเล่ม เน้นสอนคนให้เป็นแมงเม่า หรือเน้นจิตวิทยาสร้างความฮึกเฮิมให้เข้ามาในตลาดทุนมากกว่า จะออกแนวพวกรวยได้ไม่เสี่ยง รวยได้ไม่ต้องลงแรง แต่น้อยเล่มที่จะอธิบายเกี่ยวกับพื้นฐานบัญชีหรือการเงินให้คนส่วนใหญ่เข้าใจครับ
ผมสังเกตเห็นว่าหลายคนใน web ครับ อยากรู้เรื่องบัญชีหรือการเงิน แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี ผมเคยผ่านช่วงนั้นมาก่อนเลยอยากจะแชร์ความรู้เบื้องต้นให้เพื่อนๆน่ะครับ
P.S. ผมไม่ใช่นักบัญชี ไม่ได้จบการเงิน หลายๆท่านในที่นี้เซียนกว่าผมเยอะถ้าจะเสริมความรู้อะไรให้เพื่อนๆเชิญแทรกได้เลยนะครับจุดประสงค์คือเพื่อให้เข้าใจหลักการทางบัญชีอย่างง่ายๆครับ
P.S. โจทย์ผมตั้งเองครับ อาจจะไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่
ผมสังเกตเห็นว่าหลายคนใน web ครับ อยากรู้เรื่องบัญชีหรือการเงิน แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี ผมเคยผ่านช่วงนั้นมาก่อนเลยอยากจะแชร์ความรู้เบื้องต้นให้เพื่อนๆน่ะครับ
P.S. ผมไม่ใช่นักบัญชี ไม่ได้จบการเงิน หลายๆท่านในที่นี้เซียนกว่าผมเยอะถ้าจะเสริมความรู้อะไรให้เพื่อนๆเชิญแทรกได้เลยนะครับจุดประสงค์คือเพื่อให้เข้าใจหลักการทางบัญชีอย่างง่ายๆครับ
P.S. โจทย์ผมตั้งเองครับ อาจจะไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่
Connecting the dots
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 2
Assets, Liabilities, Equity คืออะไร?
พอพูดถึงต้องเห็นสมการ Asset (สินทรัพย์) = Liabilities (ส่วนของเจ้าหนึ้) + Equity (ส่วนของผู้ถือหุ้น) มือใหม่หลายๆคนคงถามว่ามันคืออะไร (วะ) เอาเป็นว่าลองจำสมการนี้แล้วลองฟังเรื่องนี้ละกันครับ
สมชายมีภรรยาอยู่ 2 คนคือเมียหลวงกับเมียน้อย สมชายวางแผนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว จึงขอยืมเงินจากเมียทั้งสองคนละ 5 แสน เพื่อเอาไปเซ้งร้านและเป็นเงินทุนหมุนเวียน
เมียหลวง ไม่ต้องการความเสี่ยงมากบอกสมชายว่า “มึงเอาเงินกูไปได้ แต่ต้องจ่ายผลตอบแทนคืนทุกงวด ปีละห้าหมื่น ห้ามขาด ขาดเมื่อไหร่มึงตาย! ถ้ามึงเหลือมากกว่านั้นเอาไปแบ่งให้เมียน้อยได้”
เมียน้อย ของสมชายเป็นคนดี บอกสมชายว่า “พี่เอาเงินหนูไป ถ้าร้านได้กำไรค่อยแบ่งหนูละกัน ถ้ายังไม่กำไรก็ไม่ต้องแบ่ง ไม่เป็นไรหนูรอได้”
คุ้นๆหรือเปล่า ครับ ไม่ใช่ชีวิตของใครนะครับ แต่เรื่องนี้เหมือนกับสมการที่ผมขอให้เพื่อนๆจำเอาไว้น่ะเอง
Assets ในเรื่องคือร้านก๋วยเตี๋ยวและเงินทุนหมุนเวียนของสมชายมูลค่าล้านนึงน่ะครับ
Liabilities ในเรื่องคือเงินของเมียหลวง ห้าแสน
Equity ในเรื่องคือเงินของเมียน้อย ห้าแสน
CEO ของบริษัท/กรรมการบริษัท คือสมชาย
จะเห็นว่า Liabilities นั้นในชีวิตจริงคือเงินกู้แบ๊งค์น่ะเอง หากเราชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยไม่ได้ แบ๊งค์สามารถฟ้องเราได้ เปรียบเหมือนเราไม่จ่ายเงินเมียหลวง เมียหลวงก็สามารถฆ่าสมชายได้นั่นเอง
ส่วน Equities นั้นคือเงินจากเมียน้อย เพราะผู้ถือหุ้นได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผล ซึ่งถ้าปีไหนร้านก๋วยเตี๋ยวกำไรเยอะจะจ่ายเยอะ ปีไหนกำไรไม่ดี ก็ไม่ต้องจ่าย เมียน้อยอาจบ่นบ้าง แต่ก็ได้แค่บ่นครับ สมชายทนได้
และที่ผมเรียก Equities ว่าเมียน้อยยังมีอีกสาเหตุหนึ่งครับ หากร้านก๋วยเตี๋ยวเลิกกิจการ อาจจะด้วยล้มละลายหรืออย่างไร เมียหลวงจะมีสิทธิ์เรียกสินทรัพย์ไปขายทอดตลาดก่อนนะครับ เหลือเท่าไหร่ถึงจ่ายให้เมียน้อย
ดังนั้น การที่เราซื้อหุ้นบริษัทใด เปรียบเสมือนเรายอมสมัครใจเป็นเมียน้อยบริษัท นั้น ต้องศึกษาให้ดีครับ ว่ารวยจริงหรือเปล่า เมียหลวงกำลังจะฟ้องหรือเปล่า ถ้าไม่ดีจริงอย่ายอมเป็นเมียน้อยใครง่ายๆครับ
เอาล่ะครับมาดูหน้าตางบดุลร้านก๋วยเตี๋ยวสมชายเมื่อปีที่ 0 กัน ลองทำกันดูครับว่าหน้าตาอย่างไร
Assets เงินสด 1 ล้าน
Liabiities
เงินจากเมียหลวง 5 แสน
Equity
เงินจากเมียน้อย 5 แสน
พอพูดถึงต้องเห็นสมการ Asset (สินทรัพย์) = Liabilities (ส่วนของเจ้าหนึ้) + Equity (ส่วนของผู้ถือหุ้น) มือใหม่หลายๆคนคงถามว่ามันคืออะไร (วะ) เอาเป็นว่าลองจำสมการนี้แล้วลองฟังเรื่องนี้ละกันครับ
สมชายมีภรรยาอยู่ 2 คนคือเมียหลวงกับเมียน้อย สมชายวางแผนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว จึงขอยืมเงินจากเมียทั้งสองคนละ 5 แสน เพื่อเอาไปเซ้งร้านและเป็นเงินทุนหมุนเวียน
เมียหลวง ไม่ต้องการความเสี่ยงมากบอกสมชายว่า “มึงเอาเงินกูไปได้ แต่ต้องจ่ายผลตอบแทนคืนทุกงวด ปีละห้าหมื่น ห้ามขาด ขาดเมื่อไหร่มึงตาย! ถ้ามึงเหลือมากกว่านั้นเอาไปแบ่งให้เมียน้อยได้”
เมียน้อย ของสมชายเป็นคนดี บอกสมชายว่า “พี่เอาเงินหนูไป ถ้าร้านได้กำไรค่อยแบ่งหนูละกัน ถ้ายังไม่กำไรก็ไม่ต้องแบ่ง ไม่เป็นไรหนูรอได้”
คุ้นๆหรือเปล่า ครับ ไม่ใช่ชีวิตของใครนะครับ แต่เรื่องนี้เหมือนกับสมการที่ผมขอให้เพื่อนๆจำเอาไว้น่ะเอง
Assets ในเรื่องคือร้านก๋วยเตี๋ยวและเงินทุนหมุนเวียนของสมชายมูลค่าล้านนึงน่ะครับ
Liabilities ในเรื่องคือเงินของเมียหลวง ห้าแสน
Equity ในเรื่องคือเงินของเมียน้อย ห้าแสน
CEO ของบริษัท/กรรมการบริษัท คือสมชาย
จะเห็นว่า Liabilities นั้นในชีวิตจริงคือเงินกู้แบ๊งค์น่ะเอง หากเราชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยไม่ได้ แบ๊งค์สามารถฟ้องเราได้ เปรียบเหมือนเราไม่จ่ายเงินเมียหลวง เมียหลวงก็สามารถฆ่าสมชายได้นั่นเอง
ส่วน Equities นั้นคือเงินจากเมียน้อย เพราะผู้ถือหุ้นได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผล ซึ่งถ้าปีไหนร้านก๋วยเตี๋ยวกำไรเยอะจะจ่ายเยอะ ปีไหนกำไรไม่ดี ก็ไม่ต้องจ่าย เมียน้อยอาจบ่นบ้าง แต่ก็ได้แค่บ่นครับ สมชายทนได้
และที่ผมเรียก Equities ว่าเมียน้อยยังมีอีกสาเหตุหนึ่งครับ หากร้านก๋วยเตี๋ยวเลิกกิจการ อาจจะด้วยล้มละลายหรืออย่างไร เมียหลวงจะมีสิทธิ์เรียกสินทรัพย์ไปขายทอดตลาดก่อนนะครับ เหลือเท่าไหร่ถึงจ่ายให้เมียน้อย
ดังนั้น การที่เราซื้อหุ้นบริษัทใด เปรียบเสมือนเรายอมสมัครใจเป็นเมียน้อยบริษัท นั้น ต้องศึกษาให้ดีครับ ว่ารวยจริงหรือเปล่า เมียหลวงกำลังจะฟ้องหรือเปล่า ถ้าไม่ดีจริงอย่ายอมเป็นเมียน้อยใครง่ายๆครับ
เอาล่ะครับมาดูหน้าตางบดุลร้านก๋วยเตี๋ยวสมชายเมื่อปีที่ 0 กัน ลองทำกันดูครับว่าหน้าตาอย่างไร
Assets เงินสด 1 ล้าน
Liabiities
เงินจากเมียหลวง 5 แสน
Equity
เงินจากเมียน้อย 5 แสน
Connecting the dots
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 3
Income Statement คืออะไร
Income Statement คืองบกำไร ขาดทุน ส่วนของเมียน้อย เท่านั้นนะครับ หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นกำไรของบริษัท เรามาดูตัวอย่างกันต่อนะครับ
สมชายหลังจากได้เงินแล้วนำเงินมาเซ้งร้านเป็นเวลา 10 ปี มูลค่า 8 แสนบาท อีก 2 แสนบาทเป็นเงินทุนหมุนเวียน
สิ้นปีที่ 1 สมชายมียอดขาย 2 หมื่นชามชามละ 10 บาท สมชายรู้ว่าค่าวัตถุดิบของก๋วยเตี๊ยวชามละ 1 บาท ถามว่า Income Statement ของสมชายหน้าตาอย่างไร
Sales ของสมชาย = 20,000 x 10 = 200,000 บาท
Variable cost (ต้นทุนก๋วยเตี๋ยว) = 20,000 x 1 = 20,000 บาท
Fixed cost (ค่าเสื่อมร้านที่เซ้ง) = 800,000/10 = 80,000 บาท
Gross Profit = 200,000 – 20,000 – 80,000 = 100,000 บาท
Interest Payment (เงินจ่ายเมียหลวง) = 50,000 บาท
Net Income = 50,000 บาท
จะเห็นว่า Net Income นั้นเป็นบรรทัดหลังจ่ายเงินให้เมียหลวงแล้ว เงินทั้งก้อนจึงตกเป็นของเมียน้อยครับ ทีนี้ขึ้นอยู่กับสมชายล่ะครับ ว่าจะจ่ายปันผลหรือจะเก็บไว้ก่อนครับ
Income Statement คืองบกำไร ขาดทุน ส่วนของเมียน้อย เท่านั้นนะครับ หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นกำไรของบริษัท เรามาดูตัวอย่างกันต่อนะครับ
สมชายหลังจากได้เงินแล้วนำเงินมาเซ้งร้านเป็นเวลา 10 ปี มูลค่า 8 แสนบาท อีก 2 แสนบาทเป็นเงินทุนหมุนเวียน
สิ้นปีที่ 1 สมชายมียอดขาย 2 หมื่นชามชามละ 10 บาท สมชายรู้ว่าค่าวัตถุดิบของก๋วยเตี๊ยวชามละ 1 บาท ถามว่า Income Statement ของสมชายหน้าตาอย่างไร
Sales ของสมชาย = 20,000 x 10 = 200,000 บาท
Variable cost (ต้นทุนก๋วยเตี๋ยว) = 20,000 x 1 = 20,000 บาท
Fixed cost (ค่าเสื่อมร้านที่เซ้ง) = 800,000/10 = 80,000 บาท
Gross Profit = 200,000 – 20,000 – 80,000 = 100,000 บาท
Interest Payment (เงินจ่ายเมียหลวง) = 50,000 บาท
Net Income = 50,000 บาท
จะเห็นว่า Net Income นั้นเป็นบรรทัดหลังจ่ายเงินให้เมียหลวงแล้ว เงินทั้งก้อนจึงตกเป็นของเมียน้อยครับ ทีนี้ขึ้นอยู่กับสมชายล่ะครับ ว่าจะจ่ายปันผลหรือจะเก็บไว้ก่อนครับ
Connecting the dots
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 4
แล้ว Cash ของบริษัทล่ะ
สิ่งนี้สำคัญมากนะครับ ทำได้สองวิธีครับ เราลองมาดูกัน
วิธี 1 ทำตรงๆ
Cash ตั้งต้น (ปีที่ 0) 1 ล้าน
จ่ายค่าเซ้ง -0.8 ล้าน
จ่ายค่าวัตถุดิบก๋วยเตี๋ยว = 1x20,000 = -0.02 ล้าน
รายได้ขายก๋วยเต๋ยว = 20,000 x 10 = +0.2 ล้าน
จ่ายเงินเมียหลวง = -0.05 ล้าน
Cash สิ้นปี = 0.33 ล้าน
จะเห็นว่า Cash ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเหลือ จะเหลือประมาณ 3.3 แสน ซึ่งตัวเลขนี้สำคัญมากครับ วิธีการหา Cash คงเหลือมีอีกวิธีได้เริ่มทำจาก Net Income
วิธีที่ 2 ทำจาก Net Income
Net income +0.05 ล้าน (1)
+ ค่าเสื่อม +0.08 ล้าน (2)
ในงบการเงินเรามักเห็นเรามัก (1) + (2) เราเรียกว่า Cash flow from operation
‘- Cash flow from investment -0.8 ล้าน (ค่าเซ้งร้าน)
+ Cash flow from financial +1 ล้าน (เงินระดมทุนจากเมียน้อยและเมียหลวง)
Cash สิ้นปี 0.33 ล้าน
จะเห็นว่าคำตอบจะเท่ากันครับ แต่เราๆน่าจะคุ้นวิธีล่างมากกว่า เพราะพบเห็นได้บ่อยกว่าในงบการเงินครับ
สิ่งนี้สำคัญมากนะครับ ทำได้สองวิธีครับ เราลองมาดูกัน
วิธี 1 ทำตรงๆ
Cash ตั้งต้น (ปีที่ 0) 1 ล้าน
จ่ายค่าเซ้ง -0.8 ล้าน
จ่ายค่าวัตถุดิบก๋วยเตี๋ยว = 1x20,000 = -0.02 ล้าน
รายได้ขายก๋วยเต๋ยว = 20,000 x 10 = +0.2 ล้าน
จ่ายเงินเมียหลวง = -0.05 ล้าน
Cash สิ้นปี = 0.33 ล้าน
จะเห็นว่า Cash ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเหลือ จะเหลือประมาณ 3.3 แสน ซึ่งตัวเลขนี้สำคัญมากครับ วิธีการหา Cash คงเหลือมีอีกวิธีได้เริ่มทำจาก Net Income
วิธีที่ 2 ทำจาก Net Income
Net income +0.05 ล้าน (1)
+ ค่าเสื่อม +0.08 ล้าน (2)
ในงบการเงินเรามักเห็นเรามัก (1) + (2) เราเรียกว่า Cash flow from operation
‘- Cash flow from investment -0.8 ล้าน (ค่าเซ้งร้าน)
+ Cash flow from financial +1 ล้าน (เงินระดมทุนจากเมียน้อยและเมียหลวง)
Cash สิ้นปี 0.33 ล้าน
จะเห็นว่าคำตอบจะเท่ากันครับ แต่เราๆน่าจะคุ้นวิธีล่างมากกว่า เพราะพบเห็นได้บ่อยกว่าในงบการเงินครับ
Connecting the dots
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 5
ROA, ROE คืออะไร
ROA คือ Return on Assets หรือผลตอบเทนของร้านก๋วยเตี๋ยวเทียบกับสินทรัพย์
ROE คือ Return on Equity หรือผลตอบแทนของเมียน้อยเทียบกับเงินที่เมียน้อยลงทุน
ดังนั้นจากตัวอย่างข้างต้น
ROA = (50,000 + 50,000)/1 ล้าน = 10%
ROE = (50,000)/5 แสน = 10%
จะเห็นได้ว่า Return on Assets ต้องรวมผลตอบแทนของทั้งเมียหลวงและเมียน้อยครับ เพราะคนให้เงินสมชายไปซื้อ Assets คือทั้งเมียหลวงและเมียน้อย หลายๆคนจะงงๆตรงนี้แต่ถ้าอ่านมาตั้งแต่ต้น ผมหวังว่าจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ
เวลาคนมาพูดกับผมแล้วจะงงกันมากๆเลย คือเวลาคุยกันคำว่า Return คือ return ของอะไร return ของทั้งบริษัท หรือ Return เฉพาะของส่วนผู้ถือหุ้นครับ
ROA คือ Return on Assets หรือผลตอบเทนของร้านก๋วยเตี๋ยวเทียบกับสินทรัพย์
ROE คือ Return on Equity หรือผลตอบแทนของเมียน้อยเทียบกับเงินที่เมียน้อยลงทุน
ดังนั้นจากตัวอย่างข้างต้น
ROA = (50,000 + 50,000)/1 ล้าน = 10%
ROE = (50,000)/5 แสน = 10%
จะเห็นได้ว่า Return on Assets ต้องรวมผลตอบแทนของทั้งเมียหลวงและเมียน้อยครับ เพราะคนให้เงินสมชายไปซื้อ Assets คือทั้งเมียหลวงและเมียน้อย หลายๆคนจะงงๆตรงนี้แต่ถ้าอ่านมาตั้งแต่ต้น ผมหวังว่าจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ
เวลาคนมาพูดกับผมแล้วจะงงกันมากๆเลย คือเวลาคุยกันคำว่า Return คือ return ของอะไร return ของทั้งบริษัท หรือ Return เฉพาะของส่วนผู้ถือหุ้นครับ
Connecting the dots
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 6
งบดุลของสมชายหลังจบปีที่ 1 เป็นอย่างไร? Assume ว่าสมชายไม่จ่ายปันผล
ทำกันได้หรือเปล่าครับ
Assets =
ร้านก๋วยเตี๋ยว 0.72 ล้านบาท
เงินสด 0.33 ล้านบาท
รวม 1.05 ล้านบาท
Liabilities =
เงินจากเมียหลวง 5 แสน
Equity =
เงินจากเมียน้อย 5 แสน
กำไรสะสม 0.05 แสน
รวม 5.05 แสน
สังเกตอะไรมั๊ยครับ ส่วนของเมียน้อยเพิ่มขึ้น นี่เป็นสาเหตุครับว่าถ้า Net Income ของร้านก๋วยเตี๋ยวเท่าเดิม แล้วบริษัทไม่จ่ายปันผล ROE จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เพราะ ส่วนของเมียน้อยจะค่อยๆทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (ตราบเท่าที่บริษัทมีกำไร) ทุกปีครับ
ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าคงพอจะช่วยเพื่อนๆได้บ้าง
ทำกันได้หรือเปล่าครับ
Assets =
ร้านก๋วยเตี๋ยว 0.72 ล้านบาท
เงินสด 0.33 ล้านบาท
รวม 1.05 ล้านบาท
Liabilities =
เงินจากเมียหลวง 5 แสน
Equity =
เงินจากเมียน้อย 5 แสน
กำไรสะสม 0.05 แสน
รวม 5.05 แสน
สังเกตอะไรมั๊ยครับ ส่วนของเมียน้อยเพิ่มขึ้น นี่เป็นสาเหตุครับว่าถ้า Net Income ของร้านก๋วยเตี๋ยวเท่าเดิม แล้วบริษัทไม่จ่ายปันผล ROE จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เพราะ ส่วนของเมียน้อยจะค่อยๆทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (ตราบเท่าที่บริษัทมีกำไร) ทุกปีครับ
ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะครับ หวังว่าคงพอจะช่วยเพื่อนๆได้บ้าง
Connecting the dots
-
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 10
เข้าใจง่ายดี ขอบคุณครับ
- จงใช้ชีวิตในแต่ละวันของคุณ ดุจดังว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
- อย่าเสียเวลาเพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น อย่าติดกับดักของกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของความคิดของคนอื่น
- จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
- อย่าเสียเวลาเพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่น อย่าติดกับดักของกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับผลของความคิดของคนอื่น
- จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
-
- Verified User
- โพสต์: 13
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 11
ROE จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เพราะ ส่วนของเมียน้อยจะค่อยๆทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แล้ว ROE ต่ำกับสูง อะไรจะดีกว่ากัน?
แล้ว ROE ต่ำกับสูง อะไรจะดีกว่ากัน?
-
- Verified User
- โพสต์: 126
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณมากๆครับ อธิบายเห็นภาพเลยครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 18
อยากให้ช่วยขยายความครับ ทำไมถ้าบริษัทไม่จ่ายปันผล จะทำให้ ROE ลดลงในปีถัดๆไป
ถ้า assume Return เท่าเดิม แต่บริษัทเก็บกำไรไว้ไม่ยอมปันผล ROE จะลดลงเรื่อยๆครับ Key อยู่ที่ว่าถ้าบริษัทเก็บกำไรสะสมไว้ไม่จ่ายปันผลมีความสามารถพอที่จะทำให้ Return เพิ่มทันหรือเปล่า
ถ้า assume Return เท่าเดิม แต่บริษัทเก็บกำไรไว้ไม่ยอมปันผล ROE จะลดลงเรื่อยๆครับ Key อยู่ที่ว่าถ้าบริษัทเก็บกำไรสะสมไว้ไม่จ่ายปันผลมีความสามารถพอที่จะทำให้ Return เพิ่มทันหรือเปล่า
Connecting the dots
- tamito
- Verified User
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณครับ คุณ Samathi ขอถามเพิ่มครับ
ในกรณีที่บริษัทไม่ลงทุนเพิ่ม บริษัทจะได้ Net Income 50,000 คงที่ และจากการที่บริษัทไม่จ่ายปันผล จะทำให้ส่วนของ Equity เพิ่มขึ้นไปเรื่อย สุดท้ายแล้วค่า ROE ก็จะลดลงเรื่อยเพราะตัวส่วนมากกว่าตัวหารถูกไหมครับ
ในส่วน Equity ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเก็บได้ (฿50,000 ทุกปี) แล้วไม่ได้ไปลงทุนเพิ่มเติม ตัวเลขดังกล่าวจะไปเพิ่มในส่วนของเงินสด ในงบดุลถูกไหมครับ
ในกรณีที่บริษัทไม่ลงทุนเพิ่ม บริษัทจะได้ Net Income 50,000 คงที่ และจากการที่บริษัทไม่จ่ายปันผล จะทำให้ส่วนของ Equity เพิ่มขึ้นไปเรื่อย สุดท้ายแล้วค่า ROE ก็จะลดลงเรื่อยเพราะตัวส่วนมากกว่าตัวหารถูกไหมครับ
ในส่วน Equity ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเก็บได้ (฿50,000 ทุกปี) แล้วไม่ได้ไปลงทุนเพิ่มเติม ตัวเลขดังกล่าวจะไปเพิ่มในส่วนของเงินสด ในงบดุลถูกไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 21
เท่าที่เคยอ่านผ่านๆมา สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (เช่น โรงงาน อุปกรณ์ เครื่องจักร) สร้างรายได้ได้ดีกว่า สินทรัพย์หมุนเวียน (เช่น เงินสด) คนถึงมักแปรรูปเอาเงินสดไปลงทุนทำกิจการต่างๆเพราะมันได้ผลตอบแทนดีกว่าเงินสดฝากธนาคารไงครับ
ทีนี้ถ้าเงินสดท่วมบริษัทมากๆ ถ้าไม่สามารถเอาไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงได้ทั้งหมดทั้งก้อน ก็ควรเอาส่วนที่เหลือใช้ จ่ายปันผลออกมาครับ ไม่งั้นมันจะเป็นตัวถ่วง ทำให้ROE ลดลงได้ น่าจะเป็นอย่างนี้มั้งครับ
ทีนี้ถ้าเงินสดท่วมบริษัทมากๆ ถ้าไม่สามารถเอาไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงได้ทั้งหมดทั้งก้อน ก็ควรเอาส่วนที่เหลือใช้ จ่ายปันผลออกมาครับ ไม่งั้นมันจะเป็นตัวถ่วง ทำให้ROE ลดลงได้ น่าจะเป็นอย่างนี้มั้งครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- oxygenatom
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 23
อ๋อ อ่านเข้าใจง่ายดีคับ
ถ้าไม่จ่ายเงินปันผลจะทำให้กำไรสะสมก็จะไปเพิ่ม equity ขึ้นเป็น 5.5 แสน แต่ถ้า net income เท่าเดิมคือ 0.5 แสน
พอเข้าสูตร ROE=net income/equity= 0.5/5.5 = 9.09%
แต่ถ้าเป็นปีที่ 0 ROE=net income/equity= 0.5/5.0 = 10.0%
แต่สงสัยอย่างหนึ่ง ตรงตารางของคุณ นพพร ว่าส่วนที่เป็นของเมียหลวง(liabilities)อ่ะคับ มันจะต้องลดลงด้วยรึเปล่าถ้าเรามีการจ่ายให้ทุกๆ ปี ปีละ 50,000 บาท หรือมันจะเอาไปลดตอนไหน คือไม่ทราบจริงๆ คับ
ถ้าไม่จ่ายเงินปันผลจะทำให้กำไรสะสมก็จะไปเพิ่ม equity ขึ้นเป็น 5.5 แสน แต่ถ้า net income เท่าเดิมคือ 0.5 แสน
พอเข้าสูตร ROE=net income/equity= 0.5/5.5 = 9.09%
แต่ถ้าเป็นปีที่ 0 ROE=net income/equity= 0.5/5.0 = 10.0%
แต่สงสัยอย่างหนึ่ง ตรงตารางของคุณ นพพร ว่าส่วนที่เป็นของเมียหลวง(liabilities)อ่ะคับ มันจะต้องลดลงด้วยรึเปล่าถ้าเรามีการจ่ายให้ทุกๆ ปี ปีละ 50,000 บาท หรือมันจะเอาไปลดตอนไหน คือไม่ทราบจริงๆ คับ
-
- Verified User
- โพสต์: 132
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 25
เพื่อบอกประสิทธิภาพบริษัทนพพร เขียน:ผมเองก็งงเหมือนกัน ที่อยากรู้เพิ่มก็ตรง Cash flow ทั้งสามตัว ตัวไหนที่ควรเพิ่มเรื่อยๆ หรือลดเรื่อยๆ เพื่อบอกประสิทธิภาพของการทำงานของบริษัทนั้นๆ
Cash flow operation : ควรจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีส่วนเพิ่มกระแสเงินสดอิสระ ของบริษัท
Cash flow financial : ควรลดลง ลดการจัดหาเงินจากภายนอก
Cash flow invesment : ผมคิดว่าควรลดลง แต่ถ้า เพิ่มขึ้น Cash flow operation ก็ควรเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงต่อการลงทุนนั้นครับ
ผมเป็นมือใหม่หัดตอบ ถูกไม่ถูกติชมได้้เลยนะครับ ขอบคุณครับ
- uthai.l
- Verified User
- โพสต์: 177
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 27
ไม่แน่ใจว่าถูกไหมนะครับ ว่าส่วนที่เป็นของเมียหลวง(liabilities)สมชายต้องจ่ายให้ทุกปีอยู่แล้วครับ(ไม่งั้นตาย) จึงไม่เอาส่วนนั้น 50,000 มารวมด้วย ตัวเลขจึงเท่าเดิมที่ 500,000 ทุกปีไม่สะสมเหมือนเมียน้อยoxygenatom เขียน:อ๋อ อ่านเข้าใจง่ายดีคับ
ถ้าไม่จ่ายเงินปันผลจะทำให้กำไรสะสมก็จะไปเพิ่ม equity ขึ้นเป็น 5.5 แสน แต่ถ้า net income เท่าเดิมคือ 0.5 แสน
พอเข้าสูตร ROE=net income/equity= 0.5/5.5 = 9.09%
แต่ถ้าเป็นปีที่ 0 ROE=net income/equity= 0.5/5.0 = 10.0%
แต่สงสัยอย่างหนึ่ง ตรงตารางของคุณ นพพร ว่าส่วนที่เป็นของเมียหลวง(liabilities)อ่ะคับ มันจะต้องลดลงด้วยรึเปล่าถ้าเรามีการจ่ายให้ทุกๆ ปี ปีละ 50,000 บาท หรือมันจะเอาไปลดตอนไหน คือไม่ทราบจริงๆ คับ
ผิดหรือถูกอย่างไรวานผู้รู้แก้ไขด้วยครับ ผมเข้าใจว่าอย่างนั้นจริงๆ
ทุกปัญหามีทางออก ถ้าไม่มีทางออก...ให้ออกทางเข้า!!!
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
Re: งบการเงิน ฉบับเมียหลวง เมียน้อย
โพสต์ที่ 30
อ่านง่ายดีครับ ผมมีขอสงสัยเพิ่มเติม ถ้าอย่างนี้บริษัทสามารถลง ค่าเสื่อมเยอะๆ ได้รึเปล่า เพราะทำให้กำไรลดลง เสียภาษีก็ลดลง หรือมันมีอะไรมาควบคุมกำหนดว่าลงค่าเสื่อมได้แค่ไหนอย่างไร
สรรพากรจะให้ Guildline มาคร่าวๆครับ เช่น อาคารตัด 20 ปี เครื่องจักร 5 ปี ถ้าอยากตัดแบบแปลกๆต้องขึ้นกับว่า Defend ได้หรือเปล่า
ยกตัวอย่างเคสที่ผมเรียนมานะครับ เงิน R&D ของ Microsoft Office บริษัท Microsoft ลงเป็น Expense ทั้งหมดในปีเดียวเลย ทีนี้สรรพากรของอเมริการไม่ยอมครับบอกให้ Microsoft ทยอยตัด การทยอยตัดทำให้ PE ratio ของ Microsoft ดูดีขึ้น แต่ในแง่ Cooporate Finance ตัวบริษัทแย่ลงครับเพราะเสีย Tax มากขึึ้น
สรรพากรจะให้ Guildline มาคร่าวๆครับ เช่น อาคารตัด 20 ปี เครื่องจักร 5 ปี ถ้าอยากตัดแบบแปลกๆต้องขึ้นกับว่า Defend ได้หรือเปล่า
ยกตัวอย่างเคสที่ผมเรียนมานะครับ เงิน R&D ของ Microsoft Office บริษัท Microsoft ลงเป็น Expense ทั้งหมดในปีเดียวเลย ทีนี้สรรพากรของอเมริการไม่ยอมครับบอกให้ Microsoft ทยอยตัด การทยอยตัดทำให้ PE ratio ของ Microsoft ดูดีขึ้น แต่ในแง่ Cooporate Finance ตัวบริษัทแย่ลงครับเพราะเสีย Tax มากขึึ้น
Connecting the dots