"วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 31
1 ผมไม่เคยลงทุนเพื่อจะขาดทุน
2 ทุกวันเป็นวันดีสําหรับผม
3 ผมไม่ชอบโซรอส เพราะผมฟังเขาพูดไม่เข้าใจ
อ่านหนังสือเขาก็ไม่รู้เรื่อง
และผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมตลอดเวลา
4 ผมไม่เชื่อในการinvert
ถ้ารถวิ่งวันเวย์ผมคงไม่วิ่งสวน
ผมเชื่อในการคิดอย่างรอบด้านและระมัดระวัง
การประเมินความเสี่ยงในแต่ละเหตุการณ์
และการกระจายความเสี่ยงอย่างมีเหตุผล
5 ชีวิตส่วนใหญ่ของผม เป็นไปเพื่อแสวงหาความสุข
ไม่เคยแสวงหาความทุกข์
เวลาความทุกข์มาเยือนโดยไม่คาดคิด
ผมต้อนรับมันด้วยสติและความสงบ
สักพักความทุกข์ก็หนีไปทุกที
คนเราเหตุปัจจัยต่างกัน
ปรัชญาความเชื่อการดําเนินชีวิตย่อมต่างกัน
ไม่มีใครผิดถูกหรอกครับ
เสื้อที่ผมใส่อาจไม่เข้าหรือเหมาะกับคนอื่น
ผมแค่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น
2 ทุกวันเป็นวันดีสําหรับผม
3 ผมไม่ชอบโซรอส เพราะผมฟังเขาพูดไม่เข้าใจ
อ่านหนังสือเขาก็ไม่รู้เรื่อง
และผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมตลอดเวลา
4 ผมไม่เชื่อในการinvert
ถ้ารถวิ่งวันเวย์ผมคงไม่วิ่งสวน
ผมเชื่อในการคิดอย่างรอบด้านและระมัดระวัง
การประเมินความเสี่ยงในแต่ละเหตุการณ์
และการกระจายความเสี่ยงอย่างมีเหตุผล
5 ชีวิตส่วนใหญ่ของผม เป็นไปเพื่อแสวงหาความสุข
ไม่เคยแสวงหาความทุกข์
เวลาความทุกข์มาเยือนโดยไม่คาดคิด
ผมต้อนรับมันด้วยสติและความสงบ
สักพักความทุกข์ก็หนีไปทุกที
คนเราเหตุปัจจัยต่างกัน
ปรัชญาความเชื่อการดําเนินชีวิตย่อมต่างกัน
ไม่มีใครผิดถูกหรอกครับ
เสื้อที่ผมใส่อาจไม่เข้าหรือเหมาะกับคนอื่น
ผมแค่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 32
ตามอ่านข้อเขียนของคุณ humdrum
แต่คราวนี้ อ่านแล้ว ไม่เข้าใจ 2 ประโยคนี้ค่ะ
ผมจะคิดว่าทำอย่างไรให่้เงินหาย
ส่วนทำอย่างไรให้เงินไม่หาย ผมจะไม่เคยคิดเลย
รู้สึกมันขัดกับสิ่งที่เข้าใจจากข้อความก่อนหน้านี้
ข้อความ เวลาออกไปไหน ผมจึงเฝ้าระวังเรื่องการกวักวินเงินเข้าออก
ฟังดูเหมือนว่า คิดถึงปัจจัยด้านลบที่อาจจะทำให้เงินหายก่อน (ขาดทุน) แล้วหลีกเลี่ยง หรือป้องกันไม่ให้เกิดเงินหาย ด้วยวิธีการ เอาเงินใส่ถุงพลาสติกแล้วใส่ก้อนหินเข้าไปด้วย เวลามันตกมันจะมันมีเสียง (คือการทำอย่างไรให้เงินไม่หาย)
ดิฉันอาจเป็นคนเข้าใจยาก ไม่ลึกซึ้งเองก็ได้ค่ะ
แต่ก็พอสรุปของตัวเองจากการอ่านได้ว่า
การหลีกเลี่ยงและ ปิดโอกาสที่จะทำเงินหาย
คือการระวัง ไม่ให้ขาดทุน ตรงกับหลักการ อย่ายอมขาดทุน หลักการลงทุนของบัฟเฟต์นั่นเอง
ผมจดลงกระดาษยังเขียนจากขวาไปซ้ายอีกด้วย
อยากรู้จังว่าเขียนจากขวาไปซ้ายอย่างไร เรียงเป็นคำจากขวาไปซ้ายแบบนี้หรือเปล่าคะ
ด้วยอีกซ้ายไปขวาจากเขียนยังกระดาษลงจดผม
สงสัยว่าเขียนแบบไหน เผื่อเอาไปใช้เป็น รหัสได้ค่ะ
แต่คราวนี้ อ่านแล้ว ไม่เข้าใจ 2 ประโยคนี้ค่ะ
ผมจะคิดว่าทำอย่างไรให่้เงินหาย
ส่วนทำอย่างไรให้เงินไม่หาย ผมจะไม่เคยคิดเลย
รู้สึกมันขัดกับสิ่งที่เข้าใจจากข้อความก่อนหน้านี้
ข้อความ เวลาออกไปไหน ผมจึงเฝ้าระวังเรื่องการกวักวินเงินเข้าออก
ฟังดูเหมือนว่า คิดถึงปัจจัยด้านลบที่อาจจะทำให้เงินหายก่อน (ขาดทุน) แล้วหลีกเลี่ยง หรือป้องกันไม่ให้เกิดเงินหาย ด้วยวิธีการ เอาเงินใส่ถุงพลาสติกแล้วใส่ก้อนหินเข้าไปด้วย เวลามันตกมันจะมันมีเสียง (คือการทำอย่างไรให้เงินไม่หาย)
ดิฉันอาจเป็นคนเข้าใจยาก ไม่ลึกซึ้งเองก็ได้ค่ะ
แต่ก็พอสรุปของตัวเองจากการอ่านได้ว่า
การหลีกเลี่ยงและ ปิดโอกาสที่จะทำเงินหาย
คือการระวัง ไม่ให้ขาดทุน ตรงกับหลักการ อย่ายอมขาดทุน หลักการลงทุนของบัฟเฟต์นั่นเอง
ผมจดลงกระดาษยังเขียนจากขวาไปซ้ายอีกด้วย
อยากรู้จังว่าเขียนจากขวาไปซ้ายอย่างไร เรียงเป็นคำจากขวาไปซ้ายแบบนี้หรือเปล่าคะ
ด้วยอีกซ้ายไปขวาจากเขียนยังกระดาษลงจดผม
สงสัยว่าเขียนแบบไหน เผื่อเอาไปใช้เป็น รหัสได้ค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 130
- ผู้ติดตาม: 1
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 34
อ่านครั้งแรก ไม่นึกว่าจะ......"อ่านเป็นเรื่อง"
ทำให้นึกถึงสมัยเด็ก วิชา....."อ่านเอาเรื่อง"
อ่านครั้งแรกรู้สึกเข้าใจ
อาจเป็นเพราะตั้งใจอ่านให้เข้าใจแต่แรก และเป็นภาษาไทย
อ่านต่อมารู้สึกไม่เข้าใจ
ยิ่งต้องตั้งใจอ่านให้เข้าใจมากกว่าความเห็นแรก แม้ภาษาไม่ยาก แต่เพราะ.....ไม่ใช่ภาษาไทย
ขอบคุณค่ะ
ปล.เวลาเรียกลูกน้องมาตุยที่โต๊ะทำงาน บางครั้งอธิบายด้วยคำสั้นๆ ตัวเลขง่ายๆ
เราเขียนกลับหัวให้ลูกน้องอ่านได้ ไม่กลับกระดาษ ไม่เสียเวลาแม้....ลายมือไม่สวย
ทำให้นึกถึงสมัยเด็ก วิชา....."อ่านเอาเรื่อง"
อ่านครั้งแรกรู้สึกเข้าใจ
อาจเป็นเพราะตั้งใจอ่านให้เข้าใจแต่แรก และเป็นภาษาไทย
อ่านต่อมารู้สึกไม่เข้าใจ
ยิ่งต้องตั้งใจอ่านให้เข้าใจมากกว่าความเห็นแรก แม้ภาษาไม่ยาก แต่เพราะ.....ไม่ใช่ภาษาไทย
ขอบคุณค่ะ
ปล.เวลาเรียกลูกน้องมาตุยที่โต๊ะทำงาน บางครั้งอธิบายด้วยคำสั้นๆ ตัวเลขง่ายๆ
เราเขียนกลับหัวให้ลูกน้องอ่านได้ ไม่กลับกระดาษ ไม่เสียเวลาแม้....ลายมือไม่สวย
-
- Verified User
- โพสต์: 130
- ผู้ติดตาม: 1
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 35
เรียกลูกน้องมา "คุย" ที่โต๊ะทำงาน
(โทษ ipad ตัวมันเล็ก แก่แล้วตาไม่ดีค่ะ55555)
(โทษ ipad ตัวมันเล็ก แก่แล้วตาไม่ดีค่ะ55555)
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 36
>>> Just one question krab. With your terminology, what u look for when u buy a stock krab.
สิ่งที่ผมมองหาเวลาซื้อหุ้นนะคับ
1. กิจการมีความรู้สึกอยากที่จะอยู่รอดไหม
2. กิจการมีความสามารถในการอยู่รอดระดับไหน
3. กิจการมีวิธีในการอยู่รอดอย่างไร และมีประสิทธิภาพแค่ไหน
4. เวลาที่เหมาะสม
จากคำถามสี่ข้อนี้ จะทำให้ผมสามารถประเมินเปรียบเทียบคุณภาพของกิจการต่างๆ ระดับความเชื่อมั่นต่ออนาคตการเติบโตของกิจการ
ความน่าจะเป็นของผลตอบแทนจากการลงทุน ระยะเวลาในการลงทุน รวมถึงมูลค่าของกิจการ ได้อย่างสมเหตุสมผลคับ
หรือถามคำถามสั้นๆเพียงประโยคเดียวว่า
"ถ้าไม่มีกิจการนี้ จะเกิดอะไรขึ้น?"
สิ่งที่ผมมองหาเวลาซื้อหุ้นนะคับ
1. กิจการมีความรู้สึกอยากที่จะอยู่รอดไหม
2. กิจการมีความสามารถในการอยู่รอดระดับไหน
3. กิจการมีวิธีในการอยู่รอดอย่างไร และมีประสิทธิภาพแค่ไหน
4. เวลาที่เหมาะสม
จากคำถามสี่ข้อนี้ จะทำให้ผมสามารถประเมินเปรียบเทียบคุณภาพของกิจการต่างๆ ระดับความเชื่อมั่นต่ออนาคตการเติบโตของกิจการ
ความน่าจะเป็นของผลตอบแทนจากการลงทุน ระยะเวลาในการลงทุน รวมถึงมูลค่าของกิจการ ได้อย่างสมเหตุสมผลคับ
หรือถามคำถามสั้นๆเพียงประโยคเดียวว่า
"ถ้าไม่มีกิจการนี้ จะเกิดอะไรขึ้น?"
-
- Verified User
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 37
ชอบอ่าน กระทู้ของพี่ "หำดำ" เอ้ย ตกตัวควบกล้ำไ้ด้ไงเีนี่ยต้อง "พี่หำดรำ" ทุกอันเลยครับ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับผม จะติดตามไปเรื่อยๆ คร้าบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 38
Krab,
Well, first of all, thanks to all krab. There are many types of readers in this web. Those who are not afraid to go outside their confort zone of learning always taught me bullish thoughts. krab. Many of U remind me of great traders. Great traders don't have talent, but the talent have them.
Once a reader told me that it was a kind of a chicken-and-egg question, who taught who first. I never dream to teach anyone. You guys educate me when u paint a picture of comments I hardly witness myself. To me as trader, the topic of "This is a good day to lose." is quite a reminiscent of value investors agressively returning a tennis ball volley to me like Andre Agassi.
No problem krab, I can handle getting my butt kicked, but it is time to liquidate it krab.
With no ego , I don't trade to lose krab.
But, I always think about losing money as opposed to making money. In other words.. I always think of it in terms of a mental stop. If it hit that number, I am out no matter what krab. The most important of trading is to play great defense, not great offense. Like Warren Buffet said , to be a great investor, u have to be a contrarian. Sold!!! I buy his idea krab. This idea stands out up front beyond others of his teachings. His life himself is a compendium of contrasts, and I am a pensodium of inverts.
"This is a good day to lose."
Every day I assume my position I have is wrong, and I know where my stop risk points are gonna be krab. I practice the downside route in my mind hundred of times. This image mental allow me to overcome anxiety of losing, and I have to build the inner strengh to not be defeated by any defeats krab.
Twilight Saga is always one of my favorite krab. That movie is integrated into my trading style as I like to position my self as a a wolf and avoid walking in the full moon. I have been investing for almost 20 years. The more successful I become, the scare I will be. To be successful, I have to be frightened because I recognise how pride of succes can destroy me much more powerful than greed and fear krab.
Don't have an ego sense of confident . Always question yourself of investing method and your personal abilities. Don't ever never feel u r very good. The second u do, u r dead. Take my word or not , play great defense, not good offense krab.
To all value investors, "This is a good day to lose."
With respect krab,
^0-0^
Well, first of all, thanks to all krab. There are many types of readers in this web. Those who are not afraid to go outside their confort zone of learning always taught me bullish thoughts. krab. Many of U remind me of great traders. Great traders don't have talent, but the talent have them.
Once a reader told me that it was a kind of a chicken-and-egg question, who taught who first. I never dream to teach anyone. You guys educate me when u paint a picture of comments I hardly witness myself. To me as trader, the topic of "This is a good day to lose." is quite a reminiscent of value investors agressively returning a tennis ball volley to me like Andre Agassi.
No problem krab, I can handle getting my butt kicked, but it is time to liquidate it krab.
With no ego , I don't trade to lose krab.
But, I always think about losing money as opposed to making money. In other words.. I always think of it in terms of a mental stop. If it hit that number, I am out no matter what krab. The most important of trading is to play great defense, not great offense. Like Warren Buffet said , to be a great investor, u have to be a contrarian. Sold!!! I buy his idea krab. This idea stands out up front beyond others of his teachings. His life himself is a compendium of contrasts, and I am a pensodium of inverts.
"This is a good day to lose."
Every day I assume my position I have is wrong, and I know where my stop risk points are gonna be krab. I practice the downside route in my mind hundred of times. This image mental allow me to overcome anxiety of losing, and I have to build the inner strengh to not be defeated by any defeats krab.
Twilight Saga is always one of my favorite krab. That movie is integrated into my trading style as I like to position my self as a a wolf and avoid walking in the full moon. I have been investing for almost 20 years. The more successful I become, the scare I will be. To be successful, I have to be frightened because I recognise how pride of succes can destroy me much more powerful than greed and fear krab.
Don't have an ego sense of confident . Always question yourself of investing method and your personal abilities. Don't ever never feel u r very good. The second u do, u r dead. Take my word or not , play great defense, not good offense krab.
To all value investors, "This is a good day to lose."
With respect krab,
^0-0^
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 39
ชอบครับ
โดยเฉพาะตรงที่ว่า เวลาเขียนบนกระดาษไม่ใส่วรรณยุกต์ ดูแนวดีครับ
แต่กว่าจะทำได้ คงต้องฝึกฝนพอสมควรที่เดียว
ขอติงนิดเดียวครับ ตรงที่ไปเล่นกระดานโต้คลื่นในน้ำเน่า อาจจะได้ติดเชื้อประหลาดเข้าร่างกายได้ครับ จะกลายเป็นความทุกข์ที่รับไม่ไหว แต่จำต้องทนขึ้นมาแทน
ปล.ถ้าจะตอบ คห.ผม ขอเป็นภาษาไทยครับ ภาษาปะกิดของผมไม่แข็ง
โดยเฉพาะตรงที่ว่า เวลาเขียนบนกระดาษไม่ใส่วรรณยุกต์ ดูแนวดีครับ
แต่กว่าจะทำได้ คงต้องฝึกฝนพอสมควรที่เดียว
ขอติงนิดเดียวครับ ตรงที่ไปเล่นกระดานโต้คลื่นในน้ำเน่า อาจจะได้ติดเชื้อประหลาดเข้าร่างกายได้ครับ จะกลายเป็นความทุกข์ที่รับไม่ไหว แต่จำต้องทนขึ้นมาแทน
ปล.ถ้าจะตอบ คห.ผม ขอเป็นภาษาไทยครับ ภาษาปะกิดของผมไม่แข็ง
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
Abraham Lincoln
- siebelize
- Verified User
- โพสต์: 451
- ผู้ติดตาม: 1
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 42
ในความคิดของผมแล้ว (ซึ่งอาจจะผิด)
ความคิดแบบว่า "วันนี่เป้นวันดีทีผมจะขาดุทน" น่าจะไม่เหมาะกับคนที่ลงทุนแบบวีไอรึเปล่าครับ
ผมกลับรู้สึกว่าความคิดแบบนี้น่าจะเหมาะกับคนที่เป็นเทรดเดอร์ที่ต้องรับมือกับความเสี่ยงความผันผวน แทนที่จะเป็นกลุ่มคนที่อยู่กับแนวคิดที่ว่าเราถูก มิสเตอร์มาร์เก็ตแหละผิด most of the time รึเปล่าครับ.
ความคิดแบบว่า "วันนี่เป้นวันดีทีผมจะขาดุทน" น่าจะไม่เหมาะกับคนที่ลงทุนแบบวีไอรึเปล่าครับ
ผมกลับรู้สึกว่าความคิดแบบนี้น่าจะเหมาะกับคนที่เป็นเทรดเดอร์ที่ต้องรับมือกับความเสี่ยงความผันผวน แทนที่จะเป็นกลุ่มคนที่อยู่กับแนวคิดที่ว่าเราถูก มิสเตอร์มาร์เก็ตแหละผิด most of the time รึเปล่าครับ.
- Java The Boy
- Verified User
- โพสต์: 497
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 43
ชอบความคิดพี่ Humdrum เป็นการมองอีกมุมหนึ่ง ซึ่งน่าสนใจ
พี่เขียนหนังสือได้ดีแล้ว ผมไม่เห็นว่ามันจะอ่านยากตรงไหน
ผมอ่านแบบตั้งใจรวดเดียวจบ ระหว่างนั้นยังคิดในใจเลยว่า
เออ... คนนี้คิดไม่เหมือนคนอื่น เขียนหนังสือเก่ง
แต่ผมชอบความคิดของคุณ drsp ด้วยครับ (ชอบตัวหนังสือที่เขียนด้วยครับ)
ผมอยู่ในกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจที่มีอันจะกินมากๆ
เห็นคนประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยวิธีการต่างกัน
แต่ละคนก็มีรูปแบบของตัวเอง มีสไตล์ของตัวเอง
มีคนนึง คล้ายๆ พี่ Humdrum ก็ประสบความสำเร็จมากเช่นกัน
คนที่คิดแบบคุณ drsp ซึ่งมีมากกว่า ก็ประสบความสำเร็จมากเช่นกัน
เลยเข้าใจได้...
เพื่อนคนนึงบ้านน้ำท่วม เขาไม่กั้นอะไรเลยเหมือนพี่ Humdrum
แต่เขาย้ายออกไป ไปเช่าโรงแรมอยู่หัวหิน รั้วบ้านก็ไม่ปิด
บ้านก็ไม่ Lock ประตูหน้าต่างเปิดอ้าซ่า
รถขับไปไว้ที่โรงงาน เอาลูก เมีย หมา ออกไป
เขาบอกว่าใครอยากได้อะไร ไปขนเลย เขาไม่เอาแล้ว
ใครจะไปหยิบไปขโมยก็ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่า ไปห่วง ไปหวงมันมากเป็นทุกข์
ขี้เกียจยก ขี้เกียจย้าย
กลับบ้านมาถ้าอันไหนต้องใช้แล้วไม่มี ก็ไปซื้อใหม่
ถ้าไม่มีแล้วไม่รู้สึกว่ามันขาด แปลว่ามันไม่จำเป็น คนที่เอาไปคงจำเป็นมากกว่า
คนแบบนี้คงคล้ายๆกับพี่ Humdrum
ปล. เพื่อนผมรวยแต่ผมไม่รวยอย่างเขา มีพอดีๆ
พี่เขียนหนังสือได้ดีแล้ว ผมไม่เห็นว่ามันจะอ่านยากตรงไหน
ผมอ่านแบบตั้งใจรวดเดียวจบ ระหว่างนั้นยังคิดในใจเลยว่า
เออ... คนนี้คิดไม่เหมือนคนอื่น เขียนหนังสือเก่ง
แต่ผมชอบความคิดของคุณ drsp ด้วยครับ (ชอบตัวหนังสือที่เขียนด้วยครับ)
ผมอยู่ในกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจที่มีอันจะกินมากๆ
เห็นคนประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยวิธีการต่างกัน
แต่ละคนก็มีรูปแบบของตัวเอง มีสไตล์ของตัวเอง
มีคนนึง คล้ายๆ พี่ Humdrum ก็ประสบความสำเร็จมากเช่นกัน
คนที่คิดแบบคุณ drsp ซึ่งมีมากกว่า ก็ประสบความสำเร็จมากเช่นกัน
เลยเข้าใจได้...
เพื่อนคนนึงบ้านน้ำท่วม เขาไม่กั้นอะไรเลยเหมือนพี่ Humdrum
แต่เขาย้ายออกไป ไปเช่าโรงแรมอยู่หัวหิน รั้วบ้านก็ไม่ปิด
บ้านก็ไม่ Lock ประตูหน้าต่างเปิดอ้าซ่า
รถขับไปไว้ที่โรงงาน เอาลูก เมีย หมา ออกไป
เขาบอกว่าใครอยากได้อะไร ไปขนเลย เขาไม่เอาแล้ว
ใครจะไปหยิบไปขโมยก็ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่า ไปห่วง ไปหวงมันมากเป็นทุกข์
ขี้เกียจยก ขี้เกียจย้าย
กลับบ้านมาถ้าอันไหนต้องใช้แล้วไม่มี ก็ไปซื้อใหม่
ถ้าไม่มีแล้วไม่รู้สึกว่ามันขาด แปลว่ามันไม่จำเป็น คนที่เอาไปคงจำเป็นมากกว่า
คนแบบนี้คงคล้ายๆกับพี่ Humdrum
ปล. เพื่อนผมรวยแต่ผมไม่รวยอย่างเขา มีพอดีๆ
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์มีอยู่ 4 ข้อคือ...
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 44
ไม่หวง ไม่ห่วง ปล่อยวาง ใจจะได้ไม่เป็นทุกข์นี่ผมเห็นด้วย... แต่ไม่ปิดประตู ล็อคบ้าน เปิดหน้าต่างทิ้งไว้นี่... ผมว่าเกินไปนิดนะครับพี่ JavaJava The Boy เขียน:...
เพื่อนคนนึงบ้านน้ำท่วม เขาไม่กั้นอะไรเลยเหมือนพี่ Humdrum
แต่เขาย้ายออกไป ไปเช่าโรงแรมอยู่หัวหิน รั้วบ้านก็ไม่ปิด
บ้านก็ไม่ Lock ประตูหน้าต่างเปิดอ้าซ่า
รถขับไปไว้ที่โรงงาน เอาลูก เมีย หมา ออกไป
เขาบอกว่าใครอยากได้อะไร ไปขนเลย เขาไม่เอาแล้ว
ใครจะไปหยิบไปขโมยก็ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่า ไปห่วง ไปหวงมันมากเป็นทุกข์
ขี้เกียจยก ขี้เกียจย้าย
กลับบ้านมาถ้าอันไหนต้องใช้แล้วไม่มี ก็ไปซื้อใหม่
ถ้าไม่มีแล้วไม่รู้สึกว่ามันขาด แปลว่ามันไม่จำเป็น คนที่เอาไปคงจำเป็นมากกว่า
คนแบบนี้คงคล้ายๆกับพี่ Humdrum
...
ถ้าอยากทำทาน ก็ตั้งใจทำให้กับคนดี คนที่เค้าขาดแคลนดีกว่ามั้งครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- Java The Boy
- Verified User
- โพสต์: 497
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 45
ครับ ผมก็ว่าเขาก็เกินไปหน่อย แต่คนอย่างนี้ก็มี
บังเอิญผมรู้จักเสียด้วย
เขาเป็นคนดี ใช้ได้
บังเอิญผมรู้จักเสียด้วย
เขาเป็นคนดี ใช้ได้
ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์มีอยู่ 4 ข้อคือ...
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
ได้อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง
พ้นจากความทะเยอทะยาน
ทำงานสร้างสรรค์
และรักใครสักคน ...
"อัลแบร์ กามูส์"
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 48
กระทู้นี้มีแต่เรื่องไม่จริง
1.เขียนหนังสือไม่ใส่สระและวรรณยุกต์ (เท่าที่รู้ภาษาเฮบบรูจะเขียนแบบนี้)
2.เขียนจากขวาไปซ้าย
3.เอาเงินผูกเชือกผูกหินเอาไว้
4.เอาฝาถังน้ำแข็งขนาดยาวเมตรกว้างแปดสิบเซนไปเล่นกระดานโต้คลื่น
5.บอกลูกว่าเวลามีความสุขไม่ต้องมาหาพ่อ
ผมเชื่อว่าคุณฮัมดรัมไม่ได้ทำตามที่เขียน
inverse หลักการที่ดูฉลาด แต่ผมว่าจริงๆแล้วมันเป็นหลักการที่ไม่มีเหตุผล
ถ้าคุณคิดดีแล้วจะซื้อหุ้น X แต่คุณใช้หลักInverseคุณต้องขายหุ้นX
แล้วปรากฎว่าหุ้น X มันตกอย่างรุนแรง แสดงว่า ที่คุณกำไรเพราะคุณ Inverse
แต่จริงๆแล้วมันผิดตั้งแต่ต้นตอนที่คุณคิดว่าคุณคิดดีแล้วว่าจะซื้อหุ้น X
สรุปคือ Inverse เหมาะสำหรับคนที่คิดอะไรแล้วผิดตลอด
เมื่อ inverse ก็จะกลายเป็นถูก
แต่ถ้าคุณคิดผิดบ้างถูกบ้าง การInverseกับไม่ inverse ก็มีค่าเท่ากัน
แล้วจะ Inverse ไปทำไม
เราควรจะคิดเรื่อง worse case มากกว่าจะมาพวงเรื่อง inverse
1.เขียนหนังสือไม่ใส่สระและวรรณยุกต์ (เท่าที่รู้ภาษาเฮบบรูจะเขียนแบบนี้)
2.เขียนจากขวาไปซ้าย
3.เอาเงินผูกเชือกผูกหินเอาไว้
4.เอาฝาถังน้ำแข็งขนาดยาวเมตรกว้างแปดสิบเซนไปเล่นกระดานโต้คลื่น
5.บอกลูกว่าเวลามีความสุขไม่ต้องมาหาพ่อ
ผมเชื่อว่าคุณฮัมดรัมไม่ได้ทำตามที่เขียน
inverse หลักการที่ดูฉลาด แต่ผมว่าจริงๆแล้วมันเป็นหลักการที่ไม่มีเหตุผล
ถ้าคุณคิดดีแล้วจะซื้อหุ้น X แต่คุณใช้หลักInverseคุณต้องขายหุ้นX
แล้วปรากฎว่าหุ้น X มันตกอย่างรุนแรง แสดงว่า ที่คุณกำไรเพราะคุณ Inverse
แต่จริงๆแล้วมันผิดตั้งแต่ต้นตอนที่คุณคิดว่าคุณคิดดีแล้วว่าจะซื้อหุ้น X
สรุปคือ Inverse เหมาะสำหรับคนที่คิดอะไรแล้วผิดตลอด
เมื่อ inverse ก็จะกลายเป็นถูก
แต่ถ้าคุณคิดผิดบ้างถูกบ้าง การInverseกับไม่ inverse ก็มีค่าเท่ากัน
แล้วจะ Inverse ไปทำไม
เราควรจะคิดเรื่อง worse case มากกว่าจะมาพวงเรื่อง inverse
Blueplanet
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 49
to a man with a hammer, every problem looks like a nail.......................
it seems we're here, governed by a lot of subjectivities
let me make this clear..and let me make this the most objective for you all............. inverting is merely a psychological subset or a sub-process or a sub-method, whatever you wanna call it...... of a way to break one's personal systematic thinking pattern by exercising multidimensional perception to tackle our very limited-capability brains... that can only access information on a single stream basis. though we can do it quickly enough that it feels like we can run multiple streams of thoughts at the same time. but no, we can't.
EVERYONE PROBABLY ALREADY INVERTS. 'invert' is no more than a word, you might not know that what ur already doing has a name for it... it would be a linguistic issue for many rather than understand the concept in its entirety, but that doesnt matter...................ill just refer to the word "invert" here for communication convenience..... in the end, its about how effectively you invert and what you can extract or get out of that stream of multidimensional thought processing
so....for most of the people reading this thread..............first, understand what invert is in its entirety...before inverting... please...lol
if you dont understand inverting, dont try to invert coz it wont make sense to you...
or ur probably already inverting, but like i said, u probably dont understand the word invert, so basically, knowing the concept of inverting makes it even more confusing for you, so just forget the damn word, ur probably inverting already if your thinking and perceiving multidimensionally.
remember words exist only the purpose of communication, both inter and exter-communication, if you can get to the point where you can communicate internally without the need for using words, then you need not worry. but for most people, the brain still need words to process things.
basically, invert if it works for you
don't invert, if it doesn't
plain and simple
jesus.. its not hard... us humans beings are very basic...... we're simple.................. stay simple.................
it seems we're here, governed by a lot of subjectivities
let me make this clear..and let me make this the most objective for you all............. inverting is merely a psychological subset or a sub-process or a sub-method, whatever you wanna call it...... of a way to break one's personal systematic thinking pattern by exercising multidimensional perception to tackle our very limited-capability brains... that can only access information on a single stream basis. though we can do it quickly enough that it feels like we can run multiple streams of thoughts at the same time. but no, we can't.
EVERYONE PROBABLY ALREADY INVERTS. 'invert' is no more than a word, you might not know that what ur already doing has a name for it... it would be a linguistic issue for many rather than understand the concept in its entirety, but that doesnt matter...................ill just refer to the word "invert" here for communication convenience..... in the end, its about how effectively you invert and what you can extract or get out of that stream of multidimensional thought processing
so....for most of the people reading this thread..............first, understand what invert is in its entirety...before inverting... please...lol
if you dont understand inverting, dont try to invert coz it wont make sense to you...
or ur probably already inverting, but like i said, u probably dont understand the word invert, so basically, knowing the concept of inverting makes it even more confusing for you, so just forget the damn word, ur probably inverting already if your thinking and perceiving multidimensionally.
remember words exist only the purpose of communication, both inter and exter-communication, if you can get to the point where you can communicate internally without the need for using words, then you need not worry. but for most people, the brain still need words to process things.
basically, invert if it works for you
don't invert, if it doesn't
plain and simple
jesus.. its not hard... us humans beings are very basic...... we're simple.................. stay simple.................
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 50
^^ a few typos, my bad
it would be a linguistic issue for many rather than understanding the concept in its entirety
remember words exist only for the purpose of communication
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 53
สวัสดีครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ ทุกความเห็เลยครับ ขอโทษที่ผมไม่ได้ตอบทีละท่านทีละโพส นี่เห้นไหมครับ ผมได้เปรียบในฐานะคนเขียนมากกว่าคนอ่าน เพราะคนเขียนออกไปยืนในที่แจ้งกลางแสงจันทร์เลย จะเปลี่ยนเป็นหมาป่าเมื่อใดก็ได้ถ้าอารมณ์ตัวเองมันกัดตัวเองเข้า แต่กล้าเขียน ก็กล้ารับการโดนด่าครับ ความจริงมันเป็นอย่างนั้น แล้วโดนด่ามากก็ฝึกเฝ้ามองจิตตัวเองไปด้วย นี่เป็นการฝึกเหมือนการออกกำลังกายเลย อย่างนั้นออกหลายส่วน แขน ขา หน้าอก ปีก หลัง แต่ทางจิตนี่ แต่ละส่วน มันเป็น โกรธ โลภ หลง กลัว กาม อิจฉา แค้น ดีใจ ทุกข์ สุข
สำหรับการลงทุนแล้ว ผมเห้นจะฝึกเรื่องเอาชนะความกลัวเป้นหลัก งานหลักผมคือเฝ้ามองอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิตตัวเอง แล้วดูว่าพวกเขาจะส่งผลกับความคิดและพฤติกรรมของตัวเองอย่างไรครับ นั้นเป็นการ invert ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ที่ผมค้นพบ ข้างในจิตของผมนั้นมันกว้างและซับซ้อนมากกว่าที่ตนเองคิด
อย่างอคติ "กลัวผี" นี่น่าสนใจมาก ที่ว่าเข้าใจตัวเองก็ยังไม่จริง ผมไม่เข้าใจตัวเองดีพอในเรื่องนี้ ผมเดินจงกรมตีสามทุกเช้าที่บ้าน เวลาเดินได้จนลมหายใจละเอียดแล้ว หมาข้างบ้านจะหอนกันดังไปหมดละครับ มันคงรำคาญผมหรือสิ่งอื่นไม่ทราบ ผมก็เลิกเดิน คลายลมหายใจ สมัยก่อนกลัวผีมากเวลากหมาหอน มองตรงไหนในสวนมันก็มืดไปหมด อะไรดังหน่อยก็ตกใจ ประสาทสัมผัสอยู่ดี ๆ ก็ไวขึ้นมาเป็นพิเศษ ตาก็มองแต่ว่าเงานั่นไง ผีแน่ๆ เสียงนั่นไง มีใครเดินตรงนั้น
กลัวมาก ๆ ก็ขี่หดตดหายละครับ นั่นละครับเวลามาถึงแล้ว เวลา invert ครับ ผมต้องฝึกจับอารมณ์ตัวเองอย่างนี้ก่อนที่จะอินเวิดทุกครั้งได้ ถ้าจับพวกเขาไม่ทัน ก็อินเวิดไม่เป็นละครับ การอินเวิดมีหลายอย่างมาก มันขึ้นกับคนที่เป็นเจ้าของ ที่ว่าการอินเวิดเหมาะกับบางคน นั่นไม่จริงเลย แต่ละคนมีคุณสมบัติการอินเวิดในตัวเองอยู่แล้ว สมัยก่อนฝึกใหม่ ผมเชื่อว่าทุกคนมีสิ่งนี้ที่เรียกว่า อินเวิด หรือ จะไม่ดัดให้เป้นคำฝรั่งเข้าใจยากเกินไปเกินไป ก็การกลับตัวนั่นละครับ ผมเชื่อว่าทุกคนมีในตัวเองทุกคน นั่นสมัยก่อนคิดอย่างนั้น แต่มันเอาออกมาใช้ไม่ทันเท่านั้นเอง ผมอ่านมทางพุทธ พระท่านเรียกมีว่า "สติ" ผมก็เข้าใจไม่ดีพอ ว่า สติคืออะไร ต้องปฏิบัตินานนับสามสิบปีถึงเข้าใจ โง่จริงๆ ครับตัวผมนี่
เดี๋ยวนี้คิดกลับกันครับ ผมไม่เคยมีคุณสมบัติของการอินเวิดเลย การอินเวิดต่างหากที่มีผม น่ากลัวละครับ พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ได้ ไอ้บ้าเอ้ย มันจะกินแกอยู่แล้ว ก็ทันมันอีกจนได้ นี่ไปยึดติดอะไรมากมัรก็พัลหมด แม้แต่คำสอนต่างๆ เองก็ยังต้องใช้ให้มันพอดี ดีนะได้คนตาบอดขายฉลากกินแบ่งช่วยสอน เขาอยู่แถวตลาดบ้านผม ว่างๆ ก็ไปนวด ผมก็ชอบไปคุย พูดแต่ว่า ท้องฟ้าเป็นอย่างไร นกเป็นอย่างไร สิ่งต่างๆ นกมีปีก ปีกเป็นอย่างไร ผมก็ถึงบางอ้อครับ นี่ต้องขอบคุณกันมากเลย
คนที่มีตา จะไม่ถึงการมองเห็นเลย ที่ไม่มีตา คนที่มีขา จะไม่เคยนึกถึงขาตัวเองว่ามีค่าขนาดไหน นิ้วโป้งมีค่าขนาดไหน จนกว่าจะขาดมันไปครับ ส่วนคนไม่มีตา จะพูดแต่ว่ามองเห้นอย่างไร ขอโม้หน่อยครับ ผมได้ฝึกฝนการอินเวิดในความคิดตัวเองมานาน ก็พอมีวิชาอยู่บ้าง อย่างนี้ คนที่จิตไม่ว่างก็พูดแต่เรื่องจิตว่าง คนที่จิตว่างจะไม่พูดเรื่องจิตว่างเลย เพราะมันว่างซะจนไม่มีอะไรจะพูดถึงอีกแล้ว เหมือนสนามหญ้าฉันใด คนจิตไม่ว่างก็มีหญ้ารกเต็มไปหมด ต้องถอนกันบ่อยๆ พูดถึงแต่เครื่องมือที่จะถอน จะถอนอย่างไร แบบไหน ใช้วิธีการอินเวิดไหม คนที่จิตว่าง ใจเขาเตียนหมดเลย เขาก็ไม่มีอะไรจะให้ถอน ก็เลยไม่ต้องพูดให้มากความ คนที่พูดเรื่องการถอนอยู่ จึงยังถอนสิ่งต่างๆ ในตัวเองไไม่หมดครับ
ผมคิดได้อย่างนั้น
ของผมยังรกอยู่มาก ใจครับใจ ฮำดัมเองก็รกครับ ถ้าไอ้ฮำดรัมนี่คือตัวผม ถ้าผมไปยึดมันมากก็รก เกิดมาพ่อแม่ไปตั้งชื่อนี้ให้ซะเมื่อไหร่ จะไปเอามาเป้นตัวเองให้มันรกทำไม นี่ก็บอกตัวเองอย่างนี้ครับ
เดี๋ยวนี้ผมไม่กลัวผีแล้ว อินเวิดไป อินเวิดมา นั่นรกอีกแล้ว 5555 การอินเวิดที่ยากที่สุดคึือการอินเวิดความกลัวตาย ตอนนี้ผมเป้น master of fear แล้ว ขอกระแดะภาษาปะกิตสักหน่อยครับ จะว่าผมแรดก็ได้ แรดมันทนดีนะครับ 55555 U have to master your fear before U master investing game. ตามนั้นเลยครับ
นั่นคืองานหลักผม observing ego
Observe แล้วดูว่าพวกเขามีอิทธิพลต่อความคิดและการตัดสินใจของตัวเองอย่างไรครับ อ่านตัวเองนั่นละครับ แต่มันไม่มีตัวหนังสือ มันเลยเข้าใจยาก อ่านอย่างไงฟะ ไม่มีตัวนอกให้อ่าน มีแต่ตัวใน เห้นมีแต่พระที่พูดถึง ฝรั่งไม่หยักปรากฏ จนมาเจอสิ่งที่ฝรั่งคนหนึ่งเขียน หนังสือเขาผมอ่านเล่มหนึ่งเป้นร้อยครั้ง นับไม่ได้ เพราะคิดอะไรได้ก็กลับไปเปิดอ่าน ฝรั่งกันเองก้อ่านไม่รู้เรื่อง เพราะภาษาปะกิดมันไม่ไม่พอที่จะอธิบายเรื่องจิตนี้ ไปมองแม่ม ทำไม มองนมแหม่มด้วยกันเองไม่ดีกว่าหรือ ไปจับผิดตัวเองทำไม จับผิดคนอื่นง่ายกว่า มองความไม่ดีของคนอื่นมันกว่าเยอะ ไอ้จะยอมรับว่าตัวเองห่วยนี้มันทำยาก เข้าใจยิ่งยาก เอาไปใช้ในชีวิตยิ่งยากว่า มีแต่ฝรั่งคนนี้ที่พูด และคนอื่นก็ว่าพูดไม่รู้เรือง ผมว่าทุกท่านทราบแล้วว่าเป้นใครครับ ที่สำคัญ
แล้วเอาไปใช้ในการลงทุน
เฝ้ามองตัวเอง คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจเลย ภาษาไทยมีไม่พออธิบายเลย ต่้องไปยึมบาลีมาอธิบาย นี่นับอะไรกับภาษาปะกิดครับ
I am always wrong, and I try to correct my mistakes.
ประโยคนี่ละอธิบายได้ดีสุดครับ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็นครับ ทุกท่านเป็นครูผมทั้งนั้น เพราะติ ชม แล้ว ผมก้เฝ้ามองอารมณ์ตัวเองตรงนั้นเลย แยกตัวเองออกมามองตัวเองครับ อ่านแล้วมีโกรธนะ มีเครื่อง มีรู็สึกว่าผิดที่เขียนอย่างนั้น มีหมดละครับ แต่มีแล้ว ผมก็จดมันลงไป โกรธเฟ้ยมาว่าเราเขียนไม่จริง คนที่นั่นเป้นครูผมเลยนะ เพราะทำให้ผมเอาโกรธมาเป้นของตัวเองได้ เขาเก่งครับ ผมก็จับเขาถ่ายรูปไว้ เก็บเขาแฟ้ม การบันทึกอารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวัน
เทคนิคบันทึก ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนอื่น อย่างผมเวลาโกรธก็นึกว่าถ้าเป้นพระพุทธเจ้าท่านจะทำอย่างไร เวลาเจอทุกข์ผมจะคิดว่าตัวเองเป้นคนอื่น มันก็หาย เพราะไม่อยากให้คนอื่นเป้นทุกข์เพราะเรา
เวลามีสุข ผมก็นึกว่าคนอื่นเป้นตัวเอง ให้คนอื่นมีความสุขบ้าง
บางครั้งก็นึกว่า ตัวเองเป้นตัวเอง หลงไปเรื่อยๆ มันไม่มีอะไรเป้นของผมเลย แม้แต่ร่างกายอันนี้
บางครั้งก็นึกว่า คนอื่นคิอคนอื่น เกิดมาพื้นฐานต่างๆ กัน คิดก็ย่อมไม่เหมือน ถ้าเขาทำผิดพลาดไป บางทีเราอาจทำผิดมากกว่าเขาก็ได้ถ้าเราอยู๋ในสถานการณ์แบบเขา ข้อดีเขายังมีอีกเพียบเลย
ผมคิดอย่างนั้นครับ
ขอบคุณทุกความเห็น ผมขอโทษด้วนถ้าตอบไม่หมดทุกท่าน ขอโทษในคำสะกดผิด การไม่เข้าใจในภาษาต่างๆ เป็นความไม่ชำนาญในภาษาไทยของผมเองครับ ผมพูดไทยได้ก็จริง แต่ผมไม่เข้าใจภาษาไทยเลย
ถ้าผมตกหล่นคำถามใด ท่านก็ย้ำอีกครั้ง คนจิตไม่ว่างแบบผม ว่างจากเวลาเมื่อใด ก็จะเข้ามาตอบครับ
โชคดีทุกท่านครับ
^O-O^
ขอบคุณทุกท่านครับ ทุกความเห็เลยครับ ขอโทษที่ผมไม่ได้ตอบทีละท่านทีละโพส นี่เห้นไหมครับ ผมได้เปรียบในฐานะคนเขียนมากกว่าคนอ่าน เพราะคนเขียนออกไปยืนในที่แจ้งกลางแสงจันทร์เลย จะเปลี่ยนเป็นหมาป่าเมื่อใดก็ได้ถ้าอารมณ์ตัวเองมันกัดตัวเองเข้า แต่กล้าเขียน ก็กล้ารับการโดนด่าครับ ความจริงมันเป็นอย่างนั้น แล้วโดนด่ามากก็ฝึกเฝ้ามองจิตตัวเองไปด้วย นี่เป็นการฝึกเหมือนการออกกำลังกายเลย อย่างนั้นออกหลายส่วน แขน ขา หน้าอก ปีก หลัง แต่ทางจิตนี่ แต่ละส่วน มันเป็น โกรธ โลภ หลง กลัว กาม อิจฉา แค้น ดีใจ ทุกข์ สุข
สำหรับการลงทุนแล้ว ผมเห้นจะฝึกเรื่องเอาชนะความกลัวเป้นหลัก งานหลักผมคือเฝ้ามองอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิตตัวเอง แล้วดูว่าพวกเขาจะส่งผลกับความคิดและพฤติกรรมของตัวเองอย่างไรครับ นั้นเป็นการ invert ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ที่ผมค้นพบ ข้างในจิตของผมนั้นมันกว้างและซับซ้อนมากกว่าที่ตนเองคิด
อย่างอคติ "กลัวผี" นี่น่าสนใจมาก ที่ว่าเข้าใจตัวเองก็ยังไม่จริง ผมไม่เข้าใจตัวเองดีพอในเรื่องนี้ ผมเดินจงกรมตีสามทุกเช้าที่บ้าน เวลาเดินได้จนลมหายใจละเอียดแล้ว หมาข้างบ้านจะหอนกันดังไปหมดละครับ มันคงรำคาญผมหรือสิ่งอื่นไม่ทราบ ผมก็เลิกเดิน คลายลมหายใจ สมัยก่อนกลัวผีมากเวลากหมาหอน มองตรงไหนในสวนมันก็มืดไปหมด อะไรดังหน่อยก็ตกใจ ประสาทสัมผัสอยู่ดี ๆ ก็ไวขึ้นมาเป็นพิเศษ ตาก็มองแต่ว่าเงานั่นไง ผีแน่ๆ เสียงนั่นไง มีใครเดินตรงนั้น
กลัวมาก ๆ ก็ขี่หดตดหายละครับ นั่นละครับเวลามาถึงแล้ว เวลา invert ครับ ผมต้องฝึกจับอารมณ์ตัวเองอย่างนี้ก่อนที่จะอินเวิดทุกครั้งได้ ถ้าจับพวกเขาไม่ทัน ก็อินเวิดไม่เป็นละครับ การอินเวิดมีหลายอย่างมาก มันขึ้นกับคนที่เป็นเจ้าของ ที่ว่าการอินเวิดเหมาะกับบางคน นั่นไม่จริงเลย แต่ละคนมีคุณสมบัติการอินเวิดในตัวเองอยู่แล้ว สมัยก่อนฝึกใหม่ ผมเชื่อว่าทุกคนมีสิ่งนี้ที่เรียกว่า อินเวิด หรือ จะไม่ดัดให้เป้นคำฝรั่งเข้าใจยากเกินไปเกินไป ก็การกลับตัวนั่นละครับ ผมเชื่อว่าทุกคนมีในตัวเองทุกคน นั่นสมัยก่อนคิดอย่างนั้น แต่มันเอาออกมาใช้ไม่ทันเท่านั้นเอง ผมอ่านมทางพุทธ พระท่านเรียกมีว่า "สติ" ผมก็เข้าใจไม่ดีพอ ว่า สติคืออะไร ต้องปฏิบัตินานนับสามสิบปีถึงเข้าใจ โง่จริงๆ ครับตัวผมนี่
เดี๋ยวนี้คิดกลับกันครับ ผมไม่เคยมีคุณสมบัติของการอินเวิดเลย การอินเวิดต่างหากที่มีผม น่ากลัวละครับ พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ได้ ไอ้บ้าเอ้ย มันจะกินแกอยู่แล้ว ก็ทันมันอีกจนได้ นี่ไปยึดติดอะไรมากมัรก็พัลหมด แม้แต่คำสอนต่างๆ เองก็ยังต้องใช้ให้มันพอดี ดีนะได้คนตาบอดขายฉลากกินแบ่งช่วยสอน เขาอยู่แถวตลาดบ้านผม ว่างๆ ก็ไปนวด ผมก็ชอบไปคุย พูดแต่ว่า ท้องฟ้าเป็นอย่างไร นกเป็นอย่างไร สิ่งต่างๆ นกมีปีก ปีกเป็นอย่างไร ผมก็ถึงบางอ้อครับ นี่ต้องขอบคุณกันมากเลย
คนที่มีตา จะไม่ถึงการมองเห็นเลย ที่ไม่มีตา คนที่มีขา จะไม่เคยนึกถึงขาตัวเองว่ามีค่าขนาดไหน นิ้วโป้งมีค่าขนาดไหน จนกว่าจะขาดมันไปครับ ส่วนคนไม่มีตา จะพูดแต่ว่ามองเห้นอย่างไร ขอโม้หน่อยครับ ผมได้ฝึกฝนการอินเวิดในความคิดตัวเองมานาน ก็พอมีวิชาอยู่บ้าง อย่างนี้ คนที่จิตไม่ว่างก็พูดแต่เรื่องจิตว่าง คนที่จิตว่างจะไม่พูดเรื่องจิตว่างเลย เพราะมันว่างซะจนไม่มีอะไรจะพูดถึงอีกแล้ว เหมือนสนามหญ้าฉันใด คนจิตไม่ว่างก็มีหญ้ารกเต็มไปหมด ต้องถอนกันบ่อยๆ พูดถึงแต่เครื่องมือที่จะถอน จะถอนอย่างไร แบบไหน ใช้วิธีการอินเวิดไหม คนที่จิตว่าง ใจเขาเตียนหมดเลย เขาก็ไม่มีอะไรจะให้ถอน ก็เลยไม่ต้องพูดให้มากความ คนที่พูดเรื่องการถอนอยู่ จึงยังถอนสิ่งต่างๆ ในตัวเองไไม่หมดครับ
ผมคิดได้อย่างนั้น
ของผมยังรกอยู่มาก ใจครับใจ ฮำดัมเองก็รกครับ ถ้าไอ้ฮำดรัมนี่คือตัวผม ถ้าผมไปยึดมันมากก็รก เกิดมาพ่อแม่ไปตั้งชื่อนี้ให้ซะเมื่อไหร่ จะไปเอามาเป้นตัวเองให้มันรกทำไม นี่ก็บอกตัวเองอย่างนี้ครับ
เดี๋ยวนี้ผมไม่กลัวผีแล้ว อินเวิดไป อินเวิดมา นั่นรกอีกแล้ว 5555 การอินเวิดที่ยากที่สุดคึือการอินเวิดความกลัวตาย ตอนนี้ผมเป้น master of fear แล้ว ขอกระแดะภาษาปะกิตสักหน่อยครับ จะว่าผมแรดก็ได้ แรดมันทนดีนะครับ 55555 U have to master your fear before U master investing game. ตามนั้นเลยครับ
นั่นคืองานหลักผม observing ego
Observe แล้วดูว่าพวกเขามีอิทธิพลต่อความคิดและการตัดสินใจของตัวเองอย่างไรครับ อ่านตัวเองนั่นละครับ แต่มันไม่มีตัวหนังสือ มันเลยเข้าใจยาก อ่านอย่างไงฟะ ไม่มีตัวนอกให้อ่าน มีแต่ตัวใน เห้นมีแต่พระที่พูดถึง ฝรั่งไม่หยักปรากฏ จนมาเจอสิ่งที่ฝรั่งคนหนึ่งเขียน หนังสือเขาผมอ่านเล่มหนึ่งเป้นร้อยครั้ง นับไม่ได้ เพราะคิดอะไรได้ก็กลับไปเปิดอ่าน ฝรั่งกันเองก้อ่านไม่รู้เรื่อง เพราะภาษาปะกิดมันไม่ไม่พอที่จะอธิบายเรื่องจิตนี้ ไปมองแม่ม ทำไม มองนมแหม่มด้วยกันเองไม่ดีกว่าหรือ ไปจับผิดตัวเองทำไม จับผิดคนอื่นง่ายกว่า มองความไม่ดีของคนอื่นมันกว่าเยอะ ไอ้จะยอมรับว่าตัวเองห่วยนี้มันทำยาก เข้าใจยิ่งยาก เอาไปใช้ในชีวิตยิ่งยากว่า มีแต่ฝรั่งคนนี้ที่พูด และคนอื่นก็ว่าพูดไม่รู้เรือง ผมว่าทุกท่านทราบแล้วว่าเป้นใครครับ ที่สำคัญ
แล้วเอาไปใช้ในการลงทุน
เฝ้ามองตัวเอง คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจเลย ภาษาไทยมีไม่พออธิบายเลย ต่้องไปยึมบาลีมาอธิบาย นี่นับอะไรกับภาษาปะกิดครับ
I am always wrong, and I try to correct my mistakes.
ประโยคนี่ละอธิบายได้ดีสุดครับ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็นครับ ทุกท่านเป็นครูผมทั้งนั้น เพราะติ ชม แล้ว ผมก้เฝ้ามองอารมณ์ตัวเองตรงนั้นเลย แยกตัวเองออกมามองตัวเองครับ อ่านแล้วมีโกรธนะ มีเครื่อง มีรู็สึกว่าผิดที่เขียนอย่างนั้น มีหมดละครับ แต่มีแล้ว ผมก็จดมันลงไป โกรธเฟ้ยมาว่าเราเขียนไม่จริง คนที่นั่นเป้นครูผมเลยนะ เพราะทำให้ผมเอาโกรธมาเป้นของตัวเองได้ เขาเก่งครับ ผมก็จับเขาถ่ายรูปไว้ เก็บเขาแฟ้ม การบันทึกอารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวัน
เทคนิคบันทึก ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนอื่น อย่างผมเวลาโกรธก็นึกว่าถ้าเป้นพระพุทธเจ้าท่านจะทำอย่างไร เวลาเจอทุกข์ผมจะคิดว่าตัวเองเป้นคนอื่น มันก็หาย เพราะไม่อยากให้คนอื่นเป้นทุกข์เพราะเรา
เวลามีสุข ผมก็นึกว่าคนอื่นเป้นตัวเอง ให้คนอื่นมีความสุขบ้าง
บางครั้งก็นึกว่า ตัวเองเป้นตัวเอง หลงไปเรื่อยๆ มันไม่มีอะไรเป้นของผมเลย แม้แต่ร่างกายอันนี้
บางครั้งก็นึกว่า คนอื่นคิอคนอื่น เกิดมาพื้นฐานต่างๆ กัน คิดก็ย่อมไม่เหมือน ถ้าเขาทำผิดพลาดไป บางทีเราอาจทำผิดมากกว่าเขาก็ได้ถ้าเราอยู๋ในสถานการณ์แบบเขา ข้อดีเขายังมีอีกเพียบเลย
ผมคิดอย่างนั้นครับ
ขอบคุณทุกความเห็น ผมขอโทษด้วนถ้าตอบไม่หมดทุกท่าน ขอโทษในคำสะกดผิด การไม่เข้าใจในภาษาต่างๆ เป็นความไม่ชำนาญในภาษาไทยของผมเองครับ ผมพูดไทยได้ก็จริง แต่ผมไม่เข้าใจภาษาไทยเลย
ถ้าผมตกหล่นคำถามใด ท่านก็ย้ำอีกครั้ง คนจิตไม่ว่างแบบผม ว่างจากเวลาเมื่อใด ก็จะเข้ามาตอบครับ
โชคดีทุกท่านครับ
^O-O^
-
- Verified User
- โพสต์: 164
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 54
อ่านแล้วรู้สึกถึงอาการนี้ เลยฮะ
ต้องฝึกอีกเยอะเลยผม ...
ต้องฝึกอีกเยอะเลยผม ...
วันนึงผมจะเป็นแมงเม่าที่ยิ่งใหญ่ฮะ !!!
-
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 56
เชื่อมั้ยผมอ่านผ่านไปโดยไม่เห็นว่าสะกดผิด แต่ผมกลับเข้าใจบทความ ไม่รู้ว่าผมจะดีใจหรือเสียใจดี ดีใจที่เข้าใจอ่านแล้วเหมือนได้เตือนสติตัวเอง หรือจะเสียใจดีนะที่ไม่ช่างสังเกตุ แล้วการสังเกตุกับการจับผิดมันเหมือนกันรึเปล่านะครับ แต่ผมรู้สึกดีนะทีได้อ่านบทความนี้ รู้สึกอยากรู้จักเจ้าของกระทู้เลยล่ะ เดาเล่นๆว่า เป็นคนสบายๆ เป็นคนจริงใจ ไม่ต้องสร้างภาพให้ใครมาชื่นชม แล้วก็ความสุขหรือทุกข์ อยู่ที่ใจเรากำหนดเอง ฟันธง ฉึกฉึก^^
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "วันนี้เป้นวันดีที่ผมจะขาดทุน"
โพสต์ที่ 57
Do you? wow! Thanks a million krab. Wish U a millionare investor krab.
Following your comment, I have something to add krab.
This is what I have found.
The fruits of my success is in direct ratio to the honesty and sincerity of my own effort in keeping my own emotions and ego in written records and dig deeply in me and ask why? krab.
Doing ego-invert thinking is championshiply important for my risk management krab.
Following your comment, I have something to add krab.
This is what I have found.
The fruits of my success is in direct ratio to the honesty and sincerity of my own effort in keeping my own emotions and ego in written records and dig deeply in me and ask why? krab.
Doing ego-invert thinking is championshiply important for my risk management krab.