คำว่า"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได้"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
คำว่า"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได้"
โพสต์ที่ 1
คำนี้เป็นคำพูดของบัฟเฟตต์ "ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได้ เพราะว่าสักวันหนึ่งอาจจะมีคนโง่ๆ เข้ามาบริหารธุรกิจนั้น"
เพื่อนๆพี่ๆคิดเห็นอย่างไรบ้างครับกับคำๆนี้
เพราะสำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกไม่เห็นด้วยกับคำคำนี้เท่าไรนัก
ผมคิดว่า บัฟเฟตต์ พูดคำนี้ออกมาได้ เนื่องจากเค้าสามารถลงทุนในบริษัทที่เรียกได้ว่าเป็น super stock ที่มีผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งล้มยากอย่างแท้จริงอย่างเช่น coca cola Mcdonald เป็นต้น
ในขณะที่ประเทศไทยนั้น super stock เช่นนั้นผมเห็นว่ามีน้อยมาก
ผมคิดกลับกัน ผมกลับเห็นว่า ผู้บริหาร มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อความอยู่รอดและอนาคตของบริษัท
เรื่องธรรมาภิบาล เป็นเรื่องที่ชาวVIส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญอยู่แล้ว พูดถึงอยู่บ่อยๆ
แต่อีกเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ คือ ความสามารถของผู้บริหาร
ถามว่า กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อความอยู่รอด เพื่อความมั่นคง เพื่อความสามารถในการแข่งขันในยุคที่แข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ เพื่อการนำพาบริษัทเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จะมาจากความคิดของใครเล่าถ้าไม่ใช่ผู้บริหาร
ระบบภายใน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบบริหารสายงาน ระบบควบคุมคุณภาพ ลดต้นทุน การควบคุมการทุจริตภายใน
นโยบายการบริหารคน ซึ่งนำไปสู่ ขวัญกำลังใจพนักงาน วัฒนธรรมองค์กร ที่จะนำพาให้พนักงานทุกคนในบริษัท เกิดความสามัคคี นำพาองค์กรไปข้างหน้า
นโยบายการบริหารงาน กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการวางแผนตีตลาดต่างๆ ก็ต้องผ่านผู้บริหารทั้งสิ้น
ยิ่งถ้าผู้บริหาร มีพื้นเพมาจากธุรกิจนั้นๆ มีความรู้และประสบการณ์ในด้านนั้นเป็นอย่างดี
หรือ หากเกิดการเปลี่ยนแปลงจากสภาวะการแข่งขันภายนอก ต้องใช้ความสามารถในการปรับตัวเพื่อให้คงอยู่ได้ แข่งขันต่อไปได้ ก็ต้องอาศัยวิสัยทัศน์ ทรรศนะคติ และไอเดีย ของผู้บริหาร
โดยสรุป ผมเห็นว่า ความสามารถของผู้บริหาร สำคัญอย่างยิ่งต่อความประสบความสำเร็จของบริษัท
"ธุรกิจที่ดีๆ คนโง่เข้ามาบริหาร ก็สามารถทำให้เจ๊งได้"
นี่เป็นความคิดเห็นของผม พี่ๆเพื่อนๆคิดอย่างไร เคยผ่านประสบการณ์อะไรมาอย่างไรกันบ้างครับ ช่วยแชหน่อยครับ ขอบคุณครับ
เพื่อนๆพี่ๆคิดเห็นอย่างไรบ้างครับกับคำๆนี้
เพราะสำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกไม่เห็นด้วยกับคำคำนี้เท่าไรนัก
ผมคิดว่า บัฟเฟตต์ พูดคำนี้ออกมาได้ เนื่องจากเค้าสามารถลงทุนในบริษัทที่เรียกได้ว่าเป็น super stock ที่มีผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งล้มยากอย่างแท้จริงอย่างเช่น coca cola Mcdonald เป็นต้น
ในขณะที่ประเทศไทยนั้น super stock เช่นนั้นผมเห็นว่ามีน้อยมาก
ผมคิดกลับกัน ผมกลับเห็นว่า ผู้บริหาร มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อความอยู่รอดและอนาคตของบริษัท
เรื่องธรรมาภิบาล เป็นเรื่องที่ชาวVIส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญอยู่แล้ว พูดถึงอยู่บ่อยๆ
แต่อีกเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ คือ ความสามารถของผู้บริหาร
ถามว่า กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อความอยู่รอด เพื่อความมั่นคง เพื่อความสามารถในการแข่งขันในยุคที่แข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ เพื่อการนำพาบริษัทเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จะมาจากความคิดของใครเล่าถ้าไม่ใช่ผู้บริหาร
ระบบภายใน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบบริหารสายงาน ระบบควบคุมคุณภาพ ลดต้นทุน การควบคุมการทุจริตภายใน
นโยบายการบริหารคน ซึ่งนำไปสู่ ขวัญกำลังใจพนักงาน วัฒนธรรมองค์กร ที่จะนำพาให้พนักงานทุกคนในบริษัท เกิดความสามัคคี นำพาองค์กรไปข้างหน้า
นโยบายการบริหารงาน กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการวางแผนตีตลาดต่างๆ ก็ต้องผ่านผู้บริหารทั้งสิ้น
ยิ่งถ้าผู้บริหาร มีพื้นเพมาจากธุรกิจนั้นๆ มีความรู้และประสบการณ์ในด้านนั้นเป็นอย่างดี
หรือ หากเกิดการเปลี่ยนแปลงจากสภาวะการแข่งขันภายนอก ต้องใช้ความสามารถในการปรับตัวเพื่อให้คงอยู่ได้ แข่งขันต่อไปได้ ก็ต้องอาศัยวิสัยทัศน์ ทรรศนะคติ และไอเดีย ของผู้บริหาร
โดยสรุป ผมเห็นว่า ความสามารถของผู้บริหาร สำคัญอย่างยิ่งต่อความประสบความสำเร็จของบริษัท
"ธุรกิจที่ดีๆ คนโง่เข้ามาบริหาร ก็สามารถทำให้เจ๊งได้"
นี่เป็นความคิดเห็นของผม พี่ๆเพื่อนๆคิดอย่างไร เคยผ่านประสบการณ์อะไรมาอย่างไรกันบ้างครับ ช่วยแชหน่อยครับ ขอบคุณครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
- aiitee
- Verified User
- โพสต์: 71
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำว่า"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได
โพสต์ที่ 2
"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได้"
คุณบัฟเฟตต์ไม่ได้บอกนี่ครับว่าผู้บริหารไม่สำคัญ
แต่ถ้าตัวกิจการมันง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความสามารถของผู้บริหารมาก ต้นทุนต่ำตลอดการ ปลอดคู่แข่งตลอดการ เป็นforever trend มันไปของมันเองได้โดยไม่ต้องใช้ความสามารถของผู้บริหารมาก ตัวกิจการนั้นถึงจะเป็นกิจการที่คนโง่ก็บริหารได้ แต่ผู้บริหารที่เก่งอาจจะบริหารได้ดีกว่าก็แค่นั้นเอง
คุณบัฟเฟตต์ไม่ได้บอกนี่ครับว่าผู้บริหารไม่สำคัญ
แต่ถ้าตัวกิจการมันง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความสามารถของผู้บริหารมาก ต้นทุนต่ำตลอดการ ปลอดคู่แข่งตลอดการ เป็นforever trend มันไปของมันเองได้โดยไม่ต้องใช้ความสามารถของผู้บริหารมาก ตัวกิจการนั้นถึงจะเป็นกิจการที่คนโง่ก็บริหารได้ แต่ผู้บริหารที่เก่งอาจจะบริหารได้ดีกว่าก็แค่นั้นเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คำว่า"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได
โพสต์ที่ 3
บริษัทมี 2 แบบ
1.แข่งขันด้านราคา คนฉลาดๆบริหารแล้วอาจจะเจ๊ง
2.ไม่แข่งขันด้านราคา คนโง่ๆบริหาร ก็ไม่เจ๊ง
เท่าที่จับใจความได้นะครับ
ซึ่ง ทำให้สะท้อนให้เห็นการเลือกธุรกิจ ก่อน แล้วค่อยเลือกผู้บริหาร
ซึ่ง ก็มีหลักการในการเลือกผู้บริหารเช่นกัน
1.มีความหลงใหลใฝ่ฝันที่จะทำ passion
2.มีความฉลาด
3.มีพลัง
4.มีความซื่อสัตย์
สรุป พี่คิดว่า บัพเฟต ไม่เลือกลงทุนในบริษัทที่ผู้บริหารโง่แน่ๆ
แต่ที่พูดอย่างนั้น ก็เป็นการเปรียบเทียบให้ดูเท่านั้น
1.แข่งขันด้านราคา คนฉลาดๆบริหารแล้วอาจจะเจ๊ง
2.ไม่แข่งขันด้านราคา คนโง่ๆบริหาร ก็ไม่เจ๊ง
เท่าที่จับใจความได้นะครับ
ซึ่ง ทำให้สะท้อนให้เห็นการเลือกธุรกิจ ก่อน แล้วค่อยเลือกผู้บริหาร
ซึ่ง ก็มีหลักการในการเลือกผู้บริหารเช่นกัน
1.มีความหลงใหลใฝ่ฝันที่จะทำ passion
2.มีความฉลาด
3.มีพลัง
4.มีความซื่อสัตย์
สรุป พี่คิดว่า บัพเฟต ไม่เลือกลงทุนในบริษัทที่ผู้บริหารโง่แน่ๆ
แต่ที่พูดอย่างนั้น ก็เป็นการเปรียบเทียบให้ดูเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 2236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำว่า"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได
โพสต์ที่ 6
อ่านหนังสืออย่ามองอะไรสุดกู่ขนาดนั้นครับ ในโลกของความจริงมันไม่มีหรอกธุรกิจอย่างว่า ปู่แกคงอยากให้เน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน ผลิตภัณฑ์หรือบริการมีเฟรนไชส์ที่แข่งแกร่ง ส่วนผู้บริหารก้อต้องพิจารณาแยกอีกทีหนึ่ง
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1496
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำว่า"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได
โพสต์ที่ 7
ผมคิดว่าคำพูดแบบนั้น เป็นคำแนะนำสำหรับการลงทุนที่บัฟเฟตให้คำแนะนำไว้นะครับ
ถ้ามันมีธุรกิจแบบนั้นจริง
ผมเข้าใจเองครับว่า บัฟเฟตได้บทเรียน ตอนที่เข้าซื้อ berkshire hathaway มาใหม่ๆ ที่เป็นสมัยโรงงานทอผ้า
แล้วต้องกัดฟันบริหาร เพื่อให้ธุรกิจอยู่แล้ว ซึ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอในขณะนั้นทั้งอเมริกา ถือว่าเป็นตะวันตกดิน
หลายๆโรงงานต้องทยอยกันปิด แต่บัฟเฟตพยายามอย่างมากในการให้มันอยู่หรอก ทั้งว่าจ้างผู้บริหารฝืมือดี
เข้ามาบริหาร ต้องทนถึง 6 ปี ขาดทุนมหาศาล ต่อให้ผุ้บริหารเก่งขนาดไหน ก็ไปไม่หรอก บัฟเฟตเปรียบเทียบ
เหมือนกับ ผู้บริหารเหมือนคนพายเรือ ถ้าให้เลือกคนพายเรื่อที่เก่งสุดๆในเรือที่รั่ว กับคนพายเรือไม่เก่ง แต่อยู่ในเรือที่ดี
เยี่ยม เราจะเลือกลงเรือลำไหน
ส่วนประเด้นผู้บริหาร บัฟเฟตเห็นความสำคัญแน่นอนครับ เห็นในรายงานประจำปี ที่บัฟเฟตมักจะพูดถึงบ่อยๆ ว่าผู้บริหารธุรกิจของเขา เป็นคนที่ซื่อสัตย์ เก่ง รักและมีความสุขในธุรกิจของตัวเอง บัฟเฟตยังบอกว่าถ้าลงทุนในธุรกิจที่ผุ้
บริการเก่งๆ เราก็ไม่มีความจำเป้นอะไรที่ต้องเป็นห่วง เปรียบเหมื่อนเราเป็นโค้ช ที่ได้นักเตะที่ดีเยี่ยมเข้ามาในทีม เราคงไม่ต้องไปบอกเขาว่าให้เตะยังไง เพียงแต่ให้สร้างบรรยากาศสภาพแวดล้อมให้ดีเท่านั้น คือหน้าทีของบัฟเฟต
ถ้ามันมีธุรกิจแบบนั้นจริง
ผมเข้าใจเองครับว่า บัฟเฟตได้บทเรียน ตอนที่เข้าซื้อ berkshire hathaway มาใหม่ๆ ที่เป็นสมัยโรงงานทอผ้า
แล้วต้องกัดฟันบริหาร เพื่อให้ธุรกิจอยู่แล้ว ซึ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอในขณะนั้นทั้งอเมริกา ถือว่าเป็นตะวันตกดิน
หลายๆโรงงานต้องทยอยกันปิด แต่บัฟเฟตพยายามอย่างมากในการให้มันอยู่หรอก ทั้งว่าจ้างผู้บริหารฝืมือดี
เข้ามาบริหาร ต้องทนถึง 6 ปี ขาดทุนมหาศาล ต่อให้ผุ้บริหารเก่งขนาดไหน ก็ไปไม่หรอก บัฟเฟตเปรียบเทียบ
เหมือนกับ ผู้บริหารเหมือนคนพายเรือ ถ้าให้เลือกคนพายเรื่อที่เก่งสุดๆในเรือที่รั่ว กับคนพายเรือไม่เก่ง แต่อยู่ในเรือที่ดี
เยี่ยม เราจะเลือกลงเรือลำไหน
ส่วนประเด้นผู้บริหาร บัฟเฟตเห็นความสำคัญแน่นอนครับ เห็นในรายงานประจำปี ที่บัฟเฟตมักจะพูดถึงบ่อยๆ ว่าผู้บริหารธุรกิจของเขา เป็นคนที่ซื่อสัตย์ เก่ง รักและมีความสุขในธุรกิจของตัวเอง บัฟเฟตยังบอกว่าถ้าลงทุนในธุรกิจที่ผุ้
บริการเก่งๆ เราก็ไม่มีความจำเป้นอะไรที่ต้องเป็นห่วง เปรียบเหมื่อนเราเป็นโค้ช ที่ได้นักเตะที่ดีเยี่ยมเข้ามาในทีม เราคงไม่ต้องไปบอกเขาว่าให้เตะยังไง เพียงแต่ให้สร้างบรรยากาศสภาพแวดล้อมให้ดีเท่านั้น คือหน้าทีของบัฟเฟต
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำว่า"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได
โพสต์ที่ 10
ผมคิดว่า buffett หมายถึง worst case scenario ครับ
คล้ายๆ กับการทำ feasibility study ทดลอง model เพื่อทำ sensitivity analysis กรณีต่างๆ base case, best case, worst case
หมายถึง ให้มองสุดขั้ว ให้ "ทดลอง" ปิดตาว่า ไม่มีคนมีฝึมือแล้ว ยังทำให้ธุรกิจ run ต่อไปได้ เพราะจัดระบบบริษัทไว้อย่างดีแล้ว อย่างคุณ Benzkrub ว่า
และอย่าฝากชีวิตบริษัทไว้กับคนคนคนเดียว ไม่ใช่ว่าเจ้าของบริษัทเกิดกระดูกไก่ติดคอตาย หรือไปเที่ยวพักร้อนแล้วหกล้มหัวฟาดพื้น กิจการล้มตามไปเลยแบบนั้น
แต่แกแค่ใช้ "วาทกรรม" ให้มองเห็นชัดพูดให้เห็นจินตภาพ
ความหมายจริงๆ จะแปลแบบเถรตรงไม่ได้ เพราะไม่ได้หมายความว่าปู่แกมอง "คนบริหารกิจการ" ไร้ความหมายจริงๆ
เราได้เห็นได้ยินข้อพิสูจน์นี้ในสิ่งที่ปู่แกปฏิบัติ จะขัดกันโดยสิ้นเชิง
เพราะเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง ว่าแกเข้าซื้อกิจการใคร คนนั้นต้องบริหารต่อ
จึงแปลว่า แกก็มองว่าบริษัทโตมาได้ขนาดนี้ อาจไม่ใช่เพราะของดีสินค้าดี ระบบดีแค่นั้น แต่การประกอบเป็นธุรกิจ โดยต้องมี "คน" ที่ปลุกปั้นกิจการนั้นมาด้วย จึงต้องอยู่ช่วยกันทำให้กิจการดำเนินต่อ และเติบโตต่อไป
"ทดลอง" เป็นการแค่ลองคิดลองประเมินแบบ sensitivity analysis ไม่ได้หมายความว่าให้ลองไล่ CEO เงินเดือนแพงๆ เป็นแสนเหรียญออกจริงๆ แล้วไปจ้างขอทานโง่ๆ ข้างถนน (ที่ให้เงินเดือนสัก 200-300 เหรียญก็ตาลุกแล้ว) มาบริหารจริงๆ แล้วนั่งกระดิกเท้าคอยดูว่ากิจการจะเจ๊งเพราะคนโง่แถมขี้เกียจด้วยได้รึเปล่า
คล้ายๆ กับการทำ feasibility study ทดลอง model เพื่อทำ sensitivity analysis กรณีต่างๆ base case, best case, worst case
หมายถึง ให้มองสุดขั้ว ให้ "ทดลอง" ปิดตาว่า ไม่มีคนมีฝึมือแล้ว ยังทำให้ธุรกิจ run ต่อไปได้ เพราะจัดระบบบริษัทไว้อย่างดีแล้ว อย่างคุณ Benzkrub ว่า
และอย่าฝากชีวิตบริษัทไว้กับคนคนคนเดียว ไม่ใช่ว่าเจ้าของบริษัทเกิดกระดูกไก่ติดคอตาย หรือไปเที่ยวพักร้อนแล้วหกล้มหัวฟาดพื้น กิจการล้มตามไปเลยแบบนั้น
แต่แกแค่ใช้ "วาทกรรม" ให้มองเห็นชัดพูดให้เห็นจินตภาพ
ความหมายจริงๆ จะแปลแบบเถรตรงไม่ได้ เพราะไม่ได้หมายความว่าปู่แกมอง "คนบริหารกิจการ" ไร้ความหมายจริงๆ
เราได้เห็นได้ยินข้อพิสูจน์นี้ในสิ่งที่ปู่แกปฏิบัติ จะขัดกันโดยสิ้นเชิง
เพราะเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง ว่าแกเข้าซื้อกิจการใคร คนนั้นต้องบริหารต่อ
จึงแปลว่า แกก็มองว่าบริษัทโตมาได้ขนาดนี้ อาจไม่ใช่เพราะของดีสินค้าดี ระบบดีแค่นั้น แต่การประกอบเป็นธุรกิจ โดยต้องมี "คน" ที่ปลุกปั้นกิจการนั้นมาด้วย จึงต้องอยู่ช่วยกันทำให้กิจการดำเนินต่อ และเติบโตต่อไป
"ทดลอง" เป็นการแค่ลองคิดลองประเมินแบบ sensitivity analysis ไม่ได้หมายความว่าให้ลองไล่ CEO เงินเดือนแพงๆ เป็นแสนเหรียญออกจริงๆ แล้วไปจ้างขอทานโง่ๆ ข้างถนน (ที่ให้เงินเดือนสัก 200-300 เหรียญก็ตาลุกแล้ว) มาบริหารจริงๆ แล้วนั่งกระดิกเท้าคอยดูว่ากิจการจะเจ๊งเพราะคนโง่แถมขี้เกียจด้วยได้รึเปล่า
- leaderinshadow
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำว่า"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได
โพสต์ที่ 11
โง่ ในที่นี้ น่าจะหมายถึง ผู้บริหารที่มีความสามารถ น้อยกว่า ผู้บริหารปกติ แต่คงไม่ถึงกับโง่บัดซบ อุ้ย ต้องพูดว่าฉลาดน้อย เพราะถ้าผู้บริหารฉลาดน้อยเกินไป (ชาวบ้านเรียก โง่ บัด ..) ธุรกิจดีแค่ไหน ก็เจ้งหมด อันนี้เห็นด้วยครับ"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได้ เพราะว่าสักวันหนึ่งอาจจะมีคนโง่ๆ เข้ามาบริหารธุรกิจนั้น"
เพียงแต่คำพูดนี้ ปู่น่าจะต้องการแค่สื่อให้เห็นว่าธุรกิจนั้นๆ มีแบรนที่แข็งแกร่ง ลูกค้าที่ภักดี มีระบบภายในที่ดีมากๆ มีการจัดการความรู้ให้อยู่กับองค์กร (KM) ที่ดี ธุรกิจอยู่ได้ด้วยระบบ ไม่ได้พึ่งคนมากไป
และเค้าคงต้องการสื่อว่า ธุรกิจนั้นแข็งแกร่ง อยู่ได้ด้วยระบบเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ได้ด้วยความสามารถของผู้บริหาร
และต่อให้ได้ผู้บริหารที่มีความสามารถต่ำกว่าปกติ มาบริหารงาน ธุรกิจก็ยังโตได้ หรืออย่างมากก็แค่สะดุดนึดนึง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คำว่า"ลงทุนในธุรกิจ ที่แม้กระทั่งคนโง่ๆ ก็ยังบริหารมันได
โพสต์ที่ 12
ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นครับ
ผมพอเข้าใจและพอจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ขึ้นมาบ้าง สาเหตุที่ผมตั้งหัวข้อนี้ขึ้นมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมคิดว่า ถ้าหากหุ้นที่เราถืออยู่ ดีขึ้นมาได้อย่างทุกวันนี้ เป็นเพราะผู้บริหารท่านหนึ่งที่ได้เข้ามาวางระบบไว้ ถ้าวันหนึ่งเค้าออกไป เราจะทำอย่างไร
หลังจากที่ได้ฟังหลายๆท่าน ผมก็คิดว่าผมอาจจะยึดติดกับผู้บริหารมากเกินไป โอเค บริษัทอาจเคยเกิดวิกฤติ แต่เมื่อมีผู้บริหารใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบ เปลี่ยนโมเดล ทำให้กลายเป็นธุรกิจที่ดี หากผู้บริหารท่านนั้นจากไป ระบบที่ได้สร้างไว้ก็ยังคงอยู่ หมายความว่า มันก็ยังเป็นบริษัทที่ดีอยู่ได้ แม้ผู้บริหารคนใหม่เข้ามา หากไม่ทำลายระบบดีๆทิ้งไป ธุรกิจก็ยังคงไปต่อได้
ผมคิดว่าผมพอเข้าใจในคำพูดของบัฟเฟตต์มากขึ้น ขอบคุณครับ
ผมพอเข้าใจและพอจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ขึ้นมาบ้าง สาเหตุที่ผมตั้งหัวข้อนี้ขึ้นมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมคิดว่า ถ้าหากหุ้นที่เราถืออยู่ ดีขึ้นมาได้อย่างทุกวันนี้ เป็นเพราะผู้บริหารท่านหนึ่งที่ได้เข้ามาวางระบบไว้ ถ้าวันหนึ่งเค้าออกไป เราจะทำอย่างไร
หลังจากที่ได้ฟังหลายๆท่าน ผมก็คิดว่าผมอาจจะยึดติดกับผู้บริหารมากเกินไป โอเค บริษัทอาจเคยเกิดวิกฤติ แต่เมื่อมีผู้บริหารใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบ เปลี่ยนโมเดล ทำให้กลายเป็นธุรกิจที่ดี หากผู้บริหารท่านนั้นจากไป ระบบที่ได้สร้างไว้ก็ยังคงอยู่ หมายความว่า มันก็ยังเป็นบริษัทที่ดีอยู่ได้ แม้ผู้บริหารคนใหม่เข้ามา หากไม่ทำลายระบบดีๆทิ้งไป ธุรกิจก็ยังคงไปต่อได้
ผมคิดว่าผมพอเข้าใจในคำพูดของบัฟเฟตต์มากขึ้น ขอบคุณครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง