Premiums/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
Premiums/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 17 ธันวาคม 54
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เคยสงสัยไหมว่าทำไมหุ้นบางกลุ่มหรือบางตัวจึงมีราคาสูงหรือแพงกว่าหุ้นตัวอื่นและอาจจะดูเหมือนว่าจะแพงกว่า “พื้นฐาน” ที่ควรจะเป็น? ผมคงไม่ตอบคำถามนี้เพราะมันเป็นเรื่องยาวและบางทีผมก็อาจจะรู้ไม่จริง แต่สิ่งที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ หุ้นตัวไหนหรือประเภทไหนที่มักจะมีคุณสมบัติแบบนั้น นั่นก็คือ หุ้นแบบไหนที่มักจะมีราคาหุ้น “สูงกว่าปกติ” วัดจากค่า PE ค่า PB หรือมูลค่าอื่น ๆ ซึ่งส่วนที่สูงเกินจากปกตินี้ ในทางการเงินเราเรียกว่า “Premium”
Premium ตัวแรกที่ผมจะพูดถึง เพราะมันเป็น Premium ที่เกิดขึ้นแทบจะตลอดเวลาก็คือสิ่งที่ผมเรียกว่า “Super Stock Premium” นี่คือ “มูลค่าส่วนเกิน” ที่ตลาดให้กับหุ้นที่เป็น Super Stock หรือเป็นหุ้นของกิจการที่มีคุณภาพ “ดีสุดยอด” ซึ่งอาจจะหมายถึงกิจการที่มีคุณสมบัติหลาย ๆ อย่างดังเช่น เป็นกิจการที่มีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งมาก มีอำนาจทางการตลาดสูงมากเพราะลูกค้าไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้บริการคู่แข่งได้ง่าย มียี่ห้อสินค้าที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งมาก สินค้าไม่ถูกควบคุมด้วยราคาหรือกฎเกณฑ์อื่น ๆ มีกำไรหรือมาร์จินจากยอดขายสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน การขายสินค้าหรือบริการเพิ่มไม่ต้องลงทุนเพิ่มมากนัก กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงลิ่ว ธุรกิจยังมีการเติบโตที่ดีหรือเป็นกิจการแห่งอนาคต ต่าง ๆ เหล่านี้
กิจการที่นักลงทุน “ยอมรับ” แล้วว่าเป็นหุ้น Super Stock แทบทั้งหมดนั้น จะมี Premium สูงมาก นั่นก็คือ ราคาของหุ้นจะสูงจนทำให้ค่า PE และค่า PB สูงมากจนบางครั้งนักลงทุนโดยเฉพาะที่เป็น VI สไตล์ เบน เกรแฮม ซึ่งเน้นการซื้อหุ้นราคาถูก “รับไม่ได้” เพราะเมื่อเขาคำนวณหา “มูลค่าพื้นฐาน” ของหุ้นที่เป็นตัวเลขแล้ว เขาจะพบว่าดูอย่างไรก็ “Over Value” อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม Premium ของซุปเปอร์สต็อคนั้นก็ยังคงอยู่ยาวนานไม่หายไปง่าย ๆ ไม่ว่าในหุ้นไทยหรือต่างประเทศ ดังนั้น คนที่วิเคราะห์หามูลค่าที่เหมาะสมของซุปเปอร์สต็อคจะต้องรู้ว่ามันมี Premium ส่วนนี้อยู่
Premium ตัวต่อไป โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทย ผมคงยกให้กับ “Speculation Premium” นี่คือราคาหุ้น “ส่วนที่เกินพื้นฐาน” ที่เกิดขึ้นเนื่องจากหุ้นตัวนั้นมี “การเก็งกำไร” สูงมากกว่าปกติ เหตุผลที่ตลาดให้ราคาหุ้นเก็งกำไรสูงกว่าปกติ เป็นเพราะว่านักเล่นหุ้นจำนวนมากในตลาดหุ้นไทยชอบเล่นหุ้นที่มีราคาหวือหวาขึ้นลงเร็วมากกว่าหุ้นที่ค่อย ๆ เติบโตไปเรื่อย ๆ พวกเขายินดีที่จะจ่าย “Premium” ซึ่งก็คงจะคล้าย ๆ กับ “ค่าต๋ง” ในการเล่นการพนันให้กับนายบ่อนเวลาเล่นการพนัน Premium ที่พวกเขาจ่ายก็เป็นคล้าย ๆ กับ “ค่าธรรมเนียม” ในการที่จะได้เล่นหุ้นที่ขึ้นลงเร็วและมีปริมาณการซื้อขายหุ้นมหาศาลที่ทำให้เขาสามารถที่จะเข้าหรือออกได้ตลอดเวลารวมทั้งสามารถใช้มาร์จินในการซื้อขายหุ้นได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม Speculation Premium นั้น มักจะอยู่ไม่ถาวร เมื่อการเก็งกำไรลดลง ด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งทำให้ปริมาณการซื้อขายหุ้นต่อวันลดลงมาใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของตลาด Speculation Premium ของหุ้นก็อาจจะหายไปได้
Premium ตัวต่อไปก็คือ “Institution Premium” นี่คือการที่หุ้นมีราคาเกินจากพื้นฐานเนื่องจากการที่หุ้นตัวนั้น ที่แต่เดิมไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน กลายเป็นหุ้นที่สถาบันการลงทุนสนใจที่จะเข้ามาซื้อหุ้นลงทุนด้วยเหตุผลบางอย่างเช่น บริษัทได้รับการจัดอันดับให้เข้าไปอยู่ในดัชนีเช่น MSCI SET50 SET100 หรือกิจการมีขนาดใหญ่ขึ้นจากการควบรวมหรือการขยายตัวอย่างรวดเร็วจนเข้าเกณฑ์ที่สถาบันลงทุนขนาดใหญ่จากต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท ผลกระทบจากการนี้ทำให้หุ้นมักมีการปรับตัวขึ้นไปแรงโดยเฉพาะในครั้งแรก
Premium อีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ “Owner Premium” หรือราคาหุ้นที่สูงเกินจากพื้นฐานปกติเนื่องจาก “มีคนยอมจ่ายเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของ” พูดแบบนี้อาจจะทำให้งงเพราะหุ้นทุกตัวก็มีผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าของอยู่แล้ว แต่ความหมายของผมก็คือ หุ้นนั้นเดิมไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่พอที่จะควบคุมบริษัทได้แบบเบ็ดเสร็จ แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนอื่นเข้ามาซื้อหุ้นจำนวนมากเพื่อให้ได้สิทธิที่จะควบคุมบริษัทแทนผู้บริหารเดิม คนที่เข้ามาเพื่อที่จะเทคโอเวอร์บริษัทนั้น เขายอมจ่ายแพงกว่าปกติได้เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถปรับปรุงพื้นฐานของบริษัทให้ดีขึ้นได้ซึ่งทำให้คุ้มค่าที่จะจ่าย หรือบางคนก็อาจจะคิดว่าการเข้าไปเป็นผู้บริหารบริษัทอาจจะทำให้เขาได้ประโยชน์อย่างอื่นเป็นการส่วนตัว เช่น สามารถ “เล่นหุ้น” ตัวนั้นให้ได้กำไร หรือสามารถ “กินเงินเดือน” หรือรับประโยชน์อย่างอื่นในบริษัทในฐานะผู้บริหาร ซึ่งคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อเทคโอเวอร์บริษัทนั้น อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนนอกที่เป็นนักลงทุน เราก็ต้องระวังว่า Premium ในส่วนนี้อาจจะหายไปได้ง่าย ๆ เมื่อการเทคโอเวอร์จบลง
Premium ตัวสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ “Celebrity Premium” นี่เป็นคำที่ผมเรียกเองซึ่งอาจจะไม่ตรงนักแต่ความหมายของผมก็คือ หุ้นมีราคาสูงเกินจากพื้นฐานไปเนื่องจากการที่หุ้นตัวนั้นถูกซื้อโดย “เซียน” ที่นักลงทุนหรือนักเล่นหุ้นเชื่อถือมาก ทำให้นักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนคนอื่นแห่เข้าซื้อตาม ผลก็คือ ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น บ่อยครั้งที่มีข่าวว่า วอเร็น บัฟเฟตต์ เข้าซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ราคาหุ้นก็มักจะวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วและผมเชื่อว่าหลายครั้งราคาหุ้นขึ้นไปเกินพื้นฐาน ส่วนตัวอย่างที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยนั้น ในอดีตช่วงที่ตลาดหุ้นไทยยังเล็กกว่านี้และเรามีแต่ “นักเล่นหุ้น” ถ้ามีข่าวว่า “เสี่ย” คนนั้นคนนี้เข้าไปเล่นหุ้นตัวไหน หุ้นตัวนั้นก็จะวิ่งไปแรงและเร็วมาก แต่ถ้าเป็นในช่วงที่ Value Investment กลายเป็น “กระแสหลัก” อย่างหนึ่งในปัจจุบัน ถ้ามีข่าวว่ามี “เซียน VI” เข้าไปเล่นกันมาก หุ้นตัวนั้นก็วิ่งไปแรงเกินกว่าพื้นฐานได้เหมือนกัน
การหากำไรจาก Premium ที่ดีที่สุดนั้น ไม่ใช่ไปซื้อหุ้นที่มี Premium สูงลิ่วอยู่แล้ว ตรงกันข้าม Premium บางประเภทนั้น เมื่อเวลาผ่านไปกลับลดน้อยถอยลง ดังนั้น แทนที่จะกำไรเราอาจจะขาดทุนได้ วิธีที่จะทำกำไรจาก Premium เป็นกอบเป็นกำก็คือ การมองหาหุ้นที่มีศักยภาพสูงที่จะได้รับ Premium ในอนาคตเนื่องจากหุ้นหรือบริษัทกำลังมีพัฒนาการที่จะนำไปสู่การเป็นหุ้นที่จะมี Premium เช่น บริษัทมีความโดดเด่นมากขึ้นเรื่อย ๆ และเราคาดว่าในที่สุดบริษัทก็จะกลายเป็น Super Stock หรือ เรามองว่าในไม่ช้าบริษัทก็จะได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่นักลงทุนสถาบันจะเข้ามาลงทุน หรือ เราเห็นว่าบริษัทจะเป็นเป้าหมายของการเทคโอเวอร์ที่จะเกิดขึ้น ต่าง ๆ เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การซื้อหุ้นโดยมุ่งเน้นแต่การทำกำไรจาก Premium ที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นหลักนั้น เป็นเรื่องที่เสี่ยง เพราะ Premium อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย การลงทุนของเราจึงควรที่จะต้องเน้นในเรื่องของพื้นฐานของกิจการเป็นหลัก โดย Premium นั้นควรจะเป็นผลพลอยได้ ซึ่งในบางครั้งก็ให้ผลตอบแทนยิ่งไปกว่าพื้นฐานหลักด้วยซ้ำ
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เคยสงสัยไหมว่าทำไมหุ้นบางกลุ่มหรือบางตัวจึงมีราคาสูงหรือแพงกว่าหุ้นตัวอื่นและอาจจะดูเหมือนว่าจะแพงกว่า “พื้นฐาน” ที่ควรจะเป็น? ผมคงไม่ตอบคำถามนี้เพราะมันเป็นเรื่องยาวและบางทีผมก็อาจจะรู้ไม่จริง แต่สิ่งที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ หุ้นตัวไหนหรือประเภทไหนที่มักจะมีคุณสมบัติแบบนั้น นั่นก็คือ หุ้นแบบไหนที่มักจะมีราคาหุ้น “สูงกว่าปกติ” วัดจากค่า PE ค่า PB หรือมูลค่าอื่น ๆ ซึ่งส่วนที่สูงเกินจากปกตินี้ ในทางการเงินเราเรียกว่า “Premium”
Premium ตัวแรกที่ผมจะพูดถึง เพราะมันเป็น Premium ที่เกิดขึ้นแทบจะตลอดเวลาก็คือสิ่งที่ผมเรียกว่า “Super Stock Premium” นี่คือ “มูลค่าส่วนเกิน” ที่ตลาดให้กับหุ้นที่เป็น Super Stock หรือเป็นหุ้นของกิจการที่มีคุณภาพ “ดีสุดยอด” ซึ่งอาจจะหมายถึงกิจการที่มีคุณสมบัติหลาย ๆ อย่างดังเช่น เป็นกิจการที่มีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งมาก มีอำนาจทางการตลาดสูงมากเพราะลูกค้าไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้บริการคู่แข่งได้ง่าย มียี่ห้อสินค้าที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งมาก สินค้าไม่ถูกควบคุมด้วยราคาหรือกฎเกณฑ์อื่น ๆ มีกำไรหรือมาร์จินจากยอดขายสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน การขายสินค้าหรือบริการเพิ่มไม่ต้องลงทุนเพิ่มมากนัก กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงลิ่ว ธุรกิจยังมีการเติบโตที่ดีหรือเป็นกิจการแห่งอนาคต ต่าง ๆ เหล่านี้
กิจการที่นักลงทุน “ยอมรับ” แล้วว่าเป็นหุ้น Super Stock แทบทั้งหมดนั้น จะมี Premium สูงมาก นั่นก็คือ ราคาของหุ้นจะสูงจนทำให้ค่า PE และค่า PB สูงมากจนบางครั้งนักลงทุนโดยเฉพาะที่เป็น VI สไตล์ เบน เกรแฮม ซึ่งเน้นการซื้อหุ้นราคาถูก “รับไม่ได้” เพราะเมื่อเขาคำนวณหา “มูลค่าพื้นฐาน” ของหุ้นที่เป็นตัวเลขแล้ว เขาจะพบว่าดูอย่างไรก็ “Over Value” อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม Premium ของซุปเปอร์สต็อคนั้นก็ยังคงอยู่ยาวนานไม่หายไปง่าย ๆ ไม่ว่าในหุ้นไทยหรือต่างประเทศ ดังนั้น คนที่วิเคราะห์หามูลค่าที่เหมาะสมของซุปเปอร์สต็อคจะต้องรู้ว่ามันมี Premium ส่วนนี้อยู่
Premium ตัวต่อไป โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทย ผมคงยกให้กับ “Speculation Premium” นี่คือราคาหุ้น “ส่วนที่เกินพื้นฐาน” ที่เกิดขึ้นเนื่องจากหุ้นตัวนั้นมี “การเก็งกำไร” สูงมากกว่าปกติ เหตุผลที่ตลาดให้ราคาหุ้นเก็งกำไรสูงกว่าปกติ เป็นเพราะว่านักเล่นหุ้นจำนวนมากในตลาดหุ้นไทยชอบเล่นหุ้นที่มีราคาหวือหวาขึ้นลงเร็วมากกว่าหุ้นที่ค่อย ๆ เติบโตไปเรื่อย ๆ พวกเขายินดีที่จะจ่าย “Premium” ซึ่งก็คงจะคล้าย ๆ กับ “ค่าต๋ง” ในการเล่นการพนันให้กับนายบ่อนเวลาเล่นการพนัน Premium ที่พวกเขาจ่ายก็เป็นคล้าย ๆ กับ “ค่าธรรมเนียม” ในการที่จะได้เล่นหุ้นที่ขึ้นลงเร็วและมีปริมาณการซื้อขายหุ้นมหาศาลที่ทำให้เขาสามารถที่จะเข้าหรือออกได้ตลอดเวลารวมทั้งสามารถใช้มาร์จินในการซื้อขายหุ้นได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม Speculation Premium นั้น มักจะอยู่ไม่ถาวร เมื่อการเก็งกำไรลดลง ด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งทำให้ปริมาณการซื้อขายหุ้นต่อวันลดลงมาใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของตลาด Speculation Premium ของหุ้นก็อาจจะหายไปได้
Premium ตัวต่อไปก็คือ “Institution Premium” นี่คือการที่หุ้นมีราคาเกินจากพื้นฐานเนื่องจากการที่หุ้นตัวนั้น ที่แต่เดิมไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน กลายเป็นหุ้นที่สถาบันการลงทุนสนใจที่จะเข้ามาซื้อหุ้นลงทุนด้วยเหตุผลบางอย่างเช่น บริษัทได้รับการจัดอันดับให้เข้าไปอยู่ในดัชนีเช่น MSCI SET50 SET100 หรือกิจการมีขนาดใหญ่ขึ้นจากการควบรวมหรือการขยายตัวอย่างรวดเร็วจนเข้าเกณฑ์ที่สถาบันลงทุนขนาดใหญ่จากต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท ผลกระทบจากการนี้ทำให้หุ้นมักมีการปรับตัวขึ้นไปแรงโดยเฉพาะในครั้งแรก
Premium อีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ “Owner Premium” หรือราคาหุ้นที่สูงเกินจากพื้นฐานปกติเนื่องจาก “มีคนยอมจ่ายเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของ” พูดแบบนี้อาจจะทำให้งงเพราะหุ้นทุกตัวก็มีผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าของอยู่แล้ว แต่ความหมายของผมก็คือ หุ้นนั้นเดิมไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่พอที่จะควบคุมบริษัทได้แบบเบ็ดเสร็จ แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนอื่นเข้ามาซื้อหุ้นจำนวนมากเพื่อให้ได้สิทธิที่จะควบคุมบริษัทแทนผู้บริหารเดิม คนที่เข้ามาเพื่อที่จะเทคโอเวอร์บริษัทนั้น เขายอมจ่ายแพงกว่าปกติได้เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถปรับปรุงพื้นฐานของบริษัทให้ดีขึ้นได้ซึ่งทำให้คุ้มค่าที่จะจ่าย หรือบางคนก็อาจจะคิดว่าการเข้าไปเป็นผู้บริหารบริษัทอาจจะทำให้เขาได้ประโยชน์อย่างอื่นเป็นการส่วนตัว เช่น สามารถ “เล่นหุ้น” ตัวนั้นให้ได้กำไร หรือสามารถ “กินเงินเดือน” หรือรับประโยชน์อย่างอื่นในบริษัทในฐานะผู้บริหาร ซึ่งคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อเทคโอเวอร์บริษัทนั้น อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนนอกที่เป็นนักลงทุน เราก็ต้องระวังว่า Premium ในส่วนนี้อาจจะหายไปได้ง่าย ๆ เมื่อการเทคโอเวอร์จบลง
Premium ตัวสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ “Celebrity Premium” นี่เป็นคำที่ผมเรียกเองซึ่งอาจจะไม่ตรงนักแต่ความหมายของผมก็คือ หุ้นมีราคาสูงเกินจากพื้นฐานไปเนื่องจากการที่หุ้นตัวนั้นถูกซื้อโดย “เซียน” ที่นักลงทุนหรือนักเล่นหุ้นเชื่อถือมาก ทำให้นักเล่นหุ้นหรือนักลงทุนคนอื่นแห่เข้าซื้อตาม ผลก็คือ ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น บ่อยครั้งที่มีข่าวว่า วอเร็น บัฟเฟตต์ เข้าซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ราคาหุ้นก็มักจะวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วและผมเชื่อว่าหลายครั้งราคาหุ้นขึ้นไปเกินพื้นฐาน ส่วนตัวอย่างที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยนั้น ในอดีตช่วงที่ตลาดหุ้นไทยยังเล็กกว่านี้และเรามีแต่ “นักเล่นหุ้น” ถ้ามีข่าวว่า “เสี่ย” คนนั้นคนนี้เข้าไปเล่นหุ้นตัวไหน หุ้นตัวนั้นก็จะวิ่งไปแรงและเร็วมาก แต่ถ้าเป็นในช่วงที่ Value Investment กลายเป็น “กระแสหลัก” อย่างหนึ่งในปัจจุบัน ถ้ามีข่าวว่ามี “เซียน VI” เข้าไปเล่นกันมาก หุ้นตัวนั้นก็วิ่งไปแรงเกินกว่าพื้นฐานได้เหมือนกัน
การหากำไรจาก Premium ที่ดีที่สุดนั้น ไม่ใช่ไปซื้อหุ้นที่มี Premium สูงลิ่วอยู่แล้ว ตรงกันข้าม Premium บางประเภทนั้น เมื่อเวลาผ่านไปกลับลดน้อยถอยลง ดังนั้น แทนที่จะกำไรเราอาจจะขาดทุนได้ วิธีที่จะทำกำไรจาก Premium เป็นกอบเป็นกำก็คือ การมองหาหุ้นที่มีศักยภาพสูงที่จะได้รับ Premium ในอนาคตเนื่องจากหุ้นหรือบริษัทกำลังมีพัฒนาการที่จะนำไปสู่การเป็นหุ้นที่จะมี Premium เช่น บริษัทมีความโดดเด่นมากขึ้นเรื่อย ๆ และเราคาดว่าในที่สุดบริษัทก็จะกลายเป็น Super Stock หรือ เรามองว่าในไม่ช้าบริษัทก็จะได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่นักลงทุนสถาบันจะเข้ามาลงทุน หรือ เราเห็นว่าบริษัทจะเป็นเป้าหมายของการเทคโอเวอร์ที่จะเกิดขึ้น ต่าง ๆ เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การซื้อหุ้นโดยมุ่งเน้นแต่การทำกำไรจาก Premium ที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นหลักนั้น เป็นเรื่องที่เสี่ยง เพราะ Premium อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย การลงทุนของเราจึงควรที่จะต้องเน้นในเรื่องของพื้นฐานของกิจการเป็นหลัก โดย Premium นั้นควรจะเป็นผลพลอยได้ ซึ่งในบางครั้งก็ให้ผลตอบแทนยิ่งไปกว่าพื้นฐานหลักด้วยซ้ำ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Premiums/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณท่านอาจารย์และเจ้าของกระทู้ครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Premiums/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณดร.มาก ๆ ครับ Premium ที่เราต้องมองหาคือ Premium ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ใช่ Premium ที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ราคาได้สูงขึ้นไปแล้วหรือ Premium ในอดีตที่ธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงพื้นฐานไปทางแย่ลงไปแล้ว
Value = Quality/Cost
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Premiums/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 5
ผมว่าถือ super stock ก็ต้องระวัง วันหนึ่งหุ้น super stock อาจกลายเป็น normal stock ก็ได้
และต้องระวังที่จะต้องจ่ายซื้อหุ้นที่ราคา super stock แต่ได้หุ้น normal stock โดยไม่รู้ตัว (เพราะว่าพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางลบ เช่น อาจมีอัตราการเติบโตของรายได้ไม่เท่าในอดีต เป็นต้น)
และต้องระวังที่จะต้องจ่ายซื้อหุ้นที่ราคา super stock แต่ได้หุ้น normal stock โดยไม่รู้ตัว (เพราะว่าพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางลบ เช่น อาจมีอัตราการเติบโตของรายได้ไม่เท่าในอดีต เป็นต้น)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Premiums/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณมาก ครับ
กระตุกความคิดผม..ได้ดีมากๆ ครับ
แค่ประโยคทำนอง(จำคำกล่าวทั้งหมดไม่ได้) " มันดี ไปจนกว่า ถึงวันที่มันจะเจ๊ง "
ผมยังคิดอยู่บ่อยๆเลย ต่อไปผมจะได้เห็นหรืออยู่ร่วมในเหตุการณ์ทำนองแบบนี้หรือเปล่า(ที่ทำให้ท่านดร.ได้กล่าวคำนี้)
กระตุกความคิดผม..ได้ดีมากๆ ครับ
แค่ประโยคทำนอง(จำคำกล่าวทั้งหมดไม่ได้) " มันดี ไปจนกว่า ถึงวันที่มันจะเจ๊ง "
ผมยังคิดอยู่บ่อยๆเลย ต่อไปผมจะได้เห็นหรืออยู่ร่วมในเหตุการณ์ทำนองแบบนี้หรือเปล่า(ที่ทำให้ท่านดร.ได้กล่าวคำนี้)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1399
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Premiums/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 8
ยังมีอีก 1 premium คือ จากการโฆษณาหุ้น เห็นกันบ่อยๆ ด้วยการนำพื้นฐานบังหน้า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลิศอะไรเลย
ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่าน นสพ. หรือ เว๊ปไซต์ เมื่อ premium มีมาก นักโฆษณาก็ทำกำไร
ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่าน นสพ. หรือ เว๊ปไซต์ เมื่อ premium มีมาก นักโฆษณาก็ทำกำไร
มาคุยกันได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/value.investing.freedom
-
- Verified User
- โพสต์: 443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Premiums/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 9
ถ้าจำไม่ผิด ดร.พูดถึงหุ้น BANK ว่ามันดีจนถึงวันที่มันเจ๊งpakhakorn เขียน:ขอบคุณมาก ครับ
กระตุกความคิดผม..ได้ดีมากๆ ครับ
แค่ประโยคทำนอง(จำคำกล่าวทั้งหมดไม่ได้) " มันดี ไปจนกว่า ถึงวันที่มันจะเจ๊ง "
ผมยังคิดอยู่บ่อยๆเลย ต่อไปผมจะได้เห็นหรืออยู่ร่วมในเหตุการณ์ทำนองแบบนี้หรือเปล่า(ที่ทำให้ท่านดร.ได้กล่าวคำนี้)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Premiums/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 10
premium อีกตัวที่ผมขอเสนอเพิ่ม
"modern trade premium" ครับ
สังเกตว่า ขณะนี้หุ้นกลุ่ม modern trade มี premium สูงขึ้นเยอะมาก pe ส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 20 บางตัวแตะ30
น่าคิดนะครับ ว่า premium เหล่านี้ จะเป็น premium ที่คงทนอยู่นาน หรือเป็นแค่ ฟองสบู่modern trade
"modern trade premium" ครับ
สังเกตว่า ขณะนี้หุ้นกลุ่ม modern trade มี premium สูงขึ้นเยอะมาก pe ส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 20 บางตัวแตะ30
น่าคิดนะครับ ว่า premium เหล่านี้ จะเป็น premium ที่คงทนอยู่นาน หรือเป็นแค่ ฟองสบู่modern trade
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง