Psychology of ตัวกรู's Risks
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 1
เห้นมีหลายท่านสนใจ knowing self
อย่างท่าน picatos
มีท่าน Vi คนเรื่อ
มีท่าน Oatty
มีท่าน Ronnapum
มีหลายท่านที่โดดเด่นมาก
เรื่องนี้สำคัญมากทีเดียว และไม่มีคนพูดอีกด้วย
Like a coin krab, our ego has two sides.
If we don't quit them, they will quit us.
Is that unfair? Why can we quit us?
We are talking about Psychology of ตัวกรู's Risks krab.
The topic of Chalie Munger's self awareness is absolutely undervalued.
Knowing self is like self insurance.
Why talk the least.
ผมขอโวตหนึ่งเสียงให้คนเหล่านั้นมาพูดที่ตลาด
That is my liquidation dream krab.
อย่างท่าน picatos
มีท่าน Vi คนเรื่อ
มีท่าน Oatty
มีท่าน Ronnapum
มีหลายท่านที่โดดเด่นมาก
เรื่องนี้สำคัญมากทีเดียว และไม่มีคนพูดอีกด้วย
Like a coin krab, our ego has two sides.
If we don't quit them, they will quit us.
Is that unfair? Why can we quit us?
We are talking about Psychology of ตัวกรู's Risks krab.
The topic of Chalie Munger's self awareness is absolutely undervalued.
Knowing self is like self insurance.
Why talk the least.
ผมขอโวตหนึ่งเสียงให้คนเหล่านั้นมาพูดที่ตลาด
That is my liquidation dream krab.
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 7
ปูเสื่อรอฟังด้วยคนครับ
กลยุทธ ส้นทีน ชื่อแปลกดีครับ แนวคิดก้น่าสนใจดีครับ ต้องคิดแล้วก้คิดอีกรอบ ถึงจะเก็ท
มุขพี่หรำดัม พี่มักจะเสนอแนวคิดแบบ ต้องคิดจริงๆ
อารมณ์เดียวกับศิลปิน ที่เขียนรูปแนว Abstract คือ เหมือนจะแปลกดูยาก แต่ซ่อนคุณค่า
เอาไว้ข้างใน เป็นอะไรที่เข้าใจยากกว่า เมนทอส เรนโบว์ (สไตล์ KISS)
เพราะ เมนทอส เรนโบว์ ดูก้รู้อะไรอยู่ข้างใน
กลยุทธ ส้นทีน ชื่อแปลกดีครับ แนวคิดก้น่าสนใจดีครับ ต้องคิดแล้วก้คิดอีกรอบ ถึงจะเก็ท
มุขพี่หรำดัม พี่มักจะเสนอแนวคิดแบบ ต้องคิดจริงๆ
อารมณ์เดียวกับศิลปิน ที่เขียนรูปแนว Abstract คือ เหมือนจะแปลกดูยาก แต่ซ่อนคุณค่า
เอาไว้ข้างใน เป็นอะไรที่เข้าใจยากกว่า เมนทอส เรนโบว์ (สไตล์ KISS)
เพราะ เมนทอส เรนโบว์ ดูก้รู้อะไรอยู่ข้างใน
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 8
กลยุทธจะได้ฟังของดีของท่านฮัมดรัม
ต้องอินเวิร์ทตัวเองคับ
คือบอกว่า ไม่เอา ไม่อยาก ไม่ต้องการฟัง
แล้วจะได้ฟัง+ได้อ่านของดีคับ อิิ อิ
ขออภัยเวปมาสเตอร์ด้วยนะครับ
ชักจะไกลหัวข้อแวลยูอินเวสเตอร์ไปใหญ่
ไม่รู้ว่าต้องย้ายห้องคุยมั้ย
ต้องอินเวิร์ทตัวเองคับ
คือบอกว่า ไม่เอา ไม่อยาก ไม่ต้องการฟัง
แล้วจะได้ฟัง+ได้อ่านของดีคับ อิิ อิ
ขออภัยเวปมาสเตอร์ด้วยนะครับ
ชักจะไกลหัวข้อแวลยูอินเวสเตอร์ไปใหญ่
ไม่รู้ว่าต้องย้ายห้องคุยมั้ย
samatah
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 9
ผมเห็นด้วยว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมากๆ กับการลงทุน โดยเฉพาะเรื่องอคติที่มีผลต่อการลงทุน นักลงทุน 2 คน ถ้ามีความรู้ ความสามารถในการวิเคราะห์ เท่าๆ กัน คนที่วิเคราะห์โดยมีอคติน้อยกว่า จะได้รับผลการวิเคราะห์ที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่า แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าในระยะสั้นคนที่มีอคติน้อยกว่าจะรวยกว่านะครับ เพราะ บางครั้งการมีอคติมากๆ ก็ทำให้รวยกว่าก็ได้ ไม่ได้ทำให้จนกว่าเสมอไป แต่ในระยะยาวแล้วคนที่มีอคติน้อยกว่าน่าจะทำผลตอบแทนได้มีเสถียรภาพมากกว่า และมีความสุขกับการลงทุนได้มากกว่า เพราะผมเชื่อว่าคนที่มีอคติน้อย ก็จะมองเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงได้มากกว่า ผิดพลาดน้อยกว่า และไม่ยึดมั่นถือมั่นเท่ากับคนที่มีอคติมาก จึงสามารถรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า และเมื่อใจเรารับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้มากกว่า เวลาเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมา ก็จะตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องได้มากกว่า
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การจะพัฒนาตัวเองให้มีอคติน้อยลงได้นั้นเป็นเรื่องยาก เราอาจรู้ว่าควรระวังอคติอะไรจากการอ่าน หรือจากประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยรู้ตัวว่าเรามีอคติเรื่องอะไรอยู่ หรือกว่าจะรู้บางทีอคตินั้นๆ ก็สร้างความเสียหายให้กับเราแล้ว และหลังจากที่อคติดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับเรา อคติดังกล่าวอาจจะสร้างอคติอันใหม่ขึ้น ไม่ใช่ว่าอคตินั้นๆ จะหายไป และที่สำคัญแม้ว่าเราจะรู้ตัวว่าอคติของเรานั้นๆ เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นอันตรายกับการลงทุน แต่การจะควบคุม เปลี่ยนแปลง หรือกำจัด อคติ นั้นๆ เป็นเรื่องที่ยากมากกว่า
อย่างไรก็ตามในขั้นต้นเราต้องทำความรู้จัก และตามทันความคิด อคติของตัวเราก่อน ค่อยพัฒนาไปถึงขั้นที่ควบคุมหรือเปลี่ยนแปลง
แต่การจะตามความคิดที่เกิดขึ้นของตัวเองได้อย่างเท่าทันนั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ที่ยากเพราะว่าความคิดของเราเกิดขึ้นเร็วสุดๆ เพียงแค่เสี้ยววินาทีจิตของเรา ความคิดของเราเกิดดับไปไม่รู้กี่ล้านขณะจิต เร็วเกินกว่าที่เราจะจับมันเอาไว้ได้ทัน จึงทำให้บ่อยครั้งเราไหลไปตามความคิด ไปตามอคติของเรา จนกลายเป็นคำพูด การกระทำในชีวิตประจำวัน อันนำมาซึ่งความทุกข์
โชคดีที่เราได้เกิดมาในศาสนาพุทธ เพราะ พระพุทธเจ้าเป็นคนที่เข้าใจเรื่องการทำงานของจิตเป็นอย่างดีที่สุด โดยท่านได้เขียนบรรยายการทำงานของจิตอย่างละเอียดเอาไว้ทั้งหมดใน คัมภีร์อภิธรรมปิฎก และท่านได้สอนวิธีในการฝึกจิต พัฒนาสติให้ตามทันความคิด ด้วยสติปัฏฐาน 4 สติที่ถูกฝึกและมีคุณภาพสูงเวลาเรารับรู้อะไรจะเหมือนกับการดูหนังและสามารถกดสโลว์โมชั่น หรือก็ Pause แล้วสามารถทำการวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถตามความคิดของเราได้ทันมากยิ่งขึ้น เท่าทันอคติที่เกิดขึ้น และทำให้เราสามารถหยุด และควบคุมมันได้ดียิ่งขึ้น
อีกประเด็นหนึ่งในเรื่องอคติ ก็คือ หากเราคิดอะไรโดยมีอคติ เราจะทำการบันทึกความทรงจำนั้นๆ ลงไป โดยมีอคติแฝงลงไปด้วย ซึ่งมีผลทำให้เวลาเราคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ในอนาคตก็จะดึงอคตินั้นกลับขึ้นมาด้วยเสมอๆ จึงทำเราคิดเราทำอย่างมีอคติแม้ว่าเรื่องนั้นจะผ่านไปแล้ว และถึงแม้ว่าในบางครั้งเราจะรู้ว่าสิ่งๆ นั้นมีอคติ แต่ด้วยความเคยชิน ด้วยความทรงจำ ที่ถูกสร้างเป็นนิสัย เป็นสันดาน ทำให้เราเอาชนะอคติของเราไม่ค่อยได้ แม้ว่าเราจะรู้ว่าสิ่งๆ นั้นอาจทำความทุกข์มาให้เราได้ในอนาคต แต่การฝืนความเคยชิน ฝืนสันดาน กลับนำมาซึ่งความทุกข์มากกว่า เพราะ เป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นทันที ในขณะนั้น
แต่การเจริญสติจะเป็นกระบวนการที่จะขจัดอคติออกไปจากความทรงจำ ด้วยการการบันทึกหน่วยความจำใหม่ลงไปที่ปราศจากอคติใหม่ลงไปอยู่เรื่อยๆ และเวลาความทรงจำที่มีอคติเกิดขึ้น สติของเราก็จะเป็นเครื่องคุ้มครอง ปัญญาจะเป็นเครื่องชำระล้างอคติที่เคยบันทึีกเอาไว้ในอดีตออกไป แล้วทำการบันทึกความทรงจำใหม่ที่ปราศจากอคติเข้าไปใหม่ เมื่อทำไปเรื่อยๆ ความทรงจำที่มีอคติก็จะน้อยลงๆ การคิดใหม่ก็มีอคติน้อยลง ส่งผลให้อคติของเราน้อยลงๆ และนิสัยหรืออคติบางอย่างที่แก้ได้ง่ายๆ ก็จะถูกแก้ไขไปก่อน ไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงสันดานและอคติของเราที่ฝังอยู่ในเบื้องลึก
สุดท้ายการขจัดอคติของตัวเราจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็อยู่กับความเพียรพยายามที่จะขจัดอคติของตัวเราเอง โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าการอ่าน การฟัง จะช่วยกำจัดอคติออกไปได้ จะต้องลงมือปฏิบัติฝึกสติตามความคิดของตัวเองให้ทันเท่านั้นจึงจะเห็นผล การอ่านและการฟังจะช่วยให้เรารู้วิธีการ มีศรัทธา มีความเพียร ในการลงมือปฏิบัติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ได้ลงมือกระทำแล้วก็จะไม่เกิดผลอะไร
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การจะพัฒนาตัวเองให้มีอคติน้อยลงได้นั้นเป็นเรื่องยาก เราอาจรู้ว่าควรระวังอคติอะไรจากการอ่าน หรือจากประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยรู้ตัวว่าเรามีอคติเรื่องอะไรอยู่ หรือกว่าจะรู้บางทีอคตินั้นๆ ก็สร้างความเสียหายให้กับเราแล้ว และหลังจากที่อคติดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับเรา อคติดังกล่าวอาจจะสร้างอคติอันใหม่ขึ้น ไม่ใช่ว่าอคตินั้นๆ จะหายไป และที่สำคัญแม้ว่าเราจะรู้ตัวว่าอคติของเรานั้นๆ เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นอันตรายกับการลงทุน แต่การจะควบคุม เปลี่ยนแปลง หรือกำจัด อคติ นั้นๆ เป็นเรื่องที่ยากมากกว่า
อย่างไรก็ตามในขั้นต้นเราต้องทำความรู้จัก และตามทันความคิด อคติของตัวเราก่อน ค่อยพัฒนาไปถึงขั้นที่ควบคุมหรือเปลี่ยนแปลง
แต่การจะตามความคิดที่เกิดขึ้นของตัวเองได้อย่างเท่าทันนั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ที่ยากเพราะว่าความคิดของเราเกิดขึ้นเร็วสุดๆ เพียงแค่เสี้ยววินาทีจิตของเรา ความคิดของเราเกิดดับไปไม่รู้กี่ล้านขณะจิต เร็วเกินกว่าที่เราจะจับมันเอาไว้ได้ทัน จึงทำให้บ่อยครั้งเราไหลไปตามความคิด ไปตามอคติของเรา จนกลายเป็นคำพูด การกระทำในชีวิตประจำวัน อันนำมาซึ่งความทุกข์
โชคดีที่เราได้เกิดมาในศาสนาพุทธ เพราะ พระพุทธเจ้าเป็นคนที่เข้าใจเรื่องการทำงานของจิตเป็นอย่างดีที่สุด โดยท่านได้เขียนบรรยายการทำงานของจิตอย่างละเอียดเอาไว้ทั้งหมดใน คัมภีร์อภิธรรมปิฎก และท่านได้สอนวิธีในการฝึกจิต พัฒนาสติให้ตามทันความคิด ด้วยสติปัฏฐาน 4 สติที่ถูกฝึกและมีคุณภาพสูงเวลาเรารับรู้อะไรจะเหมือนกับการดูหนังและสามารถกดสโลว์โมชั่น หรือก็ Pause แล้วสามารถทำการวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถตามความคิดของเราได้ทันมากยิ่งขึ้น เท่าทันอคติที่เกิดขึ้น และทำให้เราสามารถหยุด และควบคุมมันได้ดียิ่งขึ้น
อีกประเด็นหนึ่งในเรื่องอคติ ก็คือ หากเราคิดอะไรโดยมีอคติ เราจะทำการบันทึกความทรงจำนั้นๆ ลงไป โดยมีอคติแฝงลงไปด้วย ซึ่งมีผลทำให้เวลาเราคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ในอนาคตก็จะดึงอคตินั้นกลับขึ้นมาด้วยเสมอๆ จึงทำเราคิดเราทำอย่างมีอคติแม้ว่าเรื่องนั้นจะผ่านไปแล้ว และถึงแม้ว่าในบางครั้งเราจะรู้ว่าสิ่งๆ นั้นมีอคติ แต่ด้วยความเคยชิน ด้วยความทรงจำ ที่ถูกสร้างเป็นนิสัย เป็นสันดาน ทำให้เราเอาชนะอคติของเราไม่ค่อยได้ แม้ว่าเราจะรู้ว่าสิ่งๆ นั้นอาจทำความทุกข์มาให้เราได้ในอนาคต แต่การฝืนความเคยชิน ฝืนสันดาน กลับนำมาซึ่งความทุกข์มากกว่า เพราะ เป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นทันที ในขณะนั้น
แต่การเจริญสติจะเป็นกระบวนการที่จะขจัดอคติออกไปจากความทรงจำ ด้วยการการบันทึกหน่วยความจำใหม่ลงไปที่ปราศจากอคติใหม่ลงไปอยู่เรื่อยๆ และเวลาความทรงจำที่มีอคติเกิดขึ้น สติของเราก็จะเป็นเครื่องคุ้มครอง ปัญญาจะเป็นเครื่องชำระล้างอคติที่เคยบันทึีกเอาไว้ในอดีตออกไป แล้วทำการบันทึกความทรงจำใหม่ที่ปราศจากอคติเข้าไปใหม่ เมื่อทำไปเรื่อยๆ ความทรงจำที่มีอคติก็จะน้อยลงๆ การคิดใหม่ก็มีอคติน้อยลง ส่งผลให้อคติของเราน้อยลงๆ และนิสัยหรืออคติบางอย่างที่แก้ได้ง่ายๆ ก็จะถูกแก้ไขไปก่อน ไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงสันดานและอคติของเราที่ฝังอยู่ในเบื้องลึก
สุดท้ายการขจัดอคติของตัวเราจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็อยู่กับความเพียรพยายามที่จะขจัดอคติของตัวเราเอง โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าการอ่าน การฟัง จะช่วยกำจัดอคติออกไปได้ จะต้องลงมือปฏิบัติฝึกสติตามความคิดของตัวเองให้ทันเท่านั้นจึงจะเห็นผล การอ่านและการฟังจะช่วยให้เรารู้วิธีการ มีศรัทธา มีความเพียร ในการลงมือปฏิบัติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ได้ลงมือกระทำแล้วก็จะไม่เกิดผลอะไร
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 10
เรื่องนี้เป็นจริงในหลายๆด้านของชีวิต มันคือการสร้างทักษะ ความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวpicatos เขียน:โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าการอ่าน การฟัง จะช่วยกำจัดอคติออกไปได้ จะต้องลงมือปฏิบัติฝึกสติตามความคิดของตัวเองให้ทันเท่านั้นจึงจะเห็นผล การอ่านและการฟังจะช่วยให้เรารู้วิธีการ มีศรัทธา มีความเพียร ในการลงมือปฏิบัติเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ได้ลงมือกระทำแล้วก็จะไม่เกิดผลอะไร
สิ่งนี้ต้องทำเอง ลองถูกบ้างผิดบ้าง ลอกเลียนกันไม่ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 11
จังหวะ ทำนอง ภาษา และ ความเข้าใจเรื่อง อคติ ระดับนี้มีไม่กี่คน
พี่ picatos มาพูดที่งานไม่ได้
เพราะพี่ picatos อาจเป้นคนที่ผมรู็จักและอาจใช้ชื่อ login มากกว่าหนึ่ง
ที่สำคัญพี่ท่านเป็นที่รู้จักดีในชื่ออื่นอยู๋แล้ว
เดาธง ฉึก ๆ
พี่ picatos มาพูดที่งานไม่ได้
เพราะพี่ picatos อาจเป้นคนที่ผมรู็จักและอาจใช้ชื่อ login มากกว่าหนึ่ง
ที่สำคัญพี่ท่านเป็นที่รู้จักดีในชื่ออื่นอยู๋แล้ว
เดาธง ฉึก ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 13
ท่านพี pitacos เขียนยาวและลึก
ความรู้เรื่อง อคติ ระดับนี้ต้องได้จากการเฝ้ามองตัวเองมานาน
มีความตั้งใจและตรวจทานสิ่งที่จะเขียนอย่างมาก
เขียนยาวขนาดนี้ กลับไม่มีผิดเลย
เหมือนเพื่อนผมคนหนึ่ง
ที่เคยบอกว่า อาชีพของเขาผิดไมได้
เพราะผิดแล้ว มันหมายถึงชีวิต
และมันเข้าไปสะท้อนในนิสัยของเขาโดยไม่รู้ตัว
unconciouseness นั่นเอง
แต่เขาไมได้ฝึกจับ unconciousness ตัวนี้
ชีวิตของเขาจึงขึ้นกับ ego ของตัวเองว่าจะพาไปทางไหน
หรือพูดให้เข้าใจง่าย ชีวิตของเพื่อนผมก็ยังขึ้นกับโชคชะตา
สิ่งที่อยู๋ภายข้างในคนที่เจ้าของมองไม่เห็น
จะแสดงออกมาข้างนอกให้คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของมองเห็นในสถานที่บางแห่ง
สถานที่แห่งแรกคือ ตลาดหุ้น
อีกสถานที่หนึ่ง คือ Thaivi
พี่ท่าน picatos แสดงความปราถนาที่จะไม่ปรากฎต่อหน้าคนอื่นที่ตลาดหลักทรัพย์
โดยพี่ท่านตอบไปแล้ว ผ่านทางงานเขียนของพี่ท่าน
ลึกมาก ไม่ธรรมดาเลย
ถ้าเป้นนักบวข ผมก็ดีใจที่สุดเลย
จะได้สอนคนอื่นๆ อีกมากมาย
แต่จากคำสอนจากคนที่ไม่ใช่นักบวช
มันก็อาจดีมาก ๆ แต่มันเอาไปสอนใครไมได้
เพราะไมได้อยู๋ในสถานะที่จะสอน
คนอื่นจึงไม่เปิดใจที่จะฟัง
ถ้าคนอื่นไม่ฟัง หรือ ฟังไม่เข้าใจ
ความเข้าใจระดับนี้ มันก็อาจเป็นอันตรายอย่างมากต่อคนอื่น
เหมือนที่โซรอสเคยพยายามบอกคนอื่นตอนอายุสิบเก้ามาแล้ว
เกี่ยวกับเรื่อง burden of conciousness
"ในเมื่อ พูดเรื่อง อคติ แล้วไม่มีใครเข้าใจ
ก็หากินกับ อคติ ของพวกเขาซะเลย"
Hedge Fund Managers รุ่นต่อๆ มาก็ศึกษาทางอคติมากันทั้งนั้น
และพวกเขาเก่งเรื่องมอง อคติ ตัวเองและคนอื่นกันอย่างโคตร ๆ ทุกคน
ใจหนึ่งผมก็นับถือท่าน
ใจหนึ่ีงผมก็ต้องระวังท่าน
แต่ท่านก็ได้เขียนให้คนอื่นระวังท่านอยู่แล้ว
ท่านก็กลัวตัวเองเหมือนกันในข้อนี้แต่ท่านก็ยังสามารถเอาชนะตัวเองได้
แต่ไมได้รับประกันว่าท่านจะทำได้ทุกครั้งหรือไม่
การที่ีท่านเข้าใจ อคติ ถึงระดับนี้
ท่านต้องเข้าใจ อคติ ของคนอื่นอย่างดีเยี่ยม
การเข้าใจเรื่อง อคติ มันทำให้ผมและท่านหาเงินจากคนอื่นได้
มันทำให้ท่านและผมรวยได้
แต่มันยังมีอีกโลกที่รอท่านและผมอยู๋
เรื่อง อคติ นี้อธิบาย ให้คนอื่นเข้าใจนั้่น ผมได้ลองมาแล้ว
ทั้งอายุแปดสิบ ทั้งอายุหกขวบ เข้าใจกันยากมาก
ผมลองมาเยอะแล้ว ไม่ว่าแก่ หรือ เด็ก ไม่เข้าใจสิ่งทีผมพูดเลย
ถ้าเปลี่ยนเป้นสถานะอื่น คงง่ายกว่านี้
เวลาผมพูดเรื่องนี้ เหมือนผมไมได้มาจากโลกนี้แล้ว
เหมือนผมจบกับคนบนโลกใบนี้แล้ว และยังมีโลกอื่นที่รอผมอยู๋
พี่่ท่าน picatos ก็ต้องคิดเหมือนกัน
ความรู้เรื่อง อคติ ระดับนี้ต้องได้จากการเฝ้ามองตัวเองมานาน
มีความตั้งใจและตรวจทานสิ่งที่จะเขียนอย่างมาก
เขียนยาวขนาดนี้ กลับไม่มีผิดเลย
เหมือนเพื่อนผมคนหนึ่ง
ที่เคยบอกว่า อาชีพของเขาผิดไมได้
เพราะผิดแล้ว มันหมายถึงชีวิต
และมันเข้าไปสะท้อนในนิสัยของเขาโดยไม่รู้ตัว
unconciouseness นั่นเอง
แต่เขาไมได้ฝึกจับ unconciousness ตัวนี้
ชีวิตของเขาจึงขึ้นกับ ego ของตัวเองว่าจะพาไปทางไหน
หรือพูดให้เข้าใจง่าย ชีวิตของเพื่อนผมก็ยังขึ้นกับโชคชะตา
สิ่งที่อยู๋ภายข้างในคนที่เจ้าของมองไม่เห็น
จะแสดงออกมาข้างนอกให้คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของมองเห็นในสถานที่บางแห่ง
สถานที่แห่งแรกคือ ตลาดหุ้น
อีกสถานที่หนึ่ง คือ Thaivi
พี่ท่าน picatos แสดงความปราถนาที่จะไม่ปรากฎต่อหน้าคนอื่นที่ตลาดหลักทรัพย์
โดยพี่ท่านตอบไปแล้ว ผ่านทางงานเขียนของพี่ท่าน
ลึกมาก ไม่ธรรมดาเลย
ถ้าเป้นนักบวข ผมก็ดีใจที่สุดเลย
จะได้สอนคนอื่นๆ อีกมากมาย
แต่จากคำสอนจากคนที่ไม่ใช่นักบวช
มันก็อาจดีมาก ๆ แต่มันเอาไปสอนใครไมได้
เพราะไมได้อยู๋ในสถานะที่จะสอน
คนอื่นจึงไม่เปิดใจที่จะฟัง
ถ้าคนอื่นไม่ฟัง หรือ ฟังไม่เข้าใจ
ความเข้าใจระดับนี้ มันก็อาจเป็นอันตรายอย่างมากต่อคนอื่น
เหมือนที่โซรอสเคยพยายามบอกคนอื่นตอนอายุสิบเก้ามาแล้ว
เกี่ยวกับเรื่อง burden of conciousness
"ในเมื่อ พูดเรื่อง อคติ แล้วไม่มีใครเข้าใจ
ก็หากินกับ อคติ ของพวกเขาซะเลย"
Hedge Fund Managers รุ่นต่อๆ มาก็ศึกษาทางอคติมากันทั้งนั้น
และพวกเขาเก่งเรื่องมอง อคติ ตัวเองและคนอื่นกันอย่างโคตร ๆ ทุกคน
ใจหนึ่งผมก็นับถือท่าน
ใจหนึ่ีงผมก็ต้องระวังท่าน
แต่ท่านก็ได้เขียนให้คนอื่นระวังท่านอยู่แล้ว
ท่านก็กลัวตัวเองเหมือนกันในข้อนี้แต่ท่านก็ยังสามารถเอาชนะตัวเองได้
แต่ไมได้รับประกันว่าท่านจะทำได้ทุกครั้งหรือไม่
การที่ีท่านเข้าใจ อคติ ถึงระดับนี้
ท่านต้องเข้าใจ อคติ ของคนอื่นอย่างดีเยี่ยม
การเข้าใจเรื่อง อคติ มันทำให้ผมและท่านหาเงินจากคนอื่นได้
มันทำให้ท่านและผมรวยได้
แต่มันยังมีอีกโลกที่รอท่านและผมอยู๋
เรื่อง อคติ นี้อธิบาย ให้คนอื่นเข้าใจนั้่น ผมได้ลองมาแล้ว
ทั้งอายุแปดสิบ ทั้งอายุหกขวบ เข้าใจกันยากมาก
ผมลองมาเยอะแล้ว ไม่ว่าแก่ หรือ เด็ก ไม่เข้าใจสิ่งทีผมพูดเลย
ถ้าเปลี่ยนเป้นสถานะอื่น คงง่ายกว่านี้
เวลาผมพูดเรื่องนี้ เหมือนผมไมได้มาจากโลกนี้แล้ว
เหมือนผมจบกับคนบนโลกใบนี้แล้ว และยังมีโลกอื่นที่รอผมอยู๋
พี่่ท่าน picatos ก็ต้องคิดเหมือนกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 14
ท่านพี่มองอคติผมออก
ผมก็มองอคติของท่านพี่ออก
ถึงระดับนี้แล้ว
ท่านพี่ทราบดีว่าผมหมายถึงอะไร
พวกเราอ่านอติของคนอื่นออก
คุณสมบัตินี้มันมาของมันเองโดยที่เราไม่ต้องการเลย
ท่านหลงกลผมแล้ว ท่านเปิดเผยตัวท่านผ่านงานเขียนของท่านแล้ว
ท่านผิดแล้ว
ผมทราบว่าท่านเป้นใคร
ผมก็มองอคติของท่านพี่ออก
ถึงระดับนี้แล้ว
ท่านพี่ทราบดีว่าผมหมายถึงอะไร
พวกเราอ่านอติของคนอื่นออก
คุณสมบัตินี้มันมาของมันเองโดยที่เราไม่ต้องการเลย
ท่านหลงกลผมแล้ว ท่านเปิดเผยตัวท่านผ่านงานเขียนของท่านแล้ว
ท่านผิดแล้ว
ผมทราบว่าท่านเป้นใคร
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 15
Self-Bias นี่ น่ากลัวมากครับ
เพราะ อย่างที่พี่ Picatos กล่าวจริงๆครับ
การที่เรามีอคตินั้น ทําให้เราให้นํ้าหนักกับมุมมองเรามากเกินไปซึ่งความเป็นจริง อาจจะไม่ใช่แต่เพราะ
เรามีมุมมองเกี่ยวกับสิ่งนั้น เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่น เราชอบทานIce Cream รสนี้มาก หากเรามี Bias เราก็คิดว่า รสนี้ดีกับทุกคน ซึ่ง บางคนอาจบอกว่าไม่อร่อย เราก็แย้ง
Bias ทําให้เกิดการ คิด ที่ผมเรียกว่า " คิดตามใจตัวเอง" เพื่อให้เรารู้สึกว่าเรา ถูก
เช่นเราไม่ชอบอะไร เราก็จะหลีกเลี่ยงมัน หรือไม่พยายามเข้าใจ ความเป็นจริง และ ค้นหาว่าเพราะอะไรเราถึงไม่ชอบไม่ดี แต่ เรา ตัดสินไปแล้ว ว่า ไม่ดี เพราะ เราไม่ชอบ หรือ ดี เพราะ เราชอบ
หุ้นเป็น Dynamic เปลี่ยนแปลงตลอด ครั้ง 1 ดี วัน 1 อาจ แย่ ครั้ง 1 ธุรกิจแย่ อาจ turn around กลับมา ดี แต่ถ้าเรามี Bias เรา จะตัดสินมัน ทันที ซํ้าร้ายยิ่งเชื่อ และบอกต่อคนอื่นให้คิดเหมือนเรา หาก Bias น้อย เราจะ เปิดใจกว้างพร้อมรับ การเปลี่ยนแปลง ข้อมูลใหม่ตลอด
Self-Bias นํามาซึ่ง Achoring Bias สมอ คือ จากอคติ การเป็นความเชื่อที่เราฝังไว้ในหัว
เพราะ อย่างที่พี่ Picatos กล่าวจริงๆครับ
การที่เรามีอคตินั้น ทําให้เราให้นํ้าหนักกับมุมมองเรามากเกินไปซึ่งความเป็นจริง อาจจะไม่ใช่แต่เพราะ
เรามีมุมมองเกี่ยวกับสิ่งนั้น เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่น เราชอบทานIce Cream รสนี้มาก หากเรามี Bias เราก็คิดว่า รสนี้ดีกับทุกคน ซึ่ง บางคนอาจบอกว่าไม่อร่อย เราก็แย้ง
Bias ทําให้เกิดการ คิด ที่ผมเรียกว่า " คิดตามใจตัวเอง" เพื่อให้เรารู้สึกว่าเรา ถูก
เช่นเราไม่ชอบอะไร เราก็จะหลีกเลี่ยงมัน หรือไม่พยายามเข้าใจ ความเป็นจริง และ ค้นหาว่าเพราะอะไรเราถึงไม่ชอบไม่ดี แต่ เรา ตัดสินไปแล้ว ว่า ไม่ดี เพราะ เราไม่ชอบ หรือ ดี เพราะ เราชอบ
หุ้นเป็น Dynamic เปลี่ยนแปลงตลอด ครั้ง 1 ดี วัน 1 อาจ แย่ ครั้ง 1 ธุรกิจแย่ อาจ turn around กลับมา ดี แต่ถ้าเรามี Bias เรา จะตัดสินมัน ทันที ซํ้าร้ายยิ่งเชื่อ และบอกต่อคนอื่นให้คิดเหมือนเรา หาก Bias น้อย เราจะ เปิดใจกว้างพร้อมรับ การเปลี่ยนแปลง ข้อมูลใหม่ตลอด
Self-Bias นํามาซึ่ง Achoring Bias สมอ คือ จากอคติ การเป็นความเชื่อที่เราฝังไว้ในหัว
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 16
จริงๆวินัยการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญมากๆสิ่งหนึ่งครับ
หากเราลงทุนในสิ่งที่ตัวเองรู้ ตนเองเข้าใจ
หลายๆครั้งแม้สิ่งรอบๆข้างจะทำใหเขวบ้าง
แต่สุดท้าย การมีวินัยในตนเอง ที่จะลงทุนเฉพาะสิ่งที่เราเข้าใจ
และตัดสินใจลงทุน หรือไม่ลงทุน แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่คนอื่นๆเห็นต่างกับเรา
เพราะหลายครั้ง เรานำเหตุ มาใส่ผลที่เกิด จนเรารวน
จากหลักการ กลายเป็นหลักเกินครับ
สวัสดีปีใหม่พี่โหน่ง และเพื่อนๆทุกท่านนะครับผม
มีความสุขกับการลงทุนนะครัย
หากเราลงทุนในสิ่งที่ตัวเองรู้ ตนเองเข้าใจ
หลายๆครั้งแม้สิ่งรอบๆข้างจะทำใหเขวบ้าง
แต่สุดท้าย การมีวินัยในตนเอง ที่จะลงทุนเฉพาะสิ่งที่เราเข้าใจ
และตัดสินใจลงทุน หรือไม่ลงทุน แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่คนอื่นๆเห็นต่างกับเรา
เพราะหลายครั้ง เรานำเหตุ มาใส่ผลที่เกิด จนเรารวน
จากหลักการ กลายเป็นหลักเกินครับ
สวัสดีปีใหม่พี่โหน่ง และเพื่อนๆทุกท่านนะครับผม
มีความสุขกับการลงทุนนะครัย
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 17
สวัสดีครับพี่โหน่ง สวัสดีปีใหม่ด้วยนะครับ ต้องขอขอบพระคุณพี่โหน่งนะครับ
ที่ให้เกีรติกล่าวถึง. แต่ผมมิบังกล่าวจะไปสอนใครได้ณ. ขณะนี้ครับ เพราะผมก็อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาไปเท่านั้น ถ้าพูด สอนอะไรออกไปเกรงว่าจะผิดทาง ที่ครูบาร์อาจารย์ได้สอน อยู่ อีกทั้งถึงแม้ผมจะพอศึกษาจากตัวหนังสือหรือจากการฟังมาบ้างก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจมันอย่างแท้จริงตามที่ตัวหนังสือเขียนบอก
สิ่งที่บอกว่าเข้าใจมันก็เป็นการเข้าใจแบบโลกๆ พื้นๆ มิใช่การเข้าใจแบบ "รู้สึกเอง มีสติเอง" การศึกษาเส้นทางนี้ ต้องศึกษาจากการเรียนรู้จากของจริง เห็นจริงตามความจริง ณ.ขณะนั้น สดๆ .....แต่หากท่านใดสนใจเรามาเรียนรู้ไปด้วยกัน พร้อมๆกันดีกว่าครับ ..
http://03.wimutti.net/pramote/cd/039/128/540226A.mp3
ปล..การเรียนรู้้เส้นทางสายนี้ มีหลายเส้นทางเดิน แต่ล่ะเส้นทางก็ขึ้นอยู่ว่าใครจะ
ถูกจริตแบบไหน "โชคดีมีความสุข ทุกข์ กันทุกท่านครับ ^_^
ที่ให้เกีรติกล่าวถึง. แต่ผมมิบังกล่าวจะไปสอนใครได้ณ. ขณะนี้ครับ เพราะผมก็อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาไปเท่านั้น ถ้าพูด สอนอะไรออกไปเกรงว่าจะผิดทาง ที่ครูบาร์อาจารย์ได้สอน อยู่ อีกทั้งถึงแม้ผมจะพอศึกษาจากตัวหนังสือหรือจากการฟังมาบ้างก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจมันอย่างแท้จริงตามที่ตัวหนังสือเขียนบอก
สิ่งที่บอกว่าเข้าใจมันก็เป็นการเข้าใจแบบโลกๆ พื้นๆ มิใช่การเข้าใจแบบ "รู้สึกเอง มีสติเอง" การศึกษาเส้นทางนี้ ต้องศึกษาจากการเรียนรู้จากของจริง เห็นจริงตามความจริง ณ.ขณะนั้น สดๆ .....แต่หากท่านใดสนใจเรามาเรียนรู้ไปด้วยกัน พร้อมๆกันดีกว่าครับ ..
http://03.wimutti.net/pramote/cd/039/128/540226A.mp3
ปล..การเรียนรู้้เส้นทางสายนี้ มีหลายเส้นทางเดิน แต่ล่ะเส้นทางก็ขึ้นอยู่ว่าใครจะ
ถูกจริตแบบไหน "โชคดีมีความสุข ทุกข์ กันทุกท่านครับ ^_^
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 18
กระทู้ดี มีคุณค่า
ลงทุนเพื่อชีวิต
- The Kop 71
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 271
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Psychology of ตัวกรู's Risks
โพสต์ที่ 19
ผมตั้งขอสังเกตุอยู่หลายครั้ง คนที่จะประสบความสำเร็จมีชีวิตที่อิสระได้ ต้องเข้าใจหลักธรรมชนิดถึงแก่นธรรม อย่างท่านพี่ทั้งหลายในนี้ (ไม่ใช่ท่องได้เป็นนกแก้วนกขุนทองนะครับ) เมื่อแยกแยะออก ระหว่างความคิดที่ตกผลึกกับความคิดที่มีอคติ ก็จะมองทุกสิ่งตามความเป็นจริง
การระวังตนเองนั้นถูกต้องแล้ว ส่วนมากมักระวังแต่ผู้อื่น สิ่งอื่น
ไม่ย้อนมาระวังตัวเองซึ่งมักเป็นตัวการสำคัญบ้างเลย จึงมักผิดพลาดอยู่บ่อยๆ
ธรรมะท่านสอนให้ดูตัวเอง ระวังตัวเอง
จะได้เห็นความบกพร่องของตัวเองแล้วแก้ไขไปเรื่อยๆจนสมบูรณ์ได้
จึงขออนุโมทนาด้วยนะ
บัว
คัดลอกมาจากหนังสือ จิตว่าง เพราะวางกาย
ที่ อาจารย์ ไพบูลย์ นำมาให้ผู้สนใจเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขอบพระคุณอาจารย์ไพบูลย์ที่มอบสิ่งดีดีให้เสมอมาครับ
การระวังตนเองนั้นถูกต้องแล้ว ส่วนมากมักระวังแต่ผู้อื่น สิ่งอื่น
ไม่ย้อนมาระวังตัวเองซึ่งมักเป็นตัวการสำคัญบ้างเลย จึงมักผิดพลาดอยู่บ่อยๆ
ธรรมะท่านสอนให้ดูตัวเอง ระวังตัวเอง
จะได้เห็นความบกพร่องของตัวเองแล้วแก้ไขไปเรื่อยๆจนสมบูรณ์ได้
จึงขออนุโมทนาด้วยนะ
บัว
คัดลอกมาจากหนังสือ จิตว่าง เพราะวางกาย
ที่ อาจารย์ ไพบูลย์ นำมาให้ผู้สนใจเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขอบพระคุณอาจารย์ไพบูลย์ที่มอบสิ่งดีดีให้เสมอมาครับ
เพราะสังคม..ประเมินค่า..ที่จนรวย
คนจึงสร้าง..เปลือกสวย..ไว้สวมใส่
หากสังคม..วัดค่า..ที่ภายใน
คนจะสร้าง..แต่จิตใจ..ที่ใฝ่ดี
คนจึงสร้าง..เปลือกสวย..ไว้สวมใส่
หากสังคม..วัดค่า..ที่ภายใน
คนจะสร้าง..แต่จิตใจ..ที่ใฝ่ดี