หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 28 มกราคม 55
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ตำนานบทหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากของ วอเร็น บัฟเฟตต์ ก็คือ การที่เขาซื้อหุ้นลงทุนในบริษัท GEICO Corporation ที่ถือหุ้นบริษัทประกันภัยชื่อ Government Employees Insurance Company (GEICO) เหตุผลก็เพราะว่า นี่เป็นบริษัทแรก ๆ ที่บัฟเฟตต์เข้าลงทุนตั้งแต่เริ่มลงทุนใหม่ ๆ ด้วยเม็ดเงินส่วนใหญ่ของเขาในขณะนั้น พูดง่าย ๆ ว่าเป็นการ “ตีแตก” หุ้นตัวแรก ๆ ในชีวิตการลงทุนของเขา และตั้งแต่นั้นมา เขาก็ลงทุนในหุ้นประกันภัยจำนวนมากจนกลายเป็น “ธุรกิจหลัก” ในพอร์ตการลงทุนของบัฟเฟตต์
ตำนานนั้นเล่าว่า เมื่อบัฟเฟตต์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในปี 1950 เขาพบว่าอาจารย์ เบน เกรแฮม ซึ่งสอนวิชาการลงทุนของเขานั้น เป็นกรรมการของบริษัท GEICO ซึ่งนั่นกระตุ้นความสนใจของเขา ดังนั้น ในวันสุดสัปดาห์หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปกรุงวอชิงตันเพื่อเยี่ยมบริษัท วันนั้นเป็นวันเสาร์ เขาเคาะประตูสำนักงานและภารโรงได้พาเขาเข้าไปพบ Lorimer Davidson ผู้บริหารเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในออฟฟิสในวันนั้น บัฟเฟตต์มีคำถามมากมายและ Davidson ใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการอธิบายให้บัฟเฟตต์เข้าใจถึงความโดดเด่นของ GEICO เมื่อเทียบกับบริษัทประกันภัยอื่น ๆ
เมื่อบัฟเฟตต์เรียนจบกลับมาทำงานในบริษัทโบรกเกอร์ของพ่อที่บ้านเกิดในเมืองโอมาฮา เขาได้เขียนบทวิเคราะห์แนะนำว่า GEICO คือ “บริษัทที่ผมชอบที่สุด” และแนะนำให้ลูกค้าลงทุน ส่วนตัวบัฟเฟตต์เองนั้น เขาได้ลงทุนซื้อหุ้น GEICO เป็นจำนวนถึง 10,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินประมาณ 2 ใน 3 ของเงินที่เขามีทั้งหมด นักลงทุนจำนวนมากปฏิเสธที่จะซื้อหุ้นตัวนี้ตามคำแนะนำของเขา แม้แต่นายหน้าประกันภัยในเมืองโอมาฮาก็ได้ร้องเรียนไปที่พ่อของบัฟเฟตต์ว่าลูกของเขากำลังโปรโมตบริษัทประกันภัยที่ “ไม่มีนายหน้า” ด้วยความท้อแท้ใจ บัฟเฟตต์ได้ตัดสินใจขายหุ้น GEICO ในปีต่อมา เขาได้กำไร 50% และไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนี้อีกจนกระทั่งปี 1976 และต่อมาในปี 1994 เขาก็ได้เข้าเทคโอเวอร์หุ้นทั้งหมดของบริษัท
ความโดดเด่นของ GEICO ก็คือ บริษัทขายประกันภัยรถยนต์ให้กับคนขับรถส่วนตัวที่เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำในการเคลมประกัน เช่น ข้าราชการ ทหาร และพนักงานสายวิชาชีพหรือคนที่ทำงานด้านการบริหาร โดยที่การขายนั้นจะเป็นการ “ขายตรง” ไม่มีนายหน้า แต่ผ่านทางจดหมายซึ่งทำให้บริษัทไม่ต้องเสียค่านายหน้าซึ่งเป็นต้นทุนใหญ่ถึงประมาณ 10 - 25% ของเบี้ยประกัน ต้นทุนที่เซฟได้นี้ บริษัทก็จะ “ส่งคืน” ให้กับคนซื้อประกันโดยการลดค่าเบี้ยประกันภัยลง ผลก็คือ บริษัทได้ลูกค้ามาก ในขณะเดียวกันต้นทุนในด้านการเคลมประกันก็อยู่ในระดับต่ำทำให้บริษัทมีกำไรที่ดี ถ้ามองในภาพใหญ่ก็คือ บริษัทเป็นผู้ขายสินค้า “โภคภัณฑ์” ที่เป็นผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง ดังนั้น จึงมีความได้เปรียบในการแข่งขัน แต่นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่น่าจะทำให้บัฟเฟตต์ชอบมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ ธุรกิจประกันภัยนั้น บริษัทจะได้รับเงินสดที่เป็นเบี้ยประกันล่วงหน้าก่อนที่จะต้องจ่ายค่าเคลมประกันในภายหลัง ทำให้บริษัทมีเงินสดที่เรียกว่า Float ซึ่งเป็นเงินที่บริษัทสามารถนำไปใช้ลงทุนได้โดยไม่มีดอกเบี้ย และผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนนี้ จะเป็นรายได้ที่สำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าสามารถลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดี
ตำนาน GEICO นั้น น่าจะเป็นจุดเริ่มที่สำคัญที่นำบัฟเฟตต์มาจน ถึงวันนี้ ประเด็นสำคัญก็คือ เขาได้ค้นพบวิธีหาเงินลงทุนระยะยาวที่ไม่มีดอกเบี้ยได้มากมายซึ่งเป็นสิ่งที่เขาขาดโดยเฉพาะในช่วงต้นของชีวิตการลงทุน ประเด็นต่อมาก็คือเรื่องของ “โมเดลธุรกิจ” ที่โดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งซึ่ง GEICO สามารถกำหนดตนเองให้ได้เปรียบคู่แข่งได้จากการที่ “ไม่ทำตามสิ่งที่คนอื่นเขาทำกันเป็นปกติ” และประเด็นสุดท้ายน่าจะเป็นเรื่องของผู้บริหารที่ ทุ่มเท รัก และเอาใจใส่กับงานเสมือนกับว่าตนเองเป็นเจ้าของ นั่นก็คือ Davidson ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้บริหารสูงสุดของ GEICO
การเป็น VI ผู้มุ่งมั่นนั้น บางทีเราก็อาจจะต้องมี “หุ้นที่ผมชอบที่สุด” อยู่ในใจหลังจากที่ลงทุนมาได้ระยะเวลาหนึ่ง หุ้นตัวนั้น แน่นอน ควรจะเป็นหุ้นที่เรา “ตีแตก” นั่นคือ เป็นหุ้นที่เราได้ทุ่มเงินลงทุนไปค่อนข้างมากเทียบกับขนาดของพอร์ตของเรา เราควรจะได้กำไรคิดเป็นเงินเป็นกอบเป็นกำขนาดที่อาจจะเรียกว่าเปลี่ยน “สถานะ” ของความมั่งคั่งของเราได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่นี่ก็อาจจะไม่จำเป็น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าน่าจะอยู่ที่ว่า มันให้บทเรียนที่สำคัญและทำให้เราสามารถใช้ความรู้นั้นในการลงทุนของเราต่อไปอีกนานแสนนาน ความรู้นั้น ควรเป็นความรู้ที่ถูกต้องและทำให้เรายึดถือในการลงทุนตลอดไปได้และมันกว้างพอที่จะครอบคลุมปัจจัยสำคัญทั้งหมดของการลงทุน
“หุ้นที่ผมชอบที่สุด” นั้น ไม่จำเป็นและอาจจะไม่ควรเป็นหุ้นที่เราได้กำไรสูงสุดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือแม้แต่คิดเป็นเม็ดเงิน เพราะหุ้นประเภทนั้นอาจจะให้ผลตอบแทนสูงแต่มีความเสี่ยงสูง และผลตอบแทนที่ได้นั้นอาจจะมาจากสถานการณ์บางอย่างหรือได้มาโดยเหตุบังเอิญ หรือได้มาเนื่องจากเราใช้มาร์จินและรับความเสี่ยงที่สูงเกินไป หุ้นที่ดีที่สุดในสายตาเราควรเป็นหุ้นของกิจการที่เราเห็นว่ามีโมเดลทางธุรกิจที่เราชอบ เป็นกิจการที่เราคาดการณ์ได้แม่นยำถึงอนาคตที่เรากำหนดไว้ เป็นหุ้นที่มีราคาที่เหมาะสมหรือถูกกว่าความเป็นจริงมากจากการประเมินของเรา และเมื่อเราตัดสินใจซื้อลงทุนแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาเกือบทุกอย่างเป็นไปตามคาด และเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดหรือวิธีการที่เราทำนั้นถูกต้อง นั่นคือ เรา “Right for the right reason” นั่นคือ เราได้กำไรจากสิ่งที่เราคิดว่าบริษัทจะเป็นจริง ๆ ไม่ใช่ราคาหุ้นขึ้นมาสูงมากแต่มาจากเหตุผลอื่น ถ้า “หุ้นที่ผมชอบที่สุด” เป็นแบบนั้น ผมคิดว่า มันจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการกำหนดอนาคตของเราไปสู่ความสำเร็จ
ถ้า “หุ้นที่ผมชอบที่สุด” ถูกกำหนดขึ้นมาอย่างไม่เหมาะสม เช่น กำหนดขึ้นเนื่องจากเราได้กำไรกับมันมากมหาศาลในเวลาอันสั้น มันอาจจะเป็นหุ้นที่เปลี่ยนสถานะความมั่งคั่งของเราในชั่วข้ามคืน ซึ่งมันอาจจะทำให้เราเกิด “ความลำเอียง” ในการประเมินความถูกต้องของความคิดของเรา เราอาจจะคิดว่าเราคิดและเลือกหุ้นได้ถูกต้องทั้ง ๆ ที่เหตุผลในการที่หุ้นขึ้นอาจจะมาจากสาเหตุอื่นหรือเป็นเรื่อง บังเอิญ หรือที่เราเรียกว่า เรา “Right for the wrong reason” เราจะจำในสิ่งที่ผิด และนั่นอาจจะนำไปสู่ความล้มเหลวในคราวต่อไป
“หุ้นที่ผมชอบที่สุด” นั้น เมื่อเวลาผ่านไปเราก็อาจจะมีหุ้นตัวใหม่ที่ขึ้นมาแทนตัวเดิม นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ก็อาจจะเป็นเครื่องแสดงว่าเรากำหนดหุ้นที่เราชอบง่ายเกินไป และถ้าเป็นอย่างนั้น ปัจจัยของหุ้นอาจจะไม่ได้ดีพอ หรือไม่อย่างนั้น เราก็อาจจะมีการซื้อขายเปลี่ยนตัวหุ้นมากเกินไปจนเราไม่ได้เจอกับหุ้นที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเราจริง ๆ
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ตำนานบทหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากของ วอเร็น บัฟเฟตต์ ก็คือ การที่เขาซื้อหุ้นลงทุนในบริษัท GEICO Corporation ที่ถือหุ้นบริษัทประกันภัยชื่อ Government Employees Insurance Company (GEICO) เหตุผลก็เพราะว่า นี่เป็นบริษัทแรก ๆ ที่บัฟเฟตต์เข้าลงทุนตั้งแต่เริ่มลงทุนใหม่ ๆ ด้วยเม็ดเงินส่วนใหญ่ของเขาในขณะนั้น พูดง่าย ๆ ว่าเป็นการ “ตีแตก” หุ้นตัวแรก ๆ ในชีวิตการลงทุนของเขา และตั้งแต่นั้นมา เขาก็ลงทุนในหุ้นประกันภัยจำนวนมากจนกลายเป็น “ธุรกิจหลัก” ในพอร์ตการลงทุนของบัฟเฟตต์
ตำนานนั้นเล่าว่า เมื่อบัฟเฟตต์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในปี 1950 เขาพบว่าอาจารย์ เบน เกรแฮม ซึ่งสอนวิชาการลงทุนของเขานั้น เป็นกรรมการของบริษัท GEICO ซึ่งนั่นกระตุ้นความสนใจของเขา ดังนั้น ในวันสุดสัปดาห์หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปกรุงวอชิงตันเพื่อเยี่ยมบริษัท วันนั้นเป็นวันเสาร์ เขาเคาะประตูสำนักงานและภารโรงได้พาเขาเข้าไปพบ Lorimer Davidson ผู้บริหารเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในออฟฟิสในวันนั้น บัฟเฟตต์มีคำถามมากมายและ Davidson ใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมงในการอธิบายให้บัฟเฟตต์เข้าใจถึงความโดดเด่นของ GEICO เมื่อเทียบกับบริษัทประกันภัยอื่น ๆ
เมื่อบัฟเฟตต์เรียนจบกลับมาทำงานในบริษัทโบรกเกอร์ของพ่อที่บ้านเกิดในเมืองโอมาฮา เขาได้เขียนบทวิเคราะห์แนะนำว่า GEICO คือ “บริษัทที่ผมชอบที่สุด” และแนะนำให้ลูกค้าลงทุน ส่วนตัวบัฟเฟตต์เองนั้น เขาได้ลงทุนซื้อหุ้น GEICO เป็นจำนวนถึง 10,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินประมาณ 2 ใน 3 ของเงินที่เขามีทั้งหมด นักลงทุนจำนวนมากปฏิเสธที่จะซื้อหุ้นตัวนี้ตามคำแนะนำของเขา แม้แต่นายหน้าประกันภัยในเมืองโอมาฮาก็ได้ร้องเรียนไปที่พ่อของบัฟเฟตต์ว่าลูกของเขากำลังโปรโมตบริษัทประกันภัยที่ “ไม่มีนายหน้า” ด้วยความท้อแท้ใจ บัฟเฟตต์ได้ตัดสินใจขายหุ้น GEICO ในปีต่อมา เขาได้กำไร 50% และไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนี้อีกจนกระทั่งปี 1976 และต่อมาในปี 1994 เขาก็ได้เข้าเทคโอเวอร์หุ้นทั้งหมดของบริษัท
ความโดดเด่นของ GEICO ก็คือ บริษัทขายประกันภัยรถยนต์ให้กับคนขับรถส่วนตัวที่เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำในการเคลมประกัน เช่น ข้าราชการ ทหาร และพนักงานสายวิชาชีพหรือคนที่ทำงานด้านการบริหาร โดยที่การขายนั้นจะเป็นการ “ขายตรง” ไม่มีนายหน้า แต่ผ่านทางจดหมายซึ่งทำให้บริษัทไม่ต้องเสียค่านายหน้าซึ่งเป็นต้นทุนใหญ่ถึงประมาณ 10 - 25% ของเบี้ยประกัน ต้นทุนที่เซฟได้นี้ บริษัทก็จะ “ส่งคืน” ให้กับคนซื้อประกันโดยการลดค่าเบี้ยประกันภัยลง ผลก็คือ บริษัทได้ลูกค้ามาก ในขณะเดียวกันต้นทุนในด้านการเคลมประกันก็อยู่ในระดับต่ำทำให้บริษัทมีกำไรที่ดี ถ้ามองในภาพใหญ่ก็คือ บริษัทเป็นผู้ขายสินค้า “โภคภัณฑ์” ที่เป็นผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง ดังนั้น จึงมีความได้เปรียบในการแข่งขัน แต่นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่น่าจะทำให้บัฟเฟตต์ชอบมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ ธุรกิจประกันภัยนั้น บริษัทจะได้รับเงินสดที่เป็นเบี้ยประกันล่วงหน้าก่อนที่จะต้องจ่ายค่าเคลมประกันในภายหลัง ทำให้บริษัทมีเงินสดที่เรียกว่า Float ซึ่งเป็นเงินที่บริษัทสามารถนำไปใช้ลงทุนได้โดยไม่มีดอกเบี้ย และผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนนี้ จะเป็นรายได้ที่สำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าสามารถลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดี
ตำนาน GEICO นั้น น่าจะเป็นจุดเริ่มที่สำคัญที่นำบัฟเฟตต์มาจน ถึงวันนี้ ประเด็นสำคัญก็คือ เขาได้ค้นพบวิธีหาเงินลงทุนระยะยาวที่ไม่มีดอกเบี้ยได้มากมายซึ่งเป็นสิ่งที่เขาขาดโดยเฉพาะในช่วงต้นของชีวิตการลงทุน ประเด็นต่อมาก็คือเรื่องของ “โมเดลธุรกิจ” ที่โดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งซึ่ง GEICO สามารถกำหนดตนเองให้ได้เปรียบคู่แข่งได้จากการที่ “ไม่ทำตามสิ่งที่คนอื่นเขาทำกันเป็นปกติ” และประเด็นสุดท้ายน่าจะเป็นเรื่องของผู้บริหารที่ ทุ่มเท รัก และเอาใจใส่กับงานเสมือนกับว่าตนเองเป็นเจ้าของ นั่นก็คือ Davidson ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้บริหารสูงสุดของ GEICO
การเป็น VI ผู้มุ่งมั่นนั้น บางทีเราก็อาจจะต้องมี “หุ้นที่ผมชอบที่สุด” อยู่ในใจหลังจากที่ลงทุนมาได้ระยะเวลาหนึ่ง หุ้นตัวนั้น แน่นอน ควรจะเป็นหุ้นที่เรา “ตีแตก” นั่นคือ เป็นหุ้นที่เราได้ทุ่มเงินลงทุนไปค่อนข้างมากเทียบกับขนาดของพอร์ตของเรา เราควรจะได้กำไรคิดเป็นเงินเป็นกอบเป็นกำขนาดที่อาจจะเรียกว่าเปลี่ยน “สถานะ” ของความมั่งคั่งของเราได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่นี่ก็อาจจะไม่จำเป็น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าน่าจะอยู่ที่ว่า มันให้บทเรียนที่สำคัญและทำให้เราสามารถใช้ความรู้นั้นในการลงทุนของเราต่อไปอีกนานแสนนาน ความรู้นั้น ควรเป็นความรู้ที่ถูกต้องและทำให้เรายึดถือในการลงทุนตลอดไปได้และมันกว้างพอที่จะครอบคลุมปัจจัยสำคัญทั้งหมดของการลงทุน
“หุ้นที่ผมชอบที่สุด” นั้น ไม่จำเป็นและอาจจะไม่ควรเป็นหุ้นที่เราได้กำไรสูงสุดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือแม้แต่คิดเป็นเม็ดเงิน เพราะหุ้นประเภทนั้นอาจจะให้ผลตอบแทนสูงแต่มีความเสี่ยงสูง และผลตอบแทนที่ได้นั้นอาจจะมาจากสถานการณ์บางอย่างหรือได้มาโดยเหตุบังเอิญ หรือได้มาเนื่องจากเราใช้มาร์จินและรับความเสี่ยงที่สูงเกินไป หุ้นที่ดีที่สุดในสายตาเราควรเป็นหุ้นของกิจการที่เราเห็นว่ามีโมเดลทางธุรกิจที่เราชอบ เป็นกิจการที่เราคาดการณ์ได้แม่นยำถึงอนาคตที่เรากำหนดไว้ เป็นหุ้นที่มีราคาที่เหมาะสมหรือถูกกว่าความเป็นจริงมากจากการประเมินของเรา และเมื่อเราตัดสินใจซื้อลงทุนแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาเกือบทุกอย่างเป็นไปตามคาด และเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดหรือวิธีการที่เราทำนั้นถูกต้อง นั่นคือ เรา “Right for the right reason” นั่นคือ เราได้กำไรจากสิ่งที่เราคิดว่าบริษัทจะเป็นจริง ๆ ไม่ใช่ราคาหุ้นขึ้นมาสูงมากแต่มาจากเหตุผลอื่น ถ้า “หุ้นที่ผมชอบที่สุด” เป็นแบบนั้น ผมคิดว่า มันจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการกำหนดอนาคตของเราไปสู่ความสำเร็จ
ถ้า “หุ้นที่ผมชอบที่สุด” ถูกกำหนดขึ้นมาอย่างไม่เหมาะสม เช่น กำหนดขึ้นเนื่องจากเราได้กำไรกับมันมากมหาศาลในเวลาอันสั้น มันอาจจะเป็นหุ้นที่เปลี่ยนสถานะความมั่งคั่งของเราในชั่วข้ามคืน ซึ่งมันอาจจะทำให้เราเกิด “ความลำเอียง” ในการประเมินความถูกต้องของความคิดของเรา เราอาจจะคิดว่าเราคิดและเลือกหุ้นได้ถูกต้องทั้ง ๆ ที่เหตุผลในการที่หุ้นขึ้นอาจจะมาจากสาเหตุอื่นหรือเป็นเรื่อง บังเอิญ หรือที่เราเรียกว่า เรา “Right for the wrong reason” เราจะจำในสิ่งที่ผิด และนั่นอาจจะนำไปสู่ความล้มเหลวในคราวต่อไป
“หุ้นที่ผมชอบที่สุด” นั้น เมื่อเวลาผ่านไปเราก็อาจจะมีหุ้นตัวใหม่ที่ขึ้นมาแทนตัวเดิม นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ก็อาจจะเป็นเครื่องแสดงว่าเรากำหนดหุ้นที่เราชอบง่ายเกินไป และถ้าเป็นอย่างนั้น ปัจจัยของหุ้นอาจจะไม่ได้ดีพอ หรือไม่อย่างนั้น เราก็อาจจะมีการซื้อขายเปลี่ยนตัวหุ้นมากเกินไปจนเราไม่ได้เจอกับหุ้นที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเราจริง ๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 2
ผมยังไม่เคยคิดเลยว่า หุ้นอะไร?ที่ผมชอบมากที่สุด
แต่ชอบมาก ครับ ในหลักคิดที่ท่านดร.แนะนำ...
หุ้นที่ดีที่สุดในสายตาเราควรเป็นหุ้นของกิจการที่เราเห็นว่ามีโมเดลทางธุรกิจที่เราชอบ เป็นกิจการที่เราคาดการณ์ได้แม่นยำถึงอนาคตที่เรากำหนดไว้ เป็นหุ้นที่มีราคาที่เหมาะสมหรือถูกกว่าความเป็นจริงมากจากการประเมินของเรา และเมื่อเราตัดสินใจซื้อลงทุนแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาเกือบทุกอย่างเป็นไปตามคาด และเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดหรือวิธีการที่เราทำนั้นถูกต้อง นั่นคือ เรา “Right for the right reason”
ขอบคุณมาก ครับ
แต่ชอบมาก ครับ ในหลักคิดที่ท่านดร.แนะนำ...
หุ้นที่ดีที่สุดในสายตาเราควรเป็นหุ้นของกิจการที่เราเห็นว่ามีโมเดลทางธุรกิจที่เราชอบ เป็นกิจการที่เราคาดการณ์ได้แม่นยำถึงอนาคตที่เรากำหนดไว้ เป็นหุ้นที่มีราคาที่เหมาะสมหรือถูกกว่าความเป็นจริงมากจากการประเมินของเรา และเมื่อเราตัดสินใจซื้อลงทุนแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาเกือบทุกอย่างเป็นไปตามคาด และเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดหรือวิธีการที่เราทำนั้นถูกต้อง นั่นคือ เรา “Right for the right reason”
ขอบคุณมาก ครับ
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10548
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 3
ผมว่าอาจารย์เขียนบทความมา ณ ตอนนี้ ได้เหมาะสมกับเวลา
บางคนในตอนนี้อาจเริ่มสงสัยในหลักการลงทุนของคนเอง หรือเริ่มเปรียบเทียบกับ "สไตล์" การลงทุนของเพื่อนๆบางคนที่มีผลตอบแทนที่น่าประทับใจจนตะลึง จนลืมนึกไปว่า สไตล์การลงทุนเดิมที่เรามีอยู่ก็ทำให้เราสามารถมีผลตอบแทนที่ดี "ไม่ขี้เหร่" มาจนถึงทุกวันนี้
และเริ่มที่ไข้วเขวว่าจะเอาอย่างไรกับสไตล์เดิมๆของตัวเองดี
นอกจากนี้ก็เริ่มจะหาการลงทุนหุ้นที่ คาดการณ์ว่าจะมี "story" ซึ่งการที่จะเป็นเรื่องจริงได้นั่น บางครั้งก็เพียงข่าวลือ ที่ถูกกระพือมา ซึ่งมันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ตลาดหุ้นในอดีตแล้ว
ผมว่าบางครั้ง เราต้องหยุดคิดสักนิด ให้เวลากับตัวเองบ้าง ว่าบางทีเราถูกปั่นหัวจากกระแสต่างๆมากเกินไป
ขอให้ลงทุนอย่างมีสติครับ
เราลงทุนกันทั้งชีวิต ไม่ใช่แค่ 3 ปี 5 ปี แล้วจะจบกันไปจากตลาดหุ้นซะเมื่อไหร่
บางคนในตอนนี้อาจเริ่มสงสัยในหลักการลงทุนของคนเอง หรือเริ่มเปรียบเทียบกับ "สไตล์" การลงทุนของเพื่อนๆบางคนที่มีผลตอบแทนที่น่าประทับใจจนตะลึง จนลืมนึกไปว่า สไตล์การลงทุนเดิมที่เรามีอยู่ก็ทำให้เราสามารถมีผลตอบแทนที่ดี "ไม่ขี้เหร่" มาจนถึงทุกวันนี้
และเริ่มที่ไข้วเขวว่าจะเอาอย่างไรกับสไตล์เดิมๆของตัวเองดี
นอกจากนี้ก็เริ่มจะหาการลงทุนหุ้นที่ คาดการณ์ว่าจะมี "story" ซึ่งการที่จะเป็นเรื่องจริงได้นั่น บางครั้งก็เพียงข่าวลือ ที่ถูกกระพือมา ซึ่งมันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ตลาดหุ้นในอดีตแล้ว
ผมว่าบางครั้ง เราต้องหยุดคิดสักนิด ให้เวลากับตัวเองบ้าง ว่าบางทีเราถูกปั่นหัวจากกระแสต่างๆมากเกินไป
ขอให้ลงทุนอย่างมีสติครับ
เราลงทุนกันทั้งชีวิต ไม่ใช่แค่ 3 ปี 5 ปี แล้วจะจบกันไปจากตลาดหุ้นซะเมื่อไหร่
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 5
หุ้นที่ผมชอบที่สุด” นั้น ไม่จำเป็นและอาจจะไม่ควรเป็นหุ้นที่เราได้กำไรสูงสุดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือแม้แต่คิดเป็นเม็ดเงิน เพราะหุ้นประเภทนั้นอาจจะให้ผลตอบแทนสูงแต่มีความเสี่ยงสูง และผลตอบแทนที่ได้นั้นอาจจะมาจากสถานการณ์บางอย่างหรือได้มาโดยเหตุบังเอิญ หรือได้มาเนื่องจากเราใช้มาร์จินและรับความเสี่ยงที่สูงเกินไป หุ้นที่ดีที่สุดในสายตาเราควรเป็นหุ้นของกิจการที่เราเห็นว่ามีโมเดลทางธุรกิจที่เราชอบ เป็นกิจการที่เราคาดการณ์ได้แม่นยำถึงอนาคตที่เรากำหนดไว้ เป็นหุ้นที่มีราคาที่เหมาะสมหรือถูกกว่าความเป็นจริงมากจากการประเมินของเรา และเมื่อเราตัดสินใจซื้อลงทุนแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาเกือบทุกอย่างเป็นไปตามคาด และเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดหรือวิธีการที่เราทำนั้นถูกต้อง นั่นคือ เรา “Right for the right reason” นั่นคือ เราได้กำไรจากสิ่งที่เราคิดว่าบริษัทจะเป็นจริง ๆ ไม่ใช่ราคาหุ้นขึ้นมาสูงมากแต่มาจากเหตุผลอื่น ถ้า “หุ้นที่ผมชอบที่สุด” เป็นแบบนั้น ผมคิดว่า มันจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการกำหนดอนาคตของเราไปสู่ความสำเร็จ
ขอบคุณครับ เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้มากๆๆครับ
ขอบคุณครับ เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้มากๆๆครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 2141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 7
“Right for the right reason”
+ 1000000000000000000
+ 1000000000000000000
M aterial catalyst
A ttitude & Perception
D isclipine
A ttitude & Perception
D isclipine
- lengmanutd
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณครับ
ลงทุนในบริษัทที่ดี ราคาหุ้นมี MOS (Downside = Limited) และแนวโน้มกำไรมี Growth (Upside = Infinity)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 10
นักลงทุนสมัยนี้ ใจร้อน น้อยคนนักที่จะรอดูว่าจะ Right for the right reason หรือเปล่า
ซื้อหุ้น สร้างกระแส หุ้นขึ้นก็ขาย โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าที่วิเคราะห์ไว้ถูกหรือผิด
ส่วนใหญ่จะรวยจาก Right for the wrong reason ซะมากกว่า
ซื้อหุ้น สร้างกระแส หุ้นขึ้นก็ขาย โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าที่วิเคราะห์ไว้ถูกหรือผิด
ส่วนใหญ่จะรวยจาก Right for the wrong reason ซะมากกว่า
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1139
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 11
คุณฉัตรชัยเขียนแบบนี้เดี่ยวโดนรุมหรอก อิ อิ
คนจำนวนไม่สนใจวิธีการหรอกครับ ขอให้ผลลัพธ์ออกมาดีก็พอ
ไม่ได้แยกแยะ หรือไม่มีความสามารถในการแยกแยะด้วยว่า
ที่ได้เงินอ่ะ มันได้เพราะอะไร มันเกิดซ้ำๆได้หรือเปล่า
คนจำนวนไม่สนใจวิธีการหรอกครับ ขอให้ผลลัพธ์ออกมาดีก็พอ
ไม่ได้แยกแยะ หรือไม่มีความสามารถในการแยกแยะด้วยว่า
ที่ได้เงินอ่ะ มันได้เพราะอะไร มันเกิดซ้ำๆได้หรือเปล่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 12
หลักการลงทุนเดี๋ยวนี้ความหมายกร่อนไปหมดแล้ว
เหลือแต่บรรทัดสุดท้าย คือคำว่า "กำไร"
ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้กำไร หุ้นดีหุ้นชอบหุ้นในดวงคือหุ้นที่ทำกำไร
หุ้นทุกตัวมีไว้ขาย(เมื่อมีกำไร)
ตีแตกก็กลายเป็นเพียงแค่ทุ่มเงินลงหุ้นตัวใดตัวหนึ่งแบบหมดพอร์ต
ถูกก็รวยเละ ผิดก็ขาด 2 ท่อน
VI ที่เฟื่องฟูในไทยช่วงหลายปีมานี้แท้จริงแล้วอาจเป็นเพียงกระแสตามแห่ชั่วคราวเท่านั้น
เหลือแต่บรรทัดสุดท้าย คือคำว่า "กำไร"
ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้กำไร หุ้นดีหุ้นชอบหุ้นในดวงคือหุ้นที่ทำกำไร
หุ้นทุกตัวมีไว้ขาย(เมื่อมีกำไร)
ตีแตกก็กลายเป็นเพียงแค่ทุ่มเงินลงหุ้นตัวใดตัวหนึ่งแบบหมดพอร์ต
ถูกก็รวยเละ ผิดก็ขาด 2 ท่อน
VI ที่เฟื่องฟูในไทยช่วงหลายปีมานี้แท้จริงแล้วอาจเป็นเพียงกระแสตามแห่ชั่วคราวเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 13
ชอบมากเหมือนกันครับ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 14
จริงตามที่พี่ฉัตรชัยว่าไว้ครับchatchai เขียน:นักลงทุนสมัยนี้ ใจร้อน น้อยคนนักที่จะรอดูว่าจะ Right for the right reason หรือเปล่า
ซื้อหุ้น สร้างกระแส หุ้นขึ้นก็ขาย โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าที่วิเคราะห์ไว้ถูกหรือผิด
ส่วนใหญ่จะรวยจาก Right for the wrong reason ซะมากกว่า
ขนาดหุ้นที่ถ้าเอาแบรนด์มาดูแล้ว ไม่น่าจะขึ้น มันก้ยังขึ้นเลยครับ
ซ้ำหนักไปกว่านั้น บางประเภท ลงทุนไปคุยกับผบห เพราะอยากรวยเร็วครับ
แต่สุดท้าย คนรวยคนมีเงิน ก้ยังเป็นคนที่ถูกคนอื่น ชาบู ชาบู อยู่ดีครับ
ไม่ว่า จะใช้วิธีไหน
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 15
สายดั้งเดิมส่วนมาก ที่พอรท์ไม่ค่อยไป ก้มีบางคนหันไปใช้พลังหยางบ้างก้ีครับ
เพราะเกรงด้วยเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน จะว่าได้
เหมือนมวยหย่งชุน หวอซาน ห้ามใช้เท้าเลย แต่มวยของ อ.ยิปมันมีทั้งหมัด เท้า
เพลงกระบอง เพลงดาบ ถือว่าผิดหลักดั้งเดิม แต่ สุดท้ายแล้ว
มวยหย่งชุน ก้ดังทั้วโลก ในนาม ของ หย่งชุน ยิปมัน
ก้ต้องดูกันไปว่า ดั้งเดิมจะ ดีกว่า หรือ เปลี่ยนไปบ้างจะดีกว่า ระยะทางข้างหน้าจะพิสูจน์เอง
เพราะเกรงด้วยเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน จะว่าได้
เหมือนมวยหย่งชุน หวอซาน ห้ามใช้เท้าเลย แต่มวยของ อ.ยิปมันมีทั้งหมัด เท้า
เพลงกระบอง เพลงดาบ ถือว่าผิดหลักดั้งเดิม แต่ สุดท้ายแล้ว
มวยหย่งชุน ก้ดังทั้วโลก ในนาม ของ หย่งชุน ยิปมัน
ก้ต้องดูกันไปว่า ดั้งเดิมจะ ดีกว่า หรือ เปลี่ยนไปบ้างจะดีกว่า ระยะทางข้างหน้าจะพิสูจน์เอง
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 551
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 17
ขอบคุณมากครับอาจารย์ อยากให้รุ่นพี่ๆที่เคยผ่านเหตุการณ์ right for the right reason มายกตัวอย่างหุ้นที่ขายไปแล้วในอดีตและเป็นที่หุ้นที่ชื่นชอบของท่านเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับน้องๆก็จะดีนะครับ ส่วน right for the wrong reason ไม่เอาครับ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 18
ลองคิดสิครับ ทำไมท่านอาจารย์จึงลงทุนหุ้น cpall hmpro jmart it svoa และอื่นๆviim เขียน:ขอบคุณมากครับอาจารย์ อยากให้รุ่นพี่ๆที่เคยผ่านเหตุการณ์ right for the right reason มายกตัวอย่างหุ้นที่ขายไปแล้วในอดีตและเป็นที่หุ้นที่ชื่นชอบของท่านเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับน้องๆก็จะดีนะครับ ส่วน right for the wrong reason ไม่เอาครับ
ถ้าท่านอาจารย์ไม่มีความรู้และไม่สามารถคำนวนได้ว่า
กิจการจะเป็นเช่นไร ท่านก้จะไม่ลงทุนครับ ไม่งั้นท่านอาจารย์ทำไมถึงชอบลงทุนหุ้นกลุ่ม
commerce ก้เพราะท่านอาจารย์ ตีแตกกลุ่มนี้ไงครับ
รู้ว่า 7/11 จะต้องโตจนมีสาขามากมายกำไรดี
รู้ว่าโฮมโปรอีกหน่อยจะต้องดี
กิจการที่ท่านอาจารย์มีนั้น สามารถมองการเติบโตได้ ด้วยตาเปล่่า ไม่เป็นเรื่องซับซ้อน
กิจการอันดับ 1หรือ 2 หรือ มีการเติบโตในแนวทางที่ดีขึ้น สาขาเพิ่มขึ้น คู่แข่งแข่งได้ยาก
หรือมีความโดดเด่นหรือ Nitch เช่นโฮมโปร ถามว่าเด่นยังไง เมื่อก่อน มีห้างไหนที่ขาย
วัสดุก่อสร้างรวมถึงของแต่งบ้านเฉพาะไหมครับ
นักลงทุนระดับโลกหลายคน มีความถนัดเฉพาะด้านครับ เช่น ปู่บัฟเฟต์ ก้จะชอบหุ้นประกัน
เพราะ บัฟเฟตมีความรู้ทางด้านนี้ ก้เลยลงทุนในหุ้น ที่ตัวเองมีความรู้
ดังนั้นผมก้เชื่อว่า ถ้าท่านอาจารย์จะลงทุนหุ้นตัวไหนแล้ว จะต้องมีอะไรที่ดีแน่
เพราะ วิชั่นระดับท่านอาจารย์มองเห็น ก่อนผู้อื่นนะครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 21
การเป็น VI ผู้มุ่งมั่นนั้น บางทีเราก็อาจจะต้องมี “หุ้นที่ผมชอบที่สุด” อยู่ในใจหลังจากที่ลงทุนมาได้ระยะเวลาหนึ่ง หุ้นตัวนั้น แน่นอน ควรจะเป็นหุ้นที่เรา “ตีแตก” นั่นคือ เป็นหุ้นที่เราได้ทุ่มเงินลงทุนไปค่อนข้างมากเทียบกับขนาดของพอร์ตของเรา เราควรจะได้กำไรคิดเป็นเงินเป็นกอบเป็นกำขนาดที่อาจจะเรียกว่าเปลี่ยน “สถานะ” ของความมั่งคั่งของเราได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่นี่ก็อาจจะไม่จำเป็น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าน่าจะอยู่ที่ว่า มันให้บทเรียนที่สำคัญและทำให้เราสามารถใช้ความรู้นั้นในการลงทุนของเราต่อไปอีกนานแสนนาน ความรู้นั้น ควรเป็นความรู้ที่ถูกต้องและทำให้เรายึดถือในการลงทุนตลอดไปได้และมันกว้างพอที่จะครอบคลุมปัจจัยสำคัญทั้งหมดของการลงทุน
“หุ้นที่ผมชอบที่สุด” นั้น ไม่จำเป็นและอาจจะไม่ควรเป็นหุ้นที่เราได้กำไรสูงสุดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือแม้แต่คิดเป็นเม็ดเงิน เพราะหุ้นประเภทนั้นอาจจะให้ผลตอบแทนสูงแต่มีความเสี่ยงสูง และผลตอบแทนที่ได้นั้นอาจจะมาจากสถานการณ์บางอย่างหรือได้มาโดยเหตุบังเอิญ หรือได้มาเนื่องจากเราใช้มาร์จินและรับความเสี่ยงที่สูงเกินไป หุ้นที่ดีที่สุดในสายตาเราควรเป็นหุ้นของกิจการที่เราเห็นว่ามีโมเดลทางธุรกิจที่เราชอบ เป็นกิจการที่เราคาดการณ์ได้แม่นยำถึงอนาคตที่เรากำหนดไว้ เป็นหุ้นที่มีราคาที่เหมาะสมหรือถูกกว่าความเป็นจริงมากจากการประเมินของเรา และเมื่อเราตัดสินใจซื้อลงทุนแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาเกือบทุกอย่างเป็นไปตามคาด และเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดหรือวิธีการที่เราทำนั้นถูกต้อง นั่นคือ เรา “Right for the right reason” นั่นคือ เราได้กำไรจากสิ่งที่เราคิดว่าบริษัทจะเป็นจริง ๆ ไม่ใช่ราคาหุ้นขึ้นมาสูงมากแต่มาจากเหตุผลอื่น
ท่านอาจารย์ได้สั่งสอนผ่านบทความมาแล้วว่า การเป็นนักลงทุนที่มุ่งมั่น ลงทุนในกิจการ
ด้วยแนวทางของ Value Investor นั้นจะต้องมีหุ้นกลุ่มที่เรามีความรู้เป็นพิเศษ ซึ่งเมื่อเรา
ได้คำนวนผล ของกิจการในอนาคตแล้ว เมื่อผลออกมา มันตรงกับใจเราคิดตอนแรก
แสดงว่าเรานั้น ได้เดินถูกทางของการลงทุน ถ้าว่าเป็นการตี Golf แสดงว่า รู้จักวงสวิง
ของตัวเองแล้ว คือ ตีด้วยวงสวิงแบบไม่ลำเอียงในกิจการ ดีก้ต้องว่าดี ไม่ดีก้ต้องว่าไม่ดี
กิจการที่มันดี ไม่ว่ายังไง สุดท้าย คุณค่ามันก้จะแสดงออกมา การกินหวานก่อนเปรี้ยว
สุดท้าย ก้คงไม่รู้จักการลงทุน ดังคำพระท่านว่า ทองแท้จะไม่แพ้ไฟ
“หุ้นที่ผมชอบที่สุด” นั้น ไม่จำเป็นและอาจจะไม่ควรเป็นหุ้นที่เราได้กำไรสูงสุดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือแม้แต่คิดเป็นเม็ดเงิน เพราะหุ้นประเภทนั้นอาจจะให้ผลตอบแทนสูงแต่มีความเสี่ยงสูง และผลตอบแทนที่ได้นั้นอาจจะมาจากสถานการณ์บางอย่างหรือได้มาโดยเหตุบังเอิญ หรือได้มาเนื่องจากเราใช้มาร์จินและรับความเสี่ยงที่สูงเกินไป หุ้นที่ดีที่สุดในสายตาเราควรเป็นหุ้นของกิจการที่เราเห็นว่ามีโมเดลทางธุรกิจที่เราชอบ เป็นกิจการที่เราคาดการณ์ได้แม่นยำถึงอนาคตที่เรากำหนดไว้ เป็นหุ้นที่มีราคาที่เหมาะสมหรือถูกกว่าความเป็นจริงมากจากการประเมินของเรา และเมื่อเราตัดสินใจซื้อลงทุนแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาเกือบทุกอย่างเป็นไปตามคาด และเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดหรือวิธีการที่เราทำนั้นถูกต้อง นั่นคือ เรา “Right for the right reason” นั่นคือ เราได้กำไรจากสิ่งที่เราคิดว่าบริษัทจะเป็นจริง ๆ ไม่ใช่ราคาหุ้นขึ้นมาสูงมากแต่มาจากเหตุผลอื่น
ท่านอาจารย์ได้สั่งสอนผ่านบทความมาแล้วว่า การเป็นนักลงทุนที่มุ่งมั่น ลงทุนในกิจการ
ด้วยแนวทางของ Value Investor นั้นจะต้องมีหุ้นกลุ่มที่เรามีความรู้เป็นพิเศษ ซึ่งเมื่อเรา
ได้คำนวนผล ของกิจการในอนาคตแล้ว เมื่อผลออกมา มันตรงกับใจเราคิดตอนแรก
แสดงว่าเรานั้น ได้เดินถูกทางของการลงทุน ถ้าว่าเป็นการตี Golf แสดงว่า รู้จักวงสวิง
ของตัวเองแล้ว คือ ตีด้วยวงสวิงแบบไม่ลำเอียงในกิจการ ดีก้ต้องว่าดี ไม่ดีก้ต้องว่าไม่ดี
กิจการที่มันดี ไม่ว่ายังไง สุดท้าย คุณค่ามันก้จะแสดงออกมา การกินหวานก่อนเปรี้ยว
สุดท้าย ก้คงไม่รู้จักการลงทุน ดังคำพระท่านว่า ทองแท้จะไม่แพ้ไฟ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 22
ทองแท้จะไม่แพ้ไฟ กิจการที่ดี ไม่ว่าจะกี่ร้อนกี่ฝนกี่หนาว ถ้ามันเป็นกิจการที่ดี
สักวันคุณค่าของกิจการก้จะมาเอง ผมอยากฝากเพื่อนๆว่า
ถ้ากำแพงเมืองจีนสร้างเสร็จในวันเดียว กำแพงเมืองจีนก้จะไม่มีคนเห็นคุณค่า
เพราะมันสร้างง่าย และแน่นอน มันก้อาจจะพังง่าย
ถ้าเราเห็น ถึงกิจการที่ดี อย่าปล่อยให้หลุดมือไป จงเดินเคียงข้างดุจคู่ชีวิต สิ่งนี้
จะเป็นเหมือนแขน แห่งความมั่งคั่งในอนาคตของเรา ยิ่งไปกว่านั้น เราต้องเชื่อว่า
เค้าทำได้
ดั่งสามก๊ก ตอนนึง ตอนที่ซุนเซ็กจับตัว ไทสูจู้ได้นั้น ไทสูจู้ได้ขอเวลาในการกลับไป
เพื่อนำคนมาขอร่วมด้วย แต่เหล่าทหารกล้าของซุนเซ็ก กลับบบอกว่า ไทสูจู้เหมือนเสือ
เสือร้ายเข้าป่าจะเป็นภัย แต่ซุนเซ็ก ก้ปล่อยไทสูจู้ไป
สุดท้าย ไทสูจู้ก้มา ตามคำสัญญาที่ให้ไว้ และก้ได้รับใช้ซุนเซ็กจนวันตาย โดยแพ้ให้กับ
เตียวเลี้ยว
ถ้าเราเห็น กิจการที่มีค่า ดุจซุนเซ็ก เห็นฝีมือ ไทสูจู้ จงอย่าปล่อยให้ กิจการดีๆๆหลุดมือ
สักวันความเชื่อถือในตัวกิจการ ก้จะพาเรามีความมั่งคั่งขึ้นมาได้
สักวันคุณค่าของกิจการก้จะมาเอง ผมอยากฝากเพื่อนๆว่า
ถ้ากำแพงเมืองจีนสร้างเสร็จในวันเดียว กำแพงเมืองจีนก้จะไม่มีคนเห็นคุณค่า
เพราะมันสร้างง่าย และแน่นอน มันก้อาจจะพังง่าย
ถ้าเราเห็น ถึงกิจการที่ดี อย่าปล่อยให้หลุดมือไป จงเดินเคียงข้างดุจคู่ชีวิต สิ่งนี้
จะเป็นเหมือนแขน แห่งความมั่งคั่งในอนาคตของเรา ยิ่งไปกว่านั้น เราต้องเชื่อว่า
เค้าทำได้
ดั่งสามก๊ก ตอนนึง ตอนที่ซุนเซ็กจับตัว ไทสูจู้ได้นั้น ไทสูจู้ได้ขอเวลาในการกลับไป
เพื่อนำคนมาขอร่วมด้วย แต่เหล่าทหารกล้าของซุนเซ็ก กลับบบอกว่า ไทสูจู้เหมือนเสือ
เสือร้ายเข้าป่าจะเป็นภัย แต่ซุนเซ็ก ก้ปล่อยไทสูจู้ไป
สุดท้าย ไทสูจู้ก้มา ตามคำสัญญาที่ให้ไว้ และก้ได้รับใช้ซุนเซ็กจนวันตาย โดยแพ้ให้กับ
เตียวเลี้ยว
ถ้าเราเห็น กิจการที่มีค่า ดุจซุนเซ็ก เห็นฝีมือ ไทสูจู้ จงอย่าปล่อยให้ กิจการดีๆๆหลุดมือ
สักวันความเชื่อถือในตัวกิจการ ก้จะพาเรามีความมั่งคั่งขึ้นมาได้
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 23
ก้พอมีครับ คนโลภอยากรวยเร็ว อยากมีชื่อเสียง อยากจะโด่งดัง อยากจะสบายviim เขียน:ท่านชูเกียรติช่วยขยายความได้มั๊ยครับ มีเยอะมั๊ยแบบนี้ในปัจจุบันซ้ำหนักไปกว่านั้น บางประเภท ลงทุนไปคุยกับผบห เพราะอยากรวยเร็วครับ
ฟังคำพระท่านเทศน์บ้างนะครับ
เงินท่านอาจจะมีหลายร้อยล้าน แต่ก้เอาเงินใส่หีบศพไปไม่ได้
รถท่านอาจจะมีหลายคัน แต่ท่านก้ใช้ได้แค่ทีละคัน
บ้านท่านอาจจะมีหลายหลัง แต่ท่านก้พักจริงแค่หลังเดียว
เมื่อใดคนโลภ มักแยกแยะดีั่ชั่วไม่ออก มักแยกแยะสิ่งที่ดีสิ่งที่เลวไม่ออก
แยกแยะคนดีหรือคนเลวไม่ออก อำนาจของเงินมันบังตา มี10ล้านก้อยากได้100ล้าน
มี100ล้านก้อยากได้ 1000ล้าน
คนรวยเงินก้มีสุขทางวัตถุ แต่เมื่อใดเห็นทุกข์ทาง โลกแล้ว
วัตถุ ก้จะเป็นสิ่งที่ปล่อยว่างและวางลง เมื่อหันหลังคืนฝั่ง หันหน้าเข้าพระธรรม
ดวงตาแห่งธรรมจะบังเกิด กิเลศความโลภจะหายไป
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 24
การคุยกับผู้บริหาร ไม่จำเป็นว่าต้องอยากรวยเร็วนี่ครับ กลับกันถ้าคุณสามารถเข้าถึงผู้บริหารได้นี่เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีเลย นอกจากคุณจะรู้จักตัวธุรกิจของคุณมากขึ้นแล้วคุณยังได้รู้จักผู้บริหารมากขึ้นด้วยchukieat30 เขียน:จริงตามที่พี่ฉัตรชัยว่าไว้ครับchatchai เขียน:นักลงทุนสมัยนี้ ใจร้อน น้อยคนนักที่จะรอดูว่าจะ Right for the right reason หรือเปล่า
ซื้อหุ้น สร้างกระแส หุ้นขึ้นก็ขาย โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าที่วิเคราะห์ไว้ถูกหรือผิด
ส่วนใหญ่จะรวยจาก Right for the wrong reason ซะมากกว่า
ขนาดหุ้นที่ถ้าเอาแบรนด์มาดูแล้ว ไม่น่าจะขึ้น มันก้ยังขึ้นเลยครับ
ซ้ำหนักไปกว่านั้น บางประเภท ลงทุนไปคุยกับผบห เพราะอยากรวยเร็วครับ
แต่สุดท้าย คนรวยคนมีเงิน ก้ยังเป็นคนที่ถูกคนอื่น ชาบู ชาบู อยู่ดีครับ
ไม่ว่า จะใช้วิธีไหน
บัฟเฟตต์ ปีเตอ ลินช์ หรือคนอื่นๆก็ใช้วิธีนี้ มันทำให้คุณเห็นมุมมองและรู้จักสิ่งที่คุณจะซื้อดียิ่งขึ้นนะครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 25
sakkaphan เขียน:การคุยกับผู้บริหาร ไม่จำเป็นว่าต้องอยากรวยเร็วนี่ครับ กลับกันถ้าคุณสามารถเข้าถึงผู้บริหารได้นี่เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีเลย นอกจากคุณจะรู้จักตัวธุรกิจของคุณมากขึ้นแล้วคุณยังได้รู้จักผู้บริหารมากขึ้นด้วยchukieat30 เขียน:จริงตามที่พี่ฉัตรชัยว่าไว้ครับchatchai เขียน:นักลงทุนสมัยนี้ ใจร้อน น้อยคนนักที่จะรอดูว่าจะ Right for the right reason หรือเปล่า
ซื้อหุ้น สร้างกระแส หุ้นขึ้นก็ขาย โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าที่วิเคราะห์ไว้ถูกหรือผิด
ส่วนใหญ่จะรวยจาก Right for the wrong reason ซะมากกว่า
ขนาดหุ้นที่ถ้าเอาแบรนด์มาดูแล้ว ไม่น่าจะขึ้น มันก้ยังขึ้นเลยครับ
ซ้ำหนักไปกว่านั้น บางประเภท ลงทุนไปคุยกับผบห เพราะอยากรวยเร็วครับ
แต่สุดท้าย คนรวยคนมีเงิน ก้ยังเป็นคนที่ถูกคนอื่น ชาบู ชาบู อยู่ดีครับ
ไม่ว่า จะใช้วิธีไหน
บัฟเฟตต์ ปีเตอ ลินช์ หรือคนอื่นๆก็ใช้วิธีนี้ มันทำให้คุณเห็นมุมมองและรู้จักสิ่งที่คุณจะซื้อดียิ่งขึ้นนะครับ
คุยเพื่อหาข้อมูลทางธุรกิจไม่ผิดครับ ได้ปัญญา ได้เรียนรู้ เป็นนักลงทุนที่ดี
แต่ถ้า คุยเพื่อหาทางร่วมมือกันปั่นหุ้น มันก้ไม่ต่างจากโจรร่วมกันปล้นผู้ถือหุ้นครับ
ผู้มีตาในธรรมย่อมจะไม่กระทำการ ร่วมกับโจร
ผู้ใฝ่ธรรม ย่อมจะไม่คบหากับโจร
ถ้าผู้ใฝ่ธรรม คบหาโจร ก้เป็นเพียงแค่คนที่มือถือสาก ปากถือศีล จะทำสิ่งใดจะพูดสิ่งใด
ก้จะหาคนเชื่อถืออีกไม่ได้
ดังนั้น การไม่ปั่นหุ้น เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ เพราะคนที่หลงมาเป็นแมงเม่า ก้พวกรายย่อย
ถ้าเค้าเสียเงินจนชีวิตเปลี่ยน ต่อให้คนปั่นรวยจนนับไม่ถูก
แต่ตายไปก้ต้องไปชดใช้ ในชาติต่อๆๆไป
มันเป็นกรรม เมื่อเราทำอะไร ก้ต้องได้ยังงั้น ความดีและบุญล้างบาปไม่ได้
คุณธรรมมันอยุ่ที่จิตใจ หันหลังคืนฝั่ง เดินทางในแนวทางที่ถูก ละเว้นการคบคนไม่ดี
ตอนนี้ก้ยังไม่สายไป อย่าให้เงิน มาครอบงำบนหน้าอย่างเดียว
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 26
สุดท้ายที่อยากฝาก
ตาดูดาว เท้าติดดิน จนได้ก้รวยได้ รวยได้ก้จนได้
หมั่นหาข้อมูลความรู้ วิ่งหานักลงทุน หลีกหนีนักปั่นหุ้น
มองที่กิจการ ไม่มองราคา ไม่โลภไม่กลัว สุดท้ายเชื่อเถอะ ทองก้คือทอง ขี้ก้คือขี้
ถ้าเอาใส่ถุง คนหลายคนก้จะไม่รู้ มองไกลๆๆนึกว่า ทองทั้งสองถุง
คนปั่นหุ้นก้เหมือนคนค้ายาบ้า มันต้องมีวันที่พลาด และรับกรรม อย่าเดินตามรอย
ตาดูดาว เท้าติดดิน จนได้ก้รวยได้ รวยได้ก้จนได้
หมั่นหาข้อมูลความรู้ วิ่งหานักลงทุน หลีกหนีนักปั่นหุ้น
มองที่กิจการ ไม่มองราคา ไม่โลภไม่กลัว สุดท้ายเชื่อเถอะ ทองก้คือทอง ขี้ก้คือขี้
ถ้าเอาใส่ถุง คนหลายคนก้จะไม่รู้ มองไกลๆๆนึกว่า ทองทั้งสองถุง
คนปั่นหุ้นก้เหมือนคนค้ายาบ้า มันต้องมีวันที่พลาด และรับกรรม อย่าเดินตามรอย
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 27
โจรกลับใจ ยังดีเช่น ท่านองค์คุลีมาน
แต่โจรไม่กลับใจ ก้ต้องรอวันที่ใกล้สิ้นลม บาปบุญคุณโทษจะลอยมาเอง
ชื่อเสียงร่ำรวยในวันนี้ ผ่านไป10ปีคนก้ลืม แต่ถ้าคนดีสิ กวนอูตัวตาย ความดียังอยู่
เวลาจะนานแค่ไหน คนก้จะจารึกไว้ เป็นคนมีคุณธรรม
เป็นนักลงทุนคุณค่า VI ต้องมองที่กิจการและคุณค่า อย่าให้คนอื่นเค้ามาล้อได้ว่า
พวกไวไว vivi
แต่โจรไม่กลับใจ ก้ต้องรอวันที่ใกล้สิ้นลม บาปบุญคุณโทษจะลอยมาเอง
ชื่อเสียงร่ำรวยในวันนี้ ผ่านไป10ปีคนก้ลืม แต่ถ้าคนดีสิ กวนอูตัวตาย ความดียังอยู่
เวลาจะนานแค่ไหน คนก้จะจารึกไว้ เป็นคนมีคุณธรรม
เป็นนักลงทุนคุณค่า VI ต้องมองที่กิจการและคุณค่า อย่าให้คนอื่นเค้ามาล้อได้ว่า
พวกไวไว vivi
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 28
คุณฉัตรชัยเขียนแบบนี้เดี่ยวโดนรุมหรอก อิ อิ
คนจำนวนไม่สนใจวิธีการหรอกครับ ขอให้ผลลัพธ์ออกมาดีก็พอ
ไม่ได้แยกแยะ หรือไม่มีความสามารถในการแยกแยะด้วยว่า
ที่ได้เงินอ่ะ มันได้เพราะอะไร มันเกิดซ้ำๆได้หรือเปล่า
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ นักลงทุนไทยส่วนใหญ่เป็นพวกตามแห่
โดยเฉพาะตามคนดัง คนมีชื่อเสียง ซึ่งเป็นการลอกการบ้าน
ถึงแม้จะประสบความสำเร็จแต่ก็เป็น right for wrong reason
ซึ่งอาจจะทำไม่ได้เสมอไปและนำไปสู่การขาดทุนต่อในที่สุด
แต่มันก็เป็นนิสัยลึกและเป็นสากลของคน ดูง่ายๆอย่างในเรื่องการแสดง
การเห็นด้วยโดยการกดบวก ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้ว
ถ้าเป็นคนดังประจำบอร์ดมาโพส ถึงแม้บางโพสนั้นจะธรรมดาแต่ก็จะได้บวกมากๆ
แบบแห่กันให้บวกเพราะเห็นเป็นคนดัง ผมจึงว่ามันเป็นpattern แบบเดียวกันกับเวลาตามคนดังเล่นหุ้นครับ
คนจำนวนไม่สนใจวิธีการหรอกครับ ขอให้ผลลัพธ์ออกมาดีก็พอ
ไม่ได้แยกแยะ หรือไม่มีความสามารถในการแยกแยะด้วยว่า
ที่ได้เงินอ่ะ มันได้เพราะอะไร มันเกิดซ้ำๆได้หรือเปล่า
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ นักลงทุนไทยส่วนใหญ่เป็นพวกตามแห่
โดยเฉพาะตามคนดัง คนมีชื่อเสียง ซึ่งเป็นการลอกการบ้าน
ถึงแม้จะประสบความสำเร็จแต่ก็เป็น right for wrong reason
ซึ่งอาจจะทำไม่ได้เสมอไปและนำไปสู่การขาดทุนต่อในที่สุด
แต่มันก็เป็นนิสัยลึกและเป็นสากลของคน ดูง่ายๆอย่างในเรื่องการแสดง
การเห็นด้วยโดยการกดบวก ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้ว
ถ้าเป็นคนดังประจำบอร์ดมาโพส ถึงแม้บางโพสนั้นจะธรรมดาแต่ก็จะได้บวกมากๆ
แบบแห่กันให้บวกเพราะเห็นเป็นคนดัง ผมจึงว่ามันเป็นpattern แบบเดียวกันกับเวลาตามคนดังเล่นหุ้นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 29
“Right for the right reason” ดร.เคยเขียนไว้..ปี53
http://www.thaivi.com/2010/05/516/
ประกอบด้วย..
1.“Right for the right reason” การลงทุนประสบความสำเร็จ และเหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจลงทุนถูกต้อง
2.“Right for the wrong reason” การลงทุนประสบความสำเร็จ แต่เหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจนั้นกลับไม่ถูกต้อง
3.“Wrong for the wrong reason” การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ เหตุผลในการลงทุนของเราผิด
4. “Wrong for the right reason” การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ แต่เหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจลงทุนนั้นถูกต้องเป็นไปตามคาด
เข้ากับสถานการ์ตอนนี้ มากๆ เพราะ ..ดูเหมือนตอนนี้ เวบ..จะเต็มไปด้วย
"Right for the wrong reason" (อันนี้ความรู้สึกส่วนตัว..ซึ่งอาจจะผิดก็ได้)
บทความเก่าๆดี ตอนหลังมัก หายไป..
จึง นำมาแปะไว้ ด้วย เพราะ เนื้อหาใกล้กัน..
http://www.thaivi.com/2010/05/516/
ประกอบด้วย..
1.“Right for the right reason” การลงทุนประสบความสำเร็จ และเหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจลงทุนถูกต้อง
2.“Right for the wrong reason” การลงทุนประสบความสำเร็จ แต่เหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจนั้นกลับไม่ถูกต้อง
3.“Wrong for the wrong reason” การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ เหตุผลในการลงทุนของเราผิด
4. “Wrong for the right reason” การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ แต่เหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจลงทุนนั้นถูกต้องเป็นไปตามคาด
เข้ากับสถานการ์ตอนนี้ มากๆ เพราะ ..ดูเหมือนตอนนี้ เวบ..จะเต็มไปด้วย
"Right for the wrong reason" (อันนี้ความรู้สึกส่วนตัว..ซึ่งอาจจะผิดก็ได้)
บทความเก่าๆดี ตอนหลังมัก หายไป..
จึง นำมาแปะไว้ ด้วย เพราะ เนื้อหาใกล้กัน..
Investment Diary
Posted on May 16, 2010 by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
http://www.thaivi.com/2010/05/516/
โลกในมุมมองของ Value Investor 15 พฤษภาคม 53
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
นักลงทุนนั้น ว่ากันว่าเป็นคนที่มีความทรงจำสั้นมาก เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเขาจะจำได้ติดตา เช่น วิกฤติที่ทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำอย่างหนักและเหตุผลที่ทำให้เกิดวิกฤตินั้น เมื่อเวลาผ่านไป บางทีก็ไม่นานนัก พวกเขาก็จะลืมเหตุการณ์เลวร้ายนั้นรวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น พวกเขาซื้อขายหุ้นโดยไม่สนใจประวัติศาสตร์หรือสนใจน้อยมาก นั่นทำให้ประวัติศาสตร์การเงิน “ซ้ำรอย” ครั้งแล้วครั้งเล่า เราไม่เคยเรียนรู้จากประวัติศาสตร์โดยเฉพาะเมื่อมันผ่านไปนานแล้ว
เพื่อที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด ในอดีต เราจำเป็นที่จะต้องรู้ว่ามันเกิดความผิดพลาดขึ้น ในเรื่องอื่น ๆ นั้น ความผิดพลาดเป็นเรื่องที่เรามักจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ในเรื่องของการลงทุนนั้น บางทีเราก็ไม่รู้ว่ามันมีความผิดพลาดขึ้น เหตุผลก็คือ มีจิตวิทยาบางอย่างที่อาจจะบดบังความเข้าใจที่ถูกต้องของเรา
จิตวิทยาข้อแรกก็คือ “ดีเป็นเพราะฝีมือเรา แย่เป็นเพราะคนอื่นหรือเรื่องอื่น” หรือที่เรียกว่า Self-Attribution Bias นี่เป็นจิตวิทยาของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป อย่างเช่นเวลาที่เราเล่นกีฬา ทีมที่ชนะส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าเป็นเพราะฝีมือของทีม แต่เวลาแพ้ บางทีก็โทษกรรมการหรือโทษโชคชะตา ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงก็คือ ฝีมือสู้เขาไม่ได้หรือใช้กลยุทธ์ในการแข่งขันที่ผิดพลาด เช่นเดียวกัน เวลาที่เราลงทุนและได้กำไรดีนั้น เรามักจะคิดว่าเป็นฝีมือของเรา แต่เวลาขาดทุน บางครั้งเราก็คิดว่ามันเป็นสาเหตุอื่นหรือโชคร้ายหรือเหตุบังเอิญที่เราไม่ อาจคาดได้ การไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองนั้น ย่อมทำให้เราไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องนั้นได้
จิตวิทยาข้อสองก็คือสิ่งที่ผมอยาก จะใช้สำนวนว่า “ผมว่าแล้ว” นี่คือสิ่งที่คนเราเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะกลับไปอธิบายเหตุผลที่ ทำให้มันเกิดขึ้นหรือที่เรียกในทางวิชาการว่า Hindsight Bias นี่เป็นความลำเอียงของจิตใจที่คิดว่าเรา “แน่” เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไรทั้งที่เราไม่รู้และเราไม่ได้คิดคาดการณ์เอาไว้ก่อน เรามา “รู้” ก็ตอนที่เราเห็นแล้วว่าอะไรมันเกิดขึ้น วิธีที่จะแก้ปัญหาความลำเอียงข้อนี้ก็คือ การจดบันทึกสิ่งที่เราคิดหรือคาดการณ์ไว้ก่อน เมื่อเกิดผลลัพธ์ขึ้น เราก็จะได้รู้ว่าเราคิดถูกหรือคิดผิด ในกรณีของการลงทุนนั้น เราจะเรียกมันว่า Investment Diary นี่ก็คือไดอารี่ที่เราจะจดบันทึกเกี่ยวกับความคิดหรือการวิเคราะห์ของเราใน การลงทุนในหุ้นหรืออื่น ๆ การซื้อหุ้นแต่ละตัวเราจะบันทึกว่าอะไรคือเหตุผลที่เราซื้อหุ้นตัวนั้น
เมื่อเราจดบันทึกเหตุผลของการลง ทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ตัวไหนแล้ว เราก็รอผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ภาพที่ออกมานั้น สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็นสี่แบบด้วยกันดังต่อไปนี้
แบบที่หนึ่ง ในกรณีที่เราได้กำไร การลงทุนประสบความสำเร็จ และเหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจลงทุนถูกต้อง เช่น เราลงทุนในหุ้น ก. เพราะเราเชื่อว่ากำไรของบริษัทนี้กำลังเติบโตก้าวกระโดดในไตรมาศหน้าและจะ เติบโตต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 3-4 ปี โดยที่ราคาหุ้นที่เห็นนั้นยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับพื้นฐานที่กำลัง ดีขึ้นและราคายังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก เราก็จดบันทึกไว้ หลังจากนั้น เมื่อกำไรในไตรมาศถูกประกาศออกมาก็เป็นจริงดังคาดและดูแล้วอนาคตก็น่าจะยัง โตต่อเนื่อง ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปในระดับหนึ่งประมาณ 20% ซึ่งสอดคล้องกับกำไรที่ดีขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้ เราอาจจะสรุปได้ว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ขายหุ้นออกไปเพราะเราเชื่อว่ากำไรจะยังเติบโตดีมากอยู่และในอนาคต ราคาก็จะยังปรับตัวขึ้นไปได้อีกมาก ในภาษาของนักลงทุน เรา “Right for the right reason” เราถูกต้อง นั่นอาจจะหมายความว่าเรามีฝีมือ
แบบที่สอง ในกรณีที่เราได้กำไร การลงทุนประสบความสำเร็จ แต่เหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจนั้นกลับไม่ถูกต้อง เช่น เราลงทุนในหุ้น ข. เพราะเราคิดว่ากำไรในไตรมาศหน้าจะดีมาก เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งบริษัทได้ประกาศแจกวอแร้นต์ฟรีจำนวนมาก ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปอย่างแรง เราขายหุ้นทิ้งได้กำไรงดงาม อย่างไรก็ตาม งบรายไตรมาศที่ประกาศออกมาภายหลังพบว่ากำไรของบริษัทลดลงมาก แบบนี้เราเรียกว่า “Right for the wrong reason” เราซื้อหุ้นถูกตัวด้วยเหตุผลที่ผิด พูดง่าย ๆ เราประสบความสำเร็จเพราะโชคไม่ใช่ฝีมือ อย่าหลอกตัวเองว่าตนเองเก่ง
แบบที่สาม ในกรณีที่เราขาดทุน การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ เหตุผลในการลงทุนของเราผิด เช่น เราคิดว่าบริษัท ค. กำลังจะมีผลประกอบการที่ดี เราซื้อหุ้นลงทุน ผลประกอบการออกมาปรากฏว่าบริษัทขาดทุนอย่างหนัก ราคาหุ้นตกต่ำลงมามาก เราขายหุ้นทิ้ง ในกรณีนี้เรียกว่าเรา “Wrong for the wrong reason” เราลงทุนผิดเพราะเราวิเคราะห์ผิด เราจำเป็นต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดนี้
แบบที่สี่ ในกรณีที่เราขาดทุน การลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ แต่เหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจลงทุนนั้นถูกต้องเป็นไปตามคาด เช่น เราซื้อหุ้น ง. เพราะคิดว่ากำไรของบริษัทในไตรมาศที่กำลังมาถึงนั้นจะเติบโตขึ้น เมื่องบไตรมาศถูกประกาศออกมาปรากฏว่ากำไรของบริษัทก็ปรับเพิ่มขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกัน ตลาดหุ้นเกิดภาวะวิกฤติอันเป็นผลมาจากต่างประเทศ ราคาหุ้น ง. ตกลงอย่างหนัก เราขาดทุนแต่เป็นเพราะว่าโชคไม่ดี ไม่ใช่เพราะเราคิดผิด เรา “Wrong for the right reason”
ด้วยการบันทึกเหตุผลของการตัดสิน ใจลงทุนลงใน Investment Diary และศึกษาผลลัพธ์ในสี่กรณีดังกล่าว เราก็จะได้รู้ว่าเราประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวและด้วยเหตุผลใด เรามีฝีมือหรือเราไม่เก่งเลย เราโชคดีหรือโชคร้าย สิ่งนี้จะทำให้เราสามารถเรียนรู้จากประวัติการลงทุนของเราได้อย่างถูกต้อง โดยส่วนตัวผมเองนั้น ผมยอมรับว่าไม่เคยจดบันทึกเหตุผลการลงทุนลงในไดอารี่ แต่ก็เชื่อว่าตนเองจำได้ว่าลงทุนในหุ้นแต่ละตัวด้วยเหตุผลใด ผมคิดว่าผมจำได้เพราะลงทุนในหุ้นไม่กี่ตัว สำหรับ VI นั้น ผมคิดว่าการจดบันทึกเป็นสิ่งที่ดี เหนือสิ่งอื่นใด จอร์จ โซรอส บอกว่าเขาบันทึกความคิดของเขาแบบ Real-Time นั่นคืออาจจะพูดลงในเทป เขาบอกว่ามันทำให้การลงทุนของเขาดีขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ
-
- Verified User
- โพสต์: 551
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นที่ผมชอบที่สุด/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 30
ถ้าเป็นแบบ wrong for the right reason และวิกฤตที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบกับพื้นฐานของบริษัทเลยจากการวิเคราะห์ของเราเอง ก็น่าจะทำให้เราถือต่อและอาจจะซื้อเพิ่มด้วยซ้ำถ้ามีเงินเหลือหรือป่าวครับ? ถ้า wrong for the wrong reason แสดงว่าเรายังวิเคราะห์ไม่รอบด้านพอ แต่ก็ขอให้เรารู้ว่า wrong reason เพราะอะไร เพื่อที่เราจะพัฒนาต่อให้เข้าสู่ right reason มากขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นก็น่าจะเป็น พยายามให้เป็น right reason ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็น right or wrong เพราะการที่เราสามารถพัฒนาการวิเคราะห์ของเราให้เป็น right reason ได้บ่อยๆและเป็นส่วนใหญ่เราก็น่าจะมาถูกทางสำหรับการลงทุนแบบนี้แล้ว (Value-oriented investment) เพราะคนที่ไม่พัฒนาตนเอง ก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าควรขายเมื่อไร่และควรซื้อเมื่อไหร่ ขึ้นเพราะอะไร ลงเพราะอะไร ผมก็พยายามฝึกอยู่ครับ ตอนนี้ก็ตามดูวิธีคิดของตนเองอยู่ว่าจะเป็นแบบ right for the right reason หรือไม่ ถ้าไม่ก็จะวิเคราะห์ต่อว่าไม่เพราะอะไรต่อไปครับ