ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 1
‘ทีวี ไดเร็ค’ ยื่นไฟลิ่ง ขายหุ้นใหม่ 28.96 ล้านหุ้น
ระดมทุนขยายทั้งในและต่างประเทศ
‘ทีวี ไดเร็ค’ ผู้ประกอบการขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดหลากหลายช่องทาง ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เผยเลือก บล.โกลเบล็ก เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยยื่นไฟลิ่งกับ ก.ล.ต. เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้น 28.96 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 188 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว แจงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มั่นใจรายได้ต่อเนื่อง เผยปี 53 รายได้ 1,428.92 ล้านบาท กำไรสุทธิ 34.88 ล้านบาท
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ (Songpol Shanmakit) ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เลือกให้ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ในการเตรียมความพร้อมที่จะนำหุ้นของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2554
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 159.04 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จำนวน 159.04 ล้านบาท และจะเพิ่มทุนชำระเป็น 188 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 28.96 ล้านหุ้น โดยส่วนหนึ่งในจำนวนนี้ไม่เกิน 5.792 ล้านหุ้น จะเสนอขายต่อกรรมการและ/หรือพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ส่วนที่เหลือจะเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ขยายธุรกิจร้านค้าปลีก TV Direct Showcase รวมถึงพัฒนาระบบร้านค้าปลีกและลงทุนในระบบการจัดส่งสินค้า ตลอดจนใช้ลงทุนในบริษัทย่อย และใช้เป็นทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนประกอบธุรกิจขายตรงแบบชั้นเดียวในครึ่งหลังของปี 2554 อีกด้วย
“จากประสบการณ์กว่า 12 ปี ของบริษัททีวี ไดเร็ค ตอนนี้เราพร้อมแล้วที่จะขยายธุรกิจให้เติบใหญ่ขึ้น ซึ่งนอกจากตลาดในประเทศไทยแล้ว เรายังมองเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจการตลาดแบบตรงไปยังตลาดต่างประเทศในแถบอินโดไชน่าและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์” นายทรงพล กล่าว
ขณะที่บริษัทย่อยของบริษัทฯ คือ บริษัท ทีวีไดเร็ค อินโดไชน่า จำกัด ประกอบธุรกิจลงทุน (Holding Company) โดยถือหุ้นใน Direct Response Television ซึ่งตั้งอยู่ในกัมพูชาในสัดส่วนร้อยละ 100 และถือหุ้นใน TV Direct (Malaysia) ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ในสัดส่วนร้อยละ 38 เพื่อรองรับการการเติบโตทางธุรกิจการสั่งซื้อสินค้าและบริการผ่านโทรทัศน์
ด้าน นายภาณุ คงแท่น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัททีวี ไดเร็ค มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจ สร้างรายได้ และทำกำไร เนื่องจากสื่อต่างๆ เติบโตอย่างรวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนผู้มีกำลังซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะเห็นว่าที่ผ่านมาบริษัททีวี ไดเร็ค มีรายได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 901.34 ล้านบาท ในปี 2551 เป็น 956.42 ล้านบาท ในปี 2552 และเพิ่มเป็น 1,428.92 ล้านบาท ในปี 2553 โดยมีกำไรสุทธิในปี 2553 จำนวน 34.88 ล้านบาท
ระดมทุนขยายทั้งในและต่างประเทศ
‘ทีวี ไดเร็ค’ ผู้ประกอบการขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดหลากหลายช่องทาง ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เผยเลือก บล.โกลเบล็ก เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยยื่นไฟลิ่งกับ ก.ล.ต. เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้น 28.96 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 188 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว แจงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มั่นใจรายได้ต่อเนื่อง เผยปี 53 รายได้ 1,428.92 ล้านบาท กำไรสุทธิ 34.88 ล้านบาท
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ (Songpol Shanmakit) ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เลือกให้ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ในการเตรียมความพร้อมที่จะนำหุ้นของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2554
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 159.04 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จำนวน 159.04 ล้านบาท และจะเพิ่มทุนชำระเป็น 188 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 28.96 ล้านหุ้น โดยส่วนหนึ่งในจำนวนนี้ไม่เกิน 5.792 ล้านหุ้น จะเสนอขายต่อกรรมการและ/หรือพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ส่วนที่เหลือจะเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ขยายธุรกิจร้านค้าปลีก TV Direct Showcase รวมถึงพัฒนาระบบร้านค้าปลีกและลงทุนในระบบการจัดส่งสินค้า ตลอดจนใช้ลงทุนในบริษัทย่อย และใช้เป็นทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนประกอบธุรกิจขายตรงแบบชั้นเดียวในครึ่งหลังของปี 2554 อีกด้วย
“จากประสบการณ์กว่า 12 ปี ของบริษัททีวี ไดเร็ค ตอนนี้เราพร้อมแล้วที่จะขยายธุรกิจให้เติบใหญ่ขึ้น ซึ่งนอกจากตลาดในประเทศไทยแล้ว เรายังมองเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจการตลาดแบบตรงไปยังตลาดต่างประเทศในแถบอินโดไชน่าและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์” นายทรงพล กล่าว
ขณะที่บริษัทย่อยของบริษัทฯ คือ บริษัท ทีวีไดเร็ค อินโดไชน่า จำกัด ประกอบธุรกิจลงทุน (Holding Company) โดยถือหุ้นใน Direct Response Television ซึ่งตั้งอยู่ในกัมพูชาในสัดส่วนร้อยละ 100 และถือหุ้นใน TV Direct (Malaysia) ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ในสัดส่วนร้อยละ 38 เพื่อรองรับการการเติบโตทางธุรกิจการสั่งซื้อสินค้าและบริการผ่านโทรทัศน์
ด้าน นายภาณุ คงแท่น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัททีวี ไดเร็ค มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจ สร้างรายได้ และทำกำไร เนื่องจากสื่อต่างๆ เติบโตอย่างรวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนผู้มีกำลังซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะเห็นว่าที่ผ่านมาบริษัททีวี ไดเร็ค มีรายได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 901.34 ล้านบาท ในปี 2551 เป็น 956.42 ล้านบาท ในปี 2552 และเพิ่มเป็น 1,428.92 ล้านบาท ในปี 2553 โดยมีกำไรสุทธิในปี 2553 จำนวน 34.88 ล้านบาท
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1644
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 3
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 5
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 9
หมายถึง supplier ได้เงินช้าหรือเปล่าครับ ไม่น่าใช่ลูกค้า ส่วนเรื่่องคดีความยังไม่จบ คงต้องให้ทุกฝ่ายชี้แจ้งในศาลเพื่อความยุิติธรรมverena เขียน:ลูกค้าทีวีไดเร็ท หลายแบรนด์ ได้เงินช้ามากคะ เช่นฮั่งจื้อกงวีฃีดีสอนภาษาจีนเอาเข้าไปขาย ล่าสุดก็มีคดีกับดาราตาสุรางคณา ถ้าองค์กรสีเทาๆอย่างนี้ ไม่มีธรรมภิบาล คงไม่กล้าฃื้อหุ้นคะ
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 10
มีรายละเอียดในการย่ืน filling ครั้งนี้ด้วยครับ เร่ืองข้อพิพาททางกฎหมาย ซ่ึงหลักคือเร่ืองฟ้องร้องทั้ง 2 ฝ่ายทั้งทีวีไดเร็กและตา-สุรางคณา ทั้งแพ่งและอาญา อธิบายโดยละเอียด ท่ีปรึกษากฎหมาย บอกว่า บริษัททีวีไดเร็ก ดำเนินการถูกกฎหมาย ลองไปอ่านแลขใช้วิจารณญาณ สำหรับใครท่ีจะซื้อหุ้นนี้[v] เขียน:มีคดีความกับดาราตามที่กระทู้ข้างบนบอกจริงๆครับ ตามข่าวว่าเคยเป็นผู้ถือหุ้นแต่โดนโกง
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 11
แห่ถอนไฟลิงขายไอพีโอ โทษกลต.เข้มกฎตรวจนาน' ทีวีไดเร็ค-ฮอทพอท'ถอย
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)
Monday, September 05, 2011 05:53
โพสต์ทูเดย์ -บริษัทที่เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ถอดใจ แห่ถอนไฟลิง เซ็ง ก.ล.ต.ตรวจสอบเข้มงวดแถมใช้เวลาพิจารณานาน 6 เดือน
แหล่งข่าววงการวาณิชธนกิจเปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทที่อยู่ระหว่างการขออนุญาตเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ)ขอถอนแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิง)จาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) จำนวนมาก เนื่องจากก.ล.ต.เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ
ปัจจุบันบริษัทที่ถอนไฟลิงออกไปแล้ว ประกอบด้วย บริษัท ทีวี ไดเร็ค บริษัท ฮอท พอท และ บริษัทวุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม และคาดว่ามีบริษัทที่เตรียมจะถอนออกไปอีกประมาณ 2-3 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
"ช่วงนี้ ก.ล.ต.เข้มงวดมากตรวจสอบละเอียดยิบ การเปิดเผยข้อมูลบางประเด็นสามารถผ่อนคลายได้ แต่ก็ไม่ยอมยืดหยุ่น ทำให้บางบริษัทต้องกลับไปแก้ข้อมูลหลายครั้งจนถอดใจ เพราะกระบวนการเสนอขายหุ้นมีความยุ่งยากมาก"แหล่งข่าวเปิดเผย
ทั้งนี้ ประเด็นที่ ก.ล.ต.ให้ความสำคัญและตรวจสอบอย่างละเอียดคือ ความขัดแย้งทางผลประโยชน์(Conflict of Interest) รายการระหว่างกันของผู้ถือหุ้นใหญ่และบริษัทย่อย ระบบควบคุมภายในและระบบบัญชีที่มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS) ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างไปจากระบบบัญชีเดิมถึง 80% เช่น การบันทึกและรับรู้รายได้ การตั้งสำรองผลตอบแทนพนักงาน การตัดค่าเสื่อมสินทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งประเด็นเหล่านี้ทำให้การใช้เวลาพิจารณาไฟลิงของ ก.ล.ต.เพิ่มขึ้น จากปกติอยู่ที่ 2-3 เดือน เพิ่มเป็นประมาณ6 เดือน
"บริษัทที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือ กลุ่มที่จะเข้า mai เพราะพวกนี้เป็นเอสเอ็มอี ทำธุรกิจแบบครอบครัวมาก่อน มาตรฐานหลายอย่างเทียบไม่ได้กับบริษัทขนาดใหญ่แต่ ก.ล.ต.กลับไม่ยอมผ่อนปรน ต้องการให้ทุกอย่างเข้าเกณฑ์เดียวกันหมด ซึ่งเป็นไปได้ยากและไม่สอดคล้องกับนโยบายของ ก.ล.ต. ที่ต้องการสนับสนุนเอสเอ็มอีให้เข้าถึงทุนได้ง่ายขึ้น" แหล่งข่าวเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าบางบริษัทที่ถอนไฟลิงออกไป เป็นเพราะที่ปรึกษาทางการเงินนำเสนอข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือ ก.ล.ต.ตรวจสอบพบว่า บริษัทที่ปรึกษามีเจตนาประเมินมูลค่ากิจการสูงเกินความเป็นจริง จึงถอนไฟลิงออกไปด้วยความสมัครใจ m--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)
Monday, September 05, 2011 05:53
โพสต์ทูเดย์ -บริษัทที่เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ถอดใจ แห่ถอนไฟลิง เซ็ง ก.ล.ต.ตรวจสอบเข้มงวดแถมใช้เวลาพิจารณานาน 6 เดือน
แหล่งข่าววงการวาณิชธนกิจเปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทที่อยู่ระหว่างการขออนุญาตเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ)ขอถอนแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิง)จาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) จำนวนมาก เนื่องจากก.ล.ต.เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ
ปัจจุบันบริษัทที่ถอนไฟลิงออกไปแล้ว ประกอบด้วย บริษัท ทีวี ไดเร็ค บริษัท ฮอท พอท และ บริษัทวุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม และคาดว่ามีบริษัทที่เตรียมจะถอนออกไปอีกประมาณ 2-3 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
"ช่วงนี้ ก.ล.ต.เข้มงวดมากตรวจสอบละเอียดยิบ การเปิดเผยข้อมูลบางประเด็นสามารถผ่อนคลายได้ แต่ก็ไม่ยอมยืดหยุ่น ทำให้บางบริษัทต้องกลับไปแก้ข้อมูลหลายครั้งจนถอดใจ เพราะกระบวนการเสนอขายหุ้นมีความยุ่งยากมาก"แหล่งข่าวเปิดเผย
ทั้งนี้ ประเด็นที่ ก.ล.ต.ให้ความสำคัญและตรวจสอบอย่างละเอียดคือ ความขัดแย้งทางผลประโยชน์(Conflict of Interest) รายการระหว่างกันของผู้ถือหุ้นใหญ่และบริษัทย่อย ระบบควบคุมภายในและระบบบัญชีที่มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS) ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างไปจากระบบบัญชีเดิมถึง 80% เช่น การบันทึกและรับรู้รายได้ การตั้งสำรองผลตอบแทนพนักงาน การตัดค่าเสื่อมสินทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งประเด็นเหล่านี้ทำให้การใช้เวลาพิจารณาไฟลิงของ ก.ล.ต.เพิ่มขึ้น จากปกติอยู่ที่ 2-3 เดือน เพิ่มเป็นประมาณ6 เดือน
"บริษัทที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือ กลุ่มที่จะเข้า mai เพราะพวกนี้เป็นเอสเอ็มอี ทำธุรกิจแบบครอบครัวมาก่อน มาตรฐานหลายอย่างเทียบไม่ได้กับบริษัทขนาดใหญ่แต่ ก.ล.ต.กลับไม่ยอมผ่อนปรน ต้องการให้ทุกอย่างเข้าเกณฑ์เดียวกันหมด ซึ่งเป็นไปได้ยากและไม่สอดคล้องกับนโยบายของ ก.ล.ต. ที่ต้องการสนับสนุนเอสเอ็มอีให้เข้าถึงทุนได้ง่ายขึ้น" แหล่งข่าวเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าบางบริษัทที่ถอนไฟลิงออกไป เป็นเพราะที่ปรึกษาทางการเงินนำเสนอข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือ ก.ล.ต.ตรวจสอบพบว่า บริษัทที่ปรึกษามีเจตนาประเมินมูลค่ากิจการสูงเกินความเป็นจริง จึงถอนไฟลิงออกไปด้วยความสมัครใจ m--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 13
ก.ล.ต. ไม่ยอมยืดหยุ่นดีแล้วครับ
ถ้าหากบริษัทไหน ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยรายละเอียด หรือแก้ไขจนผ่านมาตรฐาน ก็ยังไม่สมควรปล่อยให้เข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ครับ
ขอบคุณสำหรับข่าวครับ
ถ้าหากบริษัทไหน ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยรายละเอียด หรือแก้ไขจนผ่านมาตรฐาน ก็ยังไม่สมควรปล่อยให้เข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ครับ
ขอบคุณสำหรับข่าวครับ
- awesomekid
- Verified User
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 14
เห็นด้วยกับ กลต นะครับ เป็นมหาชน ก็ควรจะโปร่งใส ตรวจสอบได้ พวกเราคนลงทุนจะได้ไม่เสียเปรียบบริษัทที่ชอบเอาเปรียบ และถ้าเท่านี้ยังถอดใจ ต่อไปเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ก็คงจะถอดใจง่าย ๆ เหมือนกันล่ะ
====================================
เก็บเล็กผสมน้อยมาลงทุน เพื่ออนาคตอันเป็นอิสระ
====================================
เก็บเล็กผสมน้อยมาลงทุน เพื่ออนาคตอันเป็นอิสระ
====================================
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 15
*"ทีวี ไดเร็ค"ถอนไฟลิ่งจากการพิจารณาก.ล.ต.ชั่วคราว, เปลี่ยน FA เป็น FSS
Source - IQ Biz (Th)
Wednesday, September 14, 2011 15:45
56932 XTHAI XECON XFINSEC ZSTOCK HOTN V%WIREL P%IQ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ย. 54)--นายวิเชียร์ มานะพงศ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.ทีวี ไดเร็ค เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้ทาง ทีวี ไดเร็ค ได้ขอถอนข้อมูลไฟลิ่งออกมาจากการพิจารณาของสำนักงานก.ล.ต.เป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีประเด็นที่ทางก.ล.ต.ต้องการจะให้มีการแก้ไขบางประเด็นก่อน ซึ่งเป็นเรื่องของระบบการควบคุมภายในของบริษัทฯ ภายหลังจากที่บริษัทฯได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชีปี 2554 เป็น PRICE WATER HOUSE COOPERS LTD. ซึ่งก็คาดว่าจะจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3 สัปดาห์
"ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ทางบริษัทฯจะเข้าพบกับก.ล.ต.เพื่อจะสรุปรายละเอียดอีกครั้งก่อน ว่ามีประเด็นไหนที่จะให้ปรับ-แก้ไขอีกหรือเปล่า หากไม่มี และมีเพียงประเด็นเดียวเรื่องระบบการควบคุมภายใน ก็คาดว่าอีกประมาณ 2-3 อาทิตย์ก็จะสามารถยื่นข้อมูลไฟลิ่งให้สำนักงานก.ล.ต.ได้พิจารณาได้อีกครั้ง"นายวิเชียร์ กล่าว
นอกจากนี้ ขณะนี้ทาง ทีวี ไดเร็ค ได้มีการเปลี่ยนที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว โดยได้ให้ทางบล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแทน บล.โกลเบล็ก (GLOBLEX) เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลการเสนอขาย IPO ของ ทีวี ไดเร็ค โดยตรง ได้ย้ายมาทำงานที่ ฟินันเซีย ไซรัส ดังนั้นจึงมีการย้ายตามมาด้วย
บมจ.ทีวี ไดเร็ค ต้องการจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 28.96 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายต่อประชาชน 23,168,000 หุ้น และเสนอขายต่อกรรมการและ/หรือพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย 5,792,000 หุ้น และบริษัทฯมีความประสงค์จะนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(MAI)
ทีวี ไดเร็ค ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดหลากหลายช่องทางทั้งการขายตรงผ่านทีวี เว็บไซท์ ไดเร็คเมลล์ โทรศัพท์ ,ขายปลีกผ่านร้านค้าย่อย, ขายส่ง และบริการรับจ้างผลิตสื่อโฆษณาและจัดหาเวลาโฆษณาให้แก่ลูกค้า เพื่อให้สินค้าและบริการของบริษัทสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจแก่ลูกค้าภายใต้แนวคิด Entertaining People with information
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
Source - IQ Biz (Th)
Wednesday, September 14, 2011 15:45
56932 XTHAI XECON XFINSEC ZSTOCK HOTN V%WIREL P%IQ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ย. 54)--นายวิเชียร์ มานะพงศ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.ทีวี ไดเร็ค เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้ทาง ทีวี ไดเร็ค ได้ขอถอนข้อมูลไฟลิ่งออกมาจากการพิจารณาของสำนักงานก.ล.ต.เป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีประเด็นที่ทางก.ล.ต.ต้องการจะให้มีการแก้ไขบางประเด็นก่อน ซึ่งเป็นเรื่องของระบบการควบคุมภายในของบริษัทฯ ภายหลังจากที่บริษัทฯได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชีปี 2554 เป็น PRICE WATER HOUSE COOPERS LTD. ซึ่งก็คาดว่าจะจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3 สัปดาห์
"ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ทางบริษัทฯจะเข้าพบกับก.ล.ต.เพื่อจะสรุปรายละเอียดอีกครั้งก่อน ว่ามีประเด็นไหนที่จะให้ปรับ-แก้ไขอีกหรือเปล่า หากไม่มี และมีเพียงประเด็นเดียวเรื่องระบบการควบคุมภายใน ก็คาดว่าอีกประมาณ 2-3 อาทิตย์ก็จะสามารถยื่นข้อมูลไฟลิ่งให้สำนักงานก.ล.ต.ได้พิจารณาได้อีกครั้ง"นายวิเชียร์ กล่าว
นอกจากนี้ ขณะนี้ทาง ทีวี ไดเร็ค ได้มีการเปลี่ยนที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว โดยได้ให้ทางบล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแทน บล.โกลเบล็ก (GLOBLEX) เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลการเสนอขาย IPO ของ ทีวี ไดเร็ค โดยตรง ได้ย้ายมาทำงานที่ ฟินันเซีย ไซรัส ดังนั้นจึงมีการย้ายตามมาด้วย
บมจ.ทีวี ไดเร็ค ต้องการจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 28.96 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายต่อประชาชน 23,168,000 หุ้น และเสนอขายต่อกรรมการและ/หรือพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย 5,792,000 หุ้น และบริษัทฯมีความประสงค์จะนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(MAI)
ทีวี ไดเร็ค ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดหลากหลายช่องทางทั้งการขายตรงผ่านทีวี เว็บไซท์ ไดเร็คเมลล์ โทรศัพท์ ,ขายปลีกผ่านร้านค้าย่อย, ขายส่ง และบริการรับจ้างผลิตสื่อโฆษณาและจัดหาเวลาโฆษณาให้แก่ลูกค้า เพื่อให้สินค้าและบริการของบริษัทสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจแก่ลูกค้าภายใต้แนวคิด Entertaining People with information
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 16
‘ทีวี ไดเร็ค’ ย้ำแบรนด์ ‘Welness’ ส่ง Welness iS-Duoหวังผูกขาดตลาด
Source - เว็บไซต์สยามธุรกิจ (Th)
Thursday, September 15, 2011 20:10
39493 XTHAI XSALES DSALES V%NETNEWS P%WSB
“ทีวี ไดเร็ค” ฉลอง 6 ปี แบรนด์ Welness ภายใต้ธีม “Healthy Celebration” พร้อมปรับกลยุทธ์การให้บริการ ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพ แถมด้วยการเปิดตัว Welness iS-Duo นวัตกรรมใหม่ของ เครื่องสั่นสะเทือนที่ทำให้การออกกำลังกายง่ายขึ้น หมายเป็นเจ้าแห่งเครื่อง ออกกำลังกาย
นางสาวนิตยา พิศลยบุตร ผู้อำนวยการ ฝ่ายแสดงสินค้าและออกบูธ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “แบรนด์ Welness เริ่มจากสินค้าเก้าอี้นวดไฟฟ้ารุ่น 363 หรือที่เรียกกันจนติดปากว่าเก้าอี้นวด คุณรอง (คุณรอง เค้ามูลคดี เป็น Brand Ambassador) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องเรียกว่าทะลุเป้า โดยมีจุดยืนว่า สินค้าของเราจะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ดี ทนทาน ในราคาที่เป็นเจ้าของได้
“วันนี้ Welness ครบรอบ 6 ปี ที่ครองใจผู้บริโภคทั่วประเทศ กับการจัดงาน ฉลอง ในงาน “Healthy Celebration” ที่มีนโยบายและแนวคิดมาจากการตอบสนอง ความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ในเรื่องของสุขภาพ และต้องการเติมความ สุขให้แก่ผู้บริโภคผ่านนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ของ Welness ที่เราได้มุ่งค้นหาและคัดสรร สินค้าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และต้องมั่นใจว่าได้มาตรฐานอย่างแท้จริง”
นางสาวนิตยา กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องของ Welness ในงาน “Healthy Celebration” ในครั้งนี้ ทีวี ไดเร็ค ได้รับความร่วมมือจาก ศูนย์สรรพสินค้า ซีคอนสแควร์ ศูนย์การค้าชั้นนำและแหล่งนัดพบทันสมัยสำคัญต่างๆ ที่จะพาคุณพบกับกิจกรรมทดสอบประสิทธิภาพเหนือระดับของตัวเครื่องสั่นสะเทือนรุ่นใหม่ Welness iS-Duo นวัตกรรมใหม่ของเครื่องสั่นสะเทือน โดยเราร่วมกับโรงงาน คิดค้นพัฒนาขึ้นมาเองใช้เวลาถึง 3 ปี จนได้ ออกมาเป็นระบบ Twist & Stabilizer System ที่สั่นสะเทือนถึง 4 ทิศทาง ช่วยให้ทุกสัดส่วนได้เคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้นอย่าง ที่ไม่เคยมีเครื่องไหนทำได้มาก่อน ในเวลาเท่าเดิม เพิ่มความหลากหลายด้วยโปรแกรม อัตโนมัติที่มากถึง 3 โปรแกรม และฟังก์ชั่น การใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายัง จัดกิจกรรมแนะนำสินค้าในห้าง และศูนย์แสดงสินค้าต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าของเราในทุกที่ได้ทดลอง Welness iS-Duo ได้ บวกกับการจัดกิจกรรม โปรโมชั่นพิเศษในทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำทุกเดือนอีกด้วย
สำหรับรูปแบบและกลยุทธ์ในการจัดกิจกรรม “Healthy Celebration” นางสาวนิตยา กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราจะเน้น การมอบความสุข ความรู้สึกสนุกสนาน รวมไปถึงอยากให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีด้วยตัวเอง และค้นพบประสบการณ์เพื่อสุขภาพรูปแบบใหม่ ผ่านอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยแบบครบวงจร โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ที่มาให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว เพื่อความง่ายของการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ที่แตกต่างกัน และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้า Welness อีกด้วย ถึงวันนี้เรามีสินค้าเพื่อสุขภาพมากถึง 40 ชนิด ตั้งแต่หมวดเก้าอี้นวด เครื่องนวด เครื่อง สั่นสะเทือน เครื่องกรองน้ำ เครื่องนอน เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์ Family Care และสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ อย่างเช่น Welness Dust Away น้ำพลังไทเทเนียม และเรายังไม่หยุดพัฒนา สินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ออกมาเอาใจคนรักสุขภาพ โดยจุดยืนของ Welness ยัง คงเหมือนเดิม คือสินค้าคุณภาพดีในราคา ที่เป็นเจ้าของได้ไม่เปลี่ยนแปลง”
คุณรอง เค้ามูลคดี Brand Ambassador ผลิตภัณฑ์ Welness กับความประทับใจ ในแบรนด์ Welness ตลอดระยะเวลา 6 ปี ว่า “ปัจจุบันผมมีโอกาสได้ทดลองใช้สินค้า ของแบรนด์ Welness เกือบทุกตัวครับ เริ่ม ตั้งแต่เก้าอี้นวดไฟฟ้ารุ่น 363 จนถึงตอนนี้ Welness ได้พัฒนาสินค้าอย่างไม่หยุดนิ่งจริงๆ เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพดีทั้งภายใน และภายนอก และสินค้าต้องสวย ต้องดี สร้างความประทับใจในคุณภาพของสินค้า ทำให้ผู้บริโภครับรู้ถึงคุณภาพทุกประการของสินค้า และเกิดความประทับใจ เราเป็น ดารานักแสดงแน่นอนอยู่แล้วครับว่าเวลา พักผ่อนของเราก็จะน้อยกว่าคนปกติ ผมเชื่อใจ และไว้ใจให้ผลิตภัณฑ์ Welness เป็น ผู้ช่วยในเรื่องของการดูแลสุขภาพของผม และทุกคนในครอบครัว และผมเชื่อว่า Welness สามารถตอบโจทย์สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ในเรื่องสุขภาพอย่างแน่นอนครับ”--จบ--
ที่มา: http://www.siamturakij.com
Source - เว็บไซต์สยามธุรกิจ (Th)
Thursday, September 15, 2011 20:10
39493 XTHAI XSALES DSALES V%NETNEWS P%WSB
“ทีวี ไดเร็ค” ฉลอง 6 ปี แบรนด์ Welness ภายใต้ธีม “Healthy Celebration” พร้อมปรับกลยุทธ์การให้บริการ ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพ แถมด้วยการเปิดตัว Welness iS-Duo นวัตกรรมใหม่ของ เครื่องสั่นสะเทือนที่ทำให้การออกกำลังกายง่ายขึ้น หมายเป็นเจ้าแห่งเครื่อง ออกกำลังกาย
นางสาวนิตยา พิศลยบุตร ผู้อำนวยการ ฝ่ายแสดงสินค้าและออกบูธ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “แบรนด์ Welness เริ่มจากสินค้าเก้าอี้นวดไฟฟ้ารุ่น 363 หรือที่เรียกกันจนติดปากว่าเก้าอี้นวด คุณรอง (คุณรอง เค้ามูลคดี เป็น Brand Ambassador) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องเรียกว่าทะลุเป้า โดยมีจุดยืนว่า สินค้าของเราจะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ดี ทนทาน ในราคาที่เป็นเจ้าของได้
“วันนี้ Welness ครบรอบ 6 ปี ที่ครองใจผู้บริโภคทั่วประเทศ กับการจัดงาน ฉลอง ในงาน “Healthy Celebration” ที่มีนโยบายและแนวคิดมาจากการตอบสนอง ความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ในเรื่องของสุขภาพ และต้องการเติมความ สุขให้แก่ผู้บริโภคผ่านนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ของ Welness ที่เราได้มุ่งค้นหาและคัดสรร สินค้าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และต้องมั่นใจว่าได้มาตรฐานอย่างแท้จริง”
นางสาวนิตยา กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องของ Welness ในงาน “Healthy Celebration” ในครั้งนี้ ทีวี ไดเร็ค ได้รับความร่วมมือจาก ศูนย์สรรพสินค้า ซีคอนสแควร์ ศูนย์การค้าชั้นนำและแหล่งนัดพบทันสมัยสำคัญต่างๆ ที่จะพาคุณพบกับกิจกรรมทดสอบประสิทธิภาพเหนือระดับของตัวเครื่องสั่นสะเทือนรุ่นใหม่ Welness iS-Duo นวัตกรรมใหม่ของเครื่องสั่นสะเทือน โดยเราร่วมกับโรงงาน คิดค้นพัฒนาขึ้นมาเองใช้เวลาถึง 3 ปี จนได้ ออกมาเป็นระบบ Twist & Stabilizer System ที่สั่นสะเทือนถึง 4 ทิศทาง ช่วยให้ทุกสัดส่วนได้เคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้นอย่าง ที่ไม่เคยมีเครื่องไหนทำได้มาก่อน ในเวลาเท่าเดิม เพิ่มความหลากหลายด้วยโปรแกรม อัตโนมัติที่มากถึง 3 โปรแกรม และฟังก์ชั่น การใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายัง จัดกิจกรรมแนะนำสินค้าในห้าง และศูนย์แสดงสินค้าต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าของเราในทุกที่ได้ทดลอง Welness iS-Duo ได้ บวกกับการจัดกิจกรรม โปรโมชั่นพิเศษในทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำทุกเดือนอีกด้วย
สำหรับรูปแบบและกลยุทธ์ในการจัดกิจกรรม “Healthy Celebration” นางสาวนิตยา กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราจะเน้น การมอบความสุข ความรู้สึกสนุกสนาน รวมไปถึงอยากให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีด้วยตัวเอง และค้นพบประสบการณ์เพื่อสุขภาพรูปแบบใหม่ ผ่านอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยแบบครบวงจร โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ที่มาให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว เพื่อความง่ายของการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ที่แตกต่างกัน และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้า Welness อีกด้วย ถึงวันนี้เรามีสินค้าเพื่อสุขภาพมากถึง 40 ชนิด ตั้งแต่หมวดเก้าอี้นวด เครื่องนวด เครื่อง สั่นสะเทือน เครื่องกรองน้ำ เครื่องนอน เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์ Family Care และสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ อย่างเช่น Welness Dust Away น้ำพลังไทเทเนียม และเรายังไม่หยุดพัฒนา สินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ออกมาเอาใจคนรักสุขภาพ โดยจุดยืนของ Welness ยัง คงเหมือนเดิม คือสินค้าคุณภาพดีในราคา ที่เป็นเจ้าของได้ไม่เปลี่ยนแปลง”
คุณรอง เค้ามูลคดี Brand Ambassador ผลิตภัณฑ์ Welness กับความประทับใจ ในแบรนด์ Welness ตลอดระยะเวลา 6 ปี ว่า “ปัจจุบันผมมีโอกาสได้ทดลองใช้สินค้า ของแบรนด์ Welness เกือบทุกตัวครับ เริ่ม ตั้งแต่เก้าอี้นวดไฟฟ้ารุ่น 363 จนถึงตอนนี้ Welness ได้พัฒนาสินค้าอย่างไม่หยุดนิ่งจริงๆ เพื่อให้ทุกท่านได้มีสุขภาพดีทั้งภายใน และภายนอก และสินค้าต้องสวย ต้องดี สร้างความประทับใจในคุณภาพของสินค้า ทำให้ผู้บริโภครับรู้ถึงคุณภาพทุกประการของสินค้า และเกิดความประทับใจ เราเป็น ดารานักแสดงแน่นอนอยู่แล้วครับว่าเวลา พักผ่อนของเราก็จะน้อยกว่าคนปกติ ผมเชื่อใจ และไว้ใจให้ผลิตภัณฑ์ Welness เป็น ผู้ช่วยในเรื่องของการดูแลสุขภาพของผม และทุกคนในครอบครัว และผมเชื่อว่า Welness สามารถตอบโจทย์สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ในเรื่องสุขภาพอย่างแน่นอนครับ”--จบ--
ที่มา: http://www.siamturakij.com
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 17
IPO Focus:"ทีวี ไดเร็ค"เล็งยื่นไฟลิ่งรอบใหม่ ต.ค.,จะขายหุ้น IPO เพิ่มขึ้น
Source - รอยเตอร์ ข่าวภายในประเทศ (Th)
Wednesday, September 21, 2011 09:47
43111 NRTL143111 XTHAI XSALES XLOCAL XFINMKT XFID321 RTH RET TH STX LTH RTH V%WIREI P%RTN
โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร
กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--รอยเตอร์
บมจ.ทีวี ไดเร็ค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่ หลากหลาย เตรียมยื่นแบบไฟลิ่งรอบใหม่ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ราวเดือน ต.ค.นี้ หลังถอนแบบไฟลิ่งไปก่อนหน้านี้ เพื่อนำไปปรับปรุง
ผู้บริหารทีวี ไดเร็ค เผยจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) มากขึ้น เพื่อระดมทุนเพิ่ม หลังบริษัทมีแผนจะไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 3 ประเทศ นอกเหนือ จากประเทศในกลุ่มอินโดไชน่า
"เราถอนไฟลิ่งออกมาก่อน เพราะมีการเปลี่ยนผู้สอบบัญชี และเรายังมีแผนที่จะลงทุน ในต่างประเทศมากขึ้น ก.ล.ต.จึงแนะนำให้ถอนไปก่อน แล้วไปดำเนินการให้เรียบร้อย จึงค่อยมา ยื่นใหม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะ submit ใหม่ได้ในเดือนตุลาฯ"นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการ บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีวี ไดเร็ค กล่าวกับ"รอยเตอร์"
นายทรงพล กล่าวว่า บริษัทคงแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เหมือน เดิม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เปลี่ยนผู้สอบบัญชีเป็นไพรซ์ วอเตอร์เฮ้าส์ เพื่อเข้ามาช่วย ดูแลระบบบัญชีของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่จะ ลงทุนในประเทศกลุ่มอินโดไชน่า ก็จะไปลงทุนเพิ่มในอีก 3 ประเทศที่อยู่นอกเหนือจาก อินโดไชน่า ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ ดังนั้นบริษัทคงจะต้องระดมทุน มากกว่าเดิม รวมถึงจำนวนหุ้น IPO ที่จะเสนอขายก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
ทีวี ไดเร็ค เดิมจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 28.96 ล้านหุ้น โดยหุ้นจะเข้า ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ซึ่งเมื่อเดือน มิ.ย.ผู้บริหาร กล่าวกับ "รอยเตอร์"โดยคาดหวังว่าจะได้เงินจากการระดมทุนราว 80-100 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ผู้บริหาร ทีวี ไดเร็ค กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะไปลงทุนต่างประเทศ ในอินโดไชน่า ได้แก่ ลาว เวียดนาม กัมพูชา รวมถึงในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งบริษัท จะมีการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศต่างๆ โดยจะให้ดีลเลอร์ ในประเทศนั้นๆ เข้ามาเป็น พันธมิตรทางธุรกิจ
นายทรงพล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะได้เงินจากการระดมทุน ที่เพิ่มขึ้น จะอยู่ในระดับใด เนื่องจากจะต้องรอให้บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ศึกษาแผน การใช้เงินลงทุน เพื่อขยายธุรกิจเสียก่อน โดยจะหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินภายในก.ย.นี้
เขา กล่าวว่า บริษัทได้เปลี่ยนที่ปรึกษาทางการเงินเป็น บล.ฟินันเซีย ไซรัส จากเดิม บล.โกลเบล็ก เนื่องจากผู้บริหารด้านวาณิชธนกิจของบล.โกลเบล็ก ที่ดูแลบริษัท ได้ย้ายไปอยู่กับบล.ฟินันเซีย ไซรัส
**ยังไม่กำหนดเวลาเข้าตลาดหุ้น
นายทรงพล กล่าวว่า บริษัทไม่ได้เร่งรีบที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เนื่องจากจะต้องยื่นแบบไฟลิ่งรอบใหม่ และรอให้สำนักงาน ก.ล.ต.ให้ความเห็นชอบเสียก่อน ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบในปีนี้ และภาวะตลาดหุ้นเอื้ออำนวย ก็พร้อมที่จะขายหุ้น IPO ในปีนี้ แต่หากก.ล.ต.พิจารณาไม่ทันในปีนี้ ก็เลื่อนขายเป็นปีหน้าก็ได้ บริษัทไม่ได้รับ ผลกระทบแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร ทีวี ไดเร็ค กล่าวกับ"รอยเตอร์" โดยคาดการณ์ว่าจะนำหุ้น เข้าจดทะเบียนได้ประมาณปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ปีนี้
เขา กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นการนำหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะทำให้บริษัทสามารถระดมทุน เพื่อนำเงินไปใช้ ในการขยายธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น--จบ--
(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร รายงานและเรียบเรียง--วพ--)
(([email protected];โทร.0-2648-9756;
ReutersMessaging:wirat.buranakanokthanasan.thomsonreuters.com@
reuters.net))
Copyright 2011 Reuters.
Source - รอยเตอร์ ข่าวภายในประเทศ (Th)
Wednesday, September 21, 2011 09:47
43111 NRTL143111 XTHAI XSALES XLOCAL XFINMKT XFID321 RTH RET TH STX LTH RTH V%WIREI P%RTN
โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร
กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--รอยเตอร์
บมจ.ทีวี ไดเร็ค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่ หลากหลาย เตรียมยื่นแบบไฟลิ่งรอบใหม่ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ราวเดือน ต.ค.นี้ หลังถอนแบบไฟลิ่งไปก่อนหน้านี้ เพื่อนำไปปรับปรุง
ผู้บริหารทีวี ไดเร็ค เผยจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) มากขึ้น เพื่อระดมทุนเพิ่ม หลังบริษัทมีแผนจะไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 3 ประเทศ นอกเหนือ จากประเทศในกลุ่มอินโดไชน่า
"เราถอนไฟลิ่งออกมาก่อน เพราะมีการเปลี่ยนผู้สอบบัญชี และเรายังมีแผนที่จะลงทุน ในต่างประเทศมากขึ้น ก.ล.ต.จึงแนะนำให้ถอนไปก่อน แล้วไปดำเนินการให้เรียบร้อย จึงค่อยมา ยื่นใหม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะ submit ใหม่ได้ในเดือนตุลาฯ"นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการ บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีวี ไดเร็ค กล่าวกับ"รอยเตอร์"
นายทรงพล กล่าวว่า บริษัทคงแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เหมือน เดิม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เปลี่ยนผู้สอบบัญชีเป็นไพรซ์ วอเตอร์เฮ้าส์ เพื่อเข้ามาช่วย ดูแลระบบบัญชีของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่จะ ลงทุนในประเทศกลุ่มอินโดไชน่า ก็จะไปลงทุนเพิ่มในอีก 3 ประเทศที่อยู่นอกเหนือจาก อินโดไชน่า ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ ดังนั้นบริษัทคงจะต้องระดมทุน มากกว่าเดิม รวมถึงจำนวนหุ้น IPO ที่จะเสนอขายก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
ทีวี ไดเร็ค เดิมจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 28.96 ล้านหุ้น โดยหุ้นจะเข้า ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ซึ่งเมื่อเดือน มิ.ย.ผู้บริหาร กล่าวกับ "รอยเตอร์"โดยคาดหวังว่าจะได้เงินจากการระดมทุนราว 80-100 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ผู้บริหาร ทีวี ไดเร็ค กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะไปลงทุนต่างประเทศ ในอินโดไชน่า ได้แก่ ลาว เวียดนาม กัมพูชา รวมถึงในมาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งบริษัท จะมีการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศต่างๆ โดยจะให้ดีลเลอร์ ในประเทศนั้นๆ เข้ามาเป็น พันธมิตรทางธุรกิจ
นายทรงพล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะได้เงินจากการระดมทุน ที่เพิ่มขึ้น จะอยู่ในระดับใด เนื่องจากจะต้องรอให้บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ศึกษาแผน การใช้เงินลงทุน เพื่อขยายธุรกิจเสียก่อน โดยจะหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินภายในก.ย.นี้
เขา กล่าวว่า บริษัทได้เปลี่ยนที่ปรึกษาทางการเงินเป็น บล.ฟินันเซีย ไซรัส จากเดิม บล.โกลเบล็ก เนื่องจากผู้บริหารด้านวาณิชธนกิจของบล.โกลเบล็ก ที่ดูแลบริษัท ได้ย้ายไปอยู่กับบล.ฟินันเซีย ไซรัส
**ยังไม่กำหนดเวลาเข้าตลาดหุ้น
นายทรงพล กล่าวว่า บริษัทไม่ได้เร่งรีบที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เนื่องจากจะต้องยื่นแบบไฟลิ่งรอบใหม่ และรอให้สำนักงาน ก.ล.ต.ให้ความเห็นชอบเสียก่อน ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบในปีนี้ และภาวะตลาดหุ้นเอื้ออำนวย ก็พร้อมที่จะขายหุ้น IPO ในปีนี้ แต่หากก.ล.ต.พิจารณาไม่ทันในปีนี้ ก็เลื่อนขายเป็นปีหน้าก็ได้ บริษัทไม่ได้รับ ผลกระทบแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร ทีวี ไดเร็ค กล่าวกับ"รอยเตอร์" โดยคาดการณ์ว่าจะนำหุ้น เข้าจดทะเบียนได้ประมาณปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ปีนี้
เขา กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นการนำหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะทำให้บริษัทสามารถระดมทุน เพื่อนำเงินไปใช้ ในการขยายธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น--จบ--
(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร รายงานและเรียบเรียง--วพ--)
(([email protected];โทร.0-2648-9756;
ReutersMessaging:wirat.buranakanokthanasan.thomsonreuters.com@
reuters.net))
Copyright 2011 Reuters.
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 18
ข่าวประชาสัมพันธ์ วันที่ 10 มกราคม 2555
‘ทีวี ไดเร็ค’ ตั้ง ‘ฟินันเซีย ไซรัส’ ยื่นขายหุ้นไอพีโอเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ
เสริมทุน-หนุนภาพลักษณ์ รับมือทุนยักษ์ใหญ่ข้ามชาติบุกไทย
“ทีวี ไดเร็ค” ชี้ปี 55 สนุกแน่ หลังจากมีผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลายในไทยมากขึ้น “ทรงพล” ยิ้มรับไม่กลัวคู่แข่ง มั่นใจจุดแข็งและประสบการณ์กว่า 13 ปีของทีวี ไดเร็ค เผยตลาดรวมยังโตได้อีกมาก เหตุตลาดแบบตรงในไทยยังมีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ชี้ปี 2010 ไทยติดอันดับ 36 จากการจัดลำดับของสมาคมค้าปลีกผ่านอิเล็คทรอนิคส์ เชื่อยิ่งมีการแข่งขันตลาดยิ่งโต ด้านความคืบหน้าการเตรียมขายหุ้นไอพีโอ เข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ บริษัทได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO เมื่อปลายปี 54 โดยมี บล. ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ชี้การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันได้อีกขั้นหนึ่ง เปิดงบ 9 เดือน ยอดขายโต 33.64%
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย (Multichannel Marketing) กล่าวถึงแนวโน้มตลาด Multichannel Marketing ในปี 2555 ว่า จะมีความคึกคักมากขึ้น หลังจากมีนักลงทุนต่างชาติทั้งจากเกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น สนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจธุรกิจนี้ในประเทศไทยมากขึ้น จากที่ผ่านมาทีวี ไดเร็ค เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่เพียงรายเดียวของไทยที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 และทิ้งห่างที่สองอยู่มาก ด้วยประสบการณ์ดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า 12 ปี
“การที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น เรามองว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ตลาดคึกคักขึ้น และตลาดในประเทศไทยยังถือว่าเล็กมาก โดยในปี 2010 ไทยติดอันดับที่ 36 ของการจัดลำดับจากสมาคมค้าปลีกผ่านอิเล็คทรอนิคส์ จึงเชื่อว่ามีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งทีวี ไดเร็ค พร้อมสำหรับการแข่งขัน เนื่องจากเราได้จับจองสื่อต่างๆ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไว้ได้ค่อนข้างครบถ้วน ทั้งฟรีทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ไดเร็คเมลล์ เมลล์ออเดอร์ ระบบโทรศัพท์แบบโทรออก และระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (E-Commerce) และในส่วนของเงินทุนนั้นเราก็มีความแข็งแกร่ง ภาพลักษณ์ขององค์กรก็จะชัดเจนขึ้นเมื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ” นายทรงพลกล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการยื่นคำขอเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 28.96 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ นั้น บมจ.ทีวี ไดเร็ค ได้ตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ก.ล.ต. โดยบริษัทพร้อมจะเสนอขายหุ้นภายหลังจากได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต่อไป
สำหรับการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 28.96 ล้านหุ้นในครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป 23.168 ล้านหุ้น และเสนอขายหุ้นต่อกรรมการและ/หรือพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย จำนวนไม่เกิน 5.792 ล้านหุ้น ซึ่งการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ลงทุนขยายร้านค้าปลีก TV Direct Showcase 15 แห่ง และพัฒนาระบบร้านค้าปลีกและลงทุนระบบจัดส่งสินค้า รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ของบริษัทได้อีกขั้นหนึ่ง นอกจากเรื่องของเงินทุนต้นทุนต่ำแล้ว ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับทีวี ไดเร็ค ได้ด้วย เนื่องจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีระบบต่างๆ ที่เป็นมาตรฐาน ทั้งในเรื่องของระบบภายในสำนักงาน และการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส รวดเร็ว” นายทรงพล กล่าว
สำหรับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2554 บริษัทและบริษัทย่อยสามารถทำรายได้จากการขายและบริการ 1,387.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.64% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2553 ที่มีรายได้ 1,038.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 32.01 ล้านบาท
‘ทีวี ไดเร็ค’ ตั้ง ‘ฟินันเซีย ไซรัส’ ยื่นขายหุ้นไอพีโอเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ
เสริมทุน-หนุนภาพลักษณ์ รับมือทุนยักษ์ใหญ่ข้ามชาติบุกไทย
“ทีวี ไดเร็ค” ชี้ปี 55 สนุกแน่ หลังจากมีผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลายในไทยมากขึ้น “ทรงพล” ยิ้มรับไม่กลัวคู่แข่ง มั่นใจจุดแข็งและประสบการณ์กว่า 13 ปีของทีวี ไดเร็ค เผยตลาดรวมยังโตได้อีกมาก เหตุตลาดแบบตรงในไทยยังมีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ชี้ปี 2010 ไทยติดอันดับ 36 จากการจัดลำดับของสมาคมค้าปลีกผ่านอิเล็คทรอนิคส์ เชื่อยิ่งมีการแข่งขันตลาดยิ่งโต ด้านความคืบหน้าการเตรียมขายหุ้นไอพีโอ เข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ บริษัทได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO เมื่อปลายปี 54 โดยมี บล. ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ชี้การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันได้อีกขั้นหนึ่ง เปิดงบ 9 เดือน ยอดขายโต 33.64%
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย (Multichannel Marketing) กล่าวถึงแนวโน้มตลาด Multichannel Marketing ในปี 2555 ว่า จะมีความคึกคักมากขึ้น หลังจากมีนักลงทุนต่างชาติทั้งจากเกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น สนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจธุรกิจนี้ในประเทศไทยมากขึ้น จากที่ผ่านมาทีวี ไดเร็ค เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่เพียงรายเดียวของไทยที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 และทิ้งห่างที่สองอยู่มาก ด้วยประสบการณ์ดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า 12 ปี
“การที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น เรามองว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ตลาดคึกคักขึ้น และตลาดในประเทศไทยยังถือว่าเล็กมาก โดยในปี 2010 ไทยติดอันดับที่ 36 ของการจัดลำดับจากสมาคมค้าปลีกผ่านอิเล็คทรอนิคส์ จึงเชื่อว่ามีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งทีวี ไดเร็ค พร้อมสำหรับการแข่งขัน เนื่องจากเราได้จับจองสื่อต่างๆ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไว้ได้ค่อนข้างครบถ้วน ทั้งฟรีทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ไดเร็คเมลล์ เมลล์ออเดอร์ ระบบโทรศัพท์แบบโทรออก และระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (E-Commerce) และในส่วนของเงินทุนนั้นเราก็มีความแข็งแกร่ง ภาพลักษณ์ขององค์กรก็จะชัดเจนขึ้นเมื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ” นายทรงพลกล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการยื่นคำขอเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 28.96 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ นั้น บมจ.ทีวี ไดเร็ค ได้ตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ก.ล.ต. โดยบริษัทพร้อมจะเสนอขายหุ้นภายหลังจากได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต่อไป
สำหรับการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 28.96 ล้านหุ้นในครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป 23.168 ล้านหุ้น และเสนอขายหุ้นต่อกรรมการและ/หรือพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย จำนวนไม่เกิน 5.792 ล้านหุ้น ซึ่งการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ลงทุนขยายร้านค้าปลีก TV Direct Showcase 15 แห่ง และพัฒนาระบบร้านค้าปลีกและลงทุนระบบจัดส่งสินค้า รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ของบริษัทได้อีกขั้นหนึ่ง นอกจากเรื่องของเงินทุนต้นทุนต่ำแล้ว ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับทีวี ไดเร็ค ได้ด้วย เนื่องจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีระบบต่างๆ ที่เป็นมาตรฐาน ทั้งในเรื่องของระบบภายในสำนักงาน และการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส รวดเร็ว” นายทรงพล กล่าว
สำหรับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2554 บริษัทและบริษัทย่อยสามารถทำรายได้จากการขายและบริการ 1,387.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.64% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2553 ที่มีรายได้ 1,038.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 32.01 ล้านบาท
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 19
คอลัมน์: ขายตรง: ธุรกิจตลาดแบบตรงคึกทีวีไดเร็คเพิ่มทุนเสริมทัพ
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)
Saturday, January 14, 2012 03:33
10089 XTHAI XECON XCORP XSALES XCONSUME DAS V%PAPERL P%PTD
เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร
นอกจากอุตสาหกรรมขายตรงมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องแล้ว ธุรกิจการตลาดแบบตรง หรือวิธีการทำตลาดโดยตรงถึงผู้บริโภคก็ขยายตัวเช่นเดียวกัน โดยปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการหลายรายจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดมากขึ้นผู้นำตลาดอย่างทีวี ไดเร็ค จึงต้องปรับตัว
ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทีวี ไดเร็ค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย (Multichannel Marketing)กล่าวว่า แนวโน้มตลาดมัลติแชนแนลมาร์เก็ตติ้ง ในปีนี้ คาดว่าจะมีความคึกคักมากขึ้น หลังจากมีนักลงทุนต่างชาติทั้งจากเกาหลีไต้หวัน และญี่ปุ่น เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ในประเทศไทยมากขึ้น
ที่ผ่านมาทีวี ไดเร็ค เรียกว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่เพียงรายเดียวของไทยที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 และทิ้งห่างที่ 2 อยู่มาก ด้วยประสบการณ์ดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า 12 ปีขณะที่แนวโน้มตลาดมัลติแชนแนลมาร์เก็ตติ้งในเมืองไทยยังมีโอกาสเติบโตสูงเนื่องจากขนาดตลาดยังเล็ก คิดเป็นมูลค่ากว่า6,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้น ยิ่งมีคู่แข่งมากตลาดยิ่งเติบโต
"การที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น เรามองว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ตลาดคึกคักขึ้น และตลาดในประเทศไทยยังถือว่าเล็กมาก โดยในปี 2552 ไทยติดอันดับที่ 36 ของการจัดลำดับจากสมาคมค้าปลีกผ่านอิเล็กทรอนิกส์ จึงเชื่อว่ามีโอกาสขยายตัวสูง" ทรงพล กล่าว
สำหรับทีวี ไดเร็ค ได้เตรียมพร้อมรับการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้จับจองสื่อต่างๆ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไว้ได้ค่อนข้างครบถ้วน ทั้งฟรีทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ไดเรกเมล เมลออร์เดอร์ ระบบโทรศัพท์แบบโทร.ออก และระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (E-Commerce)
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายผ่านช่องทางเคเบิลและทีวีดาวเทียม และคอลเซ็นเตอร์เป็นหลัก ที่เหลือกระจายไปในช่องทางอื่นๆ
นอกจากนี้ ทีวี ไดเร็ค ได้เตรียมสร้างความแข็งแกร่งด้านสถานะการเงินด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (เอ็มเอไอ) โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2554 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ก.ล.ต.
สำหรับเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ลงทุนขยายร้านค้าปลีกทีวี ไดเร็ค โชว์เคส (TV Direct Showcase) 15 แห่ง และพัฒนาระบบร้านค้าปลีกและลงทุนระบบจัดส่งสินค้า รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
"การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ของบริษัทได้อีกขั้นหนึ่ง นอกจากเรื่องของเงินทุนต้นทุนต่ำแล้ว ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับทีวี ไดเร็ค ได้ด้วย เนื่องจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีระบบต่างๆ ที่เป็นมาตรฐาน ทั้งในเรื่องของระบบภายในสำนักงาน และการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส รวดเร็ว" ทรงพล กล่าว
ด้านผลประกอบการในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ของปี 2554 บริษัทและบริษัทย่อยสามารถทำรายได้จากการขายและบริการ1,387.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.64% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2553 ที่มีรายได้ 1,038.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 32.01 ล้านบาท
ส่วนปี 2555 นี้บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวม 2,222 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่คาดว่าจะมีรายได้ 2,011 ล้านบาท m
บรรยายใต้ภาพ
ทรงพล--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)
Saturday, January 14, 2012 03:33
10089 XTHAI XECON XCORP XSALES XCONSUME DAS V%PAPERL P%PTD
เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร
นอกจากอุตสาหกรรมขายตรงมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องแล้ว ธุรกิจการตลาดแบบตรง หรือวิธีการทำตลาดโดยตรงถึงผู้บริโภคก็ขยายตัวเช่นเดียวกัน โดยปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการหลายรายจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดมากขึ้นผู้นำตลาดอย่างทีวี ไดเร็ค จึงต้องปรับตัว
ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทีวี ไดเร็ค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย (Multichannel Marketing)กล่าวว่า แนวโน้มตลาดมัลติแชนแนลมาร์เก็ตติ้ง ในปีนี้ คาดว่าจะมีความคึกคักมากขึ้น หลังจากมีนักลงทุนต่างชาติทั้งจากเกาหลีไต้หวัน และญี่ปุ่น เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ในประเทศไทยมากขึ้น
ที่ผ่านมาทีวี ไดเร็ค เรียกว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่เพียงรายเดียวของไทยที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 และทิ้งห่างที่ 2 อยู่มาก ด้วยประสบการณ์ดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า 12 ปีขณะที่แนวโน้มตลาดมัลติแชนแนลมาร์เก็ตติ้งในเมืองไทยยังมีโอกาสเติบโตสูงเนื่องจากขนาดตลาดยังเล็ก คิดเป็นมูลค่ากว่า6,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้น ยิ่งมีคู่แข่งมากตลาดยิ่งเติบโต
"การที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น เรามองว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ตลาดคึกคักขึ้น และตลาดในประเทศไทยยังถือว่าเล็กมาก โดยในปี 2552 ไทยติดอันดับที่ 36 ของการจัดลำดับจากสมาคมค้าปลีกผ่านอิเล็กทรอนิกส์ จึงเชื่อว่ามีโอกาสขยายตัวสูง" ทรงพล กล่าว
สำหรับทีวี ไดเร็ค ได้เตรียมพร้อมรับการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้จับจองสื่อต่างๆ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไว้ได้ค่อนข้างครบถ้วน ทั้งฟรีทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ไดเรกเมล เมลออร์เดอร์ ระบบโทรศัพท์แบบโทร.ออก และระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (E-Commerce)
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายผ่านช่องทางเคเบิลและทีวีดาวเทียม และคอลเซ็นเตอร์เป็นหลัก ที่เหลือกระจายไปในช่องทางอื่นๆ
นอกจากนี้ ทีวี ไดเร็ค ได้เตรียมสร้างความแข็งแกร่งด้านสถานะการเงินด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (เอ็มเอไอ) โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2554 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ก.ล.ต.
สำหรับเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ลงทุนขยายร้านค้าปลีกทีวี ไดเร็ค โชว์เคส (TV Direct Showcase) 15 แห่ง และพัฒนาระบบร้านค้าปลีกและลงทุนระบบจัดส่งสินค้า รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
"การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ของบริษัทได้อีกขั้นหนึ่ง นอกจากเรื่องของเงินทุนต้นทุนต่ำแล้ว ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับทีวี ไดเร็ค ได้ด้วย เนื่องจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีระบบต่างๆ ที่เป็นมาตรฐาน ทั้งในเรื่องของระบบภายในสำนักงาน และการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส รวดเร็ว" ทรงพล กล่าว
ด้านผลประกอบการในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ของปี 2554 บริษัทและบริษัทย่อยสามารถทำรายได้จากการขายและบริการ1,387.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.64% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2553 ที่มีรายได้ 1,038.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 32.01 ล้านบาท
ส่วนปี 2555 นี้บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวม 2,222 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่คาดว่าจะมีรายได้ 2,011 ล้านบาท m
บรรยายใต้ภาพ
ทรงพล--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
-
- Verified User
- โพสต์: 160
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 21
บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (ก่อนแปลงสภาพเป็นมหาชน) ที่มา BOL
รายการ ปีงบการเงิน
31 ธันวาคม 2553
31 ธันวาคม 2552
31 ธันวาคม 2551
31 ธันวาคม 2550
31 ธันวาคม 2549
รายได้จากการขายและบริการ – สุทธิ 1,428,917,205.15 968,471,001.86 925,957,435.22 763,988,507.76 764,199,647.18
รายได้รวม 1,430,605,887.38 971,352,908.87 929,277,971.56 795,414,828.34 792,182,085.65
ต้นทุนขาย และ/หรือบริการ 593,162,194.25 613,926,831.12 591,885,204.31 278,565,149.10 495,178,326.30
กำไร(ขาดทุน)ขั้นต้น 835,755,010.90 354,544,170.74 334,072,230.91 485,423,358.66 269,021,320.88
รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 774,366,511.25 335,419,979.98 320,549,387.95 502,508,655.57 313,069,423.69
กำไร(ขาดทุน)จากการดำเนินงาน 61,388,499.65 19,124,190.76 13,522,842.96 -17,085,296.91 -44,048,102.81
รวมรายได้อื่น 1,688,682.23 2,881,907.01 3,320,536.34 31,426,320.58 27,982,438.47
กำไร (ขาดทุน) ก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย 63,077,181.88 22,006,097.77 16,843,379.30 14,341,023.67 -16,065,664.34
กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ 63,077,181.88 22,006,097.77 16,843,379.30 14,341,023.67 -16,065,664.34
ดอกเบี้ยจ่าย 5,760,823.85 8,171,133.63 16,283,948.92 11,372,650.57 10,057,757.79
ภาษีเงินได้ 22,462,832.93 5,701,310.73 - - -
กำไร(ขาดทุน) สุทธิ 34,853,525.10 8,133,653.41 559,430.38 2,968,373.10 -26,123,422.13
กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้น - 0.28 0.02 - -
จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก - 29,297,993.00 24,718,689.00 - -
รายการ ปีงบการเงิน
31 ธันวาคม 2553
31 ธันวาคม 2552
31 ธันวาคม 2551
31 ธันวาคม 2550
31 ธันวาคม 2549
รายได้จากการขายและบริการ – สุทธิ 1,428,917,205.15 968,471,001.86 925,957,435.22 763,988,507.76 764,199,647.18
รายได้รวม 1,430,605,887.38 971,352,908.87 929,277,971.56 795,414,828.34 792,182,085.65
ต้นทุนขาย และ/หรือบริการ 593,162,194.25 613,926,831.12 591,885,204.31 278,565,149.10 495,178,326.30
กำไร(ขาดทุน)ขั้นต้น 835,755,010.90 354,544,170.74 334,072,230.91 485,423,358.66 269,021,320.88
รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 774,366,511.25 335,419,979.98 320,549,387.95 502,508,655.57 313,069,423.69
กำไร(ขาดทุน)จากการดำเนินงาน 61,388,499.65 19,124,190.76 13,522,842.96 -17,085,296.91 -44,048,102.81
รวมรายได้อื่น 1,688,682.23 2,881,907.01 3,320,536.34 31,426,320.58 27,982,438.47
กำไร (ขาดทุน) ก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย 63,077,181.88 22,006,097.77 16,843,379.30 14,341,023.67 -16,065,664.34
กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้ 63,077,181.88 22,006,097.77 16,843,379.30 14,341,023.67 -16,065,664.34
ดอกเบี้ยจ่าย 5,760,823.85 8,171,133.63 16,283,948.92 11,372,650.57 10,057,757.79
ภาษีเงินได้ 22,462,832.93 5,701,310.73 - - -
กำไร(ขาดทุน) สุทธิ 34,853,525.10 8,133,653.41 559,430.38 2,968,373.10 -26,123,422.13
กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้น - 0.28 0.02 - -
จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก - 29,297,993.00 24,718,689.00 - -
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 22
“ทีวีไดเร็ค”หวั่นจีนตีตลาด ทุ่ม650ล้านปรับแผนรุกธุรกิจขายตรง
14 กุมภาพันธ์ 2555 08:18 น.
ASTVผู้จัดการรายวัน - “ทีวีไดเร็ค” เปิดเกมรุกรับตลาดขายตรงชั้นเดียวเดือด พร้อมรับมือเออีซี หวั่นจีนตีตลาด ทุ่ม 650 ล้านบาทเสริมแกร่ง เดินหน้าเข้าตลาดเอ็มเอไอ โหมมัลติแชนแนลต่อเนื่อง รุกตลาดต่างประเทศ หวังสัดส่วนรายได้ 25% ในปี 2558
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนระยะยาวในการรองรับกับการแข่งขันของธุรกิจและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 เนื่องจากขณะนี้ธุรกิจไม่ใช่มีคู่แข่งเฉพาะในไทยเท่านั้น เพราไม่นานมานี้ก็มีกลุ่มเกาหลีเข้ามาบุกตลาดในไทยแล้ว (กลุ่มเอสเอ็มจากเกาหลีร่วมทุนกับกลุ่มทุนไทยคือ เดอะมอลล์ เซเว่นอีเลฟเว่น และทรูวิชั่นส์)
แต่ขณะนี้กลุ่มทุนจากญี่ปุ่น ไต้หวัน ก็เข้ามาทำธุรกิจในไทยแล้ว และที่น่ากลัวที่สุดคือกลุ่มทุนจากจีน โดยปีนี้จะใช้งบลงทุนรวมกว่า 650 ล้านบาท แบ่งเป็นงบ 120 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารใหม่ งบอีก 25 ล้านบาทเพื่อการพัฒนาบุคลากร และงบอีก 500 ล้านบาท เป็นงบตลาด (ปีที่แล้วใช้งบตลาด 495 ล้านบาท)
ขณะเดียวกันในไตรมาสที่สองปีนี้ คาดว่าจะสามารถยื่นไฟล์ลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยจะทำการขายหุ้น 15-20% หรือเท่ากับ 28 .5 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียน 159 ล้านบาท ที่จะเพิ่มเป็น 188 ล้านบาท
โดยปีนี้จะยังคงเน้นทำตลาดเชิงรุกด้วยกลยุทธ์มัลติแชแนลมาร์เก็ตติ้ง ที่มีช่องทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักมาจากช่องทางทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี 46% เติบโตมากที่สุด, คอลล์เซ็นเตอร์ 24%, รีเทล 10%, สิ่งพิมพ์ แคตาล็อก 5%, และอื่นๆ 5% เช่น ระบบโทรศัพท์แบบโทรออก เมล์ออร์เดอร์ ระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น
นอกจากนั้นจะการลดปริมาณเอสเคยูของสินค้าลงจากขณะนี้ที่มีมากกว่า 2,500 เอสเคยู ให้เหลือประมาณ 2,000 เอสเคยู เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการทดลองดูว่าสินค้าใดจะเหมาะสมกับช่องทางใด โดยเฉลี่ยต่อปีจะมีสินค้าที่เข้ามาและออกไป 14% จากทั้งหมด มีเพียงช่วง 2 ปีนี้ที่มีสินค้าเข้ามามากถึง 20% เพราะธุรกิจได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมกับการรุกตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้นด้วย เช่น นูไวท์ รวมทั้งการรุกธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์
ล่าสุดร่วมกับบริษัท มันวา บรอดคาสติ้ง และบริษัท เจแอลสตาร์เนทเทรด จำกัด จัดคอนเสิร์ต The Biggest KPOP Concert of Asia 2012 Live in Bangkok วันที่ 7 เมษายนนี้โดยมีศิลปินเกาหลีมากกว่า 19 วงเล่นคอนเสิร์ตที่สนามราชมังคลากรีฑาสถาน
สำหรับแผนรุกต่างประเทศนั้น ปีนี้จะบุกตลาดอย่างจริงจัง หลังจากเริ่มตลาดมาก่อนหน้านี้แล้ว เริ่มที่อินโดจีน คือลาว เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งได้ตั้งสำนักงานแล้วทั้ง 4 ประเทศ ใช้เงินลงทุนไปแล้วรวมกว่า 40 ล้านบาท ส่วนปี 2556 เป็นต้นไป จะเริ่มบุกตลาดอาเซียน และจากนั้นจะทยอยบุกตลาดอาเซียนบวก3 (จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น) แต่ละประเทศจะมีแพลทฟอร์ม 1 - 2 อย่าง เช่น สื่อทีวีจะต้องมีทุกประเทศ และสื่อแคตาล็อก ซึ่งในลาวมีความเป็นไปได้ที่จะมีช่องทีวีดาวเทียมต่างหาก
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายปี 2558 สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะมีประมาณ 25% จากรายได้รวมขณะนั้น ขณะที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศน้อยมากแค่ 3-4% เท่านั้นเอง และมีฐานสมาชิก 1.3 ล้านคน สำหรับปีที่แล้วมีรายได้รวม 9 เดือนแรก 1,400 ล้านบาท เติบโต 33.6% เทียบจาก 9 เดือนแรกปี 2553 โดยตั้งเป้าหมายปีที่แล้วมีรายได้รวม 2,011 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้เติบโต 14% อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าหมาย 5 ปีจากนี้ต้องเติบโต 20% ต่อปี
14 กุมภาพันธ์ 2555 08:18 น.
ASTVผู้จัดการรายวัน - “ทีวีไดเร็ค” เปิดเกมรุกรับตลาดขายตรงชั้นเดียวเดือด พร้อมรับมือเออีซี หวั่นจีนตีตลาด ทุ่ม 650 ล้านบาทเสริมแกร่ง เดินหน้าเข้าตลาดเอ็มเอไอ โหมมัลติแชนแนลต่อเนื่อง รุกตลาดต่างประเทศ หวังสัดส่วนรายได้ 25% ในปี 2558
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนระยะยาวในการรองรับกับการแข่งขันของธุรกิจและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 เนื่องจากขณะนี้ธุรกิจไม่ใช่มีคู่แข่งเฉพาะในไทยเท่านั้น เพราไม่นานมานี้ก็มีกลุ่มเกาหลีเข้ามาบุกตลาดในไทยแล้ว (กลุ่มเอสเอ็มจากเกาหลีร่วมทุนกับกลุ่มทุนไทยคือ เดอะมอลล์ เซเว่นอีเลฟเว่น และทรูวิชั่นส์)
แต่ขณะนี้กลุ่มทุนจากญี่ปุ่น ไต้หวัน ก็เข้ามาทำธุรกิจในไทยแล้ว และที่น่ากลัวที่สุดคือกลุ่มทุนจากจีน โดยปีนี้จะใช้งบลงทุนรวมกว่า 650 ล้านบาท แบ่งเป็นงบ 120 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารใหม่ งบอีก 25 ล้านบาทเพื่อการพัฒนาบุคลากร และงบอีก 500 ล้านบาท เป็นงบตลาด (ปีที่แล้วใช้งบตลาด 495 ล้านบาท)
ขณะเดียวกันในไตรมาสที่สองปีนี้ คาดว่าจะสามารถยื่นไฟล์ลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยจะทำการขายหุ้น 15-20% หรือเท่ากับ 28 .5 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียน 159 ล้านบาท ที่จะเพิ่มเป็น 188 ล้านบาท
โดยปีนี้จะยังคงเน้นทำตลาดเชิงรุกด้วยกลยุทธ์มัลติแชแนลมาร์เก็ตติ้ง ที่มีช่องทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักมาจากช่องทางทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี 46% เติบโตมากที่สุด, คอลล์เซ็นเตอร์ 24%, รีเทล 10%, สิ่งพิมพ์ แคตาล็อก 5%, และอื่นๆ 5% เช่น ระบบโทรศัพท์แบบโทรออก เมล์ออร์เดอร์ ระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น
นอกจากนั้นจะการลดปริมาณเอสเคยูของสินค้าลงจากขณะนี้ที่มีมากกว่า 2,500 เอสเคยู ให้เหลือประมาณ 2,000 เอสเคยู เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการทดลองดูว่าสินค้าใดจะเหมาะสมกับช่องทางใด โดยเฉลี่ยต่อปีจะมีสินค้าที่เข้ามาและออกไป 14% จากทั้งหมด มีเพียงช่วง 2 ปีนี้ที่มีสินค้าเข้ามามากถึง 20% เพราะธุรกิจได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมกับการรุกตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้นด้วย เช่น นูไวท์ รวมทั้งการรุกธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์
ล่าสุดร่วมกับบริษัท มันวา บรอดคาสติ้ง และบริษัท เจแอลสตาร์เนทเทรด จำกัด จัดคอนเสิร์ต The Biggest KPOP Concert of Asia 2012 Live in Bangkok วันที่ 7 เมษายนนี้โดยมีศิลปินเกาหลีมากกว่า 19 วงเล่นคอนเสิร์ตที่สนามราชมังคลากรีฑาสถาน
สำหรับแผนรุกต่างประเทศนั้น ปีนี้จะบุกตลาดอย่างจริงจัง หลังจากเริ่มตลาดมาก่อนหน้านี้แล้ว เริ่มที่อินโดจีน คือลาว เวียดนาม กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งได้ตั้งสำนักงานแล้วทั้ง 4 ประเทศ ใช้เงินลงทุนไปแล้วรวมกว่า 40 ล้านบาท ส่วนปี 2556 เป็นต้นไป จะเริ่มบุกตลาดอาเซียน และจากนั้นจะทยอยบุกตลาดอาเซียนบวก3 (จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น) แต่ละประเทศจะมีแพลทฟอร์ม 1 - 2 อย่าง เช่น สื่อทีวีจะต้องมีทุกประเทศ และสื่อแคตาล็อก ซึ่งในลาวมีความเป็นไปได้ที่จะมีช่องทีวีดาวเทียมต่างหาก
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายปี 2558 สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะมีประมาณ 25% จากรายได้รวมขณะนั้น ขณะที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศน้อยมากแค่ 3-4% เท่านั้นเอง และมีฐานสมาชิก 1.3 ล้านคน สำหรับปีที่แล้วมีรายได้รวม 9 เดือนแรก 1,400 ล้านบาท เติบโต 33.6% เทียบจาก 9 เดือนแรกปี 2553 โดยตั้งเป้าหมายปีที่แล้วมีรายได้รวม 2,011 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้เติบโต 14% อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าหมาย 5 ปีจากนี้ต้องเติบโต 20% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 23
'ทีวี ไดเร็ค' ทุ่ม 500 ล. เจาะตลาดช่องทาง 'ทีวี' ไม่อิ่มตัว คาดปี '55 โต 14%
Source - โกลบอล บิสซิเนส (Th)
Monday, March 26, 2012 14:24
"ทีวี ไดเร็ค" ผู้นำตลาดแบบตรง ทำยอดขาย 1.4 พันล้านบาท ในปี 2554 มั่นใจชูจุดแข็งด้วยประสบการณ์กว่า 13 ปี เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุก MCM ลุยศึกปีมังกรทอง พร้อมอัดฉีดงบการตลาด 500 ล้านบาท มั่นใจช่องทางทีวียังโตฉลุย- ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ ตั้งเป้าเติบโต 14%
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน)เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วงปี ที่ผ่านมา (ม.ค. - ก.ย. 2554) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 33.6% จากยอดขายในช่วงเดียวกันของปี 2553 รวมรายได้เกือบ 1.4 พันล้านบาท ที่มีปัจจัยมาจากความแข็งของประสบการณ์ที่มีมายาวนาน กว่า 13 ปี รวมถึงการมีแผนกลยุทธ์ เชิงรุก MCM (Multichannel Marketing) ที่มีช่องทางการตลาดที่หลากหลายไว้อย่างครบถ้วน ย้ำความเป็นผู้นำการใช้สื่อ เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่มในเวลาสะดวกของเขาเอง ทั้ง ฟรีทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ไดเร็คเมล์ เมล์ออเดอร์ ระบบโทรศัพท์แบบโทรออก และระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (E-Commerce)
"สำหรับภาพรวมในการทำธุรกิจในปีนี้ ปัจจุบันมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ "ตลาดแบบตรง" ประมาณ 8-9 ราย โดยเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการเติบโตของตลาดนี้ไปใน ทิศทางที่ดี โดยเฉพาะทีวีดาวเทียมกำลังเติบโต ขึ้นจากที่ 2 ปีที่แล้วมีประมาณ 150 ช่อง ขณะนี้มีประมาณ 222 ช่อง และมีการเปิดเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 10 ช่อง ซึ่งจะทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจงได้ เช่น มีช่องภาพยนตร์ ช่องกีฬา ช่องเพลง เป็นต้น สามารถทำให้สินค้าเข้าถึงง่ายขึ้น ขณะที่ปัจจุบันผู้บริโภคมีการตื่นตัวในการซื้อสินค้าผ่านสื่อไดเร็คมาร์เก็ตติ้งหรือตลาดแบบตรงมากขึ้น เพราะมีความสะดวก เนื่องจากเดิมการซื้อทางโทรศัพท์จะมีแต่สินค้าเล็กๆ แต่วันนี้สินค้าที่มีขนาดใหญ่ก็สามารถไปส่งได้"
นายทรงพล มั่นใจว่า ช่องทางที่เรามีและใช้ดำเนินธุรกิจทุกช่องทางนั้นมีประสิทธิภาพและความเสถียรอย่างน่าพอใจ โดยปี 2555 จะใช้งบการตลาดประมาณ 500 ล้านบาท เน้นการสร้างสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากว่าล้านคน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ตามแผน TV Direct Republic ซึ่งจะเป็นความสัมพันธ์เชิงลึกกับกลุ่มลูกค้าของบริษัท พร้อมยกเครื่องระบบงานภายในใหม่ตั้งแต่ระบบขายและจัดส่ง ไปจนถึงระบบพัฒนาบุคลากรทั้งทางด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันต่อไป นอกจากนี้หลังจากศึกษาและทดลองตลาดในอินโดไชน่ามาตั้งแต่ปี 2006 สำหรับปีนี้เรามีความพร้อมที่จะขยายงานไปยังประเทศในภูมิภาค เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย รวมไปถึงการใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท ในการพัฒนาบุคลากรและซอฟต์แวร์ขององค์กรให้มีประสิทธิภาพ
นายทรงพล ได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดแบบตรงในประเทศไทยว่าไทย ถึงแม้ว่าภาพรวมตลาดจะมีมูลค่าตลาดมากกว่า 7 พันล้านบาท แต่ก็ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ทีวี ไดเร็ค เป็นผู้นำตลาดเพียงรายเดียวที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 คาดว่าปีนี้ตลาดแบบตรงไทยจะมีความคึกคักมากขึ้น หลังจากมีนักลงทุนต่างชาติทั้งจากเกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น สนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ในประเทศไทยมากขึ้น
"ในอนาคตคาดว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากประเทศเกาหลี 2 แบรนด์เข้ามาในตลาดนี้ เรามองว่าเป็นเรื่องดี น่าสนุกและตื่นเต้น เพราะจะทำให้ตลาดคึกคักและตลาดในประเทศไทยยังถือว่าเล็กมาก จะมีโอกาสขยายตัวได้อีกเป็นเท่าทวีคูณ เพราะตลาดในต่างประเทศมีการเติบโตอย่างมาก เช่น ในอเมริกา เติบโตกว่า 9 แสนล้านบาท เกาหลีมีมูลค่าถึง 4 แสนล้านบาท และญี่ปุ่นมีมูลค่า 6 แสนล้านบาท ถ้าเมื่อไหร่ฟรีทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี พัฒนาถึงขีดสุด ก็จะเป็นผลพวงให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมาได้ มั่นใจว่า ไทยมีศักยภาพและกำลังซื้อมากขึ้น สอดคล้องกับทวีปเอเชียกำลังมีทิศทางเศรษฐกิจที่เติบโตมาก ฉะนั้น เศรษฐกิจในเอเชียกำลังจะเบ่งบาน โดย "ทีวี ไดเร็ค" ได้เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันด้วยกลยุทธ์และแผนธุรกิจในปี 2555 โดยตั้งเป้าเติบโตกว่า 14%"
ส่วนทิศทางธุรกิจในปี 2555 นายทรงพล กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หากสำเร็จก็จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะนอกจากต้นทุนการเงินจะต่ำลงแล้วยังสร้างความน่าเชื่อถือของบริษัทต่อผู้บิโภคได้ หนักแน่นมากขึ้น เป็นการเสริมจุดแข็งอย่างแท้จริง เพราะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีระบบต่างๆ ที่เป็นมาตรฐาน ทั้งระบบตรวจสอบภายใน ระบบการเงินการบัญชี ระบบการบริหารสินค้าคงคลัง ระบบการดูแลลูกค้า
บรรยายใต้ภาพ
ทรงพล ชัญมาตรกิจ
--GLOBAL BUSINESS ประจำวันที่ 5-19 มีนาคม พ.ศ.2555--
Source - โกลบอล บิสซิเนส (Th)
Monday, March 26, 2012 14:24
"ทีวี ไดเร็ค" ผู้นำตลาดแบบตรง ทำยอดขาย 1.4 พันล้านบาท ในปี 2554 มั่นใจชูจุดแข็งด้วยประสบการณ์กว่า 13 ปี เดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุก MCM ลุยศึกปีมังกรทอง พร้อมอัดฉีดงบการตลาด 500 ล้านบาท มั่นใจช่องทางทีวียังโตฉลุย- ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ ตั้งเป้าเติบโต 14%
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน)เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วงปี ที่ผ่านมา (ม.ค. - ก.ย. 2554) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 33.6% จากยอดขายในช่วงเดียวกันของปี 2553 รวมรายได้เกือบ 1.4 พันล้านบาท ที่มีปัจจัยมาจากความแข็งของประสบการณ์ที่มีมายาวนาน กว่า 13 ปี รวมถึงการมีแผนกลยุทธ์ เชิงรุก MCM (Multichannel Marketing) ที่มีช่องทางการตลาดที่หลากหลายไว้อย่างครบถ้วน ย้ำความเป็นผู้นำการใช้สื่อ เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่มในเวลาสะดวกของเขาเอง ทั้ง ฟรีทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี ไดเร็คเมล์ เมล์ออเดอร์ ระบบโทรศัพท์แบบโทรออก และระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (E-Commerce)
"สำหรับภาพรวมในการทำธุรกิจในปีนี้ ปัจจุบันมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ "ตลาดแบบตรง" ประมาณ 8-9 ราย โดยเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการเติบโตของตลาดนี้ไปใน ทิศทางที่ดี โดยเฉพาะทีวีดาวเทียมกำลังเติบโต ขึ้นจากที่ 2 ปีที่แล้วมีประมาณ 150 ช่อง ขณะนี้มีประมาณ 222 ช่อง และมีการเปิดเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 10 ช่อง ซึ่งจะทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจงได้ เช่น มีช่องภาพยนตร์ ช่องกีฬา ช่องเพลง เป็นต้น สามารถทำให้สินค้าเข้าถึงง่ายขึ้น ขณะที่ปัจจุบันผู้บริโภคมีการตื่นตัวในการซื้อสินค้าผ่านสื่อไดเร็คมาร์เก็ตติ้งหรือตลาดแบบตรงมากขึ้น เพราะมีความสะดวก เนื่องจากเดิมการซื้อทางโทรศัพท์จะมีแต่สินค้าเล็กๆ แต่วันนี้สินค้าที่มีขนาดใหญ่ก็สามารถไปส่งได้"
นายทรงพล มั่นใจว่า ช่องทางที่เรามีและใช้ดำเนินธุรกิจทุกช่องทางนั้นมีประสิทธิภาพและความเสถียรอย่างน่าพอใจ โดยปี 2555 จะใช้งบการตลาดประมาณ 500 ล้านบาท เน้นการสร้างสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากว่าล้านคน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ตามแผน TV Direct Republic ซึ่งจะเป็นความสัมพันธ์เชิงลึกกับกลุ่มลูกค้าของบริษัท พร้อมยกเครื่องระบบงานภายในใหม่ตั้งแต่ระบบขายและจัดส่ง ไปจนถึงระบบพัฒนาบุคลากรทั้งทางด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันต่อไป นอกจากนี้หลังจากศึกษาและทดลองตลาดในอินโดไชน่ามาตั้งแต่ปี 2006 สำหรับปีนี้เรามีความพร้อมที่จะขยายงานไปยังประเทศในภูมิภาค เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย รวมไปถึงการใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท ในการพัฒนาบุคลากรและซอฟต์แวร์ขององค์กรให้มีประสิทธิภาพ
นายทรงพล ได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดแบบตรงในประเทศไทยว่าไทย ถึงแม้ว่าภาพรวมตลาดจะมีมูลค่าตลาดมากกว่า 7 พันล้านบาท แต่ก็ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ทีวี ไดเร็ค เป็นผู้นำตลาดเพียงรายเดียวที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 คาดว่าปีนี้ตลาดแบบตรงไทยจะมีความคึกคักมากขึ้น หลังจากมีนักลงทุนต่างชาติทั้งจากเกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น สนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ในประเทศไทยมากขึ้น
"ในอนาคตคาดว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากประเทศเกาหลี 2 แบรนด์เข้ามาในตลาดนี้ เรามองว่าเป็นเรื่องดี น่าสนุกและตื่นเต้น เพราะจะทำให้ตลาดคึกคักและตลาดในประเทศไทยยังถือว่าเล็กมาก จะมีโอกาสขยายตัวได้อีกเป็นเท่าทวีคูณ เพราะตลาดในต่างประเทศมีการเติบโตอย่างมาก เช่น ในอเมริกา เติบโตกว่า 9 แสนล้านบาท เกาหลีมีมูลค่าถึง 4 แสนล้านบาท และญี่ปุ่นมีมูลค่า 6 แสนล้านบาท ถ้าเมื่อไหร่ฟรีทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี พัฒนาถึงขีดสุด ก็จะเป็นผลพวงให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมาได้ มั่นใจว่า ไทยมีศักยภาพและกำลังซื้อมากขึ้น สอดคล้องกับทวีปเอเชียกำลังมีทิศทางเศรษฐกิจที่เติบโตมาก ฉะนั้น เศรษฐกิจในเอเชียกำลังจะเบ่งบาน โดย "ทีวี ไดเร็ค" ได้เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันด้วยกลยุทธ์และแผนธุรกิจในปี 2555 โดยตั้งเป้าเติบโตกว่า 14%"
ส่วนทิศทางธุรกิจในปี 2555 นายทรงพล กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หากสำเร็จก็จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะนอกจากต้นทุนการเงินจะต่ำลงแล้วยังสร้างความน่าเชื่อถือของบริษัทต่อผู้บิโภคได้ หนักแน่นมากขึ้น เป็นการเสริมจุดแข็งอย่างแท้จริง เพราะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีระบบต่างๆ ที่เป็นมาตรฐาน ทั้งระบบตรวจสอบภายใน ระบบการเงินการบัญชี ระบบการบริหารสินค้าคงคลัง ระบบการดูแลลูกค้า
บรรยายใต้ภาพ
ทรงพล ชัญมาตรกิจ
--GLOBAL BUSINESS ประจำวันที่ 5-19 มีนาคม พ.ศ.2555--
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 24
IPO Focus:"ทีวี ไดเร็ค"คาดได้เงินขายหุ้น IPO ราว 80-100 ลบ.,รอก.ล.ต.อนุมัติ
Source - รอยเตอร์ ข่าวภายในประเทศ (Th)
Friday, April 27, 2012 12:07
20551 NRTL320551 XTHAI XSALES XLOCAL XFINMKT XFID321 RTH RET TH STX LTH RTRS RTRS V%WIREI P%RTN
โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร
กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--รอยเตอร์
บมจ.ทีวี ไดเร็ค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาด ที่หลากหลาย คาดจะได้เงินจากการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ราว 80-100 ล้านบาท ผู้บริหารเผยยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาเสนอขายหุ้น เนื่องจากต้องรอให้สำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ให้ความเห็นชอบก่อน
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีวี ไดเร็ค กล่าวว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้มาเยี่ยมชมกิจการของบริษัทแล้ว แต่เนื่องจากที่ปรึกษา ทางการเงิน ของบล.ฟินันเซีย ไซรัส มีการเปลี่ยนทีม จึงอาจทำให้การเสนอขายหุ้นต้องล่าช้า ออกไป เพราะก.ล.ต.ต้องการให้ทีมที่ปรึกษาใหม่ มีความเข้าใจในธุรกิจอย่างแท้จริง
"ผมเลิกกำหนดเวลาที่จะเข้าตลาด มาตั้งแต่การยื่นไฟลิ่งครั้งที่สองแล้ว ได้ เมื่อไหร่ก็ขายเมื่อนั้น ซึ่งบริษัทก็มีทุนเพียงพอ ที่จะรองรับการขยายงานอยู่แล้ว" นายทรงพล กล่าวกับ"รอยเตอร์"
ทีวี ไดเร็ค ได้ยื่นไฟลิ่ง 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งแรกยื่นช่วงกลางปี 54 และมีแผน จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้น ไตรมาส 4/54 แต่ต่อมาได้ถอนไฟลิ่ง เนื่องจากมีการเปลี่ยนผู้สอบบัญชี และมีการนำมาตรฐาน บัญชีใหม่มาใช้
จากนั้น บริษัทได้ยื่นไฟลิ่งอีกครั้ง เมื่อวันที่ 14 พ.ย.54 โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 28.96 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อระดมเงินไปลงทุนในระบบเทคโนโลยี สารสนเทศและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, ใช้ขยายร้านค้าปลีก TV Direct Showcase ประมาณ 15 แห่ง , ใช้ในการพัฒนาระบบร้านค้าปลีกและลงทุนในระบบจัดส่งสินค้า, ใช้ลงทุนในบริษัทย่อย และ ที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายทรงพล กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ล่าช้ากว่าเดิม ไม่ได้ส่งผล กระทบต่อแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทมีเงินทุนที่เพียงพอ โดยมีแผน จะเข้าไปลงทุนในลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย ซึ่งจะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม หากหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาด mai แล้ว ก็มีแผนที่จะระดมทุนอีกรอบ แต่ยังไม่กำหนดรูปแบบการระดมทุน ทั้งนี้เพื่อนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
นายทรงพล กล่าวว่า เงินที่จะได้จากการเสนอขายหุ้นประมาณ 80-100 ล้านบาท ถือเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่ แต่การดำเนินธุรกิจบริษัท ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเหมือน กับผู้ค้าปลีกประเภทห้างสรรพสินค้า เนื่องจากรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างกัน
"เรายืนยันที่จะขาย 20 กว่าล้านหุ้น size มันเล็ก อย่างเก่งก็น่าจะได้ 80-100 ล้านบาท"นายทรงพล กล่าว
เขา กล่าวว่า สาเหตุที่กระจายหุ้นไม่มาก เนื่องจากผู้ถือหุ้นเดิมไม่ต้องการที่จะ ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงมามากจนเกินไป แต่จากการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินทีมใหม่ เกรงว่าหุ้นที่เสนอขายมีน้อยเกินไป จะไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า โดยมองว่า ทีวี ไดเร็ค เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จึงทำให้ได้รับความสนใจมาก
เขา กล่าวว่า การที่บริษัทสนใจเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นนั้น เนื่องจากจะทำให้ ได้รับความน่าเชื่อมากขึ้น และทำให้สามารถเจรจากับลูกค้า ทั้งในและต่างประเทศสะดวก มากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้การจัดการเป็นระบบมากขึ้น ทำให้ระบบภายในแข็งแกร่ง บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในระยะยาว
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ นายทรงพล คาดว่ายอดขายน่าจะดีกว่าปีก่อน ซึ่งจะ เห็นได้จากไตรมาส 1/55 ที่ออกมาดีมาก ส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ฟื้นตัว ขณะที่ยอดขายปีก่อน ต่ำกว่าเป้าหมายราว 2-3% เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา--จบ--
(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร รายงานและเรียบเรียง--วพ--)
(([email protected];โทร.0-2648-9756;
ReutersMessaging:wirat.buranakanokthanasan.thomsonreuters.com@
reuters.net))
Copyright 2012 Reuters.
Source - รอยเตอร์ ข่าวภายในประเทศ (Th)
Friday, April 27, 2012 12:07
20551 NRTL320551 XTHAI XSALES XLOCAL XFINMKT XFID321 RTH RET TH STX LTH RTRS RTRS V%WIREI P%RTN
โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร
กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--รอยเตอร์
บมจ.ทีวี ไดเร็ค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาด ที่หลากหลาย คาดจะได้เงินจากการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ราว 80-100 ล้านบาท ผู้บริหารเผยยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาเสนอขายหุ้น เนื่องจากต้องรอให้สำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ให้ความเห็นชอบก่อน
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีวี ไดเร็ค กล่าวว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้มาเยี่ยมชมกิจการของบริษัทแล้ว แต่เนื่องจากที่ปรึกษา ทางการเงิน ของบล.ฟินันเซีย ไซรัส มีการเปลี่ยนทีม จึงอาจทำให้การเสนอขายหุ้นต้องล่าช้า ออกไป เพราะก.ล.ต.ต้องการให้ทีมที่ปรึกษาใหม่ มีความเข้าใจในธุรกิจอย่างแท้จริง
"ผมเลิกกำหนดเวลาที่จะเข้าตลาด มาตั้งแต่การยื่นไฟลิ่งครั้งที่สองแล้ว ได้ เมื่อไหร่ก็ขายเมื่อนั้น ซึ่งบริษัทก็มีทุนเพียงพอ ที่จะรองรับการขยายงานอยู่แล้ว" นายทรงพล กล่าวกับ"รอยเตอร์"
ทีวี ไดเร็ค ได้ยื่นไฟลิ่ง 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งแรกยื่นช่วงกลางปี 54 และมีแผน จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้น ไตรมาส 4/54 แต่ต่อมาได้ถอนไฟลิ่ง เนื่องจากมีการเปลี่ยนผู้สอบบัญชี และมีการนำมาตรฐาน บัญชีใหม่มาใช้
จากนั้น บริษัทได้ยื่นไฟลิ่งอีกครั้ง เมื่อวันที่ 14 พ.ย.54 โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 28.96 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อระดมเงินไปลงทุนในระบบเทคโนโลยี สารสนเทศและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, ใช้ขยายร้านค้าปลีก TV Direct Showcase ประมาณ 15 แห่ง , ใช้ในการพัฒนาระบบร้านค้าปลีกและลงทุนในระบบจัดส่งสินค้า, ใช้ลงทุนในบริษัทย่อย และ ที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายทรงพล กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ล่าช้ากว่าเดิม ไม่ได้ส่งผล กระทบต่อแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทมีเงินทุนที่เพียงพอ โดยมีแผน จะเข้าไปลงทุนในลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย ซึ่งจะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม หากหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาด mai แล้ว ก็มีแผนที่จะระดมทุนอีกรอบ แต่ยังไม่กำหนดรูปแบบการระดมทุน ทั้งนี้เพื่อนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
นายทรงพล กล่าวว่า เงินที่จะได้จากการเสนอขายหุ้นประมาณ 80-100 ล้านบาท ถือเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่ แต่การดำเนินธุรกิจบริษัท ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเหมือน กับผู้ค้าปลีกประเภทห้างสรรพสินค้า เนื่องจากรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างกัน
"เรายืนยันที่จะขาย 20 กว่าล้านหุ้น size มันเล็ก อย่างเก่งก็น่าจะได้ 80-100 ล้านบาท"นายทรงพล กล่าว
เขา กล่าวว่า สาเหตุที่กระจายหุ้นไม่มาก เนื่องจากผู้ถือหุ้นเดิมไม่ต้องการที่จะ ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงมามากจนเกินไป แต่จากการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินทีมใหม่ เกรงว่าหุ้นที่เสนอขายมีน้อยเกินไป จะไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า โดยมองว่า ทีวี ไดเร็ค เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จึงทำให้ได้รับความสนใจมาก
เขา กล่าวว่า การที่บริษัทสนใจเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นนั้น เนื่องจากจะทำให้ ได้รับความน่าเชื่อมากขึ้น และทำให้สามารถเจรจากับลูกค้า ทั้งในและต่างประเทศสะดวก มากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้การจัดการเป็นระบบมากขึ้น ทำให้ระบบภายในแข็งแกร่ง บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในระยะยาว
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ นายทรงพล คาดว่ายอดขายน่าจะดีกว่าปีก่อน ซึ่งจะ เห็นได้จากไตรมาส 1/55 ที่ออกมาดีมาก ส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ฟื้นตัว ขณะที่ยอดขายปีก่อน ต่ำกว่าเป้าหมายราว 2-3% เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา--จบ--
(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร รายงานและเรียบเรียง--วพ--)
(([email protected];โทร.0-2648-9756;
ReutersMessaging:wirat.buranakanokthanasan.thomsonreuters.com@
reuters.net))
Copyright 2012 Reuters.
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 25
ที่ปรึกษาฯ"ทีวี ไดเร็ค" คาดจะขายหุ้น IPO ราว Q3/55 รอ ก.ล.ต.ให้ความเห็นชอบ
Source - รอยเตอร์ ข่าวภายในประเทศ (Th)
Monday, June 11, 2012 12:39
56475 NRTL356475 XTHAI XSALES XLOCAL XFINMKT XFID321 RTH RET TH STX LTH RTRS RTRS V%WIREI P%RTN
กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--รอยเตอร์
ที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ทีวี ไดเร็ค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน ช่องทางการตลาดที่หลากหลาย คาดจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ได้ในช่วง ไตรมาส 3/55 โดยจะต้องรอให้ได้รับความเห็นชอบ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ก่อน
"คงจะขายหุ้นได้ในปีนี้ น่าจะเป็นไตรมาส 3" นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการ ผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวกับ"รอยเตอร์"
ทีวี ไดเร็ค ได้เพิ่มจำนวนหุ้น IPO เป็น 57.92 ล้านหุ้น จากเดิมที่จะเสนอขาย จำนวน 28.96 ล้านหุ้น โดยบริษัทได้ปรับเปลี่ยนมูลค่าที่ตราไว้(ราคาพาร์) เป็นหุ้นละ 0.50 บาท จากเดิมหุ้นละ 1 บาท และหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส และบล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสมภพ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งจะต้อง รอให้ได้รับความเห็นชอบเสียก่อน จึงจะสามารถเสนอขายหุ้นได้
ในแบบไฟลิ่งของทีวี ไดเร็ค ระบุว่า เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO จะนำไปใช้ ลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, ใช้ขยายร้านค้าปลีก,ใช้พัฒนาระบบ ร้านค้าปลีก และการลงทุนในระบบจัดส่งสินค้า รวมถึงการใช้ลงทุนในบริษัทย่อย และที่เหลือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน--จบ--
(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร รายงานและเรียบเรียง--วพ--)
(([email protected];โทร.0-2648-9756;
ReutersMessaging:wirat.buranakanokthanasan.thomsonreuters.com@
reuters.net))
Copyright 2012 Reuters.
Source - รอยเตอร์ ข่าวภายในประเทศ (Th)
Monday, June 11, 2012 12:39
56475 NRTL356475 XTHAI XSALES XLOCAL XFINMKT XFID321 RTH RET TH STX LTH RTRS RTRS V%WIREI P%RTN
กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--รอยเตอร์
ที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ทีวี ไดเร็ค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน ช่องทางการตลาดที่หลากหลาย คาดจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ได้ในช่วง ไตรมาส 3/55 โดยจะต้องรอให้ได้รับความเห็นชอบ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ก่อน
"คงจะขายหุ้นได้ในปีนี้ น่าจะเป็นไตรมาส 3" นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการ ผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวกับ"รอยเตอร์"
ทีวี ไดเร็ค ได้เพิ่มจำนวนหุ้น IPO เป็น 57.92 ล้านหุ้น จากเดิมที่จะเสนอขาย จำนวน 28.96 ล้านหุ้น โดยบริษัทได้ปรับเปลี่ยนมูลค่าที่ตราไว้(ราคาพาร์) เป็นหุ้นละ 0.50 บาท จากเดิมหุ้นละ 1 บาท และหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส และบล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสมภพ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งจะต้อง รอให้ได้รับความเห็นชอบเสียก่อน จึงจะสามารถเสนอขายหุ้นได้
ในแบบไฟลิ่งของทีวี ไดเร็ค ระบุว่า เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO จะนำไปใช้ ลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, ใช้ขยายร้านค้าปลีก,ใช้พัฒนาระบบ ร้านค้าปลีก และการลงทุนในระบบจัดส่งสินค้า รวมถึงการใช้ลงทุนในบริษัทย่อย และที่เหลือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน--จบ--
(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร รายงานและเรียบเรียง--วพ--)
(([email protected];โทร.0-2648-9756;
ReutersMessaging:wirat.buranakanokthanasan.thomsonreuters.com@
reuters.net))
Copyright 2012 Reuters.
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทีวีไดเร็คเตรียมเข้าตลาด MAI
โพสต์ที่ 26
ทีวี ไดเร็ค’ คาดเข้าซื้อขายในตลาดเอ็ม เอ ไอ ไตรมาส 3 นี้
หลัง ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งเสนอขายหุ้น 57.92 ล้านหุ้น
ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งสำหรับการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนของ บมจ.ทีวี ไดเร็ค เตรียมเสนอขาย 57.92 ล้านหุ้น โดยมี บล. ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) (“TVD”) ผู้นำในธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้น บมจ.ทีวี ไดเร็ค ให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 57.92 ล้านหุ้นนั้น ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำหุ้น TVD เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
ทั้งนี้ บมจ.ทีวี ไดเร็ค มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 188 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 376 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 159.04 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 318.08 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน (IPO) จำนวน 57.92 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 15.40 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ประชาชนจำนวน 52 ล้านหุ้น และเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยจำนวน 5.92 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ลงทุนในบริษัทย่อย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
ด้าน นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดหลากหลายช่องทาง (Mutichannel Marketing) เพื่อให้สินค้าและบริการของบริษัทฯ สร้างประสบการณ์ที่ประทับใจแก่ลูกค้าภายใต้แนวคิด “Entertaining People with Information” โดยบริษัทฯ จำหน่ายสินค้าที่มีจำนวนรายการรวมมากกว่า 1,500 รายการ รวมทั้งให้บริการผ่านช่องทางการตลาดต่างๆ ประกอบด้วย การจำหน่ายสินค้าและบริการโดยใช้การตลาดแบบตรง ด้วยการสื่อสารข้อมูลเสนอขายสินค้าและบริการโดยตรงต่อผู้บริโภคผ่านโทรทัศน์ภาคปกติหรือฟรีทีวี โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เคเบิลทีวี ผ่านสื่อสิงพิมพ์ ศูนย์บริการทางโทรศัพท์และลูกค้าสัมพันธ์ทางโทรศัพท์ (Call Center) รวมถึงผ่านระบบโทรศัพท์แบบโทรออกหรือ Outbound Call Center ระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (E-commerce) รวมทั้งบริษัทฯ มีการจำหน่ายสินค้าแบบขายตรง (Direct Sale) ผ่านตัวแทนจำหน่าย “Sarah Direct”) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ที่เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
นอกจากนี้ ยังจำหน่ายสินค้าแบบขายปลีกผ่านร้านค้าปลีกของบริษัทฯ คือ TV Direct Showcase โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 บริษัทฯ มีร้าน TV Direct Showcase จำนวน 66 แห่ง ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ห้างสรรพสินค้าและศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรด รวมทั้งยังจำหน่ายสินค้าแบบขายส่งแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนให้บริการรับจ้างผลิตสื่อโฆษณาและจัดหาเวลาโฆษณาให้แก่ลูกค้า รับจัดกิจกรรมทางการตลาดและรับจัดคอนเสิร์ต
“นอกจากตลาดในประเทศไทยแล้ว เรายังมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจการตลาดแบบตรงไปยังตลาดต่างประเทศในแถบอินโดไชน่าและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในช่วงต้นปี 2554 ที่ผ่านมา เราได้เข้าถือหุ้นในบริษัท ทีวีไดเร็ค อินโดไชน่า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจลงทุน (Holding) ในสัดส่วน 99.99% และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 บริษัท ทีวีไดเร็ค อินโดไชน่า จำกัด มีเงินลงทุนในบริษัทย่อย 3 แห่ง ประกอบด้วย Direct Response Television Co., Ltd.ซึ่งอยู่ในประเทศกัมพูชาในสัดส่วน 100% TV Direct Lao Co.,Ltd.ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศลาว ในสัดส่วน 95% และ TV Direct (Malaysia) Sdn. Bhd. ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ในสัดส่วน 65% โดยบริษัทย่อยดังกล่าวประกอบธุรกิจการตลาดแบบตรง” นายทรงพลกล่าว
ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ไดเร็ค กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ TVDมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย รวมถึงมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจการตลาดแบบตรงไปในประเทศต่างๆ ได้แก่ เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซียพม่า ฟิลิปปินส์ และบรูไน ขณะเดียวกัน ยังจะเดินหน้าขยายการประกอบธุรกิจขายปลีกผ่านร้านค้าปลีก TV Direct Showcase ทั้งในประเทศไทย รวมถึงใน เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
ในส่วนของผลประกอบการของบริษัทฯ ก็สะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม เพิ่มขึ้นจาก 959.30 ล้านบาท ในปี 2552 เป็น 1,430.67 ล้านบาท ในปี 2553 และเพิ่มเป็น 1,905.99 ล้านบาท ในปี 2554 คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 49 และร้อยละ 33 ตามลำดับ โดยมีกำไรสุทธิ 0.30 ล้านบาท, 34.88 ล้านบาท และ 35.44 ล้านบาท ตามลำดับ
หลัง ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งเสนอขายหุ้น 57.92 ล้านหุ้น
ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งสำหรับการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนของ บมจ.ทีวี ไดเร็ค เตรียมเสนอขาย 57.92 ล้านหุ้น โดยมี บล. ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) (“TVD”) ผู้นำในธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้น บมจ.ทีวี ไดเร็ค ให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 57.92 ล้านหุ้นนั้น ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำหุ้น TVD เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
ทั้งนี้ บมจ.ทีวี ไดเร็ค มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 188 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 376 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 159.04 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 318.08 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน (IPO) จำนวน 57.92 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 15.40 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ประชาชนจำนวน 52 ล้านหุ้น และเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยจำนวน 5.92 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ลงทุนในบริษัทย่อย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
ด้าน นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดหลากหลายช่องทาง (Mutichannel Marketing) เพื่อให้สินค้าและบริการของบริษัทฯ สร้างประสบการณ์ที่ประทับใจแก่ลูกค้าภายใต้แนวคิด “Entertaining People with Information” โดยบริษัทฯ จำหน่ายสินค้าที่มีจำนวนรายการรวมมากกว่า 1,500 รายการ รวมทั้งให้บริการผ่านช่องทางการตลาดต่างๆ ประกอบด้วย การจำหน่ายสินค้าและบริการโดยใช้การตลาดแบบตรง ด้วยการสื่อสารข้อมูลเสนอขายสินค้าและบริการโดยตรงต่อผู้บริโภคผ่านโทรทัศน์ภาคปกติหรือฟรีทีวี โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เคเบิลทีวี ผ่านสื่อสิงพิมพ์ ศูนย์บริการทางโทรศัพท์และลูกค้าสัมพันธ์ทางโทรศัพท์ (Call Center) รวมถึงผ่านระบบโทรศัพท์แบบโทรออกหรือ Outbound Call Center ระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (E-commerce) รวมทั้งบริษัทฯ มีการจำหน่ายสินค้าแบบขายตรง (Direct Sale) ผ่านตัวแทนจำหน่าย “Sarah Direct”) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ที่เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
นอกจากนี้ ยังจำหน่ายสินค้าแบบขายปลีกผ่านร้านค้าปลีกของบริษัทฯ คือ TV Direct Showcase โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 บริษัทฯ มีร้าน TV Direct Showcase จำนวน 66 แห่ง ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ห้างสรรพสินค้าและศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรด รวมทั้งยังจำหน่ายสินค้าแบบขายส่งแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนให้บริการรับจ้างผลิตสื่อโฆษณาและจัดหาเวลาโฆษณาให้แก่ลูกค้า รับจัดกิจกรรมทางการตลาดและรับจัดคอนเสิร์ต
“นอกจากตลาดในประเทศไทยแล้ว เรายังมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจการตลาดแบบตรงไปยังตลาดต่างประเทศในแถบอินโดไชน่าและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในช่วงต้นปี 2554 ที่ผ่านมา เราได้เข้าถือหุ้นในบริษัท ทีวีไดเร็ค อินโดไชน่า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจลงทุน (Holding) ในสัดส่วน 99.99% และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 บริษัท ทีวีไดเร็ค อินโดไชน่า จำกัด มีเงินลงทุนในบริษัทย่อย 3 แห่ง ประกอบด้วย Direct Response Television Co., Ltd.ซึ่งอยู่ในประเทศกัมพูชาในสัดส่วน 100% TV Direct Lao Co.,Ltd.ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศลาว ในสัดส่วน 95% และ TV Direct (Malaysia) Sdn. Bhd. ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ในสัดส่วน 65% โดยบริษัทย่อยดังกล่าวประกอบธุรกิจการตลาดแบบตรง” นายทรงพลกล่าว
ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ไดเร็ค กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ TVDมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย รวมถึงมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจการตลาดแบบตรงไปในประเทศต่างๆ ได้แก่ เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซียพม่า ฟิลิปปินส์ และบรูไน ขณะเดียวกัน ยังจะเดินหน้าขยายการประกอบธุรกิจขายปลีกผ่านร้านค้าปลีก TV Direct Showcase ทั้งในประเทศไทย รวมถึงใน เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
ในส่วนของผลประกอบการของบริษัทฯ ก็สะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม เพิ่มขึ้นจาก 959.30 ล้านบาท ในปี 2552 เป็น 1,430.67 ล้านบาท ในปี 2553 และเพิ่มเป็น 1,905.99 ล้านบาท ในปี 2554 คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 49 และร้อยละ 33 ตามลำดับ โดยมีกำไรสุทธิ 0.30 ล้านบาท, 34.88 ล้านบาท และ 35.44 ล้านบาท ตามลำดับ