ปีนี้ผมยังไม่ได้ซื้อหุ้นเพิ่มเลย ช้าไปไหม?

[sylph]

รอถูกๆๆๆๆๆๆๆ

[OutOfMyMind]

ผมก็ยังไม่ได้ซื้อเลยครับ (และยังไม่ได้ขายเลยด้วย)

[koon007]

+1 ผมก็ไม่ซื้อเลย

[Unstablemind]

อย่างที่เขาบอกกันเวลาซื้อขายคงไม่ต้องกำหนดหรอก
ถ้าหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่คุณคำณวนไว้ซื้อตอนนี้ก็ไม่ผิดผมก็เพิ่งซื้อไปเมื้อวันศุกร์ที่แล้วแต่นั้นอาจจะเป็นเพราะผมซื้อแบบแนว dollar cost averagingแต่ไม่ถึงกับทุกเดือนแต่เป็นครั้งเป็นคราว

[luangrit]

ผมก็รอครับ

ระหว่างทางก็เก็บเงินไปเรื่อยๆ

[KriangL]

กลาง ม.ค. ซื้อไปก้อนนึงตามเงินใหม่ที่มี เก็บเงินได้ก็ซื้อไปเรื่อยๆ แล้วแต่ตลาดในแต่ละช่วงเวลาว่าให้ราคาตัวไหนถูกก็ซื้อตัวนั้นครับ

[pat4310]

ถ้าราคาที่ซื้อยังมี MOS ก็ถือว่าไม่ช้าครับ

[marcus147]

ก็พูดยากนะครับ
แล้วแต่ว่าเล็งตัวไหนไว้

[Tsar]

ปีนี้ผมยังไม่ได้ขายหุ้นเลย ช้าไปไหม?

[thaloengsak]

อยู่เฉยๆอยู่ครับ ถ้าน่าสนใจก็เอานะ

[sylph]

ไม่ขายไม่ช้าครับ ราคาหุ้นที่ถืออยู่มันยังไม่แซงกำไรเลย
ถ้าแซงค่อยขาย

แต่ปีนี้ผมใช้สูตรนี้ในการซื้อครับ
ไม่ใช่ชี้แนะนะ

สูตร : มีคูปองเพียงสองใบในปีนี้ อิอิ

[Oatarm]

รอให้หุ้นลงมาถูก จึงซื้อ ถ้าปีนี้ไม่ลงมาล่ะ รับได้กับดอกเบี้ยเงินฝากในแบงค์หรือครับ

[blueplanet]

ตอนนี้ก็ยังซื้อได้ครับ
ผมเชื่อว่าหุ้นที่ผมถือยังไม่แพง
ถ้าแพงผมก็ขายไปแล้ว
มีคำคมของคนในเวบนี้บอกว่า
ถ้าไม่กล้าซื้อหุ้นในราคานี้ ก็จงขายไปซะ
ผมชอบมากเลย ผมจำไม่ได้แล้ว ว่าใครเขียนไว้

[ซากคน]

ตอนนี้ก็ยังซื้อได้ครับ
ผมเชื่อว่าหุ้นที่ผมถือยังไม่แพง
ถ้าแพงผมก็ขายไปแล้ว
มีคำคมของคนในเวบนี้บอกว่า
ถ้าไม่กล้าซื้อหุ้นในราคานี้ ก็จงขายไปซะ
ผมชอบมากเลย ผมจำไม่ได้แล้ว ว่าใครเขียนไว้

เฮีย picklife ครับ

[sylph]

ตอนนี้ก็ยังซื้อได้ครับ
ผมเชื่อว่าหุ้นที่ผมถือยังไม่แพง
ถ้าแพงผมก็ขายไปแล้ว
มีคำคมของคนในเวบนี้บอกว่า
ถ้าไม่กล้าซื้อหุ้นในราคานี้ ก็จงขายไปซะ
ผมชอบมากเลย ผมจำไม่ได้แล้ว ว่าใครเขียนไว้

มันไม่มีให้ขายนะสิ

[chukieat30]

ถ้าคิดว่ากิจการยังถูกอยู่ก้ซื้อไปเถอะ ถ้าซื้อแล้วอนาคตไปขายคนอื่นได้

ถ้าคิดว่ากิจการนี้แพงแล้ว ก้อย่าไปซื้อ ซื้อของแพงก้ต้องดอยครับ

แค่เนี้ยครับ

[harikung]

ส่วนตัวมีเก็บหุ้นอสังหาบางตัวที่ลงมาเยอะจากpanic น้ำท่วมครับ ส่วนตัวอื่นๆในอุตสาหกรรมอื่นราคาไปสวรรค์เกือบหมดแล้วเลยอยู่นิ่งๆดีกว่า

[imerlot]

เปรียบเทียบกับหุ้นในปัจจุบัน ดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมา 2 ปีและหุ้นขึ้นมากว่า 100% แล้ว ราคาหุ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชีสูงเกือบ 2 เท่า ในขณะที่ค่า PE เท่ากับประมาณ 13-14 เท่า ซึ่งถือว่าราคาหุ้นโดยเฉลี่ยในตลาดไม่ถูกอีกต่อไป ในสภาวะแบบนี้กอร์ปกับความนิยมในหุ้น VI ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้การหาหุ้นที่ยังถูกและมี Margin of Safety สูงหาได้ยากขึ้น หรือถ้าคิดว่ายังหาได้ไม่ยากแต่ก็น่าจะมีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดได้มากกว่า ในยามที่ตลาดหุ้น “เอื้ออำนวยต่อ VI” เช่นในปี 2543 และ 2551


คำถามสุดท้ายก็คือ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะทำอย่างไร? จะขายหุ้นถือเงินสดหรือ? และถ้ามีเงินสดเหลืออยู่จะไม่ลงทุนซื้อหุ้นหรือ?

คำตอบของผมก็คือ

ในสภาวะที่ตลาดหุ้นไม่ได้เอื้ออำนวยแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นภัยหรืออันตรายต่อการ ลงทุนอย่างชัดเจนเช่นในปัจจุบัน

ผมจะลงทุนอย่างระมัดระวังขึ้น การเลือกหุ้นอาจจะต้องเน้นกิจการที่มีความปลอดภัยของผลประกอบการสูงกว่าปกติ และไม่หวังผลเลิศ

เหนือสิ่งอื่นใดการลงทุนในสถานการณ์แบบนี้ผมจะไม่รีบร้อน
บางทีผมอาจจะรอแบบใจเย็น ๆ

และแน่นอน ผมจะไม่ “ไล่หุ้น” หรือเล่นหุ้นที่กำลังร้อนแรง

ผมคิดว่าหุ้นที่มีคนเล่นหรือซื้อขายกันมาก ๆ

โดยเฉพาะที่คนซื้อขายเป็น VI ด้วยนั้น ราคาของมันคงไม่ถูกอีกต่อไป

โอกาสที่มันจะกลายเป็นหุ้นที่มีราคาสูงกว่าพื้นฐานน่าจะมีมากกว่า และทั้งหมดนี้ก็คือคำตอบของคำถามที่ว่า VI สนใจภาวะตลาดหุ้นหรือเปล่า

source:มองตลาดหุ้นแบบ VI/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 6 มีนาคม 54
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46910

[saichon]

รอถูกๆๆๆๆๆๆๆ

ผมเข้าใจว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ แกก็ใช้หลักการนี้ในการลงทุนน๊ะครับ
เคยอ่านเจอ แกว่า"ราคาที่เราจ่ายจะเป็นตัวกำหนดผลตอบแทนที่เราจะได้รับ"
ฉะนั้นถ้าเราซื้อหุ้นได้ที่ราคาถูกมากๆ เราก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีมากๆเช่นกันครับ