เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 1
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
วันก่อน ได้ชม วอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้สัมภาษณ์สด 3 ชั่วโมงในรายการ Squawk Box ทางช่อง CNBC ซึ่งปู่บัฟฟ์จะให้สัมภาษณ์ยาวเหยียดเช่นนี้เพียงปีละครั้งเท่านั้นในช่วงต้นปี ก่อนจะถึงการประชุมประจำปีของเบิร์คไชร์ ฮาแธเวย์
การได้ฟังปู่บัฟฟ์ 3 ชั่วโมงรวด ปีละหนึ่งครั้ง เหมือนกับชม “ซูเปอร์โบวล์” ของโลกการเงินยังไงยังงั้นเลยครับ ตัวผมซึ่งตั้งหน้าตั้งตารอมาหลายวัน เลยนั่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ มีสมุดกับปากกาในมือ เรียกได้ว่าจดกันยิกเลยทีเดียว
ประเด็นที่น่าสนใจในการคุยกันคราวนี้มีเยอะอยู่ ขอเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึ่งก่อน
เรื่องของเรื่องก็คือ ในช่วงต้นรายการ บัฟเฟตต์ได้เอ่ยชื่อบริษัท Apple เพื่อตอบคำถามที่ถามว่าเขาได้ตัวคนที่จะมาบริหารเบิร์คไชร์แทนหรือยัง โดยปู่ได้ย้อนถามว่า “แล้วคุณรู้ไหมล่ะว่าใครจะมาแทน ทิม คุก ที่ Apple”
ความหมายก็คือ การที่แกยังไม่เปิดเผยว่าใครจะมาบริหารเบิร์คไชร์แทนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ต้องกังวลอะไร ก็เหมือนกับที่เราไม่รู้ว่าใครจะมาแทน ทิม คุก ที่ Apple แต่องค์กรยักษ์ใหญ่ดังกล่าวก็ย่อมจะอยู่ต่อไปได้นั่นเอง
ในช่วงต่อมา พิธีกรจึงถามว่า เมื่อครู่ที่คุณพูดถึง Apple คุณเคยคุยกับ “สตีฟ จ็อบส์” ผู้ล่วงลับหรือไม่ และคำตอบของบัฟเฟตต์ก็น่าสนใจมากครับ
สุดยอดนักลงทุนอันดับหนึ่งของโลกบอกว่า เขาเคยคุยกับจ็อบส์ไม่กี่ครั้ง โดยมีอยู่ครั้งหนึ่ง (เข้าใจว่าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจ็อบส์ตาย) จ็อบส์เป็นฝ่ายโทรมาหาเขา และขอไอเดียเกี่ยวกับการใช้เงินสดของ Apple ที่มีอยู่มากเกินไป
“เป็นการคุยกันที่น่าสนใจ เพราะผมไม่ได้คุยกับเขานานมาก เขาบอกผมว่า เรามีเงินสดเหลือเยอแยะ ผมจะใช้ยังไงดี เราก็เลยคุยกันถึงทางเลือกที่มี ซึ่งน่าสนใจทีเดียว” บัฟเฟตต์กล่าว
ปู่บัฟฟ์บอกเจ้าพ่อ Apple ว่า วิธีจัดการกับสภาพคล่องที่ล้นเกินของบริษัทมีอยู่ 4 วิธี คือ
1. ซื้อหุ้นคืน 2. จ่ายปันผล 3. ซื้อกิจการอื่น หรือ 4. นั่งทับมันไว้เฉยๆ
บัฟเฟตต์เล่าว่า แกได้อธิบายให้จ็อบส์ฟังถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี แต่จ็อบส์บอกว่า เรื่องการซื้อกิจการนั้นคงไม่ได้ เพราะเขาไม่เห็นว่ามีกิจการไหนที่ควรจะซื้อและมีขนาดใหญ่พอให้ซื้อโดยใช้เงินเยอะๆ ได้เลย
คุณปู่เราได้ยินดังนั้นจึงบอกว่า “เป็นผมคงซื้อหุ้นคืนมา ถ้าคิดว่าหุ้นของตัวเองต่ำกว่ามูลค่า” แล้วเขาก็ถามจ็อบส์ว่า มองราคาหุ้น Apple ตอนนี้เป็นยังไง จ็อบส์บอกว่า “ผมว่าหุ้นของผมต่ำกว่ามูลค่าไปมาก”
ฟังดูเหมือนจ็อบส์น่าจะได้ไอเดียแล้วใช่ไหมครับ แต่เปล่าเลย จ็อบส์กลับถามปู่ต่อไปว่ามีวิธีใช้เงินอย่างอื่นอีกไหม โดยไม่ได้ถามถึงการซื้อหุ้นคืนอีก อาจเรียกได้สิ่งที่ปู่บอกแทบไม่ได้เข้าหูเขาเลย
แล้วบัฟเฟตต์ก็เล่าต่อไป ซึ่งทำให้เรารู้ว่าจ็อบส์ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องการเงินการลงทุนเลยแม้แต่น้อย โดยบอกว่า
“แล้วเราก็คุยกันต่อ แต่เขาไม่เคยทำอะไรเลย เขาชอบที่จะเก็บเงินไว้อย่างนั้น ที่ผมแปลกใจก็คือ หลังจากนั้น เขาไปพูดว่า ผมเห็นด้วยที่เขาไม่ทำอะไรกับเงินสดที่มีเลย (หัวเราะ) เขาไม่ยอมซื้อหุ้นคืน แม้จะเชื่ออย่างเต็มที่ว่าหุ้นของตัวเอง ณ ราคา 200 หรือเท่าไรก็ตามในตอนนั้น มันถูกเกินไปมากๆ”
ได้ทราบเรื่องของ สตีฟ จ็อบส์ จากปากของปู่บัฟฟ์แล้ว พาลให้นึกถึงคนรอบๆ ตัว คนรู้จักผมบางคนเป็นหมอ รายได้สูงมาก ผู้ใหญ่บางคนที่ผมคุ้นเคยก็มีธุรกิจส่วนตัว เงินสดเหลือเยอะ แต่พวกเขากลับไม่ได้สนใจเรื่องของการเงินการลงทุน ทำได้เพียงเอาเงินไปฝากประจำ ซึ่งก็เหมือนกับการ “นั่งทับเงินไว้เฉยๆ” ดังข้อ 4 ที่ปู่บัฟฟ์บอก
คนบางคน ความสามารถมาก ฉลาดปราดเปรื่อง แต่เรื่องการลงทุนเขาไม่สนใจ เพื่อนผมหลายคนเป็นแบบนี้ เอาช้างลากก็ไม่มา ไอ้เรามันพอจะรู้อะไรอยู่บ้าง บางทีเห็นแล้วก็อดเสียดายแทนไม่ได้ แต่อย่างว่าแหล่ะ เราอยู่คนละโลกกัน
เหมือน วอร์เรน บัฟเฟตต์ “เทพเจ้าแห่งการลงทุน” อยู่คนละโลกกับ สตีฟ จ็อบส์ “ศาสดาแห่งโลกนวัตกรรม” (ตั้งแต่จ็อบส์ยังไม่ตาย) นั่นแหล่ะครับ
http://www.ClubVI.com
พุทธทาสภิกขุ : ถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไร คุณจงตั้งต้นศึกษาเหมือนอย่างว่า เราจะไปเป็นครูเขาในเรื่องนั้น เรียนให้มากในเรื่องนั้น แล้วคุณจะรู้เรื่องนั้น ดีจนพอ..ดีจนเกินพอ
พุทธทาสภิกขุ : ถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไร คุณจงตั้งต้นศึกษาเหมือนอย่างว่า เราจะไปเป็นครูเขาในเรื่องนั้น เรียนให้มากในเรื่องนั้น แล้วคุณจะรู้เรื่องนั้น ดีจนพอ..ดีจนเกินพอ
-
- Verified User
- โพสต์: 1088
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 3
เอาบทสัมภาษณ์ สตีฟ จ๊อบส์ กับ บิลเกตส์ ตอนปี 2007 มาแชร์ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=QGH-1L-0 ... re=related
ตอน 7:22 สตีฟ จ๊อบส์ บอก
"I think the world is a better place, because Bill realize that his goal isn't to be the richest guy in the cemetary."
แปลเป็นไทยได้ว่า เค้าคิดว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นที่บิลเกตส์คิดออกว่าเขาไม่ได้อยากเป็นคนที่รวยที่สุดในสุสาน
หรือประมาณว่าเงินมากมายตายไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี
สตีฟจ๊อบส์ไม่ได้สนใจเรื่องเงินมากเท่าไหร่เพราะเขาก็มีเงินเยอะมากพออยู่แล้ว แต่คงอยากสนุกกับการสร้างและทำการตลาดสินค้าใหม่ๆมากกว่า
http://www.youtube.com/watch?v=QGH-1L-0 ... re=related
ตอน 7:22 สตีฟ จ๊อบส์ บอก
"I think the world is a better place, because Bill realize that his goal isn't to be the richest guy in the cemetary."
แปลเป็นไทยได้ว่า เค้าคิดว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นที่บิลเกตส์คิดออกว่าเขาไม่ได้อยากเป็นคนที่รวยที่สุดในสุสาน
หรือประมาณว่าเงินมากมายตายไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี
สตีฟจ๊อบส์ไม่ได้สนใจเรื่องเงินมากเท่าไหร่เพราะเขาก็มีเงินเยอะมากพออยู่แล้ว แต่คงอยากสนุกกับการสร้างและทำการตลาดสินค้าใหม่ๆมากกว่า
เล่นหุ้นคนแก่ แต่แอบเปรี้ยวเป็นบางเวลา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 4
สตีฟ จ๊อบส์ คือยอดคนล่าฝัน เค้าเป็นผู้สร้างฝันตัวเองขึ้นมากับมือ ผมว่าในโลกนี้ มันเป็นอย่างที่เค้าพูดจริงๆแหละ โลกนี้มันมีอะไรดีๆขึ้นมาได้เมื่อผู้ที่ทำมันนั้นทำจากใจ ไม่ได้ทำเพราะเงินHughes เขียน:เอาบทสัมภาษณ์ สตีฟ จ๊อบส์ กับ บิลเกตส์ ตอนปี 2007 มาแชร์ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=QGH-1L-0 ... re=related
ตอน 7:22 สตีฟ จ๊อบส์ บอก
"I think the world is a better place, because Bill realize that his goal isn't to be the richest guy in the cemetary."
แปลเป็นไทยได้ว่า เค้าคิดว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นที่บิลเกตส์คิดออกว่าเขาไม่ได้อยากเป็นคนที่รวยที่สุดในสุสาน
หรือประมาณว่าเงินมากมายตายไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี
สตีฟจ๊อบส์ไม่ได้สนใจเรื่องเงินมากเท่าไหร่เพราะเขาก็มีเงินเยอะมากพออยู่แล้ว แต่คงอยากสนุกกับการสร้างและทำการตลาดสินค้าใหม่ๆมากกว่า
จะว่าไป รูปคุณhughes รวมถึงชื่อด้วย ก็เป็นยอดคนล่าฝันคนนึงนี่ครับ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 5
คนอย่าง บัฟเฟตต์ หรือ จ็อบส์ คุณคิดกันว่ากี่ปีจะมีสักคนpanwasit เขียน:สุดยอดทั้งคู่ครับ แต่ถ้ามีใครนำมารวมกันได้ ผมว่าครองโลกเลยดีกว่าครับ
ขอบคุณบทความแปลดีๆครับ
ยิ่งถ้าเอาข้อดีของทั้งคู่มารวมกัน คนนึงสุดยอดโลกการเงิน คนนึงสุดยอดโลกนวัตกรรม จะรอในรอบกี่ปีกันดีครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 34
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณสำหรับบทความครับผม และทำให้ผมสนใจอยากดูอยากฟังการสัมภาษณ์ครั้งนี้บ้าง แต่ผมหาได้แค่ pdf transcript ครับ ใครเจอเป็นแบบ video หรือมีเสียงช่วยแชร์หน่อยนะครับ
อันนี้ pdf transcript ตลอด 3 ชม. ครับ
http://msnbcmedia.msn.com/i/CNBC/Sectio ... script.pdf
อันนี้ pdf transcript ตลอด 3 ชม. ครับ
http://msnbcmedia.msn.com/i/CNBC/Sectio ... script.pdf
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 7
Video: (ใช้ chromeดู)
http://video.cnbc.com/gallery/?video=3000075412
ต้อง ใช้ chrome ดู ถ้าเป็น firefox มันจะ hang
Video อยู่ ย่อหน้า2
..
Part1
http://www.cnbc.com/id/41865528
Part2
http://www.cnbc.com/id/46541556
...
...
link ในหน้า แล้ว เอามา เป็น ต.ย. 3 รายการ
Part8
http://www.cnbc.com/id/46546992
ผมเองไม่ได้ดู หมด ดูไปหย่อยเดียว แต่ อ่น transcribe เร็วกว่า..
เลยไม่แน่ใจ ว่า ใช่อันนี้หรือ หรือเปล่า แต่ ฟังตรงๆ ก็ได้ อีกแบบ..
http://video.cnbc.com/gallery/?video=3000075412
http://www.cnbc.com/id/41865528
Warren Buffett appeared live on CNBC's Squawk Box this morning, March 2, 2011.
This is Part One of a transcript of his comments.
Announcer: This is a special presentation of SQUAWK BOX, a three-hour conversation with the "Oracle of Omaha," Warren Buffett, the wit and wisdom of an investing legend.
BECKY QUICK: Good morning, everybody.
ต้อง ใช้ chrome ดู ถ้าเป็น firefox มันจะ hang
Video อยู่ ย่อหน้า2
..
Part1
http://www.cnbc.com/id/41865528
Part2
http://www.cnbc.com/id/46541556
...
...
link ในหน้า แล้ว เอามา เป็น ต.ย. 3 รายการ
Part8
http://www.cnbc.com/id/46546992
ผมเองไม่ได้ดู หมด ดูไปหย่อยเดียว แต่ อ่น transcribe เร็วกว่า..
เลยไม่แน่ใจ ว่า ใช่อันนี้หรือ หรือเปล่า แต่ ฟังตรงๆ ก็ได้ อีกแบบ..
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 10
เพิ่งเห็นคำถาม แต่มีคนมาตอบเรียบร้อยแล้ว ตามนั้นเลยครับ0angelic0 เขียน:ขอบคุณสำหรับบทความครับผม และทำให้ผมสนใจอยากดูอยากฟังการสัมภาษณ์ครั้งนี้บ้าง แต่ผมหาได้แค่ pdf transcript ครับ ใครเจอเป็นแบบ video หรือมีเสียงช่วยแชร์หน่อยนะครับ
อันนี้ pdf transcript ตลอด 3 ชม. ครับ
http://msnbcmedia.msn.com/i/CNBC/Sectio ... script.pdf
http://www.ClubVI.com
พุทธทาสภิกขุ : ถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไร คุณจงตั้งต้นศึกษาเหมือนอย่างว่า เราจะไปเป็นครูเขาในเรื่องนั้น เรียนให้มากในเรื่องนั้น แล้วคุณจะรู้เรื่องนั้น ดีจนพอ..ดีจนเกินพอ
พุทธทาสภิกขุ : ถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไร คุณจงตั้งต้นศึกษาเหมือนอย่างว่า เราจะไปเป็นครูเขาในเรื่องนั้น เรียนให้มากในเรื่องนั้น แล้วคุณจะรู้เรื่องนั้น ดีจนพอ..ดีจนเกินพอ
- romee
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 12
เห็นอีกจุดนึง คือ จ็อบส์ ถามกูรูของด้านการเงินระดับโลก โดยตรงเลย โดยไม่มีหน้ากาก หรือคิดว่ากูแน่แล้ว
ถือว่าเป็นสิ่งที่เจ๋งๆเลยครับ
ถือว่าเป็นสิ่งที่เจ๋งๆเลยครับ
การลงทุนแนวvi ไม่ได้แปลว่า นักลงทุนคนนั้นดีกว่า หรือมีวรรณะสูงกว่าคนที่ลงทุนแนวอื่นๆหรอก
-
- Verified User
- โพสต์: 155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 14
artvirus เขียน: คุณปู่เราได้ยินดังนั้นจึงบอกว่า “เป็นผมคงซื้อหุ้นคืนมา ถ้าคิดว่าหุ้นของตัวเองต่ำกว่ามูลค่า” แล้วเขาก็ถามจ็อบส์ว่า มองราคาหุ้น Apple ตอนนี้เป็นยังไง จ็อบส์บอกว่า “ผมว่าหุ้นของผมต่ำกว่ามูลค่าไปมาก”
ฟังดูเหมือนจ็อบส์น่าจะได้ไอเดียแล้วใช่ไหมครับ แต่เปล่าเลย จ็อบส์กลับถามปู่ต่อไปว่ามีวิธีใช้เงินอย่างอื่นอีกไหม โดยไม่ได้ถามถึงการซื้อหุ้นคืนอีก อาจเรียกได้สิ่งที่ปู่บอกแทบไม่ได้เข้าหูเขาเลย
แล้วบัฟเฟตต์ก็เล่าต่อไป ซึ่งทำให้เรารู้ว่าจ็อบส์ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องการเงินการลงทุนเลยแม้แต่น้อย
แล้วสิ่งที่จ๊อบส์พูดได้เข้าหูปู่บ้างมั้ย เท่าที่รู้ก็คือปู่ก็ไม่ได้ซื้อหุ้นแอปเปิ้ล (ณ ตอนนั้นที่ราคา 200) ทั้งๆที่ได้คุยกับศาสดา แล้วเราจะสรุปว่า ปู่ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องการเงินการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีเลยแม้แต่น้อย บ้างได้มั้ยครับ ^^"
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 15
Quantum of Solace เขียน:artvirus เขียน: คุณปู่เราได้ยินดังนั้นจึงบอกว่า “เป็นผมคงซื้อหุ้นคืนมา ถ้าคิดว่าหุ้นของตัวเองต่ำกว่ามูลค่า” แล้วเขาก็ถามจ็อบส์ว่า มองราคาหุ้น Apple ตอนนี้เป็นยังไง จ็อบส์บอกว่า “ผมว่าหุ้นของผมต่ำกว่ามูลค่าไปมาก”
ฟังดูเหมือนจ็อบส์น่าจะได้ไอเดียแล้วใช่ไหมครับ แต่เปล่าเลย จ็อบส์กลับถามปู่ต่อไปว่ามีวิธีใช้เงินอย่างอื่นอีกไหม โดยไม่ได้ถามถึงการซื้อหุ้นคืนอีก อาจเรียกได้สิ่งที่ปู่บอกแทบไม่ได้เข้าหูเขาเลย
แล้วบัฟเฟตต์ก็เล่าต่อไป ซึ่งทำให้เรารู้ว่าจ็อบส์ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องการเงินการลงทุนเลยแม้แต่น้อย
แล้วสิ่งที่จ๊อบส์พูดได้เข้าหูปู่บ้างมั้ย เท่าที่รู้ก็คือปู่ก็ไม่ได้ซื้อหุ้นแอปเปิ้ล (ณ ตอนนั้นที่ราคา 200) ทั้งๆที่ได้คุยกับศาสดา แล้วเราจะสรุปว่า ปู่ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องการเงินการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีเลยแม้แต่น้อย บ้างได้มั้ยครับ ^^"
ก็จริงนะ
http://www.ClubVI.com
พุทธทาสภิกขุ : ถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไร คุณจงตั้งต้นศึกษาเหมือนอย่างว่า เราจะไปเป็นครูเขาในเรื่องนั้น เรียนให้มากในเรื่องนั้น แล้วคุณจะรู้เรื่องนั้น ดีจนพอ..ดีจนเกินพอ
พุทธทาสภิกขุ : ถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไร คุณจงตั้งต้นศึกษาเหมือนอย่างว่า เราจะไปเป็นครูเขาในเรื่องนั้น เรียนให้มากในเรื่องนั้น แล้วคุณจะรู้เรื่องนั้น ดีจนพอ..ดีจนเกินพอ
- KGYF
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณในน้ำใจที่นำมาแชร์ครับ
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 18
Apple’s cash pile
How to spend it
The tech giant should give cash back to shareholders
Mar 10th 2012 | SAN FRANCISCO | from the print edition
NOT long after Steve Jobs died last year, wags eulogised the Apple co-founder with a joke: “Ten years ago we had Steve Jobs, Bob Hope and Johnny Cash. Now we have no jobs, no hope and no cash.” Apple may no longer have Jobs, but it fills investors with hope and is brimming with cash. Its market capitalisation recently passed $500 billion, and it has a whopping $100 billion or so of cash on its balance-sheet.
That mountain of money is about to get higher. Apple aficionados are poised to snap up the new gadgets that the company unveiled on March 7th. These include a new iPad, the latest in the firm’s wildly popular range of tablet computers, and a revamped Apple TV device.
If the new iPad, which boasts a super-sharp screen and lightning-fast connectivity, wins friendly reviews, it will give a big boost to Tim Cook, Jobs’s handpicked successor. But the extra cash it delivers will also increase pressure on Apple’s boss and board to explain what they plan to do with the company’s embarrassment of riches. Last month Mr Cook admitted that the firm has more cash than it needs for its operations. It’s a nice problem to have.
The obvious solution would be to give cash back to shareholders, either via dividends or share buybacks. This is a surprisingly sensitive subject. Mr Jobs was obsessed with hoarding cash, not least because of Apple’s near-bankruptcy in the mid-1990s. Returning money to shareholders would mark a big departure from the revered founder’s philosophy. Another reason Mr Cook will want to tread carefully is that some pundits see a tech firm’s decision to start paying dividends as a signal that its glory days are behind it. One oft-cited example is Microsoft, whose growth slowed after it began returning cash to shareholders in 2003.
Apple is unlikely to suffer a similar fate. Demand for its iGizmos seems insatiable. That is why it needs to come up with ways to invest more of its cash sensibly. Tim Bajarin of Creative Strategies, a consulting firm, reckons Apple could ramp up its forward purchases of components and set up its own semiconductor factories, to give it a tighter grip on a critical link in its supply chain. It could open more physical stores—though their sales would only add to its cash pile. And it may have to fork out more on lawyers’ fees to fight patent lawsuits and deal with other problems, including allegations that it colluded with publishers to fix the price of digital books.
On the acquisition front, the firm has long shunned megadeals, preferring to swallow smaller firms with technology and people it covets. That policy is unlikely to change, though Apple may well accelerate its deal-making tempo. Among its likely targets are firms that offer video and other entertainment content, and others with data that could enhance services such as Siri, its virtual personal assistant.
None of this would put much of a dent in $100 billion. So Apple will probably start handing cash back to shareholders later this year. Working out how to do so will take time, not least because the firm holds much of its money outside America in order to avoid hefty US corporate-tax rates.
Some Apple fans fret that if the company decides to pay regular dividends, it could end up regretting it. “Apple needs to watch out for dividend addicts,” says Aswath Damodaran, a finance professor at New York University who owns Apple stock. Such shareholders, he adds, will be obsessed with extracting as much cash as possible from Apple rather than with its mission of making mind-blowing products. Perhaps. But the point of shares is that they confer ownership. They are valuable only because shareholders expect—and are entitled to—a share of profits. Apple may have trouble finding a good use for its cash, but its shareholders will not.
http://www.economist.com/node/21549978
How to spend it
The tech giant should give cash back to shareholders
Mar 10th 2012 | SAN FRANCISCO | from the print edition
NOT long after Steve Jobs died last year, wags eulogised the Apple co-founder with a joke: “Ten years ago we had Steve Jobs, Bob Hope and Johnny Cash. Now we have no jobs, no hope and no cash.” Apple may no longer have Jobs, but it fills investors with hope and is brimming with cash. Its market capitalisation recently passed $500 billion, and it has a whopping $100 billion or so of cash on its balance-sheet.
That mountain of money is about to get higher. Apple aficionados are poised to snap up the new gadgets that the company unveiled on March 7th. These include a new iPad, the latest in the firm’s wildly popular range of tablet computers, and a revamped Apple TV device.
If the new iPad, which boasts a super-sharp screen and lightning-fast connectivity, wins friendly reviews, it will give a big boost to Tim Cook, Jobs’s handpicked successor. But the extra cash it delivers will also increase pressure on Apple’s boss and board to explain what they plan to do with the company’s embarrassment of riches. Last month Mr Cook admitted that the firm has more cash than it needs for its operations. It’s a nice problem to have.
The obvious solution would be to give cash back to shareholders, either via dividends or share buybacks. This is a surprisingly sensitive subject. Mr Jobs was obsessed with hoarding cash, not least because of Apple’s near-bankruptcy in the mid-1990s. Returning money to shareholders would mark a big departure from the revered founder’s philosophy. Another reason Mr Cook will want to tread carefully is that some pundits see a tech firm’s decision to start paying dividends as a signal that its glory days are behind it. One oft-cited example is Microsoft, whose growth slowed after it began returning cash to shareholders in 2003.
Apple is unlikely to suffer a similar fate. Demand for its iGizmos seems insatiable. That is why it needs to come up with ways to invest more of its cash sensibly. Tim Bajarin of Creative Strategies, a consulting firm, reckons Apple could ramp up its forward purchases of components and set up its own semiconductor factories, to give it a tighter grip on a critical link in its supply chain. It could open more physical stores—though their sales would only add to its cash pile. And it may have to fork out more on lawyers’ fees to fight patent lawsuits and deal with other problems, including allegations that it colluded with publishers to fix the price of digital books.
On the acquisition front, the firm has long shunned megadeals, preferring to swallow smaller firms with technology and people it covets. That policy is unlikely to change, though Apple may well accelerate its deal-making tempo. Among its likely targets are firms that offer video and other entertainment content, and others with data that could enhance services such as Siri, its virtual personal assistant.
None of this would put much of a dent in $100 billion. So Apple will probably start handing cash back to shareholders later this year. Working out how to do so will take time, not least because the firm holds much of its money outside America in order to avoid hefty US corporate-tax rates.
Some Apple fans fret that if the company decides to pay regular dividends, it could end up regretting it. “Apple needs to watch out for dividend addicts,” says Aswath Damodaran, a finance professor at New York University who owns Apple stock. Such shareholders, he adds, will be obsessed with extracting as much cash as possible from Apple rather than with its mission of making mind-blowing products. Perhaps. But the point of shares is that they confer ownership. They are valuable only because shareholders expect—and are entitled to—a share of profits. Apple may have trouble finding a good use for its cash, but its shareholders will not.
http://www.economist.com/node/21549978
-
- Verified User
- โพสต์: 276
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เมื่อ บัฟเฟตต์ คุยกับ สตีฟ จ็อบส์
โพสต์ที่ 19
เมื่อ CEO เปลี่ยน มุมมองก็เปลี่ยนไปครับ
เมื่อเช้ามีข่าวว่า ทิม คุก เรียกประชุมนักวิเคราะห์
ผลเป็นแบบนี้ครับ
เมื่อเช้ามีข่าวว่า ทิม คุก เรียกประชุมนักวิเคราะห์
ผลเป็นแบบนี้ครับ
เผยแอปเปิลจะเริ่มให้เงินปันผลผู้ถือหุ้น และซื้อหุ้นคืนแล้ว
Submitted by toandthen on Mon, 2012-03-19 20:07
เป็นที่ทราบกันดีว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่มีเงินสดจำนวนมหาศาลที่มูลค่าเกือบ 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดแอปเปิลได้เผยรายละเอียดว่าจะทำอะไรกับจำนวนเงินมหาศาลนี้แล้วผ่านการประชุมแบบ Conference Call กับผู้ถือหุ้น
สำหรับรายละเอียดแผนการลดเงินสดของตัวเองในครั้งนี้ ขั้นแรก แอปเปิลเลือกที่จะปันผลกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้เป็นจำนวน 2.65 ดอลลาร์ต่อหุ้น สำหรับขั้นที่สองแอปเปิลจะเริ่มซื้อหุ้นของตัวเองคืนที่มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มเข้าซื้อหุ้นของตัวเองปลายเดือนกันยายนนี้
ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิลเผยว่าแอปเปิลมีแผนที่จะใช้เงินจำนวน 45 พันล้านของตัวเองในช่วงเวลาสามปีหลังจากนี้ และเป็นไปได้ว่าแอปเปิลอาจจะเลือกที่จะซื้อหุ้นคืนและปันผลอีกในอนาคต
Expect the Unexpected.