นึกถึงเรื่องสมมุติบทสนทนาของหมอฟรอยด์กับนักลงทุนขวางโลก
ไม่ตกยุคเช่นกันครับ ดังเช่นตัวอย่างตอนหนึ่ง หมอฟรอยด์พูดว่า.....
" คนที่ใฝ่หาใครสักคนที่เป็นแบบอย่างในอุดมคติที่เขาต้องการเป็นจะเหนื่อยหน่อยครับ เขาจะมีชีวิตอยู่กับการวิ่งตาม เพราะไม่อาจตัดสินใจได้ว่าตัวเขาเองนั้น แท้จริงเป็นใคร เป็นคนในอุดมคติหรือเป็นตัวตนที่แท้จริง เขาไม่อาจไว้ใจตัวเองได้ สูญเสียความเชื่อมั่น เมื่อใครบางคนเสียตรงนั้นไป เขาก็พร้อมเป็นทาสของใครก็ได้ นักลงทุนท่านใดก็ได้ พระรูปไหนก้ได้ นักการเมืองคนไหนก้ได้ พวกเขาไม่อาจยืนด้วยตัวเองได้อีก ต้องการพึ่งพิงใครบางคน บางที ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครด้วยซ้ำ ต้องการให้ใครบางคนก็ได้มาบอกว่าพวกเขาเป็นสิ่งนี้สิ่งนั้น พวกเขาต้องการให้ใครมอบ "อัตลักษณ์" ให้ตัวเอง โดยลืมธรรมชาติและตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไป"
.......................
หมอฟรอยด์กับนักลงทุนขวางโลก
หมอฟรอยด์ : อ้าว สวัสดีครับ เป็นไง วันนี้ลมอะไรพัดมา
นักลงทุนขวางโลก : สวัสดีครับพี่หมอ นี่เพื่อนผมครับพี่หมอ เพื่อนผมเป็นนักลงทุนครับ ผมเล่าให้เขาฟังว่าพี่หมอเคยช่วยแก้ปัญหาอีโก้ของผม เขามีปัญหาเหมือนกัน วันนี้เลยพามาหาพี่หมอครับ
หมอฟรอยด์ : สวัสดีครับ ชื่ออะไรครับ
เพื่อนท่านขวางโลก : สวัสดีครับพี่หมอ ผมชื่อ ฮิต เลอร์ ครับ
หมอฟรอยด์ : เรื่องเป็นอย่างไรครับน้องฮิต
ฮิต เลอร์ : ผมไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเลยครับ เวลาจะลงทุน ผมชอบเอาความคิดไปเทียบเคียงกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ผมไม่กล้าตัดสินใจเอง ต้องตามคนอื่นตลอด บางทีผมก็ทำทีว่าวิเคราะห์หุ้นด้วยตัวเอง แต่จริงๆ ผมไปอ่านของคนอื่นอีกที แล้วก็แสร้งว่าเป็นความคิดของผมเองครับ ทำไงครับพี่หมอที่จะกล้าตัดสินใจด้วยตัวเองได้ซะทีครับ
นักลงทุนขวางโลก : ประมาณอย่างนี้หรือปล่าวครับ นักลงทุนท่านนี้ไม่เพียงใช้ความคิดเห็นของคนอื่นๆ เป็นเครื่องประเมินผลกับความคิดตัวเองเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อเป็นแนวทางว่า เขาควรจะปฏิบัติอย่างไรในการซื้อขายหุ้นด้วยครับ
ฮิต เลอร์ : ใช่เลยครับ บางครั้งผมก็อยู่ในสภาพการณ์ที่ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรจึงจะถูกต้องครับ
หมอฟรอยด์ : ลองสมมุติตัวอย่างสักอันได้ไหมครับ อย่างเวลาน้องฮิต ไปร้านอาหารญี่ปุ่นนี่ ยกน้ำแกงขึ้นซดไหม
ฮิตเลอร์ : ในร้านญีปุ่น ใคร ๆ เขาก็ทำกันนะครับ ถ้าผมขอช้อนเขามาตักน้ำแกง ทำให้ผมดูเซ่อดูเป็นตัวตลกไปเลยนะครับ ผมเห็นคนญึ่ปุ่นนั่งข้างๆ สี่ห้าคน เขายกซดกันหมดเลยครับ
หมอฟรอยด์ : ในไม่ช้าน้อง ฮิต ก็ยกขึ้นซดบ้าง
ฮิต เลอร์ : จะเหลือหรือครับพี่หมอ ผมซดดังซู้ดซ้าดเลยครับ
หมอฟรอยด์ : น้องขวางโลกยกซดไหม
นักลงทุนขวางโลก : ผมไม่ถนัดครับพี่หมอ ผมขอช้อนเขา ในกรณีอย่างร้านญึ่ปุ่น ผมไม่ถือว่า คนอื่นที่นั่งในร้านกำลังชักชวนให้เราทำตามเขา แต่มันหมายความว่า การกระทำของคนอื่นๆ มีอิทธิพลต่อเราโดยทางอ้อมครับ อย่างกรณีของน้องฮิต "กลุ่มอ้างอิง" ที่ใช้เปรียบเทียบและมีอิทธิพลต่อเขาเป็นคนญี่ป่นซะด้วยครับ ในกรณีอย่างนั้นพูดยากนะครับที่จะไม่ทำตาม แต่ผมขอช้อนดีกว่าครับ
ฮิต เลอร์ : เอ้ย ขวางโลก นายไม่เข้าใจเรานะ ถ้าเราขอช้อนตอนนั้นนะ ทุกคนในร้านคงมองเราอย่างสมเพช ระคนเวทนาและขบขันนะโว้ยเฮ้ย เราไม่เหมือนนายหรอกเว้ย นายชอบทำตัวแหกคอก เดียวก็เหมือนเว็บการลงทุน xxxxxx .com นั้นหรอก ที่เขาต่อต้านนายอย่างเงียบๆ และสุดท้ายก็ไล่นายออกจากกลุ่ม นายยังจำได้ไหม พี่หมอครับ คลื่นใหญ่มันมีปัญหาใช่ไหมครับ
นักลงทุนขวางโลก : เราชอบเป็นปลาที่ว่ายทวนน้ำ ไม่เหมือนนายหรอกที่อะไรก็ทำตามคนอื่นเขา ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง พี่หมอครับ ไอ้ฮิต มันมีปัญหาใช่ไหมครับ
หมอฟรอยด์ : กลุ่มเรียกร้องต้องการให้สมาชิกทำตามกลุ่มเพื่อเสถียรภาพและความมั่นคงของกลุ่มครับ คนที่แหกคอกจะทำให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของกลุ่มกระทบกระเทือนและสั่นคลอนเสถียรภาพและความมั่นคงของกลุ่ม เราคงเคยได้ยินเสียงเรียกร้องแบบนี้ในเว็บการลงทุนบ่อย ๆ นะครับ บางอย่างโดยเฉพาะสังคมเล็ก ๆ ก็กำหนดเอาใว้อย่างชัดเจนเลยว่า เราต้องทำอย่างนี้ เราต้องทำอย่างนั้น ถ้าเราไม่ทำตาม เราก็จะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมนั้น ๆ
นักลงทุนขวางโลก : คนเราอาจยอมรับตามกลุ่ม แต่ความจริงภายในใจของตนเองอาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้ครับ
หมอฟรอยด์ : ฟังดูแล้วดูเหมือนจะให้ความรู้สึกไปในทางลบ แต่การยอมตามสังคมคนกลุ่มใหญ่เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าสังคมไม่มีกฏเกณฑ์หรือคนไม่ยอมตามสังคมเลย อะไรจะเกิดขึ้น ถ้ารถไม่ยอมจอดเมื่อถึงสี่แยกไฟแดง การจราจรก็คงวุ่นวายใช่ไหมครับ
นักลงทุนขวางโลก : ก็ใช่ครับพี่หมอ ผมก็ไม่ถึงกับขวางไปทุกอย่าง แต่ก้ไม่ถึงกลับเออออห่อหมกกับคนอื่นไปทุกอย่างเหมือนกันนะครับ
หมอฟรอยด์ : ในกรณีของน้องฮิต เมื่อเขามีความคิดอะไรก็ตาม เขาจะคิดไปก่อนว่า ความคิดของตัวเองถูกต้องหรือไม่ ถ้าลองเอาไปเทียบกับคนอื่นแล้วพบว่าความคิดของเขาคล้ายกับคนหมู่มากนะ เขาจะมั่นใจมากขึ้นว่าความคิดของเขาจะถูกต้อง
ฮิต เลอร์ : ใช่ครับ รู้สึกชักจะอบอุ่นใจบ้างที่มีเพื่อนนะครับ ยิ่งมั่นใจมากขึ้นด้วยครับ
หมอฟรอยด์ : เคยได้ยินคนที่ชื่อ อาดอฟ ฮิตเลอร์ ไหมครับ
ฮิต เลอร์ : เคยครับ พี่หมอ ทำไมหรือครับ
หมอฟรอยด์ : ทราบไหมครับ อาดอฟ ฮิตเลอร์เกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างไรบ้าง
นักลงทุนขวางโลก : ในแง่มุมเรื่องจิตวิทยาฝูงชนครับพี่หมอ ฮิตเลอร์ชอบอ่านหนังสือชื่อ The Crowd ของ Le bon นักสังคมวิทยาการเมืองชาวฝรั่งเศสมากครับ มีนักลงทุนเฮจฟันหลายท่านที่กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้โดยเฉพาะ Ed Seyketa เซียนจิตวิทยาการลงทุนครับ
ฮิต เลอร์ : ไอเดียหลักของ เลอ บอง คืออะไรครับ
หมอฟรอยด์ : Lebon บอกว่า การชักจูงและชี้นำในช่วงเวลาการชุมนุม สามารถทำให้ปัจเจกบุคคลสูญเสียความมีเหตุผล และสำนึกในศีลธรรม และก่อให้เกิดลักษณะ “อารมณ์และจิตใจร่วมเป็นหนึ่งเดียว” และเป็นภาวะของอารมณ์ที่เกินความเป็นจริง ยิ่งกว่านั้น ในที่สุด เกิดภาวะแพร่ระบาด เป็นภาวะที่สมาชิกในที่ชุมนุม ยอมทำตามการชักจูงชี้นำ คำสั่ง และปฏิบัติการของผู้นำชุมนุม หรือการเคลื่อนไหว ใช่ มั๊ยพี่น้อง” “ใช่… ไม่ใช่?” “ ขอเสียงหน่อย คงคุ้นๆ นะครับ
ฮิต เลอร์ : ทำไมคนมากมายถึงตกหลุมพรางฮิตเลอร์ ยอมทำตามที่เขาสั่งทุกอย่างครับ
หมอฟรอยด์ : คนอย่าง อาดอฟ ฮิตเลอร์ โจเสฟ สตาลิน เหมาเซตุง จะเกิดขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าครับ ถ้าหากคนยังไม่ทิ้งความคิดเรื่องอุดมคติครับ
นักลงทุนขวางโลก : อุดมคติอะไรครับ
หมอฟรอยด์ : คนที่ใฝ่หาใครสักคนที่เป็นแบบอย่างในอุดมคติที่เขาต้องการเป็นจะเหนื่อยหน่อยครับ เขาจะมีชีวิตอยู่กับการวิ่งตาม เพราะไม่อาจตัดสินใจได้ว่าตัวเขาเองนั้น แท้จริงเป็นใคร เป็นคนในอุดมคติหรือเป็นตัวตนที่แท้จริง เขาไม่อาจไว้ใจตัวเองได้ สูญเสียความเชื่อมั่น เมื่อใครบางคนเสียตรงนั้นไป เขาก็พร้อมเป็นทาสของใครก็ได้ พระรูปไหนก้ได้ นักการเมืองคนไหนก้ได้ พวกเขาไม่อาจยืนด้วยตัวเองได้อีก ต้องการพึ่งพิงใครบางคน บางที ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครด้วยซ้ำ ต้องการให้ใครบางคนก็ได้มาบอกว่าพวกเขาเป็นสิ่งนี้สิ่งนั้น พวกเขาต้องการให้ใครมอบ "อัตลักษณ์" ให้ตัวเอง โดยลืมธรรมชาติและตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไป
นักลงทุนขวางโลก : ผมมีอีโก้มากเกินไป พี่หมอสอนให้ผม สลาย อีโก้ ของตัวเอง แต่ฮิตเขาไม่มี "อีโก้" เลย แต่กลับพยายามที่จะมีมันขึ้นมา ยังไงกันครับพี่หมอ
หมอฟรอยด์ : ไม่ใช่ไม่อีโก้เลยครับ เคสของน้องฮิตเขาแยกออกเป็นสองเสี่ยงที่ขัดแย้งกันตลอด คือเขามีแบบอย่างในอุดมคติที่ต้องไปให้ถึงกับตัวเขาเอง และเป็น "ตัวเอง" ที่ตัวเขาไม่ชอบและไม่ได้รับการยกย่องจากตัวเอง แบบอย่างยิ่งมีมากเท่าใด ยิ่งเป้นโรคจิตเภทมากขึ้นเท่านั้น ตัวตนของเขาไม่นานจะแยกเป็นเสี่ยงครับ
นักลงทุนขวางโลก : พี่หมอแนะนำไอ้ฮิตมันอย่างไรครับ
หมอฟรอยด์ : สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุด มองเห็นตัวเองอย่างที่เขาเป็น ไม่ใช่เป้นแบบคนอื่น เขาต้องทำตัวให้ว่างเปล่าจากตัวตนอย่างถึงที่สุด ยิ่งตะหนักรู้ในตัวเขาเองมากเท่าใด ตัวเขาก็จะดำรงอยู่น้อยเท่านั้นครับ
ผมขอจบเพียงแค่นี้ครับ
ขอบคุณครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ