ลงทุน หรือ เก็งกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 2236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน หรือ เก็งกำไร
โพสต์ที่ 31
ส่วนตัวคิดว่าการลงทุนนั้นมีธรรมชาติของการเก็งกำไรอยู่ในตัวอยู่แล้ว อยู่ที่timeframeสั้นยาว และความรู้ของผู้ลงทุนมากกว่า อย่างเวลานักลงทุนคาดการณ์ผลประกอบการ มันก็คือการเก็งกำไรอย่างหนึ่งเพียงแต่เราคาดการณ์หรือเก็งกำไรบนพื้นฐานของความรู้จริงๆ ไม่ใช่หลับหูหลับตาซื้อแล้วหวังให้หุ้นมันขึ้น
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
- Verified User
- โพสต์: 191
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน หรือ เก็งกำไร
โพสต์ที่ 33
ถ้าคุณซื้อ เพราะ บริษัทนั้นจะให้ผลตอบแทนคุณในอัตรา 10% ต่อปีจากราคาที่คุณซื้อ และคุณพร้อมจะขายมันทันทีเมื่อปันผลที่คุณจะได้รับเหลือเพียง 3% ต่อปี ผมคิดว่าแบบนี้คือ "การลงทุน"
ถ้าคุณซื้อ เพราะ ราคาของบริษัทนั้น โดยไม่สนว่าผลตอบแทนที่คุณจะได้รับจากการดำเนินกิจการเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ แต่คุณคิดแค่ว่าราคามันอาจจะต้องขึ้นไปอีก ผมคิดว่าแบบนี้คือการ "เก็งกำไร"
คล้ายๆกับที่ดินแปลงนึง ถ้าคุณซื้อโดยหวังค่าเช่าที่จะได้รับจากการซื้อมัน ผมเรียกว่าคุณกำลังลงทุน แต่ถ้าคุณคิดเพียงว่าต้องขายต่อได้ราคาดีแน่นอน ผมเรียกว่าคุณกำลังเก็งกำไรที่ดินครับ
นักลงทุนอย่างดร.นิเวศน์ ท่านใช้หลักการลงทุนอย่างแท้จริงครับ คือซื้อเพราะผลตอบแทนที่จะได้รับจากการดำเนินกิจการนั้นๆต่อปี และไม่เคยคิดว่าราคามันจะไปที่เท่าไหร่ ท่านคิดเพียงว่า ด้วยราคาระดับนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับต่อปีมันต่ำเกินไปไหมต่างหากครับ
ส่วนตัวผมนั้น ผมคิดว่าผมเป็นนัก "เก็งกำไร" จากการซื้อหุ้น เพราะผมคาดหวังราคาที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน แต่ผมคิดแบบ นักลงทุนซึ่งใช้การวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการดำเนินกิจการครับ
ถ้าคุณซื้อ เพราะ ราคาของบริษัทนั้น โดยไม่สนว่าผลตอบแทนที่คุณจะได้รับจากการดำเนินกิจการเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ แต่คุณคิดแค่ว่าราคามันอาจจะต้องขึ้นไปอีก ผมคิดว่าแบบนี้คือการ "เก็งกำไร"
คล้ายๆกับที่ดินแปลงนึง ถ้าคุณซื้อโดยหวังค่าเช่าที่จะได้รับจากการซื้อมัน ผมเรียกว่าคุณกำลังลงทุน แต่ถ้าคุณคิดเพียงว่าต้องขายต่อได้ราคาดีแน่นอน ผมเรียกว่าคุณกำลังเก็งกำไรที่ดินครับ
นักลงทุนอย่างดร.นิเวศน์ ท่านใช้หลักการลงทุนอย่างแท้จริงครับ คือซื้อเพราะผลตอบแทนที่จะได้รับจากการดำเนินกิจการนั้นๆต่อปี และไม่เคยคิดว่าราคามันจะไปที่เท่าไหร่ ท่านคิดเพียงว่า ด้วยราคาระดับนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับต่อปีมันต่ำเกินไปไหมต่างหากครับ
ส่วนตัวผมนั้น ผมคิดว่าผมเป็นนัก "เก็งกำไร" จากการซื้อหุ้น เพราะผมคาดหวังราคาที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน แต่ผมคิดแบบ นักลงทุนซึ่งใช้การวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการดำเนินกิจการครับ
อย่าเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอก แต่จงคิดและเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวท่านเอง !!
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ลงทุน หรือ เก็งกำไร
โพสต์ที่ 34
ขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันแชร์แนวคิดนะครับ
ผมอยากรู้อีกอย่างเหมือนกันว่า มีใครคิดแบบนี้บ้างมั้ย
คิดเหมือนเรา take over มาที่ราคาบริษัท สมมติ พันล้าน แล้วในแต่ละปีที่เราถือ ผลตอบแทนที่เราได้นั้น คือกำไรของบริษัท(เนื่องจากมันเป็นกำไรทางบัญชีอาจจะต้องปรับปรุงหน่อย)
เพราะหากคิดว่าการลงทุนเหมือนทำธุรกิจจริงๆ นึกภาพธุรกิจที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจดูครับ เราทุ่มเงินไป ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้ที่เราจะเอามาคิดได้ ก็คงเป็นกำไรที่ทำได้ เงินสดที่เป็นFree cash flow ก็จ่ายปันผลออกมาให้ตัวเองหรือเอาไปขยายกิจการต่อ
แต่พอตัวเลขในพอร์ตของเรา มันโชว์ให้เห็นอยู่ทุกวัน ราคามันขึ้นทุกครั้งที่ผลประกอบการมันออกมาดี กลายเป็นว่า ผลตอบแทนจากการtake over กิจการนี้ กลายเป็นตัวเลขที่มันขึ้นๆลงๆในพอร์ตเราซะงั้น
บางครั้งผมก็รู้สึกว่า พอตอนที่ราคาหุ้นไม่ขึ้นเลย แต่ผมรู้สึกดีที่ได้เป็นเจ้าของ ผมรู้สึกดีที่ผลกำไรมันออกมาดี มีเงินสดเข้าดี แต่พอตอนที่ราคามันพุ่งไปเยอะๆ ผมก็ไปโฟกัสที่capital gain แทน มันทำให้ผมตาพร่ามัวและหลงระเริงมัวแต่ไปสนใจกับตัวเลขในพอร์ตมากกว่าตัวเลขทางการเงินของบริษัทที่ผมเป็นเจ้าของ
ผมอยากรู้อีกอย่างเหมือนกันว่า มีใครคิดแบบนี้บ้างมั้ย
คิดเหมือนเรา take over มาที่ราคาบริษัท สมมติ พันล้าน แล้วในแต่ละปีที่เราถือ ผลตอบแทนที่เราได้นั้น คือกำไรของบริษัท(เนื่องจากมันเป็นกำไรทางบัญชีอาจจะต้องปรับปรุงหน่อย)
เพราะหากคิดว่าการลงทุนเหมือนทำธุรกิจจริงๆ นึกภาพธุรกิจที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจดูครับ เราทุ่มเงินไป ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้ที่เราจะเอามาคิดได้ ก็คงเป็นกำไรที่ทำได้ เงินสดที่เป็นFree cash flow ก็จ่ายปันผลออกมาให้ตัวเองหรือเอาไปขยายกิจการต่อ
แต่พอตัวเลขในพอร์ตของเรา มันโชว์ให้เห็นอยู่ทุกวัน ราคามันขึ้นทุกครั้งที่ผลประกอบการมันออกมาดี กลายเป็นว่า ผลตอบแทนจากการtake over กิจการนี้ กลายเป็นตัวเลขที่มันขึ้นๆลงๆในพอร์ตเราซะงั้น
บางครั้งผมก็รู้สึกว่า พอตอนที่ราคาหุ้นไม่ขึ้นเลย แต่ผมรู้สึกดีที่ได้เป็นเจ้าของ ผมรู้สึกดีที่ผลกำไรมันออกมาดี มีเงินสดเข้าดี แต่พอตอนที่ราคามันพุ่งไปเยอะๆ ผมก็ไปโฟกัสที่capital gain แทน มันทำให้ผมตาพร่ามัวและหลงระเริงมัวแต่ไปสนใจกับตัวเลขในพอร์ตมากกว่าตัวเลขทางการเงินของบริษัทที่ผมเป็นเจ้าของ
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง