ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 1
สมมุติ บริษัท A เริ่มต้นจากไม่มีเงินเลย คือมีเงิน 0 บาท
บริษัท A ก็น่าจะมีมูลค่า 0 บาท
แล้วบริษัท A ไปยืมเงินมา 5 ล้านบาท
สมมุติว่า A ไปเปิด 7-11 โดยลงทุนไปทั้งหมด 5 ล้านบาท
ปรากฎว่า รายได้ หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมดอกเบี้ยจากเงินต้น 5 ล้านบาท
เหลือกำไร 5 หมื่นบาทต่อเดือน 6 แสนบาทต่อปี
คิดแบบไม่ละเอียดมากนะครับ
คือ กำไร 6 แสนบาทต่อปี ก็ 4.8 ล้านบาทต่อ 8 ปี
ก็ประมาณ 8 ปี ก็คืนเงินต้น 5 ล้านหมด
หลังจาก 8 ปี ก็กำไรทุกปี ปีละ 5 หมื่นบาท
แบบนี้ กิจการบริษัท A ควรมีมูลค่าทั้งหมดเท่าไรครับ
เป็นคำถามที่ไม่สมบูรณ์นะครับ และรอคำตอบที่ไม่สมบูรณ์ หมายถึงตอบอย่างไรก็ได้ ขอบคุณที่ตอบนะครับ
บริษัท A ก็น่าจะมีมูลค่า 0 บาท
แล้วบริษัท A ไปยืมเงินมา 5 ล้านบาท
สมมุติว่า A ไปเปิด 7-11 โดยลงทุนไปทั้งหมด 5 ล้านบาท
ปรากฎว่า รายได้ หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมดอกเบี้ยจากเงินต้น 5 ล้านบาท
เหลือกำไร 5 หมื่นบาทต่อเดือน 6 แสนบาทต่อปี
คิดแบบไม่ละเอียดมากนะครับ
คือ กำไร 6 แสนบาทต่อปี ก็ 4.8 ล้านบาทต่อ 8 ปี
ก็ประมาณ 8 ปี ก็คืนเงินต้น 5 ล้านหมด
หลังจาก 8 ปี ก็กำไรทุกปี ปีละ 5 หมื่นบาท
แบบนี้ กิจการบริษัท A ควรมีมูลค่าทั้งหมดเท่าไรครับ
เป็นคำถามที่ไม่สมบูรณ์นะครับ และรอคำตอบที่ไม่สมบูรณ์ หมายถึงตอบอย่างไรก็ได้ ขอบคุณที่ตอบนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 224
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 2
ตอบคำถามแบบไม่สมบูรณ์นะครับ
คุณอยากได้ % กำไรต่อปีหลังหักภาษีเท่าไหร่ พอจ่ายหนี้หมดแล้วก็เอาไปหาร 5หมื่นเลยครับ
เช่น อยากได้ 10% ต่อปี ก็คือ 5แสนครับ (50k/0.1)
ปล. ไม่สนใจ time value of money
ปล.2 ธุรกิจนี้อยู่ไปเรื่อยๆ ตลอดกาล
คุณอยากได้ % กำไรต่อปีหลังหักภาษีเท่าไหร่ พอจ่ายหนี้หมดแล้วก็เอาไปหาร 5หมื่นเลยครับ
เช่น อยากได้ 10% ต่อปี ก็คือ 5แสนครับ (50k/0.1)
ปล. ไม่สนใจ time value of money
ปล.2 ธุรกิจนี้อยู่ไปเรื่อยๆ ตลอดกาล
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 3
กำไรปีละ 6 แสนนะครับnviorst เขียน:ตอบคำถามแบบไม่สมบูรณ์นะครับ
คุณอยากได้ % กำไรต่อปีหลังหักภาษีเท่าไหร่ พอจ่ายหนี้หมดแล้วก็เอาไปหาร 5หมื่นเลยครับ
เช่น อยากได้ 10% ต่อปี ก็คือ 5แสนครับ (50k/0.1)
ปล. ไม่สนใจ time value of money
ปล.2 ธุรกิจนี้อยู่ไปเรื่อยๆ ตลอดกาล
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 4
โค้ด: เลือกทั้งหมด
หลังจาก 8 ปี ก็กำไรทุกปี ปีละ 5 หมื่นบาท
หลังจาก 8 ปี ทุกปี กำไรปีละ 6 แสนบาทครับ
แบบนี้กิจการนี้ควรมีมูลค่าเท่าไรครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 5
สมมุติ บริษัท A เริ่มต้นจากไม่มีเงินเลย คือมีเงิน 0 บาท
บริษัท A ก็น่าจะมีมูลค่า 0 บาท
แล้วบริษัท A ไปยืมเงินมา 5 ล้านบาท
สมมุติว่า A ไปเปิด 7-11 โดยลงทุนไปทั้งหมด 5 ล้านบาท
ปรากฎว่า รายได้ หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมดอกเบี้ยจากเงินต้น 5 ล้านบาท
เหลือกำไร 5 หมื่นบาทต่อเดือน 6 แสนบาทต่อปี
คิดแบบไม่ละเอียดมากนะครับ
คือ กำไร 6 แสนบาทต่อปี ก็ 4.8 ล้านบาทต่อ 8 ปี
ก็ประมาณ 8 ปี ก็คืนเงินต้น 5 ล้านหมด
หลังจาก 8 ปี ก็กำไรทุกปี ปีละ 6 แสนบาท
แบบนี้ กิจการบริษัท A ควรมีมูลค่าทั้งหมดเท่าไรครับ
เป็นคำถามที่ไม่สมบูรณ์นะครับ และรอคำตอบที่ไม่สมบูรณ์ หมายถึงตอบอย่างไรก็ได้ ขอบคุณที่ตอบนะครับ
บริษัท A ก็น่าจะมีมูลค่า 0 บาท
แล้วบริษัท A ไปยืมเงินมา 5 ล้านบาท
สมมุติว่า A ไปเปิด 7-11 โดยลงทุนไปทั้งหมด 5 ล้านบาท
ปรากฎว่า รายได้ หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมดอกเบี้ยจากเงินต้น 5 ล้านบาท
เหลือกำไร 5 หมื่นบาทต่อเดือน 6 แสนบาทต่อปี
คิดแบบไม่ละเอียดมากนะครับ
คือ กำไร 6 แสนบาทต่อปี ก็ 4.8 ล้านบาทต่อ 8 ปี
ก็ประมาณ 8 ปี ก็คืนเงินต้น 5 ล้านหมด
หลังจาก 8 ปี ก็กำไรทุกปี ปีละ 6 แสนบาท
แบบนี้ กิจการบริษัท A ควรมีมูลค่าทั้งหมดเท่าไรครับ
เป็นคำถามที่ไม่สมบูรณ์นะครับ และรอคำตอบที่ไม่สมบูรณ์ หมายถึงตอบอย่างไรก็ได้ ขอบคุณที่ตอบนะครับ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 6
นี่ธุรกิจของ พี่ เจ๋งเปล่าครับ ร้าน 20 บาท เปล่าเอ่ย
ถ้าจะประเมิณแบบ DCF ต้องถามว่า จริงๆพี่เจ๋งเอง ประเมินเองได้นะครับ เพราะรู้ข้อมูลดีสุด
แล้ว ต้นทุนทางการเงิน ดอกเบี้ยจ่ายปี เท่าไหร่ครับ ตอบแทนที่พี่ต้องการเท่าไหร่ครับ นําไปคํานวณ WACC
มี capex อะไรไหม ธุรกิจเงินสดไหม นําไปคํานวณ Free Cash Flow
ราคาเมื่อพี่ปิดร้าน ขายของเลหลัง หมด จะเหลือ เท่าไหร่ นําไปหา Terminal Value
มีเงินสดไหม
นํา FCF Terminal Value มาคิดลดด้วย WACC สูตร Present Value ตามจํานวนปีนะ แล้ว บวกกัน
แล้วบวกเงินสด หัก ด้วยหนี้ พี่ก็จะได้ Enterprise Value ของพี่ ครับ
ว่าแต่จะเปิน มูลค่าไป ทําอะไรเหรอครับ จะขายต่อ หรือ จะคนร่วมทุน ครับ หรือ กู้
ถ้าจะประเมิณแบบ DCF ต้องถามว่า จริงๆพี่เจ๋งเอง ประเมินเองได้นะครับ เพราะรู้ข้อมูลดีสุด
แล้ว ต้นทุนทางการเงิน ดอกเบี้ยจ่ายปี เท่าไหร่ครับ ตอบแทนที่พี่ต้องการเท่าไหร่ครับ นําไปคํานวณ WACC
มี capex อะไรไหม ธุรกิจเงินสดไหม นําไปคํานวณ Free Cash Flow
ราคาเมื่อพี่ปิดร้าน ขายของเลหลัง หมด จะเหลือ เท่าไหร่ นําไปหา Terminal Value
มีเงินสดไหม
นํา FCF Terminal Value มาคิดลดด้วย WACC สูตร Present Value ตามจํานวนปีนะ แล้ว บวกกัน
แล้วบวกเงินสด หัก ด้วยหนี้ พี่ก็จะได้ Enterprise Value ของพี่ ครับ
ว่าแต่จะเปิน มูลค่าไป ทําอะไรเหรอครับ จะขายต่อ หรือ จะคนร่วมทุน ครับ หรือ กู้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 7
โอเค ครับ เข้าใจคำตอบแรกคือถ้าหวัง 10 % เราก็ตีราคา ที่ 6 ล้านบาท
เพราะกำไรต่อปี คือ 6 แสนบาท
ทีนี้ ถ้าสมมุติว่า บริษัท A ไม่ได้กู้เงินมา แต่มีเงิน 5 ล้านบาท ไปลงทุน
และได้กำไร เดือนละ 5 หมื่น ปีละ 6 แสนบาท
ถ้าใช้หลักการตีราคาโดยดูกำไร
ก็ต้องตีราคาที่ 6 ล้านบาทเช่นกัน
สำหรับผม มันก็เลยแปลกๆ ตรงที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้ แล้วดูกำไร มันต่างกันอย่างไร ในการตีราคา
เพราะกำไรต่อปี คือ 6 แสนบาท
ทีนี้ ถ้าสมมุติว่า บริษัท A ไม่ได้กู้เงินมา แต่มีเงิน 5 ล้านบาท ไปลงทุน
และได้กำไร เดือนละ 5 หมื่น ปีละ 6 แสนบาท
ถ้าใช้หลักการตีราคาโดยดูกำไร
ก็ต้องตีราคาที่ 6 ล้านบาทเช่นกัน
สำหรับผม มันก็เลยแปลกๆ ตรงที่มีหนี้ กับไม่มีหนี้ แล้วดูกำไร มันต่างกันอย่างไร ในการตีราคา
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 8
และถ้าปีที่ 1 เปิด 1 สาขา กู้ 5 ล้าน
ปีที่ 2 เปิดเพิ่ม 2 สาขา กู้อีก 10 ล้าน
ปีที่ 3 เปิดเพิ่มอีก 6 สาขา กู้อีก 30 ล้าน
ปีที่ 4 เปิดเพิ่ม 18 สาขา กู้อีก 90 ล้าน
เท่ากับมีทั้งหมด 27 สาขา กำไรต่อปี 6 แสนบาทคูณ 27 เท่ากับ 16.2 ล้านบาท
ถ้าคิดว่า หวัง 10 % (PE10) ก็ 162 ล้านบาท
แต่เมื่อพิจารณา growth อีก ราคาก็อาจจะสูงกว่า 162 ล้านบาท
เช่น หวัง 3.33 % (PE30) ราคาก็ 486 ล้านบาท
คนที่ลงทุนตอนแรกก็น่าจะกำไรเยอะมาก เพราะมูลค่าเดิมคือ 6 ล้านบาท
คือ หนี้ 135 ล้านบาทนั้น ดูเหมือนไม่ได้เอามาคำนวณราคาซื้อทั้งบริษัทสักเท่าไร
เราดูแต่กำไร และอัตราการเติบโต ใช่หรือไม่
อัตราการเติบโต 100 % ทุกปี
แบบนี้ ตีราคาบริษัท A เท่าไร
ปีที่ 2 เปิดเพิ่ม 2 สาขา กู้อีก 10 ล้าน
ปีที่ 3 เปิดเพิ่มอีก 6 สาขา กู้อีก 30 ล้าน
ปีที่ 4 เปิดเพิ่ม 18 สาขา กู้อีก 90 ล้าน
เท่ากับมีทั้งหมด 27 สาขา กำไรต่อปี 6 แสนบาทคูณ 27 เท่ากับ 16.2 ล้านบาท
ถ้าคิดว่า หวัง 10 % (PE10) ก็ 162 ล้านบาท
แต่เมื่อพิจารณา growth อีก ราคาก็อาจจะสูงกว่า 162 ล้านบาท
เช่น หวัง 3.33 % (PE30) ราคาก็ 486 ล้านบาท
คนที่ลงทุนตอนแรกก็น่าจะกำไรเยอะมาก เพราะมูลค่าเดิมคือ 6 ล้านบาท
คือ หนี้ 135 ล้านบาทนั้น ดูเหมือนไม่ได้เอามาคำนวณราคาซื้อทั้งบริษัทสักเท่าไร
เราดูแต่กำไร และอัตราการเติบโต ใช่หรือไม่
อัตราการเติบโต 100 % ทุกปี
แบบนี้ ตีราคาบริษัท A เท่าไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 9
อย่างกรณี BigC
ก่อนซื้อคาร์ฟู ไม่มีหนี้เลย
อัตราการเติบโตก็น้อย
ปี 25551 กำไร 2,851.74
ปี 2552 กำไร 2,868.20
ปี 2553 กำไร 2,886.76
ก่อนซื้อคาร์ฟู ราคาทั้งบริษัทเท่าไร หลังซื้อปั๊บ ตอนนี้ราคาทั้งบริษัทเท่าไร
เราตีราคากันจากอะไร ในเมื่อใช้หนี้ทั้งก้อนไปซื้อคาร์ฟูมา
หมายเหตุ ไม่ได้บอก bigc แพง หรือว่าถูกนะครับ แค่อยากรู้ว่า ตีราคากันอย่างไร
ถ้าการตีราคา ไม่เอาหนี้มาคิดเลย จะมีความเสี่ยงมากขนาดไหน หรือไม่เสี่ยง
ถ้าต้องเอามาคิด ต้องคิดอย่างไร
ก่อนซื้อคาร์ฟู ไม่มีหนี้เลย
อัตราการเติบโตก็น้อย
ปี 25551 กำไร 2,851.74
ปี 2552 กำไร 2,868.20
ปี 2553 กำไร 2,886.76
ก่อนซื้อคาร์ฟู ราคาทั้งบริษัทเท่าไร หลังซื้อปั๊บ ตอนนี้ราคาทั้งบริษัทเท่าไร
เราตีราคากันจากอะไร ในเมื่อใช้หนี้ทั้งก้อนไปซื้อคาร์ฟูมา
หมายเหตุ ไม่ได้บอก bigc แพง หรือว่าถูกนะครับ แค่อยากรู้ว่า ตีราคากันอย่างไร
ถ้าการตีราคา ไม่เอาหนี้มาคิดเลย จะมีความเสี่ยงมากขนาดไหน หรือไม่เสี่ยง
ถ้าต้องเอามาคิด ต้องคิดอย่างไร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 10
ถ้าในกรณีแรกเราใช้เงินทุนเป็นเงินกู้ทั้งหมด EPV จะต้องไม่ใช่ 6 ล้านบาทสิครับ เพราะจะใส่ต้นทุนเงินทุนเป็น10เปอร์เซนต์ไม่ได้ หากเงินทุนเป็นเงินกู้ทั้งหมด ต้นทุนเงินทุน=อัตราดอกเบี้ย
สมมติอัตราดอกเบี้ย 5% ดังนั้น EPV = 1/0.05 * 6 แสน = 12ล้านบาท
ส่วนกรณีที่2ที่เงินทุนเราใช้เงินเราเองทั้งหมด ถึงจะใช้10%ได้เพราะเป็นต้นทุนเงินทุนของเราเอง = ผลตอบแทนที่คาดหวัง 1/0.1 * 6แสน = 6 ล้าน
ในกรณีที่ 1 คุณใส่ต้นทุนเงินทุนของตัวเองไม่ได้เพราะคุณไม่ได้ใช้ทุนตัวเองเลย equityเป็น 0 แล้วอยู่ๆก็ได้กำไรมาหมายถึง ROEเป็นอนันต์ ซึ่งจริงๆแล้วในกรณีที่ 1 นี่ ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ??เพราะคงไม่มีใครให้กู้หากเราไม่มีส่วนทุนของเราเองค้ำประกัน?? ดังนั้นจริงๆแล้วไอที่คิดออกมาได้ในกรณีที่1นี่ คงไม่ถูกต้อง และคงไม่ได้เอาไปใช้จริง
สมมติอัตราดอกเบี้ย 5% ดังนั้น EPV = 1/0.05 * 6 แสน = 12ล้านบาท
ส่วนกรณีที่2ที่เงินทุนเราใช้เงินเราเองทั้งหมด ถึงจะใช้10%ได้เพราะเป็นต้นทุนเงินทุนของเราเอง = ผลตอบแทนที่คาดหวัง 1/0.1 * 6แสน = 6 ล้าน
ในกรณีที่ 1 คุณใส่ต้นทุนเงินทุนของตัวเองไม่ได้เพราะคุณไม่ได้ใช้ทุนตัวเองเลย equityเป็น 0 แล้วอยู่ๆก็ได้กำไรมาหมายถึง ROEเป็นอนันต์ ซึ่งจริงๆแล้วในกรณีที่ 1 นี่ ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ??เพราะคงไม่มีใครให้กู้หากเราไม่มีส่วนทุนของเราเองค้ำประกัน?? ดังนั้นจริงๆแล้วไอที่คิดออกมาได้ในกรณีที่1นี่ คงไม่ถูกต้อง และคงไม่ได้เอาไปใช้จริง
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 11
ร้านนี้กำไร 50,000หลังหักดอกเบี้ยจ่ายต่อเดือนแล้ว
ร้านนี้กำไร 50,000+ดอกเบี้ยจ่าย
ดอกเบี้ยจ่าย=5,000,000x10/12 (R คือดอกเบี้ยของธนาคาร สมมติ R=10%/ปี)
ร้านนี้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย 50,000+41,666=91,666บาท
ถ้าผมต้องการผลตอบแทน 1%ต่อเดือน
ผมยินดีซื้อร้านนี้ในราคา 91,666/1%=9,166,600 บาท (ยังไม่คำนวณค่าเสื่อม)
ถ้าผมได้สิทธิในการเปิดสาขาด้วย ผมตั้งใจเปิดสาขา 5,000 สาขา
ผมยินดีจ่ายเงิน 5,000x9,166,600=xx แต่ราคาเท่าไหร ผมจะต้อง
ประเมินว่าผมเปิดสาขาได้เร็วขนาดไหน และต้องคิดค่า NPV ด้วย
ร้านนี้กำไร 50,000+ดอกเบี้ยจ่าย
ดอกเบี้ยจ่าย=5,000,000x10/12 (R คือดอกเบี้ยของธนาคาร สมมติ R=10%/ปี)
ร้านนี้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย 50,000+41,666=91,666บาท
ถ้าผมต้องการผลตอบแทน 1%ต่อเดือน
ผมยินดีซื้อร้านนี้ในราคา 91,666/1%=9,166,600 บาท (ยังไม่คำนวณค่าเสื่อม)
ถ้าผมได้สิทธิในการเปิดสาขาด้วย ผมตั้งใจเปิดสาขา 5,000 สาขา
ผมยินดีจ่ายเงิน 5,000x9,166,600=xx แต่ราคาเท่าไหร ผมจะต้อง
ประเมินว่าผมเปิดสาขาได้เร็วขนาดไหน และต้องคิดค่า NPV ด้วย
Blueplanet
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 12
แล้วร้านที่ 2 ที่กำไร 50000 โดยไม่กู้เงินเลย และลงทุนไป 5 ล้านบาทblueplanet เขียน:ร้านนี้กำไร 50,000หลังหักดอกเบี้ยจ่ายต่อเดือนแล้ว
ร้านนี้กำไร 50,000+ดอกเบี้ยจ่าย
ดอกเบี้ยจ่าย=5,000,000x10/12 (R คือดอกเบี้ยของธนาคาร สมมติ R=10%/ปี)
ร้านนี้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย 50,000+41,666=91,666บาท
ถ้าผมต้องการผลตอบแทน 1%ต่อเดือน
ผมยินดีซื้อร้านนี้ในราคา 91,666/1%=9,166,600 บาท (ยังไม่คำนวณค่าเสื่อม)
ถ้าผมได้สิทธิในการเปิดสาขาด้วย ผมตั้งใจเปิดสาขา 5,000 สาขา
ผมยินดีจ่ายเงิน 5,000x9,166,600=xx แต่ราคาเท่าไหร ผมจะต้อง
ประเมินว่าผมเปิดสาขาได้เร็วขนาดไหน และต้องคิดค่า NPV ด้วย
ไม่ทราบว่ายินดีจ่ายที่ราคาเท่าไรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 13
ร้านแรก มีดอกเบี้ยจ่ายกำไร 50,000 ร้านที่ 2 ลงทุน 5,000,000
ก็กำไร 50,000 แสดงว่าร้านที่ 2 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายน้อยกว่าร้านแรก
ผมต้องการ 1%/เดือน ดังนั้น ร้านที่ 2 ผมก็ซื้อ 50,000/1%=5,000,000บาท
ก็กำไร 50,000 แสดงว่าร้านที่ 2 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายน้อยกว่าร้านแรก
ผมต้องการ 1%/เดือน ดังนั้น ร้านที่ 2 ผมก็ซื้อ 50,000/1%=5,000,000บาท
Blueplanet
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณมากครับที่ตอบ คุณ blueplanet
ไม่มีผิด ไม่มีถูกนะครับ
ในส่วนตัวผม ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ ที่
ร้านแรก กู้ทั้งก้อน 5 ล้าน กำไร 5 หมื่นหักดอกเบี้ยจ่าย ราคากลับสูงกว่า
ร้านที่สอง ที่ไม่กู้เลย และมีความมั่นคงมากกว่าตั้งเยอะ เพราะไม่มีหนี้เลย
แน่นอนว่ายอดขาย หรือความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายร้านแรก น่าจะมากกว่าร้านที่สองก็ตาม
ไม่ทราบว่าท่านอื่น มีแนวคิด หรือมีการคำนวณอย่างไรครับผม
ไม่มีผิด ไม่มีถูกนะครับ
ในส่วนตัวผม ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ ที่
ร้านแรก กู้ทั้งก้อน 5 ล้าน กำไร 5 หมื่นหักดอกเบี้ยจ่าย ราคากลับสูงกว่า
ร้านที่สอง ที่ไม่กู้เลย และมีความมั่นคงมากกว่าตั้งเยอะ เพราะไม่มีหนี้เลย
แน่นอนว่ายอดขาย หรือความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายร้านแรก น่าจะมากกว่าร้านที่สองก็ตาม
ไม่ทราบว่าท่านอื่น มีแนวคิด หรือมีการคำนวณอย่างไรครับผม
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 15
คุณ blueplanet ถามต่ออีกนิดนึง
สมมุติว่า ผมเป็นเจ้าของร้านที่สอง ที่ไม่กู้เลย
ตอนแรกคุณยินดีจ่าย 5 ล้านบาท
ทีนี้ ผมไปกู้เงินมา 5 ล้าน กับกิจการเดิมนี่แหละ ผมก็เอาเงิน 5 ล้านเก็บใส่กระเป๋า
แล้วกิจการก็มีหนี้ 5 ล้านบาท
ตามที่คุณคำนวณ ดอกเบี้ยจ่ายต่อเดือน 41666
นั่นหมายถึง กำไรจะลดเหลือ 8334 บาท (50000-41666)
คุณก็จะซื้อกิจการนี้ที่ราคา 833400 บาท (ต้องการ 1 %) ใช่หรือไม่
แสดงว่า กิจการไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่กู้เงินมา ก็ทำให้ มูลค่ากิจการสูงขึ้น 833400
ผมจะสรุปแบบนี้ตามการตีราคาของคุณได้หรือไม่
สมมุติว่า ผมเป็นเจ้าของร้านที่สอง ที่ไม่กู้เลย
ตอนแรกคุณยินดีจ่าย 5 ล้านบาท
ทีนี้ ผมไปกู้เงินมา 5 ล้าน กับกิจการเดิมนี่แหละ ผมก็เอาเงิน 5 ล้านเก็บใส่กระเป๋า
แล้วกิจการก็มีหนี้ 5 ล้านบาท
ตามที่คุณคำนวณ ดอกเบี้ยจ่ายต่อเดือน 41666
นั่นหมายถึง กำไรจะลดเหลือ 8334 บาท (50000-41666)
คุณก็จะซื้อกิจการนี้ที่ราคา 833400 บาท (ต้องการ 1 %) ใช่หรือไม่
แสดงว่า กิจการไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่กู้เงินมา ก็ทำให้ มูลค่ากิจการสูงขึ้น 833400
ผมจะสรุปแบบนี้ตามการตีราคาของคุณได้หรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 16
คณิตรศาสตร ถ้าคิดไม่เหมือนกัน มี 2อย่างเท่านั้น
คือ 1.ฝ่ายหนึ่งผิดฝ่ายหนึ่งถูก 2.ผิดทั้งคู่ (ไม่มีทางจะถูกทั้งคู่)
สิ่งที่ผมทำคือผมประเมินร้าน และซื้อตัวร้านเลย
แต่ถ้าซื้อบริษัท ที่เป็นเจ้าของร้าน (ผมเดาว่าคุณเจ๋งคงหมายถึงแบบนี้)
ถ้าซื้อ บริษัท ซึ่งมีหนี้ 5ล้าน และมีร้านเดียว ผู้ซื้อต้องรับผิดชอบหนี้ด้วย
ผมประเมินว่าร้านนี้ที่ไม่มีหนี้ 9.16666ล้าน ถ้ามีหนี้ 5ล้าน
ผมก็ยินดีจ่ายที่ 9.16666-5=4.16666ล้าน
ผมประเมินร้านที่ 2 ที่ 5ล้าน ไม่มีหนี้ก็ซื้อ 5ล้าน
ร้านแรก ทำกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายได้ดีกว่าร้านที่ 2
คือ 1.ฝ่ายหนึ่งผิดฝ่ายหนึ่งถูก 2.ผิดทั้งคู่ (ไม่มีทางจะถูกทั้งคู่)
สิ่งที่ผมทำคือผมประเมินร้าน และซื้อตัวร้านเลย
แต่ถ้าซื้อบริษัท ที่เป็นเจ้าของร้าน (ผมเดาว่าคุณเจ๋งคงหมายถึงแบบนี้)
ถ้าซื้อ บริษัท ซึ่งมีหนี้ 5ล้าน และมีร้านเดียว ผู้ซื้อต้องรับผิดชอบหนี้ด้วย
ผมประเมินว่าร้านนี้ที่ไม่มีหนี้ 9.16666ล้าน ถ้ามีหนี้ 5ล้าน
ผมก็ยินดีจ่ายที่ 9.16666-5=4.16666ล้าน
ผมประเมินร้านที่ 2 ที่ 5ล้าน ไม่มีหนี้ก็ซื้อ 5ล้าน
ร้านแรก ทำกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายได้ดีกว่าร้านที่ 2
Blueplanet
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 17
คุณสรุปถูก ที่ร้านมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมา 8แสน เพราะอัตราดอกเบี้ยธนาคารคิดต่ำกว่าJeng เขียน:คุณ blueplanet ถามต่ออีกนิดนึง
สมมุติว่า ผมเป็นเจ้าของร้านที่สอง ที่ไม่กู้เลย
ตอนแรกคุณยินดีจ่าย 5 ล้านบาท
ทีนี้ ผมไปกู้เงินมา 5 ล้าน กับกิจการเดิมนี่แหละ ผมก็เอาเงิน 5 ล้านเก็บใส่กระเป๋า
แล้วกิจการก็มีหนี้ 5 ล้านบาท
ตามที่คุณคำนวณ ดอกเบี้ยจ่ายต่อเดือน 41666
นั่นหมายถึง กำไรจะลดเหลือ 8334 บาท (50000-41666)
คุณก็จะซื้อกิจการนี้ที่ราคา 833400 บาท (ต้องการ 1 %) ใช่หรือไม่
แสดงว่า กิจการไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่กู้เงินมา ก็ทำให้ มูลค่ากิจการสูงขึ้น 833400
ผมจะสรุปแบบนี้ตามการตีราคาของคุณได้หรือไม่
อัตราดอกเบี้ยที่เราต้องการ คือ อัตราดอกเบี้ยธนาคาร 10%/12ต่อเดือน
แต่ ดอกเบี้ยค่าเงินของเรา คิด ที่ 1%เดือน
Blueplanet
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 63
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 18
ผมคิดว่าการประเมินมูลค่ามีหลายแบบ ที่ถกกันเป็นเรื่องของ Earning power เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเราประเมินมูลค่าโดยการตีราคาจากสินทรัพย์ จะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เพราะหนี้สินจะมีผลต่อมูลค่าของกิจการอย่างมาก ในกิจการที่ไม่มีหนี้มูลค่ากิจการจะใกล้เคียงกับเงินลงทุนเริ่มต้นถ้าไม่ลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมากๆ ส่วนกิจการที่มีแต่หนี้จะไม่มีมูลค่าเลย ส่วนการใช้ Earning power ก็ต้องหา WACC หนี้สินใช้อัตราดอกเบี้ย ส่วนของทุนใช้อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง ซึ่งโดยมากจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเพราะผู้ถือหุ้นมีความเสี่ยงกว่าเจ้าหนี้จึงต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าเป็นธรรมชาติ แต่ในความเป็นจริง (ความเห็นส่วนตัว) ในหุ้นบางตัวที่ไม่มีการจ่ายปันผลเลย เช่น apple ก็น่าจะมี cost of capital เป็นศูนย์ซิ เพราะสามารถนำเงินไปลงทุนจากกำไรสะสมโดยไม่มีต้นทุนทางการเงินเลย ดังนั้นส่วนตัวยังคงคิดว่าเราไม่ควรยึดติดอยู่กับวิธีการหรือตัวเลขที่ได้จากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ การประเมินมูลค่าใดๆก็ตามจะมีประสิทธิภาพสูงสุดถ้าเราเข้าใจตัวแปรทั้งหมดแล้วเลือกอย่างเหมาะสม
-
- Verified User
- โพสต์: 278
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 19
พี่เจ๋งครับ ผมลองคำนวณดูนะครับ ไม่รู้ผิดหรือถูก ลองดูนะครับ
กู้เงิน 5,000,000 กำไรต่อปี 600,000
สมมุติ ดอกเบี้ยเงินกู้ 8% ต่อปี และต้องชำระคืนเงินกู้ภายใน 8ปี
ดังนั้นจะต้องจ่ายคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย เป็นเงิน -฿870,073.80 บาทต่อปี
จะเห็นว่า ไม่สามารถคืนเงินกู้ได้ครับ นั่นคือ ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ครับ ต้องหาเงินมาเพิ่ม
ดังนั้นต้องไปขอธนาคารผ่อนยาวอีกหน่อย สมมติเป็น 15ปี
จะต้องชำระคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย เป็นเงิน -฿584,147.72 บาทต่อปี
เนื่องจากเรามีกำไรปีละ 600,000 บาทต่อปี ดังนั้น ในระยะเวลา 15ปีแรกของการลงทุน เราจะมีเงินเข้ากระเป๋า = 600,000-584147= 15,853 บาทต่อปี
สมมติลองมาคำนวณ ในระยะเวลา 20ปี และในปีที่ 20 เราขายธุรกิจ ได้ 5,000,000 บาท
ปีที่1 ปีที่2 ปีที่3 ปีที่4 ปีที่5 ปีที่6 ปีที่7 ปีที่8 ปีที่9 ปีที่10 ปีที่11 ปีที่12 ปีที่13 ปีที่14 ปีที่15 ปีที่16 ปีที่17 ปีที่18 ปีที่19 ปีที่20
invest -1,000,000.00 (ซื้อที่ราคา 1,000,000 บาท)
inflow 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 600000 600000 600000 600000 5600000
Net -984147.72 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 600000 600000 600000 600000 5600000
ผลตอบแทนจากการลงทุน IRR 13%
สรุป ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 500,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 18%
ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 1,000,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 13%
ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 2,000,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 8%
ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 3,000,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 6%
ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 4,000,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 4%
กู้เงิน 5,000,000 กำไรต่อปี 600,000
สมมุติ ดอกเบี้ยเงินกู้ 8% ต่อปี และต้องชำระคืนเงินกู้ภายใน 8ปี
ดังนั้นจะต้องจ่ายคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย เป็นเงิน -฿870,073.80 บาทต่อปี
จะเห็นว่า ไม่สามารถคืนเงินกู้ได้ครับ นั่นคือ ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ครับ ต้องหาเงินมาเพิ่ม
ดังนั้นต้องไปขอธนาคารผ่อนยาวอีกหน่อย สมมติเป็น 15ปี
จะต้องชำระคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย เป็นเงิน -฿584,147.72 บาทต่อปี
เนื่องจากเรามีกำไรปีละ 600,000 บาทต่อปี ดังนั้น ในระยะเวลา 15ปีแรกของการลงทุน เราจะมีเงินเข้ากระเป๋า = 600,000-584147= 15,853 บาทต่อปี
สมมติลองมาคำนวณ ในระยะเวลา 20ปี และในปีที่ 20 เราขายธุรกิจ ได้ 5,000,000 บาท
ปีที่1 ปีที่2 ปีที่3 ปีที่4 ปีที่5 ปีที่6 ปีที่7 ปีที่8 ปีที่9 ปีที่10 ปีที่11 ปีที่12 ปีที่13 ปีที่14 ปีที่15 ปีที่16 ปีที่17 ปีที่18 ปีที่19 ปีที่20
invest -1,000,000.00 (ซื้อที่ราคา 1,000,000 บาท)
inflow 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 600000 600000 600000 600000 5600000
Net -984147.72 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 15852.28 600000 600000 600000 600000 5600000
ผลตอบแทนจากการลงทุน IRR 13%
สรุป ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 500,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 18%
ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 1,000,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 13%
ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 2,000,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 8%
ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 3,000,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 6%
ถ้าซื้อธุรกิจด้วยเงิน 4,000,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 4%
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1123
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 21
ผมก็คิดเหมือนกันว่ามันดูงงๆ ถ้าคิดในกรณีที่1EPVออกมาได้มากกว่า เลยบอกว่ามันคงไม่ถูกต้องJeng เขียน:ขอบคุณมากครับที่ตอบ คุณ blueplanet
ไม่มีผิด ไม่มีถูกนะครับ
ในส่วนตัวผม ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ ที่
ร้านแรก กู้ทั้งก้อน 5 ล้าน กำไร 5 หมื่นหักดอกเบี้ยจ่าย ราคากลับสูงกว่า
ร้านที่สอง ที่ไม่กู้เลย และมีความมั่นคงมากกว่าตั้งเยอะ เพราะไม่มีหนี้เลย
แน่นอนว่ายอดขาย หรือความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายร้านแรก น่าจะมากกว่าร้านที่สองก็ตาม
ไม่ทราบว่าท่านอื่น มีแนวคิด หรือมีการคำนวณอย่างไรครับผม
แต่เห็นด้วยกับคุณcrt และคุณrocker ว่าใช้DCF ดีที่สุด ปกติdcf จะมีข้อเสียตรงที่หากบริษัทใหญ่ๆตัวแปรเยอะ ต้องตั้ง assumption ต่างๆเยอะ คลาดเคลื่อนได้ง่าย
แต่บริษัทที่คุณjengว่ามา ถ้าไม่คิดการขยายสาขาเพิ่มเลย รายได้สม่ำเสมอ ค่าใช้จ่ายสม่ำเสมอ capex คงที่หรือคำนวณได้ว่าต้องจ่ายเท่าไรเมื่อไร ความเห็นผมใช้DCF ถูกที่สุดและดีที่สุดด้วย
ความยากจนในจิตใจ คือความยากจนที่แท้จริง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 22
งั้นก็ลองให้ DCFsakkaphan เขียน:ผมก็คิดเหมือนกันว่ามันดูงงๆ ถ้าคิดในกรณีที่1EPVออกมาได้มากกว่า เลยบอกว่ามันคงไม่ถูกต้องJeng เขียน:ขอบคุณมากครับที่ตอบ คุณ blueplanet
ไม่มีผิด ไม่มีถูกนะครับ
ในส่วนตัวผม ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ ที่
ร้านแรก กู้ทั้งก้อน 5 ล้าน กำไร 5 หมื่นหักดอกเบี้ยจ่าย ราคากลับสูงกว่า
ร้านที่สอง ที่ไม่กู้เลย และมีความมั่นคงมากกว่าตั้งเยอะ เพราะไม่มีหนี้เลย
แน่นอนว่ายอดขาย หรือความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายร้านแรก น่าจะมากกว่าร้านที่สองก็ตาม
ไม่ทราบว่าท่านอื่น มีแนวคิด หรือมีการคำนวณอย่างไรครับผม
แต่เห็นด้วยกับคุณcrt และคุณrocker ว่าใช้DCF ดีที่สุด ปกติdcf จะมีข้อเสียตรงที่หากบริษัทใหญ่ๆตัวแปรเยอะ ต้องตั้ง assumption ต่างๆเยอะ คลาดเคลื่อนได้ง่าย
แต่บริษัทที่คุณjengว่ามา ถ้าไม่คิดการขยายสาขาเพิ่มเลย รายได้สม่ำเสมอ ค่าใช้จ่ายสม่ำเสมอ capex คงที่หรือคำนวณได้ว่าต้องจ่ายเท่าไรเมื่อไร ความเห็นผมใช้DCF ถูกที่สุดและดีที่สุดด้วย
ว่าทั้งสองร้าน ควรมีราคาที่เท่าไร
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 23
คิดจากกระแสเงินสด
600,000/(ผลตอบแทนที่เราหวัง ผมให้10%)
จะได้ 600,000/10% = 6,000,000
มูลค่าที่เราจะซื้อในผลตอบแทน 10% คือ 6,000,000 บาท
ผลตอบแทนที่เราหวังไว้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ส่วนตัว 10% ก็เยี่ยมละ
600,000/(ผลตอบแทนที่เราหวัง ผมให้10%)
จะได้ 600,000/10% = 6,000,000
มูลค่าที่เราจะซื้อในผลตอบแทน 10% คือ 6,000,000 บาท
ผลตอบแทนที่เราหวังไว้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ส่วนตัว 10% ก็เยี่ยมละ
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 24
ลองดูครับ
8 ปีแรกเงินไม่เหลือถึงท้องผู้ถือหุ้นทนถือไป
หลังทนอึดมาก 8 ปีสาขาแรกก็เริ่มมีกำไร
ปีที่ 9 มีเงินเหลือถึงท้อง 600,000
ปีที่ 10 มีเงินเหลือถึงท้อง 1,800,000
ปีที่ 11 มีเงินเหลือถึงท้อง 5,400,000
ปีที่ 12 มีเงินเหลือถึงท้อง 16,200,000
ปีที่ 13..... มีเงินเหลือถึงท้องปีละ 16,200,000
ถ้าต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 10%
มูลค่าของกระแสเงินสดสุทธิเท่ากับ =600000/(1.1)^9+1800000/(1.1)^10+5400000/(1.1)^11+16200000/(1.1)^12+(16200000/0.1)/(1.1)^12 = 59,621,115.27
ถ้าวันนี้ใครเสนอขายที่ราคาต่ำกว่า 59,621,115.27 มากฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯผมซื้อครับ
8 ปีแรกเงินไม่เหลือถึงท้องผู้ถือหุ้นทนถือไป
หลังทนอึดมาก 8 ปีสาขาแรกก็เริ่มมีกำไร
ปีที่ 9 มีเงินเหลือถึงท้อง 600,000
ปีที่ 10 มีเงินเหลือถึงท้อง 1,800,000
ปีที่ 11 มีเงินเหลือถึงท้อง 5,400,000
ปีที่ 12 มีเงินเหลือถึงท้อง 16,200,000
ปีที่ 13..... มีเงินเหลือถึงท้องปีละ 16,200,000
ถ้าต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 10%
มูลค่าของกระแสเงินสดสุทธิเท่ากับ =600000/(1.1)^9+1800000/(1.1)^10+5400000/(1.1)^11+16200000/(1.1)^12+(16200000/0.1)/(1.1)^12 = 59,621,115.27
ถ้าวันนี้ใครเสนอขายที่ราคาต่ำกว่า 59,621,115.27 มากฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯผมซื้อครับ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- ปลาตัวเล็ก
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 26
DCF ตัว FCF to firm ด้วย wacc จะได้ PV of FCFF (enterprise value) หักลบด้วย current debt จะได้ equity value
ถั่วต้มมั๊ยครับ
ถั่วต้มมั๊ยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 278
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 27
ที่ผลตอบแทน 10%Jeng เขียน:งั้นก็ลองให้ DCFsakkaphan เขียน:ผมก็คิดเหมือนกันว่ามันดูงงๆ ถ้าคิดในกรณีที่1EPVออกมาได้มากกว่า เลยบอกว่ามันคงไม่ถูกต้องJeng เขียน:ขอบคุณมากครับที่ตอบ คุณ blueplanet
ไม่มีผิด ไม่มีถูกนะครับ
ในส่วนตัวผม ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ ที่
ร้านแรก กู้ทั้งก้อน 5 ล้าน กำไร 5 หมื่นหักดอกเบี้ยจ่าย ราคากลับสูงกว่า
ร้านที่สอง ที่ไม่กู้เลย และมีความมั่นคงมากกว่าตั้งเยอะ เพราะไม่มีหนี้เลย
แน่นอนว่ายอดขาย หรือความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายร้านแรก น่าจะมากกว่าร้านที่สองก็ตาม
ไม่ทราบว่าท่านอื่น มีแนวคิด หรือมีการคำนวณอย่างไรครับผม
แต่เห็นด้วยกับคุณcrt และคุณrocker ว่าใช้DCF ดีที่สุด ปกติdcf จะมีข้อเสียตรงที่หากบริษัทใหญ่ๆตัวแปรเยอะ ต้องตั้ง assumption ต่างๆเยอะ คลาดเคลื่อนได้ง่าย
แต่บริษัทที่คุณjengว่ามา ถ้าไม่คิดการขยายสาขาเพิ่มเลย รายได้สม่ำเสมอ ค่าใช้จ่ายสม่ำเสมอ capex คงที่หรือคำนวณได้ว่าต้องจ่ายเท่าไรเมื่อไร ความเห็นผมใช้DCF ถูกที่สุดและดีที่สุดด้วย
ว่าทั้งสองร้าน ควรมีราคาที่เท่าไร
ร้านกู้เงิน 2,900,000 ครับ
ร้านไม่ได้กู้เงิน 6,400,000 ครับ
- ltf08
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 28
ร้าน A กู้มา 5 ล้าน ได้กำไรหลังหักทุกอย่างรวมดอกเบี้ยแล้ว 5 หมื่น
ร้าน B ไม่กู้เลย ได้กำไรหลังหักทุกอย่างแล้ว 5 หมื่น
แสดงว่าร้าน A ควรมีมูลค่ากว่าร้าน B เพราะต้องมีรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายมากกว่า ร้าน B แน่
ร้าน B ไม่กู้เลย ได้กำไรหลังหักทุกอย่างแล้ว 5 หมื่น
แสดงว่าร้าน A ควรมีมูลค่ากว่าร้าน B เพราะต้องมีรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายมากกว่า ร้าน B แน่
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยตีราคาหน่อยซิครับ คิดไม่ออก
โพสต์ที่ 29
ผมจะทำทุกอย่างตามโจทย์หมดไม่มีการคิดเอง ถ้าซ้ำกับใครที่เขียนมาก่อน
ก็ต้องขอโทษผู้อ่านด้วย
บริษัท A ร้านที่ 1
ปีที่ 1 ถึง สิ้นปีที่ 8 รายได้-ค่าใช้จ่าย-ดอกเบี้ยจ่าย = 50,000 บาท ต่อเดือน
เอาเงิน 50,000 ไปชำระเงินกู้ 5,000,000 บาท พอ 8 ปีเงินกู้ก็หมดลง
(50,000x12x8=4,800,000<5,000,000 ช่างมันทุกอย่างทำตามโจทย์)
ตั้งแต่ปีที่ 9 รายได้-ค่าใช้จ่าย = 50,000 บาท ต่อเดือน
ซึ่งโจทย์ ออกจะประหลาด แต่ เราจะคิดตามโจทย์ แสดงว่าตั้งแต่ปีที่ 9 รายได้
มันก็หายไปเฉยๆส่วนหนึ่งที่เคยไปชำระดอกเบี้ยจ่าย
เราไม่ต้องสนใจอัตราดอกเบี้ยธนาคารที่กู้ เพราะถือว่า ปีที่ 1-8
รายได้-ค่าใช้จ่าย-ดอกเบี้ยจ่าย=50,000บาท
ถ้ามองแบบนี้จะเห็นว่า ร้านที่ 1 นั้น จะให้เงินสดเดือนละ 50,000บาทตั้งแต่ปีที่ 9
8ปีแรก ไม่มีเงินสดออกมาจากร้านเพราะไปชำระเงินกู้
npv ของ 50,000x12 rate 10%ในปีที่ 9 มีค่า=254,458 บาท
สรุป ร้านที่ 1 เมื่อคิดส่วนลดแล้ว จะทำเงินให้เราปีละ 254,458 บาททุกปี
ดังนั้น ร้านนี้ จะมีมูลค่า 254,458บาท/10%=2,544,580 บาท
ส่วน ร้านที่ 2 จะมีเงินเข้ามาตั้งแต่ปีแรก คือ 50,000x12=600,000บาท
ร้านที่ 2 มีมูลค่า 600,000/10%=6,000,000 บาท
ร้านที่1 ดีกว่าร้านที่ 2 เพราะร้านที่ 1 บริษัท A ตั้งร้านขึ้นโดยไม่ต้องออกเงินเลย
แต่ตั้งเสร็จปุ๊บร้านนั้น ก็มีค่า 2,544,580 ทันที ที่เริ่มรัน
ส่วนร้านที่ 2 ต้องลงทุน 5,000,000 บาท แต่ร้านนั้นมีมูลค่า 6,000,000
กำไร 1,000,000 บาท
หมายเหตุ เราต้องการผลตอบแทน 10%/ปี จากเงินลงทุน
เขียนเสร็จแล้วไม่รู้ใครจะอ่านมั้ยเพราะยาวเหลือเกิน
ก็ต้องขอโทษผู้อ่านด้วย
บริษัท A ร้านที่ 1
ปีที่ 1 ถึง สิ้นปีที่ 8 รายได้-ค่าใช้จ่าย-ดอกเบี้ยจ่าย = 50,000 บาท ต่อเดือน
เอาเงิน 50,000 ไปชำระเงินกู้ 5,000,000 บาท พอ 8 ปีเงินกู้ก็หมดลง
(50,000x12x8=4,800,000<5,000,000 ช่างมันทุกอย่างทำตามโจทย์)
ตั้งแต่ปีที่ 9 รายได้-ค่าใช้จ่าย = 50,000 บาท ต่อเดือน
ซึ่งโจทย์ ออกจะประหลาด แต่ เราจะคิดตามโจทย์ แสดงว่าตั้งแต่ปีที่ 9 รายได้
มันก็หายไปเฉยๆส่วนหนึ่งที่เคยไปชำระดอกเบี้ยจ่าย
เราไม่ต้องสนใจอัตราดอกเบี้ยธนาคารที่กู้ เพราะถือว่า ปีที่ 1-8
รายได้-ค่าใช้จ่าย-ดอกเบี้ยจ่าย=50,000บาท
ถ้ามองแบบนี้จะเห็นว่า ร้านที่ 1 นั้น จะให้เงินสดเดือนละ 50,000บาทตั้งแต่ปีที่ 9
8ปีแรก ไม่มีเงินสดออกมาจากร้านเพราะไปชำระเงินกู้
npv ของ 50,000x12 rate 10%ในปีที่ 9 มีค่า=254,458 บาท
สรุป ร้านที่ 1 เมื่อคิดส่วนลดแล้ว จะทำเงินให้เราปีละ 254,458 บาททุกปี
ดังนั้น ร้านนี้ จะมีมูลค่า 254,458บาท/10%=2,544,580 บาท
ส่วน ร้านที่ 2 จะมีเงินเข้ามาตั้งแต่ปีแรก คือ 50,000x12=600,000บาท
ร้านที่ 2 มีมูลค่า 600,000/10%=6,000,000 บาท
ร้านที่1 ดีกว่าร้านที่ 2 เพราะร้านที่ 1 บริษัท A ตั้งร้านขึ้นโดยไม่ต้องออกเงินเลย
แต่ตั้งเสร็จปุ๊บร้านนั้น ก็มีค่า 2,544,580 ทันที ที่เริ่มรัน
ส่วนร้านที่ 2 ต้องลงทุน 5,000,000 บาท แต่ร้านนั้นมีมูลค่า 6,000,000
กำไร 1,000,000 บาท
หมายเหตุ เราต้องการผลตอบแทน 10%/ปี จากเงินลงทุน
เขียนเสร็จแล้วไม่รู้ใครจะอ่านมั้ยเพราะยาวเหลือเกิน
Blueplanet