ความลับของตลาดหุ้น

[viim]

พอดีอ่านใน pantip อาจจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย เลยเอามาโพสเพื่อแชร์กันครับ
----------------------------------------------------------
ความลับของตลาดหุ้น โดย maymaru

ความรู้สึกแรกของคนที่เพิ่งรู้จักกับตลาดหุ้น....
- โลกนี้มีงานสบายแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย แล้วแบบนี้เราจะมานั่งทำงานประจำกันอยู่ทำไม ??
- ฮ่าๆๆ เรารวยแน่ แค่คลิก ซื้อถูกขายแพง ไม่เห็นจะยากตรงไหน ???
- จบสิ้นกันที การเป็นลูกจ้าง ชั้นจะเป็นนายตัวเอง ตื่นสิบโมง เลิกงานสี่โมงครึ่ง จะนั่งหรือจะนอนเทรดดีนะ???
- ชั้นว่าชั้นเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ งานง่ายๆ คนรักสบายอย่างเรา ถนัด !!!!!
- อิสรภาพทางการเงิน เป็นเศรษฐีวัยเยาว์ เกษียณตั้งแต่ 40 อิ อิ เราคือรายต่อไปแล้ววววว

ก็แหมลองคิดดูสิ จะมีงานอะไรในโลกนี้ ไม่ต้องเจอใคร ไม่ต้องทนกับเจ้านายขี้บ่น นั่งอยู่บ้าน ไม่ต้องอาบน้ำ นั่งๆนอนๆ ก็ทำเงินได้แล้ว แค่คิดก็ฝันหวานแล้วเรา ^^

เมื่อความหวังเริ่มเปิดกว้าง การเริ่มต้นก็เกิดขึ้น คนส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการไปหาหนังสือการลงทุนมาอ่าน บทความ สมัยใหม่หน่อย ก็หาเอาใน google, facebook หรือ blog ต่างๆ โลกนี้มันง่ายไปซะทุกอย่างตั้งแต่มีอินเตอร์เน็ต อ่านมันให้หมด ประวัติคนประสบความสำเร็จ แนวคิดของเขา เทคนิคการลงทุนของคนนั้นของคนนี้ บลา บลา บลา....

หลักการ ความพร้อม ความมั่นใจ ความมุ่งมั่น และก็ร้อนวิชา ทำให้มือใหม่ ต่างกอดเงินเก็บ เงินเดือน เงินยืมบ้างเงินขอเค้ามาบ้าง มาลงทุนด้วยความหวังอันเปี่ยมล้น ว่าเงินก้อนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของเขานับแต่บัดนี้!!!!!

ผ่านไปไม่นาน เราทุกคนต่างเอาเงินที่หามาด้วยความยากลำบาก ละลายไปกับตลาดหุ้น ตลาดซึ่งมันพร้อมจะขย้ำคุณอยู่แล้วเมื่อคุณเผลอ ตลาดหุ้นซึ่งเต็มไปด้วยเสือสิงห์กระทิงแรด พร้อมจะเขมือบ พร้อมจะกัดกินคุณ หากคุณไม่พร้อม !!!!!!!!

แต่แน่นอน กำแพงเมืองจีนไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว เราเรียนหนังสือตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาตรีลงทุนเสียไปร่วมล้าน บางคนลงทุนเกินกว่านั้นอีก แต่ผลตอบแทนที่ได้คือเงินเดือนหมื่นกว่าบาท เรายังยินดีเลย นับประสาอะไรกับการลงทุนเพื่อชีวิตใหม่ 555 การเรียนรู้ต้องมีต้นทุน เงินที่เสียไปเพื่อซื้อประสบการณ์ นับว่าคุ้มยิ่งนัก

ขาดทุนไปบ้างก็ไม่เป็นไร คนเก่งๆเค้าก็ล้มกันมาก่อนทั้งนั้น คิดได้แบบนี้ จึงตัดสินใจเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในโลกการลงทุน กับเงินก้อนใหม่ ด้วยความหวังใหม่ ว่าเราจะประสบความสำเร็จ และร่ำรวยจากตลาดหุ้นให้จงได้ !!!!!

ผ่านไปไม่นาน ผลน่ะหรอ ก็เหมือนเดิม ไม่ว่าเราจะเรียนรู้เทคนิคการลงทุนจากสำนักไหน อ่านตำราที่เค้าว่าแน่มาสักกี่เล่ม เราก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น เสียเงินวันแล้ววันเล่า บางคนเริ่มคิดไม่ตก จึงหันหลังให้กับตลาดหุ้นตลอดกาล - -''

ความรู้สึกของผู้ผ่านตลาดหุ้นมาได้สักระยะ
- หรือมันไม่ใช่ทางของเรา เราคงไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มันไม่เหมาะกับเราจริงๆ ???
- โถ่เอ๋ย ตลาดหุ้น มันการพนันชัดๆ ??
- คนที่รวยจากตลาดหุ้น มันต้องเป็นเจ้ามือหรือไม่ก็พวกปั่นหุ้นทั้งนั้นแหละ ??
- งานประจำ มั่นคงจะตาย มีเกียรติ มีตำแหน่ง มีศักดิศรีกว่าตั้งเยอะ ???

เมื่อถึงจุดนี้ หลายคนจึงเริ่มทิ้งโอกาส เริ่มทิ้งความฝัน ลืมความหวังที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน ลืมความต้องการที่จะมีเวลาในการใช้ชีวิต แล้วเดินจากไป ตรงนี้ก็ต้องขอบอกว่า น่าเสียดายๆๆๆ

คุณเปิดประตูถูกบานแล้ว แต่คุณไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคมาได้เท่านั้นเอง คุณคิดถูกแล้ว กำแพงเมืองจีนไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่คุณลืมคิดไปว่ามันก็ไม่ได้สร้างเสร็จใน 1 เดือน หรือ 1 ปี เช่นกัน

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณถูกหรือคุณผิด หรือคุณพยายามพอไหม คุณอ่านตำรา อ่านงบ วิเคราะห์กราฟเพียงพอรึเปล่า หรือดำเนินรอยตามเซียนผิดคน มันไม่ใช่หรอก แท้จริงแล้ว สิ่งที่คุณต้องเปลี่ยน ต้องปรับ ต้องแก้ไข คือตัวคุณเอง สังเกตไหมว่า เซียนหุ้นมากมายที่ประสบความสำเร็จ แต่ละคนไม่ได้มีเทคนิคการลงทุนที่เหมือนกันเลย คนนึงบอกว่าเล่นหุ้นต้องดูกราฟ ดูเทคนิคคอล อีกคนบอกกราฟหรอ ไร้สาระ ต้องดูปันผล ดูพื้นฐาน อีกคนบอกผมซื้อขายรายวันเพราะผมไม่กล้าถือข้ามคืน อีกคนบอกผมถือไม่ขายจนกว่าสถานะของกิจการจะเปลี่ยนไป ต่างคนต่างความคิด แต่ทำไม คนเหล่านี้ ถึงสามารถร่ำรวยจากตลาดหุ้นได้เหมือนกัน แต่ในวิถีที่ต่างกัน!!!

มันแปลกไหม ทั้งๆที่เราพยายามเรียนรู้เทคนิคของคนเหล่านี้ ดำเนินรอยตามแทบจะทุกฝึก้าว แต่เรากับไม่รวยอย่างเค้า เพราะอะไรน่ะหรอ ......

คำตอบง่ายๆ ก็เพราะว่าเราแพ้ตัวเองยังไงล่ะ เราแพ้อารมณ์ของตัวเอง เราติดกับดักของตลาดหุ้น กับดักทางอารมณ์ คุณรู้ไหมว่าตลาดหุ้นมันวางกับดักไว้ล่อคุณตลอดเวลา กับดักทางอารมณ์ที่คอยขับเคลื่อนราคาหุ้น กับดักที่ทำให้คนส่วนใหญ่มากกว่า 80% ต้องเสียเงินในตลาดอันโหดร้ายนี้ อารมณ์แห่งความโลภ และความกลัว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ในโลกของการเก็งกำไรก็ยังเหมือนเดิม ผู้เสียเงินคือผู้แพ้ตัวเอง ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ก็จะตกเป็นเหยื่อก็ผู้ชนะเสมอ เมื่อคุณแพ้อามรณ์ของตัวเอง คุณจะซื้อในเวลาที่คุณควรขาย คุณจะขายเมื่อเวลาที่ต้องซื้อ หรือกล่าวได้ว่า คุณมักโลภในเวลาที่คุณควรจะกลัว แต่ดันกลัวตัวสั่นเมื่อคุณต้องโลภ นี่แหละความลับในตลาดหุ้น

ดังนั้น คนที่ร่ำรวยจากตลาดหุ้น จึงไม่ใช่คนเก่ง เค้าไม่มีมีเทคนิคอะไรพิสดาร เค้าแค่เข้าใจอารมณ์อันเป็นพื้นฐานของแรงขับเคลื่อนตลาด เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง เข้าใจอารมณ์ของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาด เข้าใจและรู้ว่าจะรับมือกับกับดักมากมายที่วางไว้ในตลาดให้เราเดินไปตกได้อย่างไร เขารู้ว่าจะควบคุมอามรณ์ของตัวเองอย่างไรในสภาวะที่ถูกความโลภครอบงำอย่างถึงที่สุด และรู้วิธีที่จัดการกับความกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตลาด มันไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่เมื่อคนเหล่านั้นทำได้ คุณย่อมทำได้ เมื่อคุณเริ่มจะเข้าใจมัน และเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน

ทั้งหมดในตลาดหุ้น แหล่งทำเงินของใครหลายๆคน สวรรค์ของคนชนะใจตัวเอง มันก็เท่านี้จริงๆ อย่าให้ใครมาขโมยความฝันของคุณไป เพียงเพราะคุณไม่เข้าใจตัวเอง ไม่รู้จะรับมือกับความรู้สึกของตัวเองได้ยังไง เปิดใจให้ตลาดหุ้นเป็นสวรรค์ของคุณอีกคนเถอะนะ ^^ และจำไว้ว่า ไม่มีคำว่าล้มเหลวในโลกของการลงทุน มีแต่ล้มเลิกเท่านั้นแหละ!!!!!

[Belffet]

ขอบคุณมากครับ

[viim]

ผมก็เลยคิดว่าตลาดหุ้นเป็นเวทีหรือสนามที่ใช้วัดสภาวะความมั่นคงทางอารมณ์ของเราได้ดีทีเดียว ผลตอบแทนที่ได้ของเรา น่าจะแปรผันไม่น้อยตาม ความมั่นคงทางอารมณ์ เหตุผล ความลำเอียงและอื่นๆอีกที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น ความโลภ ความกลัว ความยึดติดในราคา (anchoring) ฯลฯ

[torpongpak]

ขอบคุณมากครับ ชอบมากครับโดยเฉพาะ 3 ย่อหน้าสุดท้าย...เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
จากประสบการณ์อันน้อยนิดในตลาดเเห่งนี้เกือบ3ปี สิ่งที่ผมตกผลึกจากการลงทุนตอนนี้มีเเค่ประโยคเดียวคือ"ถ้าเราตัดอารมณ์ออกจากการลงทุนได้เราจะประสบความสำเร็จ"
ส่วนวิธีการนั้นหลากหลายครับ ผมยังต้องเรียนรู้จากเพื่อนๆในWebนี้อีกเยอะ

[Teerasak Boonrat]

ยอมรับครับว่าเป็นเรื่องของอารมณ์

ทั้งๆ ที่รู้ ก็ยังมีความรู้สึกโลภและกลัวอยู่
ก็ต้องพยายามเรียนรู้และปรับปรุงครับ

[a4430410700]

ขอบคุณมากๆครับ เตือนสติได้มาก พิจารณาซื้อขาย ตามความเป็นจริง

[renardy]

ขอบคุณครับ เตือนสติได้ดีมากเลยครับ ต้องมีสติ และเข้าใจอารมณ์ตนเอง

[monsoon]

เห็นด้วยเลยครับ เรื่อง"ใจ"สำคัญที่สุด...

ถ้าใครอยากเข้าใจให้ลึกซึ้ง ลองขายหมูแล้วซื้อควายซัก 4-5 ตัว ดูซิครับ หุหุ^^

[rigolo]

แค่ ไม่กลัว ไม่โลภ ก็ดูเหมือนจะง่ายนะครับ

แต่ยากตรงที่แยกไม่ออกนี่สิ ว่าตัวเองอยู่อารมณ์ไหน

บางทีอารมณ์มั่นใจมาก
อาจจะเป็นอารมณ์"กลัว"ที่ไม่กล้ายอมรับความจริงอยู่ลึกๆภายในใจ

อย่างเช่นผมตอนนี้ ถือหุ้นขาดทุนอยู่ตัวนึง ทั้งๆที่คนอื่นเทขายทิ้งกันเต็มไปหมด
ทำให้ชักจะสับสนว่า ตัวเองรู้และมั่นใจว่ามันต้องกลับมาแน่
หรือว่า..กำลังกลัวไม่กล้าขายขาดทุนจนเกิด bias ติดหุ้นไปแล้ว...