fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 1
ผมจะลองสรุปถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดเม็ดเงินใน quarter 2
และลองหาข้อสรุปว่าการขึ้นของหุ้นรอบนี้จะเสถียรหรือไม่
ขอเชิญทุกท่านมาร่วมกัน discuss ดีกว่า
ผมจะเล่าทีละประเด็นนะครับ
ก่อนอื่นขอเล่าที่มาที่ไปก่อน
ผมเคยโพสไว้ในกระทู้คุณวิบูลย์ว่า
ผมเก็บหุ้นแถวๆ 413-415 จุด
โดยผมดู usd index ว่าถ้ายังลงไปเรื่อยๆผมก็จะถือหุ้นต่อไปเรื่อยๆ
จำได้ว่าตอนโพส usd index ประมาณ 86 ได้มั้ง
ตอนนี้เหลือ 83 หุ้น asia ก็ได้ขึ้นมาพอสมควร
เหตุผลที่รอบนี้ผมมองว่า usd index จะปรับตัวลง
ตอนนั้นประกอบกับมีการให้สัมภาษจากสถาบ้นการเงินว่า
2 เดือนแรกของปีมีกำไร ผมเลยเข้าไปเก็บหุ้น
และใช้เป็น indicator ในการถือหุ้นไปเรื่อยๆ
มันเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า
qe
หรือ quantitative easing
การทำ qe
นั้นจะทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะทำให้เกิดผลดี 4 อย่าง
1.ทำให้เกิดการหมุนของเงินในระบบเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเงินฝืด
2.ทำให้สถาบันการเงินที่ได้เงินช่วยเหลือมีสภาพคล่องในการปล่อยกู้มากขึ้น
3.รัฐบาลที่ทำ qe จะทำให้เกิดเงินเฟ้อและทำให้เจ้าหนี้มีแรงจูงใจในการทำให้เกิดเงินเฟ้อ
4.ค่าเงินจะอ่อนและส่งเสริมการส่งออก
การทำ qe ทำให้หุ้นขึ้นได้อย่างไร
เพราะว่าการอัดฉีดเงินจะทำให้ปริมาณเงินเพิ่มขึ้น
และทำให้ค่าเงินอ่อนลง
ลองดูหลักฐานการทำ qe ของประเทศ japan เมื่อหลายปีที่แล้วดู
จุดที่แรเงาสีเทาคือช่วงที่ทำ qe หลังจากทำเสร็จ
ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นถึง 36%
การทำ qe ของประเทศ usa นั้นจะทำให้ค่าเงิน usa อ่อนลง
เพราะปริมาณเงินเยอะขึ้น
และทำให้เกิด liquitity driven ก็คือเงินมาลงที่หุ้น asia
นั้นเอง
นี้คือ สภาพคล่องจากต่างประเทศ
เดี่ยวจะมีส่วนของสภาพคล่องในประเทศไทยมาเล่าต่อ
ไม่ทราบว่าเพื่อนสมาชิกแต่ละท่านมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง
มีอีกหลายประเด็นแต่เดี่ยวผมกลับมาเล่าใหม่อีกทีนะครับ
และลองหาข้อสรุปว่าการขึ้นของหุ้นรอบนี้จะเสถียรหรือไม่
ขอเชิญทุกท่านมาร่วมกัน discuss ดีกว่า
ผมจะเล่าทีละประเด็นนะครับ
ก่อนอื่นขอเล่าที่มาที่ไปก่อน
ผมเคยโพสไว้ในกระทู้คุณวิบูลย์ว่า
ผมเก็บหุ้นแถวๆ 413-415 จุด
โดยผมดู usd index ว่าถ้ายังลงไปเรื่อยๆผมก็จะถือหุ้นต่อไปเรื่อยๆ
จำได้ว่าตอนโพส usd index ประมาณ 86 ได้มั้ง
ตอนนี้เหลือ 83 หุ้น asia ก็ได้ขึ้นมาพอสมควร
เหตุผลที่รอบนี้ผมมองว่า usd index จะปรับตัวลง
ตอนนั้นประกอบกับมีการให้สัมภาษจากสถาบ้นการเงินว่า
2 เดือนแรกของปีมีกำไร ผมเลยเข้าไปเก็บหุ้น
และใช้เป็น indicator ในการถือหุ้นไปเรื่อยๆ
มันเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า
qe
หรือ quantitative easing
การทำ qe
นั้นจะทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะทำให้เกิดผลดี 4 อย่าง
1.ทำให้เกิดการหมุนของเงินในระบบเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเงินฝืด
2.ทำให้สถาบันการเงินที่ได้เงินช่วยเหลือมีสภาพคล่องในการปล่อยกู้มากขึ้น
3.รัฐบาลที่ทำ qe จะทำให้เกิดเงินเฟ้อและทำให้เจ้าหนี้มีแรงจูงใจในการทำให้เกิดเงินเฟ้อ
4.ค่าเงินจะอ่อนและส่งเสริมการส่งออก
การทำ qe ทำให้หุ้นขึ้นได้อย่างไร
เพราะว่าการอัดฉีดเงินจะทำให้ปริมาณเงินเพิ่มขึ้น
และทำให้ค่าเงินอ่อนลง
ลองดูหลักฐานการทำ qe ของประเทศ japan เมื่อหลายปีที่แล้วดู
จุดที่แรเงาสีเทาคือช่วงที่ทำ qe หลังจากทำเสร็จ
ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นถึง 36%
การทำ qe ของประเทศ usa นั้นจะทำให้ค่าเงิน usa อ่อนลง
เพราะปริมาณเงินเยอะขึ้น
และทำให้เกิด liquitity driven ก็คือเงินมาลงที่หุ้น asia
นั้นเอง
นี้คือ สภาพคล่องจากต่างประเทศ
เดี่ยวจะมีส่วนของสภาพคล่องในประเทศไทยมาเล่าต่อ
ไม่ทราบว่าเพื่อนสมาชิกแต่ละท่านมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง
มีอีกหลายประเด็นแต่เดี่ยวผมกลับมาเล่าใหม่อีกทีนะครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 2
สภาพคล่องภายในประเทศดูจากตัวเลข m2
ถ้า m2 โตเยอะหมายความว่าเงินในระบบเยอะ
แต่การเติบโตของ m2 ก็ไม่ได้สัมพันธ์กับทิศทางของ set index มากนัก
จึงต้องดูดอกเบี้ยในประเทศประกอบด้วย
ในอดีตถ้าดอกเบี้ยต่ำมากๆ
และปริมาณเงิน m2 โต
นั้นสามารถตีความได้ว่า
ปริมาณเงินในระบบเยอะ แต่ไม่มีแรงจูงใจในการฝากเงิน
ก็เลยเอาเงินไปซื้อ risky asset
ดูอย่างปี 2003 ดูก็ได้
ดอกเบี้ยต่ำมาก แต่ปริมาณเงินอย่างกว้างโต
ก็ทำให้หุ้นขึ้น
ในช่วงปลายปีที่แล้ว
คนที่เข้าไปดูเว็บแบงค์ชาติทุกเดือน
จะเห็นตัวเลขปริมาณเงินในระบบเติบโตค่อนข้างสูง
ประกอบกับการลดดอกเบี้ยลง
น่าจะทำให้หุ้นไม่มี downside risk มากเกินไป
จังหวะในการซื้อขายต้องดู dowjone และข่าวสถาบันการเงิน
ประกอบด้วยเท่านั้นเอง
ผมคิดว่านี้เป็นเหตุผลของสภาพคล่องภายในประเทศ
เรียกว่า
liquitity internal
นั้นเอง
แนวคิดของนักลงทุน fundflow คือ
พยายามหาว่าจะมีเงินมาลงทุนในหุ้นหรือเทขายหุ้น
โดยใช้ปัจจัยทางตัวเลขเศรษฐกิจและเม็ดเงินเข้าไปจับ
นั้นเอง
fundflow ไม่ใช่แค่เงินจากต่างประเทศ
เงินจากต่างประเทศเป็นแค่ subset ของ fundflow เท่านั้นครับ
ถ้า m2 โตเยอะหมายความว่าเงินในระบบเยอะ
แต่การเติบโตของ m2 ก็ไม่ได้สัมพันธ์กับทิศทางของ set index มากนัก
จึงต้องดูดอกเบี้ยในประเทศประกอบด้วย
ในอดีตถ้าดอกเบี้ยต่ำมากๆ
และปริมาณเงิน m2 โต
นั้นสามารถตีความได้ว่า
ปริมาณเงินในระบบเยอะ แต่ไม่มีแรงจูงใจในการฝากเงิน
ก็เลยเอาเงินไปซื้อ risky asset
ดูอย่างปี 2003 ดูก็ได้
ดอกเบี้ยต่ำมาก แต่ปริมาณเงินอย่างกว้างโต
ก็ทำให้หุ้นขึ้น
ในช่วงปลายปีที่แล้ว
คนที่เข้าไปดูเว็บแบงค์ชาติทุกเดือน
จะเห็นตัวเลขปริมาณเงินในระบบเติบโตค่อนข้างสูง
ประกอบกับการลดดอกเบี้ยลง
น่าจะทำให้หุ้นไม่มี downside risk มากเกินไป
จังหวะในการซื้อขายต้องดู dowjone และข่าวสถาบันการเงิน
ประกอบด้วยเท่านั้นเอง
ผมคิดว่านี้เป็นเหตุผลของสภาพคล่องภายในประเทศ
เรียกว่า
liquitity internal
นั้นเอง
แนวคิดของนักลงทุน fundflow คือ
พยายามหาว่าจะมีเงินมาลงทุนในหุ้นหรือเทขายหุ้น
โดยใช้ปัจจัยทางตัวเลขเศรษฐกิจและเม็ดเงินเข้าไปจับ
นั้นเอง
fundflow ไม่ใช่แค่เงินจากต่างประเทศ
เงินจากต่างประเทศเป็นแค่ subset ของ fundflow เท่านั้นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 3
หลักการอยู่ที่นี่เอง ขอบคุณมากๆนะครับน้องฮงhongvalue เขียน: แนวคิดของนักลงทุน fundflow คือ
พยายามหาว่าจะมีเงินมาลงทุนในหุ้นหรือเทขายหุ้น
โดยใช้ปัจจัยทางตัวเลขเศรษฐกิจและเม็ดเงินเข้าไปจับ
นั้นเอง
ไม่ทราบว่าจะเสริมอะไร
แต่อยากบอกว่า ช่วงวันพักผ่อนยาวๆน้องฮงไปพักผ่อนที่ไหนบ้างไหมครับ
อากาศร้อนๆ อย่าลืมดื่มน้ำบ่อยๆนะครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับผม :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 5
เล่าต่อๆ
จริงๆกระทู้นี้เกิดขึ้นมาเพราะว่าเห็นหลายท่าน
โพสว่าหุ้นจะขึ้นอีกกี่จุด
จะขึ้นอีกกี่วัน
คำตอบของผมก็คือ
ใครจะไปรู้
สิ่งที่ผมพอจะหาคำตอบได้คือ
set ณ.ระดับปัจจุบันเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย
ถ้าถามผม ผมมองว่า set ที่ 540 ขึ้นไปอยู่ในโซนเสี่ยงปานกลาง
ถึงเสี่ยงสูง
เหตุผลของผม
มีประกอบดังนี้
ถ้าเราศึกษา pattern ของ crisis รอบก่อนๆ
ถ้าเรานับจากตอน dowjone peak มันจะใช้เวลาประมาณ 3 ปี
ในการถึง bottom
รอบนี้
ใช้เวลา 5 ปีถึงจะ bottom
ตอนต้มยำกุ้ง set จาก 1700 เหลือ 200 ใช้เวลาประมาณ
เกือบๆ 5 ปี 2537-2541
แต่วิกฤติรอบนี้ dowjone peak ประมาณ ตุลา 2007
ลงไปเหลือ 6600 โดยประมาณ
ช่วงมีนา 2009
ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปีกับอีก 5-6 เดือนโดยประมาณ
ต่อให้ dow jone ไม่มี new low มันก็น่าจะแกว่งไปแถวๆ
low เดิมได้อีก
ถ้าดูจาก pattern รอบก่อนๆ
ไม่รู้มีใครเช็กตัวเลข cds ไหม
ผมไม่ชัวตัวเลขมาก
แต่เข้าใจว่าเหลืออีกกว่า 20 ล้านๆ us
ไม่มีใครรู้ว่าจะระเบิดออกมาไหม หรือไม่ไหร่
และที่สำคัญ (ประมาณการโดย asp)
pe ของ set ที่ 540 ขึ้นไป จะเป็น forward pe
ที่ 11 เท่า
(asp คาด earining ตลาด 49 บาท)
pe 11 เท่าทั้งๆที่ gdp ติดลบเนี้ยนะ
ผมว่าแพงเกินไป
จริงๆมีอีกหลายประเด็นที่ set ช่วงปัจจุบันเริ่มแพง
แต่รอท่านอื่นมาเสริมบ้างดีกว่า
ให้ผมพูดอยู่คนเดียวมันไม่สนุกเลย
จริงๆกระทู้นี้เกิดขึ้นมาเพราะว่าเห็นหลายท่าน
โพสว่าหุ้นจะขึ้นอีกกี่จุด
จะขึ้นอีกกี่วัน
คำตอบของผมก็คือ
ใครจะไปรู้
สิ่งที่ผมพอจะหาคำตอบได้คือ
set ณ.ระดับปัจจุบันเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย
ถ้าถามผม ผมมองว่า set ที่ 540 ขึ้นไปอยู่ในโซนเสี่ยงปานกลาง
ถึงเสี่ยงสูง
เหตุผลของผม
มีประกอบดังนี้
ถ้าเราศึกษา pattern ของ crisis รอบก่อนๆ
ถ้าเรานับจากตอน dowjone peak มันจะใช้เวลาประมาณ 3 ปี
ในการถึง bottom
รอบนี้
ใช้เวลา 5 ปีถึงจะ bottom
ตอนต้มยำกุ้ง set จาก 1700 เหลือ 200 ใช้เวลาประมาณ
เกือบๆ 5 ปี 2537-2541
แต่วิกฤติรอบนี้ dowjone peak ประมาณ ตุลา 2007
ลงไปเหลือ 6600 โดยประมาณ
ช่วงมีนา 2009
ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปีกับอีก 5-6 เดือนโดยประมาณ
ต่อให้ dow jone ไม่มี new low มันก็น่าจะแกว่งไปแถวๆ
low เดิมได้อีก
ถ้าดูจาก pattern รอบก่อนๆ
ไม่รู้มีใครเช็กตัวเลข cds ไหม
ผมไม่ชัวตัวเลขมาก
แต่เข้าใจว่าเหลืออีกกว่า 20 ล้านๆ us
ไม่มีใครรู้ว่าจะระเบิดออกมาไหม หรือไม่ไหร่
และที่สำคัญ (ประมาณการโดย asp)
pe ของ set ที่ 540 ขึ้นไป จะเป็น forward pe
ที่ 11 เท่า
(asp คาด earining ตลาด 49 บาท)
pe 11 เท่าทั้งๆที่ gdp ติดลบเนี้ยนะ
ผมว่าแพงเกินไป
จริงๆมีอีกหลายประเด็นที่ set ช่วงปัจจุบันเริ่มแพง
แต่รอท่านอื่นมาเสริมบ้างดีกว่า
ให้ผมพูดอยู่คนเดียวมันไม่สนุกเลย
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 6
คนเราบางทีป่วยหนักๆ ก็อาจเกิดอาการหน้ามืด หรืออาจวูบไปเฉยๆก็ได้hongvalue เขียน: ต่อให้ dow jone ไม่มี new low มันก็น่าจะแกว่งไปแถวๆ
low เดิมได้อีก
ถ้าดูจาก pattern รอบก่อนๆ
พอฟื้นขึ้นมา อาจรู้สึกสดชื่นหรือกระปี้กระเปร่าขึ้นมาก็นึกว่าหายป่วยแล้ว
(เลยไปทำอะไรต่อมิอะไร จนเกินพิกัด)
แต่ที่จริง เนื้อร้ายที่อยู่ข้างในกำลังขยายใหญ่ขึ้น เพราะหมอผ่าตัดเอาออก
ยังไม่หมด ค่อยๆกัดกินเชลล์ต่างๆของร่างกายไปที่ละนิด
พอเกิดอาการขึ้นอีกครั้ง ก็ต้องไปหาหมออีก และผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อร้าย
ส่วนที่เหลือและรักษาบริเวณข้างเคียงที่โดนลุกลาม กว่าจะหายก็ต้องเสียเวลา
รักษาตัวไปนานพอสมควร
ไม่รู้ว่าจะฟื้นก่อนฟุบ แล้วค่อยหายหรือเปล่านะ
:lol: :lol:
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 769
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 7
ผมมองว่า ตลาดไทย ยังคงอยู่กับ กลุ่มสินค้า หุ้นวัฎจักร..เช่น ครอบครัว ปตท.หรือบ้านปู แม้นแต่ scc ครึ่งหนึ่งของรายได้เป็น ปิโตรเคมี...ดังนั้น ราคาสินค้าพวกนี้ขึ้น หุ้นมันก็ขึ้นเป็นธรรมดาครับ
ถ้า น้ำมันไปถึง 70 ดอล...ปตท.จะไปเท่าไร.... :lol: ดัชนีจะเป็นเท่าไร
ถ้ามองตาม...เนื้อผ้าตอนนี้ ต้นทุนเงินกู้ถูกมากๆ สามารถเอาไปเก็งกำไร ได้ทั่วโลก...แต่เป้าหมาย ในการขายจะอยู่เท่าไร....คงไม่ใช่ 30% เหมือนเก่าแน่นอน...หรือ 20% หรือ 15%
นี่หมายถึง กองทุนที่เก็งกำไรนะครับ
สรุป ถ้าราคาน้ำมันยังดี...หุ้นก็ไปแต่ถ้าตก...คงจอด ส่วนหุ้นอื่นๆ แค่น้ำจิ้ม....ดูต่างชาติซื้อสุทธิ....ซิครับ ยังไม่ถึงพันล้าน แสดงว่า เล่นรายตัวจริงๆ
ถ้า น้ำมันไปถึง 70 ดอล...ปตท.จะไปเท่าไร.... :lol: ดัชนีจะเป็นเท่าไร
ถ้ามองตาม...เนื้อผ้าตอนนี้ ต้นทุนเงินกู้ถูกมากๆ สามารถเอาไปเก็งกำไร ได้ทั่วโลก...แต่เป้าหมาย ในการขายจะอยู่เท่าไร....คงไม่ใช่ 30% เหมือนเก่าแน่นอน...หรือ 20% หรือ 15%
นี่หมายถึง กองทุนที่เก็งกำไรนะครับ
สรุป ถ้าราคาน้ำมันยังดี...หุ้นก็ไปแต่ถ้าตก...คงจอด ส่วนหุ้นอื่นๆ แค่น้ำจิ้ม....ดูต่างชาติซื้อสุทธิ....ซิครับ ยังไม่ถึงพันล้าน แสดงว่า เล่นรายตัวจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 8
มาแชร์ความเห็น
ผมเฝ้าดู US Dollar Index ทางเทคนิค เหมือนลงมาที่จุดรับ 83.60
เป็นเสมื่อนสัญญาณจบ Wave A-B-C
แต่รอ สัญญาณตัวอื่น Confirm signal อยู่
US Dollar Index - ผมใช้แทน Fund Flow ที่ไหลเข้าสู SEA
เพราะฉะนั้น เมื่อมองกลับมาที่ SET ผมว่าเข้าตลาดช่วงนี้น่าจะช้าไป
ถ้ามี 10 ก้าว คงอยู่ประมาณ ก้าวที่ 7 แต่ยังทำกำไรตาม Fund flow ได้อยู่
ยิ่งราคาน้ำมันวันนี้วิสาขบูชา เป็น Break แนวต้านเดิม + เปิด Gap ไว้ คาดว่าไปต่ออีกนาน - คนไทยคงต้องใช้น้ำมันแพงอีกแล้ว T_T
แม้ว่า RSI น้ำมันจะ Overbought แต่ขึ้นต่อแน่ๆ
บ้านเราเล่นน้ำมันไม่ได้ ก็ไปเล่นยางพารา กันแทนแล้วกันครับ
แนวโน้มตลาดยาง ตอนนี้ตามน้ำมันดิบไปแล้ว
ผมเห็นกราฟในบทวิเคราะห์คุ้นๆตา ช่วงหลังไม่ค่อยได้อ่าน Researh ต่างประเทศเท่าไร เลยแอบถามหน่อย ว่าคัดมาจาก Research โบรคฯ ดังของต่างประเทศหรือเปล่าครับ
ผมเฝ้าดู US Dollar Index ทางเทคนิค เหมือนลงมาที่จุดรับ 83.60
เป็นเสมื่อนสัญญาณจบ Wave A-B-C
แต่รอ สัญญาณตัวอื่น Confirm signal อยู่
US Dollar Index - ผมใช้แทน Fund Flow ที่ไหลเข้าสู SEA
เพราะฉะนั้น เมื่อมองกลับมาที่ SET ผมว่าเข้าตลาดช่วงนี้น่าจะช้าไป
ถ้ามี 10 ก้าว คงอยู่ประมาณ ก้าวที่ 7 แต่ยังทำกำไรตาม Fund flow ได้อยู่
ยิ่งราคาน้ำมันวันนี้วิสาขบูชา เป็น Break แนวต้านเดิม + เปิด Gap ไว้ คาดว่าไปต่ออีกนาน - คนไทยคงต้องใช้น้ำมันแพงอีกแล้ว T_T
แม้ว่า RSI น้ำมันจะ Overbought แต่ขึ้นต่อแน่ๆ
บ้านเราเล่นน้ำมันไม่ได้ ก็ไปเล่นยางพารา กันแทนแล้วกันครับ
แนวโน้มตลาดยาง ตอนนี้ตามน้ำมันดิบไปแล้ว
ผมเห็นกราฟในบทวิเคราะห์คุ้นๆตา ช่วงหลังไม่ค่อยได้อ่าน Researh ต่างประเทศเท่าไร เลยแอบถามหน่อย ว่าคัดมาจาก Research โบรคฯ ดังของต่างประเทศหรือเปล่าครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 10
[quote="tum_H"]
คนเราบางทีป่วยหนักๆ ก็อาจเกิดอาการหน้ามืด หรืออาจวูบไปเฉยๆก็ได้
พอฟื้นขึ้นมา อาจรู้สึกสดชื่นหรือกระปี้กระเปร่าขึ้นมาก็นึกว่าหายป่วยแล้ว
(เลยไปทำอะไรต่อมิอะไร จนเกินพิกัด)
แต่ที่จริง เนื้อร้ายที่อยู่ข้างในกำลังขยายใหญ่ขึ้น เพราะหมอผ่าตัดเอาออก
ยังไม่หมด ค่อยๆกัดกินเชลล์ต่างๆของร่างกายไปที่ละนิด
พอเกิดอาการขึ้นอีกครั้ง ก็ต้องไปหาหมออีก และผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อร้าย
ส่วนที่เหลือและรักษาบริเวณข้างเคียงที่โดนลุกลาม กว่าจะหายก็ต้องเสียเวลา
รักษาตัวไปนานพอสมควร
ไม่รู้ว่าจะฟื้นก่อนฟุบ แล้วค่อยหายหรือเปล่านะ
:lol:
คนเราบางทีป่วยหนักๆ ก็อาจเกิดอาการหน้ามืด หรืออาจวูบไปเฉยๆก็ได้
พอฟื้นขึ้นมา อาจรู้สึกสดชื่นหรือกระปี้กระเปร่าขึ้นมาก็นึกว่าหายป่วยแล้ว
(เลยไปทำอะไรต่อมิอะไร จนเกินพิกัด)
แต่ที่จริง เนื้อร้ายที่อยู่ข้างในกำลังขยายใหญ่ขึ้น เพราะหมอผ่าตัดเอาออก
ยังไม่หมด ค่อยๆกัดกินเชลล์ต่างๆของร่างกายไปที่ละนิด
พอเกิดอาการขึ้นอีกครั้ง ก็ต้องไปหาหมออีก และผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อร้าย
ส่วนที่เหลือและรักษาบริเวณข้างเคียงที่โดนลุกลาม กว่าจะหายก็ต้องเสียเวลา
รักษาตัวไปนานพอสมควร
ไม่รู้ว่าจะฟื้นก่อนฟุบ แล้วค่อยหายหรือเปล่านะ
:lol:
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 11
หุ้นไทยเดาทางยากตรงที่มันเกี่ยวกับราคาน้ำมันเนี้ยแหละharuti เขียน:ผมมองว่า ตลาดไทย ยังคงอยู่กับ กลุ่มสินค้า หุ้นวัฎจักร..เช่น ครอบครัว ปตท.หรือบ้านปู แม้นแต่ scc ครึ่งหนึ่งของรายได้เป็น ปิโตรเคมี...ดังนั้น ราคาสินค้าพวกนี้ขึ้น หุ้นมันก็ขึ้นเป็นธรรมดาครับ
ถ้า น้ำมันไปถึง 70 ดอล...ปตท.จะไปเท่าไร.... :lol: ดัชนีจะเป็นเท่าไร
จริงๆตอนนี้ผมก็ถือหุ้นน้ำมันอยู่นะ
ผมไปตามอ่านเว็บลุงโฉลกเห็นเขาว่าดูจากกราฟแล้วราคาน้ำมันไปได้อีกพอควรเลยนะ :ep:
ตอนนี้ theme ล่าสุดของตลาดหุ้นคือ
reflation
ฉนั้นต้องเล่นหุ้นน้ำมัน
อิอิ :lol:
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 12
ใช่ครับคัดมาจากโบรกเกอร์ครับTsunami เขียน: เลยแอบถามหน่อย ว่าคัดมาจาก Research โบรคฯ ดังของต่างประเทศหรือเปล่าครับ
แต่อยู่ในประเทศไทยเนี้ยแหละครับ
จริงๆผมตัด pattern ทุก crisis มานั่งหารายละเอียดเอาน่ะครับ
แล้วก็พยายามจะดู trend ของหุ้นปัจจุบันเทียบกับ crisis รอบก่อนๆครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 13
หุ้น usa ลองดู pe ในรอบ 100 ปีของ s&p ดูครับ
ข้อมูลจาก deutsche bank ครับ
pe ของ s&p ตอนนี้ก็ไม่ถูกเลย
จุดเส้นปะคือ recession รอบก่อนๆ
ดูๆแล้วรอบนี้ไม่น่าจบเร็วด้วย
ดูๆแล้วก็ไม่ถูกเท่าไหร่นา :roll:
ข้อมูลจาก deutsche bank ครับ
pe ของ s&p ตอนนี้ก็ไม่ถูกเลย
จุดเส้นปะคือ recession รอบก่อนๆ
ดูๆแล้วรอบนี้ไม่น่าจบเร็วด้วย
ดูๆแล้วก็ไม่ถูกเท่าไหร่นา :roll:
- Linzhi
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1522
- ผู้ติดตาม: 1
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 16
อย่างผมคงต้องว่า Mr. Market อย่างเดียวเลยครับ อารมณ์ดีสุด ๆ ตอนนี้
ผมว่ามันเกิดจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ตลาดเริ่มวิ่งมาปิด gap แถว 450 มั้ง
แต่ดันมีข่าวดีเสริม
มันเลยทะลุแนวต้านหลัก ๆ ขึ้นมาหมดเลย
ตอนนี้ข่าวร้ายก็มี แต่คนมองข้ามกันหมดเลย ข่าวดีก็ถูกขยายเกินงาม
forward PE 09 ผมว่าหุ้นหลายตัวไม่ควรซื้อแล้ว
แต่ถ้า forward 5 ปี แบบโบร๊คชอบพูดกัน มันก็ชัวร์อยู่แล้วว่าซื้อได้ 55555
ผมมี feeling ว่า เงินจะเริ่มเฟ้อแรงเร็ว ๆ นี้แฮะ ปลายปี หรือปีหน้า ซื้อทองเก็บไว้ดีป่าวหว่า
ผมว่ามันเกิดจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ตลาดเริ่มวิ่งมาปิด gap แถว 450 มั้ง
แต่ดันมีข่าวดีเสริม
มันเลยทะลุแนวต้านหลัก ๆ ขึ้นมาหมดเลย
ตอนนี้ข่าวร้ายก็มี แต่คนมองข้ามกันหมดเลย ข่าวดีก็ถูกขยายเกินงาม
forward PE 09 ผมว่าหุ้นหลายตัวไม่ควรซื้อแล้ว
แต่ถ้า forward 5 ปี แบบโบร๊คชอบพูดกัน มันก็ชัวร์อยู่แล้วว่าซื้อได้ 55555
ผมมี feeling ว่า เงินจะเริ่มเฟ้อแรงเร็ว ๆ นี้แฮะ ปลายปี หรือปีหน้า ซื้อทองเก็บไว้ดีป่าวหว่า
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 17
ขอบ่น หน่อยแล้วกัน(เล่าเรื่อง)
คำว่าฟื้น ในความเห็นส่วนตัวของผม ผมมองว่า ต่ำสุดไปแล้วแต่ก็แค่ทรงๆ
(เพราะมีหลายสำนักบอกว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว จนหลายคนยิ้มแป้น)
เลยโยงมาถึงเรื่องงานของผม ในปัจจุบันที่ต้อง contact กับ supplier หลาย
ที่พอสมควร ตอนนี้หลายๆที่ model ใหม่ๆ ไม่ต้องบีบบังคับ หรือง้องอนขอ
ให้ลดราคาให้เหมือนแต่ก่อน ยอมขายถูกกว่า model ก่อนหน้าเสียอีก ยิ่งราย
ใหม่ๆที่ไม่เคยรู้จักก็ติดต่อเข้ามาเต็มเลย ที่สำคัญเจ้าที่เคยผูกขาดก่อนหน้า
ก็เริ่มมีคู่แข่งเข้ามาตีตลาดเพิ่ม
(เศรษฐกิจแย่ๆ ครั้งก่อนสงสัยก็คงเหมือนแบบนี้เนอะ)
ก่อนที่เศรษฐกิจจะฟื้น สงครามการแข่งขันคงดุเดือดพิลึก นั่นทำให้มองได้ว่า
บางธุระกิจ หากในอนาคตฟื้นขึ้นได้จิงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าความสามารถ
ในการทำกำไรจะเพิ่มขึ้น เว้นแต่ว่า volume จะสูงขึ้นมากกว่าเดิม
(แต่บริษัทผม คงยิ้มแป้นเพราะเป็นผู้กำหนดราคาขาย)
ยิ่งตอนนี้แถวๆนิคมที่อยู่ ขนาดตอนกลางคืนหมายังไม่เห่าเลย ไม่รู้หายไป
ไหนหมด ขนาดห้องเช่าลดแล้วลดอีก ก็ยังว่างเพียบ นี่ยังไม่รวมที่ที่สร้าง
ใหม่ ที่กลายเป็นตึก ร้างไปเลย ยังไม่รวมพนักงานที่ไม่มีโอทีทำ ถึงขนาด
ยอมลาออก กลับไปอยู่ที่บ้านก็มี
(ขนาดมีบางที่ เริ่มเรียกพนักงานเก่าบางส่วนกลับมาแล้ว ก็ยังไม่ถึงครึ่งที่หายไป)
มองย้อนกลับมาเปรียบเทียบกับ set ที่วิ่งจนเลยสถานีปลายทางไปแล้ว หาก
หลายๆคนเคยดูภาพยนต์ คงพอเดาออกว่า หากรถไฟเลยสถานีไปมากๆแล้ว
จะเจออะไร
อย่าลืมนะครับว่าตอนนี้ทุกคนกำไรหมด มีใครไม่กำไรบ้าง ถ้าหากมีข่าว หมา
น้อยน่ารักตัวหนึ่งโดนรถชนขาหักหน้าปากซอย สงสัยคนคงออกวิ่งไปดูกันทั้ง
หมู่บ้าน :lol:
หุ้นขึ้นใครๆก็ชอบ แต่ถ้ามากเกินพอดี ก็มักจะมีเรื่องน่าอึดอัดตามมา แต่ว่า
ประเด็นคือ จุดอิ่มตัวอยู่ตรงไหนเท่านั้นแหละ พอมีสติแล้วก็คงคิดได้
(เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน)
เหมือนอย่างเรื่อง แสงปลายอุโมงค์ พอทุกคนเห็นแสงก็นึกว่าเจอทางออก
แล้ว ด้วยความดีใจก็เลยรีบวิ่งตามไป แต่ผ่านไป 3 ปีหลังจากวิ่ง ก็ยังไม่โผล่จากอุโมงค์เสียที
สุดท้ายก็รู้ว่าแค่เข้าใกล้มากขึ้น เลยต้องนั่งพักเหนื่อยกันแทบตาย บางคน
ร่างกายไม่แข็งแรงพอ ล้มตายไปก็มี
อิอิ บ่นเล็กๆ เพราะผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน สงสัยต้องเข้าวัดบ่อยๆเหมือน
พี่พอใจเสียหน่อย จิตใจจะได้สงบขึ้น
:?: :!:
คำว่าฟื้น ในความเห็นส่วนตัวของผม ผมมองว่า ต่ำสุดไปแล้วแต่ก็แค่ทรงๆ
(เพราะมีหลายสำนักบอกว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว จนหลายคนยิ้มแป้น)
เลยโยงมาถึงเรื่องงานของผม ในปัจจุบันที่ต้อง contact กับ supplier หลาย
ที่พอสมควร ตอนนี้หลายๆที่ model ใหม่ๆ ไม่ต้องบีบบังคับ หรือง้องอนขอ
ให้ลดราคาให้เหมือนแต่ก่อน ยอมขายถูกกว่า model ก่อนหน้าเสียอีก ยิ่งราย
ใหม่ๆที่ไม่เคยรู้จักก็ติดต่อเข้ามาเต็มเลย ที่สำคัญเจ้าที่เคยผูกขาดก่อนหน้า
ก็เริ่มมีคู่แข่งเข้ามาตีตลาดเพิ่ม
(เศรษฐกิจแย่ๆ ครั้งก่อนสงสัยก็คงเหมือนแบบนี้เนอะ)
ก่อนที่เศรษฐกิจจะฟื้น สงครามการแข่งขันคงดุเดือดพิลึก นั่นทำให้มองได้ว่า
บางธุระกิจ หากในอนาคตฟื้นขึ้นได้จิงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าความสามารถ
ในการทำกำไรจะเพิ่มขึ้น เว้นแต่ว่า volume จะสูงขึ้นมากกว่าเดิม
(แต่บริษัทผม คงยิ้มแป้นเพราะเป็นผู้กำหนดราคาขาย)
ยิ่งตอนนี้แถวๆนิคมที่อยู่ ขนาดตอนกลางคืนหมายังไม่เห่าเลย ไม่รู้หายไป
ไหนหมด ขนาดห้องเช่าลดแล้วลดอีก ก็ยังว่างเพียบ นี่ยังไม่รวมที่ที่สร้าง
ใหม่ ที่กลายเป็นตึก ร้างไปเลย ยังไม่รวมพนักงานที่ไม่มีโอทีทำ ถึงขนาด
ยอมลาออก กลับไปอยู่ที่บ้านก็มี
(ขนาดมีบางที่ เริ่มเรียกพนักงานเก่าบางส่วนกลับมาแล้ว ก็ยังไม่ถึงครึ่งที่หายไป)
มองย้อนกลับมาเปรียบเทียบกับ set ที่วิ่งจนเลยสถานีปลายทางไปแล้ว หาก
หลายๆคนเคยดูภาพยนต์ คงพอเดาออกว่า หากรถไฟเลยสถานีไปมากๆแล้ว
จะเจออะไร
อย่าลืมนะครับว่าตอนนี้ทุกคนกำไรหมด มีใครไม่กำไรบ้าง ถ้าหากมีข่าว หมา
น้อยน่ารักตัวหนึ่งโดนรถชนขาหักหน้าปากซอย สงสัยคนคงออกวิ่งไปดูกันทั้ง
หมู่บ้าน :lol:
หุ้นขึ้นใครๆก็ชอบ แต่ถ้ามากเกินพอดี ก็มักจะมีเรื่องน่าอึดอัดตามมา แต่ว่า
ประเด็นคือ จุดอิ่มตัวอยู่ตรงไหนเท่านั้นแหละ พอมีสติแล้วก็คงคิดได้
(เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน)
เหมือนอย่างเรื่อง แสงปลายอุโมงค์ พอทุกคนเห็นแสงก็นึกว่าเจอทางออก
แล้ว ด้วยความดีใจก็เลยรีบวิ่งตามไป แต่ผ่านไป 3 ปีหลังจากวิ่ง ก็ยังไม่โผล่จากอุโมงค์เสียที
สุดท้ายก็รู้ว่าแค่เข้าใกล้มากขึ้น เลยต้องนั่งพักเหนื่อยกันแทบตาย บางคน
ร่างกายไม่แข็งแรงพอ ล้มตายไปก็มี
อิอิ บ่นเล็กๆ เพราะผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน สงสัยต้องเข้าวัดบ่อยๆเหมือน
พี่พอใจเสียหน่อย จิตใจจะได้สงบขึ้น
:?: :!:
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 18
อยากทราบว่า เมื่อมีปริมาณเงินมาก และสภาพคล่องล้นขนาดนี้
จะมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ set และหุ้นทั่วโลกตกหนักๆ นอกจากดอกเบี้ยขึ้นสูงครับ
เพราะเท่าที่ดู ช่วงนี้มีข่าวร้ายๆก็ยังไม่ตกมากเลยครับ :?:
จะมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ set และหุ้นทั่วโลกตกหนักๆ นอกจากดอกเบี้ยขึ้นสูงครับ
เพราะเท่าที่ดู ช่วงนี้มีข่าวร้ายๆก็ยังไม่ตกมากเลยครับ :?:
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 19
[quote="i_sarut"]อยากทราบว่า เมื่อมีปริมาณเงินมาก และสภาพคล่องล้นขนาดนี้
จะมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ set และหุ้นทั่วโลกตกหนักๆ นอกจากดอกเบี้ยขึ้นสูงครับ
เพราะเท่าที่ดู ช่วงนี้มีข่าวร้ายๆก็ยังไม่ตกมากเลยครับ
จะมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ set และหุ้นทั่วโลกตกหนักๆ นอกจากดอกเบี้ยขึ้นสูงครับ
เพราะเท่าที่ดู ช่วงนี้มีข่าวร้ายๆก็ยังไม่ตกมากเลยครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 21
จริงๆ ผมว่าทองคำน่าสนใจนะครับLinzhi เขียน: ผมมี feeling ว่า เงินจะเริ่มเฟ้อแรงเร็ว ๆ นี้แฮะ ปลายปี หรือปีหน้า ซื้อทองเก็บไว้ดีป่าวหว่า
ในระยะต่อไป
ผมว่าตลาดหุ้นมีความเสี่ยงที่จะเกิด
stagflation นะครับ
เพราะว่าเงินเฟ้อเริ่มกลับมาแต่เศรษฐกิจยังตกต่ำอยู่
แล้วถ้าธนาคารต้องขึ้นดอกเบี้ยทั้งๆที่เศรษฐกิจยังอยู่ที่ปากเหว
เมื่อนั้นคนที่ลงทุนในหุ้นก็ :vm: :vm: :vm:
พวกหลบภัยใน safeheaven ก็ :lol: เริงร่า
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 22
อันนี้ผมพูดเล่นนะครับhongvalue เขียน:
สมมุติเจอผู้ต้องสงสัยก็เอาปืนยิงมันก่อนเลย
แล้วค่อยถามว่า "เฮ้ยเมิงเปล่าที่ขโมยของร้านกรู"
อย่าไปทำจริงๆนะครับ
เพราะจะติดคุกติดตารางเอาได้ :lol:
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 23
แก้เป็นลูกหนี้ เพราะรัฐบาล usa เป็นลูกหนี้เขาhongvalue เขียน: 3.รัฐบาลที่ทำ qe จะทำให้เกิดเงินเฟ้อและทำให้เจ้าหนี้มีแรงจูงใจในการทำให้เกิดเงินเฟ้อ
เพราะออกพันธบัตรเลยมีแรงจูงใจในการทำให้เกิดเงินเฟ้อ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 26
ราคาน้ำมันใกล้ถึง 60 เหรียญแล้ว
มีใครถือหุ้นกลุ่มพลังงานบ้างครับ
มาชนแก้วกันหน่อย
ถ้าเปรียบเทียบเป็นโต๊ะจีน
ตอนนี้ของหวานน่าจะกำลังมาเสริฟ
จากหลักน่าจะได้กินกันจนเกือบหมดโต๊ะแล้ว
ผมกินของหวานเสร็จผมจะขอตัวเพื่อนๆในโต๊ะ
ไปเข้าห้องน้ำแล้วหนีกลับบ้านเลย อิอิ
ว่าแต่ขอนอกเรื่อง fundflow หน่อยเถอะ
ผมอยากรู้มากเลยว่าหุ้น thai กับ aot ขึ้นมาเพราะอะไร
เคยเห็นพี่ ih แกะงบ thai ในเว็บ greenbull ว่า
มันมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องไม่รู้ว่าจะมีเงินจ่ายหนี้ได้ไหมไม่ใช่เหรอ
ใครตามบ้างครับ
บอกหน่อยสิมันมีประเด็นอะไรเหรอที่สองตัวนี้ขึ้นมา
มันถูกยังไงอะ :roll: หรือว่าคลายกังวลเรื่องหวัดหมู
ไม่เอาเหตุผลว่า dr.effect นะ
มีใครถือหุ้นกลุ่มพลังงานบ้างครับ
มาชนแก้วกันหน่อย
ถ้าเปรียบเทียบเป็นโต๊ะจีน
ตอนนี้ของหวานน่าจะกำลังมาเสริฟ
จากหลักน่าจะได้กินกันจนเกือบหมดโต๊ะแล้ว
ผมกินของหวานเสร็จผมจะขอตัวเพื่อนๆในโต๊ะ
ไปเข้าห้องน้ำแล้วหนีกลับบ้านเลย อิอิ
ว่าแต่ขอนอกเรื่อง fundflow หน่อยเถอะ
ผมอยากรู้มากเลยว่าหุ้น thai กับ aot ขึ้นมาเพราะอะไร
เคยเห็นพี่ ih แกะงบ thai ในเว็บ greenbull ว่า
มันมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องไม่รู้ว่าจะมีเงินจ่ายหนี้ได้ไหมไม่ใช่เหรอ
ใครตามบ้างครับ
บอกหน่อยสิมันมีประเด็นอะไรเหรอที่สองตัวนี้ขึ้นมา
มันถูกยังไงอะ :roll: หรือว่าคลายกังวลเรื่องหวัดหมู
ไม่เอาเหตุผลว่า dr.effect นะ
-
- Verified User
- โพสต์: 404
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 27
Thai เคยอ่านเจอว่า d/e มากครับ เผลอๆอาจต้องเพิ่มทุน ผมก้อไม่รุู้ว่าขึ้นมาได้ยังไง แต่เขาขึ้นมาจาก 7 บาท นะครับ ถ้าเป็นผมได้มาเกือบ 100% คงเผ่นแล้วครับ
ขอถามว่า mtm คืออะไรครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ขอถามว่า mtm คืออะไรครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 28
mark to marketauspicja เขียน: ขอถามว่า mtm คืออะไรครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
คือสถาบันการเงินที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ
ต้องบันทึกที่ราคาตลาดซึ่งส่วนใหญ่น่าจะขาดทุนครับ
การยกเลิกจะทำให้งบกำไรขาดทุนดีขึ้นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณครับพี่ฮง :P
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/