Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ขอบคุณครับพี่บูลย์
จะลองไป search ดู
ว่าแต่มีใครเคยอบรมมาที่ไหนบ้างรึเปล่าครับ
ลองเล่าประสบการณ์ให้ฟังหน่อย
จริงๆอยากได้ course ที่มันยากๆ หน่อย เพราะเคยอบรมมา
เจอแต่แบบง่ายๆ

อ้าว ใครเคยไปอบรมที่ไหนมาช่วยบอก Yoyo หน่อย

ส่วนผมไม่เคยไปอบรมที่ไหนเลย ใช้แต่"ความรู้เก่า"หากิน
บอกไม่ได้เหมือนกันว่าที่ไหนเป็นอย่างไรเน้อ

ช่วงนี้ภาวะความรู้ตีบตัน
เขาเรียกว่า "หมดมุข" เลยไม่มีอะไรใหม่ๆมาคุย

เอาเป็นว่า ตอนนี้สถานการณ์ภาคใต้กำลังระอุ
นักลงทุนต่างพากันเทขายหนีตาย
ต่างชาติก็กลัวเศรษฐกิจจีนจะลดความร้อนแรง
ทุกคนกำลังมองตลาดหุ้นในแง่ร้าย

เอาล่ะ ชาวVI สถานการณ์อย่างนี้ตรงตามตำราโหงวเฮ้งทุกประการ
ใครใคร่ซื้อ....ซื้อ ใครใคร่ขาย.....ขาย ครับ

แต่เลือกให้ดีนะครับ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย
ซื้อหุ้นตอนนี้ต้องทำใจหน่อย
มันพลอยจะถูกลงไปเรื่อยๆ
ใจไม่แข็งเป็น VI ไม่ได้นา.....

ส่วนจะถือยาวถือสั้น หรือเล่นรอบก็ตามสะดวกครับ

สวัสดีครับ

สวัสดีครับเพื่อนๆ

เห็นว่าหุ้นลงหนักทุกวัน เล่นเอาใจหายใจคว่ำ
อย่าเครียดครับ ถ้าหุ้นมันลงมากๆ หมดเงินแล้วก็นั่งดูครับ
ผมเองคิดไว้แต่ต้นแล้วว่าปีนี้จะเป็นอย่างนี้
ตอนนี้หากมีเงินเหลือก็เลือกหุ้นพื้นฐานดีๆลงทุนครับ

เห็นข่าวว่าเราเริ่มขาดดุลบ้างแล้วนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าทุน
จำพวกเครื่องจักรอุปกรณ์ พลังงาน สื่อให้เห็นว่าปีที่ผ่านมาเราเร่งโตกันเกินไป
อาจเกิดฟองปุดๆเล็กๆน้อยๆ ดีที่เกิดเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นปีเลยทำให้พวกเรากลับมาดูพื้นฐานกันบ้าง คาดว่ายังแก้ทันครับ

จำไว้เสมอว่าเราลงทุนระยะยาวครับ อย่าหวั่นไหว อย่าคิดมาก

มีงานอะไรก็ทำไป เอาสมองไปคิดเรื่องทำมาหากิน ส่วนเรื่องลงทุน
ผู้บริหารของบริษัทเราเขาเป็นผู้รับผิดชอบครับ

ผมเองตอนนี้สานต่อเจตนารมณ์ของพ่ออยู่มีเวลาน้อยลง แต่ไม่คิดทิ้งเพื่อนๆไป มีเวลาแอบพ่อมาได้ก็จะมาคุยกันครับ

มั่นคงไว้ครับ

ผมเห็นด้วยกับคุณมนเป็นอย่างยิ่งครับ
ปัญหาที่พวกเราชาวviประสบตอนนี้คือ
1.เงินหมด ติดอยู่ในพอร์ต พอร์ตก็ลดลงเรื่อยๆๆๆ
อย่างนี้ดูๆๆๆๆๆๆๆเฉยๆ
หาหนังสือการลงทุนอ่านเพิ่มเติมหรือ
ค้นคว้าหาข้อมูลบริษัทที่ตัวเองถือหรือ
นั่งสรุปบทเรียนที่ผ่านๆมา หาจุดที่ต้องปรับปรุงตัวเองเพื่อการลงทุนต่อๆไป
2.ยังมีเงินเหลือ แต่ไม่รู้จะลงทุนเพิ่มดีหรือไม่
อันนี้ถ้าจะให้ดีต้องเอารายงานประจำปีมาทบทวนดูให้ดีๆ
ถ้าเป็นบริษัทที่ยังดีอยู่แม้ภาวะเศรษฐกิจจะป.ป.โดยเฉพาะ
ถ้าไม่ขึ้นกับการส่งออกไปจีน ไม่ได้ใช้พลังงานในการผลิตมาก
ราคายิ่งลง ยิ่งต้องซื้อครับ
สำคัญราคาต้องถูกๆๆๆๆๆๆปันผลใช้ได้
ทะยอยซื้อเก็บเข้าพอร์ต ดีกว่าฝากธนาคารครับ
ยิ่งเดือนมีค47นี้อัตราเงินเฟ้อปาเข้าไปตั้ง2.5%
ฝากแบ้งก็หายไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว

สวัสดีครับ คุณมน เฮียประจวบ

ตอนนี้เป็นการวัดใจครับว่าใครจะประสาทแข็งกว่ากัน

ส่วนตัวผม ผมมองว่า นักลงทุนส่วนใหญ่เป็นพวกสายตาสั้นครับ
ไม่ว่าจะเป็นรายย่อย กองทุนในประเทศ หรือต่างชาติ
ทุกคนกำเงินเข้าตลาดก็เพื่อ"ผลตอบแทนสูงๆในระยะเวลาสั้นๆ"

แต่เมื่อโยนเงินเข้ามาแล้ว ราคาหุ้นลดลงก็ตกใจ เทขายออกเพื่อลดความเสี่ยง
ยิ่งแย่งกันขาย ราคาก็ยิ่งลง
ราคายิ่งลงก็ยิ่งแย่งกันขาย
ราคาก็ลงไปอีก
ก็ขายกันอีก
เหมือนงูกินหาง

จนกว่าจะมีรายใหญ่เอาเงินมาช้อน
ไม่ว่าจะเป็นต่างชาติ หรือ กองทุน
จนดัชนีเด้งกลับมา
ราคาหุ้นสูงขึ้น ก็แย่งกันซื้อ
พอแย่งกันซื้อ ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น
ราคาสูง ฏ้ยิ่งแย่งกันซื้อ
เป็นงูกินหางรอบขาขึ้น

แล้วก็วนเวียนไปเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ

ตลกดีนะครับ
อาจารย์เกรแฮมเคยบอกเอาไว้ว่า
"หุ้นเป็นสินค้าไม่กี่อย่างในโลกที่ราคาสูงขึ้น คนยิ่งแย่งกันซื้อ"
ผิดกับหลักเศรษฐศาสตร์ที่เคยเรียนกันนะครับที่ว่า
ยิ่งราคาสินค้าสูงขึ้น ความต้องการยิ่งลดลง

ถามว่า มีนักลงทุนสักกี่คนในตลาดที่จะลงทุนในระยะยาว
ถือหุ้นกันเป็นปีๆ หรือ สามปีห้าปี หรือ สิบปี
ผมว่ามีถึง 5% หรือเปล่าก็ไม่รู้
ผมว่าต่างชาติก็ต้องการ"กำไรในระยะสั้น"เหมือนกัน
ไม่ได้มองยาวเป็นห้าปีสิบปี

ดังนั้น
สำหรับนักลงทุนระยะยาว
ตลาดที่กำลังตกต่ำและผันผวน
โดยที่มองไปข้างหน้าสักสามปีห้าปี หรือสิบปีของธุรกิจยังดี
ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัว

แต่ถ้าเราหลงไหลไปกับ"อารมณ์"ของนายตลาดละก็
เราก็คงกลายเป็นส่วนหนึ่งของฝูงชนที่บ้าคลั่งแน่อนครับ

เอาล่ะครับ
ตอนนี้คงต้องทำในให้สงบ แล้วค่อยๆตั้งสติ ทำอะไรด้วยเหตุด้วยผล
อย่าใช้อารมณ์กันนะครับ เดี๋ยวจะแปลงร่างจาก VI กลายเป็น Mr.Market ซะเอง

สวัสดีทุกท่านครับ

มาร่วมให้กำลังใจกะคุณมน พี่หมอประจวบ และ คุณวิบูลย์ครับ

นักลงทุนที่ดีควรหนักแน่นและเชื่อมันในธุรกิจที่ตนเองศึกษามาอย่างดี
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะในการศึกษาเพิ่มเติมว่าธุรกิจนั้นแข็งแกร่งจริงหรือเปล่า
หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ก็ถือต่อหรือทยอยซื้อเพิ่มครับ
ตอนนี้ผมยังเหลือกระสุนอีก 10% เพื่อทยอยซื้อเพิ่มต่อไปครับ

เรื่องที่น่ากังวลตอนนี้คือเรื่องราคาน้ำมันครับ
ซื่งอาจจะกระทบในหลายอุตสาหกรรม ในแง่ของต้นทุน และการเติบโต
คงต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด ครับ

มีเรื่องมาบอกเพื่อนๆ อีกอย่างครับ
เรื่องของ RMF และกองทุนหุ้นใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ไม่ควรถูกมองข้าม
หากท่านได้มีฐานภาษีเยอะ จะได้ประโยชน์เอามากๆ
ในขณะที่ NAV เริ่มต่ำตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์
เพือนๆ จะเริ่มสะสม RMF ไว้บ้างก็ไม่ว่ากัน
และก็รอกองทุนห้นที่จะออกมาใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังครับ

ขอให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนทุกท่านครับ

วันนี้ 10 พฤษภาคม 2547
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงไป 31 จุดเหลือ 605 จุด
เป็นวันที่ดัชนีลดลงมากที่สุดในรอบปี
มาจากการเทขายของต่างชาติล้วนๆ
รายย่อยและกองทุนรับเข้าไปเต็มๆ

นับจากต้นปีที่ดัชนีอยู่ที่ 790 จุด
ตอนนี้ดัชนีลดลงไปแล้ว 185 จุด หรือ 23%
ถ้าจะไต่ไปที่ระดับเดิมก็ต้องเบ่งอีก 30% จากวันนี้
ไม่น้อยเลยทีเดียว

ตอนนี้ผมไม่ได้ยินใครในออฟฟิศ หรือ ตามข้างนอกพูดถึงเรื่องหุ้นอีกแล้ว
ตามเวปไซค์ต่างๆก็เริ่มออกมาโวยวาย ด่าว่ารัฐบาลต่างนานา
บางคนพาลโทษถึง กลต ตลาด ฟ้าดิน ฯลฯ
(แต่ไม่มีใครโทษตัวเองเลย)

สถานการณ์อย่างนี้ ถ้าเกร็งกำไรระยะสั้นคงเจ็บตัวแน่นอน
เพราะลงมาหลายวันติดกันแล้ว ยังโงหัวไม่ขึ้น

สำหรับนักลงทุนระยะยาว
อยากรู้ว่า สถานการณ์อย่างนี้แต่ละท่านเป็นอย่างไรกันบ้างครับ
ระบายความรู้สึกกันหน่อยก็ดีนะครับ (จะได้ไม่เก็บกด)

ตอนนี้มีเงินสดรออยู่แล้วประมาณ 25% ครับ
มูลค่า port ก็ลดลงไปพอสมควรขาดทุนกำไรไปหลายตังค์...
แต่รวมๆแล้วยัง ok ขนาด port เป็นาองเท่าของต้นปีที่แล้ว
ตอนนี้ก็รอดูจังหวะอยู่ครับ ...
บวกกับว่าอยากจะขอเวลาศึกษาหุ้นเพิ่มสักหน่อย
หลังจากห่างหายจากการหาความรู้ไปนาน สมองมันชักตึงๆ
เซลสมองตายไปเยอะ...
มีแอบตั้งรับหุ้นกะเค้าบ้างเหมือนกัน ... ทีละนิดละหน่อยแก้เหงา
เชื่อว่าเป็นหุ้นที่ควมปลอดภัยค่อนข้างสูงพอสมควร ...
กะกินปันผลไปเรื่อยๆ

ส่วนสภาพแวดล้อมตอนนี้
- แม่เอากำไรที่ได้จากปีที่แล้วคืนตลาดไปหมดแล้ว ... แถมเข้าเนื้อไปอีกหลายล้าน ผมกลับมาเมืองไทยเค้าเลยให้จัดการปรับ port ให้ ผมจับขายเรียบเลย
- น้าก็ขาดทุนหลายเหมือนกัน แต่เค้าทำใจขายไม่ได้... สุดท้ายก็เจ็บหนัก
- อากู๋เล่นแล้วกำไรหลายล้าน รายนี้เค้าก่อนจะลงมือเค้าศึกษาอยู่นานก่อนจะลงมือ แล้วก็ค่อนข้างเป็นคนที่มีวินัยในการลงทุน เค้าตังใจไว้ว่าจะรอราคานึง ถ้าลงมาไม่ถึงเค้าก็ไม่ซื้อ ยึดหลักว่าเสียดายดีกว่าเสียใจ กู๋เล่นทีจะเล่นทีละตัว แบบว่าใส่ไข่ไว้ตะกร้าเดียวเลยว่างั้นเถอะ แต่อย่างน้อยเค้าก็ดูแลตระกร้าอย่างดีเป็นพิเศษ เลยยังกำไรมาได้อย่างสวยงาม

รวมทั้งบ้านเล่นหุ้นกัน 4 คนถ้าเอาผลงานมารวมกันทั้งหมดจะเป็นกำไร ประมาณ 5 ล้าน แม่กะน้าเลยยังไม่เศ้รามากเท่าไหร่ เค้าแก้ตัวว่าเงินย้ายกระเป๋าไปแต่ยังอยู่ในบ้านเดียวกัน ยังไม่หนีไปไหน เลยทำใจได้

แหะๆ ระบายซักหน่อยครับ... โล่งขึ้นทันตาเห็น

ปล. วันนี้ปวดเมื่อยตัว เลยไปนวดแผนโบราณมา เพิ่งเคยไปครั้งแรก แม่แนะนำมา แต่พูดตรงๆว่าไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่เลย...

ชีวิตยังเหมือนเดิมครับ กระดานห้นก็ติดตามบ้างเห็นแดงๆ ล้นแต่วันจันทร์นหน้าละครับงบจะออกมาดีหรือไม่

VIB007 เขียน: สถานการณ์อย่างนี้ ถ้าเกร็งกำไรระยะสั้นคงเจ็บตัวแน่นอน
เพราะลงมาหลายวันติดกันแล้ว ยังโงหัวไม่ขึ้น

สำหรับนักลงทุนระยะยาว
อยากรู้ว่า สถานการณ์อย่างนี้แต่ละท่านเป็นอย่างไรกันบ้างครับ
ระบายความรู้สึกกันหน่อยก็ดีนะครับ (จะได้ไม่เก็บกด)

สมัยก่อนผมกลัวเวลาหุ้นจะทำนิวโลว์

แต่คิดไปคิดมา นิวโลว์ในรอบปี แปลว่า ถ้าผมซื้อหุ้นตอนนี้ต้นทุนผมจะถูกกว่าทุกคนที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ทั้งปีนี่นา

"สำหรับนักลงทุนระยะยาว
อยากรู้ว่า สถานการณ์อย่างนี้แต่ละท่านเป็นอย่างไรกันบ้างครับ
ระบายความรู้สึกกันหน่อยก็ดีนะครับ (จะได้ไม่เก็บกด)"

ผมยังกินข้าวเย็นได้อร่อยปากคับ...และคงจะนอนหลับได้อย่างมีความสุขคับ...

วันนี้มูลค่าพอร์ทผมลดลงไปประมาณ ๑๐ เปอร์เซ็นท์....แต่ยังคงเฉยๆคับ...เพราะทำใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าวันนี้ลงหนักแน่...

เริ่มเข้าช้อนซื้อกลุ่มที่สะสมเดิมไว้อยู่คับ...แต่ก็ยังเกร็งนิดๆ...แค่ช้อนพอสมควร...ช้อนชา...อิ..อิ..

ตลาดขาลงเหมาะกับการซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาวไม่ใช่หรือคับ...กลัวอย่างเดียวคือกระสุนจะหมดก่อนตลาดลงต่ำมากๆ...สงสัยกระสุนหมดรอบนี้คงเลิกดูตลาดหุ้นไปซักเดือน...สะสมกระสุนใหม่...แล้วเข้ามาซื้ออีกคับ... :lol:

อย่าเพิ่งไปท้อตามตลาดคับ...เราต้องมั่นคงต่อแนวทางที่เราเลือกแล้วคับ...ฮื่ม...แต่ถ้าพี่ วอร์เรน ทำผมเจ็บล่ะน่าดู...ล้อเล่นคับ.... 8)

ไปๆมาๆ ผมเลือกลงทุนในหุ้นเพื่อรอรับปันผลอย่างเดียวเลยครับ ถ้างบการเงินออกมายังดีอยู่ ถูกลงมาขนาดไหนก็เก็บครับ เก็บเข้าไป เก็บจนมันปันผลทีหลายแสนบาทเลย คาดว่าจบปีนี้คงได้ในหลักพัน

ผมเลือกมองหากิจการที่มั่นคง งบการเงินดี แสดงให้เห็นว่ามั่นคง กำไรขึ้นๆลงๆไม่ว่า ไม่มีใครทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆได้ตลอดหรอกครับ ผมว่านะ ก็เลยหาหุ้นที่กิจการทำกำไรสม่ำเสมอ ปันผลตลอด ถือไว้เป็นรายได้เสริม จนเป็นรายได้หลัก จากนั้นค่อยมองหาการลงทุนที่เป็นการสวนกระแสแบบคัดสรร

เสียดาย

ที่ตอนต้นปีขายออกมาแค่ครึ่งเดียวของพอร์ต

และเข้าซื้อกลับเร็วไปนิด

ควบคุมอารมณ์ ความอยากซื้อ ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เลยเข้าซื้อ เพลินไปหน่อย

ตอนนี้กระสุน หมด

รอ บรรจุใหม่จากเงินปันผลที่ยังไม่ออก

ช่วงนี้เป็นช่วง น่าซื้อจริงๆ

พี่วิบูลครับเมื่อไหร่จะรวมเล่มเสร็จครับ
ถ้าเสร็จผมช่วย 2 เล่มเลยครับพี่
อ่านมาอาทิตย์กว่ายังไม่จบเลยครับ
กำลังพยายามครับ 8) 8)

1 อาทิตย์ที่ผ่านมาซื้อมาตลอดเลยครับ SCC GRAND(ของพี่ Jeng) EGCOMP ตอนซื้อก็คิดเหมือนกันว่า มันจะลงไปถึงไหนกันนะ ลงได้ลงดี โดยรวมport ลบ 15 % ตั้งแต่ต้นปี แต่ยังคงมีกำไร ตอนซื้อที่ 330 จุด

PRO_BABY เขียน:พี่วิบูลครับเมื่อไหร่จะรวมเล่มเสร็จครับ
ถ้าเสร็จผมช่วย 2 เล่มเลยครับพี่
อ่านมาอาทิตย์กว่ายังไม่จบเลยครับ
กำลังพยายามครับ 8) 8)

เห็นคุณมนรายงานว่าเสร็จไปประมาณ 10%
ท่าทางหนังสือเล่มนี้จะยาว
พยายามไม่พูดถึงแล้วนะเนี่ย
กลัวเฮียคลายเครียดจะมาตามน่ะ แล้วก็ไม่เสร็จสักที
จริงมั๊ย คุณMon

ยิ่งตอนนี้คุณมนกำลังไปรับกิจการต่อจากพ่อซะด้วย
เวลาตามหุ้นก็ยังไม่มี
วันก่อนผมโทรไปหาคุณมนบอกว่า หุ้นลงใหญ่แล้ว
ท่านบอก เหรอ ไม่ได้ตามดูเลย(ว่ะ)
แล้วเหลือเท่าไหร่แล้ว
ผมบอก 600 จุด
ท่านมนบอกว่า มีเงินก็ซื้อเข้าไป
เออ....ดูซิ

ตอนนี้ผมก็เหมือนเดิมครับ
ยังกินอิ่มนอนหลับเหมือนเดิม
บริษัทผมก็ยังขายของได้ตามปกติ
แถมขายได้มากขึ้นด้วย กำไรก็มากขึ้นกว่าเดิม(มาก)
"ราคา"หุ้นจะไปทางไหน ก็"ช่างหัวมัน" (คงได้หลายกิโล)
ตราบใดที่บริษัทเรายังดี ก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร
ไว้ปลายปีค่อยมาดูกันใหม่
ถ้าเอาใจเราไปผูกติดกับ"อารมณ์"ตลาดหุ้นเมื่อไหร่
คงนอนไม่หลับแหง่ๆ เพราะ อารมณ์จะแปรปรวนตามท่านนายตลาด

เพื่อนผมคนนึงเล่นเกร็งกำไร
เมื่ออาทิตย์ก่อนโทรไปหาตอนแถวๆเที่ยงๆ
ปรากฏว่า โดนวีนกลับมา
เพื่อนบอกตอนนี้ไม่มีอารมณ์คุย(ว่ะ) กำลังเสีย
เลยวางหูไป
ผมไปเช็คดู วันนั้นดัชนีกำลังลบแบบโงหัวไม่ขึ้น

พอเมื่อวานนี้ ผมโทรไปหาอีกที
ปรากฏว่า น้ำเสียงอารมณ์ดี มีความสุขสุดๆ
พูดจาภาษาดอกไม้กับผมมาก
ผมเลยไปเช็คดู ปรากฏว่า หุ้นขึ้น 11 จุด

นี่หละครับ
ถ้าเราเอาตัวเองไปผูกติดกับตลาด
เราก็จะกลายเป็น Moody Mr. Market เสียเอง

ระวังไว้นะครับ
เดี๋ยวจะกลายเป็น"วัยทอง"อารมณ์แปรปรวนก่อนวัยกัน

กลยุทธสำหรับช่วงนี้ต้อง........
ทำใจให้"สงบ"แล้วจะพบ"ความสุข"ที่เยือกเย็น (คำพูดของท่านพุทธทาสภิกขุ)

สวัสดีครับพี่ๆทุกคนในห้องนี้ หลังจากไล่อ่านกระทู้นี้จนตาแฉะ รู้สึกได้ความรู้อะไรขึ้นอีกเยอะมาก.. อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย คือแต่ก่อนอ่านบทวิเคราะห์เนี่ย ก็อ่านที่เขาให้ซื้อหรือขายนั่นแหล่ะ ส่วนอื่นอ่านแล้วก็ไม่ค่อยรู้อรื่อง
ทีนี้ก็เลยอยากถามเรื่อง FCF ที่พี่ๆพูดถึงกันนะครับ จากสูตรเนี่ย ผมสงสัยว่า Working Capital กับ CAP Expense เนี่ย เราจะไปเปิดดูจากงบกระแสเงินสดของบริษัทนั้นๆได้เลยมั้ยครับ เพราะเห็นปกติจะแนะนำว่าให้ดูการเปลี่ยนแปลงในงบดุลกับงบกำไรขาดทุนเท่านั้น แต่ผมเห็นมันก็มีในงบกระแสเงินสดเหมือนกัน บอกรายละเอียดด้วย

ผมเริ่มลงทุนซื้อหุ้นเมื่อปีที่แล้ว ดัชนีก้อประมาณนี้นะครับ ต้นๆ600 มาถึงวันนี้กับวันที่เริ่มลงทุน ดัชนีตลาดพอๆกัน แต่ราคาหุ้นตัวที่ผมเลือกไว้ ในวันนี้ไม่สามารถซื้อได้ในราคานั้น ผมเลยรู้สึกดีใจนะครับที่ได้มาเจอเวปนี้(โดยบังเอิญ) ไม่เช่นนั้นผมคงจะกลายเป็นแมงเม่าไปแน่ๆ ในหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมได้รู้จักนายตลาดสองคน คือนายเขียวกับนายแดง ถ้าผมหลงไปเชื่อสองคนนี้มากๆ วันนี้ผมคงกินข้าวไม่อร่อยแน่ๆ
วันก่อนไปกินข้าวกับเพื่อนๆ เพื่อนถามว่าตอนนี้portเป็นไง ผมบอกว่า ไม่ได้ไปดูเลย ตอนนี้อ่านแต่หนังสือเลี้ยงลูก (เพิ่งได้ลูกสาว) เพื่อนผมก้อบอกว่า เล่นหุ้นประสาอะไร ไม่ติดตามราคา ผมก้อยิ้มๆแล้วถามเพื่อนคนนี้กลับไปว่าportเป็นไงบ้าง เค้าตอบสั้นๆว่า "แย่" แล้วก้อส่ายหัว2ที (เพราะไปเชื่อนายเขียวที่ชวนให้ซื้อ และเชื่อนายแดงที่ชวนขาย)

ผมสงสัยว่า Working Capital กับ CAP Expense เนี่ย เราจะไปเปิดดูจากงบกระแสเงินสดของบริษัทนั้นๆได้เลยมั้ยครับ

working capital หรือเงินทุนหมุนเวียน ดูได้ที่งบกระแสเงินสดส่วนจากกิจกรรมดำเนินงาน โดยนำเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานสุทธิ - กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน ค่าที่ได้มักจะติดลบ หมายถึงกิจการใช้เงินสดไปในเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น

ส่วน capital expense หรือค่าใช้จ่ายในการลงทุน ดูได้จากส่วนกระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน แสดงให้ทราบว่า กิจการใช้เงินสดลงทุนเท่าไหร่ มักจะลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

ต่อไปนี้ใครห้ามถามถึงหนังสือนะ เพราะต้องยอมรับว่ายังไม่เลย10%นั่นเลยแหละ เอาเป้นว่าใครต้องการเอาใจแฟนมาซื้อจิวเวลรี่ที่ร้านผมจะสุขใจกว่า

ตอนนี้ผมนอนไม่หลับ กินก็ไม่ค่อยได้ครับ ไม่ใช่ว่าหุ้นตกนา งานมันมาก หุ้นยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้กี่จุดแล้ว จริงๆไม่ต้องไปสนใจมันก็ได้ ในชีวิตผมไม่เคยเห็นหุ้นลงแล้วไม่ขึ้น ขึ้นแล้วไม่ลง ไปคอยนั่งเฝ้ามันคุณเครียดตาย อย่างน้อยก็ปวดตาแหละ

เอาเป็นว่ามีงานอะไรก็ไปทำซะ หุ้นนั้นน่ะเป็นการลงทุนระยะยาวอย่าไปสนใจมันมาก

พอมีเงินเหลือมาก ๆ ค่อยเอามาลงในหุ้น เอาแบบง่ายๆ
กำไรเห็น ๆ เพราะ จริง ๆ แล้ว value จากข้อมูลในอดีต นั้นสำคัญก็จริง
แต่เราซื้อ อนาคต ไม่ใช่ซื้อ อดีต ดังนั้น ผมจึงมัก จะเลือก หุ้นขนาดเล็กที่สามารถเป็นผู้นำตลาด ตุนเข้าพอร์ตครับ เพราะโดยแนมโน้มแล้วหุ้นพวกนี้ ผลตอบแทนจะสูงสุดครับ โดยผมจะกรองปัจจัยพื้นฐานก่อนครับ
และสอบถามเพื่อน ๆ ที่อยู่ในวงการ ว่า บริษัทนี้กิจการเป็นอย่างไรครับ

สวัสดีครับ
ช่วงนี้ผมงานยุ่งมั๊ก.....มาก (เลียนแบบสำนวนวัยรุ่น)
เลยไม่ได้เข้ามาคุยเท่าไหร่

ตอนนี้ตลาดหุ้นกำลังสวิงเดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า
ถ้าไปอ่านบทสัมภาษณ์นักการเงิน นักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคาระห์
เราก็จะพบว่า มีทั้งคนมองโลกในแง่ดีให้ซื้อหุ้น
บางคนก็มองโลกในแง่ร้ายให้ชะลอลงทุน ขายหุ้นเก็บเงินสด
สังเกตุดีๆจะเห็นว่า ต่างคนต่างก็เข้าใจในสถานการณ์เดียวกันไปคนละแบบ

ผมว่าสุดท้ายก็อยู่ที่ตัวเราเองละครับว่าจะคิดอย่างไร
เพราะเราลงทุน ได้เสียก็เงินเรา
คนที่ออกมาให้สัมภาษณ์ก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วยสักหน่อย
จะไปเชื่อคนอื่นมากทำไม เชื่อตัวเองดีกว่าครับ
ถ้าไม่ได้ดีก็ต้องโทษตัวเอง อย่าไปโทษใคร

ผมอ่านหนังสือเล่มนึงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เขียนไว้ดีมากครับ
เขาบอกว่า เวลาตลาดหุ้นขึ้นๆ เราจะมี"เซียนหุ้น"เต็มไปหมด
แต่ตอนตลาดตกๆนี่ละ จะแสดงให้เห็นว่า "เราเข้าใจในหลักการลงทุนของเราแค่ไหน"

ถ้าใครเห็นตลาดถล่มแล้วทำอะไรไม่ถูก หน้ามืดตามัวอยากจะเป็นลม
ผมก็คงแนะนำให้กลับไปหา"หลักการ"ของตัวเองได้เลยครับ
แสดงว่า ท่านมีหลักการไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับตลาดหุ้น

อย่างที่เคยบอกไว้หละครับ
ตลาดตกๆอย่างนี้ ถือว่าเป็นทั้ง"วิกฤต"และ"โอกาส"ครับ
ดังนั้น ใครจะคิดอย่างไรก็ตามสะดวกครับ

ส่วนผม ถ้าผมไม่คิดจะถือหุ้นตัวนั้นไปสัก 3 ปี 5 ปี ผมก็ไม่ซื้อมันตั้งแต่แรก
ดังน้น ตลาดตกๆแบบตอนนี้ ผมก็เฉยๆครับ
ตราบใดที่ธุรกิจของผมยังไปได้ดี
อย่าไปกังวลกับ"ตลาดหุ้น"มากครับ
เพราะน้าปีเตอร์ ลินซ์บอกไว้ว่า ตลาดหุ้นเต็มไปด้วย Weekend Worrier ครับ
สำหรับนักลงทุนระยะยาวไม่ต้องสนใจ มาสนใจในตัวธุรกิจของเราดีกว่า
ถ้าธุรกิจของเราดีจริง ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ครับ

เวลาเท่านั้นจึงจะเป็นเครื่องพิสูจน์
ส่วนหุ้นที่ผมถืออยู่ ผมคงหันไปดูอีกทีตอนปลายปีนี้
ถ้ายังไม่ได้ดี ก็ไปดูกันใหม่กลางปีหน้า
ถ้ายังไม่ดีอีก ก็ต้องขอดูตัวกันปลายปีหน้าก็ยังไม่สายครับ

ใครว่าบ้าก็บ้าว่ะ

สวัสดีครับ

ขอบคุณที่ติดตามผลงานเพลงของสายันต์ครับ พี่ปรัชญา

เรื่องพี่เทพไม่มีราคาเป้าหมายครับ
แต่ถ้าวันนี้ใครมาให้สักสี่ห้าท่วมก็จะลองพิจารณาดูครับ
ขายตอนนี้คงขายไม่ลง เพราะหาหุ้นดีๆถูกๆเหมือนสมัยก่อนยากเหลือเกิน
ขายแล้วคงซื้อกลับราคาเดิมไม่ได้

ตอนนี้ไม่ได้ใช้ตังค์ก็เก็บไว้ดูเล่นสักห้าปีสิบปีแล้วค่อยมาดูใหม่

จะว่าไปแล้ว กระทู้นี้ผ่านการอ่าน 60,000 ครั้งไปแล้ว
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2547 ที่ผ่านมา
ผมเข้ามาน้อยลง เพราะภูมิหมด
ก็หวังว่ากระทู้นี้คงจุดประกายให้หลายท่านไปค้นหว้าหาความรู้เพิ่มเติมกันเองนะครับ

ส่วนพี่ปรัชญา ถ้าไม่รบกวนช่วยตอบคำถามในกระทู้นี้ช่วยผมด้วยได้มั๊ยครับ
งานผมยุ่งมากๆช่วงนี้ เวลาเข้ามาตอบน้อยเหลือเกิน
อีกอย่างอยากได้ความรู้จากพวกพี่ๆรุ่นเก๋าๆมั่ง
จะได้เป็น"คนจนรุ่นใหม่"แบบพวกพี่ๆมั่ง

สวัสดีครับ

เอพี่วิบูลย์ครับ ตัวพี่เทพเนี่ย พี่ว่ามันเป็นธุรกิจแบบมี วัฏจักรอ่ะเปล่าครับ รู้สึกคุณมือล่องหนเค้าเคยให้ความเห็นประมาณนั้นเลยอยากถามพี่วิบูลย์หน่อยว่าเห็นจุดนีั้ตรงกันหรือในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนหย่ายของพี่เทพ แล้วหากเป็นวัฏจักรแล้วมันยังคงความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในระยะยาว เช่นขาลงของธุรกิจได้หรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ

Ch_army(ไม่ได้ Login) เขียน:เอพี่วิบูลย์ครับ ตัวพี่เทพเนี่ย พี่ว่ามันเป็นธุรกิจแบบมี วัฏจักรอ่ะเปล่าครับ รู้สึกคุณมือล่องหนเค้าเคยให้ความเห็นประมาณนั้นเลยอยากถามพี่วิบูลย์หน่อยว่าเห็นจุดนีั้ตรงกันหรือในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนหย่ายของพี่เทพ แล้วหากเป็นวัฏจักรแล้วมันยังคงความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในระยะยาว เช่นขาลงของธุรกิจได้หรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ

ขอล่วงเกินบังอาจตอบคำถามแทน.....คุณวิบูลย์สักกะหน่อย

การวิเคราะห์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ในมุมมองที่ต่างกัน

ในความหวังที่ต่างกัน

ธุรกิจทุกอย่างย่อมมีวัฎจักร อันนี้จริงไม่เถียงครับ
แต่ผมถามขอถามคุณบ้าง แล้วใบสัมปทานบัตรมีวัฎจักรไหมครับ
แล้วใบสัมปทานบัตรยั่งยืนหรือเปล่า
อย่าคิดว่าผมถือหุ้นแค่พันหุ้นแล้วมาอวดอ้างวิเคราะห์อะไรไม่รู้

(หุ้นพี่เทพเสียอย่างเดียว เป็นหุ้นหาเงินของต่างชาติชอบช๊อตเท่านั้นล่ะ อิอิ)

VIB007 เขียน:ขอบคุณที่ติดตามผลงานเพลงของสายันต์ครับ พี่ปรัชญา


ก็หวังว่ากระทู้นี้คงจุดประกายให้หลายท่านไปค้นหว้าหาความรู้เพิ่มเติมกันเองนะครับ

ส่วนพี่ปรัชญา ถ้าไม่รบกวนช่วยตอบคำถามในกระทู้นี้ช่วยผมด้วยได้มั๊ยครับ
งานผมยุ่งมากๆช่วงนี้ เวลาเข้ามาตอบน้อยเหลือเกิน
อีกอย่างอยากได้ความรู้จากพวกพี่ๆรุ่นเก๋าๆมั่ง
จะได้เป็น"คนจนรุ่นใหม่"แบบพวกพี่ๆมั่ง

สวัสดีครับ

ผมจนกว่าคุณวิบูลย์ นิดเดียว กำลังไล่ตามอยู่
จนความรู้ครับ
จนเพราะยังขี่รถกระบะคันเก่า

ดีใจอยู่นาได้นั่งรถเก๋งคันเบ่อเร่อของคุณวิบูลย์ คราวก่อน

จะมีวาสนาได้นั่งอีกไหมหนอ................

ขอบคุณครับพี่ปรัชญาที่ช่วยให้ความเข้าใจ เพราะผมเองลืมคิดไปว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจสัมปทานซึ่งตามหนังสือ ดร.นิเวศ เคยบอกว่าคนอื่นเข้ามาแข่งลำบาก(มีการผูกขาดในระดับหนึ่ง) เหมือนธุรกิจสายสื่อสาร ใช่ไหมครับ ไม่ว่าสภาพการณ์จะเป็นอย่างไรก็ยังคงลอยตัวไปได้เรื่อยๆ ขอบคุณอีกครั้งครับสำหรับคำแนะนำ และฝากถามอีกเรื่องครับคือ เรื่องการสำรวจน่ะครับ ผมเคยได้ยินมาว่าพวกบริษัทขุดเจาะหาแหล่น้ำมัน ก๊าซอะไรพวกเนี้ยมีความเสี่ยงสูงในการขุดแล้วไม่เจอ พี่ว่าคำกล่าวนี้จริงมากน้อยแค่ไหนครับ แล้วหากขุดไม่เจอบ่อยๆมันจะเจ๊งไหมครับ

ปรัชญา(ไม่ได้ล็อกอิน) เขียน:
ผมจนกว่าคุณวิบูลย์ นิดเดียว กำลังไล่ตามอยู่
จนความรู้ครับ
จนเพราะยังขี่รถกระบะคันเก่า

ดีใจอยู่นาได้นั่งรถเก๋งคันเบ่อเร่อของคุณวิบูลย์ คราวก่อน

จะมีวาสนาได้นั่งอีกไหมหนอ................

รถเก๋งคันนั้นก็ของบริษัทครับ
เขาเอามาให้ขับเล่น
แต่เดี๋ยวก็ต้องคืนแล้วครับ

ไว้คราวหน้าจะเอารถกระป๋องไปรับแทนครับ

ch_army เขียน:เอพี่วิบูลย์ครับ ตัวพี่เทพเนี่ย พี่ว่ามันเป็นธุรกิจแบบมี วัฏจักรอ่ะเปล่าครับ รู้สึกคุณมือล่องหนเค้าเคยให้ความเห็นประมาณนั้นเลยอยากถามพี่วิบูลย์หน่อยว่าเห็นจุดนีั้ตรงกันหรือในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนหย่ายของพี่เทพ แล้วหากเป็นวัฏจักรแล้วมันยังคงความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในระยะยาว เช่นขาลงของธุรกิจได้หรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับพี่ปรัชญาที่ช่วยให้ความเข้าใจ เพราะผมเองลืมคิดไปว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจสัมปทานซึ่งตามหนังสือ ดร.นิเวศ เคยบอกว่าคนอื่นเข้ามาแข่งลำบาก(มีการผูกขาดในระดับหนึ่ง) เหมือนธุรกิจสายสื่อสาร ใช่ไหมครับ ไม่ว่าสภาพการณ์จะเป็นอย่างไรก็ยังคงลอยตัวไปได้เรื่อยๆ ขอบคุณอีกครั้งครับสำหรับคำแนะนำ และฝากถามอีกเรื่องครับคือ เรื่องการสำรวจน่ะครับ ผมเคยได้ยินมาว่าพวกบริษัทขุดเจาะหาแหล่น้ำมัน ก๊าซอะไรพวกเนี้ยมีความเสี่ยงสูงในการขุดแล้วไม่เจอ พี่ว่าคำกล่าวนี้จริงมากน้อยแค่ไหนครับ แล้วหากขุดไม่เจอบ่อยๆมันจะเจ๊งไหมครับ

ขอบคุณพี่ปรัชญาครับที่ช่วยให้ความกระจ่าง

ผมว่าธุรกิจทุกธุรกิจมีวัฏจักรทั้งนั้นหละครับ
เพราะผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่จะขึ้นกับเศรษฐกิจประเทศหรือเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญ

ส่วนการมีความสามารถในการแข่งขันยั่งยืน
ผมว่าเป็นคนละเรื่องกับภาวะวัฎจักรของธุรกิจนะครับ

การมี Competitive Advantage หมายถึงความทนทานต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรม
เพื่อดูว่า บริษัทนั้นจะมีความสามารถเหนือคู่แข่งหรือไม่

ส่วน Cyclical คือภาวะการขึ้นลงของสภาพอุตสาหกรรมนั้นๆ
ไม่ได้เกี่ยวกับ Competitive Advantage ของบริษัทนั้น

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เป็นภาวะตกต่ำ
บริษัทที่มี Competitive Advantage จะได้เปรียบบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกันครับ
เช่น มีแบรนด์ที่แข็งกว่า หรือ มีต้นทุนที่ต่ำกว่า

ส่วนการหาว่าพี่เทพมี Competitive Advantage หรือเปล่า
ต้องไปทำการบ้านเองครับ

ส่วนการขุดเจาะ
แต่ละหลุมขุดเจาะจะใช้เงินประมาณ 250-500 ล้านบาท
ถ้าขุดลงไปแล้วไม่เจอน้ำมันหรือแกส ก็คือสูญเปล่า
ดังนั้น ในธุรกิจนี้ต้องมีการจำกัดความเสี่ยงในการลงทุนครับ
โดยการสำรวจให้แน่อนก่อนถึงขุดลงไป

ถ้าตั้งหน้าตั้งตาขุดอย่างเดียวไม่ดูตาม้าตาเรือ.......เจ๊งแน่นอน

คำแนะนำของผมก็คือว่า
ถ้าจะลงทุนในบริษัทอะไร ควรทำความเข้าใจธุรกิจนั้นให้ถ่องแท้ครับ
แล้วเราจะไม่กลัวความผันผวนของ"ราคา"หุ้นในระยะสั้น

โชคดีครับ

น้องรัก นักลงทุน

พี่ลงมารับน้องๆแล้ว หลังจากพี่โดนกระทิงขวิดไปเกือบ 300 น้องๆที่ยังรักและศรัทธาในตัวพี่ มารับพี่มาอยู่ในอ้อมกอดนะจ๊ะ

ทรัพย์สินพี่ ไม่ใช่หลุมก๊าซกลางอ่าวไทย ไม่ใช่หลุมที่พม่า
ทรัพย์ของพี่คือทีมงานและเพื่อนๆ ที่ไปหาก๊าซ หาน้ำมัน
ถ้าพี่รู้ว่าประเทศไหนๆมีน้ำมัน พี่หรือไม่ก็เพื่อนร่วมงานพี่ ก็จะไปขุดมาขาย
หาเงินหาทองมาปันผลให้น้อง

รัฐบาลท่านโหดกับพี่เหลือเกิน เก็บภาษีพี่ตั้ง 50% แม้กระนั้นก็ตาม
กำไรพี่ก็ยังดูดี และน้องรักก็ยังเอาคืนจากสรรพากรท่านได้ ที่พวกฝรั่งเค้าชอบมาคลุกคลีกับพี่ ก็คงเพราะพี่ได้เปิดตัวกับฝรั่งไว้มาก เป็นที่รู้จักกันดีของพวกเค้า แต่บางคนก็จับพี่โยนเล่นบ้าง น้องๆอย่าตกใจ พี่ยังสบายดี

รักน้องทุกคน
-พี่เทพ

ชอบๆ
ตลกอย่างนี้ ... สงสัยพี่เทพ โพธิ์งามแหง๋ๆ