enokwan เขียน:ขอบคุณค่ะ พี่ ayethebing
อ่า...ถ้าหยั่งท่านพี่ ยัง "รู้เพียงน้อยนิด" น้องว่าคงจะหาคนที่รู้มากได้ยากเต็มทีล่ะค่ะ ฮ่าๆๆ
ขอเวลาอ่านทำความเข้าใจคำตอบอีกสักหลายๆรอบ แล้วจะมาถามต่อนะคะพี่ aye...ขอฝากไว้ก่อนค่ะ อิๆๆ
ว่าแต่พี่ ฉัตรชัย, พี่วิบูลย์ ,คุณลูกอีสาน และยอดฝีมือการใช้ DCF ท่านอื่นๆ
ขอเชิญมาช่วยชี้แนะเคล็ดวิชานี้หน่อยค่ะ ไม่ต้องถึงกับรู้มากหรอกค่ะ เอาแค่งูๆ ปลาๆ หยั่งพี่ aye ก็พอค่ะ
พี่ไม่ใช่ยอดฝีมือนะจ๊ะ
แค่นักลงทุนธรรมดา
ตอนนี้งานยุ่งมาก ต้องขอโทษทีที่ไม่มีเวลาตอบให้ทันใจ
ใครถามมาต้องรอหน่อยนะช่วงนี้
ยิ่งถ้าถามคุณ Mon Money ก็ไม่ต้องห่วง
ช่วงนี้กำลังรับทรัพย์กับธุรกิจส่วนตัว คงปลีกเวลามาตอบน้อยแน่นอน
เรื่อง DCF จะว่าง่ายก็ง่าย
จะว่ายากก็ยากน่ะ
แต่ที่แน่ๆ คนสิบคนหามูลค่าบริษัทเดียวกันรับรองว่าไม่เท่ากัน(ถ้าไม่แอบดูกัน)
แต่เอ.....ที่ถามมานี่มีอะไรบ้างนะ..... ลืม (พอดีถามเยอะ)
enokwan เขียน:1.การคาดการณ์กระแสเงินสดอิสระในอนาคต(FCF)
มีหลักการเดาจากอะไรคะ ถ้าเราใช้ กระแสเงินสดสุทธิ ในอดีต แทน
จะได้มั้ยคะ (แหะๆ มั่วค่ะ เอาง่ายเข้าว่า แต่คิดว่าไม่น่าจะได้นะคะ)
อนาคตก็คืออนาคต
อดีตก็คืออดีตครับ
จะใช้อดีตทำนายอนาคตก็พอได้แต่ไม่ตรงความเป็นจริง
บางท่านคิดง่ายๆว่า ย้อนหลังมีการเติบโตเท่าไหร่
ก็ใช้อันนั้นมาทำนายอนาคต
แต่ถ้าให้ดี คิดว่าเรามองเห็นอนาคตของบริษัทอย่างไร
ก็"ทำนาย"ไปตามนั้น
เช่น ยอดขาย ต้นทุน กำไร กระแสเงินสด
ถ้ามองธุรกิจไม่ออกก็"เดา"กระแสเงินสดในอนาคตไม่ได้จ๊ะ
enokwan เขียน:และสมมติว่า ถ้าเราสามารถใช้ กระแสเงินสดสุทธิ ย้อนหลังแทนได้
เราจะดูจากส่วนไหนในงบกระแสเงินสดคะ
ใช่ส่วนที่เป็น จากกิจกรรมการดำเนินงาน รึป่าวคะ
(ไหนๆก็มั่วแล้ว เลยขอมั่วต่ออีกหน่อยค่ะ )
เอานี่เลย หนังสือของคุณBuglife "รวยด้วยหุ้นด้วยงบการเงิน" มีขายที่ซีเอ๊ด
จะบอกว่าใช้ส่วนไหนมาคำนวณกระแสเงินสดนะ
enokwan เขียน:2.จำนวนปีที่เราใช้ (t) ควรจะเป็นกี่ปีดีคะ หรือยิ่งมากยิ่งดี
ก็อยู่ที่ว่าเรามองธุรกิจนี้ออกไปอีกกี่ปี
ถ้ามองเห็น 5 ปี ก็"เดา"ไป 5 ปี
ถ้ามองเห็น 10 ปี ก็"เดา"ไป 10 ปี
ยิ่งมากปียิ่งผิดมากจ๊ะ
enokwan เขียน:3.จาก WACC ในส่วนของ "ต้นทุนเงินกู้" มันคืออันเดียวกะ "ดอกเบี้ยจ่าย" ที่อยู่ในงบดุลเลยใช่มั้ยคะ
แล้วส่วนของ "ต้นทุนเงินทุน" ที่บวกค่าความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจเข้าไปด้วยนี่
จะเป็นตัวที่ทำให้ WACC ที่ออกมาของแต่ละคนไม่เท่ากัน
เพราะแต่ละคนย่อมประเมินความเสี่ยงไม่เหมือนกัน...ถูกต้องมั้ยคะ
ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
ต้นทุนดอกเบี้ยทุกคนรู้ว่าเท่าไหร่
แต่ต้นทุนของส่วนผู้ถือหุ้นซิ ใครจะตอบได้
ความเสี่ยงของแต่บะคนไม่เท่ากัน
บางตำราใช้ Beta มาหา WACC ด้วยล่ะ จะบอกให้
enokwan เขียน:4. นอกจากนั้น เรายังต้องหา"มูลค่าซาก" ที่จะต้องรวมไปด้วยในขั้นตอนสุดท้าย
ก่อนที่จะ discount ออกมา อยากทราบว่า "มูลค่าซาก" นี่เอามาจากตรงส่วนไหนของงบดุลคะ
คงเข้าใจผิดแล้วครับ
Terminal Value ไม่ใช่มูลค่าซากครับ ฟังดูเหมือนของตายแล้วยังไงไม่รู้
"มูลค่าซากในทางบัญชี"หมายถึง Net Book Value ครับ
คือมูลค่าของทรัพย์สินเมื่อสิ้นสุดสัญญาหลังจากหักค่าเสื่อมราคาออกไปแล้ว
ในการคำนวณ DCF เราใช้ Terminal Value ครับ
เรียกว่า "มูลค่ากิจการอนันต์" คือมูลค่าของกิจการจนถึงสิ้นสุดอายุขัยบริษัท
หาไม่ได้ในงบดุลครับ ต้องใช้สูตรในหนังสือข้อถัดไป
enokwan เขียน:และสุดท้าย...มีนส.ภาษาไทย ที่อธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน แนะนำบ้างมั้ยคะ
ตอนนี้เจอนส.ของ อ.ชาย เรื่อง "ความลับในการเป็นนักลงทุนมืออาชีพ" เล่มเดียวเองน่ะค่ะ
มีครับ ชื่อ "คู่มือปรับโครงสร้างทางการเงิน เล่ม2 - การหามูลค่าหุ้น" ของ สนพ เดียวกับ อ.ชาย
ไม่รู้หมดหรือยัง ผมหาไม่ค่อยเจอแล้ว
ลองโทรไปถามสำนักพิมพ์ดูซครับ เผื่อจะมีเหลือในสต๊อค
อ้าว...หมดแล้วหรือครับ คำถาม
เอาล่ะ พอหอมปากหอมคอ
น้องenokwan ก็ไปหาหนังสือมาทำการบ้าน แล้วมาคุยกันใหม่นะครับ
เรื่องหนังสือที่ได้รางวัล พี่ยังไม่ได้รับการติดดต่อกับพี่ธันวาเลยล่ะ
ไม่รู้ว่าพี่ธันวาส่งให้หรือยังไม่รู้ เดี๋ยวจะตามให้น่ะ
โชคดีในการลงทุนครับ
สวัสดีครับพี่ๆ คือตอนนี้ผมสงสัยว่าเศรษฐกิจไทยมันยังไงกันแน่ มันกำลังจะดีหรือกำลังฟองสบู่ครับ เท่าที่ผมวิเคราะห์โดยดูจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนก็ดีขึ้นกันทั้งนั้น ยกเว้นเรื่องน้ำมันกับค่าเงินแล้วจะมีอะไรอีกป่าวครับ
จะเป็นฟองสบู่หรือเปล่า อันนี้"
ไม่ทราบ"ครับ
ตอนนี้น้ำมันก็ลดลงแล้ว
ค่าเงินก็ทรงๆตัว
แล้วมีอะไรอีกหล่ะ
อ้อ....ดอกเบี้ย Fed
ผมว่าเวลานักลงทุนมองโลกในแง่ร้าย
ก็หาสาเหตุมาอธิบายกันได้ทั้งนั้นหละครับ
สนใจในธุรกิจดีกว่าครับ อย่าไปกังวลกับอะไรมากเลยครับ
ถ้ามีผลกระทบกับธุรกิจเราค่อยสนใจ
อีกเรื่องก็คือผมอยากถามความเห็นการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารหน่อยครับ ผมสนใจตัว kbank อยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าการใช้ FCF หรือ p/e จะใช้กับกลุ่มนี้ได้หรือเปล่า ผมวิเคราะห์จากการปรับดอกเบี้ยขึ้นว่าน่าจะดีกับแบงค์นะ
การใช้ FCF หรือ p/e ใช้ได้กับทุกธุรกิจครับ
ไม่จำกัดว่าจะเป็นธนาคาร ก่อสร้าง หรืออะไรก็ตาม
ส่วนการปรับดอกเบี้ยจะเป็นผลดีกับกลุ่มธนาคารในช่วงแรก
เพราะสามารถปรับดอกเบี้ยเงินกู้ก่อนดอกเบี้ยเงินฝากครับ
แต่ในระยะยาว อนาคตของธุรกิจธนาคารขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศครับ
อย่าสับสน
ถ้าขึ้นดอกเบี้ยแล้วเศรษฐกิจแย่ ธนาคารคงไปดีไม่ได้เหมือนกัน
ส่วนตัวผม ธุรกิจธนาคารเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างซับซ้อน เข้าใจยาก
แค่อ่านงบดุล ผมก็ตาลายแล้วครับ
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าใจไม่ได้
ลองดูแล้วกันครับ
ผมแนะนำให้"ลงทุน"ในธุรกิจที่เรา"เข้าใจ"ดีที่สุด