หน้า 39 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 07, 2004 11:16 pm
โดย harry_unlog
เมื่อตอนกลางวัยอ่านข่าวเจอ ปตท. ซื้อพี่เทพในตลาดฯ ทำให้เพิ่มเป็นประมาณ 60% กว่าๆ ไม่แน่ใจ

งี้แสดงว่ายังเป็นของดีอยู่ ปตท.เลยมาเก็บหุ้นเพิ่มอีก

ใครงบสูง ก็มองไว้บ้างก็ดีนะครับ ผมเงินน้อย ก็ได้แต่มองไปก่อน

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 09, 2004 1:12 pm
โดย VIB007
harry_unlog เขียน:เมื่อตอนกลางวัยอ่านข่าวเจอ ปตท. ซื้อพี่เทพในตลาดฯ ทำให้เพิ่มเป็นประมาณ 60% กว่าๆ ไม่แน่ใจ

งี้แสดงว่ายังเป็นของดีอยู่ ปตท.เลยมาเก็บหุ้นเพิ่มอีก

ใครงบสูง ก็มองไว้บ้างก็ดีนะครับ ผมเงินน้อย ก็ได้แต่มองไปก่อน
พอดีไปต่างประเทศมาเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้
เลยไม่ได้เข้าเวปมาเป็นอาทิตย์

เรื่องที่ ปตทเก็บหุ้นพี่เทพนั้น
จากแหล่งข่างที่เชื่อถือได้ พบว่า
ปตทเก็บหุ้นพี่เทพมาตลอดตั้งแต่ราคาต่ำกว่าร้อยจนร้อยกว่าๆ
เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่าเดิมหลายเปอร์เซนต์

แต่ไม่รู้ว่าตอนสองร้อยกว่าๆก็ยังเก็บอยู่

ปีที่แล้วตอน ปตท มีราคาราวๆ 40 บาท
เคยออกข่าวจะเพิกถอนหุ้นพี่เทพ เพื่อเพิ่มมูลค่าหุ้นให้ปตท
แต่ผู้บริหารพี่เทพออกมาคัดค้าน
และราคา ปตท เพิ่มมาเป็นร้อยกว่าๆ
ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องควบรวมกิจการ
(โล่งอกไปเรา ไม่งั้นอดเป็นเจ้าของบริษัท)

ที่ราคาพี่เทพยังสูงอยู่นั้น
ผู้บริหารเคยให้สัมภาษณ์ว่า
เขาอยากให้หุ้นของเขาเป็นหุ้นสำหรับนักลงทุนระยะยาว
ดังนั้น การแตกพาร์หรือเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นพี่เทพจึงไม่ใช่เป้าหมายหลัก

ราคาหุ้นสูง ไม่ได้หมายความว่า ไม่ Value นะครับ
ในวงเงินเท่ากันมีหุ้นดีๆ 100 หุ้นดีกว่ามีหุ้นห่วยๆหมื่นหุ้นนะครับ
ระวังกับดัก Value นะครับ

หุ้นราคาบาทเดียวไม่ได้หมายความว่าจะ Value กว่าหุ้นราคาร้อยนะครับ
เดี๋ยวจะเข้าใจผิด

สวัสดีครับ

อ้อ ใครอ่านบทความของคุณมนและผมใน Bizweek แล้วบ้างครับ
ผ่านมา 3-4 บทความแล้ว
อยากให้ comment หน่อยว่าเป็นไงบ้างอ่านง่าย อ่านยาก
ง่ายไปหรือยากไป
จะได้นำไปปรับปรุงบทความตอนหลังๆ


ขอบคุณครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 11, 2004 1:19 pm
โดย harry
อ่านแล้ว ดีครับ ไม่ยาก แต่ถ้าพี่กลัวว่าจะอ่านไม่เข้าใจ ก็ให้คิดว่าเขียนให้มือใหม่อ่าน จะทำให้ค่อยเขียนได้ พอนานๆไป เนื้อหาก็จะค่อยๆยากขึ้น ซับซ้อนขึ้น เพราะปูพื้นฐานไว้ตั้งแต่ฉบับแรกๆไปครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 13, 2004 1:05 pm
โดย VIB007
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ

เราคงค่อยๆเพิ่มรายละเอียดมากขึ้นในตอนหลังๆ
โดยนำข้อมูลในกระทู้ตระแกรงร่อนไปขยายความทีละส่วน

ตอนนี้ก็มีวัตถุดิบเขียนสบายๆครับ
คุ้ยๆเอาจากกระทู้แถวๆนี้หล่ะ

ช่วงนี้งานประจำค่อนข้างเยอะ เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาเท่าไหร่

ไว้หุ้นตกหนักอีกรอบแล้วเจอกันอีกทีก็ได้ครับ
ช่วงนี้ก็อ่านหนังสือ ทำการบ้านกันไปก่อน
หรือบางท่านอาจจะฝึกทำสมาธิวิปัสนาเพื่อฝึกจิตใจก็ได้นะครับ
เพื่อกลับมาสู้ในสนามหุ้นอีกหลายรอบ

จากประสบการณ์พบว่า
การวิเคาระห์หุ้น ใครก็ทำได้
การหามูลค่าหุ้น ใครก็ทำได้
การซื้อขายหุ้น ใครก็ทำได้
แต่การมีจิตใจที่ไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนของราคาหุ้น มีน้อยคนที่ทำได้

ดังนั้น อยากบอกว่า
ในความเห็นของผม จิตใจสำคัญที่สุดในการลงทุนครับ

ไม่ต้องเชื่อหรือไม่เชื่อ ของอย่างนี้ต้องลองด้วยตัวเองถึงจะรู้

สวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 14, 2004 1:00 pm
โดย VIB007
โพสของคุณเคล็ดวิชาไร้พ่าย
ยอกเยี่ยมครับ
ขอนำมาลงในกระทู้นี้เพื่อคนรุ่นหลังได้ศึกษา
เคล็ดวิชาไร้พ่าย เขียน:เดิมทีจักรวาลนั้นว่างเปล่า อู๋จี๋ (Ou Chi) "หุ้นตัวนั้นยังไม่มีใครสนใจ"
ต่อมาจึงมีสิ่งที่ตามมาภายหลังความว่างเปล่าเรียกว่า ไท่จี๋ (Tai Chi) "หุ้นตัวนั้นเริ่มมีคนสนใจแต่ยังไม่ไปใหน แรงซื้อ=แรงขาย"
แล้วจึงเกิดการแบ่งแยกเป็นหยิน หยิน (YIN) และ หยาง (YANG) "แสดงทิศทางว่าขึ้นหรือลง แรงขายไม่เท่ากับแรงซื้อ"
เป็นขั้วซึ่งกำหนดขอบเขตของวัฏจักรแห่งการเปลี่ยน
แปลง เมื่อขั้วหนึ่งถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับอีกขั้วหนึ่ง จะเป็นเช่นนี้เสมอไป
"ที่สุดของภาวะหมีคือภาวะกระทิง ที่สุดของภาวะกระทิงก็คือภาวะหมี"
"ในภาวะหมีมีภาวะกระทิง ในภาวะกระทิงมีภาวะหมี"
"ที่สุดของแรงซื้อก็คือแรงขาย ที่สุดของแรงขายก็คือแรงซื้อ"
"ในแรงซื้อมีแรงขาย ในแรงขายมีแรงซื้อ"
"การดำรงอยู่อย่างเป็นสุขต้องทำตนให้สอดคล้องกับจักรวาล คือหลักสมดุลแห่งหยินหยาง"
"การเล่นหุ้นได้กำไรและมีความสุข ต้องเข้าออกอย่างสอดคล้องกับแรงขายและแรงซื้อของรายใหญ่"
ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนใหว ใช้ความอ่อนพิชิตความแข็ง ใช้ความช้าพิชิตความเร็ว
นิ่มอ่อน ผ่อนคลาย ลีลาเชื่องช้า มั่นคง พร้อมดูดซับพลังปรปักษ์แล้วโต้กลับได้ทุกเมื่อ
ที่สุดของหยินก็คือหยางอันกล้าแข็งอย่างยิ่ง
นี่คือหลักการใช้หยินพิชิตหยางในคัมภีร์เก้าอิมที่อาจนำเอามาใช้ในการเอาชนะตลาดหุ้นได้โดยไม่ยาก
"ทำตัวเป็นเหาฉลามแล้วจะเล่นหุ้นได้กำไรไม่ค่อยขาดทุน ทำตัวเป็นนักเลงหุ้นอาจต้องขาดทุนไม่ค่อยได้กำไร"

การทุบหุ้นของรายใหญ่ ผู้ที่เสียหายเยอะสุดสุดก็คือรายใหญ่และผู้ถือหุ้นใหญ่กับเจ้าของบริษัท ดังนั้นจึง ควรใช้หลักวิชาของมวยไท้เก็ก อันว่าด้วยการอ่อนตามและเกาะติด แล้วจึงโต้กลับด้วกระบวนท่าอันไร้กระบวนท่า ไร้กำลังแต่เปี่ยมด้วยแรง ไร้สภาวะแต่ดำรงอยู่ หยิน-หยางไม่ปรากฏ พร้อมเข้าตีปรปักษ์ได้ทุกเมื่อ อย่างไร้ตัวตน โดยอาศัยแรงของปรปักษ์ในการทำร้ายปรปักษ์

ไร้กระบวนท่าจึงเป็นสุดยอดกระบวนท่า
ไร้กำลังจึงมีแรง
ไร้ตัวตนจึงไร้พ่าย

ธรรมดาทั่วไปแล้ว
ผู้มีกำลังมากย่อมชนะผู้มีกำลังน้อย
ผู้ที่ว่องไวย่อมชนะผู้ที่เชื่องช้า
แต่
ด้วยหลักอ่อนหยุ่นพิชิตแกร่งกร้าว(สี่ตำลึงเหวี่ยงฟาดพันชั่ง)
นิ่งสงบสยบความเคลื่อนใหว
ลงมือทีหลังแต่ถึงก่อน
ดังนี้
ผู้มีกำลังน้อยย่อมชนะผู้มีกำลังมาก
ผู้ที่เชื่องช้าย่อมชนะผู้ที่ว่องไว
ได้โดยง่ายดาย
อย่าซื้อหุ้นในขณะที่แรงขายยังไม่หมด
รอให้แรงขายหมดแล้วจึงค่อยเข้าซื้อ
เมื่อไม่มีผู้รอซื้อรายใหญ่ย่อมซื้อกลับคืนรายย่อยจึงมีกำไร

รู้จักผู้อื่น ......... เป็นความฉลาด
รู้จักตัวเอง...... เป็นการรู้แจ้ง
ควบคุมผู้อื่น... ใช้กำลัง
ควบคุมตัวเอง .. ใช้ความเข้มแข็ง
คนที่รู้จักพอ..... เป็นคนร่ำรวย
ความบากบั่น ... เป็นเครื่องหมายของพลังจิต
มนุษย์ไปได้ไกล.... เท่าที่เขามีความอดทน
การตาย... โดยไม่สูญสิ้น ... เป็นการอยู่ชั่วนิรันดร์

ตำราทั่วไปมัก แบ่งแยกหุ้นดีกับหุ้นไม่ดี
แต่สำหรับข้า หาได้แบ่งแยกเช่นนั้นไม่
ข้ารู้จักแต่ หุ้นวิ่งกับหุ้นไม่วิ่งเท่านั้น
เพื่อการได้กำไรมากสุดในเวลาอันสั้นสุด
แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายด้วย
ข้ารู้ว่าเมื่อใดมันจะวิ่งเมื่อใดมันจะหยุดวิ่ง
และเมื่อใดมันจะวิ่งต่อ ด้วยการศึกษานิสัยของมัน

...เกมส์ของความกลัวและความอยาก...ใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว....อย่ามองเพียงด้านเดียวจงมองให้รอบด้าน....เก็บเกี่ยวข้อมูลให้มากแต่จงตัดสินใจเอง...
ผิดพลาดไม่ต้องโทษใครให้เสียกำลังใจจงแก้ตัวใหม่อย่าท้อถอย....ความสำเร็จรอคอยพวกเราอยู่แล้วข้างหน้า...
โดย จูกัด เหลียง(KONGBANG2004)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 15, 2004 5:15 pm
โดย VIB007
คลายเครียด เขียน: อ่านทีคุณฉัตรชัยโพส
ทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องที่
เสี่ยวงการอสังหาริมทรัพย์เคยเล่าให้ฟัง
เขาว่า ตอนเขาไปตีกอล์ฟกับพวกนายธนาคาร
ได้ถามนายแบงค์ว่า หุ้นธนาคารไหนน่าซื้อ
พวกนายแบงค์คิดสักพัก ก็ตอบว่า
ไม่มีตัวไหนน่าซื้อ
แล้วนายแบงค์ก็ถามกลับไปว่า
หุ้นอสังหาตัวไหนน่าซื้อ
เสี่ยคนที่เล่าให้ผมฟัง เขาก็ตอบเหมือนกันว่า
ไม่มี
เข้าทำนองไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ฮาๆๆ

พูดถึงเรื่องที่ถาม
ขอคุยซะหน่อย
ในรอบหนึ่งปีมานี้
ผมไม่เคยซื้อหุ้นแล้วขาดทุนตัวเลขหุ้นเกินหลักพันบาท
แต่ถ้าเป็นเรื่องกาลครั้งหนึ่ง
ก็ขอเก็บไว้รู้คนเดียวก็แล้วกัน มันแสลงใจ ฮาๆๆๆ
เฮียคลายเครียดทำอย่างไรครับ
ถึงขาดทุนน้อย
ช่วยเล่าเป็นวิทยาทานให้รุ่นน้องฟังด้วยครับ
คลายเครียด เขียน:คุณวิบูลย์
คงเป็นวิทยาทานไม่ได้หรอกครับ
เพราะไม่ใช่หลักคิดตามมาตรฐานทั่วไป
ที่ผมไม่เจ็บตัวมาตลอดหนึ่งปีก็เพราะว่า
ผมซื้อหุ้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องคอ มีพีบีวีต่ำ มียีลด์ตอบแทนครับ
หุ้นที่ผมซื้อหลักๆมี safe pb sst jct sawang
ซึ่งก็ได้ปันผลฟรีทุกตัว บวกกับส่วนเกินทุนมากบ้างน้อยบ้าง

เมื่อหุ้นเหล่านี้มันไม่มีสภาพคล่องคอ
ซื้อแล้วขายลำบาก
พวกมืออาชีพก็ไม่สนใจจะปั่น
หรือปั้น ก็ปั่นแค่วันสองวันก็เลิก
ราคาหุ้นมันก็เลยเล่นอยู่แต่ในกรอบของ
ราคาตลาดตามแรงกรรมของผลประกอบการ
ไม่ขึ้นหวือหวา แต่ก็ไม่มีใครมาทุบลง

ผมมีความเห็นว่า
แม้แต่นักเล่นหุ้นแนววีไอก็อาจเข้าใจผิด
ทำให้ไม่เข้าใจว่า ทำไมหุ้นผลประกอบการดี
ราคาตกมาตั้งเยอะได้ไง
คือแยกไม่ออกระหว่างแรงกรรมของผลประกอบการบริษัท

ซึ่งมีแค่ bv + eps +/ - สภาพคล่องคอ
+/- ข่าวดีหรือร้ายจริงตามปัจจุบัน



กับแรงกรรมแห่งความโลภของผู้คนในตลาดหุ้น

ซึ่งมี (bv + eps) x ข่าวดีเกินปัจจุบัน = pbv สูงมากๆ

ข่าวดีเกินปัจจุบัน
สามารถวิเคราะห์ได้แบบไม่มีขอบเขตราคาด้านบน
หุ้นทุกตัวที่หลุดเข้าไปเล่นในราคาตลาด
ตามแรงกรรมแห่งความโลภฯ
จะมีการตั้งเป้าราคาที่หุ้นจะไปให้ถึง
ราคาหุ้นไม่ว่าจะไปถึงหรือไม่ถึงเป้า
คนที่ซื้อไว้ถูกๆ ก็พร้อมจะเทขายทำกำไร
เอาเงินจากกระเป๋าคนอื่นที่เข้าไปรับหุ้นตัวนั้น
พอไม่มีเงินก้อนใหม่ใส่เข้าไปในหุ้นตัวนั้นอีก
ราคาหุ้นก็จะค่อยๆไหลกลับลงมาเล่นในระดับ
ราคาตลาดตามแรงกรรมของผลประกอบการอีกครั้ง
รอเป้าราคารอบใหม่ต่อไป
ถ้าข่าวดีเกินปัจจุบัน ขยับลงมาเป็นข่าวดีจริงตามปัจจุบัน
จับตาหุ้นเดินเรือให้ดีๆ คนที่ติดหุ้นตัวนี้ในที่สุด
จะเป็นรายย่อย ที่หลงติดกับข่าวดีเกินปัจจุบัน

หุ้นที่เล่นอยู่ในราคาตลาดตามแรงกรรมแห่งความโลภ
จะสังเกตุได้ง่ายที่สุดคือ
จากหุ้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องคอ
ก็จะเริ่มมีสภาพคล่องคอ ให้คนขายทำกำไรได้ง่ายๆขึ้น
เงินกำไรที่ได้ จะเป็นเงินจากกระเป๋าคนเล่นหุ้นคนอื่น
ไม่ใช่ได้จากบริษัทในรูปของเงินปันผลครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 16, 2004 11:14 pm
โดย Stock Broker
VIB007 เขียน: อ้อ ใครอ่านบทความของคุณมนและผมใน Bizweek แล้วบ้างครับ
ผ่านมา 3-4 บทความแล้ว
อยากให้ comment หน่อยว่าเป็นไงบ้างอ่านง่าย อ่านยาก
ง่ายไปหรือยากไป
จะได้นำไปปรับปรุงบทความตอนหลังๆ


ขอบคุณครับ
ได้มีโอกาสอ่านแค่ตอน 2 ตอนเท่านั้นเอง ไม่ทราบว่าจะสามารถนำทุกๆ ตอนที่ผ่านมาโพสต์ในเว็บนี้ได้หรือไม่ครับ ถ้าได้จะดีมากเลยครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 19, 2004 12:18 am
โดย kao-tu
ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ให้ความรู้ครับ ก็เพิ่งเข้ามาเริ่มอ่าน ไม่คิดเหมือนกันครับว่าจะมีกระทู้ที่ยาวขนาดนี้

เข้ามาที่กระทู้นี้ นั่งอ่านมาสี่วัน ก็หลายชั่วโมงเหมือนกันครับอ่านจนตาแฉะ อ่านๆไปอ่านมาเลยสังเกตเห็นว่า หลังๆ พวกพี่ๆ มาตอบกันน้อยลงหรือเปล่า หรือว่าเพราะหมดมุขกันหมดแล้ว จริงๆ ผมแนะนำว่าเนื้อหาในส่วนแรกๆ นะครับ สำหรับคนที่ยังไม่เคยเรียนรู้ด้านบัญชีมาก่อน พวกพี่ๆ น่าจะเอามา review กันอีกรอบ ทำให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ เพราะว่าอ่านแล้วเข้าใจยากเหลือเกิด ถ้ามีทำ TVI meeting อีก แล้วเอา สักบริษัทมาทำ workshop ก็คงจะดี


ตัวผมเองยังไม่ได้เริ่มอ่านกระทู้อื่นใน TVI เลยครับเลยไม่รู้ว่ามีเขียนไว้ที่อื่นรึเปล่า แต่สงสัยอยู่อย่างครับ ไม่รู้ว่าผมอ่านตกหล่นไปช่วงไหนมั้ย แต่ยังไม่เห็นการวิเคราะห์ งบของ APRINT เลยครับ ไม่รู้พี่ๆ ลืมไปกันหรือยัง แล้วก็ เรื่องบทความของน้องใหม่นะครับ เลย 31 พฤษภา ก็นานแล้วไม่รู้ประกาศผลหรือยัง อย่างน้อยคงมีคนติดตามกันพอควรนะครับ


ส่วนสาเหตุที่มาอ่านนี่ จริงๆ ก็เป็นนักเกร็งกำไรมาก่อนละครับ เริ่มตอน ธันวาปีที่แล้ว วันคริสต์มาสพอดี พอเจอไข้หวัดนก ตอนนั้นยังทำอะไรไม่เป็นสักอย่างครับ เจ็บหนักพอควร(น่าจะเข้ามาเจอกระทู้นี้ตั้งแต่แรก :( ) เลยไปนั่งศึกษาเทคนิค ก็พอไปวัดไปวาได้ครับ ตอนนี้ก็ได้เท่าทุนมาหมดแล้ว แต่ว่าเสียงานประจำไปพอสมควรเลย ข้อเสียของนักเก็งกำไรคือ ต้องเฝ้าหุ้นครับ วันๆ ไม่ทำอะไร ดูตลาดเปิด ตลาดปิดเที่ยง ตลาดเปิดบ่าย call market ทุกวันต้องแอบเข้าเน็ตมาซื้อขายในเวลางาน เพิ่งคิดได้ครับ ว่าทำอย่างนี้แล้ว งานประจำก็คงไม่ก้าวหน้า แล้วหยังงี้จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหุ้นเพิ่มละเนี้ย :oops:

ก็เลยว่าจะเปลี่ยนแนว ปกติเข้าที่ greenbull ครับ เห็นเค้ามีโพสกระทู้ของที่นี่บ่อยๆ ก็เลยเข้ามาดู ไม่ผิดหวังครับ

ยังไงตอนนี้ก็เตรียมดูหุ้นไว้หลายตัวเหมือนกันครับ เดียวรับแล้วขอเวลาไปศึกษา การบัญชีเพิ่มเติมครับ เรื่องสูตรต่างๆ บอกตามตรงว่า เล่นเทคนิคนี่ดูแต่กราฟ กะ ratio อย่างเดียวเลย ไว้คิดว่าดูสูตรรู้เรื่องแล้วจะกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกรอบครับ :P

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 19, 2004 1:21 am
โดย harry
kao-tu เขียน:ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ให้ความรู้ครับ ก็เพิ่งเข้ามาเริ่มอ่าน ไม่คิดเหมือนกันครับว่าจะมีกระทู้ที่ยาวขนาดนี้

เข้ามาที่กระทู้นี้ นั่งอ่านมาสี่วัน ก็หลายชั่วโมงเหมือนกันครับอ่านจนตาแฉะ อ่านๆไปอ่านมาเลยสังเกตเห็นว่า หลังๆ พวกพี่ๆ มาตอบกันน้อยลงหรือเปล่า หรือว่าเพราะหมดมุขกันหมดแล้ว จริงๆ ผมแนะนำว่าเนื้อหาในส่วนแรกๆ นะครับ สำหรับคนที่ยังไม่เคยเรียนรู้ด้านบัญชีมาก่อน พวกพี่ๆ น่าจะเอามา review กันอีกรอบ ทำให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ เพราะว่าอ่านแล้วเข้าใจยากเหลือเกิด ถ้ามีทำ TVI meeting อีก แล้วเอา สักบริษัทมาทำ workshop ก็คงจะดี


ตัวผมเองยังไม่ได้เริ่มอ่านกระทู้อื่นใน TVI เลยครับเลยไม่รู้ว่ามีเขียนไว้ที่อื่นรึเปล่า แต่สงสัยอยู่อย่างครับ ไม่รู้ว่าผมอ่านตกหล่นไปช่วงไหนมั้ย แต่ยังไม่เห็นการวิเคราะห์ งบของ APRINT เลยครับ ไม่รู้พี่ๆ ลืมไปกันหรือยัง แล้วก็ เรื่องบทความของน้องใหม่นะครับ เลย 31 พฤษภา ก็นานแล้วไม่รู้ประกาศผลหรือยัง อย่างน้อยคงมีคนติดตามกันพอควรนะครับ


ส่วนสาเหตุที่มาอ่านนี่ จริงๆ ก็เป็นนักเกร็งกำไรมาก่อนละครับ เริ่มตอน ธันวาปีที่แล้ว วันคริสต์มาสพอดี พอเจอไข้หวัดนก ตอนนั้นยังทำอะไรไม่เป็นสักอย่างครับ เจ็บหนักพอควร(น่าจะเข้ามาเจอกระทู้นี้ตั้งแต่แรก :( ) เลยไปนั่งศึกษาเทคนิค ก็พอไปวัดไปวาได้ครับ ตอนนี้ก็ได้เท่าทุนมาหมดแล้ว แต่ว่าเสียงานประจำไปพอสมควรเลย ข้อเสียของนักเก็งกำไรคือ ต้องเฝ้าหุ้นครับ วันๆ ไม่ทำอะไร ดูตลาดเปิด ตลาดปิดเที่ยง ตลาดเปิดบ่าย call market ทุกวันต้องแอบเข้าเน็ตมาซื้อขายในเวลางาน เพิ่งคิดได้ครับ ว่าทำอย่างนี้แล้ว งานประจำก็คงไม่ก้าวหน้า แล้วหยังงี้จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหุ้นเพิ่มละเนี้ย :oops:

ก็เลยว่าจะเปลี่ยนแนว ปกติเข้าที่ greenbull ครับ เห็นเค้ามีโพสกระทู้ของที่นี่บ่อยๆ ก็เลยเข้ามาดู ไม่ผิดหวังครับ

ยังไงตอนนี้ก็เตรียมดูหุ้นไว้หลายตัวเหมือนกันครับ เดียวรับแล้วขอเวลาไปศึกษา การบัญชีเพิ่มเติมครับ เรื่องสูตรต่างๆ บอกตามตรงว่า เล่นเทคนิคนี่ดูแต่กราฟ กะ ratio อย่างเดียวเลย ไว้คิดว่าดูสูตรรู้เรื่องแล้วจะกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกรอบครับ :P
ยินดีต้อนรับครับ ท่านผู้หลังมาสู่ลัทธิ tvi ผมขอแนะนำว่า ให้หาหนังสือมาอ่านมากๆๆ ไม่ต้องรีบร้อน หุ้นราคาถูกมีมาหาตลอด ขอแค่มั่นใจว่านั่นถูกจริง และเป็นของดีราคาถูก ไม่ใช่ของมีตำหนิมาย้อมแมวขาย ระหว่างนั้นก็เติมเงินเข้าพอร์ทไว้ เมื่อมั่นใจแล้วก็ลุยได้เลย

หลักของผมตอนนี้ง่ายมาก หาธุรกิจที่เราเข้าใจ รู้ถึงวิธีการทำเงิน และปัญหา แล้วไปสอบถามทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ทั้งลูกค้า ซัพพลายเออร์ พนักงาน ผู้บริหาร และคู่แข่ง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม จากนั้นตัดสินใจว่ามันน่าลงทุนหรือไม่ ถ้าใช่ก็รอวันราคาล่วงลงมาแล้วกระหน่ำเก็บ จากนั้นก็รอวันมันขึ้นๆๆๆๆๆ ส่วนจะขายหรือไม่ก็ตามใจครับ ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยมันไปครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 20, 2004 1:37 pm
โดย VIB007
Financial Engineer เขียน:
ได้มีโอกาสอ่านแค่ตอน 2 ตอนเท่านั้นเอง ไม่ทราบว่าจะสามารถนำทุกๆ ตอนที่ผ่านมาโพสต์ในเว็บนี้ได้หรือไม่ครับ ถ้าได้จะดีมากเลยครับ
อันนี้ก็แล้วแต่ Webmaster จะกรุณานำมาโพสหรือเปล่า
ตอนนี้ Settrade.com ก็นำตอนที่สามของคุณมนไปโพสแล้ว
kao-tu เขียน:เข้ามาที่กระทู้นี้ นั่งอ่านมาสี่วัน ก็หลายชั่วโมงเหมือนกันครับอ่านจนตาแฉะ อ่านๆไปอ่านมาเลยสังเกตเห็นว่า หลังๆ พวกพี่ๆ มาตอบกันน้อยลงหรือเปล่า หรือว่าเพราะหมดมุขกันหมดแล้ว
คงหมดมุขจริงๆครับ
จริงๆอยากให้กระทู้นี้เป็นเหมือนจุดประกายสำหรับค้นหาค้นคว้าด้วยตัวเองกันต่อไปมากกว่า
คงต้องศึกษาหาความรู้กันเองด้วย
จะได้เข้าใจมากขึ้น
ถ้ารอให้มาอธิบายที่นี่อาจจะไม่จบสักทีก็ได้

ส่วนเรื่องรางวัลนั้นคุณ enokwan ได้รางวัลไป
แต่ตัวรางวัลยังไม่ได้มอบกันเลยครับ
เพราะผมไม่เจอคุณธันวาสักที

ลองศึกษาเรื่อง VI ดูแล้วมาคุยกันอีกทีครับ

สวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 20, 2004 1:46 pm
โดย VIB007
Link ไปที่บทความ Valueway ใน Bizweek ครับ

http://www.bangkokbizweek.com/20040702/ ... 95164.html

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 26, 2004 11:21 pm
โดย newmaื
ขอถามพี่ๆเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนครับว่า มีหลักการคิดยังไง เพราะตอนแรกเข้าใจว่า ถ้าบริษัทมีการซื้อหุ้นคืนแล้วจะทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นลดลง ค่าอะไรๆต่อหุ้นก็จะเพิ่มขึ้น แต่มาคิดอีกที ก็มองว่าไม่น่าจะทำให้จำนวนหุ้นลดลง เพราะแค่เปลี่ยนมือจากเราๆไปสุ่บริษัท ส่วนของ equity ในงบก็น่าจะเท่าเดิม ใช่มั้ยครับ อันไหนถูกกว่ากันครับพี่ๆ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 27, 2004 12:03 am
โดย harry
newmaื เขียน:ขอถามพี่ๆเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนครับว่า มีหลักการคิดยังไง เพราะตอนแรกเข้าใจว่า ถ้าบริษัทมีการซื้อหุ้นคืนแล้วจะทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นลดลง ค่าอะไรๆต่อหุ้นก็จะเพิ่มขึ้น แต่มาคิดอีกที ก็มองว่าไม่น่าจะทำให้จำนวนหุ้นลดลง เพราะแค่เปลี่ยนมือจากเราๆไปสุ่บริษัท ส่วนของ equity ในงบก็น่าจะเท่าเดิม ใช่มั้ยครับ อันไหนถูกกว่ากันครับพี่ๆ
หลักการคิด อืม...
ลองคิดแบบนี้ว่ากิจการของคุณกำลังไปได้ดี แต่เกิดขาดเงิน ก็ไปบอกกับเพื่อนสามคนว่าเอาคนละหมื่นนะ แล้วกำไรหาร 4 พอได้เงินมาทำกิจการได้ดี ปัญหาหมดไป แล้วเงินเหลือเยอะ คุณก็บอกเพื่อนว่าเอ้าเอาไป 2 หมื่นห้า แต่มึงไม่มีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งกำไรแล้วนะ ถ้าเพื่อนยอม สมมติ ยอม 1 คนกำไรก็หาร 3

แต่หุ้นเนี่ย มันจะยังอยู่ว่าเป็นของบริษัท เมื่อถึงกำหนด เข้าใจว่า 2 ปี บริษัทมีทางเลือกคือขายออกในตลาดฯ หรือลดทุนจดทะเบียนเอาส่วนที่ซื้อได้ออก

หุ้นที่ซื้อคืนจะไม่มานับเกี่ยวข้องในการโหวต รับปันผล และสิทธิต่างๆ การซื้อหุ้นคืนทำให้จำนวนหุ้นน้อยลง ตัวหารกำไรให้เป็นต่อหุ้นน้อยลง ทำให้ตัวเลขออกมาสูงขึ้นด้วย ทำให้ดูดีขึ้นด้วย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 27, 2004 10:05 pm
โดย raruen
ยินดีกับพี่วิบูลย์ด้วยครับ
โลกมันต้องมีการพัฒนายังงี้แหละจ๊าบ

ไม่ได้แวะเข้ามาอ่านเลยช่วงหลังเนี่ย
งานยุ่งมาก
ขอให้มีกำลังใจที่ดีครับ.

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 28, 2004 2:45 pm
โดย VIB007
raruen เขียน:ยินดีกับพี่วิบูลย์ด้วยครับ
โลกมันต้องมีการพัฒนายังงี้แหละจ๊าบ

ไม่ได้แวะเข้ามาอ่านเลยช่วงหลังเนี่ย
งานยุ่งมาก
ขอให้มีกำลังใจที่ดีครับ.
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
newma เขียน: ขอถามพี่ๆเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนครับว่า มีหลักการคิดยังไง เพราะตอนแรกเข้าใจว่า ถ้าบริษัทมีการซื้อหุ้นคืนแล้วจะทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นลดลง ค่าอะไรๆต่อหุ้นก็จะเพิ่มขึ้น แต่มาคิดอีกที ก็มองว่าไม่น่าจะทำให้จำนวนหุ้นลดลง เพราะแค่เปลี่ยนมือจากเราๆไปสุ่บริษัท ส่วนของ equity ในงบก็น่าจะเท่าเดิม ใช่มั้ยครับ อันไหนถูกกว่ากันครับพี่ๆ
ซื้อหุ้นคืนทำให้จำนวนหุ้นในตลาดลดลง
ทำให้กำไรต่อหุ้นสูงขึ้นโดยไม่ต้องขยายกิจการ
เหมาะสำหรับบริษัทที่มีเงินสดเหลือเยอะ
และคิดว่าการซื้อหุ้นคืนทำให้ Shareholder Value สูงกว่านำไปขยายกิจการ

แต่ที่ผมแปลกใจคือ กฏ กลต. ที่บอกว่า
บริษัทสามารถขายหุ้นที่ซื้อกลับคืนมาได้ภายในสองปี
ซึ่งถ้าทำจริง ผู้ถือหุ้นก็ไม่ได้อะไรมากขึ้นเลย
ดังนั้น การซื้อหุ้นคืนของบริษัทในเมืองไทย
เลยกลายเป็นการ"พยุงราคาหุ้น"ของตัวเองมากกว่าที่จะคิดถึง Shareholder Value จริงๆ

ก็ต้องแยกให้ออกแล้วกันครับว่า
บริษัทนั้นซื้อหุ้นคืนด้วยวัตถุประสงค์อะไรกันแน่

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 29, 2004 11:00 pm
โดย Stock Broker
VIB007 เขียน:แต่ที่ผมแปลกใจคือ กฏ กลต. ที่บอกว่า
บริษัทสามารถขายหุ้นที่ซื้อกลับคืนมาได้ภายในสองปี
ซึ่งถ้าทำจริง ผู้ถือหุ้นก็ไม่ได้อะไรมากขึ้นเลย
ดังนั้น การซื้อหุ้นคืนของบริษัทในเมืองไทย
เลยกลายเป็นการ"พยุงราคาหุ้น"ของตัวเองมากกว่าที่จะคิดถึง Shareholder Value จริงๆ

ก็ต้องแยกให้ออกแล้วกันครับว่า
บริษัทนั้นซื้อหุ้นคืนด้วยวัตถุประสงค์อะไรกันแน่
ผู้ถือหุ้นอาจจะได้ก็ได้นี่ครับ คือ ส่วนต่างของราคาที่บริษัทซื้อหุ้นคืน กับ ราคาที่บริษัทขายหุ้นนั้นๆ กลับคืนสู่ตลาด

มันน่าจะมองคล้ายกับกรณีที่บริษัทนำสภาพคล่องส่วนหนึ่งไปลงทุนในหุ้นเพื่อหวังกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital gain) แต่แทนที่จะเป็นหุ้นตัวอื่น ก็เล่นกับหุ้นตัวเองซะเลย เพราะมองว่ามันยัง undervalue

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 31, 2004 7:36 pm
โดย kotaro
น่าจะหมายถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยนะครับ

ที่ไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าบริษัทซื้อหุ้นตัวเองระยะเวลาสั้นๆ เพื่อหวัง capital gain แล้วขายออกครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 02, 2004 1:50 pm
โดย นักดูดาว
VIB007 เขียน: บริษัทสามารถขายหุ้นที่ซื้อกลับคืนมาได้ภายในสองปี
ซึ่งถ้าทำจริง ผู้ถือหุ้นก็ไม่ได้อะไรมากขึ้นเลย
ดังนั้น
การขายหุ้นภายในสองปี น่าจะเป็นการเปิดทางให้บริษัทที่ซื้อหุ้นคืนได้ระดมเงินสดกลับเข้ามา ในกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ ไม่น่าเสียหายอะไรครับ

การซื้อหุ้นคืนเพื่อหวังได้ capital gain หรือการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นของตัวเอง อย่าให้มันเกิดเลยครับ ถ้ากำไรก็ดีไป แต่ถ้าหุ้นตก บริษัทขาดทุนจากหุ้น...ราคาหุ้นบริษัทก็ยิ่งตก มันจะไปกันใหญ่ครับ รายการพวกนี้ผู้สอบบัญชีน่าจะให้ข้อสังเกตเป็นพิเศษนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 02, 2004 4:27 pm
โดย Stock Broker
สมมติว่าเราเคยชวนเพื่อนมาเข้าหุ้นกันทำธุรกิจ (สมมติลงขันกันคนละ 1 แสน) ทีนี้ต่อมา เพื่อนเกิดเดือดร้อนมีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน เลยหาทางขายสิทธิ์ในหุ้นให้คนรู้จักอีกคนหนึ่งแทน ด้วยราคา 8 หมื่นบาท

พอดีเราไปรู้เข้า เลยขอซื้อคืนซะเอง (เรายอมให้ 9 หมื่นด้วย) เพราะเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจซึ่งทำกำไรได้ต่อไปในระยะยาวเช่นนี้ ถ้าไม่จำเป็นต้องรีบใช้เงินจริงๆ รอเวลาสักหน่อยก็น่าจะมีคนสนใจมาร่วมหุ้นที่ราคา 1แสนบาทเช่นเดิม

ลักษณะนี้ ไม่น่าจะเข้าข่ายเก็งกำไรนะครับ เพราะเกิดจากราคาหุ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยเราไม่ได้คาดคิดมาก่อน และถ้าเชื่อในหลักการคุณค่าของกิจการ หุ้นมันก็จะกลับมาสู่ราคาเหมาะสมในทีสุด จึงน่าจะใกล้กับการลงทุนเน้นคุณค่ามากกว่า (เพราะหากครบกำหนดแล้ว ยังมองว่าราคาตลาดต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก ก็สามารถใช้วิธีตัดจำนวนหุ้นดังกล่าวออกจากงบดุลได้ โดยไม่ต้องขายคืนสู่ตลาดในราคาต่ำ)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 02, 2004 8:26 pm
โดย นักดูดาว
Financial Engineer เขียน:สมมติว่าเราเคยชวนเพื่อนมาเข้าหุ้นกันทำธุรกิจ (สมมติลงขันกันคนละ 1 แสน) ทีนี้ต่อมา เพื่อนเกิดเดือดร้อนมีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน เลยหาทางขายสิทธิ์ในหุ้นให้คนรู้จักอีกคนหนึ่งแทน ด้วยราคา 8 หมื่นบาท

พอดีเราไปรู้เข้า เลยขอซื้อคืนซะเอง (เรายอมให้ 9 หมื่นด้วย) เพราะเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจซึ่งทำกำไรได้ต่อไปในระยะยาวเช่นนี้ ถ้าไม่จำเป็นต้องรีบใช้เงินจริงๆ รอเวลาสักหน่อยก็น่าจะมีคนสนใจมาร่วมหุ้นที่ราคา 1แสนบาทเช่นเดิม
การซื้อขายหุ้นเปลี่ยนมือระหว่างนักลงทุนสองคน ไม่ถือว่าเป็นการซื้อหุ้นคืนนะครับ การซื้อหุ้นคืนนั้นตัวกิจการเองจะต้องจ่ายเงินซื้อสิทธิเรียกร้อง(หุ้น) คืนจากนักลงทุนครับ
Financial Engineer เขียน: ลักษณะนี้ ไม่น่าจะเข้าข่ายเก็งกำไรนะครับ เพราะเกิดจากราคาหุ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยเราไม่ได้คาดคิดมาก่อน และถ้าเชื่อในหลักการคุณค่าของกิจการ หุ้นมันก็จะกลับมาสู่ราคาเหมาะสมในทีสุด จึงน่าจะใกล้กับการลงทุนเน้นคุณค่ามากกว่า (เพราะหากครบกำหนดแล้ว ยังมองว่าราคาตลาดต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก ก็สามารถใช้วิธีตัดจำนวนหุ้นดังกล่าวออกจากงบดุลได้ โดยไม่ต้องขายคืนสู่ตลาดในราคาต่ำ)
ใช่ครับ ตามตัวอย่างของคุณ FE ถือว่าเป็นการลงทุนแบบเน้นคุณค่าครับ

ผมขอแก้ความเข้าใจผิดของผมเองนะครับ หุ้นที่บริษัทซื้อคืนและขายออกไป สามารถบันทึกเป็นส่วนเพิ่มหรือลดของกำไรสะสม ในงบการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นได้เลย ไม่นับเป็นกำไรขาดทุนครับ (อ้างอิงจาก บมจ.ดุสิตธานี DTC)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 03, 2004 12:10 pm
โดย VIB007
มาแล้วครับ คลายเครียดเรโช ใครสนใจแวะไปที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 42792.html

อภินันทาการจากเฮียคลายเครียดครับ

ส่วนเรื่องซื้อหุ้นคืนนั้น
ในความเห็นของผม
ผมว่า ถ้าซื้อมาแล้วขายคืนได้กำไร ผู้ถือหุ้นก็ได้กำไรในระยะยสั้นแค่ปีนั้นปีเดียว
แต่ถ้า ซื้อมาแล้วไม่ขายคืน ผู้ถือหุ้นก็ได้ประโยชน์ไปตลอดอายุบริษัทครับ

ลองดูตัวอย่าง
บริษัทหนึ่งมีหุ้นอยู่ 1,000 หุ้น ราคาหุ้นในตลาดหุ้นละ 100 บาท
สมมุติมีกำไรสุทธิปีนี้ 10,000 บาท
คิดเป็นกำไรต่อหุ้น หุ้นละ 10 บาท
จ่ายปันผล 100% ดังนั้นคิดเป็นปันผล 10 บาทต่อหุ้น

ถ้าบริษัทซื้อหุ้นคืน 25% จ่ายเงินไป 250 หุ้น x100 บาท= 25,000 บาท
เหลือหุ้นสามัญอยู่ 1,000-250 = 750 หุ้น
สมมุติกำไรสุทธิปีนี้เท่าเดิม 10,000 บาท ปันผล 100%
ดังนั้น คิดเป็นปันผลต่อหุ้นเท่ากับ 10,000/750 = 13.33 บาท เพิ่มขึ้น 33%

ดังนั้น ลงทุนซื้อหุ้นคืน 25% แต่ทำให้ปันผลหรือกำไรต่อหุ้นเพิ่มมากขึ้น 33%
ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์แน่นอนตลอดไปตลอดอายุบริษัท

แต่ถ้าซื้อหุ้นมาแล้ว ขายคืนกลับไป ผู้ถือหุ้นก็ได้กำไรเฉพาะปีนั้นๆ
เสร็จแล้วปีถัดๆไป ก็มาแบ่งกำไรกันเท่าเดิม

ดังนั้น การซื้อคืนจะได้ประโยชน์กับผู้ถือหุ้นในระยะยาวก็ต้องไม่ขายคืนครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 03, 2004 1:52 pm
โดย CK
VIB007 เขียน:ลองดูตัวอย่าง
บริษัทหนึ่งมีหุ้นอยู่ 1,000 หุ้น ราคาหุ้นในตลาดหุ้นละ 100 บาท
สมมุติมีกำไรสุทธิปีนี้ 10,000 บาท
คิดเป็นกำไรต่อหุ้น หุ้นละ 10 บาท
จ่ายปันผล 100% ดังนั้นคิดเป็นปันผล 10 บาทต่อหุ้น

ถ้าบริษัทซื้อหุ้นคืน 25% จ่ายเงินไป 250 หุ้น x100 บาท= 25,000 บาท
เหลือหุ้นสามัญอยู่ 1,000-250 = 750 หุ้น
สมมุติกำไรสุทธิปีนี้เท่าเดิม 10,000 บาท ปันผล 100%
ดังนั้น คิดเป็นปันผลต่อหุ้นเท่ากับ 10,000/750 = 13.33 บาท เพิ่มขึ้น 33%
ยกมือแย้งครับ อาจารย์วิบูลย์ เพราะเงินบริษัทหายไป 25,000 บาท
ต้องเอาตรงนี้มาคิดก่อนครับ

เอาใหม่ สมมุติว่าบริษัทมีกำไรสะสม 25,000 บาท ถ้าเอามาซื้อ
หุ้นคืน ก็จะเป็นแบบที่อาจารย์ว่า

แต่ถ้าเอามาปันผลพิเศษ จะได้ 25 บาท/หุ้น ซึ่งเฉลี่ย 5 ปี
(โดยไม่คิด time value) ก็จะเท่ากับ 5% ต่อปี รวมกับปันผล
ปกติ 10 บาท เป็น 15 บาท

ผม prefer ปันผลพิเศษมากกว่า เพราะเราเอา 25 บาทไปลงทุนอย่างอื่น
ได้ หรือจะซื้อหุ้นตัวเดิมก็ได้ เป็นการตัดสินใจของตัวเองครับ

ผมคิดว่าบริษัทควรจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุด (คือธุรกิจ) มากกว่า
การซื้อหุ้นคืนหรือแจกวอร์ หรือเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่น ซึ่งส่วนนี้
ผู้ถือหุ้นควรเป็นคนตัดสินใจเอง ยกเว้นกรณีที่บริษัทที่ทำธุรกิจด้าน
การลงทุนโดยตรง เช่น holding company

สรุปแล้ว สำหรับ real sector ผมอยากได้ปันผลพิเศษครับ

ซึ่งถ้าเอามาซื้อหุ้นเพิ่มที่ราคาตลาด (100 บาท) ก็จะได้หุ้นใหม่ 0.225 หุ้น
ต่อ 1 หุ้นเดิม หรือได้ปันผล 12.25 บาท

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 03, 2004 2:09 pm
โดย น้องใหม่ VI
สงสัยตรงคุณนักดูดาวที่อ้างว่า
"หุ้นที่บริษัทซื้อคืนและขายออกไป สามารถบันทึกเป็นส่วนเพิ่มหรือลดของกำไรสะสม ในงบการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นได้เลย ไม่นับเป็นกำไรขาดทุนครับ"

ไม่นับเป็นกำไรขาดทุน แล้วกำไรที่ได้จากการขายหุ้นจะนับเป็นอะไรครับ เช่นบริษัทซื้อที่ 10 บาท แล้วขายที่ 15 บาท ส่วนต่าง 5 บาท
ที่บริษัทได้เป็นเงินสดเพิ่มขึ้นมาไม่บันทึกเป็นกำไรขาดทุนหรือครับ ถ้างั้นคิดว่าบันทึกไว้รายการไหนรายการหนึ่งในงบกระแสเงินสดใช่เปล่าครับ

แล้วเงินที่ผู้ถือหุ้นแปลงสภาพ Warrant ล่ะครับ บริษัทจะรับรู้ในรายการอะไรครับ แต่คิดว่ามันไปอยู่ใน CFF ใช่ไหมครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 03, 2004 2:15 pm
โดย VIB007
สวัสดีครับ เฮียCK
นึกว่าจะไม่มีคนแย้งซะแล้ว
กะเงียบไปเลยนะเนี่ย

จริงครับ บริษัทมีการจ่ายเงินออกไป 25,000 บาทจริง
อยู่ที่ว่า บริษัทจะทำอย่างไรกับเงินจำนวนนี้
จ่ายปันผล ซื้อหุ้นคืน หรือ เอาไปลงทุนต่อ

ถ้าคิดว่าบริษัทนำไปลงทุนต่อดีกว่าก็นำไปลงทุนเหมือน Berkshire ที่ไม่เคยจ่ายปันผล
ถ้าคิดว่าผู้ถือหุ้นนำเงินปันผลไปทำประโยชน์ได้ดีกว่าบริษัทลงทุนเองก็จ่ายปันผล
ถ้าคิดว่าซื้อหุ้นคืนคุ้มกว่าก็ซื้อหุ้นคืน

บางบริษัทก็เลยทั้งจ่ายปันผล ทั้งซื้อหุ้นคืน ทั้งนำไปลงทุนเองอีกด้วย
ครบสามอย่างเลยครับ

ส่วนตัวผม ผมชอบให้บริษัทที่ดีๆซื้อหุ้นคืนมากกว่าครับ
เพราะบริษัทนำเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทนดีกว่าผู้ถือหุ้นลงทุนเอง
และดีกว่านำเงินสดไป Diworsification ขยายกิจการมั่วๆ

บางบริษัทนำกำไรสะสมมาปันผลเพิ่มเติมจากกำไรสุทธิอีกด้วย
ซึ่งถ้ามองในระยะยาวมากๆแล้ว (เอาว่า 10 ปีขึ้นแล้วกัน) ซื้อหุ้นคืนดีกว่าครับ
ถ้าเป็นไปได้อยากให้คนอื่นขายหุ้นให้บริษัทให้หมดเลย
ผมจะได้ถือหุ้นใหญ่คนเดียว (สมมุติแบบเว่อร์ๆเลย)

ถ้ามองแค่วันนี้ รับปันผลก็ดีเหมือนกันครับ
จะได้มีเงินกินขนมมากขึ้นกว่าเดิม

ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 03, 2004 7:19 pm
โดย นักดูดาว
เท่าที่เห็นในงบกระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน เค้าบันทึกเงินที่ซื้อหุ้นคืนเป็นเงินสดจ่ายเพื่อซื้อหุ้นสามัญคืน ส่วนในงบดุลก็ลดเงินสดในสินทรัพย์และเพิ่มหุ้นสามัญซื้อคืนเป็นรายการติดลบในส่วนของผู้ถือหุ้น ยังไม่เห็นตอนขายครับ (หวังว่าจะไม่เห็น)

เงินที่ได้จากการแปลงวอร์แรนต์เป็นเงินที่ได้จากหุ้นเพิ่มทุน ก็เพิ่มจำนวนหุ้นสามัญ ทั้งส่วนทุนจดทะเบียนและส่วนเกินมูลค่าหุ้นครับ งบกระแสเงินสดก็อยู่ในกระแสเงินสดจากการจัดหาเงินนะครับ

ที่ไม่บันทึกเป็นกำไรก็ถูกต้องแล้วครับ เพราะไม่ได้เกิดจากการดำเนินงาน แต่เป็นการจัดหาเงินและคืนเงิน เช่นเดียวกับการเพิ่มทุน กู้ยืม และการลดทุน คืนเงินต้น จ่ายดอกเบี้ย จ่ายปันผล ... ถ้าคิดว่าตรงนี้เป็นกำไร กิจการคงไม่เป็นอันทำธุรกิจหลัก...ซื้อขายหุ้นตัวเองดีกว่า ส่วนเกินทุนที่ได้จากการขายหุ้นคืนแม้จะดูเหมือนกำไรของกิจการ แต่ผู้ขาดทุนคือผู้ถือหุ้นบางท่านที่ซื้อหุ้นแพงๆนะครับ

ผมชักงงๆว่าถูกหรือเปล่า ท่านใดมีตำราที่มีอธิบายเรื่องการซื้อหุ้นคืน กรุณาช่วยเรื่องการบันทึกบัญชีให้แจ่มแจ้งด้วยนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 10, 2004 11:09 pm
โดย ปรัชญา
:P มาให้กำลังใจ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 11, 2004 1:46 pm
โดย VIB007
ปรัชญา เขียน::P มาให้กำลังใจ
สวัสดีครับพี่ปรัชญา
เป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีหรือเปล่า
ผมว่าพี่ปรัชญากำลังทำตามคำสอนของคุณลุงโกศล ไกรฤกษ์อยู่แน่เลยนะครับที่ว่า
หนึ่ง ต้องมีเงินฝากกินดอกเบี้ย
สอง ต้องมีบ้านให้เช่า
สาม ต้องมีเงินปันผล
ข้อหนึ่งข้อสองคงมีแล้ว
ตอนนี้ก็กำลังทำตามข้อสองอยู่ ใช่ไหมครับ ถ้าเดาไม่ผิด

อ้อ อ่านบทความ Value Way ใน Bizweek แล้วเป็นอย่างไรบ้าง
มีอะไรแนะนำไหมครับ อ่านยากไป อ่านง่ายไป หรือ อ่านแล้วสับสนกว่าเดิม

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 12, 2004 10:15 am
โดย ปรัชญา
VIB007 เขียน: สวัสดีครับพี่ปรัชญา
เป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีหรือเปล่า
ผมว่าพี่ปรัชญากำลังทำตามคำสอนของคุณลุงโกศล ไกรฤกษ์อยู่แน่เลยนะครับที่ว่า
หนึ่ง ต้องมีเงินฝากกินดอกเบี้ย
สอง ต้องมีบ้านให้เช่า
สาม ต้องมีเงินปันผล
ข้อหนึ่งข้อสองคงมีแล้ว
ตอนนี้ก็กำลังทำตามข้อสองอยู่ ใช่ไหมครับ ถ้าเดาไม่ผิด

อ้อ อ่านบทความ Value Way ใน Bizweek แล้วเป็นอย่างไรบ้าง
มีอะไรแนะนำไหมครับ อ่านยากไป อ่านง่ายไป หรือ อ่านแล้วสับสนกว่าเดิม

สวัสดีเสี่ยวิบูลย์ครับ
ยอมรับครับว่าวางแผนชีวิตไว้ตามที่คุณวิบูลย์คาดการณ์ครับ
ตลอดเวลาที่อยุ่ในตลาดหุ้น ผมก็แบ่งเงินปันผลส่วนหนึ่งมาซื้อหุ้นเพิ่ม
และแบ่งอีกส่วนหนึ่งไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรช่วยชาติ
ที่ฝาก10ปีก็มีซื้อไว้ ตอนนั้นได้อัตราดอกเบี๊ย6.1%
วันที่16นี้ก็สั่งพนักงานแบ๊งก์BBLซื้อไว้อีก
เห็นเขาบอกว่าต้องชำระเงินวันที่26ครับแต่เคาะซื้อทางแบ๊งค์วันที่16นี้

ส่วนบ้านให้เขาเช่า-หอพัก เกรทเฮ้าส์
ก็เตรียมที่ดินไว้ได้ไม่กี่ไร่ครับ และเตรียมที่ดินติดถนนสร้างอาคารพานิชย์ให้คนอื่นเช่า (แฮ่ะๆซื้อที่ดินเงินหมด เลยยังหางบสร้างตัวอาคารไม่ได้ เรียกเขามาเขียนแบบประเมินราคา แจ้งราคาแล้วตกลง พอวันนัดทำสัญญาเขาบวกยอดเงินขึ้นไปอีกว่าเหล็กแพงเลยตัดใจล้มเลิกก่อนครับ)
เลยข้อนี้ยังไม่มีบ้านให้เขาเช่า
ก็คิดว่าอีก10ปีข้างหน้าคงจะเก็บเอาเงินปันผล ดอกเบี๊ยเงินฝาก และค่าเช่า มาเป็นค่าใช้จ่ายยังชีพในยามแก่เกษียณตัวเองครับ เหมือนบำนาญ

ข้อเขียนของคุณวิบูลย์
ก็ต้องขอชมว่า.....เขียนได้ดี ไม่มีข้อตินะ

ผมอ่านไม่สับสน
แอบชมอยู่ในใจ ท่านผู้กล้าหาญและยืนหยัดด้วยอุดมการณ์


(ไม่เหมือนพวกนักวิเคราะห์ พวกนี้เหมือนต้นสนลุ่ลม ลมพัดมาทางไหนก็ไปทางนั้นเอาแน่นอนไม่ได้ พลิกลิ้นเร็วกว่าพลิกฝ่ามือซะอีก เหมือนไม่จริงใจ
หลอกให้คนไปติดหุ้นแล้วก็มาอวดเป็นอาจารย์สอนวิธีแก้ไขท่าโน้นท่านี้สารพัด ยกตัวอย่างง่ายอย่างPTT ตอน45-50ไม่มีนักวิเคราะห์คนไหนออกมาเชียร์ซื้อ ..เพราะพวกนักวิเคราะห์และกองทุนกำลังเก็บของ...
พอลากมา140-150 บอกดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ มันไม่มีความจริงใจเลย
พวกเชียร์ซื้อเพื่อไปรับของต่อจากพวกเขา ที่จริงถ้าเป็นผมคงไม่ได้เป็นได้แค่คิด น่าจะออกมาเตือนว่าอย่าเข้าไปซื้อเลยPTT เพราะต่างชาติได้ราคาIPOไปทั้งหมด กี่ร้อยล้านหุ้น หุ้นละ40กว่าบาท ปล่อยให้มันลงมาแถวIPOค่อยมอง ไม่ใช่ทับถมหรือมาอวดเก่งแต่ผมคิดว่า...ต่างชาติขายถึงสิ้นปีก็ยังขายไม่หมด เพราะได้หุ้นจองไปเยอะ นี่คือดาบ2คม ที่ชอบขายให้ต่างชาติ
หุ้นดีดีขายให้คนไทยทั้งหมดแล้วให้ต่างชาติมาไล่เก็บในกระดานจะมีราคาขึ้นแบบมั่นคง ก็ได้แค่คิดแค่บ่นครับก็ผมมันแก่เลี้ยว)

ต่อ...คุณวิบูลย์เขียนคอลั่มน์ คิดอย่างไรก็เขียนไปอย่างนั้น
ที่ผ่านมาก็นำเสนอดีมาก แต่บังเอิญหนังสือพิมพ์ออกมาแล้วหุ้นมันลง
คนอ่านอาจลดความเชื่อถือเชื่อมั่นลงได้ อันนี้อยู่เหนือกฏเกณฑ์ที่จะไปควบคุม ต้องรอเวลาอาจ1-2ปีถึงจะมีคนมั่นใจมากขึ้น อดทนครับ

อ้อ...อย่างพี่เทพ คุณวิบูลย์ก็ไม่ค่อยกล้าเชียร์
ตอน112บาทคุณวิบูลย์เริ่มเก็บเพราะรู้พื้นฐานบริษัท
พี่เทพปลอดภัยกว่าตัวแม่เพราะจำนวนหุ้นน้อยและราคาขึ้นมาแค่เท่ากว่าแต่
ตัวแม่ขึ้นมา3เท่าตัว แต่ผมก็เผื่อใจไว้แล้วว่า...บริษัทที่เราถืออาจจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินได้
ก็ในเมื่อโลกนี้กลไกตลาดมีนักเก็งกำไรมากกว่านักลงทุน
เขาปั่นราคาทองคำเสร็จ
ก็มาปั่นราคาน้ำมัน
ที่ขายหุ้นทุกวันนี้ต่างชาติก็เอาเงินไปเก็งค่าน้ำมัน
เมื่อหมดรอบค่าน้ำมันอาจจะเป็นปีหน้า

เขาก็คงกลับมาเก็งกำไรหุ้น


ตอนนี้เขาก็จะทำให้นักเล่นหุ้นขาดทุนติดหุ้นและขายหุ้นทิ้งเดินจากตลาดไปแล้วตะโกนอำลาตลาดหุ้น
เข็ดแล้วจ้า

แล้วต่างชาติก็จะกลับมาลาก-ลาก ดึง-ดึง หุ้นกันต่อ
ในชีวิตนี้ผมก็เห็นเขาทำกันแบบนี้มา3-4รอบแล้ว

แต่ถ้าเราถือหุ้นพื้นฐานดี มีเงินปันผล ไม่น้อยกว่าดอกเบี๊ยเงินฝาก
และผลประกอบการหุ้นที่ถืออยู่ยังเติบโต และคาดว่าอนาคตคงไม่ได้ย่ำแย่
ก็สมควรถือหุ้นไว้ครับ

ผมก็คิดได้เท่านี้ ในสถานะการณ์ผันผวนของดัชนี

ก็ขอให้คุณวิบูลย์ เขียนและทำเพื่อสังคมส่วนรวมต่อไป
แบบไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนจากใคร
ผมยังเชื่อมั่นว่าคนทำดีย่อมได้ดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 14, 2004 9:57 pm
โดย VIB007
ขอบคุณครับพี่ปรัชญา
คำแนะนำที่ให้มาจะเก็บไว้เป็นคติประจำใจครับ

ทุกวันนี้การลงทุนของผมก็คือการทดลองอย่างหนึ่งครับ
เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราคิดสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องแค่นั้นเองครับ
ถ้าลองทำดูแล้ว ไม่ได้ผลก็ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม

ช่วงนี้ผมยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้เข้ามาในเวปเท่าไหร่
ต้องขอโทษที่ตอบช้าครับ
ยังไงก็ขอให้พี่ปรัชญาประสบผลสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 15, 2004 11:40 am
โดย ปรัชญา
VIB007 เขียน:ขอบคุณครับพี่ปรัชญา
คำแนะนำที่ให้มาจะเก็บไว้เป็นคติประจำใจครับ

ทุกวันนี้การลงทุนของผมก็คือการทดลองอย่างหนึ่งครับ
เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราคิดสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องแค่นั้นเองครับ
ถ้าลองทำดูแล้ว ไม่ได้ผลก็ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม

ช่วงนี้ผมยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้เข้ามาในเวปเท่าไหร่
ต้องขอโทษที่ตอบช้าครับ
ยังไงก็ขอให้พี่ปรัชญาประสบผลสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ครับ
อย่างคุณวิบุลย์ว่าก็ถูกครับ
คนเราต้องทดลอง เมื่อทดลองแล้วก็จะได้ประสพการณ์ เมื่อมีประสพการณ์ก็สามารถเล่าเรื่องราวพร้อมยกหาข้อเปรียบเทียบหาเหตุหาผลต่างๆ มาให้กับผู้ชมได้คิดได้เห็น และในความคิดเห็นทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ย่อมมีประโยชน์ต่อทุกฝ่าย บางคนอาจมองข้าม บางคนมองเห็น บางคนมองไม่เห็นเมื่อมีผู้มาทักท้วงชี้แนะ แนะนำย่อมมีผลดีครับ สำหรับการยอมรับปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ

จะคอยติดตามอ่านข้อเขียนของคุณวิบูลย์

และป๋ามนตรีครับ

(เชียร์สุดชีวิต)