news16/04/08
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 16, 2008 11:08 am
ขอเว้นภาษีควบรวมประกัน
โดย โพสต์ทูเดย์ วันที่ 16 เมษายน 2551
คปภ.วอนกรมสรรพากรยกเว้นเก็บภาษี เงินสำรองประกันเบี้ยประกันภัยเป็นรายได้กรณีควบรวมกิจการ
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า คปภ.อยู่ระหว่างการหารือกับกรมสรรพากรถึงความเป็นไปได้ในการขอยกเว้นโอนเงินสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ของบริษัทที่ทำการควบรวมกิจการไปเป็นรายได้ของบริษัท
ทั้งนี้ มีกรณีของบริษัท เมืองไทยประกันภัย กับบริษัท ภัทรประกันภัย ที่อยู่ระหว่างการควบรวม เนื่องจากเงินสำรองประกันภัย ยังไม่ตกเป็นรายได้จริงของบริษัท เป็นเงินที่บริษัทประกันภัยต้องดำรงไว้เป็นสภาพคล่องในการเตรียมจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ประชาชน
สำหรับความคืบหน้าการควบรวมกิจการของบริษัท เมืองไทยประกันภัย และบริษัท ภัทรประกันภัยนั้น ทางคณะกรรมการ คปภ. ได้อนุมัติแผนควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทแล้ว เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2551 ที่ผ่านมา โดยจะทำให้เงินกองทุนของบริษัทเพิ่มเป็น 2,600 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 3.6 ล้านบาท และสินทรัพย์ 5,800 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้จะต้องโอนไปที่บริษัทที่จะเกิดขึ้นใหม่หลังจากการควบรวม
นางจันทรา กล่าวว่า คปภ.อยู่ระหว่างการขอให้กรมสรรพากร พิจารณายกเว้นภาษีอีก 3 ประเภท คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแก่ ลูกจ้างสำหรับเบี้ยประกันชีวิตกลุ่มเฉพาะส่วนของความคุ้มครองที่ นายจ้างจ่ายเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ลูกจ้าง ให้ยกเว้นไม่ต้องนำมารวมเป็นรายได้ของลูกจ้าง
http://www.posttoday.com/topstories.php?id=232754
โดย โพสต์ทูเดย์ วันที่ 16 เมษายน 2551
คปภ.วอนกรมสรรพากรยกเว้นเก็บภาษี เงินสำรองประกันเบี้ยประกันภัยเป็นรายได้กรณีควบรวมกิจการ
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า คปภ.อยู่ระหว่างการหารือกับกรมสรรพากรถึงความเป็นไปได้ในการขอยกเว้นโอนเงินสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ของบริษัทที่ทำการควบรวมกิจการไปเป็นรายได้ของบริษัท
ทั้งนี้ มีกรณีของบริษัท เมืองไทยประกันภัย กับบริษัท ภัทรประกันภัย ที่อยู่ระหว่างการควบรวม เนื่องจากเงินสำรองประกันภัย ยังไม่ตกเป็นรายได้จริงของบริษัท เป็นเงินที่บริษัทประกันภัยต้องดำรงไว้เป็นสภาพคล่องในการเตรียมจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ประชาชน
สำหรับความคืบหน้าการควบรวมกิจการของบริษัท เมืองไทยประกันภัย และบริษัท ภัทรประกันภัยนั้น ทางคณะกรรมการ คปภ. ได้อนุมัติแผนควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทแล้ว เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2551 ที่ผ่านมา โดยจะทำให้เงินกองทุนของบริษัทเพิ่มเป็น 2,600 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 3.6 ล้านบาท และสินทรัพย์ 5,800 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้จะต้องโอนไปที่บริษัทที่จะเกิดขึ้นใหม่หลังจากการควบรวม
นางจันทรา กล่าวว่า คปภ.อยู่ระหว่างการขอให้กรมสรรพากร พิจารณายกเว้นภาษีอีก 3 ประเภท คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแก่ ลูกจ้างสำหรับเบี้ยประกันชีวิตกลุ่มเฉพาะส่วนของความคุ้มครองที่ นายจ้างจ่ายเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ลูกจ้าง ให้ยกเว้นไม่ต้องนำมารวมเป็นรายได้ของลูกจ้าง
http://www.posttoday.com/topstories.php?id=232754