news22/10/07
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 10:02 pm
ผลพวงน้ำมันแพงทำคนแห่ใช้ไบโอดีเซลเพียบ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 ตุลาคม 2550 19:31 น.
กระทรวงพลังงานระบุคนไทยแห่ใช้ไบโอดีเซลจนยอดใช้เพิ่มขึ้น 1.9 ล้านลิตรต่อวัน เพื่อลดต้นทุนน้ำมันที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เตรียมเร่งประสานงานให้มีการผลิต บี 100 ให้พอเพียง ส่วนยอดการติดตั้งแอลพีจีเริ่มชะลอตัว หลัง ครม.ประกาศคุมปั๊มแอลพีจี เตือนหากติดตั้งแอลพีจีต้องดูว่าอุปกรณ์ต้องได้ มาตรฐาน สมอ.เท่านั้น ขณะที่ราคาน้ำมันเจ็ทขยับไป 100 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว คาดนับจากนี้จนถึงสิ้นปีราคาคงจะขยับลดลงไม่ได้มากนัก
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจน้ำมัน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันได้ขึ้นไปถึงระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลแล้ว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ต.ค.) ราคาน้ำมันเครื่องบิน (เจ็ท) ที่ตลาดสิงคโปร์ ในระหว่างการซื้อขายราคา 100.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และปิดตลาดที่ 99.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาเบนซินและดีเซลขยับขึ้นหมด จนส่งผลให้ค่าการตลาดเฉลี่ยการค้าปลีกน้ำมันในประเทศ ติดลบแล้ว 10-20 สตางค์/หน่วย ทำให้ผู้ค้าน้ำมันปรับราคาขึ้น และตลาดคาดว่าราคาน้ำมันจากนี้จนถึงปลายปี คงจะไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้ทั้งกลุ่มเดินเรือ กลุ่มขนส่ง ได้ซื้อออปชั่นเพื่อประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันไว้ถึง 90-95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพราะเป็นที่คาดว่าราคาน้ำมันอาจจะสูงกว่านี้
ด้านนายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ในขณะนี้ยอดการใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากปีที่แล้วมียอดขาย 900,000 ลิตร/วัน ได้เพิ่มเป็น 1.9 ล้านลิตรต่อวัน เพราะราคาถูกกว่า 70 สตางค์ต่อลิตร แต่ประสบปัญหาการผลิตบี 100 ซึ่งเป็นไบโอดีเซลเพื่อนำมาผสมเป็นสูตร บี 5 หรือ บี 2 ยังไม่เพียงพอ โดยกระทรวงพลังงานได้เร่งประสานงานทุกฝ่ายให้เพิ่มกำลังผลิตให้ได้มาตรฐานโดยเร็ว ในขณะที่ยอดการใช้แก๊สโซฮอล์ แม้จะเพิ่มมาเป็น 5.2 ล้านลิตร/วัน แต่ก็ยังช้ากว่าที่กระทรวงฯ ตั้งใจ เพราะส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ใช้รถยนต์ต้องใช้เบนซินต่อไป จึงต้องมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง
ส่วนการใช้ก๊าซเอ็นจีวีมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะรถบรรทุกและรถโดยสาร เพราะราคาถูกกว่า 1 ใน 3 แม้จะลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์หลายแสนบาท แต่ก็จะคุ้มต้นทุนใน 6 เดือนเท่านั้น ส่วนการใช้แอลพีจีในรถยนต์ปีนี้แม้มียอดเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีที่แล้ว แต่ก็ถือว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะแท็กซี่หันมาใช้เอ็นจีวีเพิ่มขึ้น และ ครม.ได้ออกประกาศห้ามตั้งปั๊มแอลพีจีแห่งใหม่ ประกอบกับแอลพีจีจะมีการปรับราคาในปลายปีนี้ จึงทำให้การใช้แอลพีจีชะลอกว่าปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่ต้องการติดตั้งแอลพีจี จะต้องระมัดระวังความปลอดภัยด้วย เพราะหากติดตั้งไม่ได้มาตรฐานอาจเกิดระเบิดหรือไฟไหม้ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยก่อนติดตั้งต้องดูว่าอุปกรณ์ที่นำเข้ามาผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) หรือไม่ หากไม่ผ่านทางกรมการขนส่งทางบกจะไม่รับจดทะเบียนการปรับเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ และจะกลายเป็นรถเถื่อน
http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000125387
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 22 ตุลาคม 2550 19:31 น.
กระทรวงพลังงานระบุคนไทยแห่ใช้ไบโอดีเซลจนยอดใช้เพิ่มขึ้น 1.9 ล้านลิตรต่อวัน เพื่อลดต้นทุนน้ำมันที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เตรียมเร่งประสานงานให้มีการผลิต บี 100 ให้พอเพียง ส่วนยอดการติดตั้งแอลพีจีเริ่มชะลอตัว หลัง ครม.ประกาศคุมปั๊มแอลพีจี เตือนหากติดตั้งแอลพีจีต้องดูว่าอุปกรณ์ต้องได้ มาตรฐาน สมอ.เท่านั้น ขณะที่ราคาน้ำมันเจ็ทขยับไป 100 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว คาดนับจากนี้จนถึงสิ้นปีราคาคงจะขยับลดลงไม่ได้มากนัก
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจน้ำมัน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันได้ขึ้นไปถึงระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลแล้ว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ต.ค.) ราคาน้ำมันเครื่องบิน (เจ็ท) ที่ตลาดสิงคโปร์ ในระหว่างการซื้อขายราคา 100.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และปิดตลาดที่ 99.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาเบนซินและดีเซลขยับขึ้นหมด จนส่งผลให้ค่าการตลาดเฉลี่ยการค้าปลีกน้ำมันในประเทศ ติดลบแล้ว 10-20 สตางค์/หน่วย ทำให้ผู้ค้าน้ำมันปรับราคาขึ้น และตลาดคาดว่าราคาน้ำมันจากนี้จนถึงปลายปี คงจะไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้ทั้งกลุ่มเดินเรือ กลุ่มขนส่ง ได้ซื้อออปชั่นเพื่อประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันไว้ถึง 90-95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพราะเป็นที่คาดว่าราคาน้ำมันอาจจะสูงกว่านี้
ด้านนายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ในขณะนี้ยอดการใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากปีที่แล้วมียอดขาย 900,000 ลิตร/วัน ได้เพิ่มเป็น 1.9 ล้านลิตรต่อวัน เพราะราคาถูกกว่า 70 สตางค์ต่อลิตร แต่ประสบปัญหาการผลิตบี 100 ซึ่งเป็นไบโอดีเซลเพื่อนำมาผสมเป็นสูตร บี 5 หรือ บี 2 ยังไม่เพียงพอ โดยกระทรวงพลังงานได้เร่งประสานงานทุกฝ่ายให้เพิ่มกำลังผลิตให้ได้มาตรฐานโดยเร็ว ในขณะที่ยอดการใช้แก๊สโซฮอล์ แม้จะเพิ่มมาเป็น 5.2 ล้านลิตร/วัน แต่ก็ยังช้ากว่าที่กระทรวงฯ ตั้งใจ เพราะส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ใช้รถยนต์ต้องใช้เบนซินต่อไป จึงต้องมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง
ส่วนการใช้ก๊าซเอ็นจีวีมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะรถบรรทุกและรถโดยสาร เพราะราคาถูกกว่า 1 ใน 3 แม้จะลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์หลายแสนบาท แต่ก็จะคุ้มต้นทุนใน 6 เดือนเท่านั้น ส่วนการใช้แอลพีจีในรถยนต์ปีนี้แม้มียอดเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีที่แล้ว แต่ก็ถือว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะแท็กซี่หันมาใช้เอ็นจีวีเพิ่มขึ้น และ ครม.ได้ออกประกาศห้ามตั้งปั๊มแอลพีจีแห่งใหม่ ประกอบกับแอลพีจีจะมีการปรับราคาในปลายปีนี้ จึงทำให้การใช้แอลพีจีชะลอกว่าปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่ต้องการติดตั้งแอลพีจี จะต้องระมัดระวังความปลอดภัยด้วย เพราะหากติดตั้งไม่ได้มาตรฐานอาจเกิดระเบิดหรือไฟไหม้ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยก่อนติดตั้งต้องดูว่าอุปกรณ์ที่นำเข้ามาผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) หรือไม่ หากไม่ผ่านทางกรมการขนส่งทางบกจะไม่รับจดทะเบียนการปรับเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ และจะกลายเป็นรถเถื่อน
http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000125387