Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

[quote="คลายเครียด"]
นี่ถ้าคุณลูกอิสานหรือคุณนริสอยู่กรุงเทพ
ผมคงส่งซิกให้หนุ่มจิบชา

เฮียคลายเครียดสรุปได้ชัดเจนและคมคายมากครับ  

ผลตอบแทปีที่แล้ว ประมาณ 15% งั้นๆครับถ้าเทียบกับในเวบ

ได้มามากจาก UEC,PS,PTT,PTTEP,SCC แต่ขายไปหมดแล้ว ส่วนใหญ่หมูทั้งน้าน ถือว่าลงทุนแบบเฉลี่ยความสุข ให้คนอื่นกำไรบ้าง

แต่พอร์ทโตขึ้นมากจากเงินออม

แต่ปีนี้นี่ท่าทางยาก ผมหวังแค่ 10%ไม่รวมปันผลก็พอแล้ว ช่วงนี้ยิ่งหมดไฟอยู่ด้วย

อิ อิ    พี่อีโต้ยังแพรวพราวเหมือนเดิม

อันล่างสุด เป็นของพี่สองค. แห่งห้องสินธร ของพันธทิพหรือเปล่าครับ
ถ้าใช่ปีนี้ขอเชิญบนเวทีของ TVI ด้วยน่าครับ
เพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนรุ่นหลัง

poppo เขียน: แต่พอร์ทโตขึ้นมากจากเงินออม

ตรงนี้ผมว่าสำคัญมากครับ  คนที่เก็บเงินออมได้  ถึงจะสามารถสร้างเชื้อไฟที่จะโตต่อไปได้เองในอนาคต (อันใกล้หรือไกล) ได้

พี่ๆวัดผลตอบเเทนกันยังไงหรอคับ  ถ้าสมมติว่าใส่เงินไปต้นปี แล้วไม่ใส่เข้าไปอีกเลยมันก็คิดเป็นเปอร์เซ็นได้ไช่มั๊ยคับ  แต่ถ้าเราใส่เงินเข้าไปเรื่อยๆหละ   มันต้องคิดยังไงอ่ะคับ

ยังอยู่รอดคับ มารายงานตัวและร่วมยินดีกับคนที่ได้กำไร และ ขอให้กำลังใจกับคนที่ยังกำไรน้อย ครับ สู้ต่อไปคับ

[quote="Hazelnut"]พี่ๆวัดผลตอบเเทนกันยังไงหรอคับ

ยังชนะเงินฝากได้
่ได้หุ้นการเมืองมาช่วย ฟลุ๊คๆ แบบเกลียดตัวกินไข่...
ไม่งั้นก็คงขาดทุนไปแล้ว รู้งี้ๆๆๆๆ

กรณีวิธีคิดผลตอบแทนของพี่หวี

เรา mark to market ที่ราคาของเมื่อวานหรือราคาของวันนี้ครับ

ถ้า mark ของวันนี้ กรณีที่เราปรับพอร์ท ซื้อตัวหนึ่ง แล้วขายอีกตัวหนึ่ง เราเอาส่วนต่างเช่นถ้าขายมากกว่าซื้อ ก็ถือว่าลดพอร์ท หรือถ้าซื้อมากกว่าขายก็ถือว่าเพิ่มพอร์ทหรือเปล่าครับ

เว็ปเรานี่สมาชิกเป็นหมื่นเลยไม่ใช่เหรอครับ แปลกจังเวลาทำโพลทำไมคนตอบน๊อยยยน้อย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องผลตอบแทนนะครับ

[quote="Sumotin"][quote="Hazelnut"]พี่ๆวัดผลตอบเเทนกันยังไงหรอคับ

[quote="nanakorn"] ...

ผมว่าราคาที่ซื้อ ไม่จำเป็นต้อง เอามาดูกันตรงนี้ก็ได้นี่ครับ ส่วนตัวของผม จดไว้แยกกัน แล้วผมคิดว่าสมมติเราหามูลค่า return ของ portfolio

ราคาทุนของแต่หละตัวไม่น่าจะมีผล เพราะ เวลาที่ซื้อกับขายก็ไม่ตรงกัน แล้วถ้า สมมติใน ช่วงเวลาเดียวกัน

สมมติ นาย A ซื้อหุ้น X ราคา 3 บาท 50k หุ้น ก็จะได้จำนวนเงินเป็น 150k แล้ว นาย B มาซื้อ ตอนราคา 6 บาท 50K หุ้น ก็จะ 300k แต่ ถ้าคิด เป็นช่วงเวลา 1 ปี สมมติ ต้นปี 50 หุ้น X 6 บาท นาย A และ B คิด แบบ NAV ที่ต้นปี 50 ดั้งนั้น มูลค่า portfolio ของนาย A กับ B จะเป็นจำนวนเงินเท่ากัน ที่ 300k และ เป็น NAV ที่ 10 เท่ากัน และสมมติ ปลายปี 50 ราคา ขึ้นไปถึง 12 บาท port รวม ก็ เท่ากับ 600k ทั้งคู่ return ใน 1 ปีก็เท่ากัน ผมว่ามันก็ ถูกแล้ว สำหรับคิด return ในแต่หละปี นะครับ แต่สำหรับคนอยากรู้ราคา ทุนก็จดราคาทุนกับ ราคาเปลี่ยนแปลง ของปัจจุบันไว้ ก็ จะเปรียบเทียบเป็นรายตัวได้แล้วครับ  แต่ส่วนตัวผมดูทั้ง port นะครับ

กรณีที่ 2 ก็เหมือนกันครับ เพราะผมดู เงินทั้งหมด ได้ได้ดูสัดส่วนแต่หละตัว แต่ก็จดไว้ ว่า return แต่หละตัวเท่าไหร่

ผมว่า NAV ดีตรงที่ว่าเราไม่ต้อง ปรับสัดส่วนใหม่ทุกครั้งที่มีการเพิ่มทุน ทำให้ บันทึก ต่อเนื่องได้ครับ

คุณ nanakorn ใช้วิธีไหนหรอครับ แชร์กันมั้งนะครับ

[quote="nanakorn"][quote="nanakorn"] ...

ไม่เท่ากันนะครับ ที่ปลายปี คนแรก มี 30 หุ้น ราคา 100 = 3000 บาท

คนที่สอง มี 15 หุ้น ราคา 100 = 1500 บาท จากทุน ทั้ง 2 คนที่ 2000 บาท

NAV ก็ แบบเดียวกันนะครับ เวลา คนแรกซื้อที่วันที่ 2 ราคา NAV ตกเหลือ 5 เพราะ มีหุ้นตัวเดียว ที่ราคาลดลงครึ่งนึง แล้วเค้าซื้อเพิ่มในวันนั้น เค้าก็ต้องซื้อที่ราคา NAV = 5 แล้ว ต้นทุน NAV เฉลี่ยก็จะลดลงครับ (10*100+20*50)/30 = 66.67/10 ก็ จะได้ NAV = 6.67 ครับ ซึ่งเป็นทุนที่เปลี่ยนไปของเรา

ส่วนคนที่ 2 ซื้อ ที่ 200 NAV ตอนนั้นก็ เท่ากับ 20
NAV เฉลี่ย = (10*100+5*200)/15 = 133.33/10 ก็จะได้ NAV = 13.33 ซึ่งเป็นทุนใหม่ของคนที่ 2 ครับ

โดยปลายปี NAV กลับมาเหลือที่ 10 จะเห็นว่าคนแรก กำไร แต่คนที่ 2 ขาดทุน เพราะซื้อที่ราคาแพง ฉะนั้นผลตอบแทนไม่เท่ากันนะครับ

Sumotin เขียน:คุณ nanakorn ใช้วิธีไหนหรอครับ แชร์กันมั้งนะครับ

ผมใช้การหาอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยครับ
ลองตัวอย่างครับ
วันที่ 1 ของปี มูลค่าพอร์ต = 1,000,000 บาท
วันที่ 200 ของปี เพิ่มเงินเข้าไป = 50,000 บาท
วันที่ 365 ของปี มูลค่าพอร์ต = 1,500,000 บาท

ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ต้องการหา = X
ต่อวัน = X/365
ได้เป็นสมการ

1,000,000x(1+[X/365])^365+50,000x(1+[X/365])^(365-200) = 1,500,000

แก้สมการหา X ครับ  ผลตอบแทนเป็น % = X*100

เทอมแรก 1,000,000 ได้ผลตอบแทนทบต้นวันละ X/365 เป็นเวลา 365 วัน
เทอมสอง 50,000 ได้ผลตอบแทนทบต้นวันละ X/365 เป็นเวลา 365-200 วัน
รวมกันเป็น มูลค่าพอร์ตสุดท้าย

ทั้งหมดนี้ ผมไม่คำนวณเองแน่ๆครับ ผมใช้ XIRR ใน Excel ที่จะคำนวณให้ เพียงแต่ใส่ Cash Flow และ วันที่ของ Cash Flow (ทั้งเข้าและออก)  ลองค้นดูใน TVI ดูครับ มีคำอธิบายวิธีใช้อยู่บ้างครับ

ขอบคุณ ครับ คุณ nanakorn ผมพอเข้าใจแล้วครับ แต่ของผมคงใช้ไม่ได้เพราะมีเงินส่วนของคนในครอบครัวด้วยหนะ ครับ ถ้าวิธีนี้ดูเหมือนเหมาะกับ port ของคนเดียวมากกว่า เพราะ ไม่ได้แยกว่า เป้น cash inflow หรือ outflow ของใครบ้างหนะครับ

ขอบคุณอีกที่ครับ  ^^

Sumotin เขียน:ไม่เท่ากันนะครับ ที่ปลายปี คนแรก มี 30 หุ้น ราคา 100 = 3000 บาท

คนที่สอง มี 15 หุ้น ราคา 100 = 1500 บาท จากทุน ทั้ง 2 คนที่ 2000 บาท

NAV ก็ แบบเดียวกันนะครับ เวลา คนแรกซื้อที่วันที่ 2 ราคา NAV ตกเหลือ 5 เพราะ มีหุ้นตัวเดียว ที่ราคาลดลงครึ่งนึง แล้วเค้าซื้อเพิ่มในวันนั้น เค้าก็ต้องซื้อที่ราคา NAV = 5 แล้ว ต้นทุน NAV เฉลี่ยก็จะลดลงครับ (10*100+20*50)/30 = 66.67/10 ก็ จะได้ NAV = 6.67 ครับ ซึ่งเป็นทุนที่เปลี่ยนไปของเรา

ส่วนคนที่ 2 ซื้อ ที่ 200 NAV ตอนนั้นก็ เท่ากับ 20
NAV เฉลี่ย = (10*100+5*200)/15 = 133.33/10 ก็จะได้ NAV = 13.33 ซึ่งเป็นทุนใหม่ของคนที่ 2 ครับ

โดยปลายปี NAV กลับมาเหลือที่ 10 จะเห็นว่าคนแรก กำไร แต่คนที่ 2 ขาดทุน เพราะซื้อที่ราคาแพง ฉะนั้นผลตอบแทนไม่เท่ากันนะครับ

ผมเข้าใจผิดคิดว่า วิธีที่คุณ Sumotin กล่าวถึง จะใช้ราคาต่อหน่วยหัวปีท้ายปีมาคำนวณหาผลตอบแทน อ่านจากข้างบนดูเหมือนว่า จะเป็นการหาราคาต่อหน่วยเฉลี่ยที่ซื้อ  อย่างนี้ก็จะแตกต่างครับ  แต่ผมก็ยังคิดว่า ผลตอบแทนที่วัดแบบนี้ ไม่ได้คิดผลของเวลา เช่นคนที่ซื้อต้นปีและปลายปีที่ราคาเท่ากัน จะได้ราคาต่อหน่วยเฉลี่ยเท่ากัน  อย่างไรก็ตาม หนึ่งปีเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานมากนัก  ผลทางด้านเวลาคงไม่สำคัญเท่าไรครับ

ปล NAV น่าจะหมายถึง Net Asset Value คือมูลค่ารวมของพอร์ตทั้งหมด ไม่น่าหมายถึงราคาหน่วยครับ

[quote="Sumotin"]ขอบคุณ ครับ คุณ nanakorn ผมพอเข้าใจแล้วครับ แต่ของผมคงใช้ไม่ได้เพราะมีเงินส่วนของคนในครอบครัวด้วยหนะ ครับ ถ้าวิธีนี้ดูเหมือนเหมาะกับ port ของคนเดียวมากกว่า เพราะ ไม่ได้แยกว่า เป้น cash inflow หรือ outflow ของใครบ้างหนะครับ

ขอบคุณอีกที่ครับ

ครับ NAV หมายถึง net asset value แต่ที่เป็นราคาต่อหน่วย เพราะ เอา port/ด้วยจำนวน share ครับ

จริงๆตัวอ้างอิงไม่จำเป็นต้อง เท่ากับ 10 ตอนเริ่มก็ได้ครับ มันเหมือนเป็นตัวเทียบเริ่มต้นเฉยๆ เราจะใช้เท่ากับ 1 หรือ 100 หรืออะไรก็ได้ครับ แค่มันเป็นการแปลมูลค่า เงินเป็นจำนวน shares เฉยๆหนะครับ

ส่วนเรื่อง return จะปรับ NAV ทุกปีหนะครับเลยไม่มีผลกระทบมากครับ

แต่ข้อเสียของ XIRR ที่ผมใช่ไม่ได้เพราะมีเงินของหลายคนหนะครับ เวลาเพิ่ม cash ในช่วงเวลาต่างๆ มันเจาะจงลงไปไม่ได้ว่าเป็นของใคร หนะครับ  :lol:

ขอบคุณมากคับ  เดี๋ยวจะไปลองคิดดู ...

[quote="Sumotin"]แต่ข้อเสียของ XIRR ที่ผมใช่ไม่ได้เพราะมีเงินของหลายคนหนะครับ เวลาเพิ่ม cash ในช่วงเวลาต่างๆ มันเจาะจงลงไปไม่ได้ว่าเป็นของใคร หนะครับ

พี่ลูกอิสาน เท่ห์ขาดใจไปเลยครับ

ผมเริ่มลงทุนประมาณตอนก่อน subprime  
คิดเท่าไหร่ก็ได้ไม่เกิน 2% ครับ  :(

ปีที่ผ่านมา

พลาดที่มองเข้าข้างตัวเองมากเกินไปนี่แหละ ทำให้กำไรลดลง

ต้นปี ตั้งความหวังว่ากำไรสัก 20 %ก็ดีมากแล้ว
เพราะต้นปีเจอ
prin เพิ่มทุน
trc ไปควบรวม กับ สหการ
stpi สำรองนี้

ผมลบประมาณ 20 %

กลางปีๆ ก็หวังว่าจะทำผลตอบแทนแบบเร่ง ไปเล่นกับ ไฟ และหุ้นปั่น
โชคดีได้กำไรมา

มาคิดๆดูเราไม่ควรเล่นอย่างนี้กลับมาลงทุนอีกครั้งหนึ่ง
ชีวติกำลังดีกับ snc , ums แล้วอยู่ๆ ฟ้าผ่าเปรี้ยง snc เพิ่มทุนเยอะกว่าที่คาดเยอะไมมากแค่ 2 เท่า 5555
จากเกือบเป็นเทพ แต่กลายเป็นตำนานแทน  

แล้วมาลองวัดใจกับ Tfex ตามที่ร่ำเรียนมา

ปาดดโถ่ ขาดทุนแบบต้องใส่เงินเพิ่มเพียบ

สรุปปี 2007
1. เข้าข้างตัวเองมากเกินไป รักหุ้นมากเกินไป
2. มีโชคกับการเล่นหุ้นอันตราย อย่าง kest, ewc <- ตอนซื้อถือว่าลงทุน
3. เลือกธุรกิจไปดีพอควร ต้องขอบใจ เพือนๆในเว๊ป
4. ความผิดพลาดอีกอย่างคือ ใจร้อนซื้อเร็วเกินไป และ ขายเร็วเกินไปโดยไม่ได้ดูว่า momentum ของตลาดเป็นอย่างไร
5. ซื้อหุ้นบางตัว โดยเห็นว่าถูกอย่างเดียว ไม่ได้ดูว่าในระยะยาวเกิน 1 ปี มันจะเป็นอย่างไร
6. พลาดหุ้นดี เพราะเกียงว่ามันไม่ปันผลทั้งๆที่ชอบหลายๆอ่ย่าง
7. อันนี้สำคัญมาก ไม่ยอมลงทุน ลงเวลาดูหุ้นที่ดีเพราะว่าขี้เกียจ

ชนะเงินฝากประจำ 1 ปี นิดหน่อยครับ
ตามที่ตั้งใจไว้

ปีนี้ตั้งเป้าไว้ 5% เพิ่มทีละนิด

ต้องขยันทำการบ้านจากข้อมูลพี่ๆ ชาว TVI มากกว่านี้

ขอบคุณครับ

คารวะพี่ๆทั้งหลายจริงๆครับ    ส่วนผมวรยุทธ์ยังอ่อนหัด  เข้า - ออก ผิดจังหวะ หนักเบา ช้า เร็ว ยังแยกไม่ชัดเจน ปีนี้โดนไป ลบ เกือบ  20%  ถ้ารวมปันผลน่าจะติดลบประมาณ  15%  ยังเปลี่ยนเป็น VI ไม่หมดพอร์ต เพราะ ยังติดดอย CK อยู่ 40%    ยังทำใจ  cut loss  ไม่ได้เลยยิ่งเจ็บหนัก  
ปี 51 เอาให้ ตั้งเป้าแค่เอาทุนคืนก็พอใจแล้วครับ
ปี 52 หวังว่าพอร์ตจะโต กับเค้ามั้ง    :twisted:

อืม หุ้นไรหว่า CK ไม่รู้จัก

 :D  :D