หน้า 5 จากทั้งหมด 8

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 21, 2010 9:38 am
โดย ครรชิต ไพศาล
ซากทัพ เขียน:ขอบคุณพี่ครรชิตมากครับ
แล้วใครได้ปันผลมากที่สุดครับ
นาย อนันต์ อัศวโภคิน ได้รับปันผล สูงที่สุด

นี้ถ้า หุ้นของ CPF ของ คุณ ธานินทร์ เจียรวนนท์ เขาจดเป็นชื่อของเขา
เขาคงแสดงเป็น ผู้ถือหุ้น อันดับ 1 ของ SET
แต่นี้เขาไปจดเป็น เจริญโภคภัณฑ์ ไปหมด
เราเลยไม่ได้เห็นชื่อ คุณ ธานินทร์ เจียรวนนท์ เศรษฐี อับดับ 1 ของประเทศไทย

ลำดับ รายชื่อ รวมมูลค่าหุ้น รวมปันผล
6060 บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด 79,227,089,808.75 1,950,106,751.55
6092 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) 11,892,750,000.00 343,830,000.00
6093 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด 23,577,118,681.65 689,029,756.95

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 22, 2010 12:13 pm
โดย tanoppan
ขอบคุณค่ะ

:arrow: :idea:

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 22, 2010 9:05 pm
โดย birthboro
สงสัยเล็กน้อยครับ

1. ทำไมรวมตระกูล พอร์ตที่ 1000 ถึงน้อยกว่า พอร์ตส่วนบุคคลเหรอครับ :?:
2. ถ้าไม่มีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีทางติดหรือครับ แม้ว่าจะมีเงินในพอร์ตเยอะกว่า
แล้วถ้ามึีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สักตัว เวลารวมนี่รวมตัวทีึ่ไม่ได้ติดเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยหรือเปล่าครับ

ประดับความรู้ครับ :D

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 22, 2010 10:13 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
พอร์ตรวมทั้งตระกลู
ตระกลู ที่รวย เขาก็รวยกันทั้งตระกลู
เมื่อถูกจับรวมกันเสียแล้ว จึงได้เห็น คนในตระกลู ที่พอร์ตเล็กกว่าอื่นเลี่อนอันดับขึ้นมา


ผมมีแต่ข้อมูล รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ครับ
ผู้ที่ไม่มีชื่อใน รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ไม่อาจหาข้อมูลของเขามาให้ดูได้ ครับ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 23, 2010 7:55 am
โดย Ii'8N
ขอบคุณพี่ครรชิตครับ ที่ขยัน update สม่ำเสมอ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 24, 2010 8:47 am
โดย Ii'8N
เห็นกรุงเทพธุรกิจสัมภาษณ์คุณทองมา เมื่อวาน

- ไป section "กรุงเทพธุรกิจ Radio" ตอนนี้
http://www.bangkokbiznews.com/home/

- ผม download เก็บไว้ด้วยที่นี่ เผื่อวันหลังหาไม่เจอ
http://www.mediafire.com/?75arasgog71ut
(19 นาที, 17MB)

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 24, 2010 9:53 am
โดย Peyton
โอ้ แหล่มไปเลย มีวีไอหัวแถวอย่าง ดร. นิเวศน์ด้วยแฮะ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 5:08 pm
โดย Ii'8N
Ii'8N เขียน:เห็นกรุงเทพธุรกิจสัมภาษณ์คุณทองมา เมื่อวาน

- ไป section "กรุงเทพธุรกิจ Radio" ตอนนี้
http://www.bangkokbiznews.com/home/

- ผม download เก็บไว้ด้วยที่นี่ เผื่อวันหลังหาไม่เจอ
http://www.mediafire.com/?75arasgog71ut
(19 นาที, 17MB)
วันที่ 24 มีสัมภาษณ์คุณทองมาเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์ PS ปีหน้า
upload ไปเก็บไว้ใน folder เดียวกันครับ http://www.mediafire.com/?75arasgog71ut

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 7:57 am
โดย Ii'8N
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 1&catid=no

1 ใน 10 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี : "ทองมา" พฤกษาฯ โลว์ โปรไฟล์ ไฮ โปรฟิต..รวยโคตรๆ 3หมื่นล้าน

วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 21:10:17 น

หมายเหตุ นับตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคมปีหน้า เว็บไซต์มติชนออนไลน์จะจัดทำรายงานพิเศษ "10 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 2553" โดยผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในรายงานชิ้นนี้ จะประกอบไปด้วยบุคคลจากแวดวงวัฒนธรรม, สื่อสารมวลชน, กีฬา, บันเทิง, ธุรกิจ, ต่างประเทศ, วิชาการ, สังคม และ การเมือง (ทั้งในเชิงการเมืองภาคประชาชนและสถาบันการเมือง) รายงานบางชิ้นของเราอาจมีลักษณะ "ทีเล่น" ขณะที่บางชิ้นอาจมีลักษณะ "ทีจริง" อย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าบุคคลทั้ง 10 รายเหล่านี้ ล้วนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อสังคมไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่งทั้งสิ้น ในรอบหนึ่งขวบปีที่ผ่านมา

-------------------------------------------------------------------------------
รูปภาพ

เอ่ยชื่อ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์" คนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจอาจไม่คุ้นหู

แต่ถ้าบอกว่าเป็นเจ้าของ"บ้านพฤกษา" หลายคนอาจร้องอ๋อ

ก่อนหน้านี้ "ทองมา"เคยติดทำเนียบบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของไทย 40 อันดับ จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์มาแล้ว โดยติดอันดับ 8 ถือครองทรัพย์สินมูลค่ารวม 1,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 35,000ล้านบาท
ทำให้ชื่อของเขาเข้าไปอยู่ในระนาบเดียวกับเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทยที่ติดชาร์ตเป็นประจำทุกปีแล้ว ทั้งธนินท์ เจียรวนนท์ เฉลียว อยู่วิทยา เจริญ สิริวัฒนภักดี กฤตย์ รัตนรักษ์ ตระกูล"จิราธิวัฒน์" มาลีนนท์ ภิรมย์ภักดี โอสถานุเคราะห์ เบญจรงคกุล ฯลฯ

ล่าสุดเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา "ทองมา" ได้รับการจัดอันดับจากวารสารการเงินการธนาคารเป็น "เศรษฐีหุ้นไทย"อันดับหนึ่งของเมืองไทยประจำปี2553 หลังจากก่อนหน้านี้ครองอันดับสองมาถึง4ปี

ทว่าปีนี้ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ซีอีโอของบมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 31,422.25 ล้านบาท จากการถือหุ้นพฤกษา หรือ PS ในสัดส่วน 58.60% รวยเพิ่มขึ้น 15,591.83 ล้านบาท หรือ 98.49% เนื่องจากราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.60 บาท หรือ 107.69% จาก 11.70 บาท มาอยู่ที่ 24.30 บาท เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2553


แต่ถ้านับทั้ง"ครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์" นำโดย ทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้งทายาท มาลินี-ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ถือครองหุ้นพฤกษารวมกันคิดเป็นมูลค่า 37,618.75 ล้านบาท รวยขึ้นถึง 18,804.83 ล้านบาท หรือ 99.95%



โค่นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อนอย่าง อนันต์ อัศวโภคิน เบอร์หนึ่งอสังหาฯของไทยจาก แลนด์ แอนด์ แอนด์ เฮาส์ ลงไปอยู่อันดับ 3 แทน

แม้ล่าสุดวันนี้ (27 ธ.ค.53 )ราคาหุ้นของพฤกษาจะลดลงมาอยู่ที่ 18.90บาท/หุ้น ทำให้มูลค่าหุ้นหดหายไปประมาณ 6,000 ล้านบาทก็ตาม

ความมั่งคั่งของแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยคนล่าสุด “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์” เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่นำ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2548 โดยราคาหุ้นพฤกษาขณะนั้นอยู่แค่ 6.55 บาท/หุ้นเท่านั้น


ปีถัดมา 2549 "ทองมา" ติดทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยเป็นครั้งแรกโดยเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ที่มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองจำนวน 8,848.33 ล้านบาท

จากนั้นทองมาก็ยึดตำแหน่งเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ติดต่อกันอีก 3 ปี โดยในปี 2550 ถือครองหุ้นมูลค่า 11,153.95 ล้านบาท ปี 2251 ถือครองหุ้นมูลค่า 9,599.16 ล้านบาท และปี 2552 ถือครองมูลค่า 15,830.43 ล้านบาท

ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับสอง ในปีนี้ ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) โดยถือ

หุ้น BTS ในสัดส่วน 38.69% รวมมูลค่า 17,816.15 ล้านบาท ก้าวกระโดดจากอันดับ 1,631 ในปีที่แล้วที่ คีรี ถือหุ้น บมจ.ธนายง (TYONG) มูลค่าเพียง 34.07 ล้านบาท คิดเป็นความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 17,782.08 ล้านบาท หรือ 52,194.11% ส่งผลให้ คีรี รั้งตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยที่มีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุดไปอีกตำแหน่งในปีนี้

ยิ่งรถไฟฟ้า"บีทีเอส"ขยายเส้นทางเดินรถออกไปมากเท่าไร รายได้ของ"คีรี"ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ขณะที่แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อน อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ปีนี้ร่วงมาอยู่ในอันดับ 3 ถึงแม้ว่าหุ้นที่ถือครองจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนก็ตาม โดยปีนี้ อนันต์ ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 17,635.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,667.96 ล้านบาท หรือ 10.45% ประกอบด้วยหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LH) 23.76% มูลค่า 17,631.53 ล้านบาท และ บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.67% มูลค่า 3.77 ล้านบาท

พื้นเพเดิม"ทองมา"เป็นคนจังหวัดชลบุรี คุณพ่อมีอาชีพขายกระเพาะปลา ส่วนคุณแม่ทำสวนผัก

ทองมาบอกว่า ตั้งแต่เด็ก คุณพ่อค้าขายด้วยความอดทนและซื่อสัตย์ ขายกระเพาะปลากำไรไม่มาก แต่คุณพ่อต้องไปซื้อกระเพาะปลาย่านเยาวราชมาทำ ทั้งที่จริงแล้วเอาหนังหมูมาแทนแบบที่รายอื่นๆทำก็ได้ แต่คุณพ่อไม่ทำ เวลาขาย ก็ขายในราคาชามละ 50 สตางค์ ไม่ขายราคา 1 บาทเหมือนที่"อา"ของเขาขาย

คำตอบของพ่อก็คือ"แค่นี้เราก็มีกำไรแล้ว"

สิ่งที่คุณพ่อสอนคือ "อย่าเอาเปรียบผู้ซื้อ" ราคาขายควรให้เหมาะกับคนซื้อ เพราะลูกค้าที่กินของเรามีรายได้ไม่มาก

รูปภาพ
โครงการพฤกษาปูริ


ไม่แปลกที่สโลแกนของพฤกษาคือ "ให้มากกว่า"
เพราะทำให้คนระดับกลาง-ล่างมีบ้านอยู่ ด้วยราคาที่เอื้อมถึง พฤกษาเคยสร้างความฮือฮาด้วยการขายโครงการขายทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียวในราคาแค่ 350,000 บาทเท่านั้น

ครั้งนั้นทำให้ทองมาและพฤกษาได้"กล่อง"มากกว่าได้"เงิน"

จุดเด่นของพฤกษาคือเทคโนโลยี่การก่อสร้างแบบ"สำเร็จรูป"ที่เขาซื้อลิขสิทธิ์มาจากต่างประเทศ ทำให้ต้นทุนต่ำ ระยะเวลาก่อสร้างลดลง จากปกติที่เคยสร้างกัน 6 เดือน พฤกษาสามารถลดลงเหลือเพียงไม่ถึง 4 เดือน
"พฤกษา"เติบโตจากการพัฒนาโครงการที่เจาะตลาดลูกค้าระดับล่าง ในทำเลรังสิต ก่อนจะขยายฐานลูกค้าไปยังทำเลอื่น ๆ ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ นนทบุรี ปทุมธานี

โครงการที่สร้างชื่อและทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นคือ ทาวน์เฮาส์แบรนด์บ้านพฤกษา ระดับราคาต่ำกว่า 5-6 แสนบาท/ยูนิต จากนั้นจึงขยายไลน์พัฒนาบ้านเดี่ยว เจาะตลาดระดับกลาง และหันมาลงทุนคอนโดฯ ช่วงที่ตลาดคอนโดฯเริ่มบูมเมื่อ 3-4 ปีก่อน

ฉะนั้นเมื่อเห็นพฤกษาเปิดโครงการที่ไหน เผลอแป๊บเดียว โครงการขึ้นพรึ่บ เสร็จหมดแล้ว !
กล่าวได้ว่าปัจจุบันพฤกษา มีโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงและแนวราบเจาะตลาดทุกเซกเมนต์ มีแบรนด์บ้านและคอนโดฯ ในมือร่วม ๆ 20 แบรนด์ และเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินในเมืองไทยรายเดียวที่มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการบุกตลาดในต่างประเทศ

โดยตั้งเป้าเติบโตในแง่ของรายได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่มีรายได้ระดับ 100,000 ล้านบาทภายในปี 2560 ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการพัฒนาอสังหาฯ ในประเทศ 60,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้จากการลงทุนพัฒนาโครงการในตลาดต่างประเทศ 40,000 ล้านบาท หากทำได้ถึงตอนนั้นพฤกษาฯ จะกลายเป็นบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่อันดับที่ 10 ในเอเชีย จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 21-22

ปัจจุบัน พฤกษาฯ ยังขยายฐานการลงทุนในต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ อินเดีย เวียตนาม เกาะมัลดีฟส์ ส่วนที่จะเข้าไปลงทุนในอนาคต อาทิ จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์

ช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา "พฤกษา"โหมเปิดโครงการใหม่อีก 20 โครงการรวด

เบ็ดเสร็จปีนี้พฤกษาเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 68 โครงการ มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท จากแผนเดิมจะเปิด 48 โครงการ ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และโครงการในต่างประเทศ

ทองมา บอกว่า สาเหตุที่ปรับแผนเปิดตัวโครงการเพิ่ม เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจของไทยและเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตดีขึ้นด้วย

"เป็นการชิงโอกาสทำตลาดก่อน เพื่อกวาดยอดขายก่อนที่รายอื่นจะลงมาแข่งขันด้วย" บอสใหญ่พฤกษากล่าว

คนที่รู้จัก"ทองมา" บอกว่า เขาเป็นนักธุรกิจที่พูดน้อย แต่ถ้าเปลี่ยนไปชวนคุยเรื่อง"ธรรมะ"ล่ะก็ทองมาถนัด

เข้าทำนอง โลว์ โปรไฟล์ แต่ ไฮ โปรฟิต

"ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์" แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2553
.............

รูปภาพ
โครงการพฤกษานารา

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/09/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 7:58 am
โดย Ii'8N
รูปภาพ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 30, 2010 8:07 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
ศรีภรรยา ท่านอาจารย์ ดร. นิเวศน์ อยู่อันดับ 100 พอดีเลย เลขสวย :D
ปีหน้าขอให้โตอีก 50% จะได้ไปอยู่แถวอันดับ 50 นะครับ ท่านอาจารย์
Downloadไฟล์.xlsพอร์ตผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งหมด

พอร์ต บุคคล
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

พอร์ต รวมคนตระกูลเดียวกัน
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 19, 2011 3:29 pm
โดย khaolad
ชื่อคุ้น ๆ ทั้งนั้น

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 19, 2011 5:58 pm
โดย thaloengsak
ผมไม่คิดจะไปแข่งขันกับใครเขา
คนเราเริ่มต้นมาด้วยต้นทุนที่แตกต่างกัน
โอกาส และ ความขยันมันก็ต่างๆกันไป
ไม่รู้จะอิจฉาไปทำไม เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองดีกว่าจริงไหม?
จุดมุ่งหมายของผมคือการเอาชนะตัวเอง และต่อสู้อย่างมาราธอนกับความโลภและความกลัว
เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นอิสระทางการเงิน และความสุขของชีวิตจากอิสระที่ได้รับ
หวังว่าสักวันคงมาถึง :)

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 31, 2011 10:23 pm
โดย kobpongpr
โอม..อีก10ปีขอให้มีชื่อผม กอบพงษ์ พรหมปัญญา ติดโผ 1000คนแรกด้วยเถอะ..เพี้ยง :D :D

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 01, 2011 8:33 pm
โดย birth_pianist
เยี่ยมครับ อีก 10 ปีเจอกัน จะไปอยู่ในรายชื่อบ้างให้ชื่นใจซะหน่อย...

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 13, 2011 8:10 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
มูลค่าพอร์ต 1000 อันดับ ของ บุคคลธรรมดา ณ 11/11/11

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 13, 2011 8:26 pm
โดย jo7393
ขอบคุณครับพี่ :D

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 13, 2011 9:27 pm
โดย Ii'8N
พี่ครรชิตครับ 90 กับ 133 คุณบิล the pizza คนเดียวกันครับ


...แต่ว่าคุณทองมานี่ ขนาดราคาหุ้น PS หดลงมาเกือบครึ่ง ยังครองอันดับหนึ่งอยู่เลย :shock:
แสดงว่าช่วงเดือน 7 ยิ่งกว่านี้

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 13, 2011 9:54 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
เวลาหุ้นลง มันลงกันทั้งตลาด คุณทองมาก็เลยยังอยู่อันดับ 1 เหมือนเดิม

แต่ ภรรยา ดร. นิเวศน์ นาง เพาพิลาส เหมวชิรวรากร กลับมูลค่าเพิ่มขึ้น สวนตลาด
จากอันดับ 100 เมื่อ 30/12/10 มูลค่า 1,326,697,204.80 MB
มาเป็นอันดับ 70 เมื่อ 11/11/11 มูลค่า 1,646,091,576.70



90 นาย วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค 1,352,710,638.50 18,963,233.25
133 MR. WILLIAM ELLWOOD HEINECKE 1,009,845,680.70 14,156,715.15
เขาใช้ ทั้งสองชื่อในการถือหุ้น MINT

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 13, 2011 10:01 pm
โดย medtang
ขอบคุณ มากครับ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 21, 2011 9:35 am
โดย Ii'8N
แน่นอนที่สุดวิกฤติหนี้ยุโรปและน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ย่อมทำให้ความมั่งคั่งของแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2554 ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และครอบครัว ที่มีทรัพย์สินมูลค่า 37,618 ล้านบาท วันนี้ความมั่งคั่งของเขาหดหายไปอย่างมาก ผลพวงจากราคาหุ้นที่ลดลงอย่างหนัก

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ลำดับ	ผู้ถือหุ้นรายใหญ่	จำนวนหุ้น (หุ้น)	% หุ้น
1. 	นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์	1,158,493,900	52.48
2. 	นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์	136,371,100	6.18
3. 	น.ส.มาลินี วิจิตรพงศ์พันธุ์	85,000,000	3.85
4. 	นางทิพย์สุดา วิจิตรพงศ์พันธุ์	85,000,000	3.85
5. 	ด.ญ.ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์	85,000,000	3.85
ราคาย้อนหลัง http://www.set.or.th/set/historicaltrad ... country=TH
18/11/2554 11.30 11.40 10.90 11.00 -0.40 -3.51 8,982,200 99,650.23
18/10/2554 13.00 13.10 12.70 12.80 -0.70 -5.19 6,504,800 83,946.30
19/09/2554 18.40 18.80 18.20 18.60 +0.10 +0.54 4,528,900 83,989.76
18/08/2554 18.90 19.80 18.90 19.20 +0.60 +3.23 22,850,600 443,246.96
18/07/2554 20.70 20.70 20.30 20.50 -0.10 -0.49 2,235,200 45,630.78

Peak
11/07/2554 21.10 21.30 20.90 21.00 0.00 0.00 5,218,300 109,895.39
08/07/2554 21.00 21.10 20.80 21.00 +0.20 +0.96 6,856,100 143,851.12






http://bit.ly/spvF1V

ธุรกิจ : BizWeek
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554 01:00
สองบิ๊ก 'พฤกษา-ศุภาลัย' ฝ่าวิกฤติ 'อสังหาฯ' จมจริง-เจ็บจริง

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

รูปภาพ
ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท
รูปภาพ
ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย

Big Crisis!! คำอุทานจากปากบิ๊กอสังหาฯ รอบนี้ 'จมจริง-เจ็บจริง' สองผู้นำตลาด 'พฤกษา-ศุภาลัย' พลิกคัมภีร์ปรับกลยุทธ์เรียกคืนความเชื่อมั่น

วิกฤตการณ์น้ำท่วมใหญ่ นอกจากนิคมอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ จะได้รับผลกระทบเต็มๆ อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ "เจ็บ" ไม่แพ้กัน คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการ "จมน้ำ" เป็นจำนวนมาก แต่นั่นไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับความเชื่อมั่นที่สูญเสียไปโดยเฉพาะโครงการในทำเลที่ถูกน้ำท่วม กลยุทธ์ทำการตลาดนับจากวันนี้ "ไม่ง่าย" ที่จะเรียกวิกฤติศรัทธาให้กลับคืนมา

ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายรายออกมายอมรับว่านี่คือ “วิกฤติ” ที่แท้จริง โดยเฉพาะสองผู้นำธุรกิจรายใหญ่ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท และ ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย ต้องปรับเป้าหมายและกลยุทธ์ฟื้นความเชื่อมั่นอย่างเร่งด่วน

ผู้นำหมายเลขหนึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ถึงเอ่ยปากยอมรับและประเมินว่า น้ำท่วมหนนี้คือวิกฤติของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจริงพอๆ กับวิกฤติเมื่อปี 2540

ความต่างอยู่ตรงที่ว่าตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง พฤกษา เรียลเอสเตท ยังมียอดขายเพียง 1,000 ล้านบาทต่อปี แต่ปัจจุบันมียอดขายปีละ 30,000 ล้านบาท ทำให้วิกฤติครั้งนี้ทองมา ยังมั่นใจสามารถพยุงตัวเองเอาตัวรอดไปได้ โดยคาดว่าภายใน 3 เดือนตลาดน่าจะกลับมาปกติ แต่เบื้องต้นยอมรับว่าในอนาคตต้นทุนของผู้ประกอบการจะต้องเพิ่มขึ้นเพราะต้องถมที่ดินให้สูงขึ้นถ้าเป็นทาวน์เฮ้าส์ต้นทุนคงขึ้นมา 3% ส่วนบ้านเดี่ยว 1.5%

เถ้าแก่ใหญ่พฤกษาเตรียมปรับแผนธุรกิจปี 2555 เขามองว่า ความต้องการของผู้ซื้อจะเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างรอให้น้ำลดและประเมินสถานการณ์ก่อน เบื้องต้นมองว่าคอนโดมิเนียมอาจไม่ใช่ทางเลือกแทนบ้านเดี่ยวเสมอไป แม้น้ำจะท่วมไม่ถึงแต่ความลำบากในการเดินทางก็มีไม่แพ้กัน โชคดีที่พฤกษาปรับกลยุทธ์เรื่องทำเลมุ่งมาพัฒนาในเมืองมากขึ้น จากเดิมที่เป็นเจ้าตลาดย่านรังสิตและบางบัวทองเกือบทั้งหมดของพอร์ต ซึ่งเป็นเขตที่น้ำท่วมหนักทั้งสิ้น ตอนนี้เขตนอกเมืองมีสัดส่วนเหลือแค่ 10% ของพอร์ตรวมเท่านั้น

ส่วนโครงการลงทุนในต่างประเทศที่บังคาลอร์ ประเทศอินเดีย ตอนนี้มียอดจองเข้ามา 60 ล้านบาท มัลดีฟส์มียอดจองคอนโดมิเนียม 74 ล้านบาท ส่วนที่เวียดนามกำลังมองหาที่ดิน ถึงตอนนี้โครงการในต่างประเทศคงต้องชะลอไว้ก่อน เพราะน้ำท่วมหนนี้กระทบตลาดหลักในประเทศของพฤกษาเยอะมาก จำเป็นต้องรักษาฐานเดิมไว้ก่อน

“ปกติไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นไฮซีซัน แต่ปีนี้คาดว่ารายได้เราจะหายไปเหลือ 1 ใน 3 เท่านั้น เมื่อรายได้ลดลงก็ต้องหันมาเน้นรักษาสภาพคล่องและกระแสเงินสด ชะลอการลงทุนใหม่ออกไป โครงการต่างประเทศคงต้องกลางปี 2555 ถึงจะเริ่มต้นใหม่"

อย่างไรก็ตาม ทองมา ยังเชื่อมั่นในจุดแข็งของพฤกษา คือ การปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว "ผมยังเชื่อว่าเราจะเป็นผู้นำตลาดได้อีกครั้ง" เขาไม่ละทิ้งความหวัง

ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ มือขวาของทองมา ยอมรับว่า รายได้รวมปี 2554 น่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้า 32,000 ล้านบาท น่าจะทำได้แค่ 22,000-23,000 ล้านบาท เท่านั้น และต้องชะลอการเปิดตัว 29 โครงการใหม่ไปปี 2555 ซึ่งมีมูลค่ารวม 20,300 ล้านบาท

สำหรับโครงการของพฤกษาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ถ้าเป็นโครงการเก่ามีอยู่ 80 โครงการ โครงการใหม่ที่ได้รับผลกระทบหนัก 20 โครงการ และกระทบเล็กน้อย 3 โครงการรวมแล้วมีผลกระทบ 18% ของพอร์ตรวมทั้งหมด บรรยากาศตอนนี้ ประเสริฐ ยอมรับว่า "เงียบเหงาไปมาก" แต่มั่นใจว่าความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่โดยประเมินคร่าวๆ ได้ว่าแนวราบกับแนวสูงยังมีสัดส่วนเท่ากัน ถึงตอนนี้บริษัทต้องชะลอการก่อสร้างใหม่ไป 1-2 เดือน เพราะวัสดุก่อสร้างขาดแคลนและโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูป ของพฤกษาก็ได้รับผลกระทบไปบางส่วนด้วย คาดว่าต้องใช้เวลา 3-6 เดือน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถึงจะฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง

มือขวาทองมามองด้วยว่า กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น กฎหมายผังเมือง และหลักเกณฑ์การก่อสร้าง คงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้ประกอบการคงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจตามให้ทัน อย่างไรก็ตามแม้พอร์ตใหญ่พฤกษาจะเป็นแนวราบแต่ Backlog โครงการคอนโดมิเนียมยังอยู่ที่ 10,803 ล้านบาท ยังถือว่าใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม เชื่อว่าจะช่วยพยุงให้พฤกษาไม่ได้รับผลกระทบไปมากกว่านี้ ส่วนแผนงานและเป้าหมายในปี 2555 ต้องขอประเมินสถานการณ์ก่อน ตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้

แน่นอนที่สุดวิกฤติหนี้ยุโรปและน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ย่อมทำให้ความมั่งคั่งของแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2554 ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และครอบครัว ที่มีทรัพย์สินมูลค่า 37,618 ล้านบาท วันนี้ความมั่งคั่งของเขาหดหายไปอย่างมาก ผลพวงจากราคาหุ้นที่ลดลงอย่างหนัก

ด้าน ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบมีโครงการหลายแห่งถูกน้ำท่วม กล่าวยอมรับกับกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า เหตุการณ์น้ำท่วมหนนี้คือการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ในแง่ "พฤติกรรมผู้บริโภค" ในเบื้องต้นประเมินว่าคอนโดมิเนียมจะมีความต้องการมากขึ้นแน่นอน ขณะที่บ้านเดี่ยวผู้ประกอบการจะมีภาระในการถมที่ดินให้สูงขึ้นและสร้างคันกั้นถาวรเพื่อสร้างความมั่นใจ ทาวน์เฮ้าส์ก็น่าจะเพิ่มเป็น 3 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นที่จอดรถ

เถ้าแก่ใหญ่ศุภาลัยมีความเห็นส่วนตัวว่าแม้วิกฤติรอบนี้จะใหญ่ ความเสียหายเทียบเท่าเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่ราชประสงค์และปิดสนามบิน แต่น่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่เพียงแต่ตอนนี้ผู้คนขาดความเชื่อมั่นและการขนส่งวัสดุก่อสร้างมีปัญหาทำให้ไตรมาส 4 ปีนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลงแน่นอน แต่คาดว่าไม่เกินสามเดือนทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม

ศุภาลัยในฐานะหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ของตลาดจึงต้องมีการปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ยังดีที่หลายปีหลังบริษัทปรับกลยุทธ์ให้มีทั้งสินค้าแนวราบและแนวสูงในสัดส่วนใกล้เคียงกัน รวมถึงหันมาเปิดโครงการในกรุงเทพชั้นในมากขึ้น แต่ยุทธศาสตร์หลักของศุภาลัยจะมุ่งเน้น “ตลาดใหม่” ในต่างจังหวัด หัวเมืองใหญ่ และต่างประเทศ

ประทีป เชื่อว่า ประชากรไทยไม่น่าจะเพิ่มมากกว่า 70 ล้านคนอีกแล้ว เพราะคนรุ่นใหม่นิยมมีบุตรน้อยลง และรายได้ต่อหัวของคนไทยจะเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่เติบโต สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือผู้คนจะนิยมมีบ้านหลังที่สอง คนต่างจังหวัดก็ต้องการบ้านในกรุงเทพ คนกรุงเทพก็ต้องการบ้านต่างจังหวัด เช่น หัวหินเพื่อใช้พักผ่อน ศุภาลัยจึงเน้นเปิดโครงการในหัวเมืองใหญ่มากขึ้น

ขณะเดียวกันการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ก็เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยจะขยายธุรกิจไปในอาเซียน โดยศุภาลัยได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศึกษาตลาดในภูมิภาคเวียดนาม ศรีลังกา ส่วนตัวมองว่ามาเลเซียและอินโดนีเซียคือประเทศที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจมากที่สุดในภูมิภาค เพราะประชากรมีแต่จะเพิ่มขึ้นและคนหนุ่มสาวมีสัดส่วนสูงขึ้น การลงทุนน่าจะเป็นรูปแบบร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น

“ตลาดในประเทศเรายังมองว่ายังน่าจะมีความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ 100,000 ยูนิตต่อปี เป้าหมายของเรายังคงเป้ายอดขายเติบโต 15% ทุกปี”

ประทีป ปิดท้ายว่า ปี 2555 เตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียมและคอมมูนิตี้มอลล์บนที่ดินรัชดาซึ่งประมูลมาจากกองทุนฟื้นฟูฯ คาดว่าจะเริ่มในปลายไตรมาส 1 ปี 2555 โดยจะแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกจำนวน 1,000 ยูนิต 19 ชั้น มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ส่วนเฟสสองจะรอรถไฟฟ้าสายสีส้มซึ่งจะวิ่งผ่านโครงการด้วย

“ถ้ารวมสองเฟสโครงการนี้จะเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงที่สุดของศุภาลัย” เขากล่าว

ผู้บริหารรุ่นใหม่ ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม ทายาทธุรกิจของประทีป เปิดเผยว่า เป้ายอดขายปีนี้ อาจไม่ได้ตามเป้าที่ 17,000 ล้านบาท เพราะโครงการแนวราบได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ได้ยอดขายคอนโดมิเนียมมาช่วยหนุน คาดว่าปีนี้น่าจะทำยอดขายได้ 15,000 ล้านบาท โดยงวด 9 เดือน ทำได้แล้ว 14,500 ล้านบาท

แผนงานในปี 2555 คาดว่าจะใช้เงินซื้อที่ดิน 3,000 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่ตั้งไว้ 4,500 ล้านบาท เพราะงบบางส่วนของปีนี้ได้เลื่อนมาใช้ปีหน้า โดยมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 20 โครงการในปี 2555 โดย 60% เป็นคอนโดมิเนียม และ 40% เป็นแนวราบ บวกกับที่เลื่อนเปิดจากปีนี้ 6 โครงการ เชื่อว่าตลาดน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้าเป็นต้นไป สำหรับเป้ายอดขายยังคงไว้ที่เติบโต 15% เหมือนกับทุกปี


บ้านเดี่ยวฟุบ-คอนโดมิเนียม ยังไหว

อดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ยอมรับกับกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า ยอดขายในไตรมาส 4 คงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแน่นอน ทำให้ยอดขายปีนี้คงไม่ได้ตามเป้าเติบโต 25% หรือ 25,000 ล้านบาท โดยน่าจะลดลงมาอยู่ที่ 23,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 17% ส่วนยอดรับรู้รายได้น่าจะยังทำได้ตามเป้าเดิม 20,000 ล้านบาท เพราะได้ปิดการขายและโอนไปแล้ว ส่วนโครงการใหม่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจะยังเปิดการขายเช่นเดิม ส่วนแผนปี 2555 ต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อน

โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า เหตุการณ์น้ำท่วมน่าจะทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมคึกคักอีกครั้ง โดยช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะเดินหน้าเปิดตัวคอนโดมิเนียมอีกสองโครงการ และไตรมาสแรกปี 2555 เปิดอีก 2-3 โครงการ สำหรับเป้ารายได้ปี 2554 น่าจะทำได้ 12,000 ล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าไว้ เพราะช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ก็สามารถทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายแล้ว

สำหรับแผนปี 2555 ตอนนี้ยังมีงานค้างรอรับรู้รายได้ 10,000 ล้านบาท ทำให้ปีหน้าจึงมั่นใจว่าจะยังรักษารายได้ให้เติบโต 10-15% และเชื่อมั่นว่าผู้คนยังคงมีความต้องการคอนโดมิเนียมมากขึ้นอย่างแน่นอน

ปล. คนเอามา post ไม่ได้มีหุ้นอสังหาฯ แต่เชื่อว่าในวิกฤติ มีโอกาสสำหรับการลงทุน เพราะคนมัก panic จนเกินเหตุจริงเสมอ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 21, 2011 10:11 pm
โดย kingjohn649
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 14, 2011 2:37 pm
โดย Ii'8N
เราได้รู้ก่อนสื่้อมวลชนศะอีก จากไฟล์พี่ครรชิต :D

การเมือง
วันที่ 14 ธันวาคม 2554 12:39
'ทองมา'แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย2011'วิชัย-หมอเสริฐ'ผงาด

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

รูปภาพ

'ทองมา' วิจิตรพงศ์พันธ์แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 2011 วิชัย - หมอเสริฐผงาดขึ้นอันดับ TOP 5

เปิดทำเนียบ 500 เศรษฐีหุ้นไทย 2011 ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ แห่งพฤกษา รั้งตำแหน่งแชมป์เป็นปีที่ 2 รวย 1.9 หมื่นล้าน ตามด้วยอันดับ 2 อนันต์ อัศวโภคิน ค่าย L&H รวย 1.5 หมื่นล้าน ด้านคีรี กาญจนพาสน์ เจ้าพ่อ BTS ครองหุ้นรวม 1.3 หมื่นล้าน ผู้ถือหุ้นใหญ่ BGH วิชัย ทองแตง - น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ - สาธิต วิทยากร ผงาดขึ้นอันดับ 4-6 เผยพิษวิกฤติหนี้ยุโรปฉุดตลาดหุ้นดิ่งทั่วโลก ทำเศรษฐีหุ้นไทยจนลง 2.4 หมื่นล้าน

เป็นปีที่ 18 แล้ว ที่ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของเศรษฐีหุ้นในปี 2554 ซึ่งวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2554 จำนวน 5,480 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 666,075 ล้านบาท ลดลงจากปี 2553 ถึง 24,156 ล้านบาท หรือ 3.5% เท่ากับจนลงเฉลี่ยวันละ 66.18 ล้านบาท

สาเหตุหลักที่ความมั่งคั่งของ 500 เศรษฐีหุ้นไทยลดลง เนื่องจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 ซึ่งใช้เป็นฐานในการคำนวณมูลค่าการถือครองหุ้นของบรรดาเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2554 ตกลงจาก 975.30 ในปี 2553 มาอยู่ที่ 916.21 โดยลดลง 59.09 จุด หรือ 6.06% และส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ลดลงเหลือ 7,502,277.19 ล้านบาท โดยมีมูลค่าลดลงถึง 390,807.82 ล้านบาท จาก Market Cap ในปี 2553 ที่ 7,893.085.01 ล้านบาท

ทั้งนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรปที่มีปัญหายาวนานมาเป็นเวลากกว่า 1 ปีครึ่ง โดยมีจุดเริ่มต้นที่ประเทศกรีซ ซึ่ง ณ เวลานี้ กำลังแบกรับระดับหนี้สาธารณะที่สูงกว่า 160% ของจีดีพี แม้ว่าผู้นำของประเทศสมาชิกยูโรโซนใช้ความพยายามในการแก้ไข และประคับประคองสถานการณ์วิกฤติหนี้ยุโรป เพื่อสกัดและลดความเสี่ยงของการลุกลามของปัญหาไปยังประเทศสมาชิกยูโรโซนอื่นๆ แต่ก็ยังไม่สามารถยุติปัญหาได้จนถึงปัจจุบัน

สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยใน วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2554 ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2554 ตกเป็นของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ซึ่งเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 18,520.34 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 58.66% มูลค่า 18,516.57 ล้านบาท และหุ้น บมจ.ซีพโก้ (SEAFCO) บริษัทรับก่อสร้างงานฐานรากและงานโยธาทั่วไป ในสัดส่วน 0.66% มูลค่า 3.77 ล้านบาท
ความมั่งคั่งของ ทองมา แชมป์เศรษฐีหุ้นในปีนี้ มีมูลค่าลดลงถึง 12,901.92 ล้านบาท หรือ 41.06% สาเหตุสำคัญเนื่องมาจากราคาหุ้น PS ปรับลดลง 10 บาท หรือ 41.15% จาก 24.30 บาท มาอยู่ที่ 14.30 บาท ในวันที่ 30 กันยายน 2554

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อดีตแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อน ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 15,490.82 ล้านบาท รวยลดลง 2,144.49 ล้านบาท หรือ 12.16%

อนันต์ ถือหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.76% มูลค่า 15,487.16 ล้านบาท และ บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.36% มูลค่า 3.66 ล้านบาท ซึ่งราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัทที่อนันต์ถือครองนั้นล้วนแต่ปรับตัวลดลง โดย LH ลดลง 0.90 บาท จาก 7.40 บาท เหลือ 6.50 บาท และ MANRIN ลดลง 0.30 บาท จาก 1.30 บาท เหลือ 10 บาท

ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น นอกจากนี้ยอดจองบ้านในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่รอนโยบายบ้านหลังแรกและนโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาล จึงชะลอการตัดสินใจซื้อ และยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก ด้วยผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) โดยถือหุ้น BTS ในสัดส่วน 37.77% รวมมูลค่า 12,742.83 ล้านบาท ลดลง 5,073.31 ล้านบาท หรือ 28.48%

สำหรับเศรษฐีหุ้นอันดับ 4-6 ในปีนี้ ตกเป็นของ 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) โดยเศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ วิชัย ทองแตง ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 11,804.14 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้น BGH ในสัดส่วน 12.17% มูลค่า 11,532.14 ล้านบาท และหุ้น บมจ.ปุ๋ยเอ็นเอฟซี (NFC) 8.04% มูลค่า 272 ล้านบาท

เมื่อปีที่แล้ว วิชัย เป็นเศรษฐีหุ้นในอันดับ 391 โดยถือเพียงแค่หุ้น NFC เท่านั้น แต่มาในปีนี้ วิชัย ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของ BGH ส่งผลให้มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 4 หรือรวยขึ้น 11,532.14 ล้านบาท คิดเป็น 4,239.76%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 11 ในปี 2553 โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 9,870.25 ล้านบาท รวยขึ้น 3,772.17 ล้านบาท หรือ 61.86% ประกอบด้วยหุ้น BGH 10.39% มูลค่า 9,854.15 ล้านบาท และหุ้น บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) 0.79% มูลค่า 16.10 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ สาธิต วิทยากร ก้าวขึ้นจากอันดับ 14 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยการถือครองหุ้น BGH สูงเป็นอันดับ 2 รองจากวิชัย ในสัดส่วน 10.01% รวมมูลค่า 9,483.62 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 4,245.37 ล้านบาท หรือ 81.05%

ทั้งนี้ ในรอบปีที่ผ่านมาราคาหุ้นของ BGH ได้ปรับตัวเพิ่มสูงมาก จาก 39.50 บาท ขึ้นมาเป็น 64.00 บาท เพิ่มขึ้น 24.50 บาท หรือ 62.03%% ส่งผลให้บรรดาผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 รายรวยขึ้นมาติดอันดับ 4-6 กันถ้วนหน้า
ด้านทายาทโอสถสภา นิติ โอสถานุเคราะห์ ขึ้นจากอันดับ 6 มาอยู่อันดับ 7 ในปีนี้ ถือครองหุ้น 14 บริษัท มูลค่ารวม 7,569.66 ล้านบาท ลดลง 131.60 ล้านบาท หรือ 1.71%

ส่วนเศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ตกลงมาจากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ เจ้าของธุรกิจเสื้อชั้นในยี่ห้อ “ซาบีนา” วิโรจน์ ธนาลงกรณ์ โดยถือครองหุ้นมูลค่าเท่ากับปีที่แล้ว 6,328.48 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้น บมจ.ซาบีน่า (SABINA) 74.59% มูลค่ารวม 5,728.47 ล้านบาท และ บมจ. เซ็นทรัลอุตสาหกรรมกระดาษ (CPICO) 21.74% มูลค่า 600 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 หล่นจากอันดับ 5 เมื่อปีก่อน ได้แก่ เจ้าของสยามแก๊ส วรวิทย์ วีรบวรพงศ์ ถือหุ้น บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) 54.13% รวมมูลค่า 5,708.17 ล้านบาท ลดลง 3,085.50 ล้านบาท หรือ 35.09% จากการที่ราคาหุ้น SGP ลดลง 6.00 บาท จาก 17.10 บาทเมื่อปีที่แล้วมาเหลือ 11.10 บาทในปีนี้

ด้านประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ปีนี้ก้าวขึ้นมาติด 1 ใน 10 เศรษฐีหุ้นไทยได้สำเร็จ โดยก้าวขึ้นจากอันดับ 20 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 10 ในปีนี้ โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 5,421.99 ล้านบาท รวยขึ้น 870.07 ล้านบาท หรือ 19.11%

ส่วนตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2554 ได้แก่ ตระกูลมาลีนนท์ ที่ครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 13 รวมมูลค่าความมั่งคั่ง 33,805.47 ล้านบาท ลดลง 10,370.99 ล้านบาท หรือ 41.08% เนื่องจากราคาหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) ปรับตัวลดลงจาก 38.75 บาทเหลือ 36.75 บาทในปีนี้

ตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ยังเป็นของตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์เช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดยครอบครัววิจิตรพงศ์พันธ์ ถือครองหุ้น บมจ.พฤกษา (PS) รวมมูลค่า 22,166.84 ล้านบาท รวยลดลงถึง 15,451.92 ล้านบาท หรือ 41.08%
ตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ปีนี้ขึ้นจากอันดับ 5 มาอยู่ในอันดับ 3 โดยเครือญาติในตระกูล 26 คน ถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 21,340.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,015.39 ล้านบาท หรือ 16.45%

ด้านตระกูลอัศวโภคิน ปีนี้ตกลงไปอยู่อันดับ 4 โดย 7 เครือญาติ ถือครองหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 18,567.45 ล้านบาท ลดลง 3,301.45 ล้านบาท หรือ 15.10%

สำหรับตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ ตระกูลทองแตง ที่ก้าวกระโดดขึ้นมาจากอันดับ 297 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 15,328.38 ล้านบาท มั่งคั่งเพิ่มขึ้น 15,016.93 ล้านบาท หรือ 4,821.59% ประกอบด้วยหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH), บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NFC) และ บมจ.ไดโดมอน กรุ๊ป (DAIDO)

ส่วนตระกูลชินวัตร ยังคงเหลือ 2 ทายาทของ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นในปีนี้ ได้แก่ ลูกสาวคนเล็ก แพทองธาร ชินวัตร (อิ๊ง) เศรษฐีหุ้นอันดับ 51 ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเซท (SC) 29.61% มูลค่า 2,094.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 576.55 ล้านบาท หรือ 37.97% และลูกสาวคนกลาง เอม พิณทองทา ชินวัตร เศรษฐีหุ้นอันดับ 52 ถือหุ้น SC 28.66% มูลค่า 2,027.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 557.95 ล้านบาท หรือ 37.97%

ส่งผลให้ตระกูลชินวัตรก้าวขึ้นจากอันดับ 39 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 30 ในปีนี้ โดย 2 ทายาทสาวถือหุ้นรวมมูลค่า 4,121.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,134.49 ล้านบาท หรือ 37.97%

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 14, 2011 11:24 pm
โดย nantawat999
อันดับ 18 19 20 หน้าแรก ซ้ำกัน mrs arunee chan

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 16, 2011 8:11 am
โดย OnlyRead
200MB อันดับ 569
400MB อันดับ 305
800MB อันดับ 168
1600MB อันดับ 74
3200MB อันดับ 34

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 19, 2011 2:50 pm
โดย Ii'8N
ลองไปอ่านหน้า 8 ถนนนักลงทุน ฉบับกระดาษกรุงเทพธุรกิจวันนี้ (ยังไม่เห็น up เข้า website อาจขึ้นพรุ่งนี้)
บอกว่าของอ.นิเวศน์ port โต 30% ของหมอพงษ์ศักดิ์ port ขึ้น 2000 ล้าน (ไม่เห็นข้างบน อาจอยู่ในหุ้นตัวใหญ่)


แต่อาจารย์แกบ่นๆ แกมเตือนน้องๆ ว่าใจร้อนรีบซื้อรีบขาย มันไกลแนวทาง VI ไปนะ (คงไม่ได้ตำหนิ แต่คงกลัวน้องๆ เสี่ยงกันมากไป)

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 20, 2011 8:15 am
โดย Ii'8N
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B2!!!.html

http://bit.ly/w4IMzg

ธุรกิจ : BizWeek
วันที่ 20 ธันวาคม 2554 01:00
ตลาดหุ้นอืด!...แต่เซียน 'รวย' 'เซียนรายใหญ่' กำไรถ้วนหน้า!!!

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
รูปภาพ

นักลงทุนรายใหญ่ลงทุนปี 2554 'ยิ้มหน้าบาน' โกยกำไรตามเป้าหมาย สวนทางดัชนี 'ต้นปี-ปลายปี' ปิด 'เท่าทุน' เซียนต้นตำรับ 'ดร.นิเวศน์' หอบกำไร 30%

ตลาดหุ้นปีกระต่าย (2554) ต้นปีกับปลายปีดัชนีใกล้เคียงกันมาก SET Index ปิดสิ้นปี 2553 ที่ระดับ 1,032 จุด ระหว่างปีขึ้นไปสูงสุด 1,148 จุด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2554 และลงไปต่ำสุดที่ระดับ 843 จุด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ล่าสุดดัชนีเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 1,030 จุด เท่ากับว่าเล่นหุ้นปีนี้ "เสมอตัว" ไม่ให้ผลตอบแทนนักลงทุน แต่เมื่อสอบถามนักลงทุนรายใหญ่ระดับแนวหน้า ต่างพากัน "โกยกำไร" เข้ากระเป๋าไม่น้อย

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร แวลูอินเวสเตอร์ระดับตำนานของเมืองไทย เล่าให้กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟังด้วยน้ำเสียงสดใสว่า สมเป็นปี "กระต่ายทอง" จริงๆ (หัวเราะ) เพราะปีนี้ สามารถทำกำไรจากการลงทุนได้มากถึง 30% เรียกได้ว่า "ทะลุเป้า" จากที่ตั้งใจถ้าได้ผลตอบแทนปีละ 10-15% ก็พอใจแล้ว

"หุ้นทุกตัวที่ผมลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามใจปรารถนา เพราะหุ้นในพอร์ตไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วม และหนี้สินยุโรป โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มค้าปลีก ที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยตรงกันข้ามมีแต่ได้ประโยชน์ จะเรียกว่ากลุ่มค้าปลีก (CPALL, HMPRO ฯลฯ) เป็น “พระเอก” ในพอร์ตก็ได้ แต่หุ้นตัวเล็กตัวน้อยที่ถืออยู่ก็สร้างผลตอบแทนไม่น้อยหน้าเหมือนกัน"

อาจารย์นิเวศน์วิเคราะห์ให้ฟัง เหตุผลที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกแรงดีไม่มีตกเป็นเพราะนักลงทุนเริ่มสนใจหุ้นค้าปลีกมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างชาติ เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้ยังสามารถเติบโตได้ปีละกว่า 10% และสามารถทนทานได้ต่อทุกๆ สถานการณ์ ไม่ว่าเหตุการณ์ร้ายแรงแค่ไหนก็ไม่สะทกสะท้าน

จุดเด่นอีกประการของหุ้นกลุ่มค้าปลีก (โมเดิร์นเทรด) ธุรกิจมีไซส์ขนาดใหญ่มากขึ้นและมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ และยังได้รับประโยชน์เต็มๆ จากการที่รัฐบาลจะปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ฉะนั้นไม่แปลกที่หุ้นกลุ่มนี้กำลังได้รับความนิยม

แวลูอินเวสเตอร์พันล้าน บอกต่อว่า ในปี 2555 ยังคงตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนเหมือนเดิมที่ 10-15% ยังเน้นลงทุนในหุ้นที่อิงผลประโยชน์ในประเทศเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน, ค้าปลีก และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ถามว่าจะเน้นหุ้นกลุ่มไหนเป็นพิเศษหรือไม่! อาจารย์นิเวศน์ ตอบว่า ขอรอดูสถานการณ์ต้นปี 2555 ก่อน แต่ไม่ว่าจะถือหุ้นตัวไหนก็จะนอนกอดยาวๆ

สำหรับคำแนะนำจาก "เซียนต้นตำรับ" นักลงทุนที่นิยมความเสี่ยงสูง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2555 ให้ลงทุนในตลาดหุ้นไปเลย 50-57% ที่เหลือให้นำไปลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาล กองทุนต่างๆ และทองคำ ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยหน่อยให้ลงทุนในตลาดหุ้นเพียง 30-50% กลยุทธ์การลงทุนนี้หวังผลตอบแทน 10-15%
อาจารย์นิเวศน์ ยังฝากถึงนักลงทุนแนววีไอว่า ขอให้อย่าลืม! การลงทุนแบบเน้นคุณค่า คือ การลงทุน "ระยะยาว" เน้นซื้อบริษัทพื้นฐานดีๆ ไม่ใช่เล่นสั้นๆ

"ผมเห็นพักหลังๆ มีนักลงทุนหนุ่มๆ ออกแนว “มือไว ใจเร็ว อารมณ์ร้อน” ที่พยายามบอกว่าตัวเองเป็นนักลงทุนแนว VI แต่กลับหันไปลงทุนแบบ “เก็งกำไร” มากขึ้น..ซื้อขายสั้นมาก ถือว่าคุณ "เดินไม่ถูกทาง" ถ้าคุณยังยึดหลัก VI ต้องไม่ลงทุนแบบนี้ มันผิดหลักการ" ผู้เผยแพร่แนวคิด VI คนแรกของเมืองไทยระบายความอึดอัดที่อยู่ในใจ

เซียนหุ้นรายใหญ่ระดับแถวหน้าอีกคน นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี ประเมินว่าจากสถานการณ์น้ำท่วม และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย (GDP) ที่ลดลงจาก 4% เหลือ 2% รวมถึงปัญหาหนี้สินยุโรป ทำให้การลงทุนในปีกระต่ายของตนเอง "พลาดเป้าหมายเล็กน้อย" จากเดิมที่คาดว่าจะโกยกำไร 10% ถึงตอนนี้ยังทำได้เพียง 5-6% เท่านั้น แต่ก็ไม่ถือว่า “ขี้เหร่” รับได้ (เจ้าตัวหัวเราะ!)

"ปีนี้ ผมเน้นลงทุนหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน และกลุ่มพลังงาน หุ้นกลุ่มนี้ไม่ยอมปรับตัวเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย ตรงกันข้ามกลับลดลงค่อนข้างมาก ตอนหุ้นหล่นทำผมใจหาย..เชื่อมั้ย!! (ลงทุนไว้เยอะ) เมื่อหุ้นไม่เป็นดั่งใจ ทำให้ผมลดการลงทุนลง 30-40% แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในหลักร้อยล้านบาท"


หมอบุญ เชื่อมั่นว่า ในปีมังกร (2555) พอร์ตลงทุนของตนเองจะเด้งกลับมาเหมือนเดิม เพราะปัญหาการเงินยุโรปจะเริ่ม "นิ่ง" ขึ้น แถมเศรษฐกิจเมืองไทยมีโอกาสเติบโต 4-6% ฉะนั้นในช่วง 6 เดือนแรกให้นักลงทุนซื้อหุ้น 50% ของเงินลงทุนทั้งหมด เรียกได้ว่าสูงกว่าปีก่อนที่เชียร์ให้ลงหุ้นเพียง 40% ที่เหลืออีก 30% ให้นำไปซื้อกองทุนต่างๆ และพันธบัตรเอกชน คาดว่าจะให้ผลตอบแทน 5-6% รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลที่จะให้ผลตอบแทน 3% ส่วนที่เหลือเก็บไว้เป็นเงินสด เผื่อหุ้นตัวดีๆ ลดลงมา เราก็จะได้มีเงินสดไว้ซื้อ ไม่อยากให้นักลงทุนทุกท่านตกรถไฟ

ถามว่าปีหน้าหุ้นกลุ่มไหนจะเป็น “ดาวเด่น” หมอใหญ่ มองว่าโดดเด่นที่สุด คือ กลุ่มสถาบันการเงิน, พลังงาน, อาหาร และท่องเที่ยว เพราะเศรษฐกิจในประเทศจะเติบโตมากขึ้น ฉะนั้นหุ้นพวกนี้ก็จะได้รับผลประโยชน์ตามไปด้วย ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ก็น่าสนใจ ถ้าหุ้นปรับตัวลดลง "ช้อนเก็บไว้" เชื่อว่าถ้าลงทุนตามสูตรนี้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี ไม่ใช่เรื่องยาก

คุณหมอนักลงทุน แนะนำว่า ครึ่งปีแรกให้ซื้อหุ้นไปเลย 50% (ถือเงินสดให้น้อย) แต่ถ้าเฉลี่ยทั้งปี 2555 ควรซื้อหุ้นเฉลี่ยที่ 30% ที่เหลือ 40% ซื้อพันธบัตรรัฐบาล และเก็บไว้เป็นเงินสด 30% เพราะมองว่าหุ้นน่าจะดีช่วง "ครึ่งปีแรก" แม้ยุโรปจะเริ่มดีขึ้น แต่มันมีตัวแปรอื่นๆ มาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสงครามในตะวันออกกลาง หากรุนแรงขึ้นมาวันไหนตลาดหุ้นกระทบแน่นอน

ถามแหย่! ว่า ในปีหน้าจะได้เห็นหมอบุญ ไปเทคโอเวอร์กิจการอะไรอีกหรือไม่! เจ้าตัวหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยบอกสั้นๆ ว่า "เรื่องนี้สงสัยต้องคุยกันยาว"

ถามอีกคน นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี นักลงทุนพอร์ตใหญ่ระดับ "สองพันล้านบาท" เจ้าของคลินิกเสริมความงาม “พงศ์ศักดิ์คลินิก” เจ้าตัวเล่าว่า ผลตอบแทนการลงทุนปีนี้ เรียกได้ว่า "เกินเป้าหมาย" จากปกติตั้งเป้าทำได้ปีละ 10-15% แต่จะเกินมาเท่าไรขอไม่เปิดเผย "ผมหวังไม่เยอะ (หัวเราะ) ส่วนมูลค่าพอร์ตก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน"

คุณหมอพงศ์ศักดิ์ บอกว่า ปี 2554 ถือเป็นปีที่ตนเอง "เปลี่ยนหุ้นเล่น" ค่อนข้างเยอะ จากปกติที่แทบไม่เคยปรับเปลี่ยนอะไรบ่อยๆ เมื่อเรามองเห็นโอกาสที่ดีกว่าก็ควรเปลี่ยน การลงทุนแนว VI ไม่ได้หมายความว่าต้องถือหุ้นระยะยาวเสมอไป เพราะหากระหว่างทางราคาหุ้นดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ก็ควร "ขาย" เพื่อไปซื้อตัวที่คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า

“ในพอร์ตผมมีหุ้นประมาณ 8 ตัว ทุกตัวถือว่าเป็น “พระเอก” เพราะก่อนลงทุนจะศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบแล้ว”

สำหรับในปี 2555 นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งใจจะลงทุนในตลาดหุ้น 90% ลงเยอะเพราะรู้ว่า "ไม่เสี่ยง" เขามองว่า ปีหน้าไม่มีอะไรน่ากังวล แม้ปัญหาหนี้สินยุโรปจะยังหาข้อสรุปไม่ได้แต่ตลาดก็รับรู้ไปมากแล้ว ซึ่งในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ ถ้าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ปีละ 10-15% ได้แค่นี้ก็ดีใจแล้ว ส่วนหุ้นที่คิดว่า "น่าสนใจ" ยังเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายในประเทศ เช่นกลุ่มท่องเที่ยว, สุขภาพ (โรงพยาบาล-ประกัน) หรือค้าปลีกก็ยังน่าสนใจมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ขายของให้กับ "คนชนชั้นกลาง"

"หากนักลงทุนติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องก็จะรู้เลยว่าหุ้นกลุ่มไหนจะได้รับประโยชน์บ้าง มันเห็นๆ กันอยู่ ของดีอยู่รอบๆ ตัวเรานี่แหละ! อย่ามองผ่านเลยไป หรือมัวไปมองอย่างอื่น"

คุณหมอทำนายตลาดหุ้นปี 2555 ว่า "น่าจะโอเค" เพราะได้ปัจจัยหนุนรัฐบาลลงทุนในโครงการใหม่ๆ ค่อนข้างมาก และยังปรับค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวมากขึ้น ส่วนในมุมของต่างประเทศยังต้องจับตาดูปัญหาหนี้สินยุโรป แต่โดยรวมๆ ตลาดหุ้นไทย "ยังลงทุนได้"

“ต้องมองตลาดหุ้นยาวๆ เชื่อว่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า หุ้นไทยจะขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ปีหน้าทุกคนคงเริ่มเห็นอะไรๆ ดีขึ้น หลังรัฐบาลเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และมีแผนใช้เงินในโปรเจคใหม่ๆ รวมถึงใช้เงินเพื่อฟื้นฟูน้ำท่วม”

สำหรับคำแนะนำนักลงทุนมือใหม่ หากยังไม่เคยลงทุนหุ้นตัวไหนเลย แรกๆ ควรซื้อหุ้นเพียง 20% เพราะตลาดหุ้นต้องใช้เวลาศึกษานานๆ ต้องเข้าใจอารมณ์การลงทุนด้วย...อยากฝากบอกนักลงทุนแนว VI ว่าก่อนลงทุน สิ่งสำคัญต้อง "มีศรัทธา" แม้วันนี้คุณจะมองไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็น แต่ถ้ามีแรงศรัทธาวันหนึ่งก็จะเห็น เมื่อมีศรัทธาที่ดี ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์รอบด้าน มั่นใจในสิ่งที่ทำ คุณก็จะเป็นนักลงทุนที่ดี...นพ.พงศ์ศักดิ์ กล่าว

ด้าน พีรเจต สุวรรณนภาศรี ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ยูเนี่ยน อินทราโก้ หนึ่งในนักลงทุนแนว VI เปิดเผยว่า ในปี 2554 พอร์ตลงทุนส่วนตัวเพิ่มขึ้นราวๆ 10% และได้กำไรจากการลงทุน 10-20% ถือว่า "เข้าเป้า" แม้ในช่วงครึ่งปีหลังหุ้นบางตัวจะโดนผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และบางช่วงต้อง Cut Loss (ตัดขาดทุน) หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 20-30% ยอมขาดทุนไป 9% เพราะไม่มั่นใจว่าแลนด์แบงก์ที่เขามีแถวบางบัวทอง และปทุมธานี ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหรือไม่

สำหรับมุมมองในปี 2555 พีรเจต ประเมินว่า GDP ในประเทศมีโอกาสทะลุ 6% แน่นอน เพราะบริษัทที่หยุดผลิตหลังน้ำท่วมจะกลับมาทำงานเหมือนเดิมในช่วงเดือนมกราคม ส่วนมุมต่างประเทศ หนี้สินยุโรปยังตามหลอกหลอนเหมือนเดิมทุกอย่างจะจบไม่จบขึ้นอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ถ้าผู้นำบอกว่า “ไม่” อะไรหลายอย่างคงแย่ลง

"ผมมองว่าปีหน้า ควรซื้อลงทุนระยะปานกลาง 6-8 เดือน น่าจะปลอดภัยที่สุด ไม่เชียร์ให้ถือยาว 3-5 ปี หรือซื้อทิ้งๆ ไม่ดูแล เพราะรอบโลกยังมีปัจจัยอีกมากมายที่พร้อมจะกระทบราคาหุ้น ทุกครั้งที่มีข่าวร้ายก็จัด “ชุดใหญ่” ตลอด ตั้งตัวไม่เคยติด ฉะนั้นเราควรมอนิเตอร์หุ้นตัวเองทุกๆ 1 ไตรมาส"

สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ในมือแล้ว 20-30% ก็ควรซื้อไม่ให้เกินเพดาน 60% ของพอร์ต ถ้าซื้อตัวใหม่ต้องขายตัวเก่า “อย่าลืม” ที่เหลือถือเป็นเงินสด มีโอกาสเสมอที่หุ้นจะตกแรงๆ เราจะได้มีเงินช้อนซื้อไม่เสียโอกาส ทุกปีจะมี “เซอร์ไพรส์” (เรื่องร้ายๆ) เสมอ ส่วนตัวมักจะถือเงินสด 20-30% ไว้เสมอ และไม่แนะนำให้ซื้อหุ้นเต็มพอร์ต 100%

“ตอนนี้ผมยังไม่คิดซื้อหุ้นเพิ่มเติม ในพอร์ตมีอยู่ 10 ตัว ถามว่าปี 2555 กลุ่มไหนจะกลับมาเท่าที่มองตอนนี้น่าจะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ และหุ้นค้าปลีกบางตัว ส่วนหุ้นพลังงานก็น่าสนใจ ปีหน้าราคาน่าจะขึ้นได้" พีรเจต ประเมิน

Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 30, 2011 5:37 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
มูลค่าพอร์ต 1000 อันดับ ของ บุคคลธรรมดา ณ 30/12/11

คุณ คีรี กาญจนพาสน์ ขึ้นไปเป็นที่ 1 จากที่ 3 ณ 11/11/11
คุณ วิชัย ทองแตง ขึ้นไปเป็นที่ 2 จากที่ 4 ณ 11/11/11

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

Re: 1000 พอร์ตบุคคล (30/12/11 คุณ คีรี กาญจนพาส ที่ 1)

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 30, 2011 5:53 pm
โดย Ii'8N
ขอบคุณครับ :bow:

ผมก็กำลังคำนวณอยู่พอดีเลย ของตัวเองด้วย
กับของท่านอื่นด้วย

ปรากฎว่า ตลาดเปรียบเทียบ 30/12/53: 30/12/53 ติดลบ -1.04% ( 1032.76: 1022.04 )

แต่อ.นิเวศน์เอาวันที่ 30/12/53: 30/12/53 +32.7% (1,534.1ล.บ: 2,035.4ล.บ)
(รวมสองชื่อ)

ใน list เลื่อนมาอันดับ 69 แล้ว

Re: 1000 พอร์ตบุคคล (30/12/11 คุณ คีรี กาญจนพาส ที่ 1)

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 30, 2011 5:55 pm
โดย Ii'8N
แก้ครับ
30/12/53: 30/12/54