Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

freemindd เขียน:ตอบท่าน sorawut
ไม่ใช่ทาง pm ครับ
เป็นในร้อยคนร้อยหุ้น หน้า 145 ล่างๆครับ

หน้า 148 นี่ครับ

ผมว่าถ้าพี่ freemindd เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่ามีแก๊งค์ปั่นหุ้นอย่างที่ว่าจริงๆ ควรร้องเรียน กลต. เลยครับ
มาพูดแบบนี้ไม่มีใครได้อะไรเลยครับ

อีก 2 เดือน น่าจะเอากระทู้นี้ มาวิเคราะห์เป็น Case study

leaderinshadow เขียน:อีก 2 เดือน น่าจะเอากระทู้นี้ มาวิเคราะห์เป็น Case study

ขอความเห็นพี่ครับ

คิดว่าจะเป็นแบบ jas รอบ 2 เหลือ 1 กลับไปเกือบ 4
หรือแบบ PTL ที่ รายใหญ่มอบตัวกันหมด แล้วค่อยมาเปลี่ยนความเห็นครับ

ผมจะได้เตรียมตัวถูกครับ
ผมกลัวมากเพราะหลายทีละ รายใหญ่เปลี่ยนความคิดว่าพื้นฐานแย่ลงหรือมีข้อมูลอะไรบางอย่างที่ไม่ดีต่อบริษัทแลวขายไป แต่ไม่บอกกันแต่เนิ่นๆ

ปล. เห็นใจคนโง่ๆอย่างผมบ้างครับ นอกจากโง่แล้วยังเข้าถึงข้อมูลได้ไม่ดี

จัดให้ค้าฟฟฟฟฟ อิอิ

คงตอบยากครับ

ยิ่งอารมณ์กลัว โกรธ เสียใจ เจ็บใจ โกรธ สับสน ตราบใดที่อารมณ์ครอบงำจิตเราแบบนี้
อารมณ์จะบดบังเหตุผลในตัวเราครับ

สิ่งแรกที่ต้องทำ คือสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้ก่อน
แล้วค่อยคุยเรื่องเหตุผล หลังจากสงบจิตสงบใจได้แล้วจะดีกว่า

จิตใจผมเตลิดมากเลยครับตอนนี้ เลยกะว่าจะสงบจิตใจอยู่เหมือนกัน

ว่าแต่ว่าเหตุผล มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลาและเหตุการณ์เหมือนอารมณ์รึเปล่าครับ
ผมแค่กลัวว่า คนเก่งๆรวยๆ เขาจะขายเมื่อรู้อะไรที่เราไม่รู้
ผมก็ไม่รู้ว่าราคาที่ลดลงมันเป็นไปเพราะพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงจริงๆหรือเปล่า
ยิ่งข้อมูลที่เข้าถึงยาก มันก็ยากที่จะทำการบ้านหามูลค่าที่แท้จริงที่อาจเรียกได้ว่าเปลี่ียนไปทุกวันทุกนาที โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนโง่คนจน ไม่มีใครสนใจอย่างผมแล้วยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลย
กลัวจะเกิดอย่างเคสมาดาม แย่ไปแล้วก็ยังมาโพสเชียร์อ่ะครับ

สงสัยผมคงจะเป็นได้แค่แมงเม่าที่ถูกไฟคลอกไปตลอดชีวิตมั้งครับ

ใจเย็นๆครับ เอาใจช่วยครับ ขอให้ผ่านไปได้

ใจเย็นๆครับ ตอนซื้อเราก็ตัดสินใจเองหนิครับ
แนะนนำให้ไป อ่านเรื่อง Buffet Weath ก่อนนะครับ
เค้าสอนให้ลงทุนแบบไม่สนใจนายตลาดเท่าไหร่ ให้มุ่งเน้นไปที่การดู พฐ.กิจการครับ

ในเหนือกว่า วอลสตรีท ก็บอกว่าให้เลือกหุ้นเองเหมือนกันครับ

โชคดีนะครับ ค่อยๆศึกษาไปครับ

ผมติดตามกระทู้ตั้งแต่เย็น

ผมว่าอารมณ์ตอนนี้ไม่สมควรที่จะตัดสินใจอะไรทั้งนั้น

ควรรอให้อารมณ์นิ่งก่อน แล้วค่อยมาตัดสินใจด้วยเหตุด้วยผลอีกทีครับ



ป.ล ให้กำลังใจผู้ถือหุ้นทุกคน

leaderinshadow เขียน:อีก 2 เดือน น่าจะเอากระทู้นี้ มาวิเคราะห์เป็น Case study

ผมเชื่อครับว่า อาทิตย์หน้า ก็มี rebound แรง เป็น ธรรมชาติ

แต่ สัญญาณ ไม้ใหญ่ ที่ เห็นเมื่อวานนี้

ขายเพราะ เหตุจำเป็น ต้องใช้เงิน

หรือ ขายเพราะ ต้องการทุบ

หรือ ขายเพราะ ได้ ข้อมํล บางอย่างที่ทำให้ พื้นฐานเปลี่ยน



เมื่อเวลาผ่านไป 1-2 เดือน เราคงได้ ทราบคำตอบกัน ว่าเป็น แบบไหน


เรื่องจิตวิทยา คนให้ ข้อดี ข้อเสีย คุณ leaderinshadow ไม่ต้อง คิดซับซ้อนครับ
ข้อดี ข้อเสีย มี อยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับ ว่า คนจะมาพูดไหม

เวลากระแสสังคม กับ ราคา มัน สะท้อน ไปทางหนึ่ง คนที่เห็นต่าง ย่อม ไม่กล้า เปิดเผย ตัวเอง หรือ แม้กระทั่ง เอาเรื่องเห็นต่างนั้นมาพูด เพราะ ขนาด ราคา หุ้น มันยังไม่สะท้อน ในสิ่งที่เขาคิดเลย


เราเลย จะเห็น อยู่ เสมอ ว่า คนเรา จะออกมาให้ ความเห้น เมื่อ เหตุการณ์ มันเกิดขึ้นรองรับ กับ ความเห็น นั้น ก่อนแล้ว

เห็นก่อนหน้านี้วิเคราะห์ธุรกิจเอย Forward PE กันได้อลังการงานสร้างมาก ๆ
ไหนปังตอลงวันเดียว กลายเป็นเจ้าฮะ ๆ ๆ ๆ กันไปซะแล้ว
เคยมีใครจัดมาเลยมั๊ยครับ ว่า Fair Value ในระดับ PE ที่ทุกคนเห็นตรงกันน่ะ จะให้ราคา JAS ที่กี่บาทต่อหุ้น
นั่นแหละคือราคาที่ปลอดภัยสำหรับปีนี้แล้ว

ส่วนใครที่ชอบ Forward PE ถ้าเจ้าฮะท่านโบกมือลา ลงจากรถไปแล้วล่ะก็
เตรียมถือยาว ๆ เป็น Verylong Investor กันได้เลยนะครับ ถือไปยันปีที่ Forward กันนั่นแหละ
เพราะมันจะกลายเป็นหุ้น "ถูกเรื้อรัง" ไปในทันที

ซื้อด้วยพื้นฐาน ขายด้วยพื้นฐาน
ซื้อตามเจ้า ขายก็ดูเทคนิคหน่อยนะครับ (ถ้าไม่ซี้กับเจ้า)

ผู้ที่เป็นที่สนใจของคนหมู่มาก มีความสามารถสูงถึงขั้นได้ออกสื่อ
ถ้าได้ไขคำแนะนำให้กระจ่างน่าจะดีกว่าพูดออกไปในทางให้ คนโง่อย่างผมสามารถคิดเพ้อฝันได้เลยนะครับ

เพราะคนเหล่านี กระซิบเพียงเบาๆ ก็อาจเกิดพายุได้จากลมปาก
เปรียบดับ ผีเสื้อกระพือปีกเลยทีเดียว

มิได้มีเจตนาใดจริงก็ขออโหสิกรรมครับ

Pn3um0n1a เขียน:ผู้ที่เป็นที่สนใจของคนหมู่มาก มีความสามารถสูงถึงขั้นได้ออกสื่อ
ถ้าได้ไขคำแนะนำให้กระจ่างน่าจะดีกว่าพูดออกไปในทางให้ คนโง่อย่างผมสามารถคิดเพ้อฝันได้เลยนะครับ

เพราะคนเหล่านี กระซิบเพียงเบาๆ ก็อาจเกิดพายุได้จากลมปาก
เปรียบดับ ผีเสื้อกระพือปีกเลยทีเดียว

มิได้มีเจตนาใดจริงก็ขออโหสิกรรมครับ

เข้าใจ ความรู้สึก ครับ

ในขณะเดียวกัน ผู้มีชื่อเสียง เซียนทั้งหลาย ก็ลำบากใจ นะครับ ไม่ว่าเขาจะพูด หรือ ไม่พูด ไม่ว่า คำพูดนั้น จะมาเมื่อไร สามารถ ถูกมองได้ ทั้งแง่ บวก และ แง่ ลบ เสมอ


ทางแก้ ที่ดีที่สุด ผมคิดว่า เราควรคิดว่า คำพูดของเซียง เป้นข้อมูล อย่างหนึ่งในการ ประเมิน บริษัท ดีกว่าครับ

คำพูดของเซียน อาจจะทำให้ เริ่ม รู้ ว่า บริษัทไหน น่าสนใจ แล้ว เราควรไป หาความรู้ วิเคราะห์ เอาเองครับ ว่า เห็น ตรง กับ เซียน หรือ เห็น ต่าง จากเซียน


แล้วเราก็ลงทุน ตาม การตัดสินใจของเราเป็นที่สุดครับ


อย่างกรณี JAS มี เซียน VI ด้านหนึ่ง มั่นใจ ใน พื้นฐาน และ การลงทุน เก็บเกี่ยวกำไร ระยะยาว แต่ ก็มี เซียน VI อีก ด้านหนึ่งที่ขอออกห่าง และ คอยเตือนมาเป้น ระยะๆๆๆๆ ท่าน ดร. นิเวศน์ ยังเตือนเรา อยู่ หลาย บทความทีเดียว ลองหาอ่านได้


ทีนี้ ปัญหา อยู่ที่เรา ไม่ใช่ อยู่ที่ เซียน

เรา ต้องฟัง อย่างเป็น กลาง ห้ามมีอคติ เอนเอียงไปด้านไหน ด้านหนึ่ง
และวิเคราะห์ เอง จนมาที่บทสรุปการตัดสินใจ ของตนเอง

การจะ ซื้อ ขาย ถือ หรือ อยู่ห่าง


ผมมั่นใจ งวดนี้ คุณ Pn3um0n1a ไม่มี ทาง เจ็บหนัก หรือ เจ็บนาน หรอกครับ
แต่ในทางกลับกัน คุณ Pn3um0n1a ได้ ความรู้ เยอะมากขึ้นน่ะ



ประสบความสำเร็จ ตอนแรกๆๆๆ ของการลงทุน ไม่ดี หรอกครับ เพราะ พอร์ตเราจะโตเร็ว จำนวนเงินมันจะสูงมาก ในขณะที่ เรา อาจจะลืม เรียนรู้ ข้อผิดพลาด หลายๆๆๆอย่าง เพราะเราโชคดี เจอแต่ทางสวยหรู พอสุดท้าย พอตอน พอร์ตเราใหญ่ เกิด พลาดท่า ทีหนึ่ง มัน เจ็บหนักน่ะครับ

เรา พลาดให้เยอะๆๆๆๆ จะได้ เรียนรู้ ความรู้ เยอะๆๆๆๆ ตอน แรกๆๆๆๆ แล้วไป ประสบความสำเร็จ ถนน ราบรื่น ตอนสุดท้าย ดีกว่าครับ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เม่า ซื้อแพงขายถูก
เซียน ซื้อถูกขายแพง
เทพ ซื้อถูกขายแพงจนหมด แล้วกลับไปซื้อของถูกจากเม่าอีกรอบ

โทษทีฮะ ผมสับสนระหว่างหุ้นปั่นกับหุ้นไม่ปั่น มันต่างกันยังไงฮะ? ราคามันก็ขึ้นเหมือนกัน(คนซื้อเยอะๆหุ้นก็ขึ้น) มีคนถือสัดส่วนเยอะกว่าคนอื่นเหมือนกัน (รายใหญ่) แล้วพี่ๆแยกมันออกมายังไงฮะ?? ที่ผมสังเกตหุ้นไม่มีพื้นฐาน ประเมินกำไรไม่ได้ งบติดลบ ตัวเล็กๆ ชอบโดนเรียกว่าปั่น (เค้าว่ากันไว้) แล้วหุ้นที่มีพื้นฐานรองรับ มีข้อมูลรองรับ มีคนคิดกำไรให้ มีความเชื่อว่าจะไปเท่าไหร่ ตัวจะใหญ่จะเล็กก็ได้ แล้วผมก็ไปลอกมา ก็ปั่นได้รึเปล่าฮะ? ง่ายกว่ารึป่าวฮะ? สรุปว่า JAS เป็นหุ้นแบบไหนกันฮะ? ที่พอคิดออกตอนนี้มีแต่ "หุ้นขึ้นกับหุ้นลง" หุ้นขึ้นเหมือนได้ตังค์มีข่าวดี หุ้นลงขายไม่ทัน เจ็บตัว มีแต่ข่าวร้าย

เง้อๆๆๆ

Real-VI เขียน:...ทางแก้ ที่ดีที่สุด ผมคิดว่า เราควรคิดว่า คำพูดของเซียน เป็นข้อมูล อย่างหนึ่งในการ ประเมิน บริษัท ดีกว่าครับ

คำพูดของเซียน อาจจะทำให้ เริ่ม รู้ ว่า บริษัทไหน น่าสนใจ แล้ว เราควรไป หาความรู้ วิเคราะห์ เอาเองครับ ว่า เห็น ตรง กับ เซียน หรือ เห็น ต่าง จากเซียน


แล้วเราก็ลงทุน ตาม การตัดสินใจของเราเป็นที่สุดครับ


อย่างกรณี JAS มี เซียน VI ด้านหนึ่ง มั่นใจ ใน พื้นฐาน และ การลงทุน เก็บเกี่ยวกำไร ระยะยาว แต่ ก็มี เซียน VI อีก ด้านหนึ่งที่ขอออกห่าง และ คอยเตือนมาเป้น ระยะๆๆๆๆ ท่าน ดร. นิเวศน์ ยังเตือนเรา อยู่ หลาย บทความทีเดียว ลองหาอ่านได้


ทีนี้ ปัญหา อยู่ที่เรา ไม่ใช่ อยู่ที่ เซียน

เรา ต้องฟัง อย่างเป็น กลาง ห้ามมีอคติ เอนเอียงไปด้านไหน ด้านหนึ่ง
และวิเคราะห์ เอง จนมาที่บทสรุปการตัดสินใจ ของตนเอง

การจะ ซื้อ ขาย ถือ หรือ อยู่ห่าง

...

ประสบความสำเร็จ ตอนแรกๆๆๆ ของการลงทุน ไม่ดี หรอกครับ เพราะ พอร์ตเราจะโตเร็ว จำนวนเงินมันจะสูงมาก ในขณะที่ เรา อาจจะลืม เรียนรู้ ข้อผิดพลาด หลายๆๆๆอย่าง เพราะเราโชคดี เจอแต่ทางสวยหรู พอสุดท้าย พอตอน พอร์ตเราใหญ่ เกิด พลาดท่า ทีหนึ่ง มัน เจ็บหนักน่ะครับ

เรา พลาดให้เยอะๆๆๆๆ จะได้ เรียนรู้ ความรู้ เยอะๆๆๆๆ ตอน แรกๆๆๆๆ แล้วไป ประสบความสำเร็จ ถนน ราบรื่น ตอนสุดท้าย ดีกว่าครับ

อ่านแล้วโดนใจครับ
รู้สึกว่า "ยิ่งอ่าน...ก็ยิ่งจริง" ครับผม

คำพูดนี้ของคุณ Real-VI ดีมาก ๆ ครับ

ปัญหาอยู่ที่เรา ไม่ใช่อยู่ที่เซียน

pholsuwa เขียน:โทษทีฮะ ผมสับสนระหว่างหุ้นปั่นกับหุ้นไม่ปั่น มันต่างกันยังไงฮะ? ราคามันก็ขึ้นเหมือนกัน(คนซื้อเยอะๆหุ้นก็ขึ้น) มีคนถือสัดส่วนเยอะกว่าคนอื่นเหมือนกัน (รายใหญ่) แล้วพี่ๆแยกมันออกมายังไงฮะ?? ที่ผมสังเกตหุ้นไม่มีพื้นฐาน ประเมินกำไรไม่ได้ งบติดลบ ตัวเล็กๆ ชอบโดนเรียกว่าปั่น (เค้าว่ากันไว้) แล้วหุ้นที่มีพื้นฐานรองรับ มีข้อมูลรองรับ มีคนคิดกำไรให้ มีความเชื่อว่าจะไปเท่าไหร่ ตัวจะใหญ่จะเล็กก็ได้ แล้วผมก็ไปลอกมา ก็ปั่นได้รึเปล่าฮะ? ง่ายกว่ารึป่าวฮะ? สรุปว่า JAS เป็นหุ้นแบบไหนกันฮะ? ที่พอคิดออกตอนนี้มีแต่ "หุ้นขึ้นกับหุ้นลง" หุ้นขึ้นเหมือนได้ตังค์มีข่าวดี หุ้นลงขายไม่ทัน เจ็บตัว มีแต่ข่าวร้าย

เง้อๆๆๆ

เอาเป็นว่าเทพ VI กับ จ้าว หุ้นปั่น มีจุดเหมือนกันอยู่อย่างนึง คือคนกลุ่มนี้จะเก็บหุ้นในจังหวะที่หุ้นต่ำๆ ปริมาณเยอะๆ ในจังหวะที่คนอื่นยังไม่สนใจ โดยเทพจะมองผลประกอบการอนาคตกับพื้นฐานเป็นหลัก ส่วน เจ้ามือ นั้นจะมอง story กับจิตวิทยารายย่อยมากกว่าพื้นฐาน
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ราคาหุ้นเริ่มขยับ หุ้นที่เทพ VI ซื้อ จะขึ้นโดยตัวของมันเองคือมีคนเห็นว่าหุ้นตัวนี้ดีมาซื้อต่อในราคาที่สูงขึ้นในขณะที่คนที่จะขายในราคาที่ต่ำมีน้อยลงเพราะผลประกอบการที่ดีก็เกิดการยกฐานของราคาขึ้น โดยธรรมชาติโดยที่ท่านเทพทั้งหลายไม่ต้องไปช่วยซื้อดันราคา แต่กรณีของหุ้นปั่นคือการที่เจ้ามือเก็บของได้เสร็จ (ทั้งตัวเจ้ามือและ nominee ) แล้วทำการจุดพลุกวาดหุ้นเอง โดยเอาหุ้นของอีกคนมาตั้ง offer แล้วเจ้าก็เคาะกวาดโชว์ให้รายย่อยหรือแมงเม่า ไล่ตาม ซักพักก็ปล่อยข่าวสร้าง story จ้างหนังสือพิมพ์เขียนข่าว ให้ target ไกลๆ เป้าเท่านั้นเท่านี้ ถึงจุดนึงพอคนเริ่มเข้ามาเยอะๆ เจ้ามือก็แค่ประคองหุ้นไว้แล้วค่อยๆ รินขายออกมาพอราคาเริ่มลงก็ให้ นสพ.หรือนักวิเคราะห์ เขียนข่าวเชียร์ (ถ้าสังเกตหุ้นหลายตัว บทวิเคราะห์มักจะมาตอนหุ้นใกล้จบ แทนที่จะเขียนตั้งแต่ตอนมันราคาต่ำๆ) เพื่อพยุงราคาไว้ พอปล่อยของได้ lot ใหญ่ๆ lot นึง ที่เหลือก็เป็นรายการทุบหุ้นโชว์แล้วครับ จุดประสงค์คือ take profit อีกจุดนึงคือบีบรายย่อยให้ทนไม่ไหวขายออกมาราคาต่ำๆ แล้วกลุ่มนี้ก็รับซื้อคืนอีกรอบแล้วเตรียมสร้าง story ไล่หุ้นต่อ

ส่วนหุ้น jas ที่ผมเขียนไปในกระทู้หน้าแรก ที่บอกว่ามันมีส่วนผสมของหุ้นปั่นกับ vi อยู่ ที่ผมจะบอกคือหลังๆ ชื่อของเทพ vi ที่ถือหุ้น ก็เป็นหนึ่งใน story ที่ พวกเจ้ามือใช้ในการปั่นหุ้นด้วยครับเพราะกลุ่มนี้จะรู้จิตวิทยารายย่อยดีว่า ข้อมูลไหนหรือข่าวไหนที่รายย่อยเห็นแล้วจะใช้ตัดสินใจลงทุน จริงๆตอนปิดสมุดใครเป็นเจ้ามือใครเป็นVIก็เห็นกันอยู่แล้ว แต่คนส่วนนึงเลือกที่จะไม่มองรายชื่อเหล่านั้น

บทสรุปสุดท้ายคือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ คือ
- คนที่เป็นเทพ vi ขยันหาหุ้น คอยช่วยเหลือคนอื่นๆ ก็จะได้เจอหุ้นที่มี mos สูง ได้กำไรจากการลงทุนไปเรื่อยๆ
- คนที่เป็นเจ้ามือ ก็ต้องอยู่ในวงการของเจ้ามือด้วยกันมีการทรยศหักหลังกันตลอดเวลา เขาอาจจะหลอกรายย่อยได้แต่ เขาก็อาจโดนรายใหญ่ที่ร่วมก๊วนกัน ทรยศได้เหมือนกัน
- กลุ่ม VI รายย่อยที่ซื้อตามโดยศึกษาหาข้อมูล ผมเชื่อว่าคนกลุ่มนี้คงสามารถซื้อหุ้นในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก เมื่อมีเหตุการณ์แบบวันนี้ก็ไม่น่าจะเจ็บหนักมากหรืออาจจะกำไรอยู่บ้าง
-แมงเม่าที่ซื้อตาม เพราะเห็นราคาขึ้นทุกวันแล้วทนไม่ได้ คนกลุ่มนี้เลือกที่จะเข้าไปติดกับดักของเจ้ามือ ที่เอาความโลภมาหลอกล่อ และก็ต้องติดอยู่ในวังวนหุ้นปั่นไปตลอด ถ้าไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงหรือขยันหาข้อมูลเอง


สุดท้ายjas คงได้เป็น case study ในอนาคต เหมือนหุ้นในตำนานทั้งหลายก่อนหน้านี้ เอาไว้วิเคราะห์ถึงโอกาสและความผิดพลาดครับ

คุณ Pholsuwa ต้องหาในกูเกิลแล้วล่ะครับ
ผมไม่พูดเรื่องนี้แล้ว

ทุกคนในตลาดหุ้นมีสิทธิ์คิดถูกหรือคิดผิด กำไรหรือขาดทุนเท่าๆกัน มีศักดิ์ศรีเท่ากัน
ถ้าเรายึดตามพื้นฐานกิจการกันจริงๆ แล้วเชื่อจริงๆว่ามันไม่ได้แย่ลง แถมยังดีขึ้นซะอีก
นี่คือโอกาสทองในการซื้อนะครับ

การที่นักลงทุนท่านอื่นๆช่วยกันวิเคราะห์พื้นฐานกิจการให้พวกเราอ่าน
ถ้าไม่ได้อุปโลกตัวเลขขึ้นมาเอง ผมถือว่าเค้าเสียสละเวลามาอธิบายให้พวกเราอ่านนะครับ
เค้าก็เป็นนักลงทุนเหมือนพวกเราล่ะครับ มีคิดถูกคิดผิดเหมือนกัน

คราวนี้อยู่ที่ตัวพวกเราเองนี่แหละที่ไม่ทำการบ้าน ไปเชื่อตามเค้าเลย
แทนที่จะช่วยกันตรวจการบ้านดันไปลอกการบ้านซะ

คราวนี้ว่าถ้าเค้าเกิดมาตรวจการบ้านทีหลังแล้วเห็นว่าไม่เป็นไปตามอย่างที่เค้าคิด หรือมีโจทย์ข้ออื่นที่น่าสนใจกว่า
จะให้เค้ามาบอกว่า "โทษทีครับ ผมคิดผิด ผมจะให้เพื่อนๆขายก่อน 1 วันเป็นการชดเชยนะครับ" หรอครับ

เดี๋ยวเกิดสิ่งที่เค้าคิดถูกอยู่แล้วก็หาว่าทุบหุ้นอีก เหนื่อยแทนจริงๆ

ekkachai22 เขียน:พอดีไม่มีหุ้น แต่อยากรู้อะว่าคนที่มาด่า เจ้าเลวๆ ก่อนซื้อได้คิดหรือยังว่าหุ้นตัวนี้น่าจะมีมูลค่าเท่าไหร่ ถ้าคิดว่ามีมูลค่า5บาท วันนี้เป็นโอกาสดีที่จะเก็บเพิ่ม แต่ถ้าคิดว่ามีมูลค่าแค่2.5บาท แต่มาซื้อตอน3บาท แสดงว่าโง่มากคณิตศาสตร์ง่ายแค่นี้ไม่รู้ก็สมควรโดน

คนที่เดือนร้อนอาจไม่ชอบที่ผมเขียน แค่อยากให้นึกก่อนทุกครั้งที่จะซื้อหุ้น ว่าราคาที่เหมาะสมมันแค่ไหน ไม่ใช่อยากซื้อเท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้ามองอีกมุมนึงมันก็ดีนะ มีคนแบบนี้เยอะๆ โอกาสจึงเป็นของนักลงทุน ไม่ใช่นักพนัน จบ นอนฝันดี

ผมเป็นคนนึงที่ไม่เคยโพสต์เลย อ่านหาความรู้อย่างเดียวเพราะไม่เก่งพอที่จะแนะนำและเห็นด้วยกับคุณekkachai22ครับที่เวลามีการเทขายอย่างรุนแรงก็โทษโน่นโทษนี่ พวกviหลายคนเขาก็เจ็บตัวกันเยอะเขาก็นิ่งเพราะยังไงพื้นฐานก็ยังดีไม่เห็นจะต้องโวยวาย ตอนที่ไปประชุมล่าสุดทุกท่านก็เห็นเหมือนกันว่ามันมีโอกาศโตแบบก้าวกระโดด คนมีเยอะแล้วก็ยังซื้อเพิ่ม คนที่มีน้อยก็ไล่เก็บ แต่เพื่อนๆผมก็ยังวิเคราะห์กันอยู่ว่ามันเร็วไปต้องเผื่อใจไว้หน่อย แต่เราก็เคยเจอหนักๆมาแล้วครั้งนึง อยากให้คนที่ติดดอยหรือทุนแพงแล้วออกมาด่าโปรดคิดย้อนหลังดูตัวเองสักนิดว่าไอ้ที่ยอมจ่ายเพื่อไล่เก็บเนี่ยเพราะอะไร ผมว่าโลภนะ ถ้าคิดว่าตัวนี้ไม่ดีหรือพวกviไม่ดีก็อย่าไปซื้อตามเขาเดี๋ยวจะขาดทุนแลัวต้องมาเสียอารมณ์ต้องมาระบายในบอร์ดอีก ในนี้ผมว่าคนเก่งๆแล้วพยายามมาแชร์ความรู้และแนะนำยังมีอีกเยอะ ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะครับแต่เท่าที่เห็นก็มีคนที่กำไรมากมายและคนที่ขาดทุนมันเป็นเรื่องธรรมดาของการลงทุนครับ

ผมว่าที่หลายคนตกใจหรือทำใจไม่ได้เป็นเรื่องที่ว่า

"ทำไมหุ้นตกวันเดียวตั้ง 25% เกิดไรขึ้น ใครขาย ใครทุบหรือเลิกเก็บ"

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างหุ้น Market cap เช่น PTT ,BBL ,SCC จะเห็นว่าการสวิง
ระหว่างวันจะน้อยกว่า เนื่องจากหากมองดู list รายชื่อผู้ถือหุ้นก็จะเห็นว่าเป็นการ
ลงทุนของกองทุนเป็นส่วนใหญ่ เปรียบเทียบกับ JAS เราก็จะเห็นความแตกต่างได้
ชัด เนื่องจากมีการคาดหวังกำไรของส่วนต่างราคาค่อนข้างสูง
(Maket cap ไม่ลงเแรงภายในวันเดียว แต่ถ้าเทียบในอาทิตย์ เดือน เปอร์เซ็นการ
ลงก็ไม่น้อย เว้นแต่เกิดวิกฤต ซึ่งก็ไม่มีข้อยกเว้นหุ้นกลุ่มนี้)

ถ้าดูข้อมูล JAS ย้อนหลังที่ settrade , set ก็จะเห็นความเคลื่อนไหวของราคาที่
ชัดเจน บางอาทิตย์ขึ้นต่อเนื่องมา 20% หรือตรงกันข้าม บางอาทิตย์ก็ลงต่อเนื่อง
เป็น 20% เช่นกัน

ถามว่าแปลกไหมสำหรับการขึ้น ลง หวือหวาสำหรับหุ้นตัวนี้ ผมว่าไม่แปลก เมื่อ
ดูจากข้อมูลย้อนหลัง เพียงแต่วันนั้นเป็นโอกาสดี ที่คนที่ถืออยู่ มีโอกาสปรับพอร์ต
ในช่วงเวลาที่หุ้นตกทั้งตลาด โดยที่การเพ่งเล็งของ กลต น้อยลง

พี่ๆเพื่อนๆ หลายคนในห้องนี้ก็เตือนๆกันอยู่ว่า ซื้อเพราะอะไร ทำไม? การลงทุนของ
แต่ละคนก็มีเหตุและผล ของใครของมัน ขึ้นอยู่กับความพอใจของเราเป็นหลัก
หากลงทุนเพราะเก็งกำไรก็ต้องเตือนตัวเองเมื่อรู้ว่าพลาด ได้กำไรตามที่ตั้งไว้ก็หยุด
ไปลงทุนตัวอื่นแทน แล้วนั่งดูห่างๆว่าสิ่งที่เราทำถูกไหม อย่างน้อยก็แค่เสียดายไม่ต้อง
ซ้ำใจ

การลงทุนเมื่อได้ผลตอบแทนตามเป้า ไม่สร้างความกดดันให้ตัวเอง เพื่อที่จะอยากได้
ผลตอบแทนสูงๆ หรือ ที่เรียกว่า fix profit ผมว่าจะช่วยทำให้เราลงทุนได้อย่างมีความสุข
และสบายใจ มากขึ้นครับ

อย่างที่พระพุทธองค์สอน "มีมาก ยิ่งอยากได้มาก ย่อมนำมาซึ่งทุกข์นั้นแล"

เดจาวูจริงๆ สำหรับน้องมะลิ

ลงแรงแบบนี้เหมือนขายหนีอะไร หรือ เหตุผลอื่นๆ(โดนบังคับขายสำหรับมาร์จิ้น)

แต่ที่แน่ๆผมว่ามันมีเงี่ยนงำ

pntrang เขียน:เดจาวูจริงๆ สำหรับน้องมะลิ

ลงแรงแบบนี้เหมือนขายหนีอะไร หรือ เหตุผลอื่นๆ(โดนบังคับขายสำหรับมาร์จิ้น)

แต่ที่แน่ๆผมว่ามันมีเงี่ยนงำ

ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เห็นเค้าเขียน JAS เนี่ยเป็นหุ้นที่มีการใช้ margin เยอะมาก
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่มันจะลงเร็วแบบนี้ เพราะถูกบังคับขายกันเยอะนะครับ
แต่สำหรับคนที่มีหุ้นที่ราคาอาจจะไม่ได้สูงมาก อาจจะหวั่นใจมากกว่านี้ได้
ถ้ายังมีคนอีกกลุ่มที่ยังขายไม่ทันแล้วเปลี่ยนใจมาเทขายตาม
ถึงตรงนั้นอาจจะเป็นเวลาที่ซื้อเพิ่มสำหรับผู้ที่ประเมินคุณค่าไว้แล้วมากกว่าจะขายตามนะครับ


ปล. ผมไม่เคยมีสักหุ้นเลย

Real-VI เขียน:

Pn3um0n1a เขียน: ในขณะเดียวกัน ผู้มีชื่อเสียง เซียนทั้งหลาย ก็ลำบากใจ นะครับ ไม่ว่าเขาจะพูด หรือ ไม่พูด ไม่ว่า คำพูดนั้น จะมาเมื่อไร สามารถ ถูกมองได้ ทั้งแง่ บวก และ แง่ ลบ เสมอ

ทีนี้ ปัญหา อยู่ที่เรา ไม่ใช่ อยู่ที่ เซียน

ขอบคุณมากๆ ครับ เริ่มตาสว่างแล้วครับ หลังจากได้ความรู้จากพี่ real vi ว่า volume บ่งบอกถึงพื้นฐานได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับได้่ว่าเป็นความรู้ใหม่ ที่มีค่าสำหรับผม

โพสนี้ก็ให้ข้อคิดอีกมากมาย

แต่ผมตั้งข้อสังเกตนะครับ เซียนๆ ทั้งหลายที่พี่พูดถึงเนี่ย หลายคนผมนับถือนะครับ เป็นผู้แชร์แนวคิด ข้อมูล ทุกอย่างอย่างเป็นกลาง และหวังดี
แต่ก็ยังมีบางโพส ของทวยเทพ บางราย
เช่น กรณีเก่าๆ ว่า...
รอดู งบแล้วกัน อีกเดือนนึง อีกไม่กี่วัน...
หรือ รอดูอีก สามเดือนสี่เดือนแล้วกัน ค่อยมาดูกัน เป็นต้น
เซียนทีผมเคารพนับถือ ไม่เคยพูดอย่างนี้นะครับ
เขามีแต่บอกอย่างเป็นกลางว่า ราคามันก็จะเป็นไปตามพื้นฐาน ส่วนพื้นฐานต้องพิจารณากันเอง
ผมว่า มันต่างนะครับ ระหว่างสองกรณีนี้ ขอข้อชี้แนะครับ

ตามมาฟัง มาม่า ด้วยคนครับ

วันจันทร์ ถ้าลงหนักๆ คงโดน force sell มากกว่านี้

คนที่ใช้ margin อยู่ อย่าประมาทนะครับ เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ด้วย

Pn3um0n1a เขียน:

Real-VI เขียน:

Pn3um0n1a เขียน: ในขณะเดียวกัน ผู้มีชื่อเสียง เซียนทั้งหลาย ก็ลำบากใจ นะครับ ไม่ว่าเขาจะพูด หรือ ไม่พูด ไม่ว่า คำพูดนั้น จะมาเมื่อไร สามารถ ถูกมองได้ ทั้งแง่ บวก และ แง่ ลบ เสมอ

ทีนี้ ปัญหา อยู่ที่เรา ไม่ใช่ อยู่ที่ เซียน

ขอบคุณมากๆ ครับ เริ่มตาสว่างแล้วครับ หลังจากได้ความรู้จากพี่ real vi ว่า volume บ่งบอกถึงพื้นฐานได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับได้่ว่าเป็นความรู้ใหม่ ที่มีค่าสำหรับผม

โพสนี้ก็ให้ข้อคิดอีกมากมาย

แต่ผมตั้งข้อสังเกตนะครับ เซียนๆ ทั้งหลายที่พี่พูดถึงเนี่ย หลายคนผมนับถือนะครับ เป็นผู้แชร์แนวคิด ข้อมูล ทุกอย่างอย่างเป็นกลาง และหวังดี
แต่ก็ยังมีบางโพส ของทวยเทพ บางราย
เช่น กรณีเก่าๆ ว่า...
รอดู งบแล้วกัน อีกเดือนนึง อีกไม่กี่วัน...
หรือ รอดูอีก สามเดือนสี่เดือนแล้วกัน ค่อยมาดูกัน เป็นต้น
เซียนทีผมเคารพนับถือ ไม่เคยพูดอย่างนี้นะครับ
เขามีแต่บอกอย่างเป็นกลางว่า ราคามันก็จะเป็นไปตามพื้นฐาน ส่วนพื้นฐานต้องพิจารณากันเอง
ผมว่า มันต่างนะครับ ระหว่างสองกรณีนี้ ขอข้อชี้แนะครับ

สุดท้ายแล้วกิจการดีหรือไม่ดีจริง จะไปสะท้อนอยู่ที่งบการเงินครับ
ถ้าบอกว่า ธุรกิจนี้ดีมาก ราคาหุ้นขึ้นเอาๆ แต่ท้ายที่สุดบริษัทไม่มีความสามารถในการบริหาร
สุดท้ายกำไรไม่โตตามที่คาดไว้หรือแย่ลง คุณจะยังถือบริษัทนี้อยู่มั้ยครับ

แต่การดูงบ ไม่ใ่ช่แค่ดูแค่ไตรมาสเดียวเท่านั้น
ต้องติดตามเป็นระยะที่นานพอว่ามีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่
และควรคาดการณ์อย่างคราวๆได้ด้วยตัวเองนะครับ
บางคนเจอกำไรลดลงนิดหน่อยตกใจ คิดว่า พื้นฐานบริษัทเปลี่ยนไปแล้ว

ขอให้ซื้อบริษัทที่ดีให้ราคาที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องซื้อในราคาที่ดีที่สุด ในการขายก็เช่นกัน

ผมได้รับข้อความ รายงานการซื้อ ขายทางมือถือ set ปิด เท่าไหร่ การซื้อขายสูงสุด 5 ตัว ดูของ jas แว๊บๆ จุด 76 อืม ราคายังทรงๆอยู่ เอ๊ะ แต่ เปลี่ยนแปลง .96 เหลือบไปดูอ้าว ! ข้างหน้า เลข 2 กำ 555

อือม์ แล้วถ้าวันจันทร์ วันอังคาร มันกลับไปยังที่เดิม ความเห็นคนที่ post ไว้จะเปลียนไปรึเปล่า

แล้วถ้ามันลงต่อไปเรื่อย ๆ ความเห็นคนที่ว่าจะ rebound มันจะเปลี่ยนรึเปล่า

ถ้าเปลี่ยนแสดงว่า การวิเคราะห์มีเรื่องของอารมณ์มาเกี่ยว ไม่ได้มองพื้นฐานจริง ๆ

เป็นเคสดราม่า ร่วมกับ PTL ได้เลยนะ