หน้า 5 จากทั้งหมด 5
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2012 8:21 pm
โดย yakjabon
มันคือการซื้อบริษัทอะครับ ขาดทุนบ้าง กำไรบ้างเป็นรายวัน ถ้าเรามั่นใจว่าระยะยาว 3ปี 5ปี 10ปี มันมาแน่ trend มันชัวร์ ก็ไม่ต้องไปสนใจรายวันหรอกครับ ... จะให้นั่งดูราคาทุกวันแล้วให้มัน ขึ้นนอนตายแบบดอกเบี้ยเงินฝากครงทำไม่ได้หรอก และจะให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่นอนตายมัน return เร็วเหมือนตอนบริษัททำกำไรได้ขอคงไม่ได้เช่นกัน
ผมว่ามันเป็นความต่างของทางเลือก เป็นมนุษย์เงินเดือนขอกิน fixed rate และยกความเสี่ยง + กำไรส่วนเกินให้เจ้าของบริษัท หรือเป็นผู้ถือหุ้นที่เลือกความเสี่ยงเองและขอเก็บกินกำไรส่วนเกินที่เหลือทั้งหมดหลังจาก fixed rate ให้กับมนุษย์เงินเดือนแล้ว
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2012 8:24 pm
โดย yakjabon
ถ้าเราซื้อกิจการเผื่อเป็นเจ้าของกิจการ ... แม้ซื้อรถเข็นเพื่อเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว สี่ชายเจ้าแรก ครั้งแรก ข้างถนนก็ใช่ว่าจะกำไรกันได้ตั้งแต่วันที่ 1 นะครับ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 23, 2012 10:01 am
โดย superboy
ปีที่แล้วโดนเล่นงานซะ บักโกรกครับ
แต่ถ้าเราศรัทธาในหลักการการลงทุนที่ถูกต้อง ไม่หวั่นกับราคาระยะสั้น
ไม่น่าจะเสียหายมาก
ปีนี้กับปีที่แล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่เฉยๆดูนายตลาดทำ
จำนวนหุ้นในพอร์ตเท่าเดิม แต่ราคาเปลี่ยนแปลง
ปล. ดีใจครับ ที่เวบไทยวีไอ สอนเรื่องการลงทุน ผมเริ่มจะรู้จักครับว่า รอ
ไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อน ไม่ต้องมองหาอินไซด์ แค่รู้ตัวเองว่ายืนอยู่ตรงไหน (แต่รู้ตัวว่าตัวเองยืนอยู่ตรงไหนของหลักการลงทุนมันยาก เพราะผมก้อยังไม่แน่ใจว่าผมยืนอยู่ตรงไหน) อิอิอิอิ บางทีผมก็เม่าได้ เม่าเป็น และเคยเป็นเม่ามาแล้ว 55555
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 23, 2012 9:12 pm
โดย nut776
ชักจะอยากยอมยกธง แล้วเหมือนกันคับ
เหมือนกับตัวเองอาจจะเหมาะกับ แนวpassive มากกว่า active
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 23, 2012 9:54 pm
โดย prichar s.
ปีที่แล้วหลายคนยอมแพ้เพราะตลาดตกแรง
ปีนี้ยอมแพ้เพราะตลาดขึ้นแรง?
ทนรวยกันหน่อยครับ
ส่วนตัวมองว่ามีโอกาสที่ตลาดจะsideway up ไปอีกหลายปี
หุ้นรายตัวยังมีหลายกิจการที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
กำไรทำสูงใหม่ได้ต่อเนื่อง
ส่วนใครที่หวั่น crash ครั้งใหญ่ คงไม่ใช่ใกล้ ๆ นี้หรอก
สัก 6 เดือนข้างหน้า ภาพเศรษฐกิจมหภาคน่าจะฉายภาพชัดขึ้น
ตอนนั้นค่อยตัดสินใจก็ยังทัน
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 23, 2012 10:02 pm
โดย GINTOKI
nut776 เขียน:ชักจะอยากยอมยกธง แล้วเหมือนกันคับ
เหมือนกับตัวเองอาจจะเหมาะกับ แนวpassive มากกว่า active
ช่วยขยายความหน่อยครับ ว่า passive กับ active ต่างกันอย่างไรครับ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 24, 2012 4:51 pm
โดย salty
มิเข้าถ้ำเสือ ไยจะได้ลูกเสือ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 24, 2012 10:07 pm
โดย Nevercry.boy
nut776 เขียน:ชักจะอยากยอมยกธง แล้วเหมือนกันคับ
เหมือนกับตัวเองอาจจะเหมาะกับ แนวpassive มากกว่า active
you เก่งกว่าพี่อีก คุณนัท ยอมได้ไง!
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 25, 2012 1:34 am
โดย AleAle
Nevercry.boy เขียน:nut776 เขียน:ชักจะอยากยอมยกธง แล้วเหมือนกันคับ
เหมือนกับตัวเองอาจจะเหมาะกับ แนวpassive มากกว่า active
you เก่งกว่าพี่อีก คุณนัท ยอมได้ไง!
นั่นสิครับ พลาดตรงไหนเหรอครับ อยากรู้จัง
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 25, 2012 1:49 am
โดย nut776
Nevercry.boy เขียน:nut776 เขียน:ชักจะอยากยอมยกธง แล้วเหมือนกันคับ
เหมือนกับตัวเองอาจจะเหมาะกับ แนวpassive มากกว่า active
you เก่งกว่าพี่อีก คุณนัท ยอมได้ไง!
โอ้ ไม่กล้ารับคับพี่
อารมณ์เบื่อๆคับ
รู้สึกตัวเองหมกมุ่นเกิน
เหนื่อยคับ
ยังไม่รู้เข็มทิศ พามาถูกทางหรือเปล่า
แต่ยังไงขอบคุณมากนะคับ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 25, 2012 1:52 am
โดย nut776
AleAle เขียน:Nevercry.boy เขียน:nut776 เขียน:ชักจะอยากยอมยกธง แล้วเหมือนกันคับ
เหมือนกับตัวเองอาจจะเหมาะกับ แนวpassive มากกว่า active
you เก่งกว่าพี่อีก คุณนัท ยอมได้ไง!
นั่นสิครับ พลาดตรงไหนเหรอครับ อยากรู้จัง
ตอนนี้ก็ยังไม่พลาดคับ
แต่ภายในปีหน้าไม่แน่คับ
รู้สึกสังหรณ์ใจ (อาจจะเกิดจากฟุ้งซ่าน ธาตุไฟแทรกคับ)
ส่วนนึง ทำไมช่วงนี้ มันไม่สนุก
ไม่มี ปีติ ในใจกับหุ้นแล้วก็ไม่ทราบคับ
ขอบคุณมากนะคับ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 25, 2012 7:37 am
โดย คลายเครียด
GINTOKI เขียน:nut776 เขียน:ชักจะอยากยอมยกธง แล้วเหมือนกันคับ
เหมือนกับตัวเองอาจจะเหมาะกับ แนวpassive มากกว่า active
ช่วยขยายความหน่อยครับ ว่า passive กับ active ต่างกันอย่างไรครับ
ขอขยายความเล่นๆ นะครับ
ผมว่า passive เปรียบเหมือนมวยตั้งรับหรือที่เขาเรียกว่า boxer
ส่วน active เปรียบเหมือนมวยบุกหรือที่เขาเรียกว่า fighter
มวยตั้งรับ เน้นแย็บๆ แล้วถอยวน เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ มีจังหวะก็เข้าน็อค
ไม่มีจังหวะเหมาะ ก็ต่อยเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ
วีไอสายบ๊อกเซอร์ก็คือ นักลงทุนที่เน้นกระจายความเสี่ยง เน้นบริษัทที่ไม่หวือหวา ไม่ซื้อหุ้นด้วยเงินคนอื่น
จะซื้อตามที่มันเป็นจริงในปัจจุบัน
ไม่ซื้ออนาคต ถ้าราคาหุ้นมันพุ่งไปไม่รู้กี่เท่าของราคาที่มันควรจะเป็นในปัจจุบัน
ส่วนมวยบุก เน้นเดินหน้าแล้วฆ่ามัน ขอแบบโป้งเดียวจอด ไม่มีแทงกั๊ก
วีไอสายไฟทเตอร์ก็คือ นักลงทุนที่เน้นแทง เอ๊ยลงทุนตัวเดียวหรือสองสามตัว
ไม่นิยมกระจายความเสี่ยง ใช้มาร์จิ้นได้เป็นใช้
ชอบเล่นข่าวที่เน้นอนาคตของกิจการ
ชอบตามข่าวแบบว่า บริษัทจะโตเท่าโน้น เท่านี้เท่า ในอนาคต
เรียกว่า ชอบซื้ออนาคต ในราคาปัจจุบัน
แต่ไฟทเตอร์คนไหน
ตามไปซื้อหุ้นที่ราคาอนาคต เพื่อรอผลประกอบการในอนาคต
พลาดพลั้งขึ้นมา เจ้ามือตัวจริงต่อยโป้งเดียวจอด
เช่นเจ้ามือตัวจริงของผาแดง เรือเทกอง เหมืองบ้านปู ฯลฯ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 25, 2012 7:54 am
โดย dome@perth
คลายเครียด เขียน:GINTOKI เขียน:nut776 เขียน:ชักจะอยากยอมยกธง แล้วเหมือนกันคับ
เหมือนกับตัวเองอาจจะเหมาะกับ แนวpassive มากกว่า active
ช่วยขยายความหน่อยครับ ว่า passive กับ active ต่างกันอย่างไรครับ
ขอขยายความเล่นๆ นะครับ
ผมว่า passive เปรียบเหมือนมวยตั้งรับหรือที่เขาเรียกว่า boxer
ส่วน active เปรียบเหมือนมวยบุกหรือที่เขาเรียกว่า fighter
มวยตั้งรับ เน้นแย็บๆ แล้วถอยวน เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ มีจังหวะก็เข้าน็อค
ไม่มีจังหวะเหมาะ ก็ต่อยเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ
วีไอสายบ๊อกเซอร์ก็คือ นักลงทุนที่เน้นกระจายความเสี่ยง เน้นบริษัทที่ไม่หวือหวา ไม่ซื้อหุ้นด้วยเงินคนอื่น
จะซื้อตามที่มันเป็นจริงในปัจจุบัน
ไม่ซื้ออนาคต ถ้าราคาหุ้นมันพุ่งไปไม่รู้กี่เท่าของราคาที่มันควรจะเป็นในปัจจุบัน
ส่วนมวยบุก เน้นเดินหน้าแล้วฆ่ามัน ขอแบบโป้งเดียวจอด ไม่มีแทงกั๊ก
วีไอสายไฟทเตอร์ก็คือ นักลงทุนที่เน้นแทง เอ๊ยลงทุนตัวเดียวหรือสองสามตัว
ไม่นิยมกระจายความเสี่ยง ใช้มาร์จิ้นได้เป็นใช้
ชอบเล่นข่าวที่เน้นอนาคตของกิจการ
ชอบตามข่าวแบบว่า บริษัทจะโตเท่าโน้น เท่านี้เท่า ในอนาคต
เรียกว่า ชอบซื้ออนาคต ในราคาปัจจุบัน
แต่ไฟทเตอร์คนไหน
ตามไปซื้อหุ้นที่ราคาอนาคต เพื่อรอผลประกอบการในอนาคต
พลาดพลั้งขึ้นมา เจ้ามือตัวจริงต่อยโป้งเดียวจอด
เช่นเจ้ามือตัวจริงของผาแดง เรือเทกอง เหมืองบ้านปู ฯลฯ
สุดยอครับเฮีย
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 25, 2012 11:44 am
โดย sunrise
อย่ายอมแพ้ง่ายๆ ครับ
ปีที่แล้วขาดทุนเหมือนกัน
ปีนี้ กำไรคืนมาแล้วได้ดอกเบี้ยด้วย
เราเกาะตลาดไปเรื่อยๆ
ถ้าคิดว่า หุ้นไม่ดี เพราะราคาตก
ลองนิ่งๆทำใจซะหน่อย ลองดูว่าตกเพราะอะไร
ทำใจนิ่งๆ ใช้เหตุผลเยอะ ลงทุนจะง่ายขึ้นเยอะครับ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 30, 2013 8:55 pm
โดย wc
ปีนี้ไม่ทราบว่ามีใครคิดจะล้างพอร์ตบ้างหรือยังคับ ถ้ายัง สงสัยว่าอาจจะยังลงไม่สุดนะคับ
ผมชอบอ่านประวัติศาสตร์(กระทู้เก่าๆ) มันบ่งบอกถึงเรื่องราว หลายอย่าง รวมถึงบทเรียนต่างๆ
เพราะบางทีเราก็หลงลืมไปเหมือนกันว่าตอนนั้นเราคิดยังไง?
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 31, 2013 1:13 am
โดย กาละมัง
สมัยวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ set index ลงมาจาก 800 กว่าจุด เหลือ 500 จุด ผมเห็นว่าถูกมาก เข้าไปเต็มปอด thai ตอนนั้นเหลือ 10 บาท. ปรากฎว่า set ลงต่อไปอีกเหลือ 300 กว่า thai เหลือ 7 บาท น้อง ๆ หลายคนก็ตระหนก. แต่มีน้องคนหนึ่งมาปรึกษาผมว่าจะทำอย่างไรดี. เพราะว่านักวิเคราะห์บอกว่าแนวโน้มหุ้นจะลงไปเหลือ 200 กว่าจุด. ขายไปก่อนดีไหม. แล้วค่อยช้อนกลับ. ผมเลยบอกว่า ถ้าไม่โง่รู้ว่าจะเป็นอย่างนั้น ต้องขายออกไปก่อน แล้วรอช้อนกลับ. แต่ผมถามกลับว่า set จะลงไปจริงไหม ??? ผมบอกต่อว่าหุ้นที่ถืออยู่ตอน set 500 จุดเหลือ pe 3-5 เท่า ที่ set 300 จุด เหลือ pe 1-3 เท่า ในขณะที่เขาอยากขาย ผมอยากซื้อเพิ่มใจจะขาด. สุดท้ายน้องคนนี้กลับซื้อ และได้กำไรกลับมาอย่างมาก ซื้อหุ้นพลิกกลับขึ้นมาอย่างเร็ว 900 จุดและสูงกว่า
ผมเห็นว่าหากการลงทุนของเรา. ยึดหลัก value investing ทำไมเราไม่ซื้อในขณะที่เรารู้ว่ามันถูกมาก. แต่เรากลับจะเลือกขายในราคาที่ถูกมาก เพื่อหวังราคาที่ถูกกว่านั้นอีก หรือขายด้วยความกลัวว่าหุ้นจะตกมากกว่านี้. ผมอยากให้ความมั่นใจพวกเราจากประสบการณ์ของผมว่า. ถ้าเรามั่นใจว่าธุรกิจยังดีอยู่ มีการเติบโต มีการทำกำไรที่ดี. เพียงราคาตกมาอย่างมาก. เช่น pe 5 เท่า dividend yield กว่า 5% ยังเราต้องกังวล. ขายหุ้นดี ๆ ออกไป. เราควรซื้อครับ เพราะว่าเรารู้แล้วว่าที่ราคานั้น ๆ ระยะยาว. เราสมควรได้ผลตอบแทนอย่างไร. และเมื่อยิ่งถูกกว่า. ยิ่งน่าซื้อเพิ่มอีกเมื่อมีโอกาส เพราะว่าจะได้ yield มากขึ้น
2-3 ปีมานี้. มีหน้าใหม่เล่นทางเทคนิค กราฟ. มากมาย. พวกนี้ดูเพียงชื่อหุ้น. ไม่ต้องดูธุรกิจ. ดูแต่กราฟ. หากหลุดแนวรับขายทุกราคา. นั่นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ร่วมทำให้หุ้นตกขนาดนี้. ในความเห็นผมเขาอาจตัดสินใจถูก เมื่อหุ้นแพง. แต่เมื่อหุ้นราคาถูกอย่างปัจจุบัน (ในความเห็นผม. ไม่น่าถูกต้อง). หากเขาไม่ได้ซื้อคืน เขาจะขาดโอกาสทำกำไรอีกมาก. และทุกครั้งเมื่อผ่านแนวต้าน. เขาก็จะซื้อทุกราคา. และนั่นก็จะทำให้เห็นราคาที่สูงเกินมูลค่าหุ้นจริง. ในมุม vi. อยากให้เข้าใจพฤติกรรมคนที่เล่นกราฟ. และ เรา vi จะได้บริหารการลงทุนได้ถูกต้อง เหมาะสมมากขึ้น
ผมเล่ามาทั้งหมดเพื่อเพิ่มมุมมองประกอบการพิจารณาของเพื่อนนักลงทุน โดยเฉพาะที่เพิ่งเข้ามาในปี 2 ปีนี้. ไม่ได้ชี้ชัดว่าท่านควรซื้อ หรือ ขายอย่างไร. การลงทุนที่ดี เราต้องเข้าใจหลักการลงทุนที่สุดท้ายท่านตอบได้ว่า ระยะยาว ท่านจะทำกำไรอย่างเดียว ไม่ขาดทุน
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 31, 2013 10:40 am
โดย superboy
กด บวก ให้ พี่กาลามัง ชอบความคิดนี้ครับ
ขอเล่าอีกเรื่องครับ เรื่องการซื้อเฉลี่ย ผมคิดว่าถ้าซื้อเฉลี่ยหุ้นขาลงเราต้องมั่นใจในธุรกิจว่าไม่ปิดกิจการแน่ๆ เพราะผมโดนมาแล้ว cawow ปิดกิจการถาวรเลย แต่ก็ถ้าซื้อเฉลี่ยหุ้นขาขึ้น อย่างกรณีเพื่อนผมคนหนึ่ง ซื้อหุ้นที่อยู่ในเทรดขาขึ้น ก็ซื้อเฉลี่ยเข้าไปทำให้ต้นทุนเฉลี่ยสูงขึ้นพอราคาหุ้นตกลงมา15%-20% ทำให้เขาเท่าทุนไปเลย ทั้งที่พอร์ตเขาเคยกำไร 80-90% ของหุ้นตัวนี้
ถ้าเราไม่มั่นใจเราออกมายืนวงนอกรอก่อนก็ได้ อย่าเสียดาย อย่าไปเมาหมัด ไม่งั้นโดนน็อคเอาง่ายๆ
ผมก็ไม่เก่งไม่รู้มาก่อน เมื่อก่อนยิ่งไม่รู้ไม่เก่ง แต่หลงคิดว่าเราอ่านหนังสือมา1-2เล่ม อ่านกระทู้คิดว่าโห้นี้ อินไซด์ เรารู้ไม่เหมือนใคร แต่ที่ไหนได้ 5ปีที่ต้องเรียนรู้การขาดทุนที่ไม่รู้จะเอาคืนมาได้ยังไง จนผมมารู้จักการลงทุนแบบ วีไอ นี้แหล่ะ อย่าท้อแท้ครับ วีไอ ไม่ใช่พิสูจน์ว่าใน1ปีต้องได้กำไรตามเป้าหมาย ต้องใช้เวลาพิสูจน์กันเป็นสิบปี ผมก็ดูตัวอย่าง ท่านที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ทำให้เรารู้ว่า ถ้ามุ่งมั่นจะทำ ต้องทำให้ได้ บทเรียนที่ผ่านมาของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน หนักบ้าง เบาบ้าง ขึ้นอยู่กับขอบเขตความรู้ ที่ศึกษากันมา อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับใครๆเลย ดูตัวเราเองเป็นหลักๆ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นคนกำหนดทิศทางเดิน แต่ที่โชคดีเพราะมี ดร. และ พี่ๆหลายๆท่านในเวบวีไอ ช่วยไกด์ทางเดินได้ดีและจริงใจมากๆครับ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 31, 2013 1:04 pm
โดย wc
อยากจะบอกว่า เวทีนี้ไม่มีแต้มต่อ
เราลงสนาม เดียวกับ ผู้เล่นระดับเซียน และระดับหัดใหม่ ไม่มีความปราณีในตลาดแห่งนี้
การที่เราไม่ขายหุ้น เพราะว่าคนอื่นบอกว่าไม่ควรขายนั้น ส่วนตัวผมคิดว่า
อาจจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะคนเราต่างกรรมต่างวาระ
หุ้นที่แต่ละคนซื้อมา คนละตัว และคนละเวลา
มูลค่าก็แตกต่างกันไปตามสถาณการณ์
ผมคิดว่าในเวลานี้ แทนที่จะคิดว่า ตัวเองควรกอดหุ้นไว้อย่างเหนียวแน่น แบบคนอื่นทำ
กลับเป็นเวลาที่ควรประเมินสถาณการณ์ใหม่
ว่าหุ้นที่เราถือมันไว้อยู่ มูลค่ามันแพงไปไหม?
เพราะอันทีจริง เราอาจจะซื้อมาในราคาที่แพงไปก็ได้
ทั้งๆที่ราคามันตกมาแล้ว บางทีมันก็อาจจะยังแพงอยู่
เพราะว่าตอนนั้นเราวิเคราะห์ผิด
ถ้าราคามันถูกแล้ว ก็ถือมันเอาไว้ ผมคิดว่าอย่างนี้นะ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 31, 2013 2:01 pm
โดย wk0966
ปี 08-09 เรากลัวเมกาล้มทับเศรษฐกิจ ทั่วโลก
ปี 11 กลัว EU+น้ำท่วม กลัวน้ำท่วมน้อยกว่า EU นะ
ปีนี้ - วันนี้ กลัวถอนQE ส่งออกลด+บริโภคลด->GPDลด หนี้เสีย การเมืองนิดหน่อย
ปีนี้หุ้นลงใกล้เคียง ปี 11 แล้ว อาจลงได้อีก คงไม่แรงเท่าปี 08 นะ
ไม่น่าใช่เวลาล้างพอร์ตแล้วล่ะ แต่หลายตัวก็ไม่น่ารับ หรือเก็บเพิ่ม
ปี 15 รับAEC หลายตัวไป 10 เด้ง หลายตัวลง 10 เดี้ยง และหลายตัว แน่นนิ่งไม่ขยับ
ผมคงต้องฝึกฝนจิตใจให้หนักแน่นอีกมาก
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 01, 2013 6:48 pm
โดย Wongratt
หลังจากอ่านกระทู้นี้แล้วได้อุทาหรณ์จริงๆ ครับ ว่าตลาดหุ้นนั้นโหดร้ายขนาดไหน
กระทู้นี้ตั้งในวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ในวันที่หลายๆ คนโดนนายตลาดทารุณจนยอมแพ้ ยอมออกจากตลาด
เหมือนเป็นโชคชะตา 4 ตุลาคมเป็นจุดที่ต่ำที่สุดของรอบนั้นพอดีที่สุด แล้วตลาดก็เด้งกลับไม่เห็นจุดนั้นอีกเลย
ยอมแพ้แค่แวบเดียว ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 01, 2013 7:04 pm
โดย ส.สลึง
ผมคิดว่าเพื่อนนักลงทุนมีทัศนคติแบบเอาเป็นเอาตาย
บ้างก็ว่าตลาดหุ้นคือสงคราม
พอดีผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามมาบ้าง
คิดว่าห่างไกลกันเทียบกันจนแทบไม่ได้เสี้ยวเลย
ยิ่งมีนักลงทุนชื่อดังหลายคน ก็ชอบไซโคผ่านสื่อ
ผมได้ยินได้ฟังมาบ้างหลายครั้งก็รู้สึกว่ามันเกินไป
ปล.
เกิดมาตัวเปล่าๆ มองดีๆ มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสียครับ
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 01, 2013 9:52 pm
โดย chaitorn
ลองอ่านเรื่องนี้ อาจทำให้้เรามีทัศนคติที่ดีกับการลงทุนมากขึ้นครับ
ขาดทึนหมดแล้ว ผมยอมแพ้แล้ว
อาฮัง ลงทุนค้าขายขาดทุนปีเดียวสามสี่แสนบาท...
กลุ้มใจไม่เป็นอันทำมาหากินเลย...
พอขาดทุนสี่แสน...ก็มานั่งทำท่าเหมือนลิงป่วย...
หมดแรง...หมดอาลัยตายอยาก...
พูดพร่ำอยู่คำเดียวทั้งวัน
อั๊วขาดทุนหมดแล้ว...อั๊วขาดทุนหมดแล้ว...อั้วไม่เอาแล้ว อั้วยอมแพ้แล้ว
จนญาติๆระอา...ไม่รู้จะทำอย่างไร...
เลยหามมาส่งที่วัดสวนโมกข์...
อาตมาอยู่สวนโมกข์ได้ 7 ปีพอดี
ปรากฏว่า...มันก็มานั่งที่ตรงหินโค้ง...
นั่งเป็นทุกข์ในท่าคนหมดทุนท่าเดิม...
นั่งบ่น...อั๊วเจ๊งหมดแล้ว...อั๊วขาดทุนหมดแล้ว...
อาจารย์พุทธทาสก็เลยเข้าไปถามว่า...
ฮัง...ลื้อขาดทุนแน่หรือ...?
แน่ซิครับ...
สี่แสนปีเดียวหมดเกลี้ยง...ผมขาดทุนย่อยยับหมดเลย...
คิดให้ดี...ขาดทุนจริงๆนะเหรอ...?
จริงซิครับ...
ท่านอย่ามายั่วโทสะผมนะ...
อาจารย์พุทธทาสก็เลยถามต่อว่า...โยม...อาฮัง...
ที่ลื้อบ่นขาดทุน...ขาดทุนนี่...
ลื้อเกิดมาลื้อมีทุนติดตัวมาเท่าไร...?
วันที่ลื้อเกิดมาน่ะ...?
อาฮังนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง...
เอ๊ะ...ใครมันจะไปดึงทุนออกมาจากท้องแม่ได้ในวันเกิดน่ะ...
พระนี่ถามอะไรแปลกๆ...
อาฮังตอบว่า...
ไม่มี...
อาจารย์พุทธทาสก็ถามต่อ...เดี๋ยวนี้หม้อหุงข้าวลื้อมีไหม...?
หม้อหุงข้าวมี...
เสื้อผ้ามีใส่ไหม...?
มี...
บ้านมีอยู่ไหม...?
มี...
ถามอะไรต่อมิอะไร...มันก็ตอบว่า...มีๆ...
อาจารย์พุทธทาสท่านจึงบอกว่า...
อาฮัง...ลื้อไม่ได้ขาดทุนหรอก...
เพียงแต่กำไรมันลดลงไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง...
............
............
............
สุขทุกข์...อยู่ที่ใจ...มิใช่หรือ...
ถ้ายึดถือ...ก็เป็นทุกข์...ไม่สุกใส...
ถ้าไม่ยึด...ก็เป็นสุข...หมดทุกข์ใจ...
ฉะนั้นเรา...อยากได้ทุกข์...หรือสุขนา...
จากหนังสือ เทศนาฮา..สุดขีด4
พระพยอม กัลยาโณ, สมคิด ลวางกูร
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 01, 2013 10:05 pm
โดย maninpp
สำหรับผม ถ้าจะมาให้ประเมินมูลค่าของหุ้นใหม่ ขณะที่หุ้นตกๆ
กลับเป็นเรื่องที่แฝงไว้ด้วยความเสี่ยง เพราะ ข่าวร้ายเต็มตลาด
จิตใจก็หดหู่ อาจมองตลาดหุ้นช่วงนี้เลวร้าย เกินจริง
แล้วถ้าให้สองคนถือหุ้น ตัวเดียวกันราคาเท่ากัน
ผลการประเมินอาจต่างกันสุดขั้ว อยู่ที่หลายปัจจัย
อารมณ์ ความรู้ สติ ประสบการณ์ และ การวางแผนทางด้าน
การใช้จ่ายส่วนตัว ในระยะยาว
แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรทำนะครับ แต่ควรทำอย่างมีสติ
และไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป
ปล. ผมชอบใช้ผลประกอบการของบ. เป็นตัวกำหนดการตัดสินใจ
ว่าจะขาย หรือถือต่อ ถ้าผลประกอบการดี ก็คิดจะถือหุ้นหลายปี
แต่ระหว่างนี้ถ้าหุ้นตกแรง ก็ไม่คิดจะทำอะไรเพราะยังไม่ถึงช่วงเวลา
ที่จะขาย หุ้นขึ้นก็ไม่ขายเพราะคิดว่าอนาคตมันจะเติบโตกว่านี้อีก
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 05, 2013 6:46 am
โดย bing1992
555 นั่งอ่านคอมเม้นไปเรื่อยแล้วขำ ว่าเขาล้างพอร์ตกันหมดแล้ว
แต่เรากับเพิ่งโดดลงไปถือหุ้นร้อยเปอร์เซน (หลังจากได้แต่มองมานาน) จะรอดไหมเนี้ยฮร้าๆๆๆ
คิดไปคิดมา เอาหนะเราถือหุ้นเพราะเราพอใจในปันผล จะยืนหยัดต่อไป สู้ๆ
ระยะทางพิสูจน์(ความสามารถ)ม้า กาลเวลาพิสูจน์(ความสามารถ)คน
"แล้วมันก็จะผ่านไป"
Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 05, 2013 8:26 am
โดย Maney
yakjabon เขียน:มันคือการซื้อบริษัทอะครับ ขาดทุนบ้าง กำไรบ้างเป็นรายวัน ถ้าเรามั่นใจว่าระยะยาว 3ปี 5ปี 10ปี มันมาแน่ trend มันชัวร์ ก็ไม่ต้องไปสนใจรายวันหรอกครับ ... จะให้นั่งดูราคาทุกวันแล้วให้มัน ขึ้นนอนตายแบบดอกเบี้ยเงินฝากครงทำไม่ได้หรอก และจะให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่นอนตายมัน return เร็วเหมือนตอนบริษัททำกำไรได้ขอคงไม่ได้เช่นกัน
ผมว่ามันเป็นความต่างของทางเลือก เป็นมนุษย์เงินเดือนขอกิน fixed rate และยกความเสี่ยง + กำไรส่วนเกินให้เจ้าของบริษัท หรือเป็นผู้ถือหุ้นที่เลือกความเสี่ยงเองและขอเก็บกินกำไรส่วนเกินที่เหลือทั้งหมดหลังจาก fixed rate ให้กับมนุษย์เงินเดือนแล้ว
ขอโทดคับนิ้วไปโดน - จะกดบวกคับ