หน้า 5 จากทั้งหมด 5

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2012 5:17 pm
โดย superboy
แต่มาคิดอีกที ต้นกำเนิด ต่างเวลา ต่างเหตุผล กัน เวบไทยวิ แบบนี้ก็ดี แต่ไม่อยากเครียด

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2012 6:01 pm
โดย leky
Nevercry.boy เขียน:
leky เขียน:ผมว่าถ้ามีงาน meeting อาจจะเปลี่ยนวิธีการหา speaker โดยอ้างอิงจากอุตสาหกรรมก็น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งนะครับ
แนวคิดนี้ดีมากครับคุณ Leky ยิ่งถ้าได้ตัวจริงในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ด้วย พี่สนับสนุนแนวคิดนี้เต็มที่ และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนส่วนมากด้วยเช่นเดียวกัน
ผมว่าหลายอุตสาหกรรม มันมีจุดที่ทำให้คนไม่อยากเข้าไปศึกษาครับ เช่น หุ้นการเงิน ควรต้องดูอะไร การตีความงบการเงินมันต่างจากหุ้นทั่วไปอย่างไร หรืออย่างอสังหาฯ รายได้ที่เห็นมันคืออะไร การประเมินรายได้โครงการควรดูอะไร กลุ่มรับเหมามีวิธีในการดูอย่างไรเพราะรายได้เป็นงวด ๆ

จริง ๆ มันอาจจะไม่ต้องเอาสมาชิกในเว็บก็ได้นะครับ เพราะผมว่าถ้าหาแบบนี้บางคนอาจจะกลัวว่าไม่ได้อยู่ในวงการนั้นจริง แต่อาจจะเป็นคนที่อยู่ในวงการจริง ๆ ที่มีความรู้และเค้าเต็มใจที่จะมาสอนครับ

ผมว่าถ้าเรายกระดับเป็นสมาคมแล้วการทำอะไรในทำนองแบบนี้รวมทั้งการเชิญวิทยากรจะทำได้ง่ายครับ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2012 6:04 pm
โดย Nevercry.boy
leky เขียน:
Nevercry.boy เขียน:
leky เขียน:ผมว่าถ้ามีงาน meeting อาจจะเปลี่ยนวิธีการหา speaker โดยอ้างอิงจากอุตสาหกรรมก็น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งนะครับ
แนวคิดนี้ดีมากครับคุณ Leky ยิ่งถ้าได้ตัวจริงในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ด้วย พี่สนับสนุนแนวคิดนี้เต็มที่ และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนส่วนมากด้วยเช่นเดียวกัน
ผมว่าหลายอุตสาหกรรม มันมีจุดที่ทำให้คนไม่อยากเข้าไปศึกษาครับ เช่น หุ้นการเงิน ควรต้องดูอะไร การตีความงบการเงินมันต่างจากหุ้นทั่วไปอย่างไร หรืออย่างอสังหาฯ รายได้ที่เห็นมันคืออะไร การประเมินรายได้โครงการควรดูอะไร กลุ่มรับเหมามีวิธีในการดูอย่างไรเพราะรายได้เป็นงวด ๆ

จริง ๆ มันอาจจะไม่ต้องเอาสมาชิกในเว็บก็ได้นะครับ เพราะผมว่าถ้าหาแบบนี้บางคนอาจจะกลัวว่าไม่ได้อยู่ในวงการนั้นจริง แต่อาจจะเป็นคนที่อยู่ในวงการจริง ๆ ที่มีความรู้และเค้าเต็มใจที่จะมาสอนครับ

ผมว่าถ้าเรายกระดับเป็นสมาคมแล้วการทำอะไรในทำนองแบบนี้รวมทั้งการเชิญวิทยากรจะทำได้ง่ายครับ
ถ้าเทียบกับการฟัง ผบห. พูด ถึงธุรกิจตัวเอง คุณ leky คิดว่ามีข้อเสียอย่างไรครับ?

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2012 7:55 pm
โดย leky
Nevercry.boy เขียน:
leky เขียน:
Nevercry.boy เขียน:
leky เขียน:ผมว่าถ้ามีงาน meeting อาจจะเปลี่ยนวิธีการหา speaker โดยอ้างอิงจากอุตสาหกรรมก็น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งนะครับ
แนวคิดนี้ดีมากครับคุณ Leky ยิ่งถ้าได้ตัวจริงในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ด้วย พี่สนับสนุนแนวคิดนี้เต็มที่ และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนส่วนมากด้วยเช่นเดียวกัน
ผมว่าหลายอุตสาหกรรม มันมีจุดที่ทำให้คนไม่อยากเข้าไปศึกษาครับ เช่น หุ้นการเงิน ควรต้องดูอะไร การตีความงบการเงินมันต่างจากหุ้นทั่วไปอย่างไร หรืออย่างอสังหาฯ รายได้ที่เห็นมันคืออะไร การประเมินรายได้โครงการควรดูอะไร กลุ่มรับเหมามีวิธีในการดูอย่างไรเพราะรายได้เป็นงวด ๆ

จริง ๆ มันอาจจะไม่ต้องเอาสมาชิกในเว็บก็ได้นะครับ เพราะผมว่าถ้าหาแบบนี้บางคนอาจจะกลัวว่าไม่ได้อยู่ในวงการนั้นจริง แต่อาจจะเป็นคนที่อยู่ในวงการจริง ๆ ที่มีความรู้และเค้าเต็มใจที่จะมาสอนครับ

ผมว่าถ้าเรายกระดับเป็นสมาคมแล้วการทำอะไรในทำนองแบบนี้รวมทั้งการเชิญวิทยากรจะทำได้ง่ายครับ
ถ้าเทียบกับการฟัง ผบห. พูด ถึงธุรกิจตัวเอง คุณ leky คิดว่ามีข้อเสียอย่างไรครับ?
ผมหมายถึงคนที่จะเชิญมาอาจจะเคยทำงานหรือทำงานอยู่ในองค์กรที่เกี่ยวข้องครับ เช่นสมาคมธนาคารไทย เป็นต้นครับ และผมเองก็ไม่เห็นด้วยถ้าจะเอาคนที่ทำงานในบ.โดยเฉพาะที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ครับ เพราะอาจจะทำให้มีปัญหาว่าจะมีการโฆษณาแฝงอะไรหรือไม่ ที่สำคัญถ้าเชิญคนที่มาจากองค์กรที่เป็นส่วนกลาง จะไม่ bias และจะได้ข้อมูลในเชิงกว้างมากกว่าครับ

การฟังผบห.ของบ.พูดเอง ผมว่ามันอาจจะมีประโยชน์ในแง่ของข้อเท็จจริงเรื่องเกี่ยวกับบ. ครับ แต่ถ้าสมาคมจะไปเชิญมาผมว่ามันคงไม่เหมาะ เพราะทางตลาดก็มี op day อยู่แล้ว รวมถึงคนที่ถือหุ้นอยู่ก็อาจจะถามตอนประชุมผถห.ได้ครับ

จริง ๆ ความรู้พวกนี้ถ้าจะมองแบบกว้าง ๆ มันสามารถเลือกได้หลายแบบครับ ผมยกตัวอย่างนะครับ เวลาหุ้นตก ฝรั่งขายหุ้น แม้แต่ในเว็บก็จะต้องมีประเด็นพวกนี้ "ฝรั่งทิ้งหุ้นไทย?" บางคนกลัวจนถึงขนาดล้างพอร์ต ในความเห็นผมถ้าเราได้มีโอกาสฟัง แนวคิดการลงทุนในหุ้นของพวกกองทุนต่างชาติ มันก็อาจจะเป็นประโยชน์อีกรูปแบบหนึ่ง โดยอาจจะหาวิทยากรที่เคยทำงานหรือมีประสบการณ์ในกองทุนต่างชาติ ฯลฯ บางทีถ้าเรารู้ก็จะได้เลิกกลัวหรือกลัวน้อยลงครับ ถามว่ามันเกี่ยวกับวีไอหรือไม่ มันอาจจะไม่เกี่ยวโดยตรง แต่ผมมองว่าในฐานะที่เราและเค้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เดียวกัน เค้าเองก็มีเม็ดเงินที่มีผลชี้ทิศทางตลาดได้ บางทีรู้เขารู้เราผมมองว่ามันก็ไม่เสียหายอะไรครับ อันนี้ผมยกตัวอย่างนะครับ เพราะแต่เดิมรูปแบบน่าจะเน้นไปที่วิทยากรที่ประสบความสำเร็จครับ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 26, 2012 10:33 pm
โดย Nevercry.boy
leky เขียน:
ผมหมายถึงคนที่จะเชิญมาอาจจะเคยทำงานหรือทำงานอยู่ในองค์กรที่เกี่ยวข้องครับ เช่นสมาคมธนาคารไทย เป็นต้นครับ และผมเองก็ไม่เห็นด้วยถ้าจะเอาคนที่ทำงานในบ.โดยเฉพาะที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ครับ เพราะอาจจะทำให้มีปัญหาว่าจะมีการโฆษณาแฝงอะไรหรือไม่ ที่สำคัญถ้าเชิญคนที่มาจากองค์กรที่เป็นส่วนกลาง จะไม่ bias และจะได้ข้อมูลในเชิงกว้างมากกว่าครับ
แนวคิดนี้ดีมากครับ ถ้าน้องหมอเคอ่านอยู่ช่วยสนับสนุนเป็นแนวทางหรือนโยบายหนึ่งได้ยิ่งดีครับ

ผมขอยกประสบการณ์ส่วนตัวครับ เมื่อ 2-3 ปีก่อน ผมได้เริ่มต้นลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรกลางน้ำค่อนข้างปลายบริษัทหนึ่ง จากการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์เบื้องต้น ณ ขณะนั้น ราคาอยู่ประมาณ 5.x ถึง 6.x ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่จากการสำรวจทำการบ้าน อ่านรายงานประจำปีย้อนหลังประมาณหลายปี และทำการบ้านหาข้อมูลอีกสารพัด ผมก็เริ่มทะยอยสะสม เวลาเปลี่ยนไปก็ยังราคาขึ้น ๆ ลง ๆ จนกระทั่งผมได้พูดคุยกับคนในอุตสาหกรรม (ซึ่งตอนหลังผมพบว่ามันเป็นหลักการณ์ของ Scuttlebutt ของฟิชเชอร์) ผมมีความมั่นใจขึ้น ณ ขณะนั้น

นักวิเคราะห์ให้ราคาอยู่ประมาณ 7.x ถึง 8 แถว ๆ นั้นมั๊งครับ และก็มีเพียงไม่กี่รายที่ตามบริษัทนี้ แต่หลังจากนั้น ผลประกอบการณ์ก็เป็นไปดังคาด ราคาเกินจุดนั้นไปเยอะผมได้รู้จักเพื่อนหลายคนจนปัจจุบันก็จากกระทู้นั้น นั่นก็เพราะการได้พูดคุยกับคนในอุตสาหกรรมซึ่งผมเห็นว่าแนวทางนี้เป็นประโยชน์มาก ๆ ครับ

อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้มาผมไม่สนับสนุนให้โพสในเวปเพราะเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้กรองพูดก็คือเป็นข่าวไม่ได้กรองนั่นเอง แต่ถ้าเราจัดเป็นสัมมนาให้ความรู้ในแนวทางนี้ผมว่าไม่น่าผิดอะไรครับดีเสียอีกได้ความรู้กว้างกัน

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 27, 2012 11:54 pm
โดย crazyrisk
Nevercry.boy เขียน:
leky เขียน:
ผมหมายถึงคนที่จะเชิญมาอาจจะเคยทำงานหรือทำงานอยู่ในองค์กรที่เกี่ยวข้องครับ เช่นสมาคมธนาคารไทย เป็นต้นครับ และผมเองก็ไม่เห็นด้วยถ้าจะเอาคนที่ทำงานในบ.โดยเฉพาะที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ครับ เพราะอาจจะทำให้มีปัญหาว่าจะมีการโฆษณาแฝงอะไรหรือไม่ ที่สำคัญถ้าเชิญคนที่มาจากองค์กรที่เป็นส่วนกลาง จะไม่ bias และจะได้ข้อมูลในเชิงกว้างมากกว่าครับ
แนวคิดนี้ดีมากครับ ถ้าน้องหมอเคอ่านอยู่ช่วยสนับสนุนเป็นแนวทางหรือนโยบายหนึ่งได้ยิ่งดีครับ

ผมขอยกประสบการณ์ส่วนตัวครับ เมื่อ 2-3 ปีก่อน ผมได้เริ่มต้นลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรกลางน้ำค่อนข้างปลายบริษัทหนึ่ง จากการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์เบื้องต้น ณ ขณะนั้น ราคาอยู่ประมาณ 5.x ถึง 6.x ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่จากการสำรวจทำการบ้าน อ่านรายงานประจำปีย้อนหลังประมาณหลายปี และทำการบ้านหาข้อมูลอีกสารพัด ผมก็เริ่มทะยอยสะสม เวลาเปลี่ยนไปก็ยังราคาขึ้น ๆ ลง ๆ จนกระทั่งผมได้พูดคุยกับคนในอุตสาหกรรม (ซึ่งตอนหลังผมพบว่ามันเป็นหลักการณ์ของ Scuttlebutt ของฟิชเชอร์) ผมมีความมั่นใจขึ้น ณ ขณะนั้น

นักวิเคราะห์ให้ราคาอยู่ประมาณ 7.x ถึง 8 แถว ๆ นั้นมั๊งครับ และก็มีเพียงไม่กี่รายที่ตามบริษัทนี้ แต่หลังจากนั้น ผลประกอบการณ์ก็เป็นไปดังคาด ราคาเกินจุดนั้นไปเยอะผมได้รู้จักเพื่อนหลายคนจนปัจจุบันก็จากกระทู้นั้น นั่นก็เพราะการได้พูดคุยกับคนในอุตสาหกรรมซึ่งผมเห็นว่าแนวทางนี้เป็นประโยชน์มาก ๆ ครับ

อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้มาผมไม่สนับสนุนให้โพสในเวปเพราะเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้กรองพูดก็คือเป็นข่าวไม่ได้กรองนั่นเอง แต่ถ้าเราจัดเป็นสัมมนาให้ความรู้ในแนวทางนี้ผมว่าไม่น่าผิดอะไรครับดีเสียอีกได้ความรู้กว้างกัน

จริงๆ ไอเดีย แบบนี้ ดีมากเลยนะครับ
จริงๆ แล้ว วิธีนี้ เป็นวิธีที่มีอานุภาพมากๆเลยครับ พี่ nevercry และ พี่ leky


ตอนผมเล่นหุ้นใหม่ๆ มีโอกาสมางานไทยวีไอมีตติ้ง ที่ รร. fortune ตอนนั้น ผมแทบจะไม่รู้จักอะไรเลย
มีคนมาใบ้หุ้นกัน แล้ว ก็ แบ่งกลุ่มกัน discuss ว่าหุ้นตัวไหนเจ๋งสุด
เสร็จแล้ว ก็ นำเสนอหุ้นให้ อ. comment อีกที

รอบนั้น หุ้นที่ชนะ คือ cpall hmpro และ หุ้นเทพๆ อีกหลายตัว
แต่ผมก็ยังคงไม่รู้ว่า ใครดูกันยังไง

ผ่านไป เห็น cpall ลงมาเพราะ โลตัสจีน ก็ได้แต่มองแล้วยิ้มๆว่า คนที่งานนั้น คงขาดทุนกันหมด
หุ้นนี่มันน่ากลัวจริงๆเลย.. จากนั้น ก็ไม่ได้ดูอะไรอีก

ผ่านมา 4-5 ปี ผมได้เห็นอานุภาพของการวิเคราะห์หุ้นค้าปลีกจริงๆ
เลยได้ไปหยิบหนังสือแนวธุรกิจมาอ่าน มีหนังสือเล่มนึง วิเคราะห์ความแข็งแกร่งของค้าปลีก
อย่างละเอียดดดดดด... ซึ่งคนเขียน ฟันธงมาตั้งแต่ปี 2006 แล้วว่า ค้าปลีกเนี่ย จะดีสุดๆ เพราะอะไร
พออ่านจบ แล้ว อยากร้องว่า "รู้งี้"ดังๆเลย

ผมก็เลยศึกษาข้อมูล และ พอดี มีเพื่อนพี่สาว ทำงานอยู่ใน บ. เครื่องดื่มบำรุงกำลังชื่อดัง ยี่ห้อหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ เขาเคยดีลกับ hypermarket ทุกเจ้า ทำให้รู้จุดอ่อน จุดแข็ง ของ แต่ละบริษัทอย่างละเอียด
ฟังเสร็จปุ๊บแล้ว บรรลุเลยว่า

จริงๆ แล้ว หากได้ข้อมูลจากคนที่อยู่ในธุรกิจนั้นจริงๆ ก็จะทำให้เราเข้าใจบริษัทหรืออุตสาหกรรมนั้นได้ดีมาก
แต่ก็มีจุดอ่อน เพราะว่า คนที่อยู่ใน industry นั้นๆ มักจะ anti บริษัทหรืออุตสาหกรรมที่ตัวเองเกี่ยวข้อง


สรุปแล้ว เห็นด้วย จริงๆครับ
แต่เผอิญ การจะหาคนแบบนั้นยากเหมือนกันนะครับ ถ้าใครรู้จัก รบกวนสะกิดผมดังๆได้เลยครับ
จะรีบเทียบเชิญมาขึ้นเวทีทันทีครับ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 28, 2012 12:33 am
โดย Nevercry.boy
crazyrisk เขียน: สรุปแล้ว เห็นด้วย จริงๆครับ
แต่เผอิญ การจะหาคนแบบนั้นยากเหมือนกันนะครับ ถ้าใครรู้จัก รบกวนสะกิดผมดังๆได้เลยครับ
จะรีบเทียบเชิญมาขึ้นเวทีทันทีครับ
น้องหมอเค มาวิเคราะห์โรงพยาบาลให้ฟังก่อนเลยครับ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 28, 2012 11:04 am
โดย dome@perth
Nevercry.boy เขียน:
crazyrisk เขียน: สรุปแล้ว เห็นด้วย จริงๆครับ
แต่เผอิญ การจะหาคนแบบนั้นยากเหมือนกันนะครับ ถ้าใครรู้จัก รบกวนสะกิดผมดังๆได้เลยครับ
จะรีบเทียบเชิญมาขึ้นเวทีทันทีครับ
น้องหมอเค มาวิเคราะห์โรงพยาบาลให้ฟังก่อนเลยครับ
รอฟังด้วยคนครับ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 28, 2012 11:28 am
โดย crazyrisk
dome@perth เขียน:
Nevercry.boy เขียน:
crazyrisk เขียน: สรุปแล้ว เห็นด้วย จริงๆครับ
แต่เผอิญ การจะหาคนแบบนั้นยากเหมือนกันนะครับ ถ้าใครรู้จัก รบกวนสะกิดผมดังๆได้เลยครับ
จะรีบเทียบเชิญมาขึ้นเวทีทันทีครับ
น้องหมอเค มาวิเคราะห์โรงพยาบาลให้ฟังก่อนเลยครับ
รอฟังด้วยคนครับ

รอฟังด้วยคนครับ

แหม พี่ ผมก้บอกอยู่หยกๆว่า คนมักชอบลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองไม่ได้ทำ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 28, 2012 1:23 pm
โดย leky
crazyrisk เขียน:
แหม พี่ ผมก้บอกอยู่หยกๆว่า คนมักชอบลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองไม่ได้ทำ
คนที่ไม่ชอบลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองทำงานอยู่ ผมว่ามันน่าจะมีหลายสาเหตุนะครับ

1) ชาชินกับมันเกินไป จนไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองเห็นทุกวัน
2) เห็นข้อเสียของมันอย่างชัดเจน
3) เห็นธุรกิจอื่นดีกว่า ซึ่งอาจจะดีกว่าจริงหรือไม่ได้ดีกว่าจริงก็ได้

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 29, 2012 9:13 am
โดย siebelize
จริงครับคุณหมอ
ที่ว่าคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมใดๆมักจะไม่ชอบลงทุนในฟิลด์นั้นๆ

ตรงนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเพราะว่า งานที่ทำอยู่ทุกวันทำให้เห็นแต่ข้อด้อยของธุรกิจนั้นๆน่ะครับ

ตรงนี้คิดว่าน่าจะเกิดจากจิตวิทยาที่ว่า คนมักจะมองหาแต่สิ่งที่ตัวเองไม่ชอบก่อน

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 29, 2012 11:27 am
โดย crazyrisk
Nevercry.boy เขียน:
crazyrisk เขียน: สรุปแล้ว เห็นด้วย จริงๆครับ
แต่เผอิญ การจะหาคนแบบนั้นยากเหมือนกันนะครับ ถ้าใครรู้จัก รบกวนสะกิดผมดังๆได้เลยครับ
จะรีบเทียบเชิญมาขึ้นเวทีทันทีครับ
น้องหมอเค มาวิเคราะห์โรงพยาบาลให้ฟังก่อนเลยครับ

พี่ เด็กไม่ร้องไห้ เงียบไปเลย
ยอมมาตอบก็ได้ครับ

คือจริงๆ ผมไม่ค่อยรู้จริงๆ เพราะเป็นแค่มนุษย์กินเงินเดือนคนนึงเท่านั้นเองครับ

ตอบตามที่ผมเข้าใจแล้วกันนะครับ ถ้าผิด ก็รบกวนช่วยชี้แจงด้วยนะครับ



โรงพยาบาล จริงๆ ไม่ต่างอะไร จาก โรงแรม
เพราะ รายได้ จะมาจาก ค่าเช่าที่ และส่วนแบ่งในการตรวจรักษาคนไข้

ถึงแม้หมอจะมีหน้าที่เป็นตัวเอกใน โรงพยาบาลนั้นๆ
จนเขาเรียกว่า โรงหมอ โรงหมอ
แต่จริงๆ แล้ว เวลาเราไปตรวจรักษา สักครั้งนั้น
เจอค่ารักษาแพงหูฉี่ ต้องบอกเลยว่า ราคานั้นๆ ล้วนเป็นราคาที่ โรงพยาบาลจะได้รับ

ประมาณครึ่งนึงของค่าตรวจโรค
เช่น เวลาตรวจ หมออาจจะคิดค่าตรวจ ต่อหัวประมาณ 300-500
แต่ หมอจะได้แค่ 40-50% เท่านั้น (ขึ้นกับ อำนาจต่อรองของหมอคนนั้นๆด้วย)

ธุรกิจ โรงพยาบาล จะแบ่งรายได้ออกเป็นสองส่วนคือ
OPD และ IPD
เวลาไปดูธุรกิจโรงพยาบาลนั้น ผมเข้าใจว่า สิ่งที่โรงพยาบาลจะกำไรได้มากกว่าคือ
IPD (การนอนวอร์ด) ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ การให้คนไปนอนในห้องของโรงแรม
ซึ่ง มีค่าเข้าพัก แพงกว่า โรงแรมแน่นอน (เทียบในเรทความหรูเดียวกัน) เพราะจะมี
ค่านู่นค่านี่ เข้ามามากมาย

ดังนั้น หากดูธุรกิจโรงแรม เอ้ย โรงพยาบาล การดูอัตราการครองเตียงนั้น
จะบอกได้ค่อนข้างดีว่า โรงพยาบาลนั้นๆ สามารถทำกำไรได้ดีหรือไม่
เพราะ โรงพยาบาลกับโรงแรม เหมือนกันตรงที่ว่า fix cost เช่นค่ายา
และ ค่าจ้างหมอพยาบาล ถ้าหาก เมื่อไหร่ก็ตามที่ มีคนไข้จำนวนมากพอ
จะทำให้ break even และ กำไรจะก้าวกระโดดทันที

นอกเหนือไปจากนั้น ตัวธุรกิจโรงพยาบาลมีข้อได้เปรียบมากกว่าโรงแรมมากครับ
เพราะ ลองคิดดูว่า เวลา เราไปเที่ยว เราอยากไปโรงแรมที่เก่าๆ สีไม่ได้ทาใหม่
มีรอยแตกของปูน ไหม... กลับกัน เวลาเราไปโรงพยาบาล เราก็ไม่กล้าไป
โรงพยาบาลที่ ใหม่สด เจอหมอเด็กไป ก็บอกว่าหมอไม่เก่ง... ทำนองนั้น
ดังนั้น โรงพยาบาล จะมีค่า maintenance ที่ถูกกว่า โรงแรมแน่ๆครับ

และ ธุรกิจ โรงพยาบาลกับโรงแรม ก็ละม้ายคล้ายกัน ตรงที่มีความเป็น seasonal เหมือนกัน
ราวกับแกะ แต่ต่างกันด้วยเหตุผล อยู่บ้าง คือ โรงแรม มักจะ ไป peak Q4,1
เพราะเป็นหน้าท่องเที่ยวของพวกชาวต่างชาติ (ยุโรป เมกา- แต่ปัจจุบันก็เปลี่ยนไปบ้าง
เพราะกลุ่มนั้น เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจค่อนข้างมาก)

ส่วน ของ โรงพยาบาลนั้น เดิม ธุรกิจ มักจะ peak ประมาณ Q3 เพราะ ช่วงหน้าฝน
เด็กจะป่วยเยอะ และก็จะมีจำนวนคนไข้มากกว่า หน้าอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ขณะเดียวกัน
หลังจากที่ มีมาตรการก่อการร้ายใน USA พร้อมกับไทยพยายามเปิดเป็น medical hub
ทำให้ ชาวตะวันออกกลาง และ ประเทศอื่นๆ หันมารักษาที่ไทย เพราะค่ารักษาที่เรานั้น
ถึงแม้จะดูเหมือนแพงหูฉี่ สำหรับคนในบ้านเรา แต่สำหรับชาวต่างชาติ เขาค่อนข้างถูกทีเดียวครับ

ส่วนตัวโรงพยาบาลเอง ก็ไม่ใช่ว่า เป็นธุรกิจที่ใครเปิดก็รอดนะครับ
เมื่อก่อน มันเป็น blue ocean เพราะ หมอส่วนใหญ่ ก็ยังทำงานรัฐบาล
และส่วนนึง ก็เปิดคลินิก ประกอบไปด้วย แต่ปัจจุบัน ด้วยความที่เงินเดือนของแพทย์
รัฐบาลกับเอกชน มันต่างกัน แบบ ฟ้ากับเหว ...

รู้ไหมครับ หมอ จบใหม่ กับหมอ จบเฉพาะทาง เงินเดือนต่างกันประมาณ 2000-3000 บาท
(ใช้เวลาเรียน ประมาณ 8-13 ปี ด้วยเงินเดือนรัฐบาลประมาณ 15000 + ค่าไม่ทำเวชอีกประมาณ 10000 บาท + ส่วนใครมี topping อย่างอื่น ก็ไปว่ากันเองครับ ผมพูดเฉพาะ หมอในเมืองส่วนใหญ่ นะครับ)

ทำให้ หมอจำนวนนึง ต้องลงมาเปิดคลินิกมากขึ้น พอเปิดไปเปิดมามากขึ้น ก็กลายเป็น การรวมตัวกัน เปิด รพ.เอกชน แรกๆ เปิดก็โอครับ เพราะ คนไข้ก็เยอะ แต่พอต่อๆมาแข่งกันมากขึ้น สุดท้าย ก็เข้าสู่ red ocean นั่นเอง

รพ.เอกชน แรกๆ ต้องลงทุนเยอะครับ คนเข้ามา ก็ไม่มาก ดังนั้น fix cost เรื่องเครื่องมือแพทย์ ก็จะสูงมาก ที่เห็นจ่ายค่ารักษาแพงๆ ไม่ใช่ว่า เก็บไปเข้ากระเป๋ารพ.สบายๆนะครับ
ค่าเครื่องมือ แต่ละอัน นี่ระดับ ล้านทั้งนั้น ค่าเสื่อมจึงกินกำไรส่วนนี้ไปเรื่อยๆครับ
ถ้า รพ.ไหน มีหนี้ เยอะ ก็จะแย่หน่อย เพราะว่า หากไม่รีบ breakeven โอกาส เจ๊งก็สูงมาก
ทีเดียวครับ โรงพยาบาลจึงเป็นธุรกิจที่ไม่ค่อยมีใครเปิดใหม่เท่าไหร่นักในปัจจุบัน

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 29, 2012 6:05 pm
โดย disposable
ได้ความรู้เยอาะเลยครับพี่ crazyrisk

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 8:05 am
โดย siebelize
crazyrisk เขียน: fix cost เรื่องเครื่องมือแพทย์ ก็จะสูงมาก ที่เห็นจ่ายค่ารักษาแพงๆ ไม่ใช่ว่า เก็บไปเข้ากระเป๋ารพ.สบายๆนะครับ
ค่าเครื่องมือ แต่ละอัน นี่ระดับ ล้านทั้งนั้น
คุณหมอครับ

ฟังดูเหมือนกับว่า ถ้า รพ.เป็น Red Ocean
ธุรกิจที่น่าลงทุนกว่าคือธุรกิจที่ขายเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ราคาแพง พวกนั้นรึเปล่าครับ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 8:27 am
โดย crazyrisk
siebelize เขียน:
crazyrisk เขียน: fix cost เรื่องเครื่องมือแพทย์ ก็จะสูงมาก ที่เห็นจ่ายค่ารักษาแพงๆ ไม่ใช่ว่า เก็บไปเข้ากระเป๋ารพ.สบายๆนะครับ
ค่าเครื่องมือ แต่ละอัน นี่ระดับ ล้านทั้งนั้น
คุณหมอครับ

ฟังดูเหมือนกับว่า ถ้า รพ.เป็น Red Ocean
ธุรกิจที่น่าลงทุนกว่าคือธุรกิจที่ขายเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ราคาแพง พวกนั้นรึเปล่าครับ

จริงๆ คำว่า red ocean สำหรับ ผู้เล่นรายเล็กครับ

เกมส์นี้มันเปลี่ยนเพราะ สถานการณ์บางอย่าง ไว้รอคนอื่นมาตอบเพิ่มเติมครับ


ส่วนเครื่องมือแพทย์ นั้น ผมคิดว่า ไม่ค่อยเป็น red ocean เท่าไหร่
เพราะ การขายให้กับลูกค้า ซึ่งเป็น end user มักจะไม่ค่อยมีอำนาจต่อรอง (หรือ ไม่ค่อยอยากมีอำนาจต่อรองด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ 55)

เพราะ หาก ขายให้กับ รพ. รัฐบาล คนซื้อ มันไม่ได้ใช้ คนใช้มักไม่ได้ซื้อ
แต่เรื่องแบบนี้ ไว้เจอกันค่อยเล่าให้ฟังดีกว่าครับ แต่ไม่แน่นะครับ ปัจจุบัน มีการตรวจสอบมากขึ้น
อะไรหลายๆอย่าง น่าจะ ดีขึ้นเยอะแล้ว แต่ แค่จะบอกว่า ส่วนใหญ่ มันน่าจะขึ้นกับ connection มากกว่า

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 9:39 am
โดย Nevercry.boy
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหมอเล่นหุ้นนี่เก่งกันทุกคน

ขอบคุณมากครับน้องหมอเค

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 9:44 am
โดย crazyrisk
Nevercry.boy เขียน:ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหมอเล่นหุ้นนี่เก่งกันทุกคน

ขอบคุณมากครับน้องหมอเค

ตาผมถามพี่ nevercry boy บ้างดีกว่าครับ
หลังจากไปอ่าน พี่ จัดหนักในเรื่อง การวิเคราะห์บริษัทเบื้องต้นแล้ว ทึ่งมากครับ


ขอแลกด้วย อุตสาหกรรมที่ พี่ ถนัดอะครับ... วิเคราะห์ให้ฟังได้ไหมครับ

:bow:

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 11:43 am
โดย CONNICHIWA
ขอแสดงความเห็นด้วยนะครับ
ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในธุระกิจก่อสร้าง เห็นข้อดีข้อด้อยซึ่งผมมองว่าเป็นโอกาสมากกว่า
ธุระกิจก่อสร้างเป็นธุระกิจที่แปลกต้องลงทุนก่อสร้างก่อน แล้วค่อยเิบิกเงินทีหลัง
เท่าที่เจอกับตัว คือบริษัทรับเหมาที่รับทำงานกับหน่วยงานของรัฐนั้นเป็นหุ้นที่อันตรายมาก ส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำงานให้เสร็จตามกำหนดสัญญาได้ด้วยเหตุผลหลายประการซึ่งไม่สามารถลงรายละเอียดในที่นี้ได้ บางบริษัทต้องศึกษาว่าเขาอยู่สีใดด้วย

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 11:47 am
โดย CONNICHIWA
ขอโทษนะครับ
น่าจะมีการแชร์ความรู้ในอุตสาหกรรมที่ตัวเองทำงานอยู่

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 12:11 pm
โดย Ii'8N
CONNICHIWA เขียน:ขอโทษนะครับ
น่าจะมีการแชร์ความรู้ในอุตสาหกรรมที่ตัวเองทำงานอยู่

นอกจากที่ที่ผ่านมา เอกลักษณ์ของ TVI คือมีการจัดหมวดหมู่เป็นตามชื่อหุ้น ห้องร้อยคนร้อยหุ้น

จะดีไหม เห็นความเห็นคุณ CONNICHIWA เลยคิดไปว่า ถ้าเราจะมีห้องถามตอบ หรือแพร่ความรู้เป็น sector ที่ไม่เกี่ยวกับหุ้นเลยก็ได้ เพื่อคนวิเคราะห์หุ้นจะได้มีความรู้เพิ่มเติมขยาย circle of competency ของตัวเองออกไป โดยมีเพื่อนที่มีความรู้เฉพาะด้าน แม้ไม่อยากลงทุน แต่ก็ช่วยให้ความรู้เป็นการแลกเปลี่ยน แล้วเราจะได้แหล่งรวมความรู้อีกชุดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและตรงประเด็นกับการลงทุน VI
อย่างผมตอนนี้ไม่มีหุ้น ICT ใน port เลย แต่ถ้ามีห้องขึ้นมา ตอนว่างยินดีจะไปช่วยตอบในหมวด Technology แต่ถ้าจะให้ตระเวณไปดูครบห้องหุ้น ICT ทั้งหมดคงไม่ไหว


เพราะความรู้บางอย่าง หาได้จาก net ก็จริง แต่บางทีเป็นทฤษฎีแบบกว้างเป็นแม้น้ำ คนที่เพิ่งเริ่มจะไม่รู้จะเจาะลงไปจุดไหน คนที่ทำงานคลุกคลีในวงการนั้นจะให้ข้อมูลที่ตรงประเด็นกว่า
และหลา่ยครั้ง ยิ่งกว่้านั้น ในตำราก็ไม่มีเขียน อย่างเช่น ที่บอกเครื่องมือแพทย์ ให้คนภายนอกประเมิน ก็ต้องคิดว่าโอกาสดี กำไรงามโดยไม่รู้จริงว่าเป็นงานหินที่ต้องมีอะไรซับศ้อนในการขาย หรืองานก่อสร้าง ต้องจ่ายเงินค่างวดอย่างไร ตรวจรับงานแล้วค่อยรับเงิน แบบนั้นเป็นต้น



ถ้า่ไม่รู้จะจัดกลุ่มยังไง ก็ง่ายๆ เอาแบบตามของตลท. เลย ระยะแรก อาจเอากลุ่มก่อน อนาคตค่อยซอยเป็นหมวดย่อยๆ

อย่างแพทย์ของคุณหมอเค ปัจจุบันอยู่ใน กลุ่ม SERVICE หมวด HELTH (Service/Health Care)
ก่อสร้างของคุณ CONNICHIWA ก็ PROPCON/PROP ชื่อคล้ายป๊อปคอร์น :D แต่คุ้นๆ ว่าชื่อเต็มๆ เป็น properties & construction



http://marketdata.set.or.th/mkt/sectori ... country=TH


 AGRO
....AGRI
....FOOD
   CONSUMP
....FASHION
....HOME
 AGRO
....AGRI
....FOOD
CONSUMP
....FASHION
....HOME
....PERSON
FINCIAL
....BANK
....FIN
....INSUR
INDUS
....AUTO
....IMM
....PAPER
....PETRO
....PKG
....STEEL
PROPCON
....CONMAT
....PROP
....PFUND
RESOURC
....ENERG
....MINE
SERVICE
....COMM
....HELTH
....MEDIA
....PROF
....TOURISM
....TRANS
TECH
....ETRON
....ICT

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 1:14 pm
โดย Nevercry.boy
โรงงานครับ ผมอาจสนใจกลุ่มอื่นบ้าง เช่น สื่อสาร บันเทิง โรงแรม ค้าปลีก ท่องเที่ยว ขนส่ง แต่ถ้าให้ผมวิเคราะห์ตัวผมเอง ผมจะลงทุนอยู่ในกลุ่มโรงงานเป็นหลัก

ผมเป็น IE วิศวะอุตสาหการครับ

1) ผลิตเองมีแบรนด์เป็นของตนเอง ประเภทแรกต้องวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของแบรนด์ก่อนเลยครับ ส่วนแบ่งการตลาด ผลิตภัณฑ์ใหม่ประสบความสำเร็จหรือไม่ ผลิตภัณฑ์เก่าเป็นเจ้าตลาดอย่างไร ยอดขายโตขึ้นทุก ๆ ปีหรือไม่? ถ้าใช่เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะอะไร ถ้าเป็นไปได้ผมมักจะมี short list ของกลุ่มนี้อยู่ในอันดับต้น ๆ การตลาดเป็นอย่างไร คู่แข่งจะมากินแบรนด์เราหรือเราจะไปกินแบรนด์เค้ายังไง ส่วนนี้ผมจะคิดมากฝั่ง demand และการควบคุมต้นทุนครับ

2) รับจ้างผลิต อันนี้ยากขึ้น ต้องดูงบการเงินอย่างน้อยสามส่วนคือ
2.1 บริษัทที่เราศึกษา
2.2 บริษัทลูกค้าของบริษัทที่เราศึกษา
2.3 บริษัทคู่แข่งของบริษัทที่เราศึกษา
เพราะเราไม่ได้อยู่ต้นน้ำแล้วเราอยู่กลางน้ำบางทีปลายน้ำ ดังนั้นเราต้องรู้ว่าการรับจ้างผลิตเราได้ margin เท่าไร ทำไมเราจึงได้เท่านั้น อาจเป็นเพราะหลายอย่าง เช่น Economy of scale ค่าแรง R&D productivity การต่อยอดผลิตภัณฑ์ ความสัมพันธ์อันดีของ ผบห. กับลูกค้า ฯลฯ คงต้อง list ออกมาให้หมด แล้วมาเขียนว่า เอ๊ะ แล้วงานแบบนี้จะยังอยู่กับเราไปถาวรหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ ธุรกิจของลูกค้าเรายังดีอยู่หรือไม่? หรือคู่แข่งของเราดีกว่าหรือไม่ บางครั้งเห็นเลยว่าคู่แข่งเราได้ margin น้อยกว่าแต่ยอดขายมากกว่า หรือบางทีเห็น เทรนด์ของลูกค้าเราก็รู้แล้วว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมลดลงแน่ ๆ
*ซึ่งส่วนใหญ่แล้วโรงงานของบ้านเราเป็นแบบสองครับ

3) รายได้ที่โรงงานจะสร้างขึ้นแยกเป็นสองส่วนอีกครับ คืองานกึ่ง ๆ โครงการเป็นงานรับเหมา เช่น รับจ้างผลิตสำหรับโครงการก่อสร้าง แบบนี้ถ้าโครงการก่อสร้างจบ รายได้ก็จบ รับจ้างผลิตสำหรับรถรุ่นใหม่ แบบนี้โครงการใหม่จบก็ต้องลุ้นโครงการใหม่ของโครงการใหม่ของโครงการใหม่ ก็ว่ากันไป แต่ต้องระวังครับ ถ้าเป็นแบบนี้ต้องทำการบ้านเรื่อง backlog ของบริษัทแม่ให้ดี ๆ ครับว่างานเราจะไม่ขาดมือ อ้อ ต้องระวังคู่แข่งด้วยครับ โรงงานพวกนี้ถ้าบางครั้งมองมุม asset play อย่างเดียวต้องระวังสภาพคล่องเพราะต้องมีเงินสดสูงไว้เป็นเงินวางเวลา bid โครงการใหญ่ ๆ อย่าสับสนว่ามีเงินสดสูงต้องดีเสมอไป

4) สินค้าอุปโภค บริโภค ถ้า cycle สั้น ๆ ก็เช่น อาหาร, ของใช้ประจำวัน สิ่งนี้ต้องดูพฤติกรรมการใช้ซ้ำของผู้บริโภค และต้องสำรวจ sales curve ของบริษัทที่เราลงทุนว่าสูงขึ้นหรือไม่ หรือก็งั้น ๆ การเพิ่มขึ้นนั้นควรต้องดูถึงความสำเร็จในอดีตด้วยครับ ที่สำคัญคือการควบคุมต้นทุน และก็อย่าไปซื้อบริษัทพวกนี้ตอนที่ Margin สูง ๆ ล่ะ เพราะบางครั้งอาจเกิดแค่ไตรมาสเดียว ควรซื้อตอนที่ Margin (ถ้าเป็นอุตฯปิโตรก็ Spread) อยู่ในภาวะเหมาะสม ถ้าต่ำได้ยิ่งดี อย่าไปบ้าตามกำไรรายไตรมาส จะดอยเอา ทีนี้พวกมาร์จิ้นต่ำนั้นก็ต้องดูครับว่าความสามารถในการแข่งขันระยาวยังดีอยู่หรือไม่หรือเป็นพวกอุตสาหกรรมที่ต่ำเตี้ยติดดินไร้ราคา อันนี้ต้องแยกออกมา ถ้าเป็นแบบต่ำเตี้ยติดดินไร้ราคาก็ต้องวิเคราะห์ด้วยโมเดล turnaround อย่าใช้ โมเดลของ Growth business

5) พยายามค้นหาคีย์ word คำว่า “ใหม่” นี่คือคำศัพท์ทองคำ ใหม่ในที่นี้อาจหมายถึง ผบห.คนใหม่, โรงงานใหม่, สินค้าใหม่, ยอดขายนิวไฮ, กำไรนิวไฮ, ลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์, กำลังการผลิตใหม่, ขาดทุนนิวโลว์ คีย์เวิร์ดนี้สำคัญมาก แต่อย่าไปเชื่อ

ขีดเส้นไว้เลยว่าอย่าไปเชื่อ!!!!!!!!

แล้วพยายามติดตามดู เช่น ผบห. บอกว่า มีสินค้า A ออกใหม่ โรงงานจะขายดีเป็นประวัติการณ์ อย่าพึ่งเชื่อ ผมมักจะซื้อเมื่อสินค้า A ออกมาแล้ว แล้วขายดีจริง ผมจึงค่อยสนใจซื้อ

ด้วยกรอบแบบนี้ผมเลยใช้คำว่าโรงงาน แต่ตามจริงต้องแบ่งอีกนะครับ เช่น โรงงานเคมีปิโตร พวกนี้เป็นพวก processing โรงงานเคมีบางส่วนเป็นพวก Batch processing พวกโรงงานชิ้นส่วนรถยนต์พวกนี้เป็น discrete ถ้าเป็นพวกรับเหมาโครงการบางทีก็เป็น Engineer to order พวกนี้ต้องระวังบางที่เป็นงานโครงการ ส่วนพวก electronics บางที่ก็เป็น ATO คือ assembly to order มี ETO บ้างบางส่วน

6) โรงงานต้องพยายามรักษาสัดส่วนของงานที่เป็นโครงการกับงานที่เป็น production ให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม คือ ถ้าทำสินค้าเหมือนเดิมทุกวัน ทุกวัน ทู้กวันนนน ก็จะเริ่มไม่พัฒนา ธุรกิจก็จะเข้าสู่โหมดแข่งกันที่ราคาค่าแรงลดของเสีย ฯลฯ หากทำงานโครงการใหม่ ทุกครั้งทุกทีทุกวันก็เหนื่อยไปอีกแบบ ยิ่งโรงงานมีวิศวะที่เก่งอยู่ไม่กี่คนถ้าลาออกไปยิ่งหนัก เป็นเล่นไปผมเคยเห็นทีมวิศวะลาออกจากโรงงานไปทำแบรนด์ใหม่ขึ้นมาอีกโรงงานนึงรุ่งไปเลย

7) งาน R&D ต้องระวังคือ ถ้าเป็นงานรับจ้างช่วง แล้วมีการรับจ้างต่อมาอีกทีปรากฏว่าเจ้าของงานมีโมเดลใหม่ วิศวะเราต้องบินไปคุยหรือวิศวะเค้าบินมาคุย แล้วออกแบบ line ใหม่มีการเพิ่มเครื่องจักรใหม่ ทุกบ่อย ทุกบ่อย แบบนี้ CAPEX ในงบกระแสเงินสดเราจะสูง แบบนี้ไม่สวยแน่ แต่บริษัทแนวนี้ Margin จะเยอะ แต่การบริหารจะยาก และหากมีวิกฤตกับลูกค้า จะเกิดวิกฤตกับเราได้ง่าย

8) โรงงานไร้ความโดดเด่น เป็น labor intensive ไม่มี ลิขสิทธิ์ ไม่มีแบรนด์ ไม่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ อยู่ในอุตฯ ตะวันตกดิน แบบนี้ห่างไว้ก็ดี

9) อยู่ดี ๆ ผบห. ผุดไอเดียบรรเจิด ปิ๊งไอเดีย อยากทำธุรกิจใหม่ ซึ่งตั้งแต่อดีตชาติไม่เคยทำมาก่อน แบบนี้ต้องระวัง ๆ ๆ ๆ

10) เป็นโรงงานแฝง แต่จริง ๆ เป็น holding ทำตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ แบบนี้เหนื่อยแน่ ๆ

11) หนี้โต -> ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีควรเลี่ยง

12) ผู้บริหาร ผู้บริหาร ผู้บริหาร พูดกับสื่อกับผลงานต้องตรงกัน หากไม่ตรงกันต้องมีแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน 5 ปีที่ผ่านมา ผบห. บอกว่าจะทำอะไรบ้างกี่เรื่องสำเร็จกี่เรื่องล้มเหลวกี่เรื่อง เราจะเห็นวิสัยทัศน์ของเค้า ผมชอบดูจากผลงานมากกว่าการให้สัมภาษณ์

เราเริ่มต้นดูแบบคร่าว ๆ ก่อนครับ รายละเอียดแต่ละกลุ่มมันเยอะ แล้วจึงไปเจาะแต่ละตัว ต้องเจาะแต่ละตัวนะครับอย่าดูภาพใหญ่อย่างเดียวครับ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 1:29 pm
โดย leky
siebelize เขียน:
crazyrisk เขียน: fix cost เรื่องเครื่องมือแพทย์ ก็จะสูงมาก ที่เห็นจ่ายค่ารักษาแพงๆ ไม่ใช่ว่า เก็บไปเข้ากระเป๋ารพ.สบายๆนะครับ
ค่าเครื่องมือ แต่ละอัน นี่ระดับ ล้านทั้งนั้น
คุณหมอครับ

ฟังดูเหมือนกับว่า ถ้า รพ.เป็น Red Ocean
ธุรกิจที่น่าลงทุนกว่าคือธุรกิจที่ขายเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ราคาแพง พวกนั้นรึเปล่าครับ
บ.ผลิตเครื่องมือแพทย์หรือแม้แต่ยารักษาโรค มักจะเป็นบ.ข้ามชาติขนาดใหญ่ทั้งสิ้นครับ ต้องเข้าใจก่อนว่าการจะผลิตเครื่องมืออะไรหรือยาตัวใหม่ ๆ ออกมา สิ่งที่สำคัญที่สุดคืองบประมาณการวิจัยมหาศาลครับ ซึ่งทีมงานและความรู้พวกนี้ต้องยอมรับว่ามาจากทางตะวันตกทั้งสิ้น

เครื่องมือหรือยาบางชนิด วิจัย ผลิตออกมา สุดท้ายไม่ผ่านการนำไปใช้จริงก็มาก บ.ก็สูญเสียงบตรงนั้นไป บางครั้งเราจึงเห็นข่าวการซื้อกิจการของบ.ยา ซึ่งบางครั้งคนที่เข้าไปซื้อเค้าหวังเพียงแต่ลิขสิทธิ์ยาเพียงบางตัวของบ.ที่ถูกซื้อเท่านั้น

ยาหรือเครื่องมือแพทย์ใหม่ ๆ ที่ออกมาก็ไม่ได้แปลว่ามันจะทำให้บ.นั้นจะกำไรก้าวกระโดดนะครับ ผมว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นถ้าจะมีผลต่อกำไรของบ.มาก ๆ มันจะต้องสามารถใช้ในคนไข้ที่เป็นโรคที่มีปริมาณมาก ๆ และที่สำคัญเป็นเครื่องมือหรือยาที่คนใช้ยากที่จะหลีกเลี่ยงไปใช้ยาหรือเครื่องมืออย่างอื่น

ถ้าใครเคยอ่านหนังสือของลินซ์ น่าจะคุ้น ๆ กับยาที่ชื่อ Tagamet ซึ่งในยุคนั้นต้องยอมรับว่าเป็นยาใหม่ตัวแรกและมีประสิทธิภาพในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ส่วนโรคกระเพาะอาหารไม่ต้องบอกก็คงรู้นะครับว่าคนทั่วโลกเป็นกันมากแค่ไหน จึงไม่ต้องแปลกใจว่าบ.ผู้ผลิตยาตัวนี้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ราคาหุ้นขึ้นไปสะท้อนกับผลกำไร ก่อนที่กำไรจะตกลงไปเพราะบ.คู่แข่งมีการผลิตยาประเภทเดียวกันอีกชื่อหนึ่งคือ Zantac ครับ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 30, 2012 9:28 pm
โดย drsp
พูดกันถึงยา ทําให้นึกถึงข่าวที่อ่านมาไม่นานนี้
บริษัทยายักษ์ใหญ่glaxoถูก อย สหรัฐปรับเป็นเงิน3พันล้านเหรียญหรือประมาณแสนล้านบาท
ซึ่งถือเป็นค่าปรับแพงที่สุดในโลก
ตอนอ่านหัวข่าวคิดว่าบริษัทglaxoต้องแย่แน่ๆ
พออ่านเนื้อข่าวข้างในบอกว่าglaxoถือเงินสดอยู่1หมื่น2พันล้านเหรียญ
ยอมจ่ายค่าปรับโดยดีไม่อุทธรณ์

ทําให้เข้าใจว่ายาฝรั่งทําไมถึงแพงนัก
เพราะกําไรมหาศาลนี่เอง
ยาไวอะกร้าเม็ดละ4-500บาทนึกว่าจะขายได้น้อย
กลับเป็นว่าไวอะกร้าตัวเดียวขายได้เป็นหมื่นล้านเหรียญต่อปี

อีกข่าวที่อ่านเจอก็คือ
บริษัทappleถือเงินสด1แสนล้านเหรียญ
โดยตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรกับเงินจํานวนมหาศาลนี้
ทําให้รู้ว่าบริษัทที่ต่อสู้จนเป็นผู้ชนะเด็ดขาดในระดับโลกแล้ว
ผลตอบแทนมันช่างหอมหวานเสียจริงๆ

Re: ระหว่าง ขุดหุ้น กับ ลอกหุ้น อันไหน รวยระยะยาว กว่ากัน

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 01, 2012 9:45 pm
โดย dr.momo
ย้อนกลับไปประเด็นของกระทู้
สิ่งหนึ่งที่ผมทำเสมอในการขุดหุ้น
นอกเหนือจากการไล่อ่าน 56-1
คือการอ่านร้อยคนร้อยหุ้น ของบริษัทที่สนใจ
ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายครับ

มันเหมือนกับเรานั่ง time machine
ย้อนกลับไปอ่านความคิดและอารมณ์
ของคนในแต่ละช่วงเวลา
อ่านข่าว ผบห. และสิ่งที่เขาทำ
มันคือ Timeline ของบริษัทแทบจะทั้งหมด

ปล. ไม่รู้คิดไปเองไหม แต่นี่เป็นกระทู้ที่ให้ความรู้สึก
คล้ายกับบรรยากาศเก่าๆ เลยครับ พี่ๆคุยกัน
ชอบจริงๆ