หน้า 41 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 15, 2004 12:44 am
โดย ch_army
OK ครับ ผมเข้าใจแล้วล่ะครับที่คิดว่าอยากรวบรวมวิธีเนี่ย เพราะอยากรวบรวมแนวคิดในรายละเอียด หรือ จุดเน้นในการลงทุน(หรือเป็นวิธีการอย่างที่พี่บอกนั้นแหละครับ) เพราะผมเองเชื่อว่าในขณะที่เรายังไม่อาจสร้างแวทางของเราที่ไม่เหมือนใครและไม่ใครเหมือนได้นั้น ก็เป้นการดีที่เราจะลองรวบรวมวิธีการต่างๆภายใต้ปรัชญา หรือ หลักการพื้นฐานที่เรายึดไงครับ เพื่อดูว่ามีลักษณะวิธีอย่างไรและคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ที่จะเลือกวิธีเหล่านั้นต้องมีอะไรบ้าง ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ดีนะครับ ในแง่ที่ว่าเป็นตัวอย่างความคิด(ซึ่งจับต้องยาก)และวิธีการ(จับต้องง่ายกว่า) ของคนไทยที่ลงทุนในบ้านเราเองก็สำเร็จได้ในแนวทางนี้ เพราะอยากยกตัวอย่างสักหน่อยนะครับ อย่างคุณพ่อของผม (ด้วยความเคารพ) ผมก็เล่าเรื่องของบัฟเฟตให้พ่อหฟัง ท่านก็ว่า ตลาดที่เค้าลงทุนกับบ้านเราอาจไม่เหมือนกันก็ได้เอาวิธีเค้ามาใช้อาจไม่ดีก็ได้ แต่หากมีคนที่ประสบความสำเร็จในประเทศของเราเอง เช่น อย่างที่เรารู้กัน แบบ ดร.นิเวศน์ ซึ่งก็มีแนวทางแบบเราๆเนี่ย ก็เป็นตัวอย่างที่มีน้ำหนักกว่า บัฟเฟตเสียอีก ผมเลยว่ายิ่งคนไทยประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบ VI เท่าไรก็เป็นการตอกย้ำ แนวทางที่เป็นสากลของมันมากเท่านั้น(ในประเทศของเรา) ครับและมีแนวทางหลากหลายให้เลือกก็ดีกว่าไม่ใช่หรือครับ

ขอบคุณมากครับ ผมได้คิดอีกทีเลยว่า ปรัชญาการลงทุนคืออะไร
ใช่แบบว่า high-risk high-return หรือ ลงทุนแบบไร้ความเสี่ยงอะไรทำนองนี้ใช่ได้ป่ะครับ

แล้วพี่พอจะแนะนำได้ไหมครับว่า มันน่าจะแบ่งเป็นแบบไหนได้บ้าง ผมชักอยากรู้ซะแล้วซิ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 15, 2004 11:05 pm
โดย Mon money
ฝรั่งบอกว่า High risk High return นั้นเขาพยายามบอกว่าหากคุณเจ็งคุณมีโอกาสเจ็งมาก แต่ถ้าคุณถูกคุณรวยได้เลย ลองนึกถึงปั่นแปะดูซิ แล้วแทงอย่างใดอย่างหนึ่งหมดตัวเลยนะ ถ้าถูกก็ได้เต็มถ้าผิดหมดตัว แต่ถ้าคุณแบ่งครึ่งคุณจะแค่เสมอตัว

คำสองคำนี้มาจากการนำเอาการลงทุนในตลาดหุ้นมาวิเคราะห์โดยสถิติ หาค่ากลางค่าค่ำค่าสูง ลองนึกถึงรูประฆังคว่ำดูครับ สมมุติว่าระฆังคว่ำสองใบสูงเท่าๆกันแต่กว้างไม่เท่ากัน ไอ้ใบที่กว้างกว่านั่นหมายถึงราคามีโอกาสเหวี่ยงขึ้นลงได้มากกว่าคือขาดทุนหนักๆหรือกำไรสุดๆเลย ดังนั้นไอ้ใบที่กว้างกว่าจึงเสมือนหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง (ฝรั่งมันบอกว่ากำไรมากๆก็เสี่ยงสูงครับ)

ข้างบนนั้นเป็นเรื่องRisk & Return ใน Modern Finance นะครับ แต่สำหรับ VI ความเสี่ยงคือความไม่รู้ไม่เข้าใจ ถ้ารู้เสี่ยงน้อยครับ ง่ายๆเลย แอบไปได้ยินผู้บริหารบริษัทหนึ่งตกลงซื้อหุ้นอีกบริษัทหนึ่ง(สมมุติว่าเป็นที่แน่นอนแล้ว)ที่ราคาสูงกว่าในตลาดแล้วคุณไปซื้อไว้ก่อนนั้น อันนี้ไม่มีความเสี่ยงครับเพราะคุณรู้ แต่คุณอาจโดน กลต. ตรวจสอบ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการควบคุมความเสี่ยงเราต้องรู้และเข้าใจกิจการให้มากๆ และรอให้ราคาหุ้นลงมามากๆจนเกิดMargin of safety สูงๆก่อนจึงลงมือ อันนี้ความเสี่ยงน้อยมาก เรียกว่า เราควบคุมความเสี่ยงได้หากว่ามันเดินผิดจากที่เราวิเคราะห์ไว้ เราจะเห็นผลกระทบก่อนชิงเอาตัวรอดได้ทัน เพราะประเมินได้ก่อน แถมมี Margin of saetyเผื่อเอาไว้แล้วด้วย แต่ถ้ามันขึ้นและขึ้น เราจะประเมิน Intrinsic Value เอาไว้เราก็ควบคุม Returnได้พอสมควร แบบของเราจะเรียกว่า Controlable Risk Controlable Return ไม่ใช่ Hisk risk High Return ครับ

บทเรียนเรื่อง Margin of safety อย่างดีคือตอนที่มันลงมาจาก 800จุด แล้วเรารีบเข้าไปเก็บกันนั่นแหละ เร็วไป

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 17, 2004 4:30 pm
โดย VIB007
ch_army เขียน: อย่างคุณพ่อของผม (ด้วยความเคารพ) ผมก็เล่าเรื่องของบัฟเฟตให้พ่อหฟัง ท่านก็ว่า ตลาดที่เค้าลงทุนกับบ้านเราอาจไม่เหมือนกันก็ได้เอาวิธีเค้ามาใช้อาจไม่ดีก็ได้ แต่หากมีคนที่ประสบความสำเร็จในประเทศของเราเอง เช่น อย่างที่เรารู้กัน แบบ ดร.นิเวศน์ ซึ่งก็มีแนวทางแบบเราๆเนี่ย ก็เป็นตัวอย่างที่มีน้ำหนักกว่า บัฟเฟตเสียอีก ผมเลยว่ายิ่งคนไทยประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบ VI เท่าไรก็เป็นการตอกย้ำ แนวทางที่เป็นสากลของมันมากเท่านั้น(ในประเทศของเรา) ครับและมีแนวทางหลากหลายให้เลือกก็ดีกว่าไม่ใช่หรือครับ
เคยได้ยินไหมครับที่ว่า
"ความคิดกำหนดพฤติกรรม"
ถ้าเราคิดอย่างไร เราก็จะทำอย่างนั้น

ถ้าเราคิดว่า VI ใช้ไม่ได้ เราก็จะลงทุนแบบVIไม่ได้
ถ้าเราคิดว่า VI ใช้ได้ เราก็จะลงทุนแบบVIได้

ดังนั้น คุณมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณคิดแค่ไหน
ถ้าคุณมีความเชื่อมั่นมาก ผมว่าคุณประสบความสำเร็จแน่นอน
ไม่ว่าวิธีการลงทุนแบบนั้นจะเป็นอย่างไร

ดังนั้น ผมแนะนำให้ลองคิดตรึกตรองดูด้วยตนเอง
เอาผลงานการลงทุนของตนเองมาดู
ไม่ต้องปรึกษาใคร
ใช้เวลาเท่าที่คุณต้องการ
จนกว่าคุณจะเข้าใจในสิ่งที่คุณคิดและกำลังทำอยู่

ในเรื่องการลงทุน ควรจะคุยกับคนที่มีความคิดเห็นคล้ายๆกัน
เพราะมนุษย์มักไม่ยอมรับในสิ่งที่แตกต่างจากตนเอง
ทำให้คุณอาจจะเขวได้ ถ้าคนรอบๆข้างคุณบอกว่าวิธีการลงทุนที่คุณทำอยู่ มันใช้ไม่ได้กับเมืองไทย

แต่ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้
ความจริงก็คือความจริง
ความเห็นก็คือความเห็น
อย่านำไปปนกัน

ลองพิจารณาด้วยตนเองดู แล้วจะ"ค้นพบ"ด้วยตัวเองครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 17, 2004 4:36 pm
โดย VIB007
อ้อ....... อีกอย่าง
อย่าพยายามอธิบายเพื่อให้คนอื่นคิดเหมือนอย่างที่เราคิด
เสียเวลาเปล่า

เอาเวลาไปลงทุนในแนวทางที่เราคิดว่าถูกต้อง
ให้ผลงานแสดงออกมาให้โลกรับรู้
จะดีกว่าไปโต้วาทีว่าความคิดของเราถูก...ซึ่งไม่มีประโยชน์

ถ้าคุณประสบความสำเร็จ คนอื่นจะเข้าใจคุณเอง
โดยไม่ต้องอธิบายหรือโต้เถียงอะไรสักคำเดียว

โชคดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 17, 2004 10:27 pm
โดย Mon money
ป๋าบูลย์แกปล่อยปรัชญาเด็ดๆออกมาให้ได้คิดกันแล้วนะครับ ผมเองตอนไปนั่งห้องค้าสั่งซื้อหุ้น เพื่อนนั่งข้างๆมาถามว่าหุ้นนี้มีอะไรดี ผมอธิบายตั้งนานพวกก็บอกว่าอย่างนี้จะไปทันกินอะไร ผมเป็นพวกเดียวกับคุณวิบูลย์ครับ ไม่ชอบอธิบายอะไรกับคนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรใหม่ๆ และไม่ชอบชักจูงใคร ถ้าไม่ถามผมไม่บอก เวลาบอกก็บอกให้คิดต่อ ถ้าไม่ถามต่อก็จบ ถ้าซักต่อก็ยาว

อย่าลืมว่า "ความเสี่ยงคือความไม่รู้ " นะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 17, 2004 11:08 pm
โดย ลูกอิสาน
อ้อ....... อีกอย่าง
อย่าพยายามอธิบายเพื่อให้คนอื่นคิดเหมือนอย่างที่เราคิด
เสียเวลาเปล่า

เอาเวลาไปลงทุนในแนวทางที่เราคิดว่าถูกต้อง
ให้ผลงานแสดงออกมาให้โลกรับรู้
จะดีกว่าไปโต้วาทีว่าความคิดของเราถูก...ซึ่งไม่มีประโยชน์

ถ้าคุณประสบความสำเร็จ คนอื่นจะเข้าใจคุณเอง
โดยไม่ต้องอธิบายหรือโต้เถียงอะไรสักคำเดียว
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ครับพี่วิบูลย์
อ่านแล้วอึ้งเลยครับ.. :roll: :roll:
จะพยายามครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 18, 2004 1:02 pm
โดย MO101
แจ้งข่าว ครับ
กระทู้ เล่นหุ้นให้รวยทำอย่างไร ของครูเฒ่าเกาะช้าง พิมพ์ออกมาเป็นเล่มแล้ว
ปีสีแดง ขนาดบางเฉียบเลย

กระทู้นี้น่าจะพิมพ์ออกมาบ้างอะครับ ไม่ร้องรอให้ครบหรอกทำเป็น
เล่ม 1 2 3.... ก็ได้ครับ อยากอ่านแบบเป็นเล่ม

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 18, 2004 6:55 pm
โดย VIB007
Mon money เขียน:ผมเป็นพวกเดียวกับคุณวิบูลย์ครับ ไม่ชอบอธิบายอะไรกับคนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรใหม่ๆ และไม่ชอบชักจูงใคร ถ้าไม่ถามผมไม่บอก เวลาบอกก็บอกให้คิดต่อ ถ้าไม่ถามต่อก็จบ ถ้าซักต่อก็ยาว

อย่าลืมว่า "ความเสี่ยงคือความไม่รู้ " นะครับ
เหมือนกันเลยแฮะ คุณมน
ผมเคยอธิบายจนหลังๆเลิกครับ
ช่างมัน ใครจะคิดอะไรก็แล้วแต่ ไม่สนใจ
เราเดินหน้าของเราอย่างเดียว
ถามก็ตอบ ไม่ถามก็ไม่ตอบ

สุดท้ายพบว่า....ไม่อธิบายนี่ ดีจริงๆ
ลูกอีสาน เขียน:ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ครับพี่วิบูลย์
อ่านแล้วอึ้งเลยครับ..
จะพยายามครับ
ขอบคุณครับ
MO101 เขียน:แจ้งข่าว ครับ
กระทู้ เล่นหุ้นให้รวยทำอย่างไร ของครูเฒ่าเกาะช้าง พิมพ์ออกมาเป็นเล่มแล้ว
ปีสีแดง ขนาดบางเฉียบเลย

กระทู้นี้น่าจะพิมพ์ออกมาบ้างอะครับ ไม่ร้องรอให้ครบหรอกทำเป็น
เล่ม 1 2 3.... ก็ได้ครับ อยากอ่านแบบเป็นเล่ม
ผมซื้อมาอ่านแล้วครับ
นับว่าเป็นกระทู้ยอดฮิตประจำเวปตลาดหุ้นดอทคอม
แต่ตัดต่อไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่
อ่านแล้วกระโดดไปกระโดดมา

ผมกลัวกระทู้ตระแกรงร่อนถ้ารวบรวมไม่ดี มีสิทธิ์เป็นเหมือนกัน
แต่ที่แน่ๆ อาสาสมัครส่วนใหญ่จะเลิกหลังจากรวบรวมไปได้ 1-2 บท
เพราะเนื้อหาเยอะจริงๆ
เอางี้แล้วกันครับ
ไว้รวบรวมคอลัมน์ Valueway ออกมาชิมลางก่อน
แล้วมาดูกันว่าจะขายออกหรือเปล่า

เฮียคลายเครียดคงค้อนผมรอบที่ 20 แฮะ แฮะ
เฮียแกบอกให้รวบรวมมาตั้งนาน ยังไม่ได้เห็นออกมาเป็นรูปเป็นร่างเลย
เฮ้อ....เศร้าใจ

ถึงยังไงก็ยินดีกับครูเฒ่าเกาะช้างด้วยนะครับ
ที่รวบรวมผลงานออกมาให้เราได้เรียนรุ้กัน

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 19, 2004 8:20 am
โดย ch_army
ผมขอถามเกี่ยวกับ P/BV ratio หน่อยนะครับ ในหนังสือกุญแจ 5 ดอกเค้าเขียนว่า P/BV กับ ROE มีความสัมพันธ์กันโดยตรงในแง่ของ ROE - ต้นทุนของเงินทุนส่วนของผู้ถือหุ้น ยิ่งมาก P/BV ยิ่งสูงขึ้น อันนี้ขอพี่อธิบายให้เข้าใจมากขึ้นได้ไหมครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 20, 2004 1:14 pm
โดย VIB007
ch_army เขียน:ผมขอถามเกี่ยวกับ P/BV ratio หน่อยนะครับ ในหนังสือกุญแจ 5 ดอกเค้าเขียนว่า P/BV กับ ROE มีความสัมพันธ์กันโดยตรงในแง่ของ ROE - ต้นทุนของเงินทุนส่วนของผู้ถือหุ้น ยิ่งมาก P/BV ยิ่งสูงขึ้น อันนี้ขอพี่อธิบายให้เข้าใจมากขึ้นได้ไหมครับ
ไม่มีอะไรรับประกันว่า บริษัทที่มี ROE สูงกว่าจะต้องมี P/B ที่สูงกว่า
เพียงแต่ว่าบริษัทที่มี ROE สูงกว่ามักจะมี"แนวโน้ม"ที่จะมี P/B ที่สูงกว่า

เช่น
ในปีที่ 1

บริษัท A มี R = 10
มี E = 100
ดังนั้น ROE = 10%
มีหุ้น 100 หุ้น ดังนั้น B = 1
มี P = 10
ดังนั้น P/B = 10


เช่น บริษัท B มี R = 100
มี E = 100
ดังนั้น ROE = 100%
มีหุ้น 100 หุ้น ดังนั้น B = 1
มี P = 10
ดังนั้น P/B = 10

ต่อมาปีที่ 2 สมมุติ ROE เท่าเดิม
บริษัท A มี R = 11 (110*10%)
มี E = 110 (100+10)
ดังนั้น ROE = 10%
มีหุ้น 100 หุ้น ดังนั้น B = 1.1 (110/100)
มี P = 10
ดังนั้น P/B = 9.09

บริษัท B มี R = 200 (200*100%)
มี E = 200 (100+100)
ดังนั้น ROE = 100%
มีหุ้น 100 หุ้น ดังนั้น B = 2 (200/100)
มี P = 10
ดังนั้น P/B = 5

ในปีที่ 2 จะเห็นว่า P/B ของหุ้น Bต่ำกว่าของหุ้น A มากทั้งที่เริ่มต้นที่เท่ากัน
ถ้าให้ P/B = 10, จะได้ราคาของทั้งสองหุ้นในปีที่สองดังนี้
P(A) = 10*1.1 = 11
P(B) = 10*2 = 20

ดังนั้นนักลงทุนจึงสามารถให้ราคาของหุ้น B มากกว่าเพราะมี ROE สูงกว่าตามตัวอย่างดังกล่าว

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 24, 2004 12:38 am
โดย ch_army
ขอบคุณมากครับ พี่ วิบูลย์ 007
:D
ที่แท้ก็เป็นแนวโน้มที่จะให้ราคาสูงขึ้นนั่นเอง เพราะผมก็ลองคำนวณแบบนี้ดูทีแล้วล่ะครับ เห็นว่า P/B มันลดลงตาม ROE ที่สูงขึ้น ผมเลยเดาว่าเป็นการดึงดูดคนที่ต้องการซื้อจนดัน P/B กลับไปทีเดิม แต่กลัวเดาผิด เลยเอามาถามคนรู้จริงดีกว่า

ขอบคุณอีกครั้งครับ :)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 24, 2004 12:46 am
โดย ch_army
เอ ผมมีเรื่อง อยากถามอีกหน่อยครับ ว่าท่านทั้งหลายในนี้ หากจะมองหาบริษัทที่มี ความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนเนี่ย เคยใช้พวก BCG matrix หรือ tools พวกที่ใช้ในการวางแผนกลยุทธื ทำ SWOT อะไรพวกนี้บ้างหรือเปล่าครับ และมันใช้ได้ดีมากไหมครับ ขอบคุณครับ (ส่วนตัวก็พยายามจะทำ SWOT ของบริษัทที่สนใจไว้บ้างแต่ยอมรับว่าข้อมูลที่มีอาจไม่พอจะวิเคราะห์บริษัทได้ทั้งหมด เลยอยากรู้ว่าข้อมูลเท่าที่รายย่อยมีนี่จะพอไหม ที่จะทำ SWOT เพื่อแสดงศักยภาพอย่างชัดเจน)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 24, 2004 9:13 am
โดย ปรัชญา
ใครๆเขาก็เรียกป๋าบูลย์ อิอิ
ไว้นานๆเข้าเรียกเจ้าสัววิบูลย์ได้ไหมครับ

เผอิญว่าผมอ่านข่าวเจอว่า...
ค่าการกลั่น ในเมืองไทยได้บาร์เลนละ7-8บาท
เห็นป๋าผมอยู่ทำงานกับธุรกิจปิโตรเคมี สายน้ำมัน(ถึงอุ้มพี่เทพไว้ไม่ปล่อย)
เป็นแบบนี้ก็กำไรมโหฬารซิครับ พวกบริษัที่มีโรงกลั่นคงหลุดหนี้ปีนี้แน่ๆ
เห็นปรับโครงสร้างหนี้กันเกือบทุกโรง
ขอความเห็นด้วยครับ

อ้อค่าการกลั่น+ค่าตลาดภาษีน้ำมัน+ภาษีมูลค่าเพิ่ม+บวกภาษีรายได้
แล้วเรื่องจริงน้ำมันนี่ต้นทุนที่แท้จริงเหลือกี่บาทครับ

ถ้าตอบยากไม่ตอบก็ได้ครับ สงสัยรบกวนเกินไป

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 25, 2004 10:17 pm
โดย ch_army
ไหง ช่วงนี้ มีแต่พี่ๆผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาคุยกันใน กระทู้นี้หว่า เอ้าน้องๆรุ่นใหม่แสดงตัวกันหน่อยบ้างไหม

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 26, 2004 9:45 am
โดย VIB007
ปรัชญา เขียน:ใครๆเขาก็เรียกป๋าบูลย์ อิอิ
ไว้นานๆเข้าเรียกเจ้าสัววิบูลย์ได้ไหมครับ

เผอิญว่าผมอ่านข่าวเจอว่า...
ค่าการกลั่น ในเมืองไทยได้บาร์เลนละ7-8บาท
เห็นป๋าผมอยู่ทำงานกับธุรกิจปิโตรเคมี สายน้ำมัน(ถึงอุ้มพี่เทพไว้ไม่ปล่อย)
เป็นแบบนี้ก็กำไรมโหฬารซิครับ พวกบริษัที่มีโรงกลั่นคงหลุดหนี้ปีนี้แน่ๆ
เห็นปรับโครงสร้างหนี้กันเกือบทุกโรง
ขอความเห็นด้วยครับ

อ้อค่าการกลั่น+ค่าตลาดภาษีน้ำมัน+ภาษีมูลค่าเพิ่ม+บวกภาษีรายได้
แล้วเรื่องจริงน้ำมันนี่ต้นทุนที่แท้จริงเหลือกี่บาทครับ

ถ้าตอบยากไม่ตอบก็ได้ครับ สงสัยรบกวนเกินไป
เรียกน้องวิบูลย์แล้วกันครับ พี่ปรัชญา
เรื่องโรงกลั่นนั้น
เมื่อสองสามปีที่แล้ว ได้ค่าการกลั่นบาร์เรลละ 1 เหรียญ
ทุกคนอยากจะขายโรงกลั่นทิ้ง เอาเงินไปเผากงเต๊กจะดีกว่า
เจ๊งทุกโรงช่วงนั้น

ตอนนี้ค่าการกลั่นบาร์เรลละ 5 เหรียญ
กำไรเพิ่มมา 5 เท่าโดยไม่ต้องทำอะไร

ธุรกิจโรงกลั่นปีนี้ไปได้ดีทีเดียว
แต่ปีหน้า ขอบอกว่า ไม่ทราบครับ
คล้ายๆธุรกิจเดินเรือ รู้กัน 3-6 เดือน หลังจากนั้นแล้วแต่ดวง

ส่วนหนี้โรงกลั่นนั้นมีมากมายมหาศาล
ถ้าจะหลุดหนี้นั้น คงเอากำไรมาโปะไม่พอ
สิ่งที่จะต้องทำ คือ ต้องเพิ่มทุน โดยเอาเงินคนอื่นมาโปะหนี้แบงค์
ถ้าให้ง่ายก็ใช้เงินประชาชนครับ ผ่านทาง IPO

ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่โรงกลั่นเตรียมตัวเข้าตลาดกันยกใหญ่
ไม่เข้าปีนี้จะไปเข้าปีไหนละครับ

ธุรกิจโรงกลั่นนั้นยังลงทุนได้จนถึงไตรมาศหนึ่งปีหน้าครับ
หลังจากนั้นเดาอนาคตไม่ออกแล้วครับ
ต้องไปดูเอาข้างหน้าอีกที

คงไม่ตอบช้าไปนะครับ พี่ปรัชญา

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 26, 2004 10:28 am
โดย harry
เข้ามารายงานตัวว่าอ่านทุกกระทู้ครับ และก็ได้รับความรู้ดีๆจากเว็บนี้เสมอ

ผมว่าบริษัทที่ค้าขายกับประชาชนทั่วไป จะยังคงไปได้ดีในปีต่อไปนะครับ แม้ยอดขาย กำไรจะลดลงบ้าง โดยเฉพาะของกิน ของใช้ประจำวันครับ

รวมถึงธุรกิจที่ทำปัจจัยพื้นฐานขายให้กับธุรกิจด้วย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 27, 2004 7:18 am
โดย ปรัชญา
VIB007 เขียน:
เรียกน้องวิบูลย์แล้วกันครับ พี่ปรัชญา
เรื่องโรงกลั่นนั้น
เมื่อสองสามปีที่แล้ว ได้ค่าการกลั่นบาร์เรลละ 1 เหรียญ
ทุกคนอยากจะขายโรงกลั่นทิ้ง เอาเงินไปเผากงเต๊กจะดีกว่า
เจ๊งทุกโรงช่วงนั้น

ตอนนี้ค่าการกลั่นบาร์เรลละ 5 เหรียญ
กำไรเพิ่มมา 5 เท่าโดยไม่ต้องทำอะไร

ธุรกิจโรงกลั่นปีนี้ไปได้ดีทีเดียว
แต่ปีหน้า ขอบอกว่า ไม่ทราบครับ
คล้ายๆธุรกิจเดินเรือ รู้กัน 3-6 เดือน หลังจากนั้นแล้วแต่ดวง

ส่วนหนี้โรงกลั่นนั้นมีมากมายมหาศาล
ถ้าจะหลุดหนี้นั้น คงเอากำไรมาโปะไม่พอ
สิ่งที่จะต้องทำ คือ ต้องเพิ่มทุน โดยเอาเงินคนอื่นมาโปะหนี้แบงค์
ถ้าให้ง่ายก็ใช้เงินประชาชนครับ ผ่านทาง IPO

ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่โรงกลั่นเตรียมตัวเข้าตลาดกันยกใหญ่
ไม่เข้าปีนี้จะไปเข้าปีไหนละครับ

ธุรกิจโรงกลั่นนั้นยังลงทุนได้จนถึงไตรมาศหนึ่งปีหน้าครับ
หลังจากนั้นเดาอนาคตไม่ออกแล้วครับ
ต้องไปดูเอาข้างหน้าอีกที

คงไม่ตอบช้าไปนะครับ พี่ปรัชญา
TOP เข้าตลาดขึ้นไปเยอะเลย
หุ้นใหญ่เข้าตลาดวันแรก ลุยกันฝุ่นตลบเลย
เขาเก็บไว้คำนวนดัชนี
ทั้งที่โบรคไทปานิด ขายเป็นหลัวเลย ดูแล้วน่าเกลียด
ไม่รู้ใครซื้อบ้าง วันนี้น่าจะอ่อนตัว คุยกันวันเดียววันอื่นไม่แน่จ๊าย
เสี่ยวิบูลย์คงสบายดีนะครับ ไม่ได้มาตอบช้า คนถามเข้ามาอ่านช้าครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 27, 2004 11:32 am
โดย VIB007
ปรัชญา เขียน:
TOP เข้าตลาดขึ้นไปเยอะเลย
หุ้นใหญ่เข้าตลาดวันแรก ลุยกันฝุ่นตลบเลย
เขาเก็บไว้คำนวนดัชนี
ทั้งที่โบรคไทปานิด ขายเป็นหลัวเลย ดูแล้วน่าเกลียด
ไม่รู้ใครซื้อบ้าง วันนี้น่าจะอ่อนตัว คุยกันวันเดียววันอื่นไม่แน่จ๊าย
เสี่ยวิบูลย์คงสบายดีนะครับ ไม่ได้มาตอบช้า คนถามเข้ามาอ่านช้าครับ
อย่าเรียกเสี่ยเลยครับ พี่ปรัชญา
ตอนนี้แค่พอมีพอกินเฉยๆ
แค่สุขภาพดี ไม่เจ็บไม่ไข้ก็พอใจแล้วครับ

พี่ปรัชญาสบายดีนะครับ
ส่วนเรื่องอพาทเมนต์ที่ถามมา ผมไม่ค่อยถนัดเลยไม่ได้เข้าไปตอบ
ขออภัยด้วยนะครับ
harry เขียน: เข้ามารายงานตัวว่าอ่านทุกกระทู้ครับ และก็ได้รับความรู้ดีๆจากเว็บนี้เสมอ
สวัสดีครับ น้องharry ยินดีที่ติดตามกันอยู่ครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 29, 2004 2:53 pm
โดย sunrise
ch_army เขียน:ไหง ช่วงนี้ มีแต่พี่ๆผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาคุยกันใน กระทู้นี้หว่า เอ้าน้องๆรุ่นใหม่แสดงตัวกันหน่อยบ้างไหม
มารายงานตัวอีกคน
ตามอ่านอยู่เสมอๆครับ

เป็นแหล่งความรุ้ในใจผมเลย :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 30, 2004 8:42 am
โดย ch_army
แหมใช้ได้ๆ แผนเรียกเรตติ้งการโพสต์ในห้องนี้ ได้มาอีกสองคนเนอะ(ถึงแม้ไม่ค่อยเกี่ยวกับการลงทุนก็เถอะ) ผมประทับใจคำถาม - ตอบในห้องนี้มากครับ อยากให้ยืนยาวอยู่ตลอดไป แม้พักหลังจะถาม - ตอบกันน้อยลงแต่เปลี่ยนสถานะเป็น คัมภีร์เทวดาประจำห้องแทน (ผู้ใดหมายท่องยุทธภพ นี่คือคัมภีร์ยุทธ์ ประจำสำนัก TVI ของเราเลย)

คุณcha_rmyบอกให้newcomerโชว์ตัวหน่อย

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2004 2:27 pm
โดย mtidus
ความจริงผมติดตามpostนี้มาตั้งแต่ดันปีแล้ว ตอนนั้นราวๆ30กว่าหน้าได้มั๊ง ผมอ่านอยู่เกือบเดือนได้ ตอนนั้นยังพิมพ์ดีดไม่เป็น เลยเอาเปรียบ
อ่านลูกเดียว ได้ประโยชน์มหาศาล รู้ว่าในกระบวนการคนเล่นหุ้นมีกลุ่มคนที่
เสียสละเพื่อผู้อื่นอยู่ไม่ใช่น้อย อีกทั้งกระบวนยุทธของแต่ละจอมยุทธก็ร้ายกาจมิใช่น้อย ความจริงผมจบบัญชี รหัส17รุ่นพี่เสี่ยvib007(เรียกตามเฮีย
ปรัชญา)เยอะแยะ แต่ความรู้เรื่องหุ้นที่vib007มอบให้นี่ช่างมากมายเหลือเกิน
ผมเคยทำงานอยู่ที่sccมา10กว่าปี ใครมีอะไรสนใจสอบถามได้

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 02, 2004 9:38 am
โดย thanwa
มาสะกดรอยและติดตามผลงานคุณวิบูลย์ครับ :wink:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 03, 2004 7:25 pm
โดย Mon money
ผมต้อนรับพี่POMครับ

ผมคิดว่ายังมีผู้ติดตามอ่านกระทู้นี้อีกมากแต่ยังไม่ยอมแสดงตัว

หากเห็นใจเสี่ยบูลย์ก็รบกวนส่งเสียงมาตามตัวหนังสือบ้างก็จะตื่นเต้นมากครับ

ผมแอบเอาข่าวเสี่ยบูลย์มาบอกครับว่า ตอนนี้พี่แกขมักเขม้นอ่านหนังสือของ SOROSอย่างหนัก ผมยังได้มาอ่านหนึ่งเล่มเลย เอาไว้เดี๋ยวเสี่ยแกคงมาคุยให้พังแน่ๆ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 04, 2004 12:35 am
โดย ch_army
ดีครับพี่ เอไปอ่านของเจ้าพ่อ โซรอสอย่างนี้สงสัยอย่างของ VI จนพรุนไปหมดแล้วซิครัยเนี่ย แสดงว่าท่านอาจารย์ทั้งสองกำลังศึกษาวิชาต่างสำนักเพื่อเติมเต็มจุดอ่อนของ กระบวนของฝ่ายเรารึเปล่าเนี่ย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 04, 2004 11:34 am
โดย VIB007
Mon money เขียน:ผมต้อนรับพี่POMครับ

ผมคิดว่ายังมีผู้ติดตามอ่านกระทู้นี้อีกมากแต่ยังไม่ยอมแสดงตัว

หากเห็นใจเสี่ยบูลย์ก็รบกวนส่งเสียงมาตามตัวหนังสือบ้างก็จะตื่นเต้นมากครับ

ผมแอบเอาข่าวเสี่ยบูลย์มาบอกครับว่า ตอนนี้พี่แกขมักเขม้นอ่านหนังสือของ SOROSอย่างหนัก ผมยังได้มาอ่านหนึ่งเล่มเลย เอาไว้เดี๋ยวเสี่ยแกคงมาคุยให้พังแน่ๆ
อ้าว เพิ่งเริ่มศึกษาครับ คุณมน
พอดีไปอ่านหนังสือเจอพบว่าโซรอสกับบัฟเฟตมีหลักการเหมือนกัน
เลยสนใจไปหาหนังสือของโซรอสมาอ่านครับ
ลองทดลองเป็นนักเก็งกำไรกับชาวบ้านดูบ้าง
ปรากฏว่าไปไม่รอดครับ
กลับมาเป็นแวลูดีกว่า
ได้เงินช้าหน่อยแต่ชัวร์ดีกว่า

ที่น่าแปลกก็คือ ยิ่งผมไปลองเก็งกำไรมากเท่าไหร่
ผมยิ่งรู้สึกว่าแวลูยิ่งมีโอกาสทำเงินมากขึ้นเท่านั้น

ตอนนี้ก็กลับเข้ารังแล้วครับ
หลังจากบาดเจ็บจากการเก็งกำไรมาพอสมควร
ลองเอามาทดลองสัก 5-10% ของพอร์ตเท่านั้นเอง
รู้แล้วก็ดีเป็นการศึกษาหาความรู้จากการทดลองอย่างหนึ่ง

หนังสือของโซรอสไม่ได้บอกวิธีการ
บอกแต่แนวคิดไว้ให้ไปหาวิธีการกันเอง
ถ้าใครจะเดินตามแนวทางโซรอส
คงต้องทนบาดเจ็บจากการลงทุนพอสมควร
กว่าจะเข้าใจ
แต่ถ้ามุ่งมั่น ผมว่า"สำเร็จวิชา"ได้ครับ

โซรอสทำผลตอบแทนได้ปีละ 30% เป็นเวลา 20 ปี
แน่ไม่แน่คิดกันเอาเอง

โซรอสทำให้ผมพบกับจิม โรเจอร์
ที่ผมชื่นชอบมากในแนวทางการลงทุนของจิม
และใช้ได้ดีทีเดียว
เพราะการลงทุนของจิมเป็นเกมที่ไม่มีใครมาแย่งเล่น
ถ้าใครคิดว่าตัวเองมีลูกบ้าพอ ก็ลองไปขับมอไซค์รอบโลกดูบ้าง
.......กล้าพอหรือเปล่า
คนส่วนใหญ่ไม่กล้าพอ ดังนั้นจึงไม่มีใครเล่นเกมของจิม โรเจอร์ไงครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 05, 2004 1:32 am
โดย ch_army
แล้วเกมส์ของ จิม โรเจอร์คืออะไร อ่ะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 05, 2004 10:30 am
โดย VIB007
ch_army เขียน:แล้วเกมส์ของ จิม โรเจอร์คืออะไร อ่ะครับ
ถ้าบอกไปเลยก็จะง่ายไปครับ
ลองไปศึกษาดู หาในเวปก็ได้
หรืออ่านจากหนังสือของจิม
ได้ความยังไงแล้วมาคุยกันครับ

ไม่ใช่ไม่อยากบอก แต่อยากให้หาความรู้ก่อนมาคุยกันมากกว่าครับ

คือผมไม่ชอบ"ระบบการศึกษาของประเทศไทย"เลยจริงๆ
นักเรียนไทยส่วนใหญ่จะทำตัวเหมือนเด็กงอมืองอเท้า
แล้วก็รอคุณครูมาป้อนอาหาร
เราคงเคยชินกับการที่มีคนป้อนข้าวตั้งแต่เด็กๆ
เลยหาความรู้กันเองไม่ค่อยเป็น

ระบบการศึกษาแบบนี้ไม่ได้สอนให้คนคิด
แต่สอนให้นักเรียนจำและทำตาม
ใครทำตามคุณครูได้มากที่สุด คือผู้ชนะ
ใครแตกต่างคือ สอบตก
ลองดูสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากห้องเรียนซิครับ
เราไม่ได้เรียนรู้อะไรมากกว่าในตำราเรียนเลย
เราไม่ได้คิดสร้างสรรค์อะไรของเราเองเลย

ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่
ถ้าเด็กไทยยังคิดอะไรเองไม่เป็น
ประเทศไทยคงไปไหนได้ไม่ไกล

ดังนั้นต้องสอนให้เด็กคิดเองทำเอง
ถูกบ้างผิดบ้างก็ไม่เป็นไร
ปัจจุบันเราไม่ยอมรับความผิดพลาดกัน
ใครทำผิดคือสอบตก
เราเลยไม่กล้าที่จะเริ่มต้นทำสิ่งที่แตกต่าง

ผมไม่ได้ว่ากล่าวคุณch_armyนะครับ อย่าเข้าใจผิด
ผมเพียงแค่บ่นเรื่องระบบการศึกษาของประเทศไทยเท่านั้นเอง
pom เขียน:ความจริงผมติดตามpostนี้มาตั้งแต่ดันปีแล้ว ตอนนั้นราวๆ30กว่าหน้าได้มั๊ง ผมอ่านอยู่เกือบเดือนได้ ตอนนั้นยังพิมพ์ดีดไม่เป็น เลยเอาเปรียบ
อ่านลูกเดียว ได้ประโยชน์มหาศาล รู้ว่าในกระบวนการคนเล่นหุ้นมีกลุ่มคนที่
เสียสละเพื่อผู้อื่นอยู่ไม่ใช่น้อย อีกทั้งกระบวนยุทธของแต่ละจอมยุทธก็ร้ายกาจมิใช่น้อย ความจริงผมจบบัญชี รหัส17รุ่นพี่เสี่ยvib007(เรียกตามเฮีย
ปรัชญา)เยอะแยะ แต่ความรู้เรื่องหุ้นที่vib007มอบให้นี่ช่างมากมายเหลือเกิน
ผมเคยทำงานอยู่ที่scc มา10กว่าปี ใครมีอะไรสนใจสอบถามได้
ยินดีต้อนรับพี่pom
อย่าเรียกผมว่าเสี่ยเลยครับ
ผมแค่พอมีพอกิน ยังไม่เป็นเสี่ย

เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจขอถามเกี่ยวกับ scc เลยแล้วกัน
มีคนบอกว่า scc เป็นบริษัทที่มีความสามารถทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน
แต่มุมมองของผมกลับมองว่า
ถ้าประมาณ 20-30 ปีที่แล้ว
scc อาจจะเป็นบริษัทที่มีความสามารถทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน
แต่ปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนไป
scc เป็นแค่หุ้นวัฏจักรบริษัทหนึ่งในปัจจุบัน


ธุรกิจของscc ประกอบด้วย
ปิโตรเคมี ซึ่งปัจจุบันทำกำไรให้บริษัทมากกว่า 50%
ซึ่งเป็นธุรกิจที่เป็นวัฏจักรอย่างเห็นได้ชัด
บริษัทไม่สามารถควบคุมราคาของผลิตภัณท์ได้
ต้องตามราคาตลาดโลกเพียงอย่างเดียว

ปูนซิเมนต์
ถ้าทีพีไอจัดการเรื่องภายในสำเร็จ
และติดตั้งเครื่องจักรขยายกำลังเสร็จ
อาจจะเกิดสงครามราคาปูนอีกรอบ
ซึ่งเคยเกิดขึ้นและทำให้ปูนใหญ่ย่ำแย่มาแล้ว เมื่อสองปีที่แล้ว

วัสดุก่อสร้าง
ขึ้นกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งไม่ค่อยยั่งยืนในเรื่องของการเติบโต
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย
เป็นลักษณะแห่ทำตามกัน มากกว่าที่จะมีแผนการลงทุนระยะยาว
ดังนั้น ดีมานด์ของวัสดุก่อสร้างจะมีเป็นช่วงๆที่พีคและแฟบลงอย่างรวดเร็ว

กระดาษ
นับว่าปูนใหญ่เป็นผู้ผลิตกระดาษที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
แต่ถ้ามีการเปิดเสรีการค้ามากขึ้น มีการตกลงFTA
จะทำให้กระดาษาราคาถูกจากเมืองนอกเข้ามาถล่มตลาดกระดาษเมืองไทยได้
ผุ้ที่ได้ประโยชน์คือผู้บริโภค
แต่ผู้ผลิตในเมืองไทยต้องสูญเสียการผูกขาดไป

ไม่ทราบว่าพี่pom มีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
และมองว่าในระยะสั้น 1-2 ปีข้างหน้า ปูนใหญ่จะเป็นอย่างไร
และระยะ 5-10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

ขอบคุณครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 05, 2004 11:47 am
โดย chatchai
โรงเรียนอนุบาลสมัยนี้สอนดีขึ้นเยอะครับ

อย่างโรงเรียนที่ลูกผมเรียน มีงานอย่างหนึ่งที่ผมเห็นแล้วชอบมากเลยครับ

ที่โรงเรียนจะสอนเนื้อหาเป็นรายสัปดาห์ โดยให้เด็กๆเสนอหัวข้อที่จะเรียน แล้วก็ให้ลงคะแนนกันครับ

อาทิตย์นั้นก็เรียนเรื่องกระดาษ คุณครูก็จะสอบถามเด็กแต่ละคนว่า เด็กๆคิดว่ากระดาษทำมาจากอะไร และมีวิธีผลิตอย่างไร

ซึ่งลูกผมก็ตอบว่า ทำมาจากไม้ ใบไม้ โดยนำไม้และใบไม้มาทากาวติดกัน โดยมีการใช้ค้อนมาทุบให้แบบเรียบ

ซึ่งคุณครูก็จะไม่บอกว่าผิดหรือถูก แต่ให้เด็กๆกลับไปทำการผลิตตามที่ตัวเองคิดที่บ้าน ได้ผลอย่างไรก็มาเสนอคุณครู แล้วบอกว่าสิ่งที่ได้คืออะไร

หลังจากนั้นคุณครูค่อยสอนวิธีการทำกระดาษ และชนิดของกระดาษครับ

ผมเห็นแล้วชอบมากเลย แถมสอบถามลูกว่าทำไมถึงมีวิธีการผลิตเช่นนั้น ลูกผมก็ตอบได้อย่างมีหลักการครับ ถึงแม้จะผิดก็เถอะ

ผมเลยไมคิดที่จะส่งลูกเข้าโรงเรียนดังๆที่มีเด้กนักเรียนห้องละ 60 คน แต่มีครูคนเดียวเลยครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 05, 2004 1:23 pm
โดย VIB007
สวัสดีครับ พี่Chatchai
ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ

การศึกษาในสมัยหลังๆน่าจะดีขึ้น
ชั้นอนุบาลคงยังไม่ได้ถูกควบคุมจากกระทรวงศึกษามากนัก
จึงมีหลักสูตรดีๆแปลกๆสร้างสรรค์ให้เด็กๆได้เรียนรู้สนุกสนานอยู่

แต่พอชั้นประถมหรือมัธยมแล้วนี่
หลักสูตรจะถูกบังคับจากกระทรวงศึกษา
ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าไหร่
ลูกพี่ชายผมเรียนมัธยมแต่ก็ไม่ค่อยกล้าแตกต่าง
อีกคนเรียนจบมหาลัยแต่ก็ยังคิดอะไรไม่เป็น

ไม่แน่ใจว่าเกิดจากที่บ้านหรือจากโรงเรียน
แต่ที่แน่ๆ โรงเรียนจะวัดคุณภาพเด็กจากด้านเดียว
คือ การทำข้อสอบ
ถ้าทำถูกจะสอบผ่าน
ถ้าทำผืดจะสอบตก
เด็กที่ตกจะกลายเป็นเด็กโง่ในสายตาของระบบการศึกษา

มีระบบการศึกษาที่ไหนไหมครับที่คิดว่าเด็กทุกคนคืออัจฉริยะ
บางคนจะเป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์
บางคนจะเป็นอัจฉริยะทางดนตรี
บางคนจะเป็นอัจฉริยะทางภาษา
บางคนจะเป็นอัจฉริยะทางฯลฯ

แต่ระบบโรงเรียนของไทยเป็นระบบล้าสมัย
มองโรงเรียนเหมือนโรงงาน
เด็กทุกคนออกมาต้องเหมือนกัน
ใครทำข้อสอบเลขตกกลายเป็นไอ้โง่
ซึ่งไม่จริง เด็กคนนั้นอาจจะเป็นนักเขียนที่เก่งที่สุดในโลกก็ได้ ถึงแม้เขาจะคำนวณไม่เป็น

ระบบการศึกษาไทยไม่ได้ดึงเอาส่วนดีของเด็กแต่ละคนออกมา
มีแต่ทำลายความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ
ทำให้เด็กกลัวและไม่มั่นใจในตัวเอง

มีโรงเรียนไหนไหมครับ ทั้งชั้นอนุบาล ประถม มัธยม
ที่คิดว่าเด็กทุกคนคืออัจฉริยะ
และพยายามดึงเอาส่วนที่ดีทีสุดของเขาออกมา
ผมยังไม่เคยเห็นเลย

อาจจะมองโลกในแง่ร้าย
แต่ถ้าระบบการศึกษาเราเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ผมมั่นใจว่า ประเทศไทยจะมีการพัฒนาทางด้านจิตใจและสังคมมากกว่าวันนี้

พี่Chatchai คิดว่ายังไง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 05, 2004 3:05 pm
โดย ch_army
ครับผมเห็นด้วยกับ ที่บ่นการศึกษาไทยมาครับ เพราะการศึกษาแบบนี้ เราจึงได้เด็กที่มีความเป็นอัจฉริยะแต่ ขาดแคลนทักษะทางความคิดและการแสดงออกความคิดของตนเองครับ เพราะว่า ตอนเรียนเราถูกปลูกฝังมาว่าต้องเรียนเก่งทำเกรด 4 ให้ได้จึงจะเป็นเด็กเก่งแบบไม่ต้องสงสัย แต่จริงๆแล้วการศึกษามีบทบาทคือ ให้คนในชาติมีความรู้แล้วนำความรู้มาพัฒนาชาติแต่ความรู้ที่เราได้จากการศึกษาคืออะไรครับ เห็นวัดผลว่าเด็กไทยไม่เก่งอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วจริงเราเคยวัดผลบ้างไหมว่าไอ้ที่สอนๆกันมาเอาไปใช้อย่างไร ผมเห็นด้วยนะครับแบบแนวคิดแบบหาเหตุผลในทุกสิ่งที่ทำแม้มันจะไม่ใช่จิตนาการเท่าที่ควรก็เถอะ คือแทนที่จะให้เด็กเรียนๆไปเรื่อย เช้าเรียนเลข บ่ายสังคม ไทย อังกฤษ วิทยาศาสตร์ แบบที่ผมก็เรียนมาแบบนี้ตอนเด็กๆ ผมว่าโรงเรียนน่าจะมีบทบาทให้เด็กรู้ก่อนว่า เราเรียนไปทำไม พี่รู้ไหมครับผมเองเพิ่งได้ยินอาจารย์ หรือครูพูดว่า "ไอ้เรียนน่ะ เรื่องความรู้สำคัญกว่าเกรดนะ เพราะเกรดเนี่ยมันขึ้นกับดวงด้วย เกิดอ่านมาไม่ตรงล่ะ เกิดป่วย ตอนสอบล่ะ"

ผมเพิ่งได้ยินตอนเรียนจบ ป.ตรีมาแล้วคิดดูซิครับ ผมเรียนแบบที่ครูแทบไม่บอกเลยว่าเราเรียน บทเรียนนี้ไปทำไมตั้งกี่ปี ไม่ว่าถึงครูนะครับ และในมหาวิทยาลัยนั้น ผมเข้าใจว่าความที่แบ่งคณะและวิชาเอกเรียบร้อยแล้วนั้น คงไม่ต้องพูดกันว่าเรียนไปทำไหมเพราะ เราโตแล้วคงพอรู้ว่าเรียนไปทำมาหากิน แต่ตอนเด้ฏไม่เห็นมีใครมาบอกอย่างนี้เลยครับ มีแต่ถ้าอยากเป็นวิศวะ ต้องเก่งอันนี้ ชอบอันนั้น ซึ่งก็ดีนะครับ แต่ไม่ได้บอกว่า วิศวะใช้วิชาเหล่าน้นไปทำอะไร ซึ่งหากรู้ก่อนก็ดีมากเลย (ยกตัวอย่างอะนะครับ)

แล้วเรียนแล้วก็ไปออกข้อสอบมายากๆจะได้คัดเกรดเด็กได้ว่าใครเก่งไม่เก่ง ผมว่าคุณออกข้อสอบมายากก็เท่านั้นหากผมเกิดปว่ยวันสอบก็จบเห่ แถมคุณก็ไม่รู้แค่ว่าผมรู้แค่ไหน รู้อะไรไม่รู้อะไร ไม่เห็นมีครูมาบอกเฉลยเลยว่าผมอ่อนอะไรตรงไหน คุยกันระหว่าง ผู้สอนกับผู้เรียน ขอบอกว่าไม่เคยเลยจริงๆ ยกเว้นเรียนพิเศษแต่คนเราก็ไม่ได้มีโอกาสแบบเดียวกันใช่ไหมครับ ผมเองเห็นชอบกับแนวคิดแบบ เรียนรู้จากการลงมือมากกว่าครับ แต่ต้องมีความรู้เบื้องต้นก่อนพอสมควร ซึ่งอันนี้ผมว่าจะทำให้เด็กต่างจังหวัดที่เคยเสียเปรียบด้านความพร้อม มีโอกาสเรียนร้จากโลกรอบข้างโดยที่มีผู้รู้ชี้แนะไม่ต้องลองผิดลองถูก เองครับ