Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ปรัชญา เขียน:
ผมชักจะทนดูพี่เทพไม่ไหวแล้วครับ
ตอนนั้นเห็น328บาท
เมื่อวานเหลือ288บาท
ทำเงินหายกันหรือเปล่าครับ

สวัสดีครับ พี่ปรัชญา
ตอนต้นปีผมก็นั่งดูพี่เทพร่วงลงจาก 300 เหลือ 230
เป็นการฝึกความอดทนอย่างดีเลยละครับ
เป็นวิต้อง"อึด"มากกว่าคนธรรมดาหลายเท่าครับ
ถ้าผ่านไปได้ก็สบาย
จากนั้นพี่เทพก็ไต่เขาขึ้นมาหาดอยลูกใหม่ที่ 330 เมื่อเร็วๆนี้
แล้วก็ทิ้งให้หลายคนเป็น"ธิดาดอย"คนใหม่ต่อไป

ผมเฉยๆครับ
อยากเห็นสัก 180 ไม่รู้จะได้เห็นหรือเปล่า
ถ้าใครแน่จริงก็ขายมา จะรอซื้อครับ ฮ่า ฮ่า
(เห็นหุ้นตัวเองตกยังหัวเราะได้ บ้าหรือเปล่า)

ที่ตกเพราะ MSCI ลดการลงทุน
เพราะอาจเป็นไปได้จากข่าวที่จะถูกเทนเดอร์จากเฮียปอ
หุ้นก็เลยเข้าทางเฮียปอที่กำลังเก็บหุ้นกันสนุกไปเลย
ผมว่าคงลงไม่มากนักเพราะเฮียแกกำลังอยากให้ลงอยู่พอดี

ปีหน้าจะมีการขายหุ้น Medco ให้กับ Temasec
กำไรจากการขายคงทำให้ผลประกอบการดีขึ้นเล็กน้อย
แต่ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอาจกดดันกำไร
เพราะราคากาซและน้ำมันซื้อขายกันเป็นดอล่าร์

ถ้าใครคิดจะถือยาวสัก 4-5 ปีจนถึง 2551
ก็ไม่ต้องไปกังวลกับราคาที่ลดลงมาแต่อย่างใดครับ
คิดว่าเป็นโอกาสดีที่ราคาลดลง

ผมว่าดีนะครับที่ราคาลง
ถ้ายังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
อาจจะตกลงมาเจ็บกว่าตอนนี้

ของมีขึ้นก็มีลงเป็นเรื่องธรรมดาครับ
เป็นเรื่องธรรมชาติ
ไม่มีอะไรที่ขึ้นแล้วไม่ลง
ดวงอาทิตย์ยังขึ้นตอนเช้าแล้วก็ตกตอนเย็น
น้ำมีขึ้นก็มีลง
แล้วไฉนหุ้นขึ้นแล้วจะไม่ลง

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
....................................สาธุ

ไม่ต้องไปคิดมากครับ พี่ปรัชญา
ลืมว่าถือหุ้นตัวนี้ไปบ้างก็ได้ครับ
จะได้สบายใจ ฮา

กระทู้นี้ผ่าน 80,000 ครั้งไปเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547
ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามกระทู้นี้มาจนข้ามปี
เป้าหมายหนึ่งแสนครั้งคงไม่ไกลเกินฝัน

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ

VIB007 เขียน:
ไม่ต้องไปคิดมากครับ พี่ปรัชญา
ลืมว่าถือหุ้นตัวนี้ไปบ้างก็ได้ครับ
จะได้สบายใจ ฮา

มาถึงทางตัน หลังชนฝา


พูดได้คำเดียว รอซื้อเพิ่ม

ขอบคุณครับคุณวิบูลย์

ปรัชญา เขียน:
มาถึงทางตัน หลังชนฝา

พูดได้คำเดียว รอซื้อเพิ่ม

ขอบคุณครับคุณวิบูลย์

สวัสดีครับพี่ปรัชญา
พอดีเพิ่งมีโอกาสเข้ามาโพส
ตอนนี้อากาศเย็น รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

เรียน VI ทุกท่าน
ผมมีข้อสงสัยอยากเรียนถามดังนี้
ขอยกตัวอย่างหุ้นจริงๆเลยนะครับ
1 ผมเพิ่งมาสนใจ หุ้นมติชน (ยังไม่มี) แต่เนื่องจากปีนี้ต้นทุนกระดาษสูงขึ้น และ บริษัทต้องจ่ายค่าฟ้องร้อง ทำให้กำไรในปีนี้ลดลงมาก ราคาในตลาดก็ลดลงมาพอควร ในกรณีนี้เราประเมิน มูลค่าบริษัทอย่างไร เพราะเราก็ไม่รู้ว่าราคากระดาษจะเพิ่มนานไหม บริษัทก็ทำธุรกิจที่มีโอกาสถูกฟ้องได้อยู่แล้ว และควรใช้งบการเงินปีนี้เข้ามาร่วมประเมินมูลค่าด้วยหรือไม่ (ต้องเรียนว่าผมยังเข้าใจธุรกิจนี้ไม่มาก แต่อยากทราบหลักการครับ)
2 ถ้าผมมีหุ้นมติชนอยู่ก่อนแล้วและคาดเดาล่วงหน้าว่าราคากระดาษสูงขึ้นใน 1-2 ปีนี้ กำไรจะลดลง ราคาหุ้นในตลาดก็จะลดลง ผมควรจะขายหุ้นที่มีอยู่เพื่อทำกำไรแล้ว ไปรอซื้อจำนวนมากตอนที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าดีหรือไม่ หรือควรถือราคาเดิมไว้และ รอซื้อเพิ่มอีก(ซึ่งอาจจะได้ไม่มาก)เมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า
ขอบคุณทุกท่านครับ
ผมอ่านกระทู้นี้ทุกหน้าบางหน้าอ่านถึง 3 รอบ ต้องขอบคุณทุกๆท่านที่เสียสละให้ความรู้ในการลงทุนแก่ผู้อื่นครับ

yuttana3152 เขียน:เรียน VI ทุกท่าน
ผมมีข้อสงสัยอยากเรียนถามดังนี้
ขอยกตัวอย่างหุ้นจริงๆเลยนะครับ
1 ผมเพิ่งมาสนใจ หุ้นมติชน (ยังไม่มี) แต่เนื่องจากปีนี้ต้นทุนกระดาษสูงขึ้น และ บริษัทต้องจ่ายค่าฟ้องร้อง ทำให้กำไรในปีนี้ลดลงมาก ราคาในตลาดก็ลดลงมาพอควร ในกรณีนี้เราประเมิน มูลค่าบริษัทอย่างไร เพราะเราก็ไม่รู้ว่าราคากระดาษจะเพิ่มนานไหม บริษัทก็ทำธุรกิจที่มีโอกาสถูกฟ้องได้อยู่แล้ว และควรใช้งบการเงินปีนี้เข้ามาร่วมประเมินมูลค่าด้วยหรือไม่ (ต้องเรียนว่าผมยังเข้าใจธุรกิจนี้ไม่มาก แต่อยากทราบหลักการครับ)
2 ถ้าผมมีหุ้นมติชนอยู่ก่อนแล้วและคาดเดาล่วงหน้าว่าราคากระดาษสูงขึ้นใน 1-2 ปีนี้ กำไรจะลดลง ราคาหุ้นในตลาดก็จะลดลง ผมควรจะขายหุ้นที่มีอยู่เพื่อทำกำไรแล้ว ไปรอซื้อจำนวนมากตอนที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าดีหรือไม่ หรือควรถือราคาเดิมไว้และ รอซื้อเพิ่มอีก(ซึ่งอาจจะได้ไม่มาก)เมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า
ขอบคุณทุกท่านครับ
ผมอ่านกระทู้นี้ทุกหน้าบางหน้าอ่านถึง 3 รอบ ต้องขอบคุณทุกๆท่านที่เสียสละให้ความรู้ในการลงทุนแก่ผู้อื่นครับ

ตอบข้อหนึ่งในฐานะคนทำงานด้านสื่อมวลชน ต้นทุนกระดาษเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่ทุกที่ที่มีโรงพิมพ์เค้าก็ซื้อกระดาษตุนไว้ก่อนแล้วครับ แต่ตอนนี้ดอลล่าร์ถูกน่าจะเป็นผลดีนะ ส่วนเรื่องโอกาสถูกฟ้องนั้น ภายในมีทีมกฎหมายที่คอยระวังอยู่แล้ว และคนที่โดนคือบรรณาธิการครับ เค้าก็ระวังก่อนเลย ไม่ปล่อยไปง่ายๆครับ อีกอย่างพวกนี้มีประสบการณ์ ไม่ยอมพลาดหรอกครับ ส่วนงบการเงิน ก็ควรคำนวนแบบมองย้อนหลังไปบ้างครับ หาค่าเฉลี่ยจะทำให้ได้ค่าที่สบายใจขึ้น

ส่วนข้อสอง แล้วแต่ครับ เป็นผมจะไม่ขาย ถ้าซื้อครั้งแรกต่ำกว่าที่คิดไว้แล้ว แต่ก็อาจจะขาย ถ้าไม่มีเงินสดรออยู่ และก็ไม่แน่ว่าจะซื้อได้หรือไม่ด้วย เพราตัวนี้สภาพคล่องน้อยนี่ครับ แต่เห็นว่าแตกพาร์แล้ว ไม่รู้ช่วยได้ป่าว

yuttana3152 เขียน:เรียน VI ทุกท่าน
ผมมีข้อสงสัยอยากเรียนถามดังนี้
ขอยกตัวอย่างหุ้นจริงๆเลยนะครับ
1 ผมเพิ่งมาสนใจ หุ้นมติชน (ยังไม่มี) แต่เนื่องจากปีนี้ต้นทุนกระดาษสูงขึ้น และ บริษัทต้องจ่ายค่าฟ้องร้อง ทำให้กำไรในปีนี้ลดลงมาก ราคาในตลาดก็ลดลงมาพอควร ในกรณีนี้เราประเมิน มูลค่าบริษัทอย่างไร เพราะเราก็ไม่รู้ว่าราคากระดาษจะเพิ่มนานไหม บริษัทก็ทำธุรกิจที่มีโอกาสถูกฟ้องได้อยู่แล้ว และควรใช้งบการเงินปีนี้เข้ามาร่วมประเมินมูลค่าด้วยหรือไม่ (ต้องเรียนว่าผมยังเข้าใจธุรกิจนี้ไม่มาก แต่อยากทราบหลักการครับ)

ว่าตามตรง ผมไม่ค่อยรู้เรื่องหุ้นสิ่งพิมพ์นัก
หุ้นมติชนก็เคยดูๆแต่ไม่ได้ดูละเอียด
เท่าที่ทราบก็มีนสพ.มติชน ข่าวสด ประชาชาติ ซึ่งค่อนข้างขายดี
หลักการหามูลค่าหุ้นก็ตามที่คุณได้อ่านไปแล้วคือ
หนึ่ง Reproduction Cost of Asset
สอง Earning Power Value
สาม DCF
การที่กระดาษมีราคาสูงขึ้นและต้องจ่ายค่าฟ้องร้องคงมีผลกับ DCF
และ EPV ของบริษัท
แต่คงไม่ทำให้มูลค่า Asset ของบริษัทลดลงแต่อย่างใด

ดังนั้น เราควรจะเข้าใจในธุรกิจแล้วมองไปข้างหน้าสักสองสามปีว่าจะเป็นอย่างไร
ถ้ามองไม่ออกก็หามูลค่าไม่ได้โดยเฉพาะการหา DCF

ต้นทุนกระดาษคงเป็นต้นทุนหนึ่งที่สำคัญ
ผมไม่ทราบว่าเป็นกี่เปอร์เซนต์ของต้นทุนทั้งหมด
ดังนั้นก็ต้องประมาณรายได้รายจ่ายกำไรและเงินสดของบริษัทไปในอนาคตเท่าที่เราจะทำได้
ถ้าทำได้ใกล้เคียงความจริงเท่าไหร่
ก็หามูลค่าได้ใกล้เคียงขึ้นเท่านั้น

งบการเงินเป็นข้อมูลในอดีต
แต่การลงทุนคือการมองอนาคตครับ
อย่ายึดติดกับอดีตมาก
สิ่งสำคัญคือเรามองอนาคตบริษัทนี้ไปข้างหน้าได้ดีแค่ไหน

yuttana3152 เขียน:2 ถ้าผมมีหุ้นมติชนอยู่ก่อนแล้วและคาดเดาล่วงหน้าว่าราคากระดาษสูงขึ้นใน 1-2 ปีนี้ กำไรจะลดลง ราคาหุ้นในตลาดก็จะลดลง ผมควรจะขายหุ้นที่มีอยู่เพื่อทำกำไรแล้ว ไปรอซื้อจำนวนมากตอนที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าดีหรือไม่ หรือควรถือราคาเดิมไว้และ รอซื้อเพิ่มอีก(ซึ่งอาจจะได้ไม่มาก)เมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า
ขอบคุณทุกท่านครับ
ผมอ่านกระทู้นี้ทุกหน้าบางหน้าอ่านถึง 3 รอบ ต้องขอบคุณทุกๆท่านที่เสียสละให้ความรู้ในการลงทุนแก่ผู้อื่นครับ

การขายหุ้นออกไปก่อนแล้วซื้อกลับทีหลัง
เรียกตามภาษาเทคนิคว่า Short Aginst Port
สามารถทำได้ถ้ารู้จังหวะ
และมั่นใจว่าหุ้นจะราคาลดลง
แต่ส่วนใหญ่จะเก็งผิด คือ ขายหุ้นไปแล้วหุ้นขึ้น ก็มีอยู่บ่อยๆ
ดังนั้น วิธีนี้ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนครับ
ส่วนใหญ่จะอาศัยความไวซะมากกว่า
เพราะถ้าขายแล้ว ราคาหุ้นกลับขึ้นก็ต้องตามไปซื้อในราคาที่สูงขึ้น

ต่างจิตต่างใจครับ
ชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น....ตามอำเภอใจแต่ละคนจริงๆ
คงฟันธงไม่ได้ในกรณีนี้

ขอบคุณ คุณ harry และคุณ วิบูลย์ มากครับ
ผมเคยพบคุณวิบูลย์ที่ TVI meeting ครั้งที่ 2 แต่ไม่มีโอกาสเจอคุณ harry
ขอบคุณอีกครั้ง

ปรัชญา เขียน:ผมชักจะทนดูพี่เทพไม่ไหวแล้วครับ
ตอนนั้นเห็น328บาท
เมื่อวานเหลือ288บาท
ทำเงินหายกันหรือเปล่าครับ

วันนี้ 274 แล้วครับ 8)

yuttana3152 เขียน:ขอบคุณ คุณ harry และคุณ วิบูลย์ มากครับ
ผมเคยพบคุณวิบูลย์ที่ TVI meeting ครั้งที่ 2 แต่ไม่มีโอกาสเจอคุณ harry
ขอบคุณอีกครั้ง

ใช่คุณยุทธนาที่ผมคุยด้วยตอนมีตติ้งหรือเปล่า

Dr.T เขียน:ปรัชญา wrote:
ผมชักจะทนดูพี่เทพไม่ไหวแล้วครับ
ตอนนั้นเห็น328บาท
เมื่อวานเหลือ288บาท
ทำเงินหายกันหรือเปล่าครับ

วันนี้ 274 แล้วครับ

แล้วทำไม Dr.T ถึงต้องทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ้ม 8) ด้วยล่ะ
รู้ไหมว่าพี่ปรัชญาทนดูไม่ไหวจนคันไม้คันมือไปหมดแล้ว
ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ส่วนผมจะรอนั่งดูราคาลงไปเรื่อยๆ
รู้สึกว่าราคากระดานต่างประเทศเหลือแค่ 250 เองนะครับ เท่าที่ทราบ

ผมปล่าวกรุ้มกริ่มน้า.... :lol:
แต่วันนี้เห็นมีเด้งนี่ครับพี่เทพน่ะ ส่วนเฮียปอยังนอนนิ่งอยู่เลย

Dr.T เขียน:ผมปล่าวกรุ้มกริ่มน้า.... :lol:
แต่วันนี้เห็นมีเด้งนี่ครับพี่เทพน่ะ ส่วนเฮียปอยังนอนนิ่งอยู่เลย

Technical Rebound เดาน่ะ
สองวันดัชนีร่วงลงมาเกือบ 20 จุด
ถ้าไม่เด้ง นายตลาดก็ใจดำเกินไปแล้วน่ะครับ

ปีที่แล้วหุ้นขึ้นมากว่า 100 เปอร์เซนต์
เรียกว่า "ภาวะกระทิง"ของแท้แน่นอน

ส่วนปีนี้หุ้นก็แกว่งไปแกว่งมาอย่างนี้จะเป็นปีแล้ว
อยู่ระหว่าง 600 ถึง 690
ต่ำกว่า 600 ก็เด้ง
สูงกว่า 700 ก็โดนทุบ
แบบนี้เขาเรียก"ภาวะหมี"หรือเปล่าครับ

ใครรู้ช่วยตอบที

กระทู้นี้เป็นสุดยอดกระทู้ VI แต่ตอนนี้กำลังคุยด้านเทคนิคของชาว VS สุดยอดเลย จอร์จ :lol: :lol:

harry เขียน:กระทู้นี้เป็นสุดยอดกระทู้ VI แต่ตอนนี้กำลังคุยด้านเทคนิคของชาว VS สุดยอดเลย จอร์จ :lol: :lol:

รู้ไว้บ้างก็ดีครับ
แต่จะใช้หรือไม่ใช้ก็แล้วแต่

ผมเคยถามเพื่อนที่เป็นผู้จัดการกองทุนมูลค่าหลายพันล้าน
ว่า เขาใช้เทคนิคัลในการซื้อขายหุ้นของกองทุนหรือไม่
เขาตอบว่า ไม่ใช้ครับ
แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเขาไม่ชอบพูดเรื่องการลงทุน
อาจะเป็นเพราะการลงทุนเป็นงานในหน้าที่
เลยรู้สึกไม่อยากคุยเรื่องนี้นอกเวลาทำงาน

ถ้าไปตามจอร์จ โซรอส
โซรอสบอกว่า เทคนิคัลอนาไรซิส (Technical Analysis) เป็นเรื่องการนำราคาหุ้นในอดีตมาทำนายราคาหุ้นในอนาคต
โซรอสบอกว่า ไม่เคยเชื่อเรื่องเทคนิคัลเลย
แถมบอกอีกว่า ถ้าคิดว่าข้อมูลในอดีตจะทำนายอนาคตได้
อย่างนั้นปัจจัยพื้นฐานน่าจะมีผลในการทำนายราคาหุ้นมากกว่า

ถ้าไปถามวอร์เรน บัฟเฟตก็ไม่ต้องพูดถึง
บัฟเฟตไม่มีคอมพิวเตอร์ในที่ทำงานสักเครื่องเดียว
แล้วจะใช้เทคนิคัลยังไงเนี่ย
อย่าว่าแต่คอมพิวเตอร์เลย เครื่องคิดเลขบัฟเฟตยังไม่ใช้เลยครับ
ใช้คิดเลขเองในหัวรวมทั้งคิดค่า Intrinsic Value ในอากาศด้วยนะ.....จะบอกให้

ถ้าไปถามปีเตอร์ ลินซ์
ลินซ์คงส่ายหน้า แล้วบอกว่า ไปชอปปิ้งกันเถอะ
ที่ห้างสรรพสินค้ามีบริษัทดีๆน่าลงทุนกว่าที่หน้าจอแน่นอน

เคยมีคนนำปาล์มดูราคาหุ้นออนไลน์มาให้ท่าน ดร.นิเวศน์ ดู
แล้วบอกว่า ราคาไม่กี่หมื่นเอง ดูราคาได้แบบ Realtime เลย
ค่าบริการแค่เดือนละ 900 บาทเองนะครับ
ท่าน ดร.นิเวศน์หยิบไปดูพักนึงแล้วบอกว่า "แพงไปน่ะ"
แล้วก็คืนเจ้าของไป

มีเพื่อนผมแอบไปถามหมอยรรยงค์
ว่าหมอใช้เทคนิคัลอนาไลซิสในการซื้อขายหรือเปล่า
หมอยงค์กระซิบบอกว่า ไม่ได้ใช้

ที่เล่ามานี่ ไม่ได้ยกเมฆครับ
เล่าจากประสบการณ์ให้ฟังเฉยๆ

ใครจะใช้เทคนิคัลหรือไม่ใช้ก็แล้วแต่
ขอฝากสุภาษิตโบราณไว้ประโยคนึงแล้วกันครับ
"รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี"

ดังนั้นไม่ว่า VI หรือ VS
เอาตัวรอดในตลาดหุ้นได้ก็เพียงพอแล้วครับ
อย่าเอาเวลามาทะเลาะกันเลย เสียเวลาเปล่า

โชคดีทุกท่าน สวัสดีปีใหม่ 2548 ครับ

VIB007 เขียน:ต่ำกว่า 600 ก็เด้ง
สูงกว่า 700 ก็โดนทุบ
แบบนี้เขาเรียก"ภาวะหมี"หรือเปล่าครับ

ใครรู้ช่วยตอบที

ไม่รู้ครับ แต่ชอบเดา

เขาเรียก "ภาวะข้างทาง" มังครับ

ผมก็พยายามหัดอ่านกราฟเหมือนกันนะ แต่มันก็มึนๆบ้าง แต่ก็ยังเน้นเรื่องอ่านงบการเงินอยู่เหมือนเดิม

เรื่องกราฟเนี่ย ผมว่าเรียนรู้ง่ายครับ เรื่องการเคลื่อนไหว สัญญาณเทคนิคหรือว่า pattern แต่ว่าที่ยากผมว่าคือการเอามาประยุกต์ใช้ แล้วก็การกำหนดจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของแนวโน้ม ผมอ่านแล้วก็สงสัยมากว่าจะดูยังไงได้

ทดลองใช้บริการหน้าจอตอบด่วนครับ

เห็นแล้วงง จะลองดูว่าใช้ได้หรือเปล่า
สงสัยเฮีย CK มีของเล่นมาใหม่
เขียนโพสได้โดยไม่ต้องกด Post Reply

เยี่ยมจริงๆ

เรื่องหุ้นสิ่งพิมพ์มติชน
ในความรู้อันน้อยนิดของผม
ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องราคากระดาษ
เขาจะซื้อกระดาษ ล่วงหน้าไว้เป็นปีครับ
พอราคากระดาษขึ้นราคา มติชนก็ขึ้นราคาค่าโฆษณารอแล้ว
นี่คือวิธีง่ายๆ เล่นไม่ยาก กับการจองซื้อโฆษณา
เผอิญผมเกี่ยวข้องกับบริษัทโฆษณาอยู่บ้าง
การที่บริษัทโฆษณา เขาจะจองหน้าและพื้นที่ไว้กันหลายบริษัท
จนเต็มกันพวกที่อยากมาโฆษณาเข้ามาแทรก แข่งกับบริษัทที่เขาดูแลรับจ้างทำ
และมติชน ก็มีรายวันหลายหัว รายอาทิตย์ รายสะดวก อื่นๆ

อย่างฟาร์อีสต์ ผมขอยกตัวอย่างแบบง่ายๆ
ที่คุณอ่าน ไทยรัฐ กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก มติชน นสพ.เล่มอื่นๆ
ทีวีพูล แพรว ขวัญเรือน อีกหลายเล่มไม่ขอเอ่ยถึงลองเข้าดูตามแผงหนังสือเองครับ
โฆษณาเต็มหน้า อย่างแลนด์แอนด์เฮ้า พร๊อพเพอร์ตี้เปอร์เพรส
เนเชอร์รัลปาร์ค เอพีซิตี้สมาร์ทและอื่นๆ
เขาซื้อเนื้อที่ กันไว้ล่วงหน้า ใครต้องการลงโฆษณา
ต้องมาจ้างฟาร์อีสต์โฆษณา หรือประกิตที่มีเนื้อที่ไว้รอทุกฉบับ
เพราะลงแบบจ้างลงเองไม่ได้ครับ ต้องผ่านคนกลาง
คนกลางก็กิน%กัน อย่างเต็มหน้าราคา/หน้า2แสนถึง3.5แสนบาท รูปสี
บริษัทโฆษณาก็จะได้17-20% ของค่าจ้างต่อครั้ง(เท่ากับ1วัน)

เหมือนโทรทัศน์ก็เหมือนกัน
ฟาร์อีสต์เขาซื้อเวลาไว้แล้ว
และนำเอาเวลาไปเสนอขายให้สินค้าอื่นๆ
อย่างแป้งพอนด์ ชีเน่ เพี๊ยช โชกุบุสุ มาม่า ฟาร์มเฮ้าส์ คาราบาวแดง
โคโดโมะ แปรงสีฟันซิสเทมม่า กระเบื้องคอตโต้ สินค้าเครือซิเมนต์ไทย เครือสหพัฒน์ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาด อื่นๆ

พวกเราถ้าสนใจธุรกิจหนังสือพิมพ์
ต้องล้วงให้ลึก มียอดขาย มีหนังสือกี่หัว
เรื่องกระดาษแพง เขาผลักภาระไปที่ค่าโฆษณา
หากยังทำได้ไม่ดีพอ ก็คือเอาวิธีขึ้นราคาหนังสือพิมพ์ครับ

ผมคงอธิบายและเปรียบเทียบได้เพียงเท่านี้ เพราะความรู้ผมมีจำกัดครับ

ขอบคุณพี่ปรัชญาครับ
สำหรับข้อมูล

ผมติดต่อกับอเจนซี่โฆษณาอยู่ครับ
เมื่ออาทิตย์แล้วคุยกัน
ปรากฏว่าบริษัทเขาไปเที่ยวประจำปีกัน
ปรากฏว่านั่งเครื่องบินไปเที่ยวภูเก็ตกันทั้งบริษัท
อยู่โรงแรมชั้นหนึ่งอย่างหรู

ส่วนบริษัทผมเวลาเที่ยวประจำปีก็ไป"สวนสามพราน"
ขับรถกันไปเอง ฮ่า ฮ่า

ผมเลยบอกว่า อย่างนี้ต้องลดค่าโฆษณาลงแล้วละมั้ง
รู้สึกบริษัทโฆษณาจะใช้ชีวิตหรูหราจริงๆ
ชั่วโมงนี้ต้องยอมรับเลย
ว่าเขาหาเงินทำกำไรได้มากจริงๆ

ส่วนบริษัทผมก็โดนลดคน ไล่ออกทุกๆสองปี
จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต
ใครอยู่ได้ก็คือพวกอยู่รอด(เดนตาย)
จนชินเสียแล้ว

ในโลกปัจจุบัน ใครคิดว่าบริษัทจะเลี้ยงดูไปจนเกษียณคงต้องผิดหวัง
ต้องทำใจเผื่อไว้โดนไล่ออกสักวัน
เพราะท่านปรมาจารย์ปีเตอร์ ดรักเกอร์บอกว่า
"อายุทำงานของเราจะมีมากกว่าอายุของบริษัทที่เราทำงาน
นั่นคือ สักวันก็ต้องลด เลิก ควบรวมกิจการ ไม่วันไดก็วันหนึ่ง"
พิสูจน์แล้วว่าคำพูดนั้นเป็นความจริง

สวัสดีปีใหม่ครับ พี่ปรัชญาและพี่ๆเพื่อนๆทุกคน

สวัสดีปีใหม่ครับคุณวิบูลย์
บริษัทโฆษณาเขาไม่ได้ทำแค่โฆษณาแค่หนังสือ
ยังทำคัคเอ้าต์ ตามป้าย ตามรถเมล์
สถานีรถไฟฟ้า ป้ายรถเมล์ สนามบิน ฯ
และมีเวลาเช่าสถานีวิทยุอีก ครอบครัวถึงอีเว้นต์มาเก็ตติ้งอีกครับ

เขาลงงบไปดูงานเมืองนอกก็มีครับ
ไปทะเลก็จริงครับ งบเยอะทำงานได้สำเร็จเร็วเกินคาด

ไปสวนสามพานก็สวยนะครับไม่ได้ไป3ปีแล้วครับ
นึกถึงแม่น้ำนครชัยศรี นึกถึงสวนกุหลาบ
นึกถึงศาลาปลาคร๊าฟตัวเท่าปลาช่อน
(ไม่ถึงปลาชอนอเมซอนแค่ปลาช่อนไทย)
ขอให้คุณวิบูลย์มีความสุขเยอะๆ

ผมปีใหม่ปีเก่าก็เท่านั้น
วันแล้ววัน เดือนผ่านปีเท่าที่เห็น
เราก็คง คิดแบบเก่า เช้าถึงเย็น
ยังจำเป็น ค้นคว้าหุ้น ลุ้นหาเงิน

รอพี่เทพขึ้นรอบนี้ทะลุ350บาท หุหุ

ปีนี้พี่เทพคงไม่หนีไปไหนไกล
ปีหน้าผลประกอบการอาจลดลง
อาจได้ซื้อเพิ่มก็ได้ครับ อิ อิ

พี่ปรัชญาเดาว่าปีหน้าตลาดหุ้นจะเป็นยังไง
ปกติ วิไอจะไม่ทำนายตลาดหุ้น
แต่เที่ยวนี้ทายกันเล่นๆ ไม่ซีเรียสครับ
เห็นเฮียศิริวัฒน์แซนวิสเดาว่าเหลือ 500 จุด
ปีนี้แกเดาถูกที่ 600 จุด ตอนนั้นตลาดอยู่ที่ 800 จุด
บางคนบอกจะไป 1000 จุด
เฮียแกเลยคิดว่าแกเดาอะไรคงถูกหมด

พี่ปรัชญาหรือเพื่อนๆ เชื่อหรือเปล่าที่ปีหน้าตลาดจะเหลือ 500 จุดจริงๆ
ขอมุมมองหน่อยครับ

ต้องรอดูผลประกอบการก่อนเดาครับ
หากบริษัทจดทะเบียนเราออกมาดีก็คงไม่ลงเท่าไหร่
แต่ยิ่งมีหุ้นเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดมากๆ ก็จะยิ่งลงลำบากดัชนี

ที่คุณศิริวัตน์คิดนั้น
ผมว่าทั่นคิดว่าลอยตัวน้ำมันดีเซล
คงส่งผลกับอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูง
ตลอดจนถึงต้นทุนการผลิต
จะทำให้การเติบโตของผลกำไรน้อยลง

ก็คุยกันพอสนุกครับ
ผมไม่เชื่อทั่นศิริวัฒน์
เพราะเชื่อ...ผมคงต้องไปขายแซนวิทแล้ว
ผมเชื่อตัวเอง เชื่อหุ้นที่ผมถือ

และคุณวิบูลย์ จะยังเชื่อหรือไม่ว่า...
พี่เทพ ปูนใหญ่ จะเป็นหุ้นอมตะ หุหุ


ต่างชาติลงทุนไปเยอะคงลงลำบากช่วงต้นปี
ผลกระทบลอยตัวน้ำมันกว่าจะเห็นผลผมว่าไตรมาส3-4ของปีหน้าครับ
กอดพี่เทพไว้แน่น

ต่างชาติจะกระชากขึ้นไป และทุบลงมา

เขย่า เขย่า เขย่า

ปรัชญา เขียน:
ก็คุยกันพอสนุกครับ
ผมไม่เชื่อทั่นศิริวัฒน์
เพราะเชื่อ...ผมคงต้องไปขายแซนวิทแล้ว
ผมเชื่อตัวเอง เชื่อหุ้นที่ผมถือ

และคุณวิบูลย์ จะยังเชื่อหรือไม่ว่า...
พี่เทพ ปูนใหญ่ จะเป็นหุ้นอมตะ หุหุ

ผมก็ไม่เชื่อคุณศิริวัฒน์เหมือนกันครับ
ถ้าใครทำนายตลาดหุ้นได้คงรวยเป็นอันดับหนึ่งในโลกแซงบิลเกต

คนส่วนใหญ่
ถ้าทายหุ้นถูกครั้งแรกจะเริ่มมั่นใจ
ถ้าถูกอีกก็จะมั่นใจมาก
ถ้าถูกสามครั้งติดก็จะ Overconfident (ใช้สำนวนตามหนังสือจิตวิทยาการลงทุนของคุณเวป)
จากนั้นก็จะทุ่มซื้อหุ้นไปสุดตัว
แล้วผลที่ออกมาก็.....เจ๊ง

ถ้าตลาดหุ้นเหลือ 500 จุดตามที่เจ้าพ่อแซนวิสทำนายจริง
ผมคงดีใจที่ได้ซื้อหุ้นถูกอีกครั้ง
กลัวแต่จะไม่ลงมาให้ซื้อนะซี้

ส่วนพี่เทพและปูนใหญ่คงไม่อมตะมั้งครับ
อยู่ที่ราคาที่ซื้อและช่วงเวลาที่ซื้อมากกว่า
ผมยังยืนยันว่า
"บริษัทที่ดีอาจจะไม่ใช่การลงทุนที่ดีก็ได้"ครับ

อ้อ วันก่อนไปเจอคุณ Invisible Hand
ต้องบอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่อนาคตไกล
นับว่าเป็นหนึ่งในยุทธภพ
พูดคุยด้วยแล้วได้ความรู้มากๆครับ
ต้องขอบคุณคุณ Invisible Hand สำหรับเรื่องราวดีๆที่น่าสนใจ
ว่างๆแวะเข้ามาคุยกันในนี้บ้างนะครับ
ขอเชิญเป็นแขกรับเชิญตอบในกระทู้ตระแกรงร่อนเป็นวิทยาทานให้สมาชิกแถวๆนี้(รวมตัวผมด้วย)

สวัสดีครับ

สวัสดีปีใหม่ครับแฟนๆ พักนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาฝาก ขอจำศีลไปก่อนละกัน

ได้หนังสือมาจากคุณWEBหลายเล่ม แกบอกว่าว่างๆก็อ่านเสียให้หมด ตอนนี้ก็ตั้งสูงเต็มโต๊ะไปหมด จนเมียบอกว่าจะเอาไปต้มให้กินแทนข้าวแล้ว

นึกว่าเฮีย Mon หายไปไหน
ที่แท้ก็จำศีลหน้าหนาวนี่เอง
ผมก็ได้หนังสือมาจากคุณWEBหลายเล่มเหมือนกัน
ปีใหม่คงนอนอ่านอย่างมีความสุข
ภรรยาผมบอกว่าให้อ่านเยอะๆได้แต่มีข้อแม้เดียว"ห้ามขาดทุนหุ้น"
ก็เข้าทางผมพอดี
ว่างๆจะไปกินตำราVIจิ้มกะปิที่บ้านนะครับ คุณMon อิ อิ

ส่วนงานมีตติ้งจัดไปถึงไหนไม่ทราบได้ แต่จะชวนคุณ IH มาแล้วกัน
harryจะได้เจอตัวจริงสมใจ
คุณMon ชวนคุณ IH มาเป็นวิทยากรแทนผมก็ดีนะครับ
ผมจะได้เป็นคนฟังมั่ง (จริงๆกลัวปล่อยไก่)

สวัสดีปีใหม่ครับ

ประกาศโฆษณา
ใครเป็นแฟนของ Jim Roger
หาซื้ออ่านบทสัมภาษณ์ได้ใน Fortune ฉบับล่าสุด
Investor Guide 2005
วางแผงถึง 17 มกราคมนี้
อย่าพลาด

VIB007 เขียน:ประกาศโฆษณา
ใครเป็นแฟนของ Jim Roger
หาซื้ออ่านบทสัมภาษณ์ได้ใน Fortune ฉบับล่าสุด
Investor Guide 2005
วางแผงถึง 17 มกราคมนี้
อย่าพลาด

พักหลังพี่วิบูลย์ พูดถึงเค้าบ่อยนะครับ สงสัยจะติดใจ

ช่วงนี้ผมก็งดแปลหนังสือ กำลังอ่านหนังสืออยู่เหมือนกันครับ เพิ่งได้หนังสือเกี่ยวกับ Anthony Bolton สุดยอด VI ของ UK มาครับ

น่าเสียดาย นึกว่าจะได้อ่านเล่มต่อๆไปเรื่อยๆ

แต่พักบ้างก็ดีครับ สมองจะได้แล่น